รีวิวฉบับที่ 1121… สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ Manor สนามบินน้ำ ตอนที่ 2 กันต่อนะคะ หลังจากที่เราพาไปเดินเล่นชมบรรยากาศส่วนอาคาร A และ B กันไปแล้ว ครั้งนี้จะพาไปเดินเล่นกันต่อในส่วนอาคาร C และ D ที่ติดริมแม่น้ำพร้อมไปดู Facilities และห้องตัวอย่างกัน บรรยากาศของโครงการติดริมแม่น้ำนี้จะเป็นอย่างไรไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ
- อ่านรีวิวพาชมตึกเสร็จโครงการ Manor สนามบินน้ำ ตอนที่ 1 : (คลิกที่นี่)
- ชมรายการ คิด.เรื่อง.อยู่ ตอน Manor สนามบินน้ำ : (คลิกที่นี่)
Fact @ 21 June 2016
- Manor Sanambinnam (แมเนอร์ สนามบินน้ำ)
- บริษัท เมเจอร์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS – UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
- คอนโด High Rise 4 อาคาร จำนวนทั้งหมด 1,848 ยูนิต และร้านค้า 9 ยูนิต
- อาคาร A และ B สูง 25 ชั้น
- อาคาร C และ D สูง 35 ชั้น
- อาคาร A 24 ยูนิต
- อาคาร B 24 ยูนิต
- อาคาร C 13 ยูนิต
- อาคาร D 13 ยูนิต
- อาคาร A, B วิวแม่น้ำ 66,000 บาท/ตร.ม.
- อาคาร A, B วิวสระว่ายน้ำ 65,000 บาท/ตร.ม.
- อาคาร C, D วิวแม่น้ำ 95,000 บาท/ตร.ม.
- อาคาร C, D วิวสวน 86,500 บาท/ตร.ม.
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
มาเริ่มจาก Master Plan กันอีกทีนึงนะคะ หลังจากที่เราได้อธิบายผังกันไปแล้วในรีวิวตอนที่ 1 สำหรับตอนที่ 2 นี้จะไม่ขอยืดเยื้อ เราจะพาไปเดินเล่นในโซนอาคารด้านหลังกันบ้าง ซึ่งเป็นโซนของอาคาร C และ D ค่ะ สำหรับโซนด้านหลังนี้กลุ่มลูกค้าก็จะแตกต่างกับกลุ่มลูกค้าอาคาร A และ B อยู่นะคะ สำหรับอาคาร A และ B นั้นจะตอบโจทย์กลุ่มคนที่เน้นทำเลใกล้ที่ทำงานเข้าออกโครงการได้ไม่ไกลได้ Facilities ใหญ่ และอยู่ในราคาที่จับต้องได้ เมื่อราคาถูกก็ต้องแลกกับตำแหน่งอาคารที่ไม่ได้อยู่ติดริมแม่น้ำ หรือได้วิวแม่น้ำชัดเจนเมื่อเทียบกับอาคารโซนด้านหลังที่ติดริมแม่น้ำอย่างอาคาร C และ D ที่กลุ่มลูกค้าจะอยู่ในระดับ Segment ที่สูงขึ้น มีกำลังจ่ายมากขึ้นและต้องการคอนโดแบบติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ และถึงแม้จะเป็นห้องพักในอาคาร C และ D เหมือนกัน แต่ตำแหน่งห้องที่หันหน้าไปคนละฝั่ง อย่างห้องที่หันหน้าเข้าหาสวนและห้องที่หันหน้าออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาก็ยังมีราคาที่ต่างกันนะคะ โดยห้องที่หันเข้าหาสวนอยู่ในราคาเฉลี่ยประมาณ 86,500 บาท/ตร.ม. ส่วนห้องที่หันออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาเองก็ยังมีเรทราคาที่ต่างกันตามคุณภาพวิวที่มองเห็น ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งห้องในชั้นสูงๆ ก็จะมีราคาที่สูงขึ้นไปด้วยโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 95,000 บาท/ตร.ม. ไปจนถึงราคา 124,000 บาท/ตร.ม.ค่ะ
โซนอาคาร C และ D เป็นอาคารที่มีห้องพักอาศัยทั้งหมดตั้งแต่ชั้น 1 – 35 โดยตรงกลางระหว่างอาคารจัดเป็นสนามหญ้าและมีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ รวมทั้งมีศาลานั่งเล่นที่จัดให้มีชุดโซฟานั่งเล่นไว้สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนได้ สำหรับตัวอาคาร C และ D สามารถเข้าได้ทั้ง 2 ทางคือตรงริมอาคารติดถนนภายในโครงการเป็นทางเข้าหลัก และตรงกลางอาคารค่ะ เลยไปด้านหลังเป็น Facilities ใหญ่อีกจุดของโครงการ ซึ่งมี Clubhouse สระว่ายน้ำ และสนามบาสครึ่งสนามค่ะ
เดี๋ยวเราขอพาชมโครงการจาก สวนระหว่างอาคาร C และ D เลยไปจนถึง Facilities ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วค่อยกลับขึ้นไปที่อาคารกันต่อ จากนั้นเราไปดูวิวจากบนอาคารกันค่ะ 🙂
เริ่มต้นจากสวนส่วนกลางที่อยู่ระหว่างอาคาร C และ D กันค่ะ โดยฝั่งที่ติดกับถนนนั้นจะเป็นศาลาที่นั่งใหญ่ตั้งเด่นเชื้อขวนให้นั่งอยู่ด้านหน้าเลย
ภายในศาลาเป็นแบบ Semi-Outdoor มีหลังคาเป็นโครงสร้างถาวรไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝน ภายในจัดชุดโซฟาให้ 2 จุดใหญ่ นั่งชิลรับลมได้สบายค่ะ
ด้านข้างเป็นทางเข้าสู่ Lobby ภายในอาคาร C มีการทำทางลาดให้ด้วยค่ะ สำหรับใครจะขนของเข้ามาภายในห้องก็สามารถขนได้สะดวก สำหรับจุดทางเข้าของอาคาร D จะอยู่ฝั่งตรงข้ามหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ
มองจากศาลานั่งเล่นออกมาจะเห็นสนามหญ้าขนาดใหญ่แบบนี้เลยค่ะ สำหรับสนามหญ้าขนาดใหญ่แบบนี้นอกจากจะมีหน้าที่เป็นวิวพื้นที่สีเขียวให้ลูกบ้านได้ผ่อนคลายสายตาแล้ว ก็ยังเป็นสนามให้เด็กๆ มาวิ่งเล่นได้นะคะ ลักษณะสนามจะถูกลดระดับลงมาหน่อยและล้อมรอบด้วยต้นปาล์มขนาดใหญ่สวยงามดีค่ะ ส่วนกระถางที่ก่อขึ้นมาเพื่อปลูกต้นปาร์มนี้ก็สามารถเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้นะคะ ^^
หันย้อนกลับไปดูศาลาแบบหน้าตรงกันอีกที ลักษณะการตกแต่งออกแบบมาชัดเจนเลยว่าเป็นสไตล์ Classic Colonial สวยงามดีค่ะ
ฝั่งตรงข้ามศาลาใหญ่นั้นก็มีอีกศาลานึงนะคะ แต่มีขนาดเล็กลงมาหน่อยและใช้ระแนงเป็นหลังคา ซึ่งพอกันแดดได้บ้างแต่ไม่สามารถกันฝนได้ค่ะ
ด้านข้างสวนมีทางเดินตรงไปยังทางเข้ารองของอาคารได้ และยาวตรงไปถึงส่วน Facilities อีกจุดที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ
เดินมาตามทางเรื่อยๆ ก็จะเห็นห้องพักของอาคารโซนด้านหลังนี้ที่มีทางเชื่อมเล็กๆ จากส่วนกลางเข้าห้องได้เลย อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าอาคารโซนด้านหลังนี้เริ่มต้นห้องพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึง ชั้น 35 ค่ะ สำหรับห้องพักที่ติดสวนแบบนี้นั้นเหมาะกับคนที่ต้องการใกล้ชิดกับพื้นที่สวน ใช้ Facilities ได้ง่าย รวมไปถึงเหมาะกับกับผู้สูงอายุที่ไม่ต้องการเดินเหินขึ้นลงลิฟต์บ่อยๆ ค่ะ
ตรงกลางอาคารทำเป็นโถงเปิดโล่ง 3 ชั้นแบบนี้ เหมือนแบ่งโซนอาคารเป็น 2 ฝั่งและทำทางเชื่อมให้เรียบร้อย แต่จะแยกโซนแบบนี้เพียง 3 ชั้นเท่านั้นนะคะ ส่วนข้อดีของลูกบ้านในชั้นล่างนี้ก็คือมีประตูด้านข้างทั้ง 2 ด้าน สามารถเข้า-ออกทางนี้ได้ด้วยค่ะ
ประตูสแกนเข้า-ออกสำหรับห้องพักในชั้นล่าง
ขนาดพื้นที่สวนที่ได้ค่อนข้างใหญ่พอสมควร ถูกล้อมรอบด้วยทางเดินขนาดกว้างกำลังดีสามารถใช้เป็น Jogging Track วิ่งออกกำลังกายได้ด้วย
สำหรับสระว่ายน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยานี้มีขนาด 14 x 48 ตร.ม. ระบบเกลือ ถือเป็นสระว่ายน้ำ Outdoor ขนาดใหญ่มีความยาวสระเกือบเทียบเท่า Olympic ไซส์ รองรับจำนวนลูกบ้านได้มากพอสมควรและเป็นสระที่ใช้ออกกำลังกายได้สบายค่ะ
ด้านข้างเป็นจุดล้างตัว ทำพื้นลดระดับลงให้เล็กน้อย
ริมสระเป็นที่วาง Day Bed นอนอาบแดดได้ยาวตลอดความยาวของสระว่ายน้ำ สำหรับมานอนเล่นชิลๆ ริมสระในตอนเช้าหรือตอนเย็น ^^
สุดทางเดินเป็นศาลาอีกจุด ใครอยากจะหลบแดดหน่อยก็เอาเก้าอี้สนามหรือเอา Day Bed มานอนเล่นใต้ศาลาได้ค่ะ และสระว่ายน้ำติดศาลาเป็นส่วนของสระเด็กแยกกับสระผู้ใหญ่โดยการก่อธรณีขึ้นมากั้นแต่ยังเป็นสระเดียวกัน
มุมมองจากสระว่ายน้ำมองไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา
เราไปดู Clubhouse กันต่อค่ะ สำหรับ Clubhouse นี้มี 2 ชั้นอยู่ด้านข้างสระว่ายน้ำ ชั้นล่างเป็น Fitness และห้องน้ำ ส่วนชั้นบนเป็น Lounge นั่งเล่นชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ
ภายในห้อง Fitness มีเครื่องเล่นทั้งหมด 12 เครื่องและมุมเวทอีกหนึ่งจุด รวมทั้งโครงการนี้จะมีห้อง Fitness ทั้งหมด 2 จุดด้วยกันให้ลูกบ้านได้แชร์กันใช้งานค่ะ
บรรยากาศภายในห้อง Fitness โปร่งโล่งดีมาก ได้กระจกตลอดแนวผนังทรงโค้งที่หันไปทางสระว่ายน้ำและแม่น้ำเจ้าพระยา
วิวจาก Fitness ที่เห็นก็จะเป็นสวนด้านหน้าและแม่น้ำเจ้าพระยาแบบนี้ค่ะ
ห้องน้ำแบ่งชาย-หญิง
เข้ามาภายในห้องน้ำเป็นส่วนแต่งตัวและมี Locker เก็บของด้านข้าง
ถัดมาเป็นส่วนอ่างล้างมือ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และห้องอบไอน้ำค่ะ ภายในตกแต่งห้องน้ำได้น่าใช้งานดี
ห้องอบไอน้ำขนาดกระทัดรัด ใช้งานพร้อมกันประมาณ 3-4 คน
ขึ้นมาชั้น 2 ด้วยบันไดเวียนรอบอาคารแบบนี้ค่ะ
ซึ่งในชั้น 2 นี้จะเป็นส่วน Lounge ชมวิวแม่น้ำทั้งชั้น
ภายใน Lounge ตกแต่งสวยงามดีค่ะ และเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้ชัดเจน 180 องศา ด้วยการติดตั้งกระจกตลอดแนวผนังทางโค้ง ภายในวางชุดเก้าอี้โซฟาให้ประมาณ 5-6 ชุด
ผนังด้านหลังตกแต่งหรูหรา คุมโทนด้วยสีครีม-ทอง ติดกับผนังเป็นโต๊ะเคาน์เตอร์เล็กๆ ไว้สำหรับใครจะจัดปาร์ตี้วางอาหาร เครื่องดื่มได้
ออกมาริมระเบียงด้านนอกนี้จะเห็นว่าระเบียงทำออกมาให้กว้างพอสมควรมีพื้นที่ให้เดินและยืนชมวิวได้
วิวจากระเบียงหันไปทางสระว่ายน้ำ
และวิวจากระเบียงหันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศเงียบสงบและลมแรงมากๆ 🙂
ส่วนชั้นบนสุดของ Clubhouse เป็นชั้นดาดฟ้าปกติ ไม่ได้มีฟังก์ชันอะไรนะคะ
แต่เผื่อใครยังไม่จุใจกับวิวจากระเบียง Lounge ละก็ มายืนรับลมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาสุดสายตาบนนี้ได้เลย
ด้านข้างสระว่ายอีกฝั่งนึงเป็นสนามบาสแบบครึ่งสนาม ซึ่งล้อมด้วยรั้วเหล็กสูงเรียบร้อยดีค่ะ สำหรับทางเดินด้านข้างนี้จะเชื่อมไปยังสวนที่อยู่ติดริมแม่น้ำนะคะ เดี๋ยวเราไปดูภายในสนามบาสกันก่อนแล้วไปเดินดูสวนหย่อมริมแม่น้ำกันค่ะ
ภายในเป็นสนามบาสแบบครึ่งสนาม น่าใช้งาน สำหรับสนามบาสแบบครึ่งสนามนี้เหมาะกับการเล่นออกกำลังกายหรือจะจับกลุ่มเล่นแข่งแบบ Street Basketball ได้ค่ะ
จากนั้นเดินตรงมาลัดเลาะสระว่ายน้ำด้านข้างมาเรื่อยๆ
สุดทางเป็นที่ตั้งศาลพระภูมิ
หันมาด้านข้างจะเป็นพื้นที่สวนแบบนี้ค่ะ ซึ่งคั่นระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและสระว่ายน้ำ ระดับของสวนนี้จะต่ำกว่าระดับของสระว่ายน้ำลงมาหน่อย เพื่อให้ส่วนของสระว่ายน้ำมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้มากขึ้นด้วย ส่วนบริเวณสวนนั้นออกแบบ Landscape ได้ดี โดยจัดให้มีพื้นที่สีเขียวผสมผสานกับทางเดินเข้าด้วยกัน เดินเล่นได้เพลินๆ
ด้านข้างปลูกต้นปาล์มตลอดทาง ส่วนอีกด้านเป็นพื้นสนามหญ้า ใครอยากมานั่งเล่นปูเสื่อแถบนี้ก็ได้นะ ชิลดีค่ะ ลมพัดตลอดเวลาเลย
หันกลับไปมองฝั่งอาคารกันบ้าง เป็นโครงการที่ดูใหญ่โตอลังการจริงๆค่ะ
สุดทางเป็นขั้นบันไดขึ้นไปแบบนี้ค่ะ เดี๋ยวด้านบนเป็นอะไรไปดูกัน
ขึ้นมาแล้วจะเจอทางลงออกไปยังทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกกั้นด้วยรั้วเหล็กบานพับ 4 ตอนเล็กๆ
ออกมาบริเวณทางเดินริมแม่น้ำจะเป็นทางเดินคอนกรีตยาวต่อเนื่องไปแบบนี้ค่ะไม่มีรั้วกั้นใดใด เนื่องจากยังไม่ได้ถูกปรับปรุงพื้นที่บริเวณนี้นะคะ ซึ่งทางโครงการจะไม่ได้รับผิดชอบจัดการในเรื่องของทางเดินริมแม่น้ำและท่าเรือให้นะคะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทางนิติบุคคลว่าจะทำท่าเรือเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของลูกบ้านอีกทางนึงหรือไม่ค่ะ
ท่าเรือใกล้ๆ กันเลยคือท่าเรือของกระทรวงพาณิชย์ แต่เราไม่สามารถเดินจากโครงการไปใช้บริการท่าเรือได้
กลับขึ้นมาจะเป็นทางเดินด้านข้างตรงไปเชื่อมกับ Cover Way ที่ยาวจากอาคาร A มาถึงอาคาร D
กลับไปดูอาคาร C กันบ้างนะคะ สำหรับอาคาร C และ D นี้มีผังอาคารหน้าคาเหมือนกันนะคะ เพียงแค่กลับด้านกันเท่านั้น ดังนั้นเราจะขอพาไปชมเฉพาะอาคาร C นะคะ
จาก Lobby เดินตรงเข้ามาก็จะเจอทางเข้าโถงลิฟต์เลย ซึ่งจุดสแกนบัตรนี้จะอยู่ตรงบริเวณโถงลิฟต์ค่ะ ส่วนด้านข้างเป็นอีกจุดสแกนบัตรของห้องพักที่อยู่ในชั้นล่างนี้
ชั้น 2 -3 จะถูกแบ่งอาคารออกเป็น 2 โซน เชื่อมด้วยทางเดินตรงกลางนะคะ เนื่องจากในชั้นล่างบริเวณตรงกลางทำพื้นที่นี้เป็นพื้นที่โล่งค่ะ ในเรื่องของการขึ้น-ลง ของห้องพักที่อยู่โซนติดแม่น้ำเจ้าพระยาก็ยังต้องพึ่งพิงลิฟต์โดยสารจากจุดเดียวกันที่อยู่ริมสุดอาคารอีกฝั่งและไม่มีประตู Double Access กั้นโซนนะคะ ดังนั้นเรื่องของความเป็นส่วนตัวก็จะพอๆ กับชั้นอื่นๆ แต่จะได้เรื่องความหนาแน่นต่อชั้นที่น้อยกว่าชั้นอื่นๆ อยู่ โดยชั้นนี้มีความหนาแน่นต่อชั้นอยู่ที่ 12 ยูนิตค่ะ
ชั้น 4-5 เป็นชั้นทีมีห้องแบบ 1 Bedroom แบบ P ขนาด 30.53 ตร.ม. เป็นส่วนใหญ่โดยจะอยู่ตำแหน่งตรงกลาง ส่วนห้องมุมติดแม่น้ำจะเป็นห้องใหญ่ 2 Bedroom แบบ F ที่มีขนาด 70.97 ตร.ม. มีห้องติดบันไดหนีไฟหันออกไปมุมนอกคือ ห้อง 1 Bedroom แบบ N ที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยใหญ่ 42.62 ตร.ม. และห้องมุมอีกด้านที่ติดกับบันไดหนีไฟได้ความเป็นส่วนตัวดีและไม่ไกลจากโถงลิฟต์ด้วยคือแบบ J ห้อง 1 Bedroom ที่มีขนาด 37.74 ตร.ม. แต่จะเสียหน่อยคือเรื่องของวิวที่ไม่ได้หันออกไปด้านนอกค่ะ สำหรับชั้นนี้มีจำนวนยูนิตสูงสุดของอาคาร C และ D โดยมีทั้งหมด 16 ยูนิตค่ะ ซึ่งในเรื่องของความหนาแน่นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกตินะคะ
ชั้น 6 เป็นชั้นที่มีผังแปลนเหมือนผัง Typical Floor Plan ค่ะ แต่จะพิเศษอยู่หน่อยคือมีทางเชื่อมจากอาคาร A และ B สามารถข้ามไปยังฝั่งอาคารฝั่งตรงข้ามได้เพื่อใช้ส่วน Facilities หลักอีกจุดที่อยู่บนชั้น 6 ของโซนอาคาร A และ B ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน Facilities ของลูกบ้านโซน C และ D ได้มากขึ้น โดยไม่ต้องลงไปชั้นล่างแล้วเดินไปยังอาคาร A หรือ B และขึ้นลิฟต์อีกทีค่ะ ส่วนลูกบ้านที่อยู่ในชั้นนี้ก็จะถูกลดทอนความเป็นส่วนตัวไปบ้างนะคะ เพราะลูกบ้านในอาคารนั้นๆ สามารถขึ้น-ลงมาในชั้นนี้ได้หมด
ทางเชื่อมจากอาคาร B มายังอาคาร C ค่ะ บริเวณประตูทางเชื่อมเข้าอาคาร C จะมีจุดสแกนอีกจุดไว้เพื่อสแกนลูกบ้านจากอาคาร C เข้ามาในอาคารเท่านั้น เนื่องจากทางเชื่อมนี้มีไว้สำหรับอำนวยความสะดวกลูกบ้านในอาคารโซนหลังให้เข้ามาใช้ Facilities ส่วนกลางที่อยู่ตรงกลางระหว่างอาคารโซนหน้า ดังนั้นลูกบ้านของอาคารโซนด้านหน้าจึงไม่มีความจำเป็นต้องเข้ามาในอาคารโซนหลังค่ะ ทั้งนี้ถือเป็นการรักษาความปลอดภัยและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านอาคารโซนหลังได้มากขึ้น ส่วนชั้น 6 ของลูกบ้านอาคารโซนหน้าทั้งอาคาร A และ B จะมี Double Access ให้กั้นบริเวณห้องพักอาศัยให้เรียบร้อยค่ะ
ลักษณะทางเชื่อมจะพาดอยู่ระหว่างตึกแบบนี้ค่ะ
บรรยากาศภายในโถงทางเดินค่อนข้างกว้าง ปูพื้นด้วยแกรนิตโต้เรียบร้อยสวยงาม
ชั้น 7 – 35 เป็นชั้น Typical Floor Plan มีจำนวนยูนิตทั้งชั้น 13 ยูนิต ตำแหน่งห้องและการจัดวางคล้ายคลึงกับชั้น 4-5 มีเปลี่ยนแปลงห้องเล็กน้อยโดยเปลี่ยนห้อง 1 Bedroom แบบ P 2 ห้องเป็น ห้อง 2 Bedroom แบบ H ที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 61.26 ตร.ม. 1 ห้อง ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งตรงกลางเยื้องไปฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในเรื่องของตำแหน่งลิฟต์นั้นอยู่ติดมุมอาคารฝั่งขวาทำให้ห้องฝั่งซ้ายนั้นเดินไกลกว่าตำแหน่งลิฟต์อยู่ตรงกลางค่ะ ซึ่งห้องริมซ้ายสุดก็จะได้เปรียบในเรื่องของความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นมา สำหรับความหนาแน่นต่อชั้นเพียง 13 ยูนิต ถือว่ามีความหนาแน่นน้อยค่ะ ส่วนเรื่องอัตราส่วนลิฟต์นั้นอยู่ที่ 151 : 1 ถือว่ามีความหนาแน่นพอสมควร โดยสูงจากปกติมาหน่อยค่ะ
ในชั้นดาดฟ้านั้นทำ Landscape เป็น Court yard ตกแต่งสวยงาม โดยปัจจุบันบริเวณชั้นดาดฟ้ายังอยู่ในช่วงเก็บงานซึ่งยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีค่ะ
สวนบนชั้นดาดฟ้าของอาคาร A และ B ที่ได้เป็นสนามหญ้าเทียมยาวแบบนี้ค่ะ
ส่วนของอาคาร C และ D จะมีขนาดเล็กลงมาตามขนาดความยาวของอาคารนะคะ
Hilight อีกอย่างนึงของโครงการก็คือเรื่องวิวค่ะ เราพาจะไปปีนตึกชั้นสูงสุดกันว่าวิวจะเป็นแบบไหน
เริ่มจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หรือทิศ A กันก่อนค่ะ วิวนี้เป็นวิวเฉพาะห้อง 2 Bedroom แบบ F เท่านั้นค่ะ ซึ่งเป็นห้องที่หันหน้าเข้าริมแม่น้ำเจ้าพระยาเลย วิวนี้นะคะเป็นวิวที่สวยทุกชั้น อย่างชั้นล่างๆ ก็จะได้เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ในระดับสายตามากหน่อย ส่วนในชั้นสูงๆ ก็จะได้วิวมุมกว้างมากขึ้นโดยนอกจากจะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วก็จะได้วิวพื้นที่สีเขียวและบ้านพักอาศัยแบบแนวราบที่ไม่มีตึกสูงมาบดบังทัศนียภาพ สามารถมองวิวได้ในระยะไกลเลยค่ะ
ทิศเหนือ หรือทิศ B เป็นอีกทิศที่ได้วิวสวย ซึ่งจะเห็นวิวแบบนี้ได้ต้องเป็นห้องของอาคาร D ที่หันออกไปด้านนอกค่ะ โดยสามารถมองเห็นทางโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาเลยไปจนถึงเกาะเกร็ดที่อยู่สุดสายตา
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือทิศ C แน่นอนว่าถึงจะอยู่ชั้นบนสุดก็ยังเห็นกระทรวงพาณิชย์กินพื้นที่วิวระยะไกล ด้วยขนาดของพื้นที่ของกระทรวงที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรค่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับบล็อกวิวทั้งหมดนะคะ ยังมองเห็นวิวฝั่งสนามบินน้ำที่เชื่อมกับถนนติวานนท์ได้ โดยรวมพื้นที่แถบนี้เป็นที่อยู่อาศัยแบบแนวราบจึงสามารถมองเห็นวิวในระยะไกลได้พอสมควรเลยค่ะ
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือทิศ D หันไปทางสนามบินน้ำที่เชื่อมกับถนนรัตนาธิเบศร์ซึ่งเป็นถนนใหญ่ของนนทบุรี และเป็นถนนที่มีรถไฟฟ้าผ่านดังนั้นทิศนี้ก็จะพอเห็นอาคารตึกสูงอยู่บ้างในระยะไกล และในตอนกลางคืนน่าจะเป็นทิศที่มีสีสันจากถนนและตึกสูงให้เห็นบ้าง ไม่เหงา
ปิดท้ายด้วยวิวจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือ ทิศ E ซึ่งวิวนี้จะได้จากอาคาร C ของห้องที่หันออกด้านนอกนะคะ ซึ่งเราจะเห็นทางโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาไปจนถึงสะพานพระนั่งเกล้าค่ะ ในตอนกลางวันวิวนี้อาจจะไม่เด่นเท่าทิศ B ที่เห็นโค้งแม่น้ำเลยไปจนถึงเกาะเกร็ด แต่ก็สวยเด่นในช่วงพระอาทิตย์ตกดินไปจนถึงตอนกลางคืนนะคะจากสีสันของไฟจากสะพานพระนั่งเกล้าและตึกราบ้านช่องบนถนนรัตนาธิเบศร์ ทำให้วิวในทิศนี้ก็ไม่แพ้กับวิวทิศ B เช่นกันค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1
- ห้องซักรีด
- สวน/Court Yard
- Fitness ริมแม่น้ำ ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 12 เครื่อง
- Lounge ริมแม่น้ำ
- ห้องอบไอน้ำ/ซาวน่า
- สนามบาสเก็ตบอลครึ่งสนาม
- สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 14 x 48 ม. แบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.6 ม. และสระผู้ใหญ่ลึก 1.2 ม.
- สระว่ายน้ำ 11 x 50 ม. แบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.6 ม. และสระผู้ใหญ่ลึก 1.2 ม.
- Fitness ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 6 เครื่อง
- ห้องสมุด
- ห้องโยคะ
- ห้องเกมส์
- ห้องเด็กเล่น
- ห้องปิงปอง
- ห้องสนุกเกอร์
- จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก
- สวน/Court Yard
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 157 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 157 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก C 151 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก D 151 : 1
แบบห้องพักของโครงการมีค่อนข้างหลากหลายแบบทีเดียวนะคะ ทั้งโครงการมีแบบให้เลือกอยู่ทั้งหมด 16 แบบด้วยกัน โดยอาคาร A และ B จะเน้นไปที่ห้องขนาดเล็กแบบ 1 Bedroom 25.44 – 36.72 ตร.ม. และมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำกว่าอาคาร C และ D ค่ะ ส่วนห้องในอาคาร C และ D จะเน้นไปที่ห้องที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นโดยมีทั้งห้องแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 37.74 – 76.39 ตร.ม.
อาคาร A และ B วิวแม่น้ำ ห้องไซส์เล็กแบบ 1 Bedroom ราคาห้องเฉลี่ย 66,000 บาท/ตร.ม.
- แบบ A พื้นที่ใช้สอย 28.16 ตร.ม.
- แบบ B พื้นที่ใช้สอย 28.16 ตร.ม. (Miror แบบ A)
- แบบ C พื้นที่ใช้สอย 28.03 ตร.ม.
- แบบ K พื้นที่ใช้สอย 35.67 ตร.ม.
- แบบ L พื้นที่ใช้สอย 36.72 ตร.ม. (แปลนเดียวกับ K)
อาคาร A และ B วิวสระว่ายน้ำ ห้องไซส์เล็กแบบ 1 Bedroom ราคาห้องเฉลี่ย 65,000 บาท/ตร.ม.
- แบบ D พื้นที่ใช้สอย 25.45 ตร.ม.
- แบบ E พื้นที่ใช้สอย 25.44 ตร.ม. (แปลนเดียวกับ D)
- แบบ M พื้นที่ใช้สอย 32.38 ตร.ม.
อาคาร C และ D ห้องไซส์ใหญ่ขึ้นมาจากอาคาร A และ B มีให้เลือกทั้งแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom
- วิวสวน ราคาห้องเฉลี่ย 86,5000 บาท/ตร.ม.
- วิวแม่น้ำ ราคาห้องเฉลี่ย 95,000 บาท/ตร.ม.
- แบบ F พื้นที่ใช้สอย 70.97 ตร.ม.
- แบบ G พื้นที่ใช้สอย 76.39 ตร.ม. (แปลนเดียวกับ F แต่ได้พื้นที่ระเบียงมากกว่า)
- แบบ H พื้นที่ใช้สอย 61.26 ตร.ม.
- แบบ I พื้นที่ใช้สอย 61.27 ตร.ม. (แปลนเดียวกับ H ระเบียงมีขั้นบันไดแบ่งระดับ)
- แบบ J พื้นที่ใช้สอย 37.74 ตร.ม.
- แบบ N พื้นที่ใช้สอย 42.62 ตร.ม.
- แบบ O พื้นที่ใช้สอย 42.07 ตร.ม. (แปลนเดียวกับ N ระเบียงมีขั้นบันไดแบ่งระดับ)
- แบบ P พื้นที่ใช้สอย 30.53 ตร.ม.
ในส่วนของรูปแบบการขายของโครงการจะตกแต่งแบบ Fully Fitted ค่ะ สิ่งที่ได้คือ
- Pantry จาก RCD
- Hob & Hood จาก Hafele (เฉพาะห้อง 2 Bedroom)
- เครื่องปรับอากาศ
มาดูห้องตัวอย่างห้องแรกกันค่ะ สำหรับห้องแบบ P เป็นห้อง 1 Bedroom มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 30.53 ตร.ม. ตำแหน่งของแปลนนี้อยู่ที่อาคาร C และ D ห้องกลางค่อนไปทางด้านที่ใกล้กับอาคาร A และ B นะคะ สำหรับห้องนี้นั้นมีทั้งห้องที่หันไปหน้าไปทางสวน และแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ
ลักษณะของห้องนี้เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว การออกแบบเน้นให้ความสำคัญกับพื้นที่ห้องนอนเป็นหลัก และการวางห้องน้ำภายในห้องนอน ซึ่งหากมีแขกมาใช้ห้องน้ำก็จำเป็นต้องผ่านห้องนอนไปก่อน ก็ดูไม่ค่อยจะเป็นส่วนตัวมากนักค่ะ ส่วนพื้นที่ครัวได้เป็นครัวเปิดเชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่น เหมาะกับคนที่มักซื้ออาหารมาอุ่นทานเบาๆ ในห้องมากกว่าการทำอาหารหนักๆ นะคะ ส่วนห้องนั่งเล่นนี้สามารถปรับให้ชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้ และพื้นที่ระเบียงมีขนาดพอสมควรใช้งานได้จริง อย่างการซักล้างหรือตากผ้าค่ะ
เริ่มกันที่ประตูห้องกันก่อนเลยนะคะ ประตูห้องใช้วัสดุเป็นประตู HDF สำเร็จรูป มือจับเป็นแบบก้านโยกค่ะ
จากพื้นโถงทางเดินเข้าสู่พื้นห้องอยู่ในระดับเดียวกัน ซึ่งข้อดีคือเดินไม่สะดุดนะคะ แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันคือเรื่องฝุ่น เวลาแม่บ้านทำความสะอาดบริเวณโถงทางเดินถ้าไม่มีธรณียกขึ้นมาให้หน่อยก็คงจะมีฝุ่นเล็ดลอดเข้าไปบ้างค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถติดผ้าสักหลาดดันฝุ่นด้านล่างของประตูกันฝุ่นเข้าห้องได้เลยไม่ยากค่ะ
เข้ามาภายในห้องเจอส่วนครัวซึ่งเชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่นด้านในและระเบียงด้านนอก เมื่อเข้ามาแล้วจะเห็นว่าห้องดูโปร่งพอสมควร ด้วยความกว้างของพื้นที่ส่วนนี้อยู่ที่ประมาณ 2.2 ม. และความสูงฝ้าเพดาน 2.6 ม. รวมทั้งได้ประตูบานเลื่อนเต็มความกว้างผนังก็ช่วยทำให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาได้ทั่วถึงภายในห้องได้ดี ส่วนพื้นบริเวณนี้ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. ง่ายต่อการทำความสะอาดดีค่ะ
หันกลับมาส่วนครัวมีพื้นที่รับประทานอาหารอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามกับ Pantry ครัว โดยมีระยะความกว้างของทางเดินไม่รวมระยะเลื่อนเก้าอี้อยู่ที่ประมาณ 1.2 ม. ถือว่ามีความกว้างพอสมควรในทำกับข้าวหรือใช้งานต่างๆ บริเวณนี้ค่ะ
ลักษณะการวางโต๊ะเก้าอี้รับประทานอาหาร นอกจากจัดวางแบบห้องตัวอย่างแล้ว ก็สามารถวางโต๊ะแบบหันหน้าเข้าชนกันก็ได้นะคะ แต่ไซส์ของโต๊ะจะไม่ได้ความยาวแบบนี้นะคะ แต่ควรกับวางโต๊ะแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพื่อไม่ให้เป็นกินพื้นที่ทางเดินค่ะ เป็นอีกตัวเลือกนึงนะเผื่อใครอยากกินข้าวกับแฟนแบบพูดคุยกันได้ สบตาปิ๊งๆ ไปมา
มาดูในส่วนครัวกันบ้างนะคะ ในฝั่งครัวนี้จะแบ่งเป็นส่วน Pantry และที่ว่างวางตู้เย็น ซึ่งขนาดที่ว่างสำหรับวางตู้เย็นนี้มีขนาดประมาณ 0.7 x 0.7 สามารถวางตู้เย็นขนาดเล็ก-กลางได้
ชุดครัวจาก RDC พร้อมตู้ลอยด้านบน ท็อปเป็น Particle ด้านหลังติดกระเบื้องง่ายต่อการทำความสะอาดดีค่ะ สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom จะไม่ได้ Hob & Hood นะคะ ได้เฉพาะห้อง 2 Bedroom เท่านั้น
หน้าบานของชุดครัวปิดผิวด้วยลามิเนต มีมือจับตกแต่งสวยงามได้อารมณ์ความคลาสสิก
อ่างล้างจานสแตนเลสหลุมเดียวจาก Hefele วางจานได้ไม่มากและไม่ได้พื้นที่พักจานด้านข้างเนื่องจากมีพื้นที่ชุดครัวค่อนข้างจำกัด
ส่วนพื้นที่นั่งเล่นติดกับส่วนระเบียงซักล้าง กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกอลูมิเนียม ทำให้บริเวณนี้ค่อนข้างสว่างเพราะได้รับแสงธรรมชาติได้ดี ส่วนเรื่องระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีอยู่ที่ประมาณ 1.6 ม. เหมาะกับการวางทีวีขนาด 29″ – 32″ ซึ่งพอดีกับระยะสายตาค่ะ
พื้นที่วางชุดโซฟาเหมาะกับการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง หากใครอยากวางโซฟาขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยแบบ 3 ที่นั่งให้นอนเล่นดูทีวีได้ก็ต้องไปเบียดพื้นที่ด้านข้างหน่อยนะคะ ก็จะไม่สามารถวางโต๊ะข้างโซฟาได้
ตำแหน่งเครื่องปรับอากาศอยู่ด้านบนพื้นที่วางทีวี หากใครจะ Built-in ชั้นวางทีวีก็อย่าลืมเผื่อพื้นที่สำหรับเครื่องปรับอากาศด้วยนะคะ
พื้นที่ระเบียงประมาณ 2.2 x 1 ม. ปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. เป็นขนาดพื้นที่สามารถใช้งานได้จริงสำหรับห้องพักอาศัยขนาดเล็ก ส่วนรั้วระเบียงเป็นรั้วเหล็กโปร่งสีดำสูงประมาณ 1 ม. กำลังดีค่ะ
ลักษณะพื้นระเบียงไม่ได้ปูเต็มพื้นที่นะคะ แต่จะเว้นทางระบายน้ำให้ ซึ่งค่อนข้างแปลกไม่ค่อยเห็นในโครงการทั่วไป ปกติคือจะปูพื้นทั้งหมดและทำพื้นเป็นทางลาดไปยังท่อระบายน้ำ แต่สำหรับพื้นระเบียงนี้ไม่ได้ทำเป็นทางลาดให้แต่เว้นทางระบายน้ำให้แทน เพื่อให้ส่วนนี้ซักล้างแล้วระบายน้ำได้สะดวก
คอมเพรสเซอร์แอร์เป่ามาด้านข้าง ผ้าแห้งเร็วแน่ๆ ค่ะ ^^ ส่วนดวงโคมได้เป็นดวงโคมซาลาเปาติดเพดาน
วิวจากชั้น 12A หันไปทางอาคารฝั่งตรงข้ามถึงจะบังวิวไปเยอะ แต่ก็ไม่แย่มากนักในเรื่องของความเป็นส่วนตัวเพราะถึงแม้จะยังเห็นเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามแต่ก็เห็นเป็นคนตัวเล็กๆ ไม่ถึงกับใกล้กันจนส่งสายตาปิ๊งๆ ข้ามฝั่งได้นะ
กลับเข้าไปดูห้องนอนกันต่อค่ะ
พื้นห้องนอนจบขอบด้วยไม้สำเร็จรูป ภายในห้องปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม.
ห้องนอนติดริมหน้าต่างได้วิวและทำให้ห้องดูสว่างดีค่ะ สำหรับขนาดของห้องนอนนี้สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้แล้วแต่ใครชอบเตียงใหญ่เล็กเลย ใครชอบเตียงใหญ่ก็เหลือพื้นที่ด้านข้างน้อยหน่อยนะคะ ส่วนใครอยากได้ฟังก์ชั่นภายในห้องเพิ่มขึ้นมาหน่อยอย่างการวางโต๊ะทำงานเล็กๆ หรือโต๊ะเครื่องสำอางค์ข้างเตียงก็เลือกไซส์เตียงขนาด 5 ฟุต กำลังวางโต๊ะขนาดเตียงเล็กๆ ได้ดีเลยค่ะ ไม่ฟิตเปรี๊ยะจนเกินไป
ชุดหน้าต่างขนาดมาตรฐาน ไม่เล็กไม่ใหญ่ ได้บานกระทุ้งระบายอากาศได้ 2 บาน
เปิดได้ประมาณนี้
พื้นที่ปลายเตียงกว้าง 0.6 ม. เหมาะกับการแขวนทีวีมากกว่าการ Built-in ชั้นวางทีวี หรือตั้งโต๊ะวางทีวีนะคะ เพราะทำให้เดินได้ไม่สะดวก ส่วนด้านข้างเตียงติดกระจกกว้าง 0.35 ม. ยังพอเดินได้อยู่ค่ะ
หันกลับมาฝั่งตรงข้ามเตียงเป็นส่วนตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำในห้องนอนค่ะ สำหรับตู้เสื้อผ้าใครอยากให้เป็นสัดส่วนมาหน่อยก็ Built-in ตู้เสื้อผ้าสูงถึงฝ้าเพดานไปเลยจะได้ไม่เหลือพื้นที่ด้านบนให้เป็นที่เก็บสะสมฝุ่น และมีพื้นที่ใช้งานมากขึ้นด้วย
ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกและแห้งชัดเจนค่ะ ในส่วนแห้งนี้ได้สุขภัณฑ์และชั้นวางของแบบนี้เลยค่ะ แค่ไม่รวมของตกแต่งเท่านั้น โดยยี่ห้อสุขภัณฑ์ของโถและอ่างล้างมือจาก Karat ค่ะ
ขนาดอ่างล้างมือกระทัดรัด
ฉากกั้นพื้นที่อาบน้ำได้แบบนี้เลยค่ะ เป็นสัดส่วนดี รวมไปถึงเป็นบานเปิดใหญ่ก็ใช้งานง่ายดีด้วยค่ะ เสป็คนี้ถูกยกระดับขึ้นมาจากเดิมที่เป็นกระจกนิรภัยของ Cristina ติดเป็นกรอบห้องอาบน้ำนะคะ
บริเวณที่ติดตั้งฉากกั้นมีธรณียกขึ้นมาเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนได้ดี ในส่วนพื้นที่อาบน้ำกว้างประมาณ 1.2 x 1.2 ม. เป็นขนาดที่อาบน้ำได้พอดีๆ ไม่คับแคบมากนักค่ะ
ด้านข้างติดช่องชาร์ปหรือช่องงานระบบ ก่อเป็นพื้นที่นั่งเล็กๆ ขนาด 60 x 60 ซม. ใครไม่นั่งก็ใช้เป็นพื้นที่วางแชมพู สบู่ได้เลย ไม่ต้องซื้อที่แขวนหรือชั้นวาง
ฝักบัวสายอ่อนจาก Englefield และที่วางสบู่จาก Kohler ด้านข้างติดตั้งปลั๊กพร้อมสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเรียบร้อยค่ะ
ขนาดหัวฝักบัวใหญ่ดีทีเดียวค่ะ ส่วนที่จับก็จับได้ถนัดมือ
มาต่อกันที่ห้องแบบ H เป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 61.26 ตร.ม.ค่ะ ตำแหน่งของห้องนี้อยู่ตรงกลางของอาคาร C และ D ลักษณะเป็นเหมือนห้อง Combine ทำให้ได้หน้ากว้างมากขึ้นข้อดีคือได้รับแสงสว่างจากภายนอกในทุกๆ ห้อง ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากกว่าห้องแบบหน้าแคบลึกค่ะ สำหรับห้องแบบ H นี้ แบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็น 3 ส่วนชัดเจน โดยเน้นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่เชื่อมพื้นที่ส่วนครัว รับประทานอาหาร และนั่งเล่นไว้ด้วยกัน สามารถรองรับครอบครัวขยายขนาดเล็กได้ดี หรือจะเป็นห้องคู่รักชอบปาร์ตี้ที่มักมีเพื่อนมาสังสรรค์เฮฮาบ่อยๆ ได้ ซึ่งก็มีห้องน้ำที่สามารถเข้าได้จากพื้นที่ส่วนกลางได้ ไม่ต้องเข้าจากห้องนอนเหมือนห้องแรกทำให้ความเป็นส่วนตัวไป นอกจากพื้นที่ส่วนกลางภายในห้องที่เน้นแล้ว ส่วนระเบียงก็ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงระเบียงซักล้างนะคะ เพราะระเบียงที่ให้มีความกว้างสามารถชมวิวภายนอกได้ดี ใครเลือกห้องด้านนอกนี่ สามารถนั่งชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้สบายค่ะ ส่วนขนาดของห้องนอนทั้ง 2 ห้องมีขนาดเท่าๆ กันนะคะ แตกต่างแค่ห้องน้ำของห้องนอนที่ 2 สามารถเข้าได้จากด้านนอกและเข้าจากภายในห้องนอนได้เท่านั้นค่ะ
เข้ามาจะเจอพื้นที่ส่วนกลางก่อน ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมส่วนครัวและส่วนนั่งเล่นค่ะ ด้านข้างทั้ง 2 ด้านแบ่งเป็น 2 ห้องนอน ด้วยความกว้างของพื้นที่ส่วนกลางนี้มีขนาดประมาณ 4 ม. ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งเพราะมีแสงสว่างเข้ามาภายในห้องได้ดีค่ะ สำหรับแปลนนี้จะเน้นพื้นที่ส่วนกลางมากกว่าพื้นที่ส่วนอื่นๆ ซึ่งเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กได้ใช้เวลาร่วมกันในพื้นที่นี้ หรือเป็นพื้นที่สำหรับชวนเพื่อนฝูงมาสังสรรค์ได้
จากประตูทางเข้ามีพื้นที่เข้ามุมเล็กๆ ระหว่างทางเข้าและห้องน้ำสำหรับตั้งตู้วางรองเท้าได้ดี
ด้านข้างเป็นพื้นที่ครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร โดยพื้นที่ครัวนี้จะเป็นครัวเปิดเหมาะกับการทำอาหารเบาๆ หรืออุ่นอาหารกินมากกว่าการทำอาหารหนัก ด้านข้าง Pantry มีพื้นที่ว่างประมาณ 1.2 ม. สามารถวางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้สบาย
ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารนี้มีขนาดประมาณ 1.4 x 1.4 ม. เหมาะกับการวางโต๊ะรับประทานอาหารประมาณ 4-6 ที่นั่งค่ะ
Pantry สเป็คเดียวกับห้อง 1 Bedroom แต่ได้ขนาดใหญ่ขึ้นมา
และอีกสิ่งหนึ่งที่ห้อง 2 Bedroom จะได้เพิ่มมาจากห้อง 1 Bedroom คือ H0b&Hood จาก Hafele ได้เตา 4 หัวแบบ Hot Plate
อ่างล้างจานจาก Hafele เช่นเดียวกับห้อง 1 Bedroom แต่เป็นอ่างล้างจานพร้อมที่พักจานด้านข้างมาด้วย เพราะมีพื้นที่ด้านข้างเพียงพอ ทำให้สะดวกในการใช้งานจริงดีค่ะ
ส่วนพื้นที่นั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้สบาย มีระยะห่างจากทีวีพอสมควรประมาณ 2.4 ม. ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะสมกับระยะสายตาคือขนาด 42″-50″
ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ 4 ตอน เปิดได้ 2 ทางจากตรงกลาง และบานด้านข้างริมผนังทั้ง 2 ด้านเป็นบาน Fixed ค่ะ
ระเบียงขนาดตามความกว้างของส่วนนั่งเล่นซึ่งยาวประมาณ 4.1 ม. โดยลักษณะของระเบียงที่ยาวแบบนี้นอกจากจะเป็นระเบียงที่ใช้สำหรับซักล้างได้แล้วยังเป็นระเบียงที่ใช้สำหรับชมวิวได้ดีค่ะ สามารถวางเก้าอี้สนามเล็กๆ มานั่งเล่นตากลมชิลๆ
คอนเดนซิ่งยูนิตแขวนไว้ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน เป่าลมร้อนเข้าระเบียงทั้งหมด ซึ่งหากเราจะใช้ระเบียงเป็นระเบียงสำหรับชมวิวก็ควรจะติดกริลเบี่ยงลมร้อนด้วยนะคะ ถึงแม้จะไม่ได้ช่วยให้อากาศบริเวณระเบียงไม่ร้อนได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยกันไม่ให้ไอร้อนเป่าเข้าหน้าจนหมดอารมณ์
ห้องน้ำเหมือนกับห้องนอน 1 Bedroom เลยค่ะทั้งสเป็คและการจัดวาง
สำหรับห้องน้ำนี้จะเป็นห้องน้ำที่สามารถเปิดได้ 2 ฝั่งคือจากพื้นที่ส่วนกลางบริเวณครัว และจากห้องนอนเล็ก ข้อดีเรื่องความสะดวกในการใช้งานมากขึ้นไม่ต้องเดินอ้อมอีกห้องเพื่อมาใช้งาน รวมทั้งแขกที่มาที่ห้องก็ไม่ต้องเข้ามาในห้องนอนให้เสียความเป็นส่วนตัวไปด้วยค่ะ
เข้าไปดูห้องนอนเล็กกันต่อค่ะ สำหรับพื้นห้องนอนนั้นจะปูด้วยลามิเนต จบด้วยไม้สำเร็จรูปเหมือนห้องพักทุก type ค่ะ
ภายในห้องนอนขนาดประมาณ 4 x 3 ม. วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ พร้อมพื้นที่ด้านข้างสามารถจัดเป็นโต๊ะเครื่องสำอางค์หรือโต๊ะทำงานได้ค่ะ ในส่วนบานหน้าต่างได้เหมือนกับบานหน้าต่างของห้องนอนของห้องแรกค่ะ
หันกลับมาฝั่งตรงข้ามเตียงเป็นส่วนตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำที่สามารถเข้าได้จากห้องนอนและห้องนั่งเล่น
พื้นที่ปลายเตียงกว้างประมาณ 0.95 ม. สามารถวางชั้นวางทีวีได้และยังมีพื้นที่ทางเดินเหลือให้เดินได้สบายๆ ส่วนพื้นที่ข้างเตียงริมหน้าต่างมีความกว้าง 0.7 ม. เป็นความกว้างที่เดินได้สบายเช่นกัน และบริเวณหัวเตียงก็สามารถวางโต๊ะข้างเตียงเพื่อวางโคมไฟได้
สำหรับพื้นที่ข้างเตียงนั้นที่สามารถวางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องสำอางค์นี้มีพื้นที่ไม่ได้มากนักนะคะ ควรวางเป็นโต๊ะขนาดเล็กเพื่อเผื่อพื้นที่ด้านข้างสำหรับใช้งานตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ
เข้ามาภายใน Master Bedroom กันบ้างค่ะ สำหรับ Master Bedroom นี้มีขนาดพอๆ กับห้องนอนเล็กนะคะ ดังนั้นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ภายในจึงไม่แตกต่างกันมากนักค่ะ หลักๆ คือสามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้ 5-6 ฟุต มีพื้นที่เหลือด้านข้างจะวางเป็นตู้เสื้อผ้าเลยก็ได้ หรือจะวางเป็นโต๊ะทำงานเหมือนห้องนอนเล็กก็ได้เช่นกัน ตามไลฟ์สไตล์แต่ละคน
ตำแหน่งแอร์จะอยู่ทางปลายเตียงเป่าเข้ามาทางเตียงนะคะ จริงๆ แล้วเป็นตำแหน่งที่หนาวไปหน่อยนะ วางไว้ด้านข้างเตียงจะเหมาะสมกว่า แต่เนื่องจากความสะดวกในการติดตั้งท่อแอร์ที่จะเชื่อมไปยังคอมเพรสเซอร์แอร์ที่แขวนอยู่ที่ระเบียงซักล้างเลย ทำให้ตำแหน่งนี้เหมาะสมในเรื่องของการติดตั้งและเรื่องความสวยงามที่จะไม่เห็นท่อเข้ามาภายในห้องในกวนสายตา
ตำแหน่งปลายเตียงมีพื้นที่เหลือ 0.85 ม. ให้วางโต๊ะวางทีวีได้ ส่วนในห้องตัวอย่างจัดพื้นที่โต๊ะทำงานเล็กๆ ไว้ฝั่งปลายเตียงด้วยเช่นกัน ซึ่งจริงๆ ก็สามารถใช้งานได้นะคะ แต่อาจจะแคบไปหน่อยสำหรับระยะเก้าอี้ รวมทั้งกันพื้นที่ทางเดินปลายเตียงไปด้วย
พื้นที่ด้านข้างเตียงติดริมหน้าต่างกว้างประมาณ 0.4 ม. เดินได้อยู่ค่ะ
ฝั่งข้างเตียงเป็นตำแหน่งห้องน้ำเช่นเดียวกับห้องนอนเล็กค่ะ
ภายในห้องน้ำเหมือนกับห้องน้ำฝั่งห้องนอนเล็กเป๊ะๆ แบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งเรียบร้อย
และพื้นที่อาบน้ำก็มีขนาดและสเป็กของอุปกรณ์เหมือนกันกับห้องน้ำฝั่งห้องนอนเล็กเช่นเดียวกันค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 21 June 2016
- 1 Bedroom อาคาร A ชั้น 18 วิว สระว่ายน้ำ พื้นที่ใช้สอย 26.17 ตร.ม. ราคา 1.79 ล้านบาท หรือประมาณ 68,399 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom อาคาร C ชั้น 5 วิว แม่น้ำ พื้นที่ใช้สอย 31.23 ตร.ม. ราคา 2.39 ล้านบาท หรือประมาณ 76,529 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom อาคาร C ชั้น 16 วิว สวน พื้นที่ใช้สอย 31.58 ตร.ม. ราคา 2.55 ล้านบาท หรือประมาณ 80,747 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom อาคาร C ชั้น 35 วิว สวน พื้นที่ใช้สอย 31.82 ตร.ม. ราคา 2.7 ล้านบาท หรือประมาณ 84,852 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom อาคาร C ชั้น 25 วิว แม่น้ำ พื้นที่ใช้สอย 31.85 ตร.ม. ราคา 2.97 ล้านบาท หรือประมาณ 93,250 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom อาคาร C ขั้น 35 วิว แม่น้ำ พื้นที่ใช้สอย 31.80 ตร.ม. ราคา 3.06 ล้านบาท หรือประมาณ 96,226 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- เพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood (เฉพาะห้อง 2 Bedroom)
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 20,000 บาท
- ค่ากองทุน 300 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 30 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ Manor สนามบินน้ำ เป็นคอนโด High Rise ตึกเสร็จพร้อมเข้าอยู่ที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งออกแบบมาให้มีส่วนกลางแบบอลังการงานสร้างมาก ส่วนใหญ่โครงการที่ติดริมแม่น้ำแล้วได้ส่วนกลางเยอะขนาดนี้เราจะไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่นะคะ เรทราคาก็อยู่ในช่วงที่สามารถจับต้องได้ตั้งแต่ Segment Economy – Upper Class โครงการนี้ค่อนข้างแตกต่างกับโครงการคอนโดทั่วไปในละแวกนี้ที่เน้นไปติดรถไฟฟ้าเพราะทำเลนี้เน้นการอยู่ติดกับแหล่งศูนย์ราชการขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนถนนสนามบินน้ำ ซึ่งมีความคึกคักและมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูงค่ะ
วิวแม่น้ำเจ้าพระยาถือเป็นจุดขายอีกอย่างของโครงการ ซึ่งวิวเปิดกว้างของแม่น้ำเต็มๆนี่จะต้องเป็นโซนติดแม่น้ำนะคะ ง่ายๆ เลยคือห้องที่หันเข้าด้านในโครงการในอาคาร A และ B จะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ถนัดมากนักทั้งด้วยระยะและมีตึกฝั่งตรงข้ามบังวิวระยะไกลไปด้วย หากจะได้วิวแม่น้ำจริงๆ ต้องเป็นอาคาร C และ D ที่หันหน้าออกไปด้านนอกหรือห้อง Riverfront ซึ่งสามารถเลือกได้ตั้งแต่ชั้นล่างๆ หน่อยซึ่งจะได้อารมณ์ติดแม่น้ำเจ้าพระยาและชั้นบนที่จะเป็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาดูพระอาทิตย์ตกและเห็นเลยไปถึงเส้นขอบฟ้าสวยๆ ไม่มีเมืองมาบังเหมือนกับแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ ด้วยราคาที่ค่อนข้างประหยัด
เรื่องความอุดมสมบูรณ์โดยรอบไม่น่าเป็นห่วงด้วยความที่อยู่ใกล้ศูนย์ราชการทำให้มีทั้งคนที่ทำงานและคนที่มาติดต่อเข้าออกกันเยอะมาก ยิ่งช่วงกลางวันในวันธรรมดายิ่งค่อนข้างคึกคัก เพราะมีตั้งแต่เต้นท์อาหาร รถเข็นอาหาร ไปจนถึงร้านอาหารริมแม่น้ำ คอมมูนิตี้มอลล์ก็มีสนามบินน้ำมาร์เก็ตพาร์ค โดยมีหลากหลายเรทราคาให้เลือกตามงบประมาณในกระเป๋าเลย หรือในวันหยุดใครขี้เกียจไปไหนไกล ในอนาคตใกล้ๆ บริเวณหน้าโครงการก็จะมี Manor Avenue เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็กเปิดให้บริการทั้งลูกบ้านและคนในละแวกอีกด้วยค่ะ โดยจากที่สอบถามเซลล์มาแล้วนั้นก็จะมี Shop อย่าง 7-11 Premium, Amason, ร้านซักรีด และร้านเบเกอร์รี่ ส่วนห้างใกล้ๆ เลยคือ Central รัตนาธิเบศร์ ห้างดังห้างใหญ่ประจำถนนสายนี้ สามารถวิ่งลัดเข้าถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรีเข้าสู่ตัวห้างได้ไม่ต้องเผชิญรถติดบนถนนรัตนาธิเบศร์
การเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว ถือเป็นการเดินทางหลักของโครงการนี้นะคะ เนื่องจากตัวทำเลที่ไม่ได้อยู่ในรัศมีที่ใกล้รถไฟฟ้า ดังนั้นการเดินทางไปไหนมาไหนมีรถจะสะดวกสุดค่ะ สำหรับถนนสนามบบินน้ำ เป็นถนนที่เชื่อมถนนหลักๆ คือถนนรัตนาธิเบศร์และถนนติวานนท์ รวมทั้งถนนเลี่ยงเมืองนนท์ค่ะ ถือว่ามีตัวเลือกให้หลบหลีกภาวะรถติดได้พอสมควรค่ะ ในส่วนของที่จอดรถในโครงการให้มาประมาณ 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอกับโครงการที่เน้นการเดินทางด้วยรถยนต์มากนักนะคะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ แม้จะไม่สะดวกหรือมีระยะใกล้กว่าเมื่อเทียบกับโครงการเพื่อนบ้าน แต่ก็ไม่ถึงกับลำบากซะทีเดียวค่ะ เพราะในปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเริ่มเปิดให้บริการกันแล้ว ลูกบ้านสามารถนั่งรถสาธารณะไปต่อรถไฟฟ้าเข้าเมืองได้สบายๆ และทางโครงการเองจะมี Shuttle Service รับ-ส่ง ลูกบ้านไปยังรถไฟฟ้า อำนวยความสะดวกในการเดินทางโดยไม่ใช้รถของลูกบ้านให้มากขึ้นค่ะ แต่ยังไม่ได้ระบุนะคะว่าจะเป็นรถ Shuttle Service แบบไหนและมีกี่รอบต่อวันค่ะ ถ้าเป็นไปได้น่าจะเพิ่มเส้นทางเป็นการรับ-ส่งไปยังศูนย์ราชการในละแวกใกล้ๆ บนถนนสนามบินน้ำเหมือนกันด้วย ซึ่งจะช่วย Trade-Off กับที่จอดรถให้เพียงพอมากขึ้นค่ะ
การออกแบบโครงการนี้ ถือว่าออกแบบมาได้ดีนะคะ และพยายามตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทั้ง 2 แบบภายในโครงการเดียวกันได้ดี สำหรับกลุ่มลูกค้าอาคาร A และ B นั้นสามารถตอบโจทย์คนที่ทำงานแถบนี้หรือข้าราชการที่ทำงานอยู่ในศูนย์ราชการใกล้ๆ และไซส์ห้องที่เป็นห้องขนาดเล็ก ทำให้ราคารวมออกมาไม่แพงมากนัก สามารถหยิบจับได้ง่าย และยังได้ Facilities ขนาดใหญ่อลังการเมื่อเทียบกับโครงการใกล้เคียง ส่วนอาคาร C และ D ที่อยู่ด้านหลังนั้นออกแบบให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าต้องการโครงการติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้บรรยากาศริมแม่น้ำและเห็นวิวที่สวยงาม แน่นอนว่าก็ต้องมีกำลังซื้อที่มากขึ้นด้วย นอกจากนี้การแบ่งอาคารออกเป็น 4 อาคาร ยังช่วยลดทอนความหนาแน่นของโครงการที่มียูนิตกว่า 1,800 ยูนิตได้พอสมควร โดยอาคาร A และ B มีจำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 24 ยูนิต และอาคาร C และ D อยู่ที่ 16 ยูนิตค่ะ ส่วนอัตราส่วนลิฟต์ของทั้ง 4 อาคารเกินมาตรฐานมาหน่อยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 154 : 1 ค่ะ
วัสดุที่ได้ให้มามาตรฐานตามราคา ด้วยรูปแบบการตกแต่งแบบ Fully Fitted ได้ชุดครัวจาก RCD ท็อป Particle สุขภัณฑ์จาก Karat และ Englefield ความสูงฝ้าเพดาน 2.6 ม. พื้นที่ได้เป็นพื้นแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. และพื้นลามิเนตในห้องนอน สำหรับห้อง 2 Bedroom จะได้เพิ่ม Hob & Hood จาก Hafele เพิ่มขึ้นมาค่ะ
สาธารณูปโภคถือเป็นอีกจุดเด่นของโครงการ ซึ่งให้มาจัดเต็มและคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา เพื่อรองรับจำนวนยูนิตที่มีถึง 1,848 ยูนิตและสอดคล้องกับจุดประสงค์ของโครงการที่ต้องการทำโครงการให้ได้กลิ่นอายตากอากาศมากขึ้นด้วยค่ะ สำหรับ Facilities หลักๆ โครงการจะแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ อยู่โซนด้านหน้าระหว่างอาคาร A และ B และอีกส่วนอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่ออำนวยความสะดวกในลูกบ้านที่อยู่ในแต่ละโซนได้เข้าถึง Facilities ได้ง่ายขึ้น
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 1.6 – 9.7 ล้านบาท, 21 June, 2016
เนื่องจากโครงการมีแบบห้องค่อนข้างหลากหลายแบ่งเป็น 2 โซน คือโซนอาคาร A และ B , โซนอาคาร C และ D ซึ่งมีราคาเฉลี่ยต่างกันอยู่คนละ Segment ดังนั้นเราจะแบ่งช่วงราคาเป็น 2 ช่วง โดยประเมินจากความคุ้มค่าของราคาที่จ่ายไปค่ะ ทั้งนี้คุณผู้อ่านสามารถคิดคะแนนเองในใจได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคลนะคะ
คะแนนสำหรับอาคาร A และ B ที่มีราคาเฉลี่ย 65,000 – 66,000 บาท/ตร.ม.
- ทำเล 7.5/10 – อยู่ในแหล่งชุมชนและศูนย์ราชการ มีความอุดมสมบูรณ์ระดับนึง
- เดินทางด้วยรถ 7/10 – เชื่อมเข้าถนนหลักได้ มีเส้นทางให้หลบหลีกรถติดได้ ได้ที่จอดรถ 40% ไม่รวมซ้อนคัน
- ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ไกลเกินระยะเดินไปรถไฟฟ้า มี Shuttle Service รับ-ส่ง
- วัสดุ 7.5/10 – ได้ตามมาตรฐานราคา
- แบบ 7.5/10 – มีความหนาแน่นต่อชั้นน้อย อัตราลิฟต์เกินมาตรฐานมาหน่อย
- สาธารณูปโภค 9/10 – ให้ Facilities มาจัดเต็ม สวย น่าใช้งาน
- ECONOMY CLASS
- 7.53 / 10.00
คะแนนสำหรับอาคาร C และ D ที่มีราคาเฉลี่ย 86,500 – 95,000 บาท/ตร.ม.
- ทำเล 7.75/10 – อยู่ในแหล่งชุมชนและศูนย์ราชการ มีความอุดมสมบูรณ์ระดับนึง ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา
- เดินทางด้วยรถ 7/10 – เชื่อมเข้าถนนหลักได้ มีเส้นทางให้หลบหลีกรถติดได้ ได้ที่จอดรถ 40% ไม่รวมซ้อนคัน
- ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ไกลเกินระยะเดินไปรถไฟฟ้า มี Shuttle Service รับ-ส่ง
- วัสดุ 7/10 – ตกแต่ง Fully Fitted ได้ Hob & Hood เพิ่ม สำหรับห้อง 2 Bedroom
- แบบ 7.75/10 – มีความหนาแน่นต่อชั้นน้อยกว่าอาคาร A และ B อัตราลิฟต์เกินมาตรฐานมาหน่อย
- สาธารณูปโภค 9/10 – ให้ Facilities มาจัดเต็ม สวย น่าใช้งาน
- MAIN – UPPER CLASS
- 7.58 / 10.00
BOTTOM LINE
Manor สนามบินน้ำ เป็นคอนโดมิเนียมทั้งอยู่อาศัยและตากอากาศ เหมาะสำหรับคนชอบวิวและบรรยากาศของแม่น้ำเจ้าพระยา กับบรรยากาศธรรมชาติใกล้ๆกรุงเทพมหานคร หรือทำงานในละแวกใกล้ๆ เน้นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ชอบ Facilities ใหญ่ มีห้องหลากหลายขนาดและเรทราคาให้เลือก อยู่ในงบประมาณ 1.6 – 9.7 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 11,000 – 78,000 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )