รีวิวฉบับที่ 716 … เข้าใกล้ช่วงปลายปีเข้าไปทุกทีแล้วนะครับ ตอนนี้คอนโดตากอากาศทยอยแห่กันเร่งยอด จัดโปรโมชั่นกันใหญ่ วันนี้ผม Mr.Boom ก็ขอส่งการบ้านรีวิวคอนโดตากอากาศมาให้ดูกันอีกสักแห่ง ได้แก่ บ้านแสนงาม หัวหิน จาก แสนสิริ ครับ คอนโดนี้เป็นคอนโดตึกเตี้ย 11 ตึก อยู่ติดหาดหัวหิน ในซอยเดียวกันกับร้านอาหารชมทะเล ถ้าใครเคยไปกินคงจะรู้จักดี คอนโดที่นี่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2012 แล้วครับ ผ่านมาสองปี ตอนนี้ก็สร้างเสร็จพอดี ใกล้จะเข้าอยู่ได้ละ เรียกว่าสภาพกำลังใหม่เอี่ยมยังไม่มีคนใช้งาน ผมเลยถือโอกาสไปเก็บรีวิวช่วงนี้มาให้ดูกันซะเลย เผื่อจะเป็นตัวเลือกอีกตัวสำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดตากอากาศย่านชะอำ-หัวหินครับ ลองไปดูกันเถอะ
Fact @ 13 October 2014
- บ้านแสนงาม หัวหิน
- บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
- คอนโด Low Rise 7 ชั้น 1 อาคาร และ 4 ชั้น 10 อาคาร รวม 293 ยูนิต
- ที่จอดรถนอกอาคารทั้งหมด ประมาณ 30% ของจำนวนยูนิต หรือประมาณ 88 คัน
- ที่ดินประมาณ 12-2-98 ไร่
- สร้างเสร็จปี 2014
- 1 Bedroom 44.50 – 46.50 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 66.50 – 78.00 ตารางเมตร
- 3 Bedrooms 110.00 – 133.00 ตารางเมตร
- ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 3.97 ล้านบาทหรือประมาณ 85,270 บาทต่อตารางเมตร (ต.ค. 57)
- http://www.sansiri.com/baansanngam_huahin/
- Youtube: Baan San Ngam Condo HuaHin บ้านแสนงาม คอนโดหัวหิน
- Call Center : 1685
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 12.649643, 99.955373
ที่ตั้งของโครงการ บ้านแสนงาม จะอยู่บนถนนเพชรเกษมครับ บนเส้นทางมุ่งหน้าจากชะอำไปทางหัวหิน อยู่บริเวณก่อนที่จะลอดอุโมงค์ใต้สนามบินหัวหิน จุดสังเกตจะอยู่เลยโรงแรมดุสิต รีสอร์ท หัวหิน มานิดนึง
ตัวที่ดินของโครงการจะไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่นะครับ แต่จะอยู่ลึกเข้าไปในซอย โดยจะเป็นซอยที่อยู่ตรงข้ามกับ The Venezia หัวหิน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่พึ่งเปิดในปี 2014 นี้ และจะอยู่เยื้องๆกับมหาวิทยาลัย Stamford หัวหินครับ ซอยนี้จะเป็นซอยเดียวกันกับ ร้านอาหารชมทะเล ร้านอาหารซีฟู้ดเจ้าดังที่นั่งท่องเที่ยวชอบมาแวะมาทานบ่อยๆด้วย
ในซอยเดียวกันนี้ ยังมีโครงการอสังหาฯ ทั้งคอนโดมิเนียมตากอากาศและโรงแรมรีสอร์ทต่างๆ มาขึ้นโครงการอยู่ใกล้ๆด้วย ทั้งใหม่และเก่า เช่น โบ๊ทเฮาส์หัวหิน, มิราเคิลหัวหิน, ฮาเว่นรีสอร์ท, บ้านสมประสงค์, ชูกมลคอนโด ฯลฯ บางอันก็สร้างเสร็จแล้ว บางอันก็ยังทำอยู่ บางอันก็ปิดโครงการไปแล้วครับ
การเดินทางไปยังโครงการ ผมขอตัดตอนเรื่องการเดินทางมาหัวหินไปเลยนะครับ เพราะเชื่อว่าทุกคนคงจะหาทางมาได้ไม่ยาก เราวิ่งเส้นเพชรเกษมมาเรื่อยๆ ผ่านชะอำมาก่อน มุ่งหน้าไปทางตัวเมืองหัวหิน จุดสังเกตแรกก็ให้มองหาโรงแรมดุสิตธานีก่อนเป็นอันดับแรก เพราะใหญ่และสังเกตง่าย อยู่ก่อนถึงโครงการ
พอขับเลยดุสิตธานีมาหน่อย เดี๋ยวก็จะเจอป้ายบอกทางของโครงการแล้วครับ เป็นป้ายถาวรแบบนี้เลย
ทางขวามือ อยู่ตรงข้ามกับซอยทางเข้าโครงการ จะมี The Venezia Huahin แหล่งท่องเที่ยว/ช้อปปิ้ง/ทานอาหาร ที่ใหม่ของหัวหิน
ขับมาอีกหน่อยจะเจอซอยทางเข้าโครงการครับ อยู่บนทางโค้งพอดี จะสังเกตว่าหน้าปากซอยจะมีป้ายชื่อของโครงการอสังหาอื่นๆหลายอันปะปนอยู่เต็มไปหมดเลย บ้านแสนงามเป็นหนึ่งในนั้น
เข้าซอยมาปุ๊บขับตรงเข้าไปก่อน
พอตรงเข้าซอยมาแล้วจะเจอทางแยกทางซ้ายเป็นซอยย่อย บอกว่าเป็นทางไป “หาดหฤทัย” ครับ หรือจะสังเกตป้าย “ร้านอาหารชมทะเล” หรือชื่อโครงการ “บ้านแสนงาม” ก็ได้เหมือนกัน ตอนนี้ป้ายเยอะทีเดียว ให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าไปครับ
ตรงเข้ามาในซอยเรื่อยๆ ทางขวามือจะเห็นตึกของ Boat House ที่กำลังสร้างอยู่ เป็นตึก High Rise อันใหม่ของเค้า เราขับผ่านไป
ตรงเข้ามาถึงด้านใน จะเห็นทะเลอยู่ลิบๆแล้ว แต่ใจเย็นๆอย่าพึ่งลงจากรถ เราจะเจอสี่แยกก่อน ถ้าเลี้ยวขวาตรงนี้จะไปยังร้านอาหารชมทะเลครับ แต่เราจะเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าซอยเล็กๆตรงนี้อีกที
พอเลี้ยวซ้ายมาแล้วก็จะเจอกับทางเข้าโครงการบ้านแสนงามครับอยู่ทางซ้ายมือในภาพ ป้ายหน้าโครงการไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่ เพราะที่ดินส่วนที่ติดถนนของโครงการมีน้อย จึงทำทางเข้าได้ไม่อลังการเท่าไหร่ เป็นข้อด้อยสำหรับโครงการที่อยู่ในซอยแบบนี้ครับ
เข้ามาปุ๊บจะเจอกับป้อมรปภ.หน้าโครงการ เพื่อรักษาความปลอดภัย ตรวจ Security ตรงนี้ด่านแรก ถ้าไม่ใช่ลูกบ้านก็ต้องแลกบัตรกันไปตามระเบียบ
ขับผ่านป้อมรปภ.มาแล้ว ก็จะเจอกับที่จอดรถที่เริ่มตั้งแต่ทางเข้าเลย ที่จอดรถที่นี่มี 30% ไม่รวมซ้อนคัน โดยปกติแล้วจำนวนเท่านี้ก็ถือว่ามาตรฐานสำหรับบ้านพักตากอากาศนะครับ เพราะไม่ได้เป็นที่อยู่ประจำ โอกาสที่จะมีคนเข้ามาพักพร้อมๆกันก็ไม่มากเท่ากับคอนโดในเมือง แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงเทศกาลที่มีคนมาพักเยอะๆ ทั้งลูกบ้าน, เพื่อน+ญาติของลูกบ้าน, ลูกค้าปล่อยเช่าที่เป็นขาจร รวมๆกันแล้วถ้าเอารถกันมาเยอะก็อาจจะไม่พอได้นะครับ
ส่วนตอนนี้ เดี๋ยวเราจอดรถแล้วลงไปดูโครงการด้านในกันต่อครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- The Venezia หัวหิน
- Stamford University หัวหิน
- โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน
- สนามบินหัวหิน (บ่อฝ้าย)
- สนามกอล์ฟ Palm Hill
- FN Factory Outlet
- ร้านอาหารชมทะเล
ที่ดินของโครงการบ้านแสนงาม จะเป็นที่ดินขนาดประมาณ 12 ไร่ 3 งาน หน้าตาแบบในรูปนี้ครับ โดยจะมีที่ดินส่วนทางเข้าที่จะเล็กๆหน่อยติดกับถนนซอย แล้วตัวที่ดินค่อยไปบานออกด้านในครับ แล้วก็จะมีที่ดินอีกส่วนหนึ่งที่ยื่นลงไปทางทะเลและอยู่ติดกับชายหาด ที่ดินตรงนี้มีหน้ากว้างติดหาดประมาณ 35 เมตรครับ ระยะเท่านี้สำหรับคอนโดตากอากาศก็ไม่ได้กว้างมากครับ แต่ก็ดีกว่าไม่มีส่วนที่ดินที่ติดหาดเลย เพราะชายหาดแถวๆนี้โดยปกติจะไม่มีถนนเลียบหาด คนทั่วไปจะเดินลงหาดก็ทำได้ยาก ถ้าที่ดินของคอนโดไม่อยู่ติดหาดก็จะทำให้ใช้งานได้ลำบาก
รูปแบบของตัวคอนโดมิเนียมที่นี่ เนื่องจากขนาดที่ดินค่อนข้างใหญ่ ที่นี่เลยจัดเป็นหมู่ตึก 11 ตึก ที่ล้อมรอบสระว่ายน้ำ Freeform ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางที่ดินเอาไว้ โดยตัวสระว่ายน้ำก็จะเชื่อมต่อเนื่องกันไปตลอดตัวโครงการ และลักษณะของที่ดินของโครงการบริเวณตรงกลางที่ดินจะค่อนข้างกว้าง ทำให้สามารถจัดวางตัวตึกได้มีระยะห่างพอสมควร ไม่เบียดเสียดกันจนเกินไป ส่วนบริเวณ ที่ดินที่ยื่นออกไปตรงชายหาด เค้าก็จะจัดพื้นที่หน้าหาดให้เป็นสระว่ายน้ำและพื้นที่สวนสำหรับมานั่งเล่นหรือว่ายน้ำริมทะเลได้ แยกออกมาอีกโซนหนึ่ง
ตัวตึกแบ่งเป็นตึก 7 ชั้น 1 อาคาร และตึก 4 ชั้นอีก 10 อาคาร รวมจำนวนยูนิตทั้งหมดแค่ 293 ยูนิต ซึ่งถือว่าไม่เยอะเลยสำหรับที่ดินขนาดเกือบๆ 13 ไร่ แบบนี้ และจำนวนยูนิตต่ออาคารก็อยู่ที่ราวๆ 20-30 ยูนิตเท่านั้น ทำให้ได้ความ Private ค่อนข้างมาก มีการจัดให้ตึกบางตึกเป็นแบบ Single-Loaded Corridor คือ มีห้องทางด้านเดียวของโถงทางเดิน เพื่อลดความหนาแน่นให้กับอาคาร และเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้อีกระดับหนึ่ง ตึกที่จะได้เป็น Single Corridor คือตึก 1, 2, 4, 6, 7, 8, 9 ส่วนตึก 3, 5, 10 และ 11 จะเป็นแบบ Double Corridor ตามปกติ
ทางเข้า Lobby จะอยู่ที่ตึก 1 ซึ่งอยู่ด้านหน้าติดกับที่จอดรถ ซึ่งเป็นตึกเดียวที่มี Lobby แบบเป็นสัดเป็นส่วนแบบนี้
Lobby มีขนาดไม่ได้ใหญ่มาก แต่มีการยกฝ้าเพดานขึ้นสูงแบบ Double Volume เพื่อให้ดูโปร่งโล่ง พร้อมติดกระจกสองด้านสูงพื้นจรดฝ้าเพื่อรับวิวภายนอกแบบนี้
ภายใน Lobby ก็จะมีการตกแต่งโดยใช้สีครีมเป็นหลักให้มีอารมณ์เหมือนชายหาด และหาดทราย ให้ดูเรียบๆ, ออกโมเดิร์นๆหน่อย ฝั่งนี้จะเป็นเคาน์เตอร์ต้อนรับ และมีบันไดวนขึ้นด้านข้างไปยังออฟฟิศของนิติบุคคลที่อยู่ชั้น 2
อีกด้านหนึ่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นภายใน Lobby ใช้ทั้งสำหรับรับแขก และให้ลูกค้านั่งรอบริเวณนี้ได้
บริเวณพื้นที่นั่งเล่นตรงล็อบบี้ก็จะตกแต่งออกมาออกแนวทะเลๆ ใช้วัสดุธรรมชาติพวกไม้และหินอ่อน ให้ออกแนวธรรมชาติๆหน่อย ขนาดฝ้าเพดานยังปูด้วยไม้เลย
เมื่อเดินทะลุออกมาจาก Lobby เข้ามาที่บริเวณตรงกลางที่ดิน เราจะออกมาเจอกับพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่เค้าทำเป็นสวนและสระว่ายน้ำ วิวแรกที่ได้ก็จะหน้าตาแบบนี้
ตามริมทางจะมีพื้นที่นั่งเล่น เป็น Sunken Seat ที่ Drop พื้นลงไปอยู่ระดับเดียวกับสระว่ายน้ำ ให้คนที่นั่งอยู่ด้านในรู้สึกเหมือนได้ลงไปนั่งอยู่กลางสระ แต่ไม่ต้องตัวเปียกลงไปว่ายน้ำ และยังสามารถพูดคุยกับคนที่อยู่ในน้ำได้โดยที่ไม่ต้องก้มเยอะด้วย
ตัวสระว่ายน้ำของที่นี่จัดเป็นรูปแบบ Free Form ไม่ได้เป็นสระสี่เหลี่ยมทั่วไป มีการเล่นระดับความลึกของสระน้ำ ให้มีส่วนที่ตื้นและลึกต่างๆกัน บางจุดจะมีการวาง Daybed หรือเก้าอี้ชายหาดเอาไว้แบบนี้ แต่วางลงไปในน้ำเลย
รอบๆสระก็จะเป็นทางเดิน มีการจัด Landscape เล่นระดับ เพื่อแยกส่วนการใช้งานของคนที่กำลังเล่นน้ำริมสระ กับคนที่กำลังเดินเล่นริมสวน มีแนวต้นไม้ต้นหญ้ากั้นออกจากกัน
คอนโดมิเนียมบางยูนิตที่อยู่ชั้น 1 จะมีบันไดที่เชื่อมจากระเบียงบ้านลงมาที่ข้างสระน้ำเลย เหมือนกับว่าสามารถเปิดประตูบ้านออกมาแล้วกระโดดลงสระน้ำได้เลย
บันไดทางลงสระน้ำ แทนที่จะใช้เป็นบันไดเหล็กให้ปีนขึ้นลง ที่นี่ก็จะใช้เป็นขั้นบันไดแบบ Slope ปกติ เพื่อให้เดินขึ้นลงสระได้ง่าย ที่ทำแบบนี้ได้เพราะตัวสระของเค้าก็ไม่ได้ลึกมาก ส่วนใหญ่อยู่ที่ 1.20 เมตร หรือเต็มที่ก็ 1.50 เมตรในบางจุดที่ลึกหน่อย ไม่ต้องใช้บันไดเหล็กก็ได้ แถมตัวสระมีหน้ากว้างพอที่จะใส่บันไดยาวๆแบบนี้ได้
พื้นที่สระเด็กก็จะถูกกั้นส่วนออกมาเป็นแบบนี้ มีทางเดินลงเหมือนสระผู้ใหญ่ แต่พอทำแบบนี้ก็ดูเนียนตาดี สอดคล้องกับความที่เป็นสระแบบ Freeform
ที่พื้นของสระว่ายน้ำ จะมีการฝังหลอดไฟใต้น้ำเอาไว้ด้วย ซึ่งในตอนกลางคืน จะสร้าง Light Effect ให้กับสระน้ำ ไม่ให้ดูมืดๆ และช่วยสร้างบรรยากาศตอนกลางคืนได้ดี
หน้าตา Facade ของตัวตึกคอนโด เวลามองมาจากสระว่ายน้ำก็จะเห็นเป็นแบบนี้
เนื่องจากห้องของที่นี่จะหันคอมฯแอร์ออกมาทางด้านนอกระเบียง และแขวนไว้แบบนี้เหมือนกันหมด ทำแบบนี้จะสะดวกในแง่ของการใช้งานพื้นที่ระเบียง แต่พอมองจากภายนอก ก็จะเห็นตัวเครื่องคอมฯแอร์แบบนี้ ความจริงถ้าทำได้ก็น่าจะเอาคอมฯแอร์ไปไว้ฝั่งโถงทางเดินหน้าห้องมากกว่า เพื่อให้ได้วิวจากสระว่ายน้ำที่สวยขึ้น แต่คอนโดสมัยนี้เกือบทั้งหมดก็จะเอาไว้ที่ระเบียงหมดแหละ มีน้อยที่จะเอาไว้ฝั่งโถงทางเดิน หรือส่วนอื่นเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าในการติดตั้ง
ตัวสระว่ายน้ำยาวต่อเนื่องกันไปจนถึงตึกอื่นๆ อยู่ที่ตึก 1 สามารถว่ายไปถึงตึก 9 ได้เลยนะ แต่สระตรงหน้าตึก 10-11 จะเชื่อมมาไม่ถึง ต้องเดินหน่อยนึง ประมาณ 3 ก้าว
ข้างๆสระว่ายน้ำ จะมีการจัดสวน Landscape ด้วย มีการวางต้นไม้อยู่ติดสระเพื่อสร้างร่มเงาให้กับคนที่ว่ายน้ำ เวลาว่ายน้ำเราก็ไม่อยากจะตากแดดร้อนๆกันนะจริงมั้ย
เดินต่อไปทางหน้าหาด ตรงนี้ก็มี Sunken Seat วางไว้อีก กระจายๆอยู่ตามจุด คนที่มาใช้จะได้ใช้ได้พร้อมกันหลายๆกลุ่ม
สระว่ายน้ำจะยาวต่อเนื่องกันมาจนถึงบริเวณข้างๆตึก 9 ซึ่งตรงนี้จะว่ายไม่ได้แล้ว เป็นแค่ธารน้ำ Water Feature แบบน้ำตกสวยๆ ธรรมดา ไม่ได้เอาไว้ว่าย แต่จะเดินเล่นเอาเท้าแช่น้ำก็ทำได้นะ
จากสระน้ำมองขึ้นไปยังระเบียงห้องของตึกก็จะเห็นลักษณะของระเบียงเล่นระดับ เป็นคลื่นๆแบบนี้ เวลาโดนแสงอาทิตย์ก็สวยดีเหมือนกันนะ
อีกด้านหนึ่งของธารน้ำ จะเป็นที่นั่งริมสระแบบเก้าอี้หวายแบบนี้ ด้านหลังเก้าอี้จะเป็นห้องฟิตเนสที่อยู่ใต้ตึก 1 เดี๋ยวเราเดินเข้าไปดูห้องฟิตเนสกันซะหน่อย
พื้นที่ในห้องฟิตเนสไม่ได้ให้มาเยอะมาก แค่มีพอให้วางเครื่องออกกำลังกายได้ซัก 8-10 เครื่อง แต่คนที่มาพักที่นี่คงจะไม่ได้มาเน้นออกกำลังกายจริงจังขนาดนั้นหรอก แค่พอมีให้ใช้ได้
เวลาออกกำลังอยู่ในห้องฟิตเนสก็สามารถมองออกไปด้านนอกเพื่อรับวิวสระว่ายน้ำได้ เนื่องจากผนังด้านข้างเป็นกระจกตลอดแนว
ออกจากห้องฟิตเนสแล้วเดินต่อมาทางโซนหน้าหาด ซึ่งจะเป็นบริเวณของตึก 10 และ 11 ซึ่งตรงนี้จะเป็นฝั่งที่แยกโซนออกมา เพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น มีสระน้ำอีกสระอยู่หน้าตึกสองตึกนี้
ริมสระฝั่งนี้ก็ยังจัดสวนไว้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ต้นไม้ยังไม่โตเท่าไหร่ ร่มเงายังไม่เยอะ เดี๋ยวคงต้องรอให้ต้นไม้แตกกิ่งแตกใบมากกว่านี้หน่อย
มองย้อนกลับไป วิวจากสระว่ายน้ำฝั่งนี้ก็จะได้บรรยากาศอีกแนวหนึ่ง จะโปร่งโล่งกว่า เนื่องจากตึกบริเวณนี้จะไม่หนาแน่นเท่าที่ดินด้านใน
ถัดมาส่วนสุดท้ายจะเป็นสระว่ายน้ำที่อยู่ติดกับหน้าหาดเลย ตรงนี้คือไม่ได้อยู่หน้าตึกใดตึกหนึ่ง เอาไว้สำหรับให้คนที่อยู่ตึกท้ายๆ เดินมาใช้สระข้างหน้าได้ และชมวิวทะเลจากตรงนี้ได้ เพราะเป็นส่วนที่อยู่ใกล้หาดมากที่สุด
สระน้ำด้านหน้าจะมีส่วนที่เป็นสระ Jacuzzi ด้วย และจะมีพื้นที่ที่โค้งเว้าออกมาแบบในรูป ให้คนมานั่งกันเป็นกลุ่ม แช่น้ำ พูดคุยกัน และ ชมวิวทะเลไปพร้อมๆกันได้ แต่วิวฝั่งนี้เป็นวิวทิศตะวันออกนะครับ ดังนั้นจะได้เป็นวิวพระอาทิตย์ขึ้น ไม่ใช่พระอาทิตย์ตก
จัดบรรยากาศบริเวณสระหน้าหาดออกมาได้ดีทีเดียว
พื้นที่ชายหาดตรงนี้ น้ำจะค่อนข้างลึกนะครับ ในช่วงเวลาที่ผมไปเป็นช่วงน้ำขึ้น ชายหาดเลยหายไป แต่ในช่วงน้ำลง ก็จะเห็นเป็นหาดทรายปกติ แต่ก็จะไม่ใช่หาดที่กว้างมากนะครับ หาดบริเวณนี้น้ำไม่ได้ลึกมาก แต่ก็ไม่แนะนำให้เล่นช่วงน้ำขึ้นนะ
เนื่องจากต้องป้องกันน้ำเวลาน้ำขึ้น ทางโครงการจึงต้องสร้างกำแพงขึ้นมาสูงๆแบบนี้ และทางลงหาดจะมีบันไดเป็นบันไดคอนกรีตให้เดินลงไปได้ พร้อมกับมีป้อมรปภ.เพื่อดูแลความปลอดภัย ไม่ให้มีคนภายนอกเข้าออกตรงนี้ด้วย
ทำเลตรงนี้อาจจะเล่นน้ำไม่ได้ตลอดเวลานะครับ เพราะระยะ Setback จากหน้าหาดมีน้อย พอน้ำขึ้นก็จะเดินลงไปไม่ได้แบบนี้
กลับเข้ามาดูส่วนข้างบนที่อยู่ติดหาดที่จะมีพื้นที่เหลืออีกหน่อยตรงหน้าสระว่ายน้ำ ตรงนี้เค้าจะใส่เป็น Bunker ทรายเล็กๆ ตกแต่งด้วยสวน Landscape ให้ลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นตรงนี้ เล่นทรายตรงนี้นิดๆหน่อยๆได้ เพราะบางจังหวะที่ลงไปเล่นที่ชายหาดไม่ได้ ก็จะได้นั่งเล่นตรงนี้แทน
Floor Plans
ต่อไปเรามาดู Floor Plans กันครับ เนื่องจากที่นี่มีตึกมากถึง 11 ตึก ผมคงจะไม่ได้เอามาให้ดูทั้งหมดนะครับ ถ้าใครอยากดูทั้งหมดให้เข้าไปที่ เว็บไซต์ของบ้านแสนงาม ครับ โครงการนี้เค้าไม่หวงมีให้ดูทุกตึกทุกชั้นเลย 🙂
เริ่มจากแปลนของตึก 1 ก่อน ชั้นล่างสุดจะเป็นส่วน Lobby หลักสำหรับต้อนรับแขก และออฟฟิศของนิติบุคคล, ถัดมาเป็นห้อง Fitness ที่อยู่ตรงกลางอาคาร และด้านขวาสุดทางทิศตะวันออกของตึก 1 ชั้น 1 จะมียูนิตพักอาศัยอยู่ 1 ยูนิต ซึ่งทิศนี้จะหันหน้าไปทางทะเลด้วย
ในตึกแต่ละตึกจะมีลิฟท์อยู่ 1 ตัวต่ออาคาร (ยกเว้นตึก 4 ที่จะมีลิฟท์ 2 ตัว เพราะเป็นตึก 7 ชั้น) ถึงจะมีแค่ตัวเดียวแต่ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อย คือประมาณ 20-30 ยูนิตต่ออาคาร ทำให้อัตราส่วนลิฟท์ต่อจำนวนยูนิตต่ำ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการใช้งาน แถมจำนวนชั้นก็เพียงแค่ 4 ชั้นเท่านั้น ถึงลิฟท์เสียหรือซ่อมบำรุงเราก็ยังพอเดินขึ้นลงได้ไม่ยากนัก (นอกจากว่ากระเป๋าเดินทางที่นำมาด้วยจะหนัก)
พอขึ้นมาชั้นบน ก็จะเป็นยูนิตพักอาศัยตามปกติครับ ตึก 1 นี้จะเป็นตึกที่ได้ทั้งวิวทะเล และวิวสระว่ายน้ำ จะมียูนิตทางซ้ายสุดที่เป็นทิศตะวันตก ได้วิวสระว่ายน้ำตรงกลางเต็มๆ แต่ไม่เห็นทะเล ส่วนทางขวาสุดทิศตะวันตกก็จะเห็นวิวทะเลเต็มๆ แถมได้ระเบียงกว้างรูปตัว L ด้วย เป็นยูนิต 3-Bed
ตัวโถงทางเดินของที่นี่อย่างที่บอกไปตอนแรก คือ เป็นแบบ Single Corridor ด้วย คือมีห้องเฉพาะด้านด้านเดียวของโถงทางเดิน ไม่มีห้องที่อยู่ตรงข้ามกัน ดังนั้นจะได้ความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น มีจำนวนยูนิตที่น้อยลง และยังทำให้โถงทางเดินอยู่ติดกับภายนอกอาคาร กลายเป็นส่วนเปิดโล่งที่ได้วิวภายนอก ได้แสงธรรมชาติ ได้ลมธรรมชาติด้วย แต่จะมีข้อเสียคืออาจจะมีฝนสาด หรือมีฝุ่นละอองปลิวเข้ามาภายในโถงทางเดินได้ ต้องหมั่นดูแลเรื่องความสะอาดนิดนึง
ตึกถัดมาที่อยากจะให้ดูคือตึก 4 ครับ ตึกนี้จะเป็นตึกที่มีความพิเศษตรงที่เป็นตึกเดียวในโครงการที่มีความสูง 7 ชั้น มีจำนวนยูนิต 49 ยูนิต คือชั้นละ 7 ยูนิตครับ ตึกนี้จะเป็นตึกที่ได้วิวในมุมสูงที่สุดของโครงการ และเป็นตึกที่ถ้าอยู่ชั้นสูงๆหน่อยจะได้วิวทั้งสระว่ายน้ำส่วนกลางและวิวทะเลไปพร้อมๆกันได้เลย แถมเป็นตึกที่ทุกห้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ทำให้ทุกห้อง (ที่อยู่บนๆ) มองเห็นวิวทะเลได้หมดด้วย แต่ว่าก็จะเป็นตึกที่อยู่ไกลจากทะเลมากที่สุดด้วยครับ
แปลนตึกถัดมาที่แปลกและน่าสนใจคือตึก 5 ครับ ซึ่งตึกนี้จะเป็นตึก 4 ชั้นเหมือนกัน แต่ลักษณะของโถงทางเดินจะเป็นแบบ Double Corridor ไม่ได้เป็น Single Corridor เหมือนตึกอื่นๆหลายๆตึก ตึกที่จะเป็น Double Corridor นอกจากตึก 5 ก็จะมีตึก 3, ตึก 10, และ ตึก 11 แต่ตึก 5 นี้จะมีจุดเด่นตรงที่ว่า ตัวตึกจะยื่นออกมาวางอยู่กลางสระว่ายน้ำเลย ทำให้ได้วิวสระโดยรอบ แล้วจะรู้สึกเหมือนว่าตัวสระน้ำโอบล้อมตึกอยู่ด้วย
ตึกสุดท้ายที่เด่นที่สุดและราคาสูงที่สุดของโครงการคือตึก 11 ครับ เพราะเป็นตึกที่อยู่ติดหน้าหาดที่สุด อยู่ใกล้หาดมาก เดินไปหาดได้ง่ายที่สุด มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุดแค่ 16 ยูนิต ชั้นละ 4 ยูนิตเท่านั้นเอง และด้วยความที่เป็นตึกหน้าหาดทำให้วิวที่ได้จากตึกนี้เป็นวิวทะเลที่ไม่มีตึกอื่นมาบดบังสายตาเลย โดยเฉพาะห้องที่อยู่ทางทิศตะวันออกที่จะเป็นห้อง 3-Bed ที่มีระเบียงขนาดใหญ่ ทำให้ตึกนี้เป็นตึกที่พิเศษสุดครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ระบบเกลือ แบบ Freeform รอบโครงการ แยกสระเด็ก และสระว่ายน้ำบริเวณหน้าหาด
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ที่ตึก 1
- สวนหย่อมรอบโครงการ และที่นั่งพักผ่อนตามจุดต่างๆ
- WIFI ตามจุดต่างๆบริเวณส่วนกลางของโครงการ
- ล็อบบี้ต้อนรับที่ตึก 1
- ลิฟท์โดยสาร 1 ตัวต่อ/อาคาร ยกเว้นตึก 4 มีลิฟท์ 2 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยทั้งโครงการ = 24:1
- ที่จอดรถประมาณ 30% หรือประมาณ 88 คัน
- ระบบ CCTV / Access Card / ลิฟท์ล็อคชั้น
Product Walkthrough
ต่อไปเราไปดูห้องตัวอย่างกันเถอะ ห้องแรกจะเป็นห้อง 1 ห้องนอน Type 1A ขนาด 46 ตารางเมตร ลักษณะการวาง Layout ของห้องนี้จะค่อนข้าง Balance ครับ คือเน้นพื้นที่ห้องนอน กับห้องนั่งเล่นพอๆกัน สังเกตจากแปลนจะเหมือนแบ่งกันไปคนละครึ่งเลย, ตรงกลางห้องจะมีกระจกกั้นแบ่งสัดส่วนห้องนอนกับห้องนั่งเล่นแยกกัน แต่สามารถเปิดเพื่อให้เชื่อมกันได้, ระเบียงห้องมีขนาดใหญ่หน่อยเพื่อรองรับการใช้งาน Outdoor, ครัวและส่วนรับประทานอาหารวางอยู่หน้าห้องไม่ต้องใหญ่มาก เอาแค่พอทำอาหารเล็กๆน้อยๆ ส่วนห้องน้ำ อยู่ฝั่งหน้าห้องเข้าได้จากทางห้องนอนครับ
เราเข้าไปดูในห้องกันครับ ประตูห้องจะเป็นประตูไม้หน้าตาแบบนี้ มีมือจับประตูเป็นแบบก้านโยก Stainless Steel ล็อคด้วย Dead Bolt 1 ตัวตามมาตรฐาน
พื้นห้องใส่มาเป็นกระเบื้องไวนิลลายไม้ ซึ่งอันนี้ดีแล้ว เพราะพื้นไวนิลจะทนความชื้นได้ดีกว่าพวกลามิเนต เวลาเราลงไปเล่นน้ำกลับขึ้นมาบนห้อง ตัวเปียกๆ จะได้ไม่ต้องกลัวว่าพื้นจะเสีย เดินเข้าห้องตามสบายเลย
เข้ามาในห้องปุ๊บ ช้อตแรกที่มองเห็นจะเป็นแบบนี้ครับ เจอกับพื้นที่ส่วน Living Area ก่อนเลย ห้องนี้เป็นห้องตัวอย่างที่ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์นะครับ แต่ห้องปกติจะขายแบบ Fully-Fitted ครับ คือได้เฉพาะเฟอร์นิเจอร์ Built-in บางส่วนเท่านั้นนะ
พื้นที่ครัววางอยู่ด้านหน้าห้อง โดยตัวเคาน์เตอร์ครัวนี้จะให้เป็นวัสดุมาตรฐานที่แถมให้กับทุกห้อง ยี่ห้อ Modernform เป็นเคาน์เตอร์รูปตัว L วางเตากับที่ดูดควันด้านซ้ายชิดผนัง แต่วางอ่างล้างจานไว้ด้านขวา เวลาที่ล้างจานอยู่จะได้มองเข้ามาในห้อง หรือมองออกไปยังระเบียงด้านนอกได้ ตัวครัวให้พื้นที่เก็บของมาพอประมาณสำหรับบ้านพักตากอากาศ เอาไว้ให้เก็บภาชนะ หรือพวกขนมที่ซื้อมาระหว่างทริป
ท้อปครัวเป็นหินควอซสีน้ำตาลเทา วางอ่างล้างจานแบบฝัง (Integrated Sink) และใช้หัวก็อกน้ำแบบโค้งสูงแบบนี้ ยี่ห้อ MEX ทั้งคู่
เตาไฟฟ้าแบบเซรามิก ติดมาให้เลย ยี่ห้อ Teka มี 2 หลุม
ผนังด้านหลังครัวจะปูกระเบื้องสีขาวมาให้แบบนี้ เผื่อว่าเราทำครัวเลอะผนัง จะได้สามารถเช็ด, ล้าง, ทำความสะอาดได้ ไม่ต้องกลัวสีที่ผนังจะหลุดออกมา
ที่ดูดควันเป็นแบบดูดไปปล่อยที่ระเบียง ยี่ห้อ MEX
ตู้ด้านข้างมีพื้นที่เก็บของเพิ่มอีกหน่อย หน้าบานตู้จะเป็นลามิเนตนะครับ
ฝั่งตรงข้ามครัว จะเป็นตำแหน่งเสาที่เว้าเข้าไป ตรงนี้เค้าเตรียมไว้สำหรับเป็นพื้นที่วางตู้เย็นครับ ใส่ตู้เย็นได้ขนาดประมาณนี้ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็คิดว่าน่าจะเพียงพอสำหรับบ้านตากอากาศที่อยู่กัน 2 คนละมั้ง 😀
พื้นที่รับประทานอาหาร วางอยู่ติดกับครัวเลย เฟอร์นิเจอร์อันนี้เค้าแถมเฉพาะห้องนี้นะครับ ห้องอื่นไม่ได้ให้ แต่ลองดูแนวทางการจัดพื้นที่ตรงนี้กันหน่อย เราสามารถวางโต๊ะ 4 ที่นั่งได้ ถึงแม้ห้องนี้จะอยู่กัน 2 คน แต่ถ้าเราพาเพื่อนมาก็ยังรองรับการใช้งานโต๊ะกินข้าวได้ 4 คน, ตัวเก้าอี้นั่งจะใส่เป็นม้านั่งยาว 1 ตัว โดยใช้เคาน์เตอร์ครัวที่อยู่ติดกันเป็นพนักพิงไปในตัว และมีเก้าอี้ปกติอีก 2 ตัว เผื่อระยะถอยเก้าอี้แล้วเรียบร้อย ในเวลาที่เราไม่ได้กินข้าวตรงนี้ โต๊ะนี้จะกลายเป็นโต๊ะเอนกประสงค์สำหรับกิจกรรมอื่นได้ จะนั่งแจกไพ่ เล่นเกมเศรษฐีกันตรงนี้ตอนกลางคืน หรือเอาคอมมาตั้ง นั่งคิดงาน นั่งอ่านหนังสือตรงนี้ตอนกลางวันก็ได้ ถือว่าเป็นพื้นที่ที่ใช้งานได้หลากหลายดี
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่น ซึ่งจะอยู่ติดกับระเบียงด้านนอก เพื่อให้พื้นที่ตรงนี้ได้รับแสงสว่างจากภายนอกได้เพียงพอโดยที่ไม่ต้องเปิดไฟเยอะ
ด้านหลังโซฟาจะมีผนังกระจกบานเลื่อนที่กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนอยู่ สามารถเลื่อนออกเพื่อเปิดให้พื้นที่สองส่วนนี้เชื่อมต่อกันได้ ตามที่เห็นในภาพ ให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น
ตัวรางเลื่อนของฉากกั้นห้อง วางฝังลงไปในพื้น ให้อยู่ระดับเดียวกัน ไม่ยื่นขึ้นมา ไม่ต้องกลัวสะดุด
ระยะวางโซฟาดูทีวี ไม่ได้กว้างมาก พอแค่ให้มีพื้นที่นั่งดูทีวีได้ มีพื้นที่ตรงกลางเหลือนิดหน่อยสำหรับใส่โต๊ะกลางตัวเล็กๆ ตรงนี้อย่าเลือกโต๊ะกลางที่มีขนาดใหญ่เกินไปนะครับเพราะมันจะเกะกะขวางทางเดินเวลาที่เราจะเดินออกไปที่ระเบียง
พื้นที่ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เพื่อให้สามารถเปิดออกได้กว้างๆแบบนี้ เมื่อเปิดออกแล้ว พื้นที่ระเบียงจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ภายในห้องนั่งเล่น ให้กลายเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบกึ่ง Outdoor ขนาดใหญ่ได้ แต่เวลาใช้งานจริงอาจจะต้องระวังเรื่องยุง, แมลงต่างๆ ด้วยนะครับ
พื้นที่ระเบียงด้านนอกให้มาขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับตัวห้อง มีการก่อที่นั่งหินขึ้นมาสำหรับนั่งเล่นที่ระเบียงได้แบบนี้
Compressor แอร์ นำขึ้นวางด้านบน เพื่อไม่ให้มาบังระดับสายตา มีตะแกรงล้อมรอบแบบนี้เพื่อความสวยงามเมื่อมองจากภายนอก และเป่าลมร้อนออกไปทางนอกระเบียง เพื่อให้ระเบียงไม่ร้อน และสามารถใช้งานได้สะดวก
วัสดุราง และวงกบประตูบานเลื่อน ค่อนข้างแน่นและแข็งแรงพอสมควร เวลาฝนตกหนักๆหรือลมพัดแรงๆนี่ไม่ต้องกลัวเลยว่าประตูจะสั่น
ห้องนอนให้พื้นที่มาใหญ่ กินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของทั้งยูนิต ในห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้ แต่จะใส่เป็นเตียงขนาด 6 ฟุตก็สามารถขยายขนาดได้ เพราะพื้นที่ข้างเตียงยังพอมีเหลืออยู่ สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้สองข้าง และยังมีพื้นที่สำหรับตู้เสื้อผ้าอีกหนึ่งบาน โดยตู้เสื้อผ้าเราก็ไม่ต้องเน้นให้ขนาดใหญ่มากก็ได้ เพราะอันนี้เราใช้เป็นบ้านตากอากาศ มาอยู่อาศัยระยะสั้นเป็นหลัก แต่ถ้าใครไม่พอใจ อยากจะขยายขนาดก็สามารถเพิ่มได้อีกนิดหน่อย ส่วนใครจะชอบแบบมีหน้าบานหรือไม่มีหน้าบานก็ไปเลือกเอง เพราะตู้เสื้อผ้าเขาไม่ได้แถมมาให้อยู่แล้ว
ลักษณะพื้นที่ห้องนอนที่เชื่อมกับ Living Area จะทำให้ได้พื้นที่เปิดเชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่ใหญ่ๆแบบนี้ เราจะนอนดูทีวีจากบนเตียงก็ทำได้ แต่อาจจะต้องขยายขนาดทีวีให้ใหญ่ขึ้นหน่อยให้เหมาะสมกับระยะการดู อย่างไรก็ดีอาจจะมีบางคนที่รู้สึกว่าผนังกระจกแบบนี้มันไม่ค่อย Private เท่าไหร่ ซึ่งแก้ปัญหาได้ไม่ยาก ก็ใช้วิธีติดม่านหรือมู่ลี่เอา เวลาอยากจะได้ความเป็นส่วนตัวก็ปิดม่าน ถ้าไม่ใช้ก็เปิดออกให้ห้องดูโล่งๆ หรือถ้าไม่ชอบผนังกระจกจริงๆ ก็สามารถก่อผนังทึบแล้วใส่ประตูทึบแบบปกติได้ เพราะพื้นที่ยังพอมีเหลือให้สามารถทำได้ครับ
ข้างเตียงฝั่งที่อยู่ติดกับหน้าต่าง จะมีพื้นที่ให้สามารถจัดเป็นที่นั่งเล่นริมหน้าต่างแบบนี้ได้ สำหรับตอนกลางวันที่เราอยากจะหามุมอ่านหนังสือ หรือมุมนั่งเล่นทำอะไรเล็กๆน้อยของเราไปแบบส่วนตัวๆหน่อย เพราะตรงนี้จะได้แสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาในห้อง สามารถเปิดกระจกเพื่อรับลมทะเลธรรมชาติก็ได้ และจะมีช่องหน้าต่างที่เชื่อมกับพื้นที่ส่วนระเบียงเพื่อให้สื่อสารกับคนที่อยู่นอกระเบียงได้ (จินตนาการเวลาพาเพื่อนมาปาร์ตี้ที่ห้อง)
ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่ง จะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ
ห้องน้ำของห้องนี้ก็ไม่ได้เน้นอะไรมาก ให้มาเป็นฟังก์ชั่นมาตรฐาน มีอ่างล้างหน้า-โถสุขภัณฑ์-Shower Box แบบปกติ แต่ตัวห้องน้ำจะเข้าได้จากทางห้องนอนเท่านั้น ซึ่งอันนี้แล้วแต่คนชอบครับ บางคนชอบให้ห้องน้ำอยู่ในห้องนอน บางคนชอบให้เข้าจากทางห้องนั่งเล่น บางคนชอบแบบให้เข้าได้สองด้าน
เคาน์เตอร์อ่างล้างมือขนาดไม่ใหญ่มาก พอมีพื้นที่วางของด้านข้างเล็กน้อย เป็นแบรนด์ Siri|GHM ของ Grand Home Mart แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้อยากจะให้ตัวเคาน์เตอร์มีขนาดยาวขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้วางของได้สะดวกมากขึ้น จะได้ไม่ปัดตก
หัวก็อกน้ำเป็นของ Englefield หน้าตาแบบนี้
โถสุขภัณฑ์ใช้ของ American Standard ขนาดสำหรับคุณผู้หญิงไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับคุณผู้ชายอาจจะรู้สึกว่าเล็กไปหน่อย ผนังด้านข้างติดที่ใส่กระดาษชำระฝังเข้าไปในผนัง
Shower Box วางอยู่อีกด้านหนึ่ง ติดฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัยมาให้ แต่ไม่ได้ใส่บานประตู
ที่เขาไม่ได้ใส่ประตูฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ก็เป็นเพราะว่า พื้นที่การเปิดอาจจะไม่เพียงพอ จึงไม่ใส่มาให้ดูเกะกะ พื้นที่อาบน้ำก็มีอยู่ประมาณนี้ กระเบื้องพื้นเป็นขนาด 30×30 ซม. และกระเบื้องผนังขนาด 20×40 ซม. ในซอกด้านข้างทางซ้ายของรูปจะมีการก่อที่นั่งขึ้นมาสำหรับใช้นั่งเวลาอาบน้ำได้ หรือใช้วางพวกขวดสบู่-แชมพูก็ได้
ชุดฝักบัวแบบ Rain Shower ติดมาให้เป็นมาตรฐานของทุกห้อง
หัวก็อกฝักบัวหน้าตาแบบนี้ โดยระบบน้ำจะเป็นแบบน้ำร้อนผสมน้ำเย็นครับ และติดเครื่องทำน้ำร้อนที่ใต้อ่างล้างมือ
ต่อมาจะพามาดูห้องมุม 2 ห้องนอน Type 2A-3 ขนาดประมาณ 79 ตารางเมตรครับ ห้องนี้จะเป็นห้องที่ได้หน้ากว้างพอสมควร มีระเบียงขนาดใหญ่เป็นจุดขายหลัก เพราะสามารถเปิดมาเชื่อมกับห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่สังสรรค์ขนาดใหญ่ได้ และได้วิวสระว่ายน้ำภายในโครงการด้วย เน้นพื้นที่ของส่วน Living Area เป็นหลัก, มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ โดยที่ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัว และไม่ได้กั้นด้วยผนังกระจกแล้ว จะใส่มาเป็นผนังทึบเลย
เปิดประตูเข้าห้องมาปุ๊บจะเจอกับพื้นที่ครัววางอยู่หน้าห้องเหมือนเดิมแบบนี้ และจะเป็นโถงทางเดินยาวเข้าไปยังส่วนห้องนั่งเล่น
ขนาดและพื้นที่ครัวของห้องนี้ยังคงไม่เน้นเหมือนเดิม เอาแค่มีพื้นที่เก็บของพอประมาณ ประกอบอาหารง่ายๆได้นิดหน่อย มีพื้นที่วางไมโครเวฟ, เครื่องปิ้งขนมปั้ง, กาต้มน้ำ, ที่ชงกาแฟ ฯลฯ ไม่ได้เน้นการทำอาหารในห้องมากนัก
ห้องนั่งเล่นของยูนิตนี้จะเป็นส่วนหัวใจหลักของห้อง ได้พื้นที่ใหญ่ๆตรงกลางห้อง และอยู่ติดกับช่องแสงขนาดใหญ่
ใกล้กับครัวที่สุด จะเป็นพื้นที่โต๊ะกินข้าวขนาด 6-8 ที่นั่ง จัดพื้นที่คล้ายๆกับห้องที่แล้ว คือถึงแม้จะเป็นห้อง 2-Bed แต่ก็ยังเผื่อพื้นที่ให้สำหรับพาเพื่อนๆหรือญาติๆมาสังสรรค์ด้วยกันที่ห้อง จึงให้โต๊ะกินข้าวใหญ่หน่อย และยังคงฟังก์ชั่นโต๊ะเอนกประสงค์อยู่ คือให้ใช้ทำอย่างอื่นนอกจากกินข้าวได้ด้วย
พื้นที่โซฟาดูทีวี ระยะดูทีวีกว้างมาก สามารถจัดทีวี 60-70 นิ้วได้สบายๆเลย ตรงนี้ในห้องตัวอย่างใส่โซฟามาตัวเล็กไปหน่อย ไม่ค่อยสมกับพื้นที่ที่ให้มาเยอะ แต่ถ้าเป็นห้องอื่นเค้าไม่ได้ให้โซฟามาอยู่แล้ว เราใส่โซฟาตัว L ขนาดใหญ่ได้เลย พร้อมโต๊ะกลางอีกตัวสำหรับวางขนมและเครื่องดื่ม แต่อย่าลืมเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านหน้าทีวีออกไปที่ระเบียงด้วยนะ
พื้นที่นั่งเล่นจะวางอยู่ติดกับระเบียง ซึ่งเป็นระเบียงขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับพื้นที่ทั้งหมดของห้อง เปิดเชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor แบบนี้ได้ นี่เป็นสาเหตุที่ผมบอกว่าเวลาวางโซฟาอย่าให้บังทางเดินออกระเบียง เพราะเราจะได้เดินออกไประเบียงง่ายๆ ให้รู้สึกอยากใช้ระเบียงมากขึ้น
พื้นที่ระเบียงมีพอให้สามารถเอาชุดโต๊ะเก้าอี้ออกมาตั้งข้างนอกได้ 2-4 ที่นั่ง แล้วแต่ขนาด และมีการก่อที่นั่งหินขึ้นมาให้ใช้นั่งเล่นได้เหมือนกับห้องอื่นๆ
วิวจากระเบียงห้องนี้จะมองเห็นพื้นที่สวนและสระว่ายน้ำด้านล่างด้วย
ถัดจากส่วนห้องนั่งเล่นจะเป็นโซนของห้องนอนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
ห้องนอนเล็กจะเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยผนังกระจกบานเลื่อน 2 ชุด ที่ลากมาประกอบกัน วางอยู่ด้านหลังโซฟาแบบนี้
เมื่อเลื่อนผนังกั้นออกก็จะได้พื้นที่ห้องนอนเล็กที่เชื่อมออกมาถึงด้านนอกแบบนี้ อาจจะไม่ได้เน้นความเป็นส่วนตัวมาก แต่จะเน้นให้ได้บรรยากาศสบายๆมากกว่า
พื้นที่ห้องนอนเล็กค่อนข้างแคบ แต่ยังพอวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ ถ้าใช้ผนังทึบกั้นห้อง ห้องนอนนี้จะดูแคบมาก เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้องใช้ผนังกระจกบานเลื่อน
ด้านข้างเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งตัว ใส่มาแค่พอใช้งานได้ โดยจะไม่มีหน้าบาน แต่ถ้าเลื่อนประตูกระจกกั้นห้องเข้ามา จะกลายเป็นหน้าบานให้กับตู้เสื้อผ้าไป
ต่อมาเป็นห้องน้ำที่อยู่ข้างๆ ห้องน้ำห้องนี้ก็จะได้เป็นห้องน้ำ 3 ฟังก์ชั่นมาตรฐาน ใช้อาบน้ำได้ สำหรับใช้งานทั้งห้องรับแขกและห้องนอนเล็ก
พื้นที่อ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ หน้าตาวัสดุก็จะเหมือนกับที่อยู่ในห้อง 1-Bed
พื้นที่ส่วนอาบน้ำก็ให้มาขนาดพอใช้ได้ แต่จะมีข้อดีตรงที่มีช่องแสงเล็กๆอยู่ทางด้านข้างด้วย ทำให้ห้องน้ำนี้ไม่มืดมาก ไม่ต้องเปิดไฟตลอดเวลาก็สามารถใช้งานได้ในตอนกลางวัน
สุดท้ายจะเป็นห้องนอนใหญ่ Master Bedroom ห้องนอนนี้จะเป็นห้องนอนหลัก มีระเบียงส่วนตัว และมีห้องน้ำในตัวเอง ขนาดห้องก็ค่อนข้างโอเค ใส่เตียงขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดู ใครไม่ชอบจะเปลี่ยนเป็น 6 ฟุตก็ได้ แต่ผมไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ เพราะจะทำให้พื้นที่ข้างเตียงเหลือน้อยเกินไป เพราะตอนนี้ด้านข้างเตียงต้องวางตู้เสื้อผ้าด้านหนึ่ง และโต๊ะหัวเตียงอีกด้านหนึ่ง ทางขวาของเตียงเป็นช่องเปิดออกไปยังระเบียงส่วนตัวของห้องนี้
ระเบียงห้องขนาดไม่ใหญ่มาก แค่พอมีให้ออกไปยืนรับลม หรือยืนสูบบุหรี่ด้านนอกได้
ระเบียงในห้องนอนจะทำหน้าที่อีกอย่างคือเป็นที่วางคอมฯแอร์ โดยจะวางคอมแอร์ฯซ้อนกันแบบนี้, มี Grille ปิดเพื่อบังสายตา และเป่าลมร้อนออกไปทางด้านนอกระเบียง
พื้นที่ปลายเตียงมีเหลือเยอะพอสมควร สามารถจัดชั้นวางทีวีแบบลอยตัวลักษณะนี้ได้ และยังพอมีพื้นที่ให้เดินผ่านได้ค่อนข้างสะดวก ผนังห้องนอนห้องนี้จะเป็นผนังทึบทั้งหมด เพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะยูนิตนี้จะเป็นยูนิต 2-Bed อาจจะมีคนอยู่มากกว่า 2 คน ส่วนประตูทางขวาจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ Master Bathroom
ฟังก์ชั่นของห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ก็จะเหมือนกับห้องนำ้ด้านนอกครับ พื้นที่ก็ใกล้เคียงกัน มีช่องแสงเหมือนกัน วัสดุก็เหมือนกันกับห้องน้ำห้องอื่นๆครับ น่าเสียดายไปนิดที่ไม่มีพื้นที่สำหรับวางอ่างอาบน้ำ เพราะในบ้านตากอากาศบางทีเราก็อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศมาแช่น้ำในอ่างบ้างเหมือนกัน
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 October 2014
- 1 Bedroom อาคาร 3 ชั้น 2 ห้อง 06 เนื้อที่ 46.64 ตร.ม. ราคา 3.977 ล้านบาท หรือ 85,270 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom อาคาร 4 ชั้น 2 ห้อง 03 เนื้อที่ 79.29 ตร.ม. ราคา 9.207 ล้านบาท หรือ 116,118 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom อาคาร 4 ชั้น 3 ห้อง 01 เนื้อที่ 76.12 ตร.ม. ราคา 9.629 ล้านบาท หรือ 126,498 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom อาคาร 11 ชั้น 2 ห้อง 01 เนื้อที่ 76.73 ตร.ม. ราคา 9.546 ล้านบาท หรือ 124,410 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
- จอง 50,000 – 80,000 บาท
- ทำสัญญา 100,000 – 150,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 55 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลของโครงการบ้านแสนงาม ถึงแม้ว่าตัวโฉนดที่ดินจะอยู่ในขอบเขตอำเภอชะอำ แต่ก็ถือว่าค่อนมาทางหัวหินพอสมควรแล้ว เพราะแค่ลอดใต้อุโมงค์สนามบินไปก็จะเข้าเขตหัวหินพอดี ก็ถือว่าไม่ไกลจากตัวเมืองหัวหินเท่าไรนัก ขับรถประมาณ 5-10 นาที อยู่ใกล้กับ Venezia, FN Outlet, โรงแรมดุสิตธานี, มีร้านอาหารชมทะเลอยู่ใกล้ๆด้วย รอบๆก็ไม่ได้ถึงกับอุดมสมบูรณ์มาก เน้นความสงบๆมากกว่า เพราะยอมถอยออกมาจากตัวเมืองนิดหน่อย แต่ตัวที่ดินของโครงการไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ ต้องเข้าซอยไปลึกหน่อย อาจจะทำให้หายากนิดนึง และการเข้า-ออกก็จะไม่สะดวกเท่ากับโครงการติดถนนใหญ่ สำหรับโครงการต่างจังหวัดในย่านนอกตัวเมืองแบบนี้การเดินทางต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว ไม่มีรถนี่ไม่ต้องไปไหนเลย
แต่พอพ้นจากทางเข้าเข้ามาในโครงการแล้ว บรรยากาศภายในโครงการจัดออกมาได้แตกต่างจากสภาพแวดล้อมโดยรอบมาก และทำออกมาได้น่าใช้งานดี ด้วยความที่ขนาดที่ดินค่อนข้างใหญ่ คือมีประมาณ 12 ไร่ และมีขนาดความกว้างของที่ดินที่ค่อนข้างกว้าง จึงจัดให้เป็นที่พักเชิง Hide-Away หน่อย เอาตึกมาล้อมที่ดินเอาไว้ แล้วทำสระว่ายน้ำ Freeform ตรงกลาง ทำให้เวลาเข้าไปจะได้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวมากกว่ารีสอร์ทที่เปิดๆแล้วมองเห็นที่ดินข้างๆโล่งๆ
ตัวที่ดินมีส่วนที่ติดหาดไม่มาก แค่ประมาณ 30-40 เมตร และอยู่ในตำแหน่งที่น้ำขึ้นค่อนข้างสูง บางวันลงเล่นชายหาดไม่ได้ แต่ก็ถือว่าดีกว่าไม่มีพื้นที่ให้ลงหาดเลย และโครงการก็ชดเชยให้ด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันทั้งโครงการ ทำให้ตึกที่อยู่ท้ายๆไกลจากทะเลหน่อยก็ยังมี Value เพราะลงจากตึกมาก็กระโดดลงสระน้ำหน้าตึกเล่นน้ำได้เลย และทางโครงการมีการจัด Landscape ได้ค่อนข้างโอเค ดูมีต้นไม้หนาแน่น ถ้าทิ้งไว้อีกซักพักน่าจะเป็นร่มเงาให้กับลูกบ้านได้ดีเลย
ในด้านความหนาแน่นของยูนิต ที่ดิน 12 ไร่ จัดออกมา 11 ตึก ฟังดูตอนแรกก็แอบหวั่นไหวเหมือนกัน แต่จำนวนยูนิตจริงๆมีแค่ประมาณเกือบๆ 300 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งถือว่าหลวมๆเลย มีอัตราส่วนจำนวนยูนิตต่อตึกอยู่ที่ราวๆ 20-30 ยูนิตเท่านั้นเอง ซึ่งถือว่าทำได้ดี ลิฟท์ก็ให้มาตึกละตัวเป็นมาตรฐาน ยกเว้นตึก 4 ที่มีลิฟท์ 2 ตัว เพราะเป็นตึก 7 ชั้น
ตัวตึกจัดออกมาเป็นแบบทั้ง Single Corridor และ Double Corridor และมีการบิด-หักแปลนตึกในมุมต่างๆ เพื่อให้ห้องส่วนใหญ่พอที่จะมองเห็นสระว่ายน้ำหรือเห็นทะเลได้ ซึ่งก็ทำออกมาได้ค่อนข้างโอเค ด้วยความที่ที่ดินใหญ่หน่อย ตึกแต่ละตึกเลยไม่ต้องอยู่ชิดกันมาก ตอนนี้ตึกเสร็จแล้ว เวลาซื้อเราก็สามารถไปดูได้เลยว่าห้องไหนเห็นวิวมากน้อยแค่ไหน จากห้องจริง ไม่ต้องจินตนาการจากแปลน
การออกแบบห้องจัดออกมาได้ Balance ดี แต่จะเด่นในส่วนพื้นที่ Living Area และเน้นการใช้งานแบบบ้านตากอากาศ แบ่งแต่ละยูนิตให้มีพื้นที่ใหญ่หน่อย โดยให้ยูนิต 1 ห้องนอน เริ่มต้นที่ 46 ตารางเมตร รองรับการใช้งาน 2 คนสบายๆ และเผื่อมีเพื่อนมาร่วมห้องเพิ่มได้ 1-2 คน แต่ยูนิตที่โดดเด่นและดูจะเหมาะสมกว่าจะเป็นพวกห้อง 2-3 ห้องนอนที่ขนาดใหญ่หน่อย รองรับการใช้งาน 4-6 คนขึ้นไป เช่นชวนเพื่อนมากันเป็นกลุ่มหรือเป็นมาครอบครัว มีพื้นที่ระเบียง และพื้นที่ห้องนั่งเล่น ที่สามารถใช้ปาร์ตี้สังสรรค์กันได้เต็มที่ แต่อาจจะไม่ถูกใจคนที่ชอบทำอาหาร เพราะพื้นที่ครัวส่วนใหญ่จะเป็นแบบครัวเปิด พื้นที่ครัวไม่ใหญ่ คงจะทำอะไรจริงจังมากไม่ได้
วัสดุอุปกรณ์ต่างๆในห้องก็จัดมาตามมาตรฐานแบบ Fully Fitted ให้เฟอร์นิเจอร์บางส่วน เกรดวัสดุไม่ด้อยไม่เด่นเมื่อเทียบกับราคา แต่ว่าห้องของที่นี่จะมีราคาหลากหลายมาก ยิ่งตึกที่ใกล้หาด หรือห้องที่สูงๆมองเห็นวิวทะเลสวยๆ จะยิ่งแพง ราคากระโดดมากไปถึง 130,000 บาทต่อตารางเมตรก็มี ในขณะที่ราคาเริ่มต้นแถวๆ 80,000 กว่าบาทต่อตารางเมตร ทำให้ความคุ้มค่าของวัสดุในแต่ละห้องมีไม่เท่ากันครับ ถ้าซื้อห้องถูก วัสดุก็คุ้มหน่อย แต่วิวก็ไม่สวย แต่ถ้าซื้อห้องแพง ทำเลห้องดี อาจจะรู้สึกว่าวัสดุจะด้อยกว่าราคาไปหน่อยครับ
สุดท้ายคือเรื่องสาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ, พื้นที่สวนและการจัด Landscape ของโครงการ ถือว่าทำได้ดีมาก บรรยากาศดี น่าใช้งาน แต่พื้นที่ขนาดนี้ก็ต้องการการดูแลรักษาที่ทั่วถึงและสม่ำเสมอด้วยนะครับ ถ้าจะให้ฟันธงคงไม่ได้ต้องรอดูระยะยาวว่าถ้าลูกบ้านเข้าอยู่เยอะๆ มีคนใช้งานเรื่อยๆ สภาพจะเป็นยังไงต่อ นอกจากสระว่ายน้ำภายในโครงการ ก็ยังมีสระที่อยู่หน้าหาด มีห้องฟิตเนส และพื้นที่นั่งเล่นริมหาดมาให้ด้วย รวมๆแล้วจัดว่าโอเคเลยครับ
Judgement
สำหรับโครงการบ้านพักตากอากาศ จะเป็นโครงการที่ต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าทางการเงินและความชอบส่วนบุคคลในการตัดสินใจเลือกซื้อควบคู่กันไป ดังนั้นทาง ThinkofLiving.com เห็นว่าจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่ากับโครงการลักษณะนี้ครับ
BOTTOM LINE
บ้านแสนงาม เหมาะกับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยแบบตากอากาศในโซนชะอำ-หัวหิน ใช้เป็นบ้านหลังที่สอง ไม่เน้นอยู่ประจำ ชอบทำเลและรูปแบบโครงการที่เน้นความเป็นส่วนตัวหน่อย ไม่ต้องอยู่ในเมืองมาก มองหาโครงการที่มีสระว่ายน้ำในโครงการใหญ่ๆให้ใช้งานได้เต็มที่ มีพื้นที่ให้เดินลงหาดไปเล่นน้ำทะเลได้ และได้ขนาดห้องที่รองรับการมาเป็นกลุ่มหรือครอบครัว 4-6 คน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ