รีวิวฉบับที่ 1181 … สวัสดีค่ะ อาทิตย์ก่อนได้มีโอกาสไปเยี่ยมบางแสน เลยนำรีวิวมาฝากแฟนๆ Thinkofliving กัน^^ กับโครงการ The Patio คอนโด บางแสน จาก บางแสนบุรี โครงการตั้งอยู่บนถนนบางแสนสายล่าง ใกล้กับชายหาดวอนนภา หาดบางแสน และมหาวิทยาลัยบูรพา ตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise 7 ชั้น ที่ตอนนี้สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว หน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไรไปชมพร้อมๆกันเลยค่ะ
Fact @ 16 September 2016
- The Patio Condo Bangsaen (เดอะพาทิโอ คอนโด บางแสน)
- Bangsaen Buri
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนนบางแสนสายล่าง อ.เมือง จ.ชลบุรี
- คอนโด Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 155 ยูนิต (ตึก A จำนวน 80 ยูนิต, ตึก B จำนวน 75 ยูนิต)
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 66 คัน หรือคิดเป็น 42% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 1-3-30 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : พ.ค. 2557
- โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ : พ.ค. 2559
- Studio ขนาด 26 – 29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท
- 1 Bedroom ขนาด 30 – 50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.91 ล้านบาท
- 2 Bedrooms ขนาด 73 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 8.83 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 – 2.7 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุดประมาณ 81,000 – 120,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 081-7664996 , 092-4871113-6
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
โครงการ The Patio condo บางแสน ตั้งอยู่บนถนนบางแสนล่างหรือที่คนพื้นที่เรียกกันว่าถนนจรินทร์ โครงการอยู่ห่างจากถนนลงหาดบางแสนประมาณ 500 เมตร จากในแผนที่จะเห็นว่ามี 2 โครงการ คือ Patio บางแสน และ Patio Seaview ซึ่งบางแสนบุรีเปิดตัว 2 โครงการมาไล่เลี่ยกัน แต่สำหรับรีวิวฉบับนี้เราจะไปเจาะลึกที่โครงการ Patio บางแสนกันก่อนนะคะ
ทำเลของโครงการอยู่ต่างจังหวัดที่เหมาะกับการใช้รถส่วนตัวซะมากกว่า ใครไม่ใช้รถยนต์ก็หามอเตอร์ไซค์สักคันก็สะดวกดีไปไหนมาไหนคล่องตัว โดยโครงการตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี บนถนนบางแสนล่าง ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อถนนสำคัญๆสามสาย คือ ถนนลงหาดบางแสน ถนนเนตรดี และถนนสุขุมวิท โดย
- ถนนลงหาดบางแสน หรือที่คนพื้นที่เรียกว่าถนนหน้ามอ เพราะเป็นถนนผ่านหน้า ม.บูรพา บนถนนเส้นนี้ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร มีห้างแหลมทองให้ไปซื้อของกันได้ จากโครงการสามารถใช้เส้นนี้ไปทะลุออกถนนใหญ่สุขุมวิท(ทล.3)ได้ด้วย ด้วยความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวทำให้จราจรบนถนนเส้นนี้หนาแน่นมากกก
- ถนนสุขุมวิท เป็นถนนสายสำคัญที่ใช้วิ่งไปยัง ศรีราชา บางแสน และ กรุงเทพฯ โดยจะเชื่อมกับถนนสำคัญๆ เช่น ถนน แสนสุข – บางพระที่ไปตัดกับถนนเลี่ยงเมืองหนองมน สามารถใช้เส้นทางไปถนนข้าวหลาม และ ไปออกถนนกรุงเทพ-พัทยา (มอเตอร์เวย์ ทล.7) ซึ่งใช้ไปได้ทั้งพัทยา ระยอง จันทบุรี ตราด กรุงเทพ อีกด้วย
- ถนนเนตรดี หรือที่คนพื้นที่เรียกว่าถนนหลังมอ ถนนเส้นนี้จะค่อนข้างเงียบ สภาพแวดล้อมจะเป็นอพาร์ทเม้นท์และเป็นบ้านพักอาศัยซะส่วนใหญ่
- ส่วนถนนอีกเส้นที่สำคัญคือ ถนนข้าวหลาม เป็นถนนตัดใหม่เปิดใช้มาประมาณ 5 ปี เพื่อระบายการความหนาแน่นของถนนลงหาดบางแสน(ถนนหน้ามอ) ไปออกถนนหลักอย่างสุขุมวิท(ทล.3) กับถนนเลี่ยงเมืองหนองมนได้ ซึ่งคนจะนิยมใช้กันมาก และมีทางเชื่อมไปยังถนนกรุงเทพ-พัทยา (มอเตอร์เวย์ ทล.7) ได้เลยค่อนข้างสะดวกดีค่ะ จากโครงการสามารถไปถนนข้ามหลามได้โดย ผ่านถนนบางแสนล่าง หรือจะใช้ถนนลงหาดบางแสนแล้วเลี้ยวเข้าถนนมิตรสัมพันธ์เพื่อไปทะลุถนนข้าวหลามก็ได้ค่ะ
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถ ก็สามารถทำได้แต่อาจจะรอนานหน่อย ไม่สะดวกสบายเหมือนในกรุงเทพฯ โดยจะมีรถสองแถว และ วินมอเตอร์ไซค์บนถนนลงหาดบางแสนและถนนสุขุมวิทค่ะ
ทำเลของโครงการเป็นทำเลที่อยู่ใจกลางบางแสน อยู่กึ่งกลางระหว่างชายหาดวอนนภา-หาดบางแสน และ ม.บูรพา จึงมีทั้งความอุดมสมบูรณ์ที่รอบรั้วมหาวิทยาลัยและความอุดมสมบูรณ์รอบชายหาดให้ไปนั่งพักผ่อนชิวๆได้
หากโฟกัสที่ถนนบางแสนล่างแล้วเป็นถนนที่ค่อนข้างเงียบ ช่วงต้นซอยในระยะ 500 เมตร ก่อนถึงโครงการจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ คอนโด และร้านอาหาร และหลังจากโครงการเป็นต้นไปจะเป็นโซนบ้านพักอาศัยที่ค่อนข้างเงียบ จะมีคึกคักช่วงกลางๆซอยบริเวณทางเข้าโรงเรียนสาธิตพิบูลบำเพ็ญ ที่มีของกินของขายเยอะ โดยโรงเรียนนี้จะมีทางทะลุเข้า ม.บูรพาได้เลย และตัว ม.บูรพาเองจะมีประตูเข้า-ออก มหาลัยถึง 5 ประตู (จุดสีน้ำตาล) ซึ่งสามารถใช้ไปทะลุถนนเส้นอื่นๆได้อีก เช่น ถนนบางแสน 4 สายใต้ ซึ่งเป็นถนนที่คึกคัก มีร้านอาหาร ร้าน Hang out หลากหลาย, ถนนทางลงหากบางแสน(ถนนหน้ามอ) ที่มีห้างแหลมทองและมีของกินของขายช่วงเย็นๆค่อนข้างคึกคัก และถนนเนตรดีหรือถนนหลังมอที่ค่อนข้างเงียบ แต่ใช้ไปทะลุถนนสุขุมวิทและใช้ไปตลาดหนองมนได้
สำหรับใครอยากไปนั่งชิลๆริมหาดก็มีให้เลือกในระยะใกล้ที่สุดคือหาดวอนนภาห่างจากโครงการประมาณ 300 เมตร จะเป็นชายหาดที่เป็นโขดหิน ร้านอาหารส่วนใหญ่จะอยู่ริมถนนตรงข้ามหาดมากกว่า ส่วนใครที่ชอบเดินบนหาดทรายก็แนะนำให้ไปทางหาดบางแสน จะมีร้านอาหารแบบกางร่มพร้อมที่นั่งให้ชิลกันได้ริมหาดเลย
ส่วนใครอยากจะไปห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆหน่อยก็แนะนำให้ขับไปบนถนนสุขุมวิทฝั่งมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ บริเวณที่ตัดกับทางเลี่ยงเมืองชลบุรี จะมีห้างสรรพสินค้าหลากหลายทั้งเซ็นทรัล, ตึกคอม, เทสโก้โลตัส, BigC, Homepro และ Makro วัดที่ใกล้ๆเราก็จะมีวัดบางเป้ง โดยรวมแล้วทำเลนี้อยู่ใกล้โรงเรียน โรงพยาบาล สถานราชการ และสวนสาธารณะครบ
การเดินทางวันนี้เราจะเริ่มจาก Central Plaza ชลบุรี ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้กับทางไปเลี่ยงเมืองชลบุรี โซนนี้จะมีห้างสรรพสินค้าค่อนข้างเยอะเนื่องจากอยู่ใกล้เมืองชลบุรีเก่าที่มีกฏหมายห้ามสร้างศูนย์การค้า ตัวห้างต่างๆจึงเขยิบออกมาอยู่บนถนนสุขุมวิทกันหมดทั้งเซนทรัล Big C, Makro, Lotus ฯลฯ โดยเราจะขับตรงไปเรื่อยๆเพื่อไปดูสองข้างทางบนถนนสุขุมวิท จนเข้าตัวเมืองบางแสนให้เลี้ยวขวาเข้าถนนทางลงหาดบางแสน ตรงไปเรื่อยๆผ่านห้างแหลมทอง ผ่าน ม.บูรพา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนบางแสนล่าง ตรงไปเรื่อยๆประมาณ 500 เมตร ก็จะเจอโครงการอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
เราเริ่มถนนสุขุมวิทบริเวณหน้า Central Plaza ชลบุรี มองตรงไปจะเห็นป้ายทางเลี่ยงเมืองชลบุรีเลี้ยวขวา แต่เราจะตรงไปตามเส้นทางไป อ.ศรีราชานะคะ
ขับมาอีกนิดเราจะเจอทางแยกซ้ายไปทางเลี่ยงเมืองชลบุรี แต่เราจะตรงไปยังบางแสนกัน
ขับมาเรื่อยๆจะเจอ Big C Extra ขนาดใหญ่ ด้านในมี Major Cineplex ด้วย
ไม่ไกลกันก็มี Makro อีกที่
ผ่าน Big C และ Homepro
Index Living mall ก็มีให้มาซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านกันได้
มีตลาดนัดจตุจักร ชลบุรี ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่เปิดวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป
ขับมาเรื่อยๆก็ถึงตัวเมืองบางแสนแล้ว จุดสังเกตคือจะมีสะพานลอยสีน้ำเงิน พร้อมป้าย “ยินดีต้อนรับสู่บางแสน” ที่สะพานลอยมีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปบางแสน และมหาวิทยาลัยบูรพา ให้เตรียมชิดซ้ายไว้นะคะ
จากสะพานลอยมานิดเดียวจะเจอสามแยกที่จะเลี้ยวเข้าชายหาดบางแสน ให้เตรียมชิดขวารอสัญญาณไฟก่อนนะ
ไฟเขียวแล้ว เลี้ยวซ้ายไปบางแสนกันเลยยย
มาถึงตรงนี้เราก็อยู่บนถนนลงหาดบางแสนกันแล้ว ถนนเส้นนี้เป็นถนน 6 เลน ที่ค่อนข้างกว้างและมีความอุดมสมบูรณ์ตลอดสองข้างทาง ช่วงต้นซอยจะมีกาแล็คซี่ที่เป็น Enterment Complex อยู่ทางซ้ายมือ
สภาพแวดล้อมสองข้างทางของถนนลงหาดบางแสนจะเป็นตึกแถว อาคารพาณิชย์ซะเป็นส่วนใหญ่ ใต้ตึกเหล่านี้จะมีร้านค้า ร้านอาหารหลากหลาย บรรยากาศคึกคักตลอดทั้งวันโดยเฉพาะช่วงเย็น
ขับตรงมาเรื่อยๆจะเจอห้างแหลมทอง เป็นห้างเก่าแก่ที่มีการรีโนเวทครั้งใหญ่ไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ทำให้หน้าตาห้างดูใหม่และทันสมัยทีเดียว ช่วงเย็นๆจะมีตลาดขายเสื้อผ้าและอาหารอยู่หน้าห้าง จะมีน้องๆนักศึกษาและคนพื้นที่มาเดินกันเยอะมาก
ใกล้ๆกันจะเป็น ม.บูรพา สถานศึกษาขนาดใหญ่ของบางแสน
ถัดมาเป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งเป็นที่ตั้งของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาด้วย
ขับตรงมาเรื่อยๆจะเจอป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปถนนบางแสนสายล่าง ให้เตรียมชิดซ้ายไว้นะคะ
เลยป้ายมาหน่อยเราจะเจอสามแยก เลี้ยวขวาจะไปถนนบางแสนสาย 2 ที่สามารถไปทะลุถนนข้าวหลามและอ่างศิลาได้
เลยสามแยกมานิด เราก็จะเจอถนนบางแสนล่างหรือคนพื้นที่เรียกว่าถนนจรินทร์ ช่วงต้นซอยค่อนข้างคึกคักมีทั้ง 7/11, ร้านอาหาร, ร้านนวดแผนไทย หากตรงไปจะสามารถไปยังวงเวียนบางแสนเพื่อไปยังหาดบางแสน, หาดวอนนภาได้ แต่เราจะเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าถนนบางแสนล่างกัน
หน้าซอยมีร้านอาหาร จรินทร์ บางแสน เป็นร้านอาหารเก่าแก่ ที่มีเมนูขึ้นชื่อคือฮ้อยจ๊อ น้ำพริกไข่ปู ปลาเก๋าสามรส ทอดมันกุ้ง แฮกิ๋น และปูจ๋า ร้านเปิดตั้งแต่ 17.00 น. – 24.00 น. นะคะ
ถนนบางแสนล่างเป็นถนน 2 เลน ขนาดไม่กว้างมากนัก ช่วงต้นซอยจะมีอพาร์ทเม้นท์และคอนโด 4 – 7 ชั้น สลับไปกับอาคารพาณิชย์และบ้านพักอาศัย
ใต้อพาร์ทเม้นท์และอาคารพาณิชย์เหล่านี้จะมีร้านอาหาร ร้านขายยา ร้านทำผม ร้านกาแฟ ร้านตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันค่อนข้างครบ
ทางซ้ายมือมีร้านกระทะทอง บุฟเฟ่ต์หมูกระทะราคาเบาๆ 160 บาทเท่านั้น
7/11 ก็มีให้มาซื้อของกินของใช้กันได้
ขับมาอีกหน่อยจะเจอร้านบุฟเฟ่ต์ชาบู 369 บาทอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือเป็นร้านก๋วยเตี้ยวต้มยำ และไอติมหม้อไฟยศเส เจ้าดังจาก กทม. มาเปิดที่นี่ด้วย
ใกล้ๆกันเป็นร้านครัวจานโปรด อาหารตามสั่ง ฝั่งตรงข้ามกันเป็นร้าน Six Corner ร้านอาหารนานาชาติ ที่มีทั้งของหวานของคาวให้เลือกกันได้
โดยติดกันจะเป็นโครงการ Patio บางแสน แล้วค่ะ ฝั่งตรงข้ามโครงการจะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ที่เป็นบ้านพักอาศัยค่อนข้างเงียบสงบ
ถัดจากโครงการไปจะเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น ที่มีร้านอาหารตามสั่งร้านเล็กๆให้ไปฝากท้องกันได้สะดวกดี
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยแนวราบ ทั้งบ้านพักอาศัย ตึกแถว และอพาร์ทเม้นท์ 4-8 ชั้นอยู่ช่วงต้นซอย มีร้านค้า ร้านอาหารร้านเล็กๆให้ไปฝากท้องกันได้ในระยะใกล้ โดย
ทิศเหนือ ติดกับบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ ห้องที่อยู่ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจะไม่มีปัญหาเรื่องวิวในระยะประชิด
ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนบางแสนล่าง ซึ่งเป็นถนนหลักของโครงการ ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น
ทิศตะวันตก ติดกับที่ดินเปล่าของบุคคลอื่นซึ่งเป็นที่ดินตาบอด จึงมีการทำประตูทางเข้า-ออกที่ของที่ดินผืนนี้ไว้ให้ คาดว่าในอนาคตน่าจะมีสิ่งปลูกสร้างเกิดขึ้นแน่นอน
ทิศใต้ ติดกับ ถนนภาระจำยอมที่โครงการจะใช้ร่วมกับบ้านพักอาศัยฝั่งตรงข้าม หากจะเข้าภายในอาคารจะต้องผ่านถนนเส้นนี้ก่อนค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ชายหาดวอนนภา ~ 300 เมตร
- ชายหาดบางแสน ~ 850 เมตร
- โรงเรียนสาธิตพิบูลบำเพ็ญ ~ 350 เมตร
- มหาวิทยาลัยบูรพา ~ 700 เมตร
- สำนักงานเทศบาลเมืองแสนสุข ~1.2 กิโลเมตร
- Public Park สวนสาธารณะริมชายหาด ~ 1.4 กิโลเมตร
- ห้างแหลมทอง บางแสน ~ 1.5 กิโลเมตร
- ตลาดหนองมน ~ 3.2 กิโลเมตร
The Patio บางแสน เป็นคอนโด Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร คือตึก A 80 ยูนิต และตึก B 75 ยูนิต รวมเป็น 155 ยูนิต ตัวอาคารออกแบบมาในโทนสีเทา-ขาว ภาพรวมของอาคารดูยึกยักแปลกตา เนื่องจากการยื่นพื้นออกมาจากระเบียงห้องปกติ พร้อมติดตั้งระแนงชั้นเว้นชั้น เพื่อให้ Facade อาคารดูมีลูกเล่นและช่วยในการบังแดดให้อาคารไปในตัวด้วย
โดยตึก A และตึก B นี้จะมีการแยกที่จอดรถ แยก Lobby และแยก Facilities กัน ดังนั้นตัวอาคารจึงมีความหนาแน่นน้อยและเป็นส่วนตัว การแบ่งฟังก์ชั่นของทั้งสองอาคารจะเหมือนกัน คือให้ชั้น 1 เป็นที่จอดรถใต้อาคารทั้งหมด ชั้น 2 เป็นส่วนของ Reception, Lobby และห้องพักอาศัย ตั้งแต่ชั้น 3-6 จะเป็นห้องพักอาศัย และชั้น 7 หรือชั้นดาดฟ้าจะเป็น Facilities หลักที่ประกอบด้วย Fitness, สระว่ายน้ำ และสวน
ตัวโครงการอยู่ติดกับถนนบางแสนล่าง เข้า-ออกโครงการโดยใช้ถนนภาระจำยอมร่วมกับบ้านพักอาศัยข้างเคียง โดยตัวอาคารจะแบ่งเป็น 2 ตึก คือตึก A และ ตึก B ด้านหน้าโครงการจะเป็นพื้นที่ของสำนักงานขายชั่วคราว ในอนาคตอาจจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปนะคะว่าจะเป็นอะไร
พื้นที่ชั้น 1 ทั้งหมดจะเป็นที่จอดรถ โดยที่จอดรถทั้งโครงการรวมอาคาร A และ B มีที่จอดรถ 66 คัน หรือคิดเป็น 42% ไม่รวมจอดซ้อนคัน โดยเมื่อขับรถเข้ามาบนถนนภาระจำยอม ทางเข้าอาคาร A จะอยู่ด้านหน้า ส่วนอาคาร B จะอยู่ด้านหลัง การเดินรถเป็นแบบ Two way ขับรถเข้าไปวนจอดใต้อาคารแล้วก็กลับมาทางเดิม โดยสามารถเข้าอาคารจากโถงลิฟต์ที่ชั้น 1 ได้เลยค่ะ โครงการมีลิฟต์ให้อาคารละ 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 40 : 1 ที่ตึก A และ 38 : 1 ที่ตึก B ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่หนาแน่นน้อยดี
ด้านหน้าอาคารจะเป็นสำนักงานขายชั่วคราว รูปทรงอาคารมีการใช้เหลี่ยมมุมเข้ากันกับตัวโครงการที่อยู่ด้านหลัง ส่วนทางซ้ายมือเป็นถนนภาระจำยอมซึ่งเป็นถนนหลักของโครงการ
เมื่อเข้ามาบนถนนภาระจำยอม พื้นถนนเป็นปูนซีเมนต์ธรรมดา ทางขวามือเป็นป้ายโครงการ The Patio ที่รับสายตาคนที่ขับรถมุ่งหน้าไปยังถนนทางลงหาดบางแสน
โครงการมี 2 อาคารแยกเป็นตึก A และตึก B แยกที่จอดรถ ลิฟต์โดยสาร และ Facilities แยกกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีข้อดีตรงที่ช่วยลดความหนาแน่นในการใช้งานส่วนกลางไปได้มาก ตัวอาคารเป็นโทนสีเทา-ขาว มีการยื่นพื้นและทำระแนงแนวตั้งซึ่งช่วยบังแดดไปในตัวด้วย
ทางเข้าอาคารแบ่งเป็น 2 จุด คือทางขวามือเป็นทางเข้าที่จอดรถใต้อาคาร ส่วนทางซ้ายมือเป็นทางขึ้นอาคารไปยัง Lobby
เข้ามายังที่จอดรถใต้โครงการ ที่ผนังจะมีป้ายบอกตึก A ชัดเจน ซึ่งตึก B ก็มีป้ายแบบนี้เช่นกัน มองตรงไปจะะเป็นห้องพี่ รปภ.
เดินเข้ามาภายในที่จอดรถ ซึ่งโครงการจะมีที่จอดรถรวมให้ทั้งสิ้น 66 คัน หรือคิดเป็น 42% รวมทั้งโครงการ ทางขวามือจะเป็นห้องซ่อมบำรุงและโถงลิฟต์ของอาคาร
โถงลิฟต์ของอาคารจะมีประตูกระจกบานเปิดที่เข้า-ออกโดยการสแกนคีย์การ์ด เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน
ตรงข้ามกันเป็นที่จอดรถซึ่งมีรั้วโครงการติดกับบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น โครงการมีการปลูกไม้พุ่มเป็น Green Wall เพื่อให้เป็น Buffer และช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้ส่วนนึง
ระหว่างที่จอดรถใต้อาคาร A และ B จะมีทางเชื่อมเล็กๆให้สามารถเดินถึงกันได้
โดยที่ทางเข้าหลักของอาคาร B ก็จะเข้าทางถนนภาระจำยอมเหมือนกับอาคาร A หน้าตาอาคารเหมือนกันทุกประการ
ด้านหลังโครงการจะติดกับที่ดินตาบอดของบุคคลอื่น
จากด้านหลังโครงการมองกลับไป จะเห็นบ้านพักอาศัยที่อยู่ติดกับโครงการ เป็นบ้าน 1-2 ชั้น บรรยากาศเงียบสงบ
ส่วนชั้น 2 ของอาคาร B สามารถเข้าได้จากลิฟต์ชั้น 1 และบันได Main Entrance เมื่อเข้ามาจะเจอส่วนของ Reception ที่มี Office นิติบุคคลอยู่ด้านหลัง ข้างๆกันเป็น Lobby โดยตู้จดหมายและห้องน้ำรวมจะไปอยู่ฝั่งตรงข้ามโถงลิฟต์ ส่วนห้องพักอาศัยในชั้นนี้จะมีจำนวน 12 ยูนิต คือ Type A ขนาด 26 ตารางเมตร , B1 ขนาด 36 ตารางเมตร และห้องหัวมุมจะเป็น Type C ขนาด 45 ตารางเมตร ซึ่งใหญ่กว่าของตึก A และติดกับที่ดินว่างเปล่า ไม่มีตึกสูงบังวิวในระยะประชิด
จากตรงนี้เราจะพาขึ้นบันไดซึ่งเป็น Main Entrance ไปยังชั้น 2 ของตึก B กัน
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับ Reception ขนาดใหญ่ ซึ่งคอนโดขนาดเล็กแบบนี้ส่วนใหญ่จะไม่ให้ความสำคัญกับส่วนต้อนรับขนาดนี้ แต่ที่นี่ให้มาค่อนข้างใหญ่ดี เนื่องจากเป็นคอนโดพักอาศัยกึ่งตากอากาศ จึงมีไว้ให้เพื่ออำนวยความสะดวกค่ะ
ข้างๆกันเป็น Lobby ที่บรรยากาศดูเรียบขรึม ตกแต่งโดยเน้นโทนสีดำ-ครีม ตัวโถงค่อนข้างโปร่งเนื่องจากฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร และมีช่องเปิดค่อนข้างกว้างแสงธรรมชาติจึงเข้าได้ดี
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นทางเดินไปสู่ทางเข้าห้องพักชั้น 2 โถงลิฟต์ ตู้จดหมายและห้องน้ำรวม
ตู้จดหมายของโครงการจะเป็นแบบ Built-in ติดผนัง มองตรงไปเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง
ถัดมาทางขวามือสุดเป็นทางเดินไปสู่ห้องพักอาศัยชั้น 2 ที่ต้องมีการสแกนคีย์การ์ดก่อนเข้า ส่วนทางไปโถงลิฟต์จะต้องกดปุ่มเพื่อออก และสแกนคีย์การ์ดเมื่อเข้าตามปกติ โครงการมีลิฟต์ให้อาคารละ 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 40 : 1 ที่ตึก A และ 38 : 1 ที่ตึก B ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่หนาแน่นน้อยดี
ภายในโถงลิฟต์เป็นผนังสแตนเลสและติดกระจกเงามาให้
ตึก B ชั้น 3-5 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด มีการวางผังให้ทางเดินเป็น Double Corridor และมีช่องเปิดที่ปลายอาคารช่วยให้แสงธรรมชาติเข้า โดยห้องพักมีจำนวน 17 ยูนิตต่อชั้นเท่ากัน แต่ตำแหน่งห้องจะไม่เหมือนกัน โดยห้องแปลงกลางจะเป็นห้อง Type A มีจำนวนเยอะที่สุด รองมาก็เป็นห้อง Type B1 ซึ่งมีจำนวน 2 ห้อง ห้องพักที่เด่นที่สุดในชั้นคือห้อง Type C ขนาด 45 ตารางเมตร ซึ่งจะมีที่ตึก B เท่านั้นไม่มีในตึก A โดยห้องนี้เป็นห้องแปลงมุม เห็นวิวทะล เหมาะสำหรับเป็นห้องสำหรับพักผ่อนตากอากาศ
ตึก B ชั้น 6 มีจำนวน 12 ยูนิต ผังของห้องนี้จะไม่ต่างกับชั้น 3-5 แต่จะมีห้องแบบ 2 Bedroom เพิ่มเข้ามา โดยห้องในวงสีเขียวเป็นห้อง Type D ขนาด 65 ตารางเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการและเห็นวิวทะเลด้วย ส่วนห้องวงสีแดงเป็นห้อง Combine แบบขายห้องเปล่า สำหรับคนที่ต้องการตกแต่งห้องเอง
เราขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 6 เพื่อมาดูบรรยากาศภายในอาคารกันนะคะ เมื่อออกจากลิฟต์แล้วจะเจอบันไดหนีไฟอยู่ทางขวามือ
บันไดหนีไฟของโครงการค่อนข้างสว่างเนื่องจากมีหน้าต่างบานใหญ่ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าดี
โถงทางเดินภายในอาคารเป็นโทนขาว-ครีม ที่สุดปลายทางเดินมีหน้าต่างช่วยโถงทางเดินไม่มืดเกินไปในเวลากลางวัน
ขึ้นมาที่ชั้น 7 เมื่อออกมาจากโถงลิฟต์แล้วมองย้อนกลับไป เราจะเจอห้อง Fitness อยู่ข้างๆ
ห้องฟิตเนสของโครงการมีขนาดปานกลาง บรรจุเครื่องออกกำลังกาย 7 เครื่อง พร้อมเสื่อโยคะ บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างโปร่งเนื่องจากเป็นกระจกรอบ สามารถมองวิวทางทิศใต้ ได้ทางเดียว ส่วนวิวทางทิศตะวันออก(ทางขวามือ) จะติดตึก A โครงการจึงทำระเบียงและก่อกำแพงกันสายตาไว้แทน เพื่อความเป็นส่วนตัวของทั้งสองตึก
ภายในห้อง Fitness จะมีห้องน้ำสาธารณะมาให้แยกชายหญิง
บริเวณหน้าห้องติดป้ายระเบียบการใช้ห้อง Fitness ไว้ให้ลูกบ้านรับรู้ร่วมกัน เค้าเปิดให้ใช้บริการ 06.00 น. – 20.00 น. เท่านั้นนะ
เข้ามาภายในห้องน้ำจะมีอ่างล้างหน้าให้ 1 อ่าง ไม่มีกระจกเงาติดมาให้
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ติดตั้งชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower มาให้
เมื่อออกมาจากห้อง Fitness แล้วหันไปอีกฝั่ง เราจะเจอบันไดทางขึ้นไปยังสระว่ายน้ำ
เมื่อขึ้นบันไดมาจะเจอสระว่ายน้ำแยกสระเด็กและผู้ใหญ่ โดยสระผู้ใหญ่จะเป็นรูปทรง Free Form มีขนาดประมาณ 10 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร มีจากุชชี่ในตัว ส่วนสระเด็กมีขนาด 2 x 3 เมตร ลึก 0.6 เมตร
ตัวสระว่ายน้ำใช้ระบบน้ำล้น (Overflow) เมื่อเราว่ายน้ำอยู่ในสระจึงจะได้มุมมองสระว่ายน้ำที่ต่อเนื่องกับทะเลแบบนี้
ข้างๆสระจะมีทางเดินลงไปเดินเล่นรอบๆสระได้ โดยโครงการมีไว้ให้เดินเล่นรอบสระ
เมื่อเดินลงมาเราจะเห็นทางซ้ายมือเป็นส่วนน้ำล้นจากสระว่ายน้ำ ระหว่างเดินอยู่เราจึงได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา พื้นขอบสระและทางเดินเป็นปูนเปลือยทั้งหมด ตัวพื้นผิวไม่มันมากจึงไม่ต้องกลัวลื่นค่ะ ส่วนราวกันตกจะเป็นราวเหล็กโปร่งทั้งหมดทำให้สามารถมองวิวทะเลและวิวอื่นรอบๆโครงการไปด้วย ซึ่งวิวจากบนนี้ถือว่าดีทีเดียว
เราเดินรอบสระมาเรื่อยๆจะมาจบที่โถงทางลงบันไดหนีไฟ ที่มีไว้ตามกฏหมายเผื่อฉุกเฉินเมื่อเกิดเพลิงใหม้ ข้างๆบันไดหนีไฟจะเป็นบันไดขึ้นไปสู่สระว่ายน้ำ
เมื่อเดินขึ้นบันไดมาก็จะเจอสระว่ายน้ำแบบนี้ มองตรงไปเราจะเห็นส่วนของห้องสีเทาๆ ที่เป็นงานระบบ ห้องน้ำ และส่วนอาบน้ำกลางแจ้ง
พื้นที่อาบน้ำกลางแจ้งจะมี Rain Shower ให้จำนวน 2 ชุด พื้นส่วนอาบน้ำเป็นปูนเปลือย เวลาเปียกน้ำแล้วพื้นจะค่อนข้างลื่นต้องระวังกันด้วยนะคะ ตัวพื้นมีการลดระดับเล็กน้อย ข้างๆกันทางซ้ายมือเป็นห้องอาบน้ำแยกชายหญิง อย่างละ 1 ห้อง
เข้ามาภายในห้องน้ำหญิงจะเป็นห้องน้ำโทนสีขาว-ครีม มีส่วนของอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์มาให้เรียบร้อย
จากโซนสระว่ายน้ำ เมื่อเรามองกลับไปก็จะเห็นตึก A ที่มีการจัด Facilities เหมือนกันทุกประการ แต่วิวของตึก B จะเห็นทะเลได้ชัดกว่าตึก A ค่ะ
ดูตัวตึกไปแล้ว เรามาดูวิวจากชั้นดาดฟ้าของตึก B กันบ้าง วิวทางทิศตะวันตก จะได้วิวทะเล บ้านพักอาศัย ร้านอาหาร รีสอร์ทริมหาด รวมทั้งทิวต้นมะพร้าวหน้าหาดที่ตั้งเรียงหน้ากระดานกันเลย
วิวทางทิศใต้ ในระยะใกล้จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ 1-2 ชั้น รวมทั้งรีสอร์ทและร้านอาหารริมหาดที่อยู่ทางขวามือ(ทิศตะวันตกเฉียงใต้) ส่วนถ้ามองไปไกลๆจะเห็นอพาร์ทเม้นท์ คอนโด และโรงแรมที่ค่อนข้างหนาแน่น
วิวทางทิศเหนือ จะเห็นที่พักอาศัยแนวราบในระยะใกล้ คล้ายๆวิวทางทิศใต้ ส่วนระยะไกลจะมองเห็นอพาร์ทเม้นท์และคอนโดหนาแน่นมาก โดยตึกเหล่านี้จะเกาะถนนลงหาดบางแสน(หน้ามอ) ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นท์และคอนโดที่มีขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของนักศึกษา คนทำงานและนักท่องเที่ยว
ส่วนวิวทางทิศตะวันออก จะเห็นตึก A ที่อยู่ติดกันและที่พักอาศัยแนวราบ อพาร์ทเม้นท์ รวมไปถึงตึกเรียนของ ม.บูรพา
ดูอาคาร B กันไปแล้ว มาดูผังของตึก A กันบ้าง ชั้น 2 ของอาคาร A จะเหมือนกับอาคาร B ทุกประการ คือมีส่วนของ Reception ที่มี Office นิติบุคคลอยู่ด้านหลัง ข้างๆกันเป็น Lobby ขนาดใหญ่ ที่มีตู้จดหมายและห้องน้ำรวมอยู่ด้านในด้วย ถัดไปเป็นส่วนของห้องพักอาศัยที่มีจำนวน 12 ยูนิต คือ Type A ขนาด 26 ตารางเมตร, B1 ขนาด 36 ตารางเมตร และห้องหัวมุมเป็น Type B2 ขนาด 38 ตารางเมตร ที่จะจ๊ะเอ๋กับตึก B หน่อยนะ
ชั้น 3-6 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดเหมือนกับตึก B ห้องพักมีจำนวน 17 ยูนิต ต่อชั้น โดยแบ่งเป็นห้อง Type A ขนาด 26 ตารางเมตร เป็นห้องแปลงกลางที่มีมากที่สุด ห้องเหล่านี้จะได้วิวเมืองและไม่มีปัญหาเรื่องวิวในระยะประชิดเพราะติดบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น
สำหรับใครที่ชอบห้องใหญ่แปลงมุม แนะนำห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ Type B2 และ B3 ขนาด 38 ตารางเมตร ที่ติดกับถนนบางแสนล่างจึงไม่โดนตึกสูงบังในระยะประชิด ในขณะที่ห้องแปลงมุมทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่เป็น Type B2 เหมือนกันแต่จะโดนบังวิวจากตึก Aในระยะประชิดค่ะ หรือใครชอบขนาดเล็กลงมาหน่อยก็มีห้อง Type B1 ขนาด 36 ตารางเมตรแปลงกลาง ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ส่วนชั้น 7 ของโครงการจะเป็นชั้น Facilities เหมือนกับอาคาร B ค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบคลอรีน สระผู้ใหญ่ขนาด 10 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร ส่วนสระเด็กขนาด 2 x 3 เมตร ลึก 0.6 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 7 เครื่อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อ 1 อาคาร
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 39 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 40 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 38 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 66 คันคิดเป็น 42% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องพักอาศัยของโครงการจะมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ห้องแบบ Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedroom โดยแบ่งเป็น
- Type A แบบ Studio ขนาด 26 ตารางเมตร (ที่ตึก A, B)
- Type B แบบ 1 Bedroom ขนาด 36 – 38 ตารางเมตร(ที่ตึก A, B)
- Type C แบบ 1 Bedroom ขนาด 43 – 45 ตารางเมตร (เฉพาะที่ตึก B)
- Type D แบบ 2 Bedroom ขนาด 65 – 73 ตารางเมตร (เฉพาะที่ตึก B)
โครงการขายแบบ Fully Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์มาครบ โดยจะพิเศษหน่อยสำหรับห้อง VIP ที่ชั้น 4 และห้องพักชั้น 5 – 6 จะเป็นห้องโปรโมชั่นที่ได้ของตกแต่งห้อง ประกอบด้วย การ Drop ฝ้าเพดาน การซ่อนไฟใต้ฝ้า พร้อมติดตั้งโคมไฟมาให้ รวมทั้งห้องบางยูนิตจะมีโปรโมชั่นพิเศษ จำพวกกระจกเงาติดผนัง, หัวเตียงหุ้มเบาะ เป็นต้น โดยรายละเอียดเหล่านี้สามารถสอบถามเพิ่มเติมกับทางโครงการได้ค่ะ
เริ่มกันที่ห้องแรก Type A กันก่อน ห้องนี้เป็นแบบ Studio ขนาด 26 ตารางเมตร มีการนำส่วน Service อย่างห้องน้ำและห้องครัวมาไว้ด้านในติดกับโถงทางเดิน และให้ส่วนพักผ่อนอย่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนอยู่ด้านหน้าที่ติดกับหน้าต่างห้อง ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าส่วนพักผ่อนได้ดี เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับโถงทางเดินที่โครงการ Built-in ชั้นวางรองเท้า ชุดครัวและเคาน์เตอร์บาร์ ฝั่งตรงข้ามกันเป็นห้องน้ำที่กั้นด้วยประตูกระจกฝ้าบานเลื่อนคู่ ถัดไปเป็นส่วนนั่งเล่นขนาดเล็กๆที่มีโซฟาและชั้นวางทีวีมาให้ โดยส่วนของห้องนั่งเล่นนี้จะเชื่อมต่อกับครัวและเคาน์เตอร์บาร์ สามารถใช้งานร่วมกันได้ดี เช่น คุณ A เตรียมอาหารว่างและเครื่องดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์แล้วยื่นให้คุณ B ที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาได้เลย สะดวกดี ติดกับห้องนั่งเล่นจะเป็นระเบียงที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน
ถัดไปเป็นห้องนอนที่ถูกกั้นด้วยชั้นวางที่วีที่ Built-in มาให้ ช่วยแบ่งพื้นที่ระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่นให้เป็นสัดส่วนไปในตัวด้วย ภายในห้องนอนจะมีเตียง ตู้เสื้อผ้า 2 ตู้ ชั้นวางของ Built-in พร้อมกระจกกลมสีขาวเข้าชุดกันติดไว้ให้เรียบร้อย โดยรวมแล้วห้องนี้เหมาะกับการพักอาศัย 1-2 คน
สรุปเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ : แอร์ โซฟา โต๊ะวางทีวี Built-in เตียง ตู้เสื้อผ้า ชุดครัว ที่มีซิงค์ล้างจานพร้อมเตาและที่ดูดควัน ชั้นวางของ Built-in ในห้องนอนพร้อมกระจกเงาทรงกลม
พื้นห้องยกระดับจากพื้นโถงทางเดินประมาณ 5 มิลลิเมตร ซึ่งมีข้อดีคือเวลาแม่บ้านทำความสะอาดโถงทางเดิน ฝุ่นจะไม่เข้าไปในห้อง พื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มิลลิเมตร มีคิ้วธรณียื่นขึ้นมาเล็กๆเพื่อปิดรอยต่อเรียบร้อยดี
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับโถงทางเดินที่ทางซ้ายมือเป็นพื้นที่ครัวเปิด ส่วนทางขวามือเป็นห้องน้ำ ด้านในเป็นส่วนนั่งเล่นและห้องนอนที่ถูกแบ่งพื้นที่ด้วยตู้วางทีวีแบบ Built-in
มองกลับไปที่ประตูทางเข้า ตรงพื้นหน้าประตูห้องมี Door stop ติดตั้งให้เรียบร้อยเพื่อลดการกระแทกระหว่างประตูกับตู้ Built-in พื้นที่ข้างๆประตูเป็นเคาน์เตอร์บาร์ ครัว และชั้นวางของที่โครงการ Built-in มาให้แบบนี้ครบชุดเลย เดี๋ยวเราจะพาไล่ดูกันทีละจุดนะคะ
ถัดไปก็จะเป็นส่วนของเคาน์เตอร์ครัวจะเห็นว่าโครงการ Built-in ชุดครัวมาให้ถึงฝ้าเพดานแบบนี้เลย เคาน์เตอร์ครัวทั้งด้านบนและด้านล่างมีหน้าบานปิดผิวด้วยเมลามีน ด้านบนมีตู้บานเปิดให้สามารถเก็บของเล็กๆน้อยได้ ส่วนเคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีลิ้นชักใส่ของ มีช่องที่ทำไว้สำหรับวางไมโครเวฟ และพื้นที่ใต้ซิงค์ล้างจาน ที่สามารถเอาไว้เก็บน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก หรือของใช้ในครัวได้ ทางซ้ายมือสุดเป็นช่องวางสำหรับวางตู้เย็นที่ติดตั้งเต้ารับไว้ให้เสียบไฟเรียบร้อย
มือจับตู้เป็นสแตนเลสทรงสี่เหลี่ยม และบานพับเป็นแบบ Soft Closed ทั้งหมด
ข้างๆกันเป็นเคาน์เตอร์บาร์ที่ด้านหน้าปิดผิวด้วยกระจกเงาด้วย ที่ผนังข้างเคาน์เตอร์บาร์มีการติดตั้งเต้ารับไว้ให้เรียบร้อย เผื่อเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าจำพวก เครื่องปิ้งขนมปัง กาน้ำร้อน เครื่องปั่นน้ำผลไม้ เป็นต้น ส่วนที่ผนังด้านบนจะติดตั้งโคมไฟมาให้ 2 ดวง หน้าตาแบบนี้เลย โดยโคมไฟนี้จะมีให้เฉพาะที่ห้องพักชั้น 4 ห้อง VIP และชั้น 5-6 เท่านั้น ส่วนห้องพักอื่นๆตั้งแต่ชั้น 3 ลงไปที่ไม่มีการติดตั้งโคมไฟให้ ราคาก็จะลดหลั่นกันลงมา
ซึ่งเคาน์เตอร์บาร์นี้จะเชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น เป็นการวางฟังก์ชั่นที่ดีเลยนะ เพราะเวลาคนนึงเตรียมอาหารหรือเครื่องดื่มเรียบร้อยก็ยื่นให้เพื่อนที่นั่งอยู่ที่โซฟาได้เลย
ตรงข้ามกันเป็นห้องน้ำ ที่หน้าบานเป็นประตูสำเร็จรูปสีขาวเหมือนประตูหน้าห้อง
พื้นห้องน้ำมีการยกธรณีกั้นไม่ให้น้ำไหลจากห้องน้ำไปเปียกพื้นห้องที่เป็นลามิเนต พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิคลายไม้ มีการปิดรอยต่อพื้นด้วยกระเบื้องและวงกบลามิเนตเรียบร้อยดี
เข้ามาให้ห้องน้ำที่มีการใช้โทนสีครีม-น้ำตาลลายไม้ ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ อ่างล้างหน้าแบบ Built-in ตู้เก็บของมาให้พร้อมกระจกเงาเป็นบานกระจกติดผนังเต็มบาน, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกสำหรับอาบนำ้ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเปิด ความสูงพื้นถึงฝ้าของห้องน้ำจะเหลือ 2.4 เมตร จากความสูงปกติที่ห้องด้านนอก 2.6 และ 2.7 เมตร
ท็อปอ่างล้างหน้าเป็นหินสังเคราะห์ ที่ผนังด้านข้างติดตั้งเต้ารับแบบกันน้ำไว้ให้เผื่อเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น ไดร์เป่าผม ส่วนตู้ด้านล่างเป็นบานเปิด เมื่อเปิดออกมาจะเห็นว่าโครงการติดตั้งระบบน้ำร้อนไว้ให้เรียบร้อย
ข้างๆกันเป็นโถสุขภัณฑ์ของ Kohlor พร้อมสายชำระ แต่ไม่มีที่แขวนกระดาษทิชชู่มาให้นะคะต้องหามาติดเอง แนะนำให้ติดฝั่งอ่างล้างมือจะใช้งานได้สะดวกกว่าติดฝั่งเดียวกับสายชำระ
ถัดไปเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอนที่ถูกแบ่งพื้นที่ด้วยชั้นวางทีวีแบบ Built-in
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน โครงการจะ Drop ฝ้าเพดานมาให้ พร้อมซ่อนไฟ และติดตั้งโคมไฟมาให้แบบนี้เลย เป็นโปรโมชั่นสำหรับห้องชั้น 4 ห้อง VIP และห้องชั้น 5-6 เท่านั้นนะคะ
โครงการให้โซฟาขนาด 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางหน้าตาแบบนี้เลย
ตรงข้ามกันเป็นชั้นวางทีวีที่ Built-in มาให้ถึงฝ้าเพดาน จึงเป็นตัวกั้นพื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนไปในตัว
เมื่อนั่งอยู่ที่โซฟาแล้วดูทีวีก็จะมีมุมมองประมาณนี้ โดยระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 1.9 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 42″ จะเป็นขนาดที่พอดีกับสายตาค่ะ
ถัดไปเป็นส่วนของระเบียง ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน กรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ
ระเบียงมีพื้นที่ประมาณ 2.2 x 0.9 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคลายไม้ ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งทาสีเทา สูงประมาณ 1 เมตร
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นราวระเบียงแบบเข้ามุม จากระเบียงจะมีพื้นยื่นออกไปอีกพร้อมเสาตกแต่งอาคาร โดยโครงการจะวาง CDU ไว้บริเวณพื้นนอกระเบียงด้านหน้าห้องนอน ข้อดีคือการวางแอร์ไว้นอกระเบียงทำให้ระเบียงไม่ร้อนเวลาเปิดแอร์และทำให้สามารถใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่มากขึ้น แต่ข้อเสียคือการวางแอร์ในตำแหน่งนี้จะไปบังวิวของห้องนอน ..ส่วนจะบังอย่างไรเดี๋ยวจะเห็นกันในช่วงท้ายนะคะ
เผื่อใครดูไม่ออกว่า Fin ที่ยื่นออกมาเป็นอย่างไร เราจึงนำรูปจากภายนอกอาคารมาให้ดูว่าพื้นของอาคารที่ยื่นออกมาช่วยตกแต่งให้ Facade ดูมีลูกเล่น ช่วยเป็น Fin บังแดดได้
วิวจากระเบียงของห้องนี้จะเห็นวิวทางทิศเหนือซึ่งเป็นบ้านพักอาศัย อพาร์ทเม้นท์และคอนโดซะส่วนใหญ่
มาถึงส่วนสุดท้ายคือห้องนอน ขนาด 3.4 x 2.7 เมตร ห้องขนาดปานกลางที่โครงการให้เตียง พร้อมตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ที่หัวเตียง 2 ตู้ ตู้วางของติดผนังและกระจกเงาติดผนัง ส่วนผนังข้างเตียงทางซ้ายมือจะเป็นหน้าต่างกระจก ด้านล่างเป็นบาน Fix ส่วนด้านบนเป็นบานเลื่อน ซึ่งน่าเสียดายที่จุดวาง CDU มาอยู่ตรงที่หน้าต่างห้องเต็มๆ ทำให้ทัศนียภาพไม่ค่อยดีนัก จริงๆหากจะวาง CDU ตรงนี้ แนะนำให้ผนังด้านล่างเป็นผนังทึบไปเลยจะดีกว่า
เตียงที่โครงการให้มาเป็นเตียง King Size ขนาด 6 ฟุต ที่ฐานเตียงมีลักษณะโค้งมน ใครชอบเผลอเตะขอบเตียงบ่อยๆก็ไม่ต้องกังวลกันแล้ว 🙂
พื้นที่ปลายเตียงจนถึงชั้นวางทีวีมีขนาดประมาณ 0.45 เมตร เป็นระยะที่ไม่แคบมากนัก เดินผ่านได้สบายๆ
พื้นที่หัวเตียงทางซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ตัวตู้เป็นสีขาว หน้าบานเป็นลูกฟักกระจก ด้านในตู้จะมีราวแขวนผ้าและช่องเก็บของด้านบนให้
ส่วนพื้นที่หัวเตียงทางขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in เหมือนกัน ตัวตู้เป็นสีขาว หน้าบานเป็นลูกฟักกระจกบานเปิดคู่ ด้านในมีราวแขวนผ้า ช่องเก็บของด้านบน รวมทั้งมีลิ้นชักด้านล่างให้ 2 ชั้น เผื่อเก็บผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อย
โดยพื้นที่ข้างเตียงทางฝั่งนี้มีระยะประมาณ 0.75 เมตร เมื่อเปิดลิ้นชักออกมาจะเหลือพื้นที่แค่ 0.15 เมตร ซึ่งเหมาะกับการใช้งานลักษณะที่นั่งอยู่บนเตียงแล้วเปิดลิ้นชักออกมาเพื่อเอาของแบบนี้ก็จะสะดวกที่สุด
จากห้องนอนของห้องตัวอย่างที่ตึก B ทางทิศเหนือ สามารถมองเห็นวิวทะเลได้แบบนี้ด้วยค่ะ
ถัดมาเป็นห้อง Type C ขนาด 45 ตารางเมตร ห้องมีขนาดประมาณ 6.4 x 7.6 เมตร ห้องขนาดค่อนข้างกว้าง พื้นที่ใช้สอยครบ เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาเราจะเจอกับครัวเปิดที่มีการ Built-in เคาน์เตอร์ครัวให้เป็น Pantry ประกอบอาหาร พร้อมชุดโต๊ะนั่งรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ถัดไปเป็นห้องรับแขก ที่โครงการให้โซฟาขนาด 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางและส่วนตกแต่งที่วางทีวี ระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่นจะมีประตูทางออกไประเบียงให้สามารถออกไปนั่งเล่นมองวิวได้ ถัดไปเป็นห้องนอน ที่โครงการจัดเตียงขนาด 6 ฟุตมาให้ นอนได้ 2 คนกำลังดี โดยในห้องมี Walk-in closet ที่ Built-in มาให้พร้อมห้องน้ำในตัวที่สามารถเปิดประตูบานเลื่อนออกไปทะลุห้องนั่งเล่นได้
โดยรวมแล้ว ห้องนี้มีขนาดกว้างดีสำหรับห้องแบบ 1 Bedroom ส่วนการจัดฟังก์ชั่นก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น นอกจากห้องน้ำที่ให้มา 1 ห้อง แต่มีทางเข้าออกได้ 2 ทาง คือทางห้องครัว และห้องนอน ซึ่งมีข้อดีตรงที่เวลามีเพื่อนมาห้องก็สามารถเข้าได้จากทางห้องครัวได้เลย ถือว่าสะดวกและเป็นสัดเป็นส่วนดี
สรุปเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ : แอร์ 2 เครื่อง โซฟา โต๊ะวางทีวี Built-in เตียง ตู้เสื้อผ้า ชุดครัว ที่มีซิงค์ล้างจานพร้อมเตาและที่ดูดควัน โต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ 4 ตัว สำหรับห้อง VIP ชั้น 4 และห้องพักชั้น 5-6 จะมีการ Drop ฝ้าเพดานพร้อมติดตั้งโคมไฟมาให้
พื้นห้องยกระดับจากพื้นโถงทางเดินประมาณ 5 มิลลิเมตร ปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มิลลิเมตร มีคิ้วธรณียื่นขึ้นมาเล็กๆเพื่อปิดรอยต่อรเรียบร้อยดี
เปิดประตูมาจะเจอห้องขนาด 2.90 x 5.80 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร มีการ Drop ฝ้าเพดาน ซ่อนไฟ และติดตั้งโคมไฟมาให้แบบนี้เลย ที่ผนังจะติดวอลเปเปอร์ให้ทั้งหมด สำหรับฟังก์ชั่นในห้องนี้โครงการจัดพื้นที่ให้เป็นครัวเปิด ส่วนรับประทานอาหาร และห้องรับแขกบรรยากาศโดยรวมของห้องจะค่อนข้างโปร่งเนื่องจากห้องนี้เป็นห้องมุม มีหน้าต่างล้อมรอบ ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าดี และที่สำคัญเห็นวิวทะเลด้วย
มองกลับไปที่ประตูทางเข้าจะมี Door Stop ติดตั้งมาให้ที่พื้นเหมือนกับห้องแรก ข้างประตูทางซ้ายมือเป็นครัว Built-in ส่วนทางขวามือเป็นตู้เก็บของ Built-in และห้องน้ำ
ท็อปอ่างล้างหน้าเป็นหินสังเคราะห์ มี Low wall ที่ยื่นออกไปถึงส่วนโถสุขภัณฑ์ให้วางของเล็กๆน้อยๆได้ ที่ผนังทางซ้ายมือติดตั้งเต้ารับแบบกันน้ำไว้ให้เผื่อเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น ไดร์เป่าผม ส่วนตู้ด้านล่างอ่างล้างหน้าเป็นตู้บานเปิด โดยด้านในจะติดตั้งระบบน้ำร้อนไว้ให้เหมือนกับห้องแบบแรกทุกประการ ทางซ้ายมือเป็นโถสุขภัณฑ์ของ Kohlor พร้อมสายชำระ แต่ไม่มีที่แขวนกระดาษทิชชู่มาให้นะคะต้องหามาติดเอง
ฝักบัวสแตนเลสขนาดพอดีมือ
จากห้องนี้จะมีประตูบานเลื่อนที่สามารถทะลุไปยังส่วน Walk-in Closet ในห้องนอนได้ด้วย
ถัดไปเป็นพื้นที่ครัวที่ขนาด 3.8 x 2.8 เมตร โครงการ Built-in ชุดครัวพร้อมโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งมาให้
โครงการให้โต๊ะรับประทานอาหารสีขาว พร้อมเก้าอี้หุ้มเบาะสีน้ำตาลอ่อนแบบนี้เลย เมื่อเราลองนำเก้าอี้ออกมาในระยะนั่ง จะเห็นว่ายังเหลือพื้นที่ด้านหลังเก้าอี้ให้ขยับได้อีกเยอะ สำหรับคนเพื่อนเยอะ มักจะมีเพื่อนๆมากินข้าวด้วยบ่อยๆก็สามารถหาเก้าอี้มาเพิ่มอีก 2 ตัวที่หัวโต๊ะทั้งสองด้าน ก็จะรองรับคนได้ 6 คนสบายๆค่ะ
ท็อปเคาน์เตอร์ครัวประกอบไปด้วยอ่างล้างจานรูปทรงสี่เหลี่ยมของ Mex พร้อมเตาและที่ดูดควัน ตรงผนังเคาน์เตอร์ครัวปิดผิวด้วยกระเบื้องโมเสก ที่สามารถทำความสะอาดคราบสกปรกขณะล้างจานหรือทำอาหารได้ดี
ที่ผนังด้านหนึ่งของครัวจะติดตั้งหน้าต่างบานใหญ่ที่ด้านล่างเป็นบาน Fix ส่วนด้านบนเป็นบานเลื่อนคู่ ช่วยระบายอากาศและช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าได้ดี ซึ่งระยะจากผนังจนถึงโต๊ะรับประทานอาหารจะเหลือพื้นที่ทางเดินประมาณ 1 เมตร ซึ่งเป็นระยะค่อนข้างกว้างทีเดียว สำหรับใครที่อยากวางตู้เก็บของชิดผนังเพิ่มก็ยังมีที่วางได้นะคะ แต่แนะนำให้วางชิดผนังทึบทางซ้ายมือดีที่สุดจะได้ไม่บังวิว
ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นขนาดประมาณ 3.1 x 2.9 เมตร โครงการให้โซฟาพร้อมโต๊ะกลาง และส่วนตกแต่งผนังที่วางทีวีให้ โดยมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.6 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 55″ จะเป็นขนาดที่พอดีกับสายตาค่ะ
โซฟาที่โครงการให้เป็นสไตล์วินเทจ 2-3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางสีขาวสเปคเดียวกับห้องแบบแรก
ตรงข้ามกันเป็นส่วนตกแต่งผนังจุดวางทีวี โดยโครงการติดตั้งเต้ารับและที่เสียบสายเคเบิลมาให้เรียบร้อย แนะนำให้ติดตั้งทีวีแบบติดผนังจะสะดวกและเหมาะที่สุดค่ะ แต่ถ้าใครอยากใช้เป็นชั้นวางทีวีก็ได้เหมือนกัน แต่ต้องหาสไตล์มา Mix and Match กันดีๆ
บรรยากาศของห้องนี้ค่อนข้างโปร่งเนื่องจากเป็นห้องมุมจึงมีหน้าต่างเข้ามุมบานใหญ่แบบนี้ ช่องเปิดด้านล่างเป็นบาน Fix ส่วนด้านบนเป็นบานเลื่อนคู่ทั้งสองบาน ช่วยให้แสงและลมเข้าดีเวลาเปิดหน้าต่าง
ระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่นจะมีประตูเปิดออกไปสู่ระเบียงได้
มือจับประตูเป็นสแตนเลสแบบก้านโยก มีตัวล็อกแบบ 2 ชั้นอยู่ด้านล่าง
โดยเมื่อเดินมาที่มุมสุดของระเบียง ทางซ้ายมือจะเห็นหน้าต่างของห้องนั่งเล่น ส่วนทางขวามือจะเห็นพื้นที่ยื่นออกไปจากระเบียงและมีเสาตกแต่ง Facade เหมือนห้อง Type แรก
วิวจากห้องตัวอย่าง ที่ตึก B ตำแหน่งมุม ทางทิศตะวันตก จะเห็นบ้านพักอาศัย รีสอร์ทเลียบชายหาด และได้วิวทะเล
ถัดไปเป็นส่วนของห้องนอน ที่มีประตูเป็นบานสำเร็จรูปสีขาว ความสูงของประตูจะต่ำกว่าประตูห้องน้ำเล็กน้อยเนื่องจากติดแอร์ด้านบน
เข้ามาในห้องนอนขนาดประมาณ 3.5 x 3.1 เมตร ที่โครงการแถมเตียง King Size ขนาด 6 ฟุตมาให้ ส่วนตกแต่งหัวเตียงจะตกแต่งให้เป็นบางห้อง สามารถสอบถามกับทางโครงการได้ค่ะ ผนังทางขวามือติดตั้งหน้าต่างกระจกเต็มบานมาให้ ด้านนอกยังคงเห็น CDU เหมือนกับห้องแรกเลย
ที่ผนังปลายเตียงติดตั้งชั้นวางทีวี Built-in มาให้ทั้งด้านล่างและด้านบน พร้อมเต้ารับและที่เสียบสายเคเบิล โดยระยะจากปลายเตียงถึงตู้มีขนาดประมาณ 0.57 เมตร
เมื่อเปิดตู้ออกมาแล้วก็ยังเหลือระยะประมาณ 0.30 เมตร
ถัดไปเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ที่อยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ ที่โครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งมาให้เรียบร้อย
ภายในจะเป็นพื้นที่แต่งตัวที่มีทางเดินกว้างประมาณ 0.8 เมตร ด้านขวามือเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้า ที่มีราวแขวนผ้า ลิ้นชักใส่ของด้านล่างและที่วางของชั้นบนให้ มองตรงไปจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่ Built-in กระจกเงาพร้อมลิ้นชักใส่ของมาให้ ส่วนทางซ้ายมือเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ
โดยเมื่อเข้าห้องน้ำจาก Walk-in Closet ก็จะสามารถไปทะลุห้องครัวและห้องนั่งเล่นได้
เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอส่วนของห้องครัว ส่วนรับประทานอาหารและ Living room ที่เชื่อมต่อกับระเบียงที่กั้นด้วยประตูกระจกเต็มบาน สามารถมองวิวได้จาก Living room เลย ส่วนทางขวามือจะเป็นห้องน้ำและห้องนอนค่ะ
ห้อง Type D แบบ 2 Bedroom ขนาด 65 ตารางเมตร เป็นห้องที่มีอยู่เฉพาะตึก B เท่านั้น โดยจุดเด่นของห้องนี้คือเป็นห้องที่อยู่ชั้น 6 ของตึก B ที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโครงการ ในตำแหน่งมุมที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้ เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอครัว ส่วนรับประทานอาหารและ Living room ที่เชื่อมต่อกับระเบียง ข้างๆกันเป็นห้องน้ำ ห้องนอนเล็ก และห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำให้ในตัว สะดวกดี โดยรวมแล้วฟังก์ชั่นในห้องนี้จะเป็นลักษณะโครงการตากอากาศ ที่ผลักให้ส่วน Service อย่างห้องน้ำ ห้องครัว มาอยู่ติดโถงทางเดินของอาคาร และให้ส่วนรับประทานอาหาร Living room และห้องนอนทั้งสองห้องมีหน้าต่างกว้าง เพื่อให้ Take View ได้ทุกห้อง โดยห้องที่ได้วิวดีที่สุดคือ Living room ที่อยู่ในตำแหน่งมุม สามารถเห็นวิวทะเลได้ชัดมาก
บรรยากาศภายในส่วนรับประทานอาหารและ Living room ที่เป็นห้องมุม มีช่องเปิดกว้างและสามารถเห็นวิวทะเลได้ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @16 September 2016
- ห้อง Studio Type A อาคาร A ชั้น 3 ขนาด 26 ตารางเมตร ราคา 2.38 ล้านบาท หรือประมาณ 91,538 บาท/ตารางเมตร
- ห้อง Studio Type A อาคาร B ชั้น 6 ขนาด 26 ตารางเมตร ราคา 2.73 ล้านบาท หรือประมาณ 105,000 บาท/ตารางเมตร
- ห้อง 1 Bedroom Type B อาคาร A ชั้น 6 ขนาด 36 ตารางเมตร ราคา 3.58 ล้านบาท หรือประมาณ 99,444 บาท/ตารางเมตร
- ห้อง 1 Bedroom Type B อาคาร B ชั้น 2 ขนาด 36 ตารางเมตร ราคา 2.91 ล้านบาท หรือประมาณ 80,833 บาท/ตารางเมตร.
- ห้อง 1 Bedroom Type C อาคาร B ชั้น 3 ขนาด 43 ตารางเมตร ราคา 3.86 ล้านบาท หรือประมาณ 89,767 บาท/ตารางเมตร’
- ห้อง 1 Bedroom Type C อาคาร B ชั้น 4 ขนาด 43 ตารางเมตร ราคา 4.23 ล้านบาท หรือประมาณ 98,372 บาท/ตารางเมตร
- ห้อง 2 Bedroom Type D อาคาร B ชั้น 6 ขนาด 73 ตารางเมตร ราคา 8.83 ล้านบาท หรือประมาณ 120,958 บาท/ตารางเมตร
- Fully Furnished
- ฝ้าเพดานสูง 2.7, 2.6 และ 2.4เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 40,000บาท
- ค่ากองทุน 400 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 40 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ Patio บางแสน ตั้งอยู่ใจกลางบางแสน ใกล้ชายหาดวอนนภา หาดบางแสนและแหล่งการศึกษาอย่าง ม.บูรพา ที่สภาพแวดล้อมค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ ที่นี่จึงเป็นคอนโดที่อยู่ตรงกลางระหว่างคอนโดตากอากาศและคอนโดสำหรับการพักอาศัย โดยคอนโดใกล้เคียงส่วนใหญ่จะเป็น Local Developer ที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าเป็นนักศึกษามากกว่า ในขณะที่ Patio จะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน เช่น บุคลากรในโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือคนทำงานทั่วไปในย่านนี้ ส่วนคนที่ต้องการคอนโดตากอากาศที่นี่จะเน้นการเดินทางที่ใกล้กรุงเทพฯขับรถประมาณชั่วโมงเศษๆก็ถึง ชอบบรรยากาศที่เงียบสงบไม่พลุกพล่านเหมือนโซนพัทยา มองหาคอนโดพร้อมอยู่แบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย
ตัวโครงการอยู่บนถนนบางแสนล่าง ซึ่งเป็นถนนที่เงียบสงบ สภาพแวดล้อมรอบๆจะเป็นที่พักอาศัยซะเป็นส่วนใหญ่ โดยความอุดมสมบูรณ์หลักๆจะแบ่งออกเป็นสองโซน คือโซนชายหาดบางแสน-หาดวอนนภา ที่มีร้านอาหารริมหาดให้ไปนั่งชิลกันได้ อีกโซนจะเป็นรอบๆมหาวิทยาลัย ที่บริเวณหน้ามอจะมีห้างแหลมทอง มีตลาดตอนเย็น และมีร้านอาหารหลากหลายมาก ส่วนใครอยาก Hang out ก็ไปบนถนนบางแสนสาย 4 ใต้ จะมีร้านอาหาร ร้านนั่งชิลค่อนข้างคึกคัก ส่วนตลาดใหญ่ๆก็มีตลาดหนองมน ที่เป็นตลาดสด และใกล้ๆกันยังเป็นแหล่งขายข้าวหลามที่เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ด้วย ส่วนห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆจะกระจุกตัวอยู่บนถนนสุขุมวิทช่วงบรรจบกับทางเลี่ยงเมืองชลบุรี จะมีเซ็นทรัล บิ๊กซี ตึกคอม แมคโคร โลตัส Homepro ให้ไปซื้อของเข้าบ้านกันได้
การเดินทางโดยใช้รถค่อนข้างสะดวก เพราะถนนบางแสนล่างเป็นถนนที่เชื่อมกับถนนเส้นหลักๆอย่างถนนทางลงหาดบางแสน(หน้ามอ) , ถนนเนตรดี(หลังมอ) และถนนสุขุมวิทได้ เนื่องจากย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์สูงทำให้การจราจรค่อนข้างติดขัดในบางช่วงเวลาโดยเฉพาะถนนลงหาดบางแสน แต่เราสามารถใช้ทางลัดที่ใกล้ที่สุด คือเข้าโรงเรียนสาธิตพิบูลบำเพ็ญเพื่อทะลุ ม.บูรพา ที่มีประตูถึง 5 ประตูไปยังถนนเส้นต่างๆ ก็จะเป็นทางเลือกที่ช่วยเลี่ยงรถติดได้อีกทางค่ะ แต่ก็มีช่วงเวลาจำกัดนะเพราะหลัง 3 ทุ่มจะให้เข้าแค่นักศึกษาหรือบุคลากรในมหาวิทยาลัยเท่านั้นค่ะ
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว จะมีรถสาธารณะให้เลือกคือรถสองแถว หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างบนถนนลงหาดบางแสนและถนนสุขุมวิท แต่อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เหมาะสำหรับการใช้รถยนต์ส่วนตัวมากกว่านะคะ แต่ถ้าใครไม่ใช้รถยนต์ก็หามอเตอร์ไซค์สักคันมาใข้แทนก็ได้ถือเป็นทางเลือกที่สะดวกดีเหมือนกันเพราะเส้นทางแถวนี้เหมาะสำหรับการขี่มอเตอร์ไซด์
วัสดุของโครงการนี้ให้มาครบและสเปคค่อนข้างดีต่างจากกลุ่มคอนโดแถวนี้ที่เน้นกลุ่มนักศึกษา โครงการขายแบบ Fully Furnished แบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ประตูให้แบบ Digital Door lock ให้ครัว Built-in พร้อมตู้รองเท้าและเคาน์เตอร์บาร์ ที่ผนังส่วนครัวติดกระเบื้องโมเสกให้ด้วย เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด บานพับตู้เป็นแบบ Soft-Closed ทั้งหมด สุขภัณฑ์ในห้องน้ำได้ของ Kohlor ให้ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower และติดตั้งระบบน้ำร้อนมาด้วย พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นแบบกระจกนิรภัย ในห้องนั่งเล่นให้โซฟา ที่วางทีวี ห้องนอนได้เตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้ใส่ของและกระจกทรงกลมติดผนังสไตล์วินเทจ และติดวอลเปเปอร์ให้ทุกห้อง สำหรับห้อง VIP บางห้องที่ชั้นบนๆจะมีการ Drop ฝ้าเพดาน ซ่อนไฟ พร้อมติดตั้งโคมไฟมาให้ด้วย ซึ่งเราไม่ค่อยเห็นโครงการที่ให้แบบนี้สักเท่าไหร่ สำหรับเรื่องของสไตล์นั้นก็แล้วแต่ความชอบและมุมมองนะคะ แต่โดยรวมถือว่าให้มาครบครันและจัดเต็มดี
การออกแบบโครงการบนพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัดประมาณ 2 งานเศษ ถือว่าทำออกมาได้แปลกกว่าปกตินิดหน่อย มีการใช้ทางเข้าออกที่เป็นถนนภาระจำยอมต้องใช้ร่วมกับบ้านพักอาศัยข้างเคียง ทำให้ตัวโครงการไม่มีรั้วรอบขอบชิดเท่าที่ควร ซึ่งตรงนี้หากใครไม่ซีเรียสก็โอเคนะคะ เพราะอย่างไรโครงการก็มีพี่ รปภ. รักษาความปลอดภัยให้ 24 ชั่วโมง ตัวอาคารออกแบบโดยใช้สีเทา-ขาว มีการยื่นพื้นและติดตั้งระแนงสลับชั้น เพื่อให้เกิดเป็นลูกเล่นของ Facade อาคารและช่วยในการบังแดดให้ในตัว เป็นการสร้างความโดดเด่นให้อาคาร ในขณะเดียวกันก็มีประโยชน์ใช้สอย ถือว่าทำออกมาได้ดี
การจัดวางห้องพักของทั้ง 2 อาคารจะต่างกันนิดหน่อย โดยอาคาร A เป็นอาคารที่อยู่ใกล้ถนนหลักและไม่ค่อยเห็นวิวทะเล ห้องพักส่วนใหญ่จึงเป็นห้องเล็กขนาด 26-38 ตารางเมตร แบบ Studio – 1 Bedroom ในขณะที่ตึก B จะเห็นวิวทะเลได้ชัดกว่า ห้องพักของตึกนี้จึงมีทุกขนาด ตั้งแต่ 26 – 65 ตารางเมตร แบบ Studio – 2 Bedroom โดยทิศที่วิวดีที่สุดคือทางตะวันตกที่มีมุมเห็นทะเลดีกว่าทิศอื่นๆ ดังนั้นห้องหัวมุมทางตะวันตกที่ชั้น 2-5 จึงเน้นห้อง 1 Bedroom ใหญ่ ขนาด 45 ตารางเมตร ในขณะที่ห้องชั้น 6 ที่เห็นวิวทะเลดีที่สุดจะมีทั้งห้องขนาด 45 ตารางเมตร และห้อง 2 Bedroom ขนาด 65 ตารางเมตรให้เลือกด้วย ดังนั้นใครที่อยากอยู่ห้องเห็นวิวทะเลได้ชัดและชอบห้องใหญ่แนะนำให้เลือกที่ตึก B ค่ะ
ส่วนการจัดฟังก์ชันภายในห้องส่วนใหญ่จะวางโซน Service อย่างห้องน้ำและห้องครัวไว้ให้ติดโถงทางเดินอาคาร ส่วนโซนพักผ่อนอย่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะให้ติดกับหน้าต่างอาคารเพื่อให้สามารถมองเห็นวิวได้ ตามสไตล์คอนโดตากอากาศ ข้อเสียอย่างหนึ่งคือทุกห้องจะได้ครัวเปิด ซึ่งหากใครที่ใช้อยู่อาศัยเป็นประจำจะไม่ค่อยเหมาะกับการทำครัวหนักเพราะกลิ่นจะลอยฟุ้งไปทั่วห้อง แต่ห้องแบบนี้จะเหมาะกับคนที่นิยมซื้อกับข้าวกลับมากิน หรือทำอาหารเบาๆมากกว่า จุดเด่นของห้องพักที่นี่คือโครงการให้แบบ Fully Furnished แบบจัดเต็ม ใครที่ชอบคอนโดแบบพร้อมอยู่ มีเฟอร์นิเจอร์ครบ แบบไม่ต้องตกแต่ง ที่นี่น่าจะตอบโจทย์ค่ะ
สาธารณูปโภคของโครงการให้มาครบทั้ง 2 อาคารแบบแยกการใช้งานกันช่วยลดความหนาแน่นในการใช้งานได้ดี Facilities ประกอบด้วย Reception และโถง Lobby ขนาดใหญ่ มี Fitness สระว่ายน้ำและสวนให้ที่ชั้นดาดฟ้า โดยสระผู้ใหญ่ขนาด 10 x 20 เมตร นี้ก็ถือว่าใหญ่ใช้ได้ ส่วนสระเด็กขนาด 2 x 3 เมตรจะเหมาะกับเด็กเล็กนะคะ สำหรับข้อดีของการนำส่วนกลางมาไว้ชั้นดาดฟ้าคือได้วิวมุมสูงและวิวทะเลเต็มๆโดยเฉพาะที่ตึก B ขณะที่คอนโดส่วนใหญ่ในละแวกนี้จะให้ Facilities มาที่ชั้น 1 จึงได้วิวไม่ดีเท่าของที่นี่ค่ะ
Judgement
สำหรับโครงการคอนโดตากอากาศ ทางเราของดเว้นการให้คะแนนนะคะ เนื่องจากเป็นการตัดสินใจที่จะซื้อเอาไว้พักผ่อนหรือลงทุนกับแหล่งนักท่องเที่ยว ซึ่งจะไม่สามารถใช้เกณฑ์ที่เราออกแบบไว้สำหรับความคุ้มค่าในการอยู่อาศัยได้ค่ะ
BOTTOM LINE
The Patio บางแสน เหมาะกับคนที่หาคอนโดตากอากาศใจกลางบางแสน ใกล้ชายหาดชอบความสงบและไม่เน้นติดชายหาด ใกล้ม.บูรพา มองหาคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่แบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ยอมเสียเงินมากหน่อยแลกกับห้องที่ได้เฟอร์นิเจอร์ที่ครบ ไม่ต้องเสียเวลาตกแต่ง เดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก สนใจเนื้อ Product มากกว่าชื่อยี่ห้อ มีงบประมาณระดับ 2.3 – 8.8 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 16,100 – 61,600 บาท/เดือน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )