%e0%b8%9b%e0%b8%81-living-nest-cover

รีวิวฉบับที่ 1266 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ Living Nest รามคำแหง จาก Human Nest โครงการเป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร มีทางเข้า-ออกหลักที่ถนนรามคำแหงและใกล้กับแยกลำสาลี แต่จุดเด่นของที่นี่คืออยู่ใกล้ The Mall บางกะปิ ตะวันนา Makro ในระยะเดินถึง ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว หน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไรไปชมพร้อมๆกันเลยค่า 🙂

อ่านรีวิวโครงการตอนเปิดตัว คลิกที่นี่

Fact @ 17 Jan 2017

  • ลิฟวิ่ง เนส รามคำแหง (Living Nest Ramkhamhaeng )
  • บริษัท ฮิวแมนเนสท์ จำกัด
  • ECONOMY – MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต :  ซอยรามคำแหง 85/1-2 ถนนรามคำแหง เขตบางกะปิ
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร  546 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ 5-0-48.9 ไร่
  • Studio 22 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท(ราคาโปรโมชั่น)
  • 1 Bedroom 25 – 37 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท(ราคาโปรโมชั่น)
  • 2 Bedrooms 46 – 50 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.6-3.9 ล้านบาท
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 31 ยูนิต ที่อาคาร C
  • เริ่มก่อสร้าง :  กุมภาพันธ์ ปี 2014
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท หรือ 67,727 บาท/ตร.ม.(ราคาโปรโมชั่น)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุดประมาณ 63,000 – 83,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่  
  • โทร  : 02-732 9988

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.763290, 100.640545

แผนที่โครงการ Living Nest ซึ่งอยู่ถนนรามคำแหง ใกล้แยกลำสาลี จุดสังเกตง่ายๆคือหน้าปากซอยติดกับธนาคารอิสลาม โดย โครงการอยู่ระหว่างซอยรามคำแหง 85/1 และ 85/2 ก่อนจะถึงแยกลำสาลีประมาณ 500 เมตรค่ะ

ตัวโครงการนี้แม้จะมีทางเข้า-ออกหลักอยู่ที่ถนนรามคำแหง ใกล้กับแยกลำสาลี แต่จุดเด่นที่สุดของโครงการจะไปอิงความอุดมสมบูรณ์ทางฝั่งบางกะปิโดยโครงการอยู่หลังห้าง The Mall บางกะปิ ตะวันนา และ Makro ในระยะที่สามารถเดินไปได้สบายๆโดยเข้า-ออกทางประตูหลังของโครงการที่ติดกับคลองแสนแสบ โดยมีท่าเรือที่ใกล้ที่สุดอย่างท่าเรือ The Mall ให้สามารถนั่งเรือเข้าเมืองได้ ผ่านอโศก พญาไท ไปจนถึงประตูน้ำค่ะ

การเดินทางด้วยรถยนต์ สามารถใช้ถนนรามคำแหงไปยังศรีนครินทร์ ลาดพร้าว นวมินทร์  เสรีไทยได้ สำหรับการขับรถบนถนนรามคำแหงคนแถวนี้น่าจะรู้ดีว่ารถติดเอาเรื่องอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะตอนเช้าขาเข้าเมืองและตอนเย็นขาออกเมือง ดังนั้นถ้าใครที่มีเวลางานสวนทางกับคนทั่วไปเช่นออกเมืองตอนเช้า เข้าเมืองตอนเย็นก็จะสะดวกมากค่ะ หรือถ้าใครที่เลือกซื้อที่นี่เพราะอยู่ใกล้ที่ทำงานอยู่แล้ว การใช้มอเตอร์ไซค์ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะจะประหยัดเวลาไปได้เยอะค่ะ 

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ หลักๆเลยคือบนถนนรามคำแหงจะมีรถเมล์สาย  137, 207, 60, 113 และ 71 ผ่าน รวมทั้งมีพี่วินและแท๊กซี่วิ่งผ่านตลอดทั้งวัน แต่จะต้องเดินไปหน่อย จากโครงการไปหน้าปากซอยรามคำแหงก็ประมาณ 100 เมตร ส่วนอีกทางคือเดินจากโครงการออกประตูหลังแล้วทะลุตะวันนาไปขึ้นรถฝั่งลาดพร้าว ก็จะมีรถเมล์ รถสองแถว แท๊กซี่ และท่ารถตู้ให้เลือกมากมายที่หน้า The Mall บางกะปิ และอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในการเข้าเมือง คือเดินไปขึ้นเรือที่ท่า The Mall บางกะปิ สามารถไปยังอโศก พญาไท จนถึงประตูน้ำได้ค่ะ

ตัวโครงการอยู่เองอยู่ระหว่างซอยรามคำแหง 85/1 กับ 85/2 ซึ่งต้องเข้าซอยมาประมาณ 100 เมตร แน่นอนว่าข้อเสียคือเวลาเข้าออกโครงการต้องเดินออกไปที่ถนนใหญ่(หากไม่ได้ใช้รถ) แต่ข้อดีคือสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการจะสงบไม่จอแจ ส่วนความอุดมสมบูรณ์คงต้องอิง The Mall บางกะปิ ตะวันนา Makro  จากโครงการสามารถเดินข้ามคลองแสนแสบไปได้ในระยะไม่ถึง 200 เมตร ซึ่งทำเลนี้อยู่ในโซนค้าที่มีการค้าขายขนาดใหญ่ ถ้าใครเคยไปเดินตะวันนาก็จะรู้ว่ามีเสื้อผ้า ของใช้ ร้านเสริมสวยครบครัน จะซื้อของในห้างก็มี The Mall หรือจะซื้อของราคาส่งก็ไปเดิน Makro ได้ หากเดินข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้าม The Mall ก็มี N Mark Plaza (ห้างน้อมจิตร) ที่หลังห้างจะมีตลาดแฮปปี้แลนด์และมีท่ารถตู้และรถสองแถวขนาดใหญ่ ข้างๆกันมี Tesco Lotus และยังมีตลาดบางกะปิซึ่งเป็นตลาดใหญ่ให้ไปจับจ่ายซื้อของกันได้ หากเจ็บป่วยไข้ก็มีโรงพยาบาลรามคำแหง นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยใหญ่ๆอย่าง ม.รามคำแหง เอแบค และนิด้าอีกด้วย โดยรวมแล้วทำเลนี้อาจจะไม่ได้หวือหวาเหมือนกับคอนโดในเมือง แต่ก็ถือว่าอุดมสมบูรณ์มากสำหรับแถบนี้แล้วค่ะ

การเดินทางวันนี้เราจะเริ่มจากแยกรามคำแหง เลี้ยวซ้ายไปบนถนนรามคำแหงแล้วตรงไปเรื่อยๆ ดูบรรยากาศสองข้างทางบนถนนรามคำแหง จนถึงซอยรามคำแหง 85/1 ชะลอรถอีกนิดก็จะถึงแล้วค่ะ โดยทางเข้าโครงการจะอยู่เยื้องๆกับคอนโดลุมพินี วิลล์ และอยู่ติดกับธนาคารอิสลาม

เราเริ่มจากแยกรามคำแหงซึ่งเป็นแยกที่ตัดระหว่างถนนรามคำแหงและถนนพระราม 9 โดยเราจะเลี้ยวซ้ายไปทางถนนรามคำแหงกันนะคะ

เลี้ยวซ้ายไปตามลูกศรเลยย

เราขับมาเรื่อยๆพอลงสะพานมาจะเห็น Foodland อยู่ข้างหน้าทางซ้ายมือ

โดยข้างๆ Foodland จะมี KFC ให้มาฝากท้องกันได้ด้วยนะ

ตรงมาอีกหน่อยเราจะเจอป้ายบอกทางไป ม.รามคำแหงทางซ้ายมือ  ส่วนป้ายทางขวามือจะขึ้นทางยกระดับไปถนนศรีนครินทร์ โดยเราจะขับไปขึ้นสะพานยกระดับกันนะคะ

ขึ้นทางยกระดับมาจะเจอ Major Cineplex อยู่ทางซ้ายมือ

ไม่ไกลกันจะผ่าน ม.รามคำแหง

เราขับรถมาเรื่อยๆจนถึงทางลงสะพานกันแล้วให้ชิดซ้ายเข้าไว้ก่อนนะคะ

ตรงมาอีกนิดจะเจอป้ายบอกทางตรงไปแยกลำสาลี เราก็ตรงไปก่อนนะ

ไม่ไกลกันจะเจอโชว์รูม Honda อยู่ทางซ้ายมือ

ใกล้ๆกันจะเจอซอยรามคำแหง 85/1 แล้ว ดังนั้นซอยหน้าก็จะเป็นถนนทางเข้าโครงการแล้วค่ะ

ขับมาอีกนิดก็จะเจอทางเข้าโครงการ  Living Nest รามคำแหงอยู่ทางซ้ายมือค่ะ โดยถ้าตรงไปอีกประมาณ 500 เมตรจะเป็นแยกลำสาลี

ถัดจากโครงการไปจะติดกับธนาคารอิสลามค่ะ

เส้นทางที่ 2 เราจะพาเดินจากประตูหลังของโครงการ ข้ามคลองแสนแสบไปเดินทะลุตะวันนาออกไปยังเส้นลาดพร้าวดูความอุดมสมบูรณ์ด้านหน้าตลาดตะวันนา ไปจนถึง The Mall บางกะปิ

จากประตูหลังของโครงการเดินออกมาจะเจอทางเดินเลียบคลองแสนแสบ โดยทางนี้จะเป็นทางจักรยานและทางเท้าที่คนใช้เดินทางไปท่าเรือหรือใช้ข้ามไป The Mall บางกะปิ ตะวันนา Makro กันเป็นประจำ มองไปข้างหน้าจะเป็นสะพานข้ามคลองจิกเดี๋ยวเราจะพาข้ามไปดูกันนะคะ

มายืนบนสะพานข้ามคลองจิก เรามองย้อนกลับไปในคลองจิกซึ่งเป็นคลองเล็กๆสีน้ำเป็นสีใบบัวบก น้ำในคลองไม่เสียนะคะ แต่จะมีกลิ่นคลองเป็นระรอกๆในระหว่างวัน ข้างโครงการ ทางซ้ายมือฝั่งตรงข้ามโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น

เราเดินลงจากสะพานข้ามคลองจิกจะเป็นทางเลียบคลอง มองตรงไปจะเป็นสะพานข้ามคลองแสนแสบ โดยก่อนถึงสะพานจะมีประตูเล็กๆเป็นทางเข้าที่จอดรถของห้าง Tha Mall ซึ่งจะมีบันไดทางขึ้นสะพานอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวเราจะเดินไปดูกันนะคะ

เราเลี้ยวขวาเข้ามาจะเป็นที่จอดรถของห้าง The Mall โดยเราจะเลี้ยวขึ้นบันไดทางซ้ายมือ

มองกลับไปที่ทางเดินเข้ามาจากคลองแสนแสบจะเป็นประตูเล็กๆที่มีป้อม รปภ. 1 จุด โดยประตูนี้จะเปิดให้ผ่านได้ถึงแค่ 5 ทุ่มนะคะ ดังนั้นใครจะสัญจรผ่านทางนี้ก็ต้องเผื่อเวลาก่อนประตูปิดด้วยนะ ข้างๆกันบันไดทางขึ้นสะพานข้ามคลองแสนแสบ เดี๋ยวเราจะพาเดินขึ้นบันไดกันนะ

เดินลงมาจากสะพานข้ามคลอง จะมีทางม้าลายให้ข้ามไปยังลานจอดรถด้านหลังตะวันนา

เราเดินตรงมาจะเจอเต้นท์ Container ตะวันนา เดี๋ยวพาเดินเข้าไปดูด้านในกันนะคะว่ามีอะไรบ้าง

ด้านหน้าทางเข้าจะมีทางป้ายบอกทางเดินตรงไปจะเป็นส่วนของตะวันนาแล้ว แต่ถ้าเดินไปทางขวามือจะสามารถไปทะลุ The Mall บางกะปิได้

เข้ามาภายในตะวันนาจะเป็นเต้นท์ขนาดใหญ่ที่มีร้านเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องหนัง ร้านทำผม ร้านขายอาหาร มีทั้งโซน Open air และโซนที่เป็นห้องแอร์ด้วย

เดินออกมาที่ประตูหน้าจะเป็นทางออกฝั่งบางกะปิ ด้านหน้าตะวันนามีของกินเพียบค่ะ เดี๋ยวเราเดินออกไปดูข้างนอกกัน

เดินออกมาด้านหน้าตะวันนาในเวลาประมาณ 4 โมงเย็น จะมีเต้นท์ขายอาหารหลากหลายทั้งของคาวของหวานให้มาฝากท้องกันได้

มินิบิ๊กซีก็มีนะ

เดินหาของกินด้านหน้าตะวันนาจนอิ่มท้องแล้ว มองไปด้านข้างตะวันนาจะเห็นป้าย The Mall บางกะปิ อยู่ติดกันเลย เดี๋ยวเดินไปดูบรรยากาศหน้า The Mall กันบ้างค่ะ

จากตะวันนาจะมีทางเดินไปยัง The Mall ได้ โดยทางซ้ายมือจะเป็นแยกแฮปปี้แลนด์ซึ่งเป็นแยกใหญ่ มีรถผ่านต่อวันค่อนข้างเยอะ

เดินตรงมาอีกหน่อยจะทางม้าลายที่ข้ามไปก็เป็น The Mall บางกะปิ แล้ว โดยด้านหน้า The Mall จะมีสะพานลอยสามารถข้ามไปฝั่งตรงข้ามที่มี N Park Plaza, Lotus และตลาดบางกะปิได้

เดินมาถึงหน้า The Mall บางกะปิจะมีท่ารถตู้ รถแท๊กซี่ และมีรถเมล์ผ่านหลายสาย ใครที่ต้องการใช้รถประจำทางในเส้นลาดพร้าว ก็สามารถเดินมาขึ้นรถตรงนี้ได้ค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการค่อนข้างเงียบสงบ เนื่องจากอยู่สุดซอย แต่จะมีเสียงเรือผ่านไปผ่านมาตลอดทั้งวันเนื่องจากโครงการอยู่ติดกับคลองแสนแสบ ที่จะมีเรือโดยสารประจำทางผ่านประจำอยู่แล้ว ส่วนฝั่งตรงข้ามคลองแสนแสบจะเป็นห้าง The Mall ตะวันนา และ Makro ที่เป็นโซนที่คึกคักและอุดมสมบูรณ์สูง เราสามารถเดินข้ามสะพานข้ามคลองแสนแสบไปยัง Tha Mall ได้สบายๆ ส่วนด้านขวามือของโครงการคือทิศตะวันออกเป็นคลองย่อยคือ คลองจิก ส่วนทางทิศใต้ จะติดกับ อพาร์ทเม้นท์ที่สูงประมาณ 5 ชั้น โดยจะอยู่ติดกับตึก A ซึ่งถ้าเลือกชั้น 6 ขึ้นไปก็จะไม่โดนบังวิวค่ะ ส่วนทางซ้ายมือของโครงการคือทิศตะวันตก จะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น และอาคารจอดรถของ Honda

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตะวันนา ~120 ม.
  • เดอะมอลล์ บางกะปิ ~170 ม.
  • แม็คโคร ลาดพร้าว ~170 ม.
  • เทสโก้ โลตัส บางกะปิ ~ 900 เมตร
  • ตลาดบางกะปิ ~1 กม.
  • โรงพยาบาลรามคำแหง ~1.3 กม.
  • ราชมังคลากีฬาสถานแห่งชาติ ~ 2.5 กม.
  • มหาวิทยาลัยรามคำแหง : 3 กม.
  • ABAC : 3 กม.
  • RBAC : 3.4 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Living Nest รามคำแหง เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร แบ่งเป็นอาคาร A, B และ C ตัวอาคารออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น ใช้โทนสีขาว-เทา มีการยืดหด Facade อาคารและเจาะ Void  เพื่อให้แสงสว่างเข้าภายในโถงทางเดิน ด้วยการออกแบบระเบียงที่ชั้น 3 และ 6 ให้ยื่นออกมา ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้ตัวอาคารดูน่าสนใจมากขึ้น การแบ่งฟังก์ชั่นของอาคารจะให้

  • ชั้น 1 เป็นพื้นที่จอดรถใต้อาคารทั้งหมด และมี Facilities หลักอยู่ที่กลางโครงการ ประกอบด้วย ฟิตเนส ห้องอเนกประสงค์ และสระว่ายน้ำ
  • ชั้น 2-8 เป็นส่วนที่พักอาศัยทั้งหมด โดยจะมีระเบียงนั่งเล่นที่ชั้น 3 และ 6 ของทุกอาคาร

มาดู Master Plan ของโครงการกันก่อนค่ะ ที่ดินของโครงการเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู มีการวางอาคารทั้ง 3 อาคาร ตามแนวที่ดินเป็นวงกลม ล้อมรอบ Facilities ที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งการวางผังแบบนี้มีข้อดีตรงที่อาคารทุกอาคารจะอยู่ใกล้ Facilities และสามารถมองลงมาเห็นวิวสวนและสระว่ายน้ำร่วมกันได้ โดยตึก A และ B สามารถเห็นวิวสวนและสระว่ายน้ำจาก Lobby ได้ และเมื่อเดินออกมาจาก Lobby จะเจอสวนเลย ส่วนตึก C จะไม่มีสวนรอบๆ Lobby แต่มีที่จอดรถกลางแจ้งอยู่ด้านหน้าอาคารแทน

ตัวอาคารมีทางเข้า-ออกหลักที่ถนนรามคำแหง โดยต้องเข้าซอยมาประมาณ 100 เมตร  จะเจอทางเข้าโครงการที่มีป้อม รปภ. เข้า-ออกโดยการสแกนคีย์การ์ดผ่านรั้วกั้นไม้กระดก พื้นที่ชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถใต้อาคารทั้งหมด การเดินรถเป็นแบบ One way วนซ้ายตามเข็มนาฬิกา จากอาคาร A ไปยังอาคาร C ส่วนใครที่มาทำธุระแป๊บเดียวหรือขี้เกียจวนใต้อาคารก็สามารถมาจอดรถได้ที่ลานจอดรถกลางแจ้งหน้าอาคาร C

สำหรับใครที่ต้องการเดินไปกินข้าว The Mall ตะวันนา Makro  หรือจะไปทางฝั่งลาดพร้าว ก็สามารถเดินออกจากโครงการผ่านประตูหลังที่ติดกับคลองแสนแสบ โดยจะมีพี่ รปภ. คอยดูแลการเข้า-ออก และรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมงค่ะ

มาเริ่มที่ทางเข้าโครงการจะเป็นถนนซอยของโครงการเข้าไปประมาณ 100 เมตร สุดทางจะเป็นตัวโครงการแล้วค่ะ โดยด้านหน้าจะมีป้าย Living Nest  เด่นชัด ถนนของโครงการจะอยู่สูงกว่าพื้นถนนรามคำแหงเล็กน้อย

เราเดินเข้ามาด้านในถนนทางเข้าโครงการซึ่งเป็นถนน 2 เลน กว้างประมาณ 6 เมตร ทางซ้ายมือจะติดกับตึกแถวและอพาร์ทเม้นต์ 5 ชั้น ส่วนทางขวามือติดกับธนาคารอิสลาม จะเห็นว่ารั้วโครงการทั้งสองข้างมีการตกแต่งและทาสีขาว-เทา เข้ากับ Theme สีของตัวอาคาร ดูเรียบร้อยดี

เดินมาสุดทางจะเจอกับทางเข้าโครงการ ลูกบ้านจะเข้า-ออกโดยการสแกนคีย์การ์ดผ่านรั้วกั้นไม้กระดก ถ้าเป็น Visitor จะต้องแลกบัตรกับพี่ รปภ. ก่อนค่ะ มองตรงไปจะเห็นอาคาร A B C และตรงกลางจะเป็น Facilities ของโครงการ

สำหรับคนที่ต้องการจะเข้าไปจอดรถใต้อาคาร เมื่อสแกนคีย์การ์ดเรียบร้อยก็ให้เลี้ยวซ้ายเข้าอาคาร A ไปจอดรถได้เลยนะคะ โดยการเดินรถจะเป็น One way วนซ้ายไปทางอาคาร A B และออกที่อาคาร C

เมื่อหันมาทางขวามือจะเห็นทางออกจากที่จอดรถใต้อาคารที่อาคาร C  โดยมีการนำที่กั้นสีส้มมากั้นตรงกลางไว้เพื่อกันไม่ให้เลี้ยวขวาเข้าอาคาร C แต่สำหรับใครมาทำธุระไม่นานและไม่ต้องการวนไปจอดรถใต้อาคาร ก็ขับเลยไปอีกหน่อยและเลี้ยวขวาไปจอดตรงที่จอดรถกลางแจ้งก็ได้นะคะ

โดยที่จอดรถตรงนี้จะอยู่ระหว่างอาคาร C และโซน Facilities ของโครงการ สามารถรองรับรถได้เยอะพอสมควร จากตรงนี้มองตรงไปจะเห็นทางไปยังประตูหลังของโครงการที่ติดกับคลองแสนแสบได้

บริเวณทางออกประตูหลังของโครงการจะมีพี่ รปภ. คอยรักษาความปลอดภัย การเข้า-ออก ประตูนี้จะต้องใช้การสแกนคีย์การ์ดเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านและไม่ให้คนภายนอกโมเมมาใช้งานได้ โดยประตูนี้สามารถใช้เดินออกไปยังตะวันนา The Mall บางกะปิ Makro ได้

เรากลับมาที่ทางเข้าที่จอดรถของอาคาร A เพื่อจะเดินไปดูบรรยากาศของที่จอดรถและ Lobby ของแต่ละอาคารกันนะคะ

เมื่อเข้ามาใต้อาคาร  A จะเป็นทางเดินรถตรงกลาง ขนาบด้วยที่จอดรถทั้งสองฝั่ง ตามแบบฉบับของที่จอดรถใต้อาคารทั่วไป โดยทางขวามือตรงที่มีน้องผู้หญิงยื่นอยู่จะเป็น Lobby ของอาคาร A

ข้างๆ Lobby จะเป็นที่จอดรถจักรยานและมอเตอร์ไซค์ ทางเดินเข้า Lobby จะเป็นทางลาดที่สะดวกทั้งคนทั่วไปและคนที่ต้องใช้ Wheelshair การเข้า-ออก ประตูตรงนี้สามารถเข้าได้เลยโดยไม่ต้องสแกนคีย์การ์ดนะคะ เผื่อเพื่อนมาหาก็จะได้มานั่งรอที่ Lobby  ได้เลยไม่ต้องยืนรอเมื่อยที่หน้าประตู

เข้ามาภายใน Lobby ของอาคาร A จะมีโซฟาและเก้าอี้ไว้ให้นั่งเล่น ที่ผนังเป็นหน้าต่างกระจกทั้งหมดทำให้สามารถนั่งเล่นมองวิวสระว่ายน้ำได้ โดยทางซ้ายมือจะมีประตูทางออกไปยัง Facilities ด้านนอกด้วย

จาก Lobby อาคาร A สามารถเดินออกมายัง Facilities ด้านนอกได้เลย บรรยากาศร่มรื่นดีทีเดียวค่ะ

กลับเข้าไปด้านใน Lobby ก็จะเห็นประตูทางเข้าจากลานจอดรถที่เราเข้ามาเมื่อสักครู่ ตรงกลางเป็นตู้จดหมาย และทางขวามือสุดเป็นประตูเข้าโถงลิฟต์ ที่เข้า-ออก โดยใช้การสแกนคีย์การ์ดเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน

จาก Lobby อาคาร A เราพาเดินกันต่อไปเรื่อยๆนะคะ ข้างหน้านี้จะหมดระยะของอาคาร  A แล้ว

โดยพื้นที่ที่เป็นช่องว่างระหว่างอาคารนี้ก็สามารถจอดรถได้ทั้งซ้าย-ขวาค่ะ

โดยเมื่อมองไปทางขวามือจะเห็นว่า เราสามารถจอดรถในช่องจอดได้ประมาณ 2 คัน จากตรงนี้สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำได้ด้วย

ถัดไปเราเดินเข้ามาที่ใต้อาคาร B กันต่อ นะคะ ทางขวามือข้างหน้านี้จะเป็น Lobby ของอาคาร  B แล้ว

หน้าตาทางเข้า Lobby ก็ไม่ต่างกับของอาคาร A เท่าไหร่ ทางเข้า Lobby เป็นทางลาดและเข้า-ออก โดยไม่ต้องสแกนคีย์การ์ดเหมือนกัน

เข้ามาด้านใน Lobby ของอาคาร B จะมีโซฟาและเก้าอี้ไว้ให้ ทางซ้ายมือเป็นตู้จดหมายและโถงลิฟต์ ส่วนผนังของห้องนี้เป็นหน้าต่างกระจกที่สามารถมองออกไปเห็นวิวของสระว่ายน้ำข้างนอกได้

มุมมองจาก Lobby เมื่อมองออกไปข้างนอกค่ะ วิวดีทีเดียว ทางขวามือสุดจะมีประตูทางออกไปด้านนอกได้

เมื่อออกมาจาก Lobby ก็จะสามารถเดินไปใช้ Facilities ของโครงการได้เลย

กลับเข้ามาด้านใน Lobby จะเห็นตู้จดหมายและประตูโถงลิฟต์ที่เข้า-ออก โดยการสแกนคีย์การ์ด

จาก Lobby เราเดินเลี้ยวมาตามทาง จะเห็นว่าด้านหน้าทางขวามือจะมีประตูทางเข้าโถงลิฟต์และ Lobby ของอาคาร B ได้อีกทาง โดยตรงนี้เป็นประตูเล็ก ใช้กรณีที่จอดรถฝั่งนี้แล้วก็สามารถขึ้นลิฟต์ได้เลย ไม่ต้องเดินวนเข้าไปเข้า Lobby อีกฝั่งค่ะ ประตูนี้จะเข้า-ออกโดยใช้การสแกนคีย์การ์ดก่อนนะ

เราเดินมาเรื่อยๆบริเวณใต้อาคาร B ทางซ้ายมือที่ด้านนอกอาคารจะมีสวนหย่อมให้ไปเดินเล่นได้ด้วย

บรรยากาศของสวนหย่อมตรงนี้เป็นบริเวณด้านหลังอาคาร B จะเลียบไปกับแนวรั้วโครงการ บรรยากาศร่มรื่นดี

เดินมาเรื่อยๆ ตรงที่โล่งด้านหน้าจะเป็นช่องว่างระหว่างตึก B  และ C โดยทางซ้ายมือจะสามารถไปยังประตูหลังฝั่งคลองแสนแสบที่เราพาไปดูในช่วงแรกได้ ส่วนทางขวามือจะสามารถเดินไปยังลานจอดรถกลางแจ้ง และ Facilities ของโครงการได้ จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะพาเดินไปดูใต้อาคาร C กันต่อนะคะ เมื่อมองตรงไปจะเห็นว่ามีการจอดมอเตอร์ไซค์กันหลายคันเลย

ตอนนี้เราอยู่ที่ใต้อาคาร C  เมื่อเลี้ยวโค้งมาตามทางจะเห็นตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญอยู่ทางขวามือ

ด้านหลังตู้กดน้ำดื่มก็มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญไว้ให้บริการด้วยนะ

เราเดินมาอีกหน่อยก็จะเห็นทางเข้าโถงลิฟต์และ Lobby ของอาคาร C อยู่ทางขวามือ

โดยอาคารนี้จะต่างกับอาคารอื่นนิดหน่อย ตรงที่ทางเข้าจากที่จอดรถใต้อาคารจะเป็นทางเข้าโถงลิฟต์ ส่วนทางเข้า Lobby จะต้องเดินออกมาด้านนอกอาคารบริเวณลานจอดรถกลางแจ้ง

ภายใน Lobby ของอาคาร C จะเล็กกว่าของอาคารอื่น แต่ก็มีโซฟา ที่นั่งเล่นให้ครบ รวมทั้งตู้จดหมายและประตูทางเข้าโถงลิฟต์ที่ต้องสแกนคีย์การ์ดเหมือนกับอาคารอื่นๆ

จาก Lobby มองออกไปจะไม่มีวิวสวนเหมือนกับอาคารอื่นๆ เนื่องจากอยู่ติดกับที่จอดรถกลางแจ้ง แต่จากอาคารนี้ก็สามารถเดินไปยัง Facilities ได้ในระยะใกล้ๆ เดี๋ยวเราจะพาไปดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

ทางเข้าส่วน Facilities ของโครงการจะเป็นซุ้มที่ตกแต่งด้วยระแนงสีน้ำตาล รูปทรงคล้าย Nest หรือรังนกตามชื่อโครงการเลยนะ

พื้นทางเดินเข้าไปด้านในจะเป็นทางลาดที่มีระดับสูงกว่าพื้นปกติ โดยปูด้วยพื้นปูนซีเมนต์ผิวขรุขระ จึงไม่ต้องกลัวเรื่องการลื่นนะคะ ก่อนเข้าไปด้านในจะต้องผ่านประตูอีกจุดก่อน

และเมื่อเข้ามาด้านในจะเจอทางแยกซ้ายไปยังโซนสระว่ายน้ำ และทางขวาเป็นประตูทางเข้าห้องอเนกประสงค์และห้องฟิตเนส

เมื่อมองเข้ามาที่ตัวอาคารจะเห็นว่าทางซ้ายมือเป็นห้องฟิตเนส ส่วนทางขวามือเป็นห้องอเนกประสงค์นะคะ โดยทั้งสองห้องนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ 06.00 น. –  22.00 น.

ภายในห้องอเนกประสงค์ จะมีชุดโต๊ะเก้าอี้ไว้ให้ สามารถมานั่งเล่น คุยงาน ประชุมงานได้

ติดกันเป็นห้อง Fitness ที่บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างโปร่ง มีการติดกระจกเงาที่ผนังช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นและสามารถส่องกระจกดูร่างกายขณะออกกำลังกายได้ และผนังอีกด้านจะเป็นกระจกทั้งหมดช่วยให้สามารถมองวิวสระว่ายน้ำขณะออกกำลังกายได้ด้วย

ข้างๆฟิตเนสจะเป็นห้องน้ำและส่วนอาบน้ำกลางแจ้ง และมีทางเดินไปยังสวนด้านข้าง

ส่วนอาบน้ำจะมีฝักบัวให้จำนวนสองชุด ข้างๆกันเป็นห้องน้ำสาธารณะแยกชายหญิง

ถัดจากส่วนล้างตัวและห้องน้ำจะมีสวนเล็กๆพร้อมกระบะทราย ให้เด็กๆมาเล่นได้

ถัดไปเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดประมาณ  20 x 10 เมตร ลึก 1.2 เมตร แบ่งเป็นสระเด็ก ขนาดประมาณ 2 x 3 เมตร ลึก 0.60 เมตร รอบๆสระมี Day Bed และเก้าอี้นั่งเล่นให้รอบๆ จากสระนี้มีทางเดินไปยังอาคาร A และ B  ได้ด้วย

มุมมองจากสระว่ายน้ำเมื่อมองไปยังฟิตเนส

ข้อปฎิบัติในการลงสระว่ายน้ำ

เนื่องจากสระว่ายน้ำนี้จะอยู่ตรงกลางโครงการซึ่งจะเชื่อมต่อกับลานจอดรถของแต่ละอาคารด้วย จึงมีการจัดสวนเพื่อสร้างความร่มรื่นและเป็น Buffer ระหว่างสระว่ายน้ำและที่จอดรถ ช่วยเพิ่มความ Privacy ให้ผู้ที่มาว่ายน้ำได้ส่วนหนึ่งค่ะ

 

living nest รามคำแหง (21)

ผังชั้น 2 ตึก A จัดเป็นตัว L มี 20 ห้องต่อชั้น รวมทั้งตึกมี 140 ห้อง ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อตึก อัตราส่วนลิฟท์ 70 : 1 ตัว ถือว่าอยู่ในระดับสบายๆไม่หนาแน่นมากนะคะ ห้องที่อยู่ด้านทิศใต้ จะใกล้กับ Inter Apartment ถือเป็นด้านที่เด่นน้อยสุด ด้านทิศเหนือจะเป็นวิวสวนและสระในโครงการ แต่ก็โดนตึก B บังวิวระยะไกลด้วยนะ ส่วนด้านทิศตะวันตก วิวค่อนข้างเปิดโล่ง แต่จะร้อนกว่าทิศอื่นๆ

 

ผังชั้น 2 ของตึก B จัดเป็นตัว L เช่นกัน แต่ละชั้นมี 27 ห้อง รวมทั้งตึกมี 189 ห้อง ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อตึก อัตราส่วนลิฟท์ 90 : 1  ถือว่ายังอยู่ในระดับมาตรฐาน ห้องที่อยู่ด้านทิศตะวันตก จะใกล้กับบ้านพักอาศัยและอาคารจอดรถ ด้านทิศใต้จะเป็นวิวสวนและสระในโครงการ แต่ก็โดนตึก A บังวิวระยะไกลด้วยนะ ด้านทิศเหนือเป็นด้านคลองแสนแสบ วิวค่อนข้างเปิดโล่ง

 

 

ผังชั้น 2 ของตึก C  แต่ละชั้นมี 31 ห้อง รวมทั้งตึกมี 217 ห้อง ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อตึก อัตราส่วนลิฟท์ 109 : 1 ถือว่าหนาแน่นกว่าระดับมาตรฐานไปหน่อยค่ะ ในช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะต้องรอลิฟท์หน่อย ห้องที่อยู่ด้านทิศตะวันออกจะติดกับคลองจิก ชั้นนี้อาจจะได้กลิ่นคลองบ้างนะ ด้านทิศตะวันตกจะเป็นวิวสวนและสระในโครงการ ส่วนด้านทิศเหนือเป็นด้านคลองแสนแสบ วิวค่อนข้างเปิดโล่ง

เราขึ้นมาดูที่ชั้น  2 ของตึก C กันนะคะ บรรยากาศของโถงลิฟต์ไม่มืดเนื่องจากมีช่องแสงและมีการเปิดไฟ Warm white ช่วยให้แสงสว่าง

จากโถงลิฟต์ เราหันไปมองทางซ้ายมือ จะเห็นว่าโถงทางเดินเป็นโทนขาว-เทา และมีการใช้แสง Warm white ทั้งอาคาร

หันไปฝั่งตรงข้ามกันจะมีทางแยกซ้าย-ขวา

มองไปทางซ้ายจะเป็นหน้าต่างบานใหญ่ ช่วยให้แสงสว่างเข้าอาคารได้ดี

ส่วนถ้ามองไปทางขวามือจะเป็นห้องพักอาศัยไปจนสุดทาง จะเห็นว่าทางเดินภายในอาคารไม่มืด เนื่องจากมีมีแสงสว่างจากหน้าต่างเมื่อสักครู่ (ภาพบน)มาช่วยด้วยส่วนหนึ่ง

living nest รามคำแหง (15)living nest รามคำแหง (10)

ผังชั้น  3 ของตึก A, B  และ C  จะเหมือนชั้น 2 ทุกประการเพียงแต่มีระเบียงสวนยื่นออกมา

เราขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น  3  แล้วมองไปทางซ้ายมือจะเป็นโถงทางเดินที่สุดทางจะเป็นห้องพักอาศัย ซึ่งเราจะเห็นว่าปลายของอาคารจะทึบ แต่ตรงกลางทางเดินจะมีแสงสว่างเข้าอาคาร เนื่องจากตรงนั้นโครงการเจาะ Void แล้วทำเป็นพื้นที่สวนเพื่อเพิ่มแสงสว่างให้ทางเดินนั่นเอง

เราเดินมาที่กลางอาคารจะเห็นผนังกระจกและประตูทางออกไปยังสวนชั้น  3

สวนของโครงการจะเป็นระเบียงยื่นออกไปจากตัวอาคาร มีการปูพื้นด้วยหญ้าเทียม จัดสวน และวางโต๊ะเก้าอี้ไว้ให้นั่งเล่น

เมื่อมองกลับเข้าไปที่ประตูทางเข้าจะเห็นว่าระเบียงนี้เป็นพื้นที่ Double Volume สูง 3 ชั้น โดยชั้น 4-5 จะไม่มีระเบียง แต่มีหน้าต่างบานใหญ่ที่ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าอาคารและสามารถมองลงมาเห็นสวนด้านล่างได้ ว่าแล้วเราก็พาไปดูชั้น 4 กันต่อดีกว่าค่ะ

living nest รามคำแหง (19)living nest รามคำแหง (14)living nest รามคำแหง (9)

ผังชั้น 4-5 ของตึก A,B และ C จะเหมือนกับชั้น 2 ทุกประการ

เราขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น  4  แล้วมองไปทางซ้ายมือจะเป็นโถงทางเดินที่บรรยากาศไม่ต่างกับชั้น 2 และ 3 ตรงกลางโถงทางเดินจะมีจุดสว่างตรงที่แสงเข้า

ซึ่งตรงนั้นจะเป็นผนังกระจกบานใหญ่ที่มองลงไปแล้วเห็นสวนด้านล่าง และเป็นส่วนที่ทำให้โถงทางเดินในอาคารไม่มืดด้วย เพราะแสงเข้าดีมาก

 

living nest รามคำแหง (17)living nest รามคำแหง (13)

living nest รามคำแหง (8)

ผังชั้น 6 ของตึก A, B และ C กลับมามีระเบียงสวนยื่นเหมือนชั้น 3 ส่วนชั้น 7-8 ก็เหมือนชั้น 6 แต่ไม่มีระเบียงสวนยื่นค่ะ

เราขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น  6  แล้วมองไปทางซ้ายมือจะเป็นโถงทางเดินที่ตรงกลางโถงทางเดินจะมีจุดสว่างซึ่งเป็นพื้นที่ระเบียงเหมือนกับชั้น 3 เดี๋ยวเราจะเดินไปตรงนั้นกันนะ

ออกมาที่ระเบียงชั้น 6 บรรยากาศไม่ต่างกับชั้น 3 เท่าใดนัก เพียงแต่ระเบียงของชั้นนี้จะยื่นน้อยกว่าชั้น 3

วิวจากระเบียงชั้น 6 ของตึก C สามารถเห็นภาพรวมของโครงการทั้งโครงการ

มองกลับไปที่ประตูทางเข้า จะเห็นว่าพื้นที่ตรงนี้เป็น Double Volume ที่ชั้น 7-8 จะไม่มีระเบียง แต่มีหน้าต่างบานใหญ่ที่มองลงมาแล้วเห็นสวนด้านล่างแทนค่ะ

วิวของโครงการจากตึก B ทางทิศเหนือ จะได้วิวคลองแสนแสบ Makro ตะวันนา วิวทางฝั่งบางกะปิ

ส่วนถ้ามองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ก็จะเป็นวิวทางคลองแสนแสบและเห็นห้าง Makro ตะวันนา The Mall เต็มๆ

วิวทางทิศตะวันออก จากตึก C จะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นและเห็นหลังคาลานจอดรถของห้าง Tha Mall มองตรงไปจะเห็นอพาร์ทเม้นท์หนาแน่นทีเดียว

วิวทางทิศใต้ จากตึก C จะได้วิวฝั่งรามคำแหง โดยตรงนี้จะเห็นหลังคาธนาคารอิสลาม และมองตรงไปจะเห็นตึกลุมพินี วิลล์

ส่วนวิวทางทิศตะวันตก จะเป็นบ้านพักอาศัยและเห็นลานจอดรถของศูนย์ Honda

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดประมาณ  20 x 10 เมตร ลึก 1.2 เมตร แบ่งเป็นสระเด็ก ขนาดประมาณ 2 x 3 เมตร ลึก 0.60 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย
  • สวนในโครงการ
  • Jogging Track
  • Multi Purpose room
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์ ตึก A 70:1 ตึก B 90:1  และตึก C  109:1
  • ที่จอดรถ 218 คัน คิดเป็น 40% รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card

 

 


Product Walkthrough

ห้องพักในโครงการจะเน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom ซะเป็นส่วนใหญ่ รายการการขายที่ในวันที่เข้าไปเก็บข้อมูลจะเป็นไปแบบ Fully Furnished ให้ครัว Built-in สุขภัณฑ์ในห้องน้ำไม่รวมฉากกั้น โต๊ะวางทีวี เตียง ตู้เสื้อผ้าและ Furniture ลอยตัวของ Modernform โดยห้องพักของโครงการประกอบด้วย

  • Studio 22 ตารางเมตร จำนวน 21 ยูนิต
  • 1 Bedroom 25 – 37 ตารางเมตร จำนวน 497 ยูนิต
  • 2 Bedrooms 46 – 50 ตารางเมตร จำนวน 28 ยูนิต

โดยห้องที่เราจะพาไปดูในวันนี้เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 31 ตารางเมตร และห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 50 ตารางเมตร

living nest รามคำแหง (28)

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 31.34 ตารางเมตร ห้องนี้เน้นการใช้งานส่วน Living Area เพราะให้สัดส่วนมามากกว่าพื้นที่อื่นๆโดยโครงการให้เป็นแบบครัวเปิด แต่ถ้าเราชอบทำอาหารก็กั้นเป็นครัวปิดได้ โดยพื้นที่ครัวจะเชื่อมต่อกับระเบียงสามารถเปิดออกไประบายอากาศได้ค่ะ โดยจุดเด่นของห้องนี้คือจะมีหน้าต่างที่ระเบียงให้อีกจุดหนึ่ง ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่ใช้งานอื่นๆได้อเนกประสงค์ นอกจากนี้ที่ระเบียงยังมีจุดวาง CDU ที่มีประตูกั้นเป็นสัดส่วน ดังนั้นหากจะใช้งานระเบียงก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนจาก CDU แอร์ค่ะ

ถัดไปเป็นพื้นที่ห้องน้ำที่มีการแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งเรียบร้อย แต่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้นะต้องหามาติดเอง ส่วนห้องนอนขนาดกระทัดรัด ได้หน้าต่างบานใหญ่ช่วยให้แสงเข้าดีค่ะ

ประตูห้องเป็นบานปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ พร้อมตาแมว มีป้ายบอกเลขห้องเรียบร้อย โดยจะใช้โทนสีนี้ทุกห้องค่ะ

มือจับเป็นสแตนเลสแบบก้านโยก

มองกลับไปยังประตูทางเข้าจะเห็นพื้นที่นั่งเล่นมีขนาดประมาณ 3.5 x 2.4 เมตร มีระยะดูทีวีประมาณ 3.2 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด  60″ จะเป็นระยะที่พอกับสายตาค่ะ ภายในห้องนั่งเล่นจะแถมเฟอร์นิเจอร์ที่มีโซฟาพร้อมโต๊ะกลาง และโต๊ะวางทีวีบน-ล่างมาให้

โซฟาที่โครงการให้เป็นแบบ 2 ที่นั่ง ขนาดประมาณ 1.3 x 0.9 เมตร พร้อมโต๊ะกลางทรงสี่เหลี่ยมสีขาว 1 ตัว

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นชั้นวางทีวีบน-ล่าง ที่โครงการติดตั้งมาให้แบบนี้เลย ข้างๆกันทางซ้ายมือเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำนะคะ

ลิ้นชักที่ตู้วางทีวีด้านล่างสามารถเปิดออกมาใส่ของได้แบบนี้

ติดกันเป็นห้องน้ำขนาดประมาณ 2.4 x 1.5 เมตร ใช้โทนสีครีม ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงา, จุดวางโถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกสำหรับอาบนำ้ซึ่งไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้นะคะ

ถัดไปเป็นห้องครัวขนาดประมาณ  2.8 x 2.25 เมตร โดยระยะห่างจากโต๊ะรับประทานอาหารถึงครัวมีระยะประมาณ 0.88 เมตร ก็ถือว่ายืนทำกับข้าวสบายๆไม่อึดอัดนะคะ ข้อดีสำหรับการจัดพื้นที่เป็นครัวเปิดแบบนี้คือช่วยให้ห้องดูกว้าง แต่ข้อเสียก็คือเวลาเราทำกับข้าวกลิ่นจะอบอวนไปทั่วห้อง ซึ่งยังดีที่ห้องนี้ติดกับระเบียงเราจึงสามารถเปิดประตูระบายอากาศได้ แต่ถ้าใครชอบทำกับข้าวบ่อยๆก็แนะนำให้กั้นห้องเป็นครัวปิดได้นะคะ แต่ก็จะแลกมาด้วยพื้นที่ของ Living room ที่จะดูแคบลง ดังนั้นไม่มีแบบไหนดีหรือแย่นะ อยู่ที่ว่าไลฟ์สไตล์เราเหมาะกับพื้นที่แบบไหนมากกว่าค่ะ สำหรับเฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้จะให้เคาน์เตอร์ครัว Built-in และโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งแบบนี้เลย

โต๊ะรับประทานอาหารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าพร้อมเก้าอี้สีขาว 2 ตัว

ตรงข้ามกันเป็นชุดครัวที่โครงการ Built-in มาให้ทั้งด้านบนและด้านล่าง หน้าบานเป็นลามิเนตลายไม้ ทางซ้ายมือมีพื้นที่เว้นไว้ให้วางตู้เย็นขนาดความกว้างประมาณ 1 เมตร

ตรงผนังเคาน์เตอร์ห้องจริงจะเป็นปูนฉาบเรียบทาสีธรรมดา ซึ่งอนาคตถ้าเราล้างจานตรงนี้อาจจะทำให้ผนังชื้นและขึ้นรา หรือเกิดคราบสะสม ทำความสะอาดได้ยาก จึงแนะนำให้ปูกระเบื้องหรือติดพลาสติกกันเปื้อน เพื่อทำให้ง่ายและสะดวกต่อการทำความสะอาดมากขึ้นนะคะ ที่เคาน์เตอร์ครัวติดตั้งอ่างล้างจานพร้อมเตาและที่ดูดควันของ Teka มาให้

อ่างล้างจานทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าของ Teka และก็อกน้ำเป็นสแตนเลสทรงโค้งหมุนได้ซ้ายขวา

โดยที่ระเบียงจะมีราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสูงประมาณ  1.1 เมตร และที่ราวกันตกก็มีประตูบานเลื่อนติดตั้งอีกชั้นหนึ่ง ทำให้พื้นที่นี้สามารถเป็นทั้งพื้นที่แบบ indoor และ semi-outdoor ไปในตัว เราสามารถจัดมุมนี้ให้เป็นที่นั่งเล่น จัดสวนหรือจะใช้เป็นที่ตากผ้าเฉยๆก็ได้ แล้วแต่การใช้งาน หรือเวลาตากผ้าไว้ที่ระเบียงแล้วกลัวฝนตก เราก็ปิดประตูระเบียงไว้ก่อนได้ค่ะ

โดย Facade ของอาคารเมื่อมองจากด้านนอกก็จะได้มุมมองแบบนี้ค่ะ เป็นการเพิ่มฟังก์ชั่นและลูกเล่นให้อาคารไปด้วยในตัว

ทางขวามือของระเบียงจะเป็นพื้นที่ติดตั้ง CDU ที่แยกส่วนออกไป โดยมีการกั้นด้วยประตูเป็นสัดส่วน แถมมีระแนงมาบัง CDU ด้วย ทำให้เมื่อมองเข้ามาที่อาคารจะดูเรียบร้อยขึ้น

มือจับประตูเป็นแบบก้านโยกค่อนข้างแน่นหนา

ส่วนฝั่งตรงข้ามห้องวาง CDU แอร์ เป็นพื้นที่ว่างที่สามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นแบบนี้ได้ ที่ผนังมีเต้ารับแบบกันน้ำติดตั้งมาให้ 1 จุด

ถัดไปเราจะพาไปดูห้องนอนกันบ้างนะคะ โดยประตูห้องนอนจะเป็นหน้าบานลามิเนต

ที่ผนังข้างๆเตียงเป็นหน้าต่างบานเลื่อนและบาน Fix ที่กว้าง ช่วยให้แสงเข้าห้องได้ดี พื้นที่ทางเดินข้างเตียงมีระยะประมาณ 0.60 เมตร สามารถเดินขึ้นลงเตียงได้สบายๆ และมีระยะพอที่จะวางโต๊ะหัวเตียงได้ด้วย

โดยโครงการจะให้โต๊ะหัวเตียงตัวนี้ด้วยนะคะ

พื้นที่ข้างเตียงอีกด้านเป็นประตูเข้าห้องและตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in มาให้แบบนี้เลยค่ะ

เนื่องจากบานตู้เสื้อผ้าเป็นบานเปิดและระยะข้างเตียงถึงตู้เสื้อผ้าอยู่ที่ประมาณ 0.55 เมตร ดังนั้นเมื่อเปิดออกมาแล้วบานตู้แทบจะติดกับเตียงพอดีเลยค่ะ

ถัดไปเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 50.36 – 50.37 ตร.ม. เมื่อเข้าไปในห้องจะเจอ Living Area ที่มีครัวเปิด ซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่ได้ทำอาหารหนักบ่อยๆแต่ชอบห้องนั่งเล่นที่มีพื้นที่ใหญ่ๆโล่งๆ นอกจากนี้ยังมีระเบียงกว้างช่วยให้สามารถมองวิวจากห้องนั่งเล่น หรือสามารถตั้งโต๊ะ-เก้าอี้ด้านนอก เพื่อใช้เป็นที่นั่งเล่นแบบ Outdoor ได้ ถัดไปเป็นห้องน้ำที่แยกส่วนเปียกส่วนแห้งให้เรียบร้อย เนื่องจากเป็นห้องน้ำกลางและเป็นห้องน้ำหลักของห้องนอนเล็กด้วย ถัดไปเป็นห้องนอนเล็กที่สามารถวางเตียง โต๊ะเขียนหนังสือ และตู้เสื้อผ้าได้ ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำในตัวให้ค่ะ

เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอพื้นที่ Living area ที่เชื่อมต่อกับระเบียง ทางขวามือจะเป็นห้องน้ำและห้องนอนเล็ก ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นห้องนอนใหญ่ค่ะ

มองกลับไปที่ประตูทางเข้าจะมีชุดครัว Built-in มีอ่างล้างจาน เตาและที่ดูดควันมาให้เหมือนกับห้องนอนแบบแรกเลย ทางซ้ายมือเป็นที่ว่างหน้ากว้างประมาณ 1 เมตร สำหรับวางตู้เย็น

ภายในส่วน Living area มีขนาดประมาณ 5.8 x 2.35 เมตร สามารถจัดเป็นพื้นที่รับประทานอาหารและห้องนั่งเล่นได้

โต๊ะรับประทานอาหารที่โครงการให้มาเป็นโต๊ะพร้อมเก้าอี้ขนาด 4 ที่นั่ง แบบมาตรฐานโครงการไม่ใช่แบบในห้องตัวอย่างนะคะ

ถัดไปเป็นส่วนนั่งเล่นที่โครงการให้โซฟาพร้อมโต๊ะวางทีวีบน-ล่างมาให้ แต่รุ่นจริงที่ได้จะเป็นรุ่นเดียวกับห้อง 1 Bedroom แบบแรกไม่ใช่รุ่นนี้นะคะ โดยห้องนี้จะมีระยะดูทีวีอยู่ที่  2 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 40″ จะเป็นขนาดทีวีที่พอดีกับสายตาค่ะ ถัดจากส่วนนั่งเล่นไปจะเป็นระเบียงที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดประตูค่อนข้างกว้าง ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าดีและทำให้เราสามารถนั่งมองวิวจากห้องนั่งเล่นได้ด้วย

ระเบียงห้องฝั่งหนึ่งเป็นราวกันตกเหล็กโปร่งแบบเข้ามุม ความสูงราวกันตกประมาณ 1.1 เมตร ทางขวามือสุดมีโคมไฟ ก๊อกน้ำและเต้ารับกันน้ำให้ด้วย

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นจุดวาง CDU แอร์ แบบนี้เลย

ห้องตัวอย่างที่เราไปถ่ายอยู่ที่ชั้น 8 ตึก B โซนด้านในจะได้วิวประมาณนี้ค่ะ

มองลงมาเห็นสระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลางแบบนี้ด้วย

จากระเบียงเราจะพากลับเข้าไปในห้อง ทางขวามือจะเป็นห้องนอนใหญ่ ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นห้องนอนเล็กและห้องน้ำ โดยเราจะพาไปดูทางซ้ายมือกันก่อนนะคะ

ประตูของห้องนอนเล็กและห้องน้ำจะเหมือนกันคือเป็นประตูลามิเนตลายไม้

เข้ามาภายในห้องน้ำขนาดประมาณ 2.3 x 1.3 เมตร ใช้โทนสีครีม ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ อ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกสำหรับอาบนำ้ โดยขวามือเป็นอ่างล้างหน้าลอยตัวพร้อมชั้นวางของและกระจกเงาติดผนัง ส่วนทางซ้ายมือเป็นพื้นที่วางโถสุขภัณฑ์ของ  Cotto

ถัดไปเป็นพื้นที่อาบน้ำ ขนาด 1.07 x 0.90 เมตร ที่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ แนะนำให้หาฉากกั้นกระจกหรือผ้าม่านแบบกันน้ำมาติดนะคะ เวลาอาบน้ำจะได้ไม่กระเด็นไปเปียกส่วนแห้งบริเวณอื่นๆ

ถัดมาเป็นห้องนอนเล็กขนาดประมาณ  3.55 x 2.5  เมตร โดยห้องตามมาตรฐานของจริงโครงการจะให้เตียงขนาด 5 ฟุตแบบห้อง1 Bedroom แบบแรกนะคะ  ห้องนี้มีหน้าต่างค่อนข้างกว้าง เมื่อเปิดม่านแล้วแสงธรรมชาติจึงเข้าได้ดี และรับวิวได้จากเตียงนอน

ที่ผนังข้างประตูทางเข้า โครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้แบบห้อง 1 Bedroom ห้องแรกเช่นกัน

ถัดไปเราจะพาไปดูห้องนอนใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันบ้าง

เข้ามาภายในห้องนอนใหญ่ขนาดประมาณ 4.3 x 3.63 เมตรที่มีห้องน้ำให้ในตัว โดยห้องนี้มีหน้าต่างบานใหญ่ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าดีมาก เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องจะให้เตียงขนาด 5 ฟุตเหมือนห้องแบบ 1 Bedroom ห้องแรกค่ะ

พื้นที่ปลายเตียงจากเตียงถึงผนังมีระยะประมาณ 1.5 เมตร ขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถวางโต๊ะวางทีวีและโต๊ะเขียนหนังสือแบบให้ห้องตัวอย่างได้ แต่ของจริงจะไม่มีให้นะคะ

ที่ผนังข้างเตียงจะ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้สเปคเดียวกับห้อง 1 Bedroom ห้องแรก ข้างๆตู้เสื้อผ้าเป็นประตูห้องน้ำ

เข้ามาภายในห้องน้ำขนาดประมาณ 2.45 x 1.5 เมตร ใช้โทนสีครีม มีการจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงา, จุดวางโถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกสำหรับอาบนำ้ซึ่งไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้นะคะ

ทางซ้ายมือเป็นอ่างล้างหน้าแบบลอยตัวพร้อมชั้นวางของและกระจกเงาติดผนัง ส่วนทางขวามือเป็นพื้นที่วางโถสุขภัณฑ์ของ  Cotto พร้อมสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ ที่ผนังด้านข้างมีการเจาะช่องให้วางของได้อเนกประสงค์ค่ะ

ถัดไปเป็นพื้นที่อาบน้ำ ขนาดประมาณ 1.07 x 0.86 เมตร ที่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ที่ผนังมีการติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำพร้อมที่เจาะช่องที่ผนังสำหรับวางสบู่มาให้เหมือนกับห้องน้ำห้องอื่นๆค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 17 Jan, 2017

  • 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 4 ห้อง B405 เนื้อที่ 25.2 ตร.ม. ราคา 1,749,800 บาท หรือ 69,437 บาท/ตร.ม.(โปรโมชั่นปัจจุบัน ราคา 1,590,000 บาท หรือ 63,096 บาท/ตร.ม.)
  • 1 Bedroom อาคาร C ชั้น 8 ห้อง C823 เนื้อที่ 24.91 ตร.ม. ราคา 2,080,705 บาท หรือ 83,529 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom อาคาร C ชั้น 6 ห้อง C601 เนื้อที่ 31.82 ตร.ม. ราคา 2,570,590 บาท หรือ 80,785 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่นปัจจุบันราคา 1,990,000 บาทหรือ 61,636 บาท/ตร.ม.)
  • 2 Bedroom อาคาร A ชั้น 4 ห้อง A419 เนื้อที่ 47.02  ตร.ม. ราคา 3,844,050 บาท หรือ 81,754 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่นปัจจุบันราคา 3,436,000 บาท หรือ 73,719 ต่อตารางเมตร)

 

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา ห้อง 1 Bedroom 25,000 บาท และห้อง 2 Bedroom 50,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 40 บาท/ตร.ม./เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี
  • โปรโมชั่นภายในเดือนมกราคม 2017 :  เครื่องใช้ไฟฟ้า 3 รายการ TV ตู้เย็น ไมโครเวฟ เฉพาะห้อง 28-31 ตร.ม. และฟรีค่าใช้จ่าย ณ วันโอนกรรมสิทธิ์

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Living Nest รามคำแหง อยู่ระหว่างซอยรามคำแหง 85/1 และ 85/2 มีทางเข้า-ออกหลักอยู่ที่ถนนรามคำแหง ใกล้แยกลำสาลี แต่จุดเด่นของที่นี่คือการที่อยู่ด้านหลัง The Mall บางกะปิ ตะวันนา Makro  จากโครงการสามารถเดินข้ามคลองแสนแสบไปได้ในระยะไม่ถึง 200 เมตร ซึ่งความอุดมสมบูรณ์เหล่านี้อาจจะไม่ได้หวือหวาเหมือนกับคอนโดในเมือง แต่ก็ถือว่าอุดมสมบูรณ์มากสำหรับแถบนี้แล้วค่ะ

ตัวโครงการมีราคาอยู่ที่ 63,000 – 83,000  บาท/ตร.ม.โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ล้านกว่าบาทซึ่งเป็นราคาที่จับต้องได้ไม่ยากนัก เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านรามคำแหง-บางกะปิที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง ใกล้ห้างอย่าง The Mall ตะวันนา Makro หากเป็นคนที่ทำงานแถวนี้อยู่แล้วเช่น คนที่ขายของในตะวันนา พนักงานห้าง หมอ พนักงานโรงพยาบาล หรือนักศึกษาที่ต้องเช่าอพาร์ทเม้นท์หรือหอพักแถวนี้อยู่แล้ว ก็สามารถเปลี่ยนจากค่าเช่ามาเป็นเจ้าของห้องเองได้ไม่ยากค่ะ  หรืออีกทางหนึ่งสำหรับคนที่มองหาคอนโดที่อยู่ใกล้คลองแสนแสบและต้องการเดินทางด้วยเรือเพื่อเข้าเมือง โครงการนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

การเดินทางด้วยรถยนต์ สามารถใช้ถนนรามคำแหงไปยังศรีนครินทร์ ลาดพร้าว นวมินทร์  เสรีไทยได้ สำหรับการขับรถบนถนนรามคำแหงคนแถวนี้น่าจะรู้ดีว่ารถติดเอาเรื่องอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะตอนเช้าขาเข้าเมืองและตอนเย็นขาออกเมือง ดังนั้นถ้าใครที่มีเวลางานสวนทางกับคนทั่วไปเช่นออกเมืองตอนเช้า เข้าเมืองตอนเย็นก็จะสะดวกมากค่ะ สำหรับที่จอดรถรวมจอดซ้อนคัน 218 คัน หรือคิดเป็น 40% ถือว่าไม่มากสำหรับคอนโดที่ไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในปัจจุบัน (ส่วนในอนาคตก็อีกเรื่องนะ) ก็ต้องลุ้นกันดูว่ากลางคืนที่จอดจะพอหรือไม่นะคะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ หลักเลยคือบนถนนรามคำแหงจะมีรถเมล์สาย  137, 207, 60, 113 และ 71 ผ่าน รวมทั้งมีพี่วินและแท๊กซี่วิ่งผ่านตลอดทั้งวัน แต่จะต้องเดินไปหน่อย จากโครงการไปหน้าปากซอยรามคำแหงก็ประมาณ 100 เมตร ส่วนอีกทางคือเดินจากโครงการออกประตูหลังแล้วทะลุตะวันนาไปขึ้นรถฝั่งลาดพร้าว ก็จะมีรถเมล์ รถสองแถว แท๊กซี่ และท่ารถตู้ให้เลือกมากมายที่หน้า The Mall บางกะปิ และอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในการเข้าเมือง คือเดินไปขึ้นเรือที่ท่า The Mall บางกะปิ สามารถไปยังอโศก พญาไท จนถึงประตูน้ำได้ค่ะ

วัสดุที่ให้มาค่อนข้างโอเคสำหรับราคานี้นะ พื้นห้องเป็นลามิเนตลายไม้ ส่วนสุขภัณฑ์ให้ของ Cotto ซึ่งสเปควัสดุก็ให้มาตามมาตรฐาน จะมีเด่นๆหน่อยก็คือวัสดุจำพวกกรอบบานหน้าต่างที่เวลาเปิด-ปิดจะรู้สึกได้ว่าแน่นหนาดีและให้บานเลื่อนแบบ 3 ตอน ช่วยให้ใช้งานช่องเปิดได้กว้าง โดยโครงการขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ตั้งแต่เตียง ตู้เสื้อผ้าโต๊ะวางทีวี ชุดครัวที่มีอ่างล้างมือให้พร้อมเตาและที่ดูดควัน ส่วนเฟอร์นิเจอร์ให้ของ Modernform ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นตรงที่เค้าออกแบบเฟอร์นิเจอร์มาให้ลงตัวกับพื้นที่ขนาดจำกัดได้ครบและใช้งานได้จริง 

ตัวโครงการมีการออกแบบที่น่าสนใจหลายจุด จุดเด่นที่สุดคือ Facade(เปลือก) อาคาร ที่มีการยืดหดผนัง ช่วยให้หน้าตาอาคารดูมีลูกเล่น โดยใช้การออกแบบจากภายในสู่ภายนอกอย่างเช่น การออกแบบระเบียงของห้อง 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม. ให้มีบานหน้าต่างที่ระเบียงเพื่อช่วยเพิ่มฟังก์ชั่นระเบียงให้มากขึ้น และมีการติดตั้งระแนงที่จุดวาง CDU แอร์ เพื่อพรางงานระบบต่างๆช่วยให้หน้าตาอาคารดูเรียบร้อยดี นอกจากนี้ที่ชั้น 3 และ 6 ของทั้งอาคาร A, B, C จะมีระเบียงยื่นออกไป ซึ่งระเบียงนี้นอกจากจะช่วยให้ Facade  อาคารดูมีลูกเล่นแล้ว ยังช่วยเพิ่ม Facilities ให้ลูกบ้านมีส่วนนั่งพักผ่อนบนอาคาร และยังแก้ปัญหาเรื่องโถงทางเดินอาคารมืดได้ โดยแสงสว่างจะเข้าอาคารผ่านทางระเบียงนี้ รวมทั้งชั้นอื่นๆที่ไม่มีระเบียงก็ยังมีหน้าต่างบานใหญ่ช่วยให้แสงเข้าอีกทาง รวมทั้งยังมองลงมาเห็นสวนที่ชั้น 3 และ 6  ได้ด้วย 

ส่วนของห้องพักมีให้เลือกตั้งแต่แบบ Studio ขนาด 22 ตร.ม. สำหรับคนที่งบน้อย ที่โอเคกับพื้นที่ใช้สอยขนาดกระทัดรัด แต่มีฟังก์ชั่นครบและใช้งานได้จริง ส่วนห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 25 – 37 ตร.ม. จะมีสัดส่วนเยอะที่สุดในโครงการ และเป็นห้องที่มีขนาดพอดี อยู่สบายๆไม่อึดอัด เน้นพื้นที่ Living area ใหญ่ๆ และมีจุดเด่นตรงที่ระเบียงมีประตูบานเลื่อนอีกชั้น ช่วยเพิ่มฟังก์ชั่นให้ห้องได้อเนกประสงค์ ส่วนใครที่มีสมาชิกเยอะหน่อยก็มีห้องแบบ 2 Bedroom ให้เลือก ขนาด 46-50 ตร.ม.ด้วย โดยภาพรวมห้องทุก Type  ของที่นี่จะมีลักษณะที่คล้ายกันคือเป็นครัวเปิด เหมาะกับคนที่ไม่ได้ชอบทำกับข้าวบ่อยนัก แต่อาจจะประกอบอาหารเบาๆจำพวกอุ่น อบ ซะมากกว่า

Facilities ของโครงการให้มาครบทั้ง ฟิตเนส และห้องอเนกประสงค์ โดยจะอยู่ตรงกลางระหว่างอาคารทั้ง 3  ซึ่งมีทั้งข้อดีข้อเสียนะคะ ข้อดีคือช่วยให้โครงการมีมุมมองที่ดี ห้องพักทุกห้องสามารถมองลงมาเห็นวิวสระว่ายน้ำได้ แต่เมื่อทุกห้องมองลงมาเห็นได้ก็จะมีข้อเสียตรงที่จะไม่ได้ความ Privacy เวลาใช้งานสระว่ายน้ำเท่าใดนัก นอกจากนี้ยังมีสวนเล็กๆที่ชั้น 3 และ  6 ของทุกตึกให้ไปใช้งานกันได้ด้วย ส่วนลิฟต์โดยสารจะมีให้อาคารละ 2 ตัว โดยอัตราส่วนลิฟต์ตึก A 70:1 ตึก B 90:1  และตึก C  109:1 ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่หนาแน่นเท่าใดนัก แต่โดยรวมแล้วก็ให้ Facilities มาครบและออกแบบมาได้ดูดีทีเดียวสำหรับโครงการราคานี้

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 63,000 – 83,000 บาท/ตร.ม., 17 Jan, 2017

  • ทำเล 7.5/10 – ทำเลรามคำแหง-บางกะปิ ใกล้แยกลำสาลี ใกล้ The Mall-ตะวันนา-Makro
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 –เข้าออกได้หลายเส้นทาง แต่ที่จอดรถน้อยไปหน่อย
  • ไม่ใช้รถ 8/10 –สามารถไปใช้รถเมล์ แท๊กซี่ พี่วินบนถนนรามคำแหง หรือไปใช้รถตู้ สองแถว รถเมล์ที่หน้า The Mall บางกะปิก็เป็นอีกตัวเลือกแต่ต้องเดินไกลหน่อย สามารถใช้เรือคลองแสนแสบเข้าเมืองได้สะดวก โดยรวมมีตัวเลือกให้ใช้เยอะดี
  • วัสดุ 7.75/10 – วัสดุให้มาค่อนข้างดีและลงตัวกับแบบ
  • แบบ 8/10 – ตัวอาคารมีลูกเล่นที่น่าสนใจ ออกแบบได้สวยและลงตัวดี
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้ครบทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องอเนกประสงค์ สวน และมีสวนหย่อมที่ชั้น 3 และ 6 ของทุกตึก

  • ECONOMY – MAIN CLASS
  • 7.7 / 10.00

 

BOTTOM LINE

Living Nest รามคำแหง เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนมองหาคอนโดในย่านรามคำแหง-บางกะปิ ชอบทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์โดยอิง The Mall บางกะปิ ต้องการการโดยสารทางเรือคลองแสนแสบเพื่อเข้าเมือง ชอบโครงการที่มี Facilities ครบและดูดี มีงบประมาณ 1.49 – 3.9 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 10,430 – 27,300 บาท

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )