รีวิวฉบับที่ 533 … สวัสดีครับ 😀 วันนี้ Mr.Boom พาไปเขาใหญ่กันอีกแล้วครับ หลังจากที่พาไปดูแต่โครงการฝั่งเขาใหญ่มาหลายแห่ง วันนี้จะพาไปดูโครงการบ้านเดี่ยวฝั่งปากช่องกันบ้างครับ นั่นคือ บ้านสีตวัน ปากช่อง-เขาใหญ่ บ้านเดี่ยวดีไซน์รีสอร์ท ผสานเทคโนโลยี SCG Heim จาก ชาญอิสสระ ซึ่งโครงการนี้รูปแบบโครงการค่อนข้างแปลก เนื่องจากเป็นโครงการที่ทาง ชาญอิสสระ และ SCG Heim ร่วมกันออกแบบตัวบ้านขึ้นใหม่ Exclusive สำหรับโครงการนี้เท่านั้น มีชาญอิสสระเป็นผู้พัฒนาโครงการ แต่ควบคุมการผลิต และการก่อสร้างโดย SCG ซึ่งก็ต้องถือว่านี่เป็นครั้งแรกที่ SCG ยอมเปลี่ยนรูปแบบบ้านของตัวเอง และทำการ Co-Design ร่วมกับ Third-Party ครับ และก็เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกันที่ ชาญอิสสระ นำบ้านและกระบวนการผลิตของ SCG มาใช้กับโครงการตัวเอง จะทำออกมาได้ดีแค่ไหนต้องลองอ่านดูในรีวิวเจาะลึกฉบันนี้ครับ 🙂
Fact @ 28 January 2014
- บ้านสีตวัน ปากช่อง เขาใหญ่ (Baan Sita Wan Pakchong-Khaoyai)
- Charn Issara Development Plc.
- เนื้อที่โครงการ 27-1-87 ไร่
- บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 52 ยูนิต
- 2-3 ห้องนอน 3-4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน
- พื้นที่ใช้สอย 238 และ 296 ตารางเมตร
- ขนาดที่ดิน
- แบบ 2 ห้องนอน 100-116 ตารางวา
- แบบ 3 ห้องนอน 117-242 ตารางวา
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
พิกัด: 14.702086,101.372345
แผนที่จากโครงการครับ ใช้อ้างอิงการเดินทางได้คร่าวๆ
มาดูแผนที่จริงจาก Google Maps ดีกว่าครับ ที่ตั้งของโครงการอยู่บน ถนนเทศบาล 5 ครับ ซึ่งเป็นถนนที่แยกมาจากทางไปปากช่อง (เทศบาล 19) อีกทีหนึ่ง โดยการไปโครงการ ถ้ามาจากสระบุรี เราก็วิ่งเส้นมิตรภาพ (#2) มาเรื่อยๆ มาเลี้ยวซ้ายไปทางปากช่อง โดยจะผ่านแยก Lotus ไปก่อน … จากนั้นก็วิ่งตรงผ่านโรงพยาบาลปากช่องนานาที่อยู่ทางซ้ายมือ แล้วก็มาเลี้ยวซ้ายเข้าซอยใกล้ๆกับโชว์รูม ISUZU ครับ ซึ่งจะมาเข้าถนนเทศบาล 5 … จากนั้นเราก็ขับเข้าไปตามทางเรื่อยๆ ข้ามทางรถไฟ วิ่งเข้าไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จะเจอกับโครงการที่ตั้งอยู่ในซอยย่อยอีกทีหนึ่ง (รายละเอียดเดี๋ยวค่อยว่ากัน)
ทำเลของโครงการอยู่ลึกจากถนนใหญ่ประมาณ 5 กิโล จากถนนมิตรภาพประมาณ 10 กิโลได้ ซึ่งก็จัดว่าอยู่ไม่ลึกมากนักครับ สามารถขับรถออกมาที่ตัวเมืองปากช่อง จะไปโลตัส หรือจะข้ามไปถนนธนะรัตช์ไปหาของกิน ไปร้านอาหารดังๆก็ยังทำได้ ระยะนี้สำหรับเขาใหญ่ ยังถือว่าไม่ไกลจากตัวเมืองครับ แต่จะเดินออกมาหน้าโครงการแล้วหวังจะเจอ 7-Eleven อะไรนี่ไม่มีนะครับ เพราะรอบๆเป็นทุ่งหญ้า เป็นภูเขาเกือบหมด โดยปกติถนนเทศบาล 5 ชาวบ้าน คนท้องถิ่นก็จะใช้เป็นทางผ่านไปมวกเหล็กบ้าง ไปวังม่วงบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เส้นทางหลัก เป็นเพียงถนนเส้นรอง เลยไม่ค่อยมีความเจริญเข้ามาเท่าไหร่ครับ
เปรียบเทียบระยะทาง จากโครงการบ้านสีตวันไปยังสถานที่ยอดฮิตต่างๆในเขาใหญ่ครับ (แผนที่อันนี้โครงการเขาให้มาครับ แล้วผมมาใส่ข้อมูลระยะทางเพิ่มเติมอีกที)
มาดูเส้นทางการไปโครงการก่อนครับ ผมมาจากกรุงเทพ วิ่งเส้นเลี่ยงเมืองสระบุรี มาทางถนนมิตรภาพครับ
วิ่งเส้นมิตรภาพมาเรื่อยๆ เราก็จะมาถึงทางแยกไปปากช่อง มีซุ้มประตูอันยิ่งใหญ่รอต้อนรับอยู่ ใครไปเขาใหญ่บ่อยๆก็คงจะรู้จักดี เลี้ยวซ้ายไปเลยจ่ะ
มุ่งหน้าไปทางตัวเมืองปากช่อง ซึ่งจะตรงข้ามกับทางขึ้นเขาใหญ่นะครับ
สภาพถนนฝั่งปากช่องนี้จะกว้างกว่าถนนธนะรัตช์ครับ ลักษณะถนนจะมี “ทางหลัก” อยู่ตรงกลาง เป็นถนน 4 เลน ไป-กลับ อย่างละ 2 เลน ไม่มีเกาะกลาง อย่างที่เห็นในรูป และจะมีถนนที่เป็น “ทางคู่ขนาน” อยู่ริมสองฝั่ง อีกฝั่งละ 2 เลน แต่มีเกาะกลางคั่นระหว่างทางหลักกับทางคู่ขนาน ลักษณะเหมือนถนน High Way ทั่วๆไป ข้อดีของถนนเส้นนี้คือ จะแบ่งการจราจรส่วนทางหลักกับทางคู่ขนานออกจากกัน ในทางหลักจะทำความเร็วได้ระดับหนึ่ง แต่ข้อเสียคือ จุดกลับรถจะหายาก และอยู่ห่างกันค่อนข้างไกลในแต่ละจุด ผมสังเกตดูแล้ว มีคนกลับรถผิดที่ผิดทาง ผิดกฎจราจรกันเยอะ รวมถึงการฝ่าไฟแดงด้วย น่าจะเกิดอุบัติเหตุกันง่ายครับ ขับรถต้องระวังนิดนึง และการแวะตามสถานที่ข้างทาง จะต้องออกทางคู่ขนาน ซึ่งบางครั้ง หาทางออกไม่เจอ หรือ ทางออกคู่ขนานอยู่เลย Destination เราไปแล้ว
เปรียบเทียบกับฝั่งธนะรัตช์แล้ว ฝั่งนั้นจะเป็นถนน 4-6 เลน (แล้วแต่ช่วง) สวนกันไป-กลับ ไม่มีเกาะกลาง ไม่มีจุดกลับรถ ไม่มีทางหลัก ไม่มีทางคู่ขนาน รถทำความเร็วได้น้อยกว่า รถมีโอกาสติดง่ายกว่า แต่การขับรถไปยังสถานที่ต่างๆจะสะดวกกว่า ไม่ต้องคอยหาจุดกลับรถ ไม่ต้องคอยหาทางเข้า-ทางออก ใครเคยขับรถไปทั้งสองฝั่งจะเข้าใจถึงความแตกต่างครับ
ก่อนจะถึงถนนเทศบาล 5 ที่เป็นถนนที่ตั้งของโครงการ เราจะผ่าน โรงพยาบาลปากช่องนานา โรงพยาบาลใหญ่แถวนี้
แล้วจากนั้นจะมองเห็นโชว์รูม Isuzu ตั้งตระหง่านอยู่ สังเกตง่ายครับ อยู่ตรงไฟแดงพอดี
พอเจอไฟแดงข้าง Isuzu นี้เราก็เลี้ยวซ้ายไปเลยครับ
ทางเข้าถนนเทศบาล 5 จะมีซุ้มประตูของวัดเขาไทรสายันห์อยู่ เราเลี้ยวซ้ายเข้าไปทางนี้ครับ
มีโครงการอสังหาฯเพียบ ทั้งคอนโด โรงแรม รีสอร์ท อพาร์ทเมนท์ให้เช่า บ้านสีตวันเป็นหนึ่งในนั้น
ผ่านซุ้มประตูมาแล้วก็จะเจอถนนแบบนี้ครับ เป็นถนน 2 เลน ไป-กลับ
วิ่งตามทางเข้าไปเรื่อยๆ
ถึงตรงนี้เราจะเจอทางข้ามทางรถไฟครับ ก็วิ่งข้ามไป ระวังรถไฟด้วยนะ
มีป้ายบอกทางตลอด
ถนนเส้นนี้จะค่อนข้างสงบครับ มีรถวิ่งผ่านไปมาไม่เยอะ
ภูมิประเทศริมทางค่อยๆเปลี่ยนไป อย่างที่เห็นนี้มีสวนทานตะวันอยู่ด้วย
เลี้ยวซ้ายตรงนี้ …
ป้ายบ้านสีตวันมีบอกทางตลอด ถือว่าทำป้ายมาเยอะดีครับ หาง่าย
สองฝั่งข้างทางบางจุดเป็นป่าล้วนๆละ … กลางวันก็สวยดีนะครับ แต่กลางคืนจะมืด ไฟส่องถนนมีให้เห็นเรื่อยๆตามทาง แต่ถ้าขับกลางคืนก็ต้องระวังหน่อย
ด้านข้างเริ่มเป็นทุ่งหญ้า มองเห็นวิวภูเขาแทบจะทุกด้าน
บนถนนเส้นนี้จะมีชุมชน บ้านคน ร้านค้า แบบ Local ให้เห็นประปรายตามทางครับ ไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ แต่ก็พอมีบ้าง
จากถนนใหญ่เข้ามาประมาณ 5 กิโล ก็จะเจอกับทางให้เลี้ยวขวาแบบนี้ครับ
เราสังเกตป้าย “บ้านไร่ทอสี” เอาไว้ครับ เป็นโครงการที่ดินแบ่งขายที่อยู่มานานแล้ว บ้านสีตวันอยู่ซอยเดียวกันนี่แหละ
ใครไปช่วงนี้จะเห็นป้ายโฆษณาของโครงการตลอดทาง ไม่ต้องกลัวหลง
ถ้าสมมติว่าเราขับรถตรงต่อไปไม่เลี้ยวขวาที่ซอยนี้ เราจะเจอทางไปองค์การบริหารส่วนตำบลปากช่อง อันนี้แปลว่าเราเลยแล้วนะครับ กลับรถด่วน
เลี้ยวขวาจากถนนเทศบาล 5 เข้ามาอีกไม่ถึง 300 เมตรครับ
แล้วเราก็จะเจอ “บ้านสีตวัน ปากช่อง-เขาใหญ่” อยู่ทางซ้ายมือ ทางเข้าหน้าตาประมาณนี้ครับ
สภาพซอย บริเวณด้านหน้าโครงการครับ ฝั่งขวาของซอยยังเป็นที่ดินเปล่าอยู่ ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ตอนที่ผมมาเป็นช่วงเดือนมกราคมครับ ตอนนั้นอากาศยังหนาวอยู่เลย ต้นไม้ใบร่วงหมด แต่พอหมดหน้านี้ไปเดี๋ยวต้นไม้ก็จะขึ้นเขียวชอุ่มอีกครั้งนึง เป็นไปตามฤดูกาลครับ 🙂
เดินเข้าซอยต่อไป…เลยทางเข้าโครงการเข้าไปอีกหน่อย…
ด้านในสุดของซอย จะมีโครงการบ้านไร่ทอสี เป็นหมู่บ้านจัดสรร + ที่ดินแบ่งขาย อยู่ด้านในสุดของซอยครับ เป็นโครงการที่มีที่ดินรวมขนาดใหญ่มาก ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของบ้านสีตวัน อยู่ติดกันเลย เป็นโครงการเก่าแก่แถวนี้ครับ
รั้วของโครงการบ้านสีตวัน
รูปนี้ไม่ได้จะให้ดูทางเข้าครับ เพราะไม่ใช่ทางเข้าจริงๆของโครงการ เป็นเพียงแค่ทางที่เปิดอำนวยความสะดวกในการก่อสร้างเท่านั้น แต่ที่จะให้ดูคือ อันนี้เป็นรั้วโครงการฝั่งทิศใต้ครับ ซึ่งที่ดินแปลงที่อยู่ติดกับโครงการปัจจุบันยังเป็นที่ดินเปล่าอยู่ครับ
ที่ดินด้านข้างโครงการ (ทิศใต้)
จากที่สอบถามจากฝ่ายการตลาดของบ้านสีตวัน ได้ข้อมูลว่าที่ดินที่อยู่ทางทิศใต้ติดกับโครงการนี้ เป็นที่ดินสำหรับทำการเกษตรเท่านั้น ไม่สามารถปลูกบ้าน ขึ้นโครงการได้ … ซึ่งถ้าเป็นจริงอย่างที่บอก ก็แปลว่า เราจะมั่นใจได้ว่าทิศใต้นี้ จะไม่มีสิ่งปลูกสร้างที่จะขึ้นมาบดบังวิวทิวทัศน์ในฝั่งนี้ครับ เนื่องจากฝั่งนี้เป็นวิวที่สำคัญของโครงการเลย บ้านทุกหลังหันหน้าไปทางนี้หมด จึงเป็นเรื่องดีถ้าที่ดินตรงนี้จะยังคงสภาพเป็นที่ดินสำหรับการเกษตรต่อไปครับ
สภาพแวดล้อมโดยรอบ สรุปออกมาเป็นแผนผังได้ประมาณนี้ครับ สีเหลืองก็คืออาณาเขตคร่าวๆของโครงการ
เดี๋ยวต่อไปเราเข้าไปดูในโครงการกันครับ ผมจะอธิบายตัวโครงการไปด้วย และให้ดูสิ่งแวดล้อมรอบๆที่ดินของโครงการไปพร้อมๆกันนะครับ
เจาะลึกตัวโครงการ
โครงการ บ้านสีตวัน เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่ถูกออกแบบมาในลักษณะบ้านพักตากอากาศ โดยข้อแตกต่างที่สำคัญของบ้านโครงการนี้ (ที่โครงการย้ำแล้วย้ำอีก) เมื่อเปรียบเทียบกับบ้านโครงการอื่น มีอยู่ 3 ประการใหญ่ๆ นั่นคือ (1) เทคโนโลยีการก่อสร้าง รวมไปถึงขั้นตอนการก่อสร้าง (2) โครงสร้างและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ และ (3) การออกแบบและการตกแต่ง
ก่อนอื่นขออธิบายเรื่องเทคโนโลยีก่อสร้างบ้านแบบคร่าวๆก่อนนะครับ … บ้านของที่นี่ จะเป็นบ้านแบบที่เรียกว่า “บ้าน Modular System” ที่คิดค้นและพัฒนาโดยบริษัท Sekisui Heim ประเทศญี่ปุ่น และผู้ที่นำเข้าเทคโนโลยีมาใช้กับการสร้างบ้านในเมืองไทยก็คือ SCG หรือ Siam Cement Group ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง จึงได้เกิดเป็น “SCG Heim” ครับ
ซึ่งระบบการสร้างบ้านแบบ Modular นี้จะเป็นการประกอบบ้านขึ้นจาก “Module” หรือ “ชิ้นส่วน” ที่ผลิตจากโรงงานครับ ถ้าเราดูในรูปข้างบนก็คือไอ้กล่องที่กำลังถูกเครนยกนั่นแหละครับ ซึ่งชิ้นส่วนที่ว่านี้ก็จะเป็นส่วนโครงสร้างหลักๆของบ้าน รวมไปถึง ผนังทั้งภายในและภายนอก ฝ้า หลังคา สายไฟ ฉนวนกันความร้อน งานระบบ ทั้งหลายทั้งปวงจะผลิตและคุมคุณภาพจากที่โรงงาน แล้วนำมาประกอบหน้างานก็คือที่ดินของเรานั่นแหละครับ ซึ่งก็จะถูกเตรียมรากฐานเอาไว้ก่อนหน้าที่จะเอาบ้านมาประกอบ (ถ้าใครนึกภาพไม่ออก ลองนึกถึง Lego ครับ ซึ่งจะเป็นการนำบล็อคต่างๆมาประกอบเป็นรูปร่าง บล็อคก็เหมือน Module 1 ตัวของบ้าน SCG Heim นี่แหละครับ) การสร้างบ้านด้วยวิธีการแบบนี้จะทำให้สามารถลดระยะเวลาการก่อสร้างได้ค่อนข้างมาก และที่สำคัญคือชิ้นส่วนพวกนี้ผลิตในโรงงานด้วยหุ่นยนต์ ซึ่งจะทำให้ควบคุมคุณภาพการก่อสร้างได้แม่นยำ และสม่ำเสมอ ไม่เหมือนกับการมานั่งคุมคนงานก่อสร้างที่ไซต์ก่อสร้าง
ขั้นตอนการก่อสร้างก็เริ่มจากการเตรียมที่ดินก่อน ซึ่งก็จะลงเสาเข็ม ทำฐานรากให้มั่นคงแข็งแรงสามารถรับน้ำหนักบ้านได้ ในขณะเดียวกันก็เริ่มกระบวนการผลิต Module ขึ้นในโรงงานครับ หลังจากนั้นเมื่อฐานราก และ Module ต่างๆพร้อมแล้ว เขาก็จะทำการ “ยกตั้งบ้าน” ซึ่งก็คือการประกอบ Module ต่างๆเข้าด้วยกัน ขั้นตอนที่สองนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 วันเท่านั้นครับ แล้วหลังจากนั้นก็จะเป็นการเก็บงาน Finishing ก่อนส่งมอบ ซึ่งนับจากวันที่เริ่มสั่งสร้าง จนถึงวันส่งมอบ โดยปกติจะใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งถ้าได้ตามนี้จริงๆก็จัดว่าเร็วมาก เทียบกับบ้านปกติทั่วไป ที่ใช้การก่ออิฐ ฉาบปูน หรือแม้แต่พรีคาสต์ก็ยังเร็วไม่เท่านะครับ
ถัดจากเรื่องเทคโนโลยีการก่อสร้าง ต่อมาก็จะเป็นเรื่องของวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในงานโครงสร้างของตัวอาคารครับ ซึ่ง Module แต่ละอันที่เห็น จะเป็นการใช้เหล็กเกรด SS400 มาตรฐาน JIS จากญี่ปุ่นมาเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ผสมกับแผ่นคอนกรีต ซึ่งเวลานำมาต่อกัน โครงสร้างนี้จะมีความแข็งแรงกว่าผนังก่ออิฐฉาบปูนที่ใช้ในบ้านทั่วๆไปอยู่มาก เรียกได้ว่ามีมาตรฐานเดียวกันกับอาคารสูงๆเลยทีเดียว
ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว ยังมี Detail รายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุส่วนอื่นๆที่ใช้งานก่อสร้างและงานตกแต่งด้วย ที่จะไม่ค่อยเห็นในบ้านเดี่ยวโครงการอื่นๆ ซึ่งเดี๋ยวจะอธิบายต่อในส่วนต่อๆไปนะครับ
**ก่อนหน้านี้เราเคยมี รีวิวเจาะลึก บ้าน SCG Heim เอาไว้แล้วนะครับ ถ้าใครอยากจะเข้าใจรายละเอียดของบ้าน Heim มากขึ้น ก็ลองเข้าไปอ่านดูได้ในรีวิวที่คุณโอ๋เคยเขียนเอาไว้ได้ครับ แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่า เทคโนโลยีที่อยู่ในบ้าน Heim ต้นฉบับนั้น ไม่ได้นำมาใช้กับบ้านสีตวันทั้งหมดนะครับ เช่น ระบบ Heat Exchanger ก็เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีของ Heim ที่ไม่ได้ใช้กับบ้านของโครงการนี้ครับ
ส่วนสุดท้าย นอกเหนือจาก เทคโนโลยีการก่อสร้าง และ วัสดุอุปกรณ์ ก็คือเรื่องของ Design ครับ หลายๆคนคงจะรู้จัก SCG Heim และเคยเห็นบ้าน Heim รูปแบบปกติกันมาอยู่บ้างแล้วนะครับ แต่สำหรับบ้าน Heim ของที่โครงการบ้านสีตวัน จะเป็นบ้าน Heim ที่ถูกดีไซน์ขึ้นใหม่ เพราะเนื่องจากทางชาญอิสสระ ผู้พัฒนาโครงการเขาก็มองเห็นว่า บ้าน Heim โดยทั่วๆไปก็จะมีจุดด้อยอยู่ตรงที่ ดีไซน์ดั้งเดิมนั้นมันมีฟังก์ชั่นและรูปร่างหน้าตาที่อาจจะไม่เหมาะสมกับบ้านที่จะเป็นบ้านพักตากอากาศเท่าไรนัก และตัว Module เดิมก็ยังไม่ตอบโจทย์ของโครงการนี้ได้เท่าที่ควร เพราะดีไซน์เดิมไม่ค่อย Flexible ปรับเปลี่ยนโน่นนี่ได้ไม่เยอะ แต่ก็ยังอยากจะนำเอาเทคโนโลยีบ้าน Heim มาใช้กับโครงการให้ได้ ก็เลยมีการจ้างสถาปนิก ทีมจาก Habita Architect มาร่วมกันออกแบบ Co-Design กับทาง SCG Heim ทำแบบบ้านใหม่ขึ้นมา โดยมีการเพิ่มฟังก์ชั่นบางส่วน และตัดบางอย่างออก เปลี่ยนแปลงหน้าตาของบ้านใหม่ จนเกิดเป็นบ้านสีตวันขึ้นมาครับ และก็จะเป็นสินค้า Exclusive สำหรับโครงการนี้เท่านั้น ไม่มีขายที่อื่น
ภาพ: ศรีพันวา ภูเก็ต
ส่วน Habita Architect เป็นใคร? หลายๆคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ แต่จริงๆแล้ว Habita เป็นทีมนักออกแบบที่มีผลงานเป็นงานโรงแรม รีสอร์ท หลายแห่ง ทั้งในและต่างประเทศครับ ที่รู้จักกันในหมู่คนทั่วไปก็อย่างเช่น โรงแรม Anantara ที่ภูเก็ต/พะงัน, โรงแรม Four Seasons ที่สมุย และโรงแรม Six Senses อีกหลายสาขาเลย ซึ่งทีม Habita ก็เคยร่วมงานกับชาญอิสสระมาก่อนแล้ว เพราะเป็นผู้ออกแบบโรงแรมศรีพันวา ที่ภูเก็ต และโปรเจคคอนโดมิเนียมอย่าง บ้านทิวทะเล ที่ชะอำ ก็เป็นผู้ร่วมออกแบบเช่นกัน งานนี้ก็เลยมาร่วมแจมที่เขาใหญ่บ้าง
คอนเซปท์โครงการหลักๆก็จะเป็นประมาณนี้ครับ สรุปเป็นใจความสั้นๆว่า เป็นความพยายามในการเอาบ้าน SCG Heim มาไว้ที่เขาใหญ่นั่นเอง แต่ให้มี Theme มี Function การใช้งาน ที่เป็นไปในลักษณะของบ้านพักตากอากาศด้วย ซึ่งจะทำออกมาเป็นแบบไหน เรามาค่อยๆดูกัน
เริ่มจากตัว Master Plan ของโครงการครับ ที่ดินของโครงการเป็นลักษณะเกือบๆจะสี่เหลี่ยมแบบนี้ หน้าโครงการอยู่ทางทิศตะวันออก ติดกับถนนซอย ตัวที่ดินจะเป็น Slope ลาดลงจากทิศเหนือที่อยู่สูงสุดลงสู่ทิศใต้ที่อยู่ต่ำสุด ที่ดินรวมมีขนาด 27-1-87 ไร่ แบ่งออกเป็น 52 แปลงครับ
แปลงที่ดินจะถูกแบ่งออกเป็น 4 โซนหลักๆตามแนวยาวของที่ดิน โซน 1 จะอยู่สูงที่สุด จะเป็นแปลงเล็กเริ่มต้นที่ขนาด 100 ตารางวา วางบ้านขนาด 2-Bedroom เอาไว้ทั้งหมด หลังบ้านจะอยู่ติดกับที่ดินของบ้านไร่ทอสี แถวกลาง โซน 2 เป็นแถวที่อยู่แนวเดียวกันกับ Club House มีระดับความสูงลดลงมาหน่อย ขนาดของแปลงที่ดินจะกลางๆ แต่จะได้เป็นบ้านขนาด 3-Bedroom เริ่มที่ 117 ตารางวา ส่วนแถวล่างสุด โซน 3 จะอยู่ในระดับความสูงที่ต่ำที่สุด แต่ว่าด้วยความที่ไม่มีบ้านอยู่ด้านหน้า จะทำให้มองเห็นวิวได้ดีที่สุดในบรรดาบ้านทั้ง 3 แถว การวางตัวของบ้านทั้ง 3 แถวหันหน้าบ้านไปทางทิศใต้ทั้งหมด แน่นอนว่าบ้านแถว 1-2 ย่อมถูกบังวิวจากแถวด้านหน้า จึงมีการวางตัวบ้านให้สลับฟันปลา เพื่อให้เกิดการ Block วิวกันเองให้น้อยที่สุด
ส่วนบ้านหลังพิเศษจะอยู่โซน 4 ซึ่งโซนนี้จะพิเศษก็เพราะว่าอยู่ติดกับธารน้ำด้านหลังโครงการ ที่อยู่ทางทิศตะวันออก ซึ่งโครงการมีการปรับ Landscape ใหม่ให้ดูสวยงามมากขึ้น บ้านหลังที่อยู่โซนนี้ก็จะเป็นบ้านที่ได้บรรยากาศริมน้ำด้วย ซึ่งเดี๋ยวจะมีรูปให้ดูต่อไป
ทางเข้าโครงการ มีป้อมรปภ.อยู่หนึ่งจุด มีทางเข้า-ออกทางเดียวนะครับ และในอนาคตจะมีที่กั้นไม้กระดก สำหรับแตะ Key Card ก่อนเข้าโครงการ
ผ่านประตูทางเข้ามาแล้ว ทางขวามือจะเป็นอาคารสำนักงานขาย ซึ่งเป็นอาคารชั่วคราวชั้นเดียวครับ แปลงที่ดินตรงนี้ก็เป็นแปลงขายเหมือนกันนะ
มีรถกอล์ฟไว้บริการลูกค้า 1 คัน
ถัดจากสำนักงานขายเข้ามา ก็จะเป็นถนน Main Road ที่เข้าสู่ตัวโครงการครับ แล้วก็จะมีบ้านอยู่ 2 ฝั่งด้านข้าง แต่บ้านทั้งสองแถวนี้ ไม่ได้หันหน้าชนกันนะครับ แต่หันไปทางเดียวกันหมด
ผ่านบ้านตัวอย่างแบบ 3 Bedroom … เรายังไม่เข้าไป เดี๋ยวไปดูบรรยากาศรอบๆก่อน
บ้านสองหลังที่อยู่ติดกันจะหันด้านข้างชนกันแบบนี้ครับ ด้านที่ไม่ชนกันก็จะเปิดโล่งเป็นพื้นที่สวนและลานจอดรถ
อันนี้บ้านลูกค้าครับเป็นบ้านแถวล่างสุด กำลังเก็บงานอยู่ ใกล้จะสมบูรณ์ 100% แล้ว จะเห็นว่าบ้านทุกหลังไม่มีรั้วคอนกรีตนะครับ เป็นรั้วแนวพุ่มไม้เฉยๆ ให้บรรยากาศที่สบายๆ ร่มรื่นกว่า ไม่มีคอนกรีตมาบังสายตา แต่ความปลอดภัยก็ต้องดูแลกันนิดนึงนะครับ อันนี้ก็แล้วแต่ว่ารับได้รึเปล่า
ส่วนหลังนี้เป็นบ้านตัวอย่าง แบบ 2-Bedroom ครับ ซึ่งจะอยู่โซนแถวบนสุดของที่ดิน บ้านที่ไม่มีรั้ว เวลาดูไกลๆก็จะสวยแบบนี้แหละครับ เพราะพื้นที่สวนมันจะกลมกลืนไปกับที่ดินรอบข้าง … แต่ก็อย่างที่บอกว่าต้องคอยดูแลความปลอดภัยของบ้านด้วย
เข้ามาดูบ้าน 2-Bedroom แบบใกล้ๆบ้าง
พอเดินผ่านแนวบ้านตัวอย่างมาปุ๊บ ก็จะมาเจอต้นไม้ต้นใหญ่นี้ครับ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่อยู่ในที่ดินมาก่อนหน้าอยู่แล้ว ช่วงเดือนมกราคมที่ผมไปมานี้ ต้นไม้ใบร่วงลงดินหมดแล้วครับ ซึ่งถ้ารออีกซักหน่อยเข้าหน้าร้อนก็จะมีใบเต็มต้นเลย คงจะสร้างความร่มรื่นให้โครงการได้ดี
ที่อยู่ข้างๆต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ จะเป็นที่ตั้งของ Club House ของโครงการครับ ซึ่งจะเป็นอาคารที่รวมรวบ Facilities ของลูกบ้านเอาไว้ ในนี้จะมีอะไรบ้างเรามาดูกัน
ด้านหน้าสุดของ Club House เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ รูปตัว L ครับ ความยาวส่วนที่ยาวที่สุดประมาณ 19 เมตร พอจะใช้ออกกำลังกายได้ เป็นสระแบบ Infinite-Edge Pool ด้วย
ทางเข้า Club House อยู่ด้านข้างครับ เราเดินมาข้างๆสระว่ายน้ำ
Club House เขากำลังเก็บงานกันอยู่ครับ ด้านหลังของสระว่ายน้ำจะประกอบด้วยสำนักงานนิติบุคคลที่อยู่ชั้นล่าง ซึ่งรวมเอาพื้นที่ Lounge ไว้ในนี้ด้วย ซึ่งก็จะเป็นห้องผนังกระจกรอบด้านเลย ส่วนด้านบนก็จะเป็นส่วนห้องออกกำลังกาย
ห้องนิติบุคคล และ Lounge พักผ่อนจะอยู่ด้านล่างนี้
ภายในมีพื้นที่ประมาณนี้ครับ ตอนนี้เขายังทำไม่เสร็จดี เลยยังเห็นโล่งๆอยู่
เวลาเดินเข้ามาใน Club House ก็จะมียก Step บันไดขึ้นมาหน่อย พื้นที่ด้านหน้าก็จะเป็นเคาน์เตอร์สำหรับพนักงานต้อนรับลูกบ้าน
ด้านข้างของเคาน์เตอร์ตรงนี้ จะมีทางเดินเล็กๆ สำหรับเดินไปห้องน้ำของ Club House
ห้องน้ำที่ Club House ก็จะเป็นลักษณะนี้ครับ มี 2 ห้อง แยกชาย-หญิง ซึ่งห้องน้ำตรงนี้จะมีข้อเสียหน่อย ตรงที่ไม่มีห้องอาบน้ำ และไม่มี Changing Room สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ ต้องเดินกลับไปอาบน้ำที่บ้านอย่างเดียวเลยทีนี้
และตรงนี้ก็จะเป็นส่วนบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสอง
อีกด้านหนึ่งเป็นทางลงสระว่ายน้ำ ซึ่งมี Deck อาบแดดอยู่ด้านข้าง ตอนนี้ยังไม่ได้เอาพวก Day-Bed, ร่มชายหาด มาวาง ซึ่งถ้ามีแล้วก็จะดูน่าใช้งานมากขึ้น
สระว่ายน้ำรูปตัว L … วิวที่ได้จากสระว่ายน้ำก็จะประมาณนี้ครับ เห็นต้นไม้ และแนวภูเขาเป็นแนวยาว แต่ในอนาคตจะมีบ้านมาขึ้นอีกหลัง อยู่ด้านหน้าสระว่ายน้ำเลยครับ…ซึ่งตรงนี้ก็น่าเสียดายไปนิด เพราะวิวนี้เป็นวิวที่มองเห็นต้นไม้ใหญ่เป็นฉากหน้าพร้อมๆกันด้วย เป็นจุดที่ผมคิดว่าสวยที่สุดจุดหนึ่งของโครงการเลย
สระเด็กจะอยู่ด้านหน้าสุด เป็นสระสี่เหลี่ยมเล็กๆตื้นๆตรงนี้
ให้ดูวิวสระว่ายน้ำชัดๆกันอีกรูป … แต่เดี๋ยวจะโดนบ้านแปลงหน้ามาบังวิวแล้ว (เห็นมั้ย กำลังปรับฐานกันอยู่…)
ขึ้นไปดูชั้นสองกันต่อ
ชั้นสองเป็นส่วนของห้องฟิตเนสครับ มีผนังกระจกรอบด้านเลย กะว่าจะให้รับวิวเต็มที่
พื้นที่ของห้องฟิตเนสจริงๆ
ด้านข้างของห้องฟิตเนสจะมีพื้นที่โล่งๆอยู่ … ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเว้นไว้ทำไม …
วิวบนชั้นสองของ Club House ครับ
เวลามองไปไกลๆ ก็จะเห็นวิวของภูเขาซ้อนกันแบบนี้ครับ ดูแล้วสวยดี
ซูมกันให้เห็นชัดๆ
จากบนอาคารฟิตเนส มองลงไปด้านข้าง จะเห็นภาพรวมของที่ดินโครงการทั้งหมดเลย
ที่ดินฝั่งนี้จะเป็นแนวบ้านโซนแถวบนสุด คือ Type 2-Bedroom
ทิศเหนือของโครงการ ที่เราเห็นเป็นต้นไม้เยอะๆ นั่นคือที่ดินของบ้านไร่ทอสีครับ
เดินออกจาก Club House มา เราจะเห็นที่ดินแปลงหนึ่งที่อยู่ติดด้านหน้าของ Club House ครับ แปลงนี้กำลังเตรียมที่ดินอยู่ครับ เพื่อรอการยกตั้งบ้าน คือเอา Module มาประกอบกันเป็นตัวบ้านครับ ในขั้นแรกนี้ก็จะเป็นการวางรากฐาน กดเสาเข็ม เทพื้นชั้นล่าง
บ้านของ SCG Heim จะแตกต่างจากบ้านแบบปกติอีกอย่างหนึ่ง ตรงที่เขาจะวางระบบ Maintenance ของบ้านไว้ใต้พื้นครับ ซึ่งจะลักษณะคล้ายๆใต้ถุนบ้าน ทำให้พื้นบ้านจะถูกยกสูงจากระดับพื้นดินประมาณ 50cm และสามารถเปิดออกได้ เพื่อให้ช่างสามารถลอดตัวลงไปทำการซ่อมแซมและตรวจสอบงานระบบของบ้านได้ ซึ่งรวมถึงงานประปา งานท่อต่างๆด้วย ซึ่งการทำแบบนี้จะมีต้นทุนก่อสร้างสูงกว่าแบบปกติครับ แต่ทำให้การดูแลรักษาในระยะยาวทำได้ง่ายกว่า เดี๋ยวพอเข้าไปดูในบ้านตัวอย่างจะมีรูปให้ดูด้วย
เดินเข้าไปตามที่ดินโครงการจนถึงเกือบสุดแนวที่ดิน ตรงแปลงริมสุดของบ้านแถวที่ 2 ตรงนี้จะมีบ้านแปลงพิเศษอยู่หนึ่งแปลงครับ ซึ่งจะเป็นการซื้อที่ดิน 2 แปลงติดกันมาสร้างบ้านหลังเดียว ซึ่งบ้านหลังนี้จะเป็นแบบ 3-Bedroom เหมือนกัน แต่การวางบ้านจะวางเป็นรูปตัว U หันด้านที่เป็นเฉลียงตรงกลางบ้านมาอยู่ด้านหน้า ซึ่งจะทำให้มีลักษณะเป็นบ้านหน้ากว้าง หลังนี้มีลูกค้าซื้อไปแล้วนะครับ คงจะไม่มีโอกาสเข้าไปดูข้างใน แต่ที่ถ่ายรูปมาให้ดูคือจะบอกว่าเราก็สามารถทำแบบนี้ได้เหมือนกัน กรณีที่เราซื้อที่ดิน 2 แปลงติดกันครับ
บ้านหลังพิเศษจะมีหน้ากว้างกว้างบ้านปกติ และเกือบทุกส่วนในบ้านจะสามารถมองเห็นวิวภูเขาได้ทั้งหมดเลย เพราะหันด้านกว้างเข้าหาทิศใต้
มีการปรับส่วนที่เป็นโถงเข้าบ้าน ให้ส่วนที่เป็น Deck มาอยู่ติดทางเข้า แทนที่จะอยู่ติดสวน (พูดตอนนี้อาจจะงง แต่เดี๋ยวพอดูบ้านตัวอย่างแล้วจะเข้าใจครับ)
เดินมาไกลมาก มองย้อนกลับไป เห็น Club House อยู่ไกลๆ มองเห็นมั้ยครับ?
เดินมาจนถึงปลายสุดของที่ดินแล้วครับ ซึ่งด้านหลังนี้จะเป็นบ้านโซนพิเศษที่จะอยู่ติดกับธารน้ำด้านหลัง
มีการกั้นแปลงด้วยเชือก และปักป้ายกันไว้แล้ว จะได้รู้แปลงไหนเป็นแปลงไหน
เดี๋ยวเราเดินลงไปดูกันครับ ว่าธารน้ำตรงนี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร
ทางโครงการมีการจัด Landscape เตรียมเอาไว้บางส่วนแล้ว ปรับปรุงพื้นที่ใหม่ให้ดูใช้งานได้
มาการตั้งโต๊ะปิ๊คนิค ผูกชิงช้ากับต้นไม้ มีมุมน่ารักๆด้วย
ธารน้ำด้านหลังที่ถูกปรับปรุงพื้นที่แล้วก็จะหน้าตาประมาณนี้ครับ
มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปได้เหมือนกัน
มีการเรียงหินเป็นชั้นๆ เพื่อสร้างให้เป็นน้ำตก
โครงการบอกว่าช่วงที่ผมไปนี้ น้ำน้อยอยู่ ดังนั้นเลยจะดูแห้งๆหน่อย
แต่ถ้าเป็นช่วงน้ำมาเยอะๆหน่อย จะสวยแบบนี้ … (ขอบคุณภาพจากโครงการนะฮับ)
ก็จะพอถ่ายรูปสวยๆแบบนี้ได้ …
ส่วนวันนี้ก็เอาแบบนี้ไปก่อน … ผมไม่ได้เอาขาตั้งกล้องไปด้วย ไม่งั้นคงจะเก็บภาพน้ำตกมาให้ดูกันแล้ว อิอิ … แล้วนี้ก็คือ Landscape บริเวณด้านหลังโครงการครับ
ส่วนคนที่สงสัยว่าน้ำตรงนี้ไหลไปที่ไหน คือมันจะไหลออกไปรวมกับธารน้ำด้านล่างต่อไปครับ
แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่า ถึงเวลาจริงๆ ถ้ามีบ้าน 5 แปลงริมน้ำนี้มาขึ้นหมดแล้ว ธารน้ำตรงนี้จะเรียกว่าเป็นของบ้าน 5 หลังนี้ไปโดยปริยายเลยก็ว่าได้ เพราะลูกบ้านคนอื่นๆก็จะไม่สามารถเดินตัดแปลงที่ดินของบ้าน 5 หลังนี้ไปได้ ต้องเดินเลาะแนวสวนส่วนกลาง ที่อยู่ริมรั้วของโครงการลงไป เป็นลักษณะดังรูปนี้ครับ ทีนี้การลงไปใช้พื้นที่ด้านล่างอาจจะไม่สะดวกและไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่นักสำหรับลูกบ้านคนอื่นๆครับ
ส่วนพื้นที่สวนที่ว่า โครงการเขาจะทำเป็นแนวสวนยาวตลอดแปลงที่ดินแบบนี้ครับ มี Sunken Seat ให้มานั่งเล่นได้ เดินชมสวนได้ ก่อนที่จะมาถึงธารน้ำด้านหลัง
มีพื้นที่ที่เป็น Deck ไม้อยู่ในสวน มีชิงช้าแขวนไว้ เป็นลักษณะนี้ อันนี้ก็ยังเป็นภาพจำลองคร่าวๆ เป็น Concept เฉยๆนะครับ ยังมีการเปลี่ยนแปลงได้
สิ่งอำนวยความสะดวก
- Club House
- สระว่ายน้ำรูปตัว L ระบบเกลือ แบบ Infinite-Edge Pool
- ห้อง Fitness ที่ชั้น 2 ของ Club House
- Lounge สำหรับนั่งพักผ่อนที่ Club House
- พื้นที่สวนแนวยาว ริมรั้วโครงการ
- แนวธารน้ำด้านหลัง จัด Landscape เพื่อการพักผ่อน
- ป้อม รปภ. ด้านหน้าโครงการ
- ระบบ Key Card Access
- Room Cleaning & Laundry Service
ขั้นตอนการยกตั้งบ้าน (ภาพจาก บ้านสีตวัน)
***ก่อนที่จะไปดูบ้านตัวอย่าง ในรีวิวฉบับนี้ ผมอยากจะขอเอารูปการ “ยกตั้งบ้าน” หรือการประกอบบ้านมาให้ดูกันก่อนครับ จะได้นึกภาพออกว่า บ้านที่นี่เขาสร้างกันอย่างไร แต่ส่วนตัวผมก็ต้องบอกตรงๆว่าผมยังไม่เคยไปดูการก่อสร้างด้วยตัวเองนะครับ ภาพทั้งหมดในส่วนนี้เป็นภาพจากโครงการส่งมาอีกที ซึ่งสามารถไปดูรายละเอียดและรูปภาพเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ของโครงการครับ
ขั้นตอนแรกสุดก็คือการเตรียมรากฐานครับ จะเห็นว่าพื้นบ้านจะถูกยกระดับขึ้นมา 50 ซม. อย่างที่ผมได้อธิบายไปตอนแรก ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับงานระบบของบ้านที่เขาจะนำมาติดตั้งไว้ใต้ถุนบ้านแบบนี้ และมีช่องเปิดลงไป Maintenance ได้
หลังจากที่รากฐานเสร็จแล้วเขาก็จะทำการขึ้นโครงและนั่งร้านเอาไว้ก่อน เตรียมเอาชิ้นส่วนของบ้านมาประกอบ
หลังจากนั้น Module หรือ ชิ้นส่วนต่างๆของบ้าน ก็จะถูกขนมาจากโรงงาน มาเป็นคันรถแบบนี้เลยครับ ชิ้นส่วนของบ้านก็จะถูกนำมาเรียงไว้แบบนี้ แล้วค่อนๆขนเข้าไปประกอบ
หลังคาก็มาเป็นหลังคาเลยนะครับ … ชิ้นส่วนเหล่านี้จะถูกผลิตขึ้นจากโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยใช้หุ่นยนต์ครับ แน่นอนว่า คุณภาพการผลิตจะออกมาเนี้ยบมาก เพราะมีการควบคุมคุณภาพตั้งแต่อยู่ในโรงงาน
กลุ่มวิศวกรและช่างมารวมตัวกันวางแผนการก่อสร้างก่อน
จากนั้น Module บ้านก็จะถูกยกขึ้นประกอบ ด้วย Crane อย่างที่เห็น
อย่างกับ Lego …
ทำส่วนด้านหน้าเสร็จ ก็จะไปต่อส่วนด้านหลัง
ทำชั้น 1 ทั้งหมด … ต่อด้วยชั้น 2 …
วางหลังคา
จากนั้นก็จะเป็นพวกงานฝ้า เพดาน
จนเสร็จกลายเป็นบ้านทั้งหลัง ก็จะเริ่มทำการเก็บงาน รายละเอียด การเชื่อมต่อ การตกแต่งในส่วนต่างๆ ซึ่งขั้นตอนในช่วงการยกตั้งบ้านนี้ เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 2-3 วันเท่านั้นครับ แต่กระบวนการก่อสร้างทั้งหมด กินเวลาประมาณ 6 เดือน เนื่องจากจะเสียเวลาในช่วงการปรับฐาน, การผลิตชิ้นส่วน Module, การตกแต่งภายใน, และการเก็บรายละเอียดมากกว่า
เสร็จแล้วก็จะได้เป็นบ้านทั้งหลัง
จากนั้นโครงการก็จะทำการลงต้นไม้ และจัดสวน Landscape รอบๆบ้านต่อไปครับ
รายละเอียดตรงนี้ก็ยังมีอีกมากมายนะครับ แต่ว่าผมขอนำมาให้ดูเท่านี้ก่อนละกัน ต่อไปขอพอไปดูบ้านจริงๆดีกว่า ว่าพอตกแต่งเสร็จทั้งหมดแล้วจะออกมาเป็นแบบไหน
Product Walkthrough
หันหลังกลับมาดูอีกฝั่งหนึ่งบ้าง
มุมมองของห้อง Living เมื่อยืนอยู่ที่ครัว … ทางขวาเป็นประตูทางเข้าบ้านนะครับ
โต๊ะกินข้าวขนาด 6 ที่นั่ง ถ้าอยากจะใส่แบบ 8 ที่นั่งก็ยังพอได้อยู่นะ
ชุดโซฟาดูทีวี และรับวิวสวนรอบบ้าน ผนังส่วนนี้เป็นผนังกระจกทั้งหมดรอบด้านเลยครับ
มองลงไปด้านข้าง เห็นสวนที่จัดไว้ในตัวบ้าน
มองย้อนกลับไปทางครัว
แอร์ในห้องนั่งเล่นจะติดตั้งแบบ 4 ทิศทางมาให้เลยครับ ยี่ห้อ Daikin
พื้นที่ระหว่างโซฟา กับทีวี ยังมีเหลือๆ สามารถวางชุดโต๊ะเล็กโต๊ะน้อย หรือเสริมเก้าอี้ได้อีก จะวางโซฟาตัว L หรือตัว U ก็ยังได้
เมื่อนั่งลงที่โซฟาแล้ว จะมองเห็นวิวด้านนอก กับดูทีวีไปด้วยพร้อมๆกันได้แบบนี้ครับ ซึ่งถ้าบ้านไหนทำสวนไว้สวยๆ ดูแลดีๆ ก็จะสามารถชมสวนของตัวเองได้เต็มที่เลย
ที่ผนังตรงนี้จะเป็นทางให้อากาศเสียไหลออกไปจากห้อง
ที่ผนังด้านนอก ก็จะเป็นช่องแบบนี้ครับ ซึ่งตำแหน่งของการไหลของอากาศนั้นจะถูกคิดคำนวนเอาไว้ก่อนแล้วนะครับ ไม่ได้เจาะรูมั่วๆนะ
มองออกไปทางทิศใต้ก็จะเห็นวิวภูเขา…
ส่วนต่อมาที่อยากจะอธิบายคือ Frame ครับ หรือวัสดุพวก กรอบประตู กรอบหน้าต่างของบ้าน
ชุดกรอบประตูหน้าต่างของบ้านโครงการนี้จะเป็นอลูมิเนียมเกรดพรีเมียมของยี่ห้อ Tostem จากญี่ปุ่นครับ การติดตั้งจะทำออกมาแข็งแรง แน่นดีครับ และดูมีน้ำหนัก ไม่โยกเยก
วางกรอบเป็นกระจกชั้นนึง และอีกชั้นนึงเป็นมุ้งลวด
Fitting ของ Frame และ รางพวกนี้ จะทำการ “สอด” เข้าไปในชุดผนังด้วยนะครับ คือตัวผนัง Module จะถูกผลิตมาให้สอดเฟรมเข้าไปได้ ไม่ใช่แค่วางรางแบบปกติ ซึ่งจะทำให้ตัวกรอบมันแข็งแรงกว่า ไม่หลุด ไม่เบี้ยวง่ายๆ
ขอบ Frame มีการ Seal ด้วยวัสดุคล้ายๆขนสักหลาด เพื่อป้องกัน เสียง ฝุ่น แมลง และให้ประตูปิดสนิท
ต่อไปเราไปดูส่วนอื่นๆของบ้านกันต่อ ประตูอันนี้จะเปิดออกไปส่วนที่เป็น Deck ตรงกลางบ้าน
พื้นตรงนี้จะลด Step นิดนึง
ตรงกลางนี้จะเป็นส่วน Deck ที่เป็นแกนกลางของบ้าน ทำหน้าที่แจก Access ไปยังจุดต่างๆของบ้าน เชื่อมต่อทุกส่วนเข้าด้วยกัน จะเรียกว่าเป็น “ทางเดิน” ก็ไม่ผิด แต่ว่ามันมีพื้นที่ สามารถจัดที่นั่ง และเป็นส่วนทำกิจกรรม นั่งชมสวนได้ นับเป็นฟังก์ชั่นที่ไม่ค่อยจะได้เห็นนักในบ้านทั่วๆไป
พื้นที่ตรงนี้เป็นแบบ Semi Outdoor อยู่ติดกับสวนภายในบ้าน แต่ว่ายังอยู่ใต้ชายคาอยู่
มองขึ้นไปชั้นบนจะเห็นทางเดินชั้นสอง เป็นพื้นที่เปิดโล่ง เชื่อมชั้นบนและชั้นล่างเข้าด้วยกัน คนที่อยู่ข้างบนก็ย่อมมองลงมาได้
พื้นที่ตรงนี้อยู่ติดกับส่วนที่เป็นสวนของบ้าน ถ้าเราปลูกต้นไม้เอาไว้ เราก็จะสามารถชื่นชมมันได้จากตรงนี้ และเดินลงไปดูแลได้ด้วย การที่เขานำสวนไว้ตรงกลางบ้าน ไม่ได้ได้ประโยชน์แค่พื้นที่ Deck ตรงนี้ แต่ทำให้ทุกส่วนของบ้านสามารถมองมาที่สวนนี้ได้ทั้งบ้าน
ส่วน Living ที่เราพึ่งเดินผ่านมา
ถ้าเราไปยืนอยู่ที่สวน แล้วมองเข้ามาในบ้าน ก็จะได้มุมมองลักษณะนี้ … สิ่งที่ขาดอย่างหนึ่งของบ้านนี้คือ ไม่มีทางเดินจากสวนขึ้นไปที่บ้าน และจากบ้านลงมาที่สวน ไม่มี Step ไม่มี Slope ไม่มีทางเดิน … จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้ามีแล้วจะทำให้พื้นที่ตรงกลางบ้านใช้งานสะดวก และน่าใช้กว่าเดิม
ด้านข้างของ Deck มีประตูอยู่ 2 บาน เป็นบานเล็กๆ แคบๆหน่อย
บานซ้ายมือ เปิดออกมาเป็นห้องเก็บของใต้บันได และส่วนที่วางงานระบบเอาไว้
ส่วนขวามือเป็นห้องน้ำชั้นล่าง ที่เป็น Powder Room สำหรับส่วน Living ให้เดินมาใช้ตรงห้องนี้
พื้นที่ห้องน้ำนี้เล็กมาก ความกว้างเท่ากับบันไดแค่นั้นเอง มีแค่โถสุขภัณฑ์กับอ่างล้างมือ
พื้นห้องน้ำลดระดับ ไม่มีธรณี
ที่แขวนกระดาษชำระ
สายฉีดชำระ … ผมว่าอันนี้ควรจะเปลี่ยนนะ … อย่างน้อยๆขอเป็น Stainless ทั้งชุดก็ยังดีนะครับ … แหม่ … บ้าน 17 ล้านนะ …
อ่างล้างมือขนาดจิ๋วมาก ด้วยความที่พื้นที่จำกัด เลยมีเท่านี้ ทั้งชุดของ COTTO ครับ
ใส่มือของผมลงไปก็เต็มแล้ว…
แต่ถึงแม้ว่าอ่างจะเล็ก (และเตี้ย) แต่ติดกระจกมาให้ใหญ่ดีครับ แถมสองด้านมีช่องระบายอากาศด้วย เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง
เปิดออกได้กว้างทีเดียว
ชุด Frame ของ Tostem เป็นวัสดุอย่างดีเลยครับ
ความรู้สึก และ ความ Smooth ในการเปิดหน้าต่างดีมาก คือแทบจะไม่ต้องออกแรงเลย แทบไม่มีความฝืด แต่เวลาปิดก็ยังปิดสนิท ท้าให้ไปลองด้วยตัวเอง
ถัดจากห้อง Powder Room เราก็จะเดินมาจนถึงส่วนที่เป็นหลังบ้าน ซึ่งจะเป็น Master Bedroom ครับ อยู่ที่ชั้น 1 … ซึ่งถ้าดูตามการใช้งานและฟังก์ชั่นของบ้านนี้เป็นหลักผมก็คิดว่าอยู่ในตำแหน่งที่ดีนะครับ แต่ถ้าเป็นตามหลักฮวงจุ้ย หลายๆคนจะชอบให้ Master Bedroom อยู่หน้าบ้าน … แต่ที่นี่มันไม่มีห้องนอนหน้าบ้านอยู่แล้วครับ อยู่หลังบ้านหมดทั้ง 3 ห้อง ดังนั้นเราอย่าไปใส่ใจ
เปิดเข้าไปดูในห้องกัน …
Door Stopper ติดมาให้เรียบร้อย
พื้นห้องส่วนนี้จะยกสูงขึ้นอีกหน่อยนะครับ ตามโครงสร้างของ Modular System เวลาเดินเข้าห้องก็ระวังสะดุดซะหน่อยนะ
พื้นห้องเป็น Engineering Wood
เข้ามาปุ๊บจะเจอฉากกระจกกั้นเอาไว้ก่อนจะเข้าห้องนอน
ห้อง Master Bedroom ที่นี่จัดไว้อย่างเรียบๆ ใส่กระจกรอบด้าน เพื่อให้รับวิวได้ทั้งสองฝั่ง แถมด้านหลังหัวเตียงสองฝั่งก็มีหน้าต่างบานสูงๆให้แสงเข้าได้ ตัวเตียงวางเป็นเตียง 6 ฟุตไว้ให้ดู ของจริงก็จะแถมเตียงกับหัวเตียงด้วย ขนาด 6 ฟุตเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ Spec เดียวกันกับห้องตัวอย่างนะ
ทางเข้าห้องนอน จะดูเหมือนประตูตู้เสื้อผ้ายังไงอย่างนั้น ประตูอันนี้ก็เป็นการตกแต่งให้ดูเฉยๆนะครับ ของจริงห้องนี้ก็แทบจะมาเป็นห้องเปล่า มู่ลี่ก็ไม่มีนะครับ
ผนังอีกด้านหนึ่ง
ชั้นวางทีวี (ไม่ได้แถมให้นะ)
เมื่อเปิดมู่ลี่ออก ก็จะสามารถมองออกไปที่สวนด้านนอกได้
ผนังห้องนอน Master จะมีธรณีประตูด้วย เวลาเปิดประตูแล้วจะเดินเข้า-เดินออก ต้องระวังสะดุดหน่อยนะครับ เพราะ Curb ตรงนี้ค่อนข้างสูงทีเดียว
พื้นที่ข้างเตียงเหลือเฟือ ใส่โต๊ะข้างเตียงใหญ่ๆได้เลย
ที่วางให้ดูขนาดประมาณ 45 ซม.
หน้าต่างข้างๆหัวเตียง เป็นหน้าต่างแนวยาวแบบนี้ เป็นบาน Fixed เปิดไม่ได้ เปิดออกเพื่อรับแสงแดดธรรมชาติ ทำให้ห้องสว่างขึ้น
เมื่อไม่อยากให้แสงผ่าน ก็จะมีบานเลื่อน เลื่อนมาปิดหน้าต่างได้
มีหูจับพับซ่อนไว้แบบนี้
กดแล้วดึงออกมาได้
เวลาเปิดออกสุด ก็มีเหมือนกัน
จับง่าย เปิด-ปิดสะดวก
ที่ริมผนังห้องนอนก็จะมีช่องให้ลมไหลออกได้เหมือนกัน เพื่อเพิ่ม Ventilation ของอากาศในห้อง
ช่องลมด้านนอกหน้าตาแบบนี้
มีช่องว่างให้อากาศผ่านได้
อีกด้านหนึ่งของห้อง Master Bedroom เป็นส่วนของ Walk-in Closet ที่อยู่หน้าห้องน้ำ
ชุดตู้เสื้อผ้านี้ ได้มาแบบนี้เลย เป็นแบบเปลือยๆหน่อย มีบานปิดแบบครึ่งเดียว เป็นกระจกเงา บานสไลด์
พอเลื่อนกระจกเงาออกมา ก็จะเห็นเป็นเคาน์เตอร์รูปตัว L แบบนี้
ด้านบนที่ฝ้า มีรางให้กระจกเลื่อนได้
ลิ้นชักใส่ของ
พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็พอที่จะใช้งานได้โอเค … แต่เอ๊ะ ไอ้ข่องที่อยู่ที่พื้นนั่นคืออัลไล?
ช่องที่เห็นนี้ เป็นช่องสำหรับการ Maintenance งานระบบของบ้านครับ ที่ได้อธิบายไปตอนต้นว่า ตัวบ้านฝังงานระบบไว้ที่ใต้ถุน มีทั้งงานท่อประปา สายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ ฯลฯ รวมอยู่ที่เดียวทั้งหมดติดตั้งเข้าไปพร้อมๆกับตัวบ้าน ซึ่งจะมีข้อดีตรงที่ช่างจะสามารถทำการบำรุงรักษาผ่านทางช่องนี้ได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าในอนาคตถ้างานระบบมีปัญหาแล้วจะต้องทุบผนัง กรีดฝ้า ฯลฯ ลืมบอกไปว่าช่องนี้มันซี้ซั้วเปิดไม่ได้นะครับ ต้องให้ช่างจาก SCG ที่มีเครื่องมือในการเปิดมาเปิดฝานี้เท่านั้น
โต๊ะเครื่องแป้ง Built-in รวมเป็นชุดเดียวกันกับ Walk-in Closet ซึ่งกระจกที่อยู่ด้านหลังข้างโต๊ะเครื่องแป้งนั้น …
…จะเป็นผนังบานเลื่อน สามารถเปิดออกได้ครับ ซึ่งด้านหลังก็จะซ่อนหน้าต่างเอาไว้ สำหรับเปิดระบายอากาศ รับลม รับแสงธรรมชาติได้ ในเวลากลางวัน ส่วนเวลาที่ต้องการ Privacy ก็สามารถดึงมาปิด
เป็นหน้าต่างกระจกชั้นหนึ่ง และมีบานมุ้งลวดอีกชั้นหนึ่ง
ติดกับส่วน Walk-in Closet จะเป็นห้องน้ำของ Master Bedroom ครับ
ทางเข้าห้องน้ำ มีธรณีก่อนเข้า ไม่ใช่พื้นลดระดับนะครับ วัสดุจะเป็นหินแกรนิต
เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าแบบก่อ วัสดุหินแกรนิต พื้นที่วางของด้านข้างเยอะดีครับ แต่ตัวอ่างล้างหน้าผมว่าเล็กไปหน่อย น่าจะใหญ่กว่านี้ได้
กระจกเงาขนาดใหญ่ ติดมาให้แบบนี้เลย
ด้านขวาของเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ วางโถสุขภัณฑ์เอาไว้แบบนี้ ด้านหลังของโถจะมีการก่อเคาน์เตอร์ขึ้นมา วางของได้อีกหน่อย
โถสุขภัณฑ์ยี่ห้อ COTTO ตัวนี้ให้มาขนาดใหญ่ดีครับ
ด้านข้างมีหน้าต่างบานกระทุ้ง เปิดออกเพื่อระบายอากาศ และทำหน้าที่ให้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาในห้องน้ำได้ ห้องน้ำจะได้ไม่มืด
ด้านในเป็นส่วน Shower Box มีฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัยกั้นไว้ให้
พื้นที่ของ Shower Box ประมาณนี้ครับ ไม่ใหญ่มาก แต่ก็พอใช้งานได้สะดวก พื้นส่วนนี้ก็มีการลดระดับลงไปเพื่อกั้นเป็นส่วนเปียกส่วนแห้งด้วย
Shower Box ใส่แบบ Rain Shower เอาไว้ให้
Rain Shower หน้าตาแบบนี้
หัวก็อกน้ำของ COTTO
ช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ ขวดแชมพู สบู่ ซึ่งบิ๊วเป็นช่องมาเลย ดูแข็งแรงดี
ฝั่งตรงข้ามของ Shower Box จะเป็นส่วนของอ่างอาบน้ำ ซึ่งจะมีเฉพาะห้อง Master Bedroom เท่านั้นครับที่จะมีอ่างมาให้แบบนี้
หน้าต่างอาบน้ำประมาณนี้ครับ แน่นอนว่าเป็นยี่ห้อ COTTO
ชุดหัวก็อกข้างๆอ่าง แบบ Built-in ฝังลงไปที่ข้างๆอ่างเลย งานเรียบร้อยดีครับ
ในห้องน้ำยังมีบานหน้าต่างอยู่อีกหนึ่งจุด ข้อดีคือห้องน้ำจะค่อนข้างสว่างในช่วงกลางวัน ไม่ต้องเปิดไฟก็ได้ แต่ข้อด้อยคือ เวลาอาบน้ำก็อาจจะเสีย Privacy ได้นะครับ ยังไงก็ควรจะหาม่าน หรือมู่ลี่ มาติด เพื่อบังสายตาจากด้านนอก เวลาเราใช้งานห้องน้ำครับ
ในห้องน้ำก็มีระบบหมุนเวียนอากาศติดตั้งไว้ด้วย ไม่ใช่พัดลมดูดอากาศนะครับ
ออกจากห้อง Master Bedroom มาที่ Deck ตรงกลางบ้านอีกครั้ง ลองขึ้นไปดูชั้น 2 ของบ้านกันบ้าง บันไดขึ้นชั้น 2 จะอยู่ตรงกลางบ้าน ติดกับห้อง Living
บันไดจะอยู่นอกห้องนะครับ เป็น Semi-Outdoor อาจจะมีโดนแดดโดนฝนบ้าง
พื้นบันไดเป็นกรวดล้าง
ขึ้นมาที่ชั้น 2 วัสดุพื้นจะเป็นพื้น Smart Wood ครับ ซึ่งจะไม่ใช่พื้นไม้จริง แต่เป็นวัสดุสังเคราะห์ระหว่าง Fiber และ Cement จะใช้สำหรับงานภายนอกได้ดีกว่าไม้ปกติ
ขึ้นมาแล้วก็จะเจอทางเดินบนชั้นสอง เป็นเหมือนทางเดินกึ่งระเบียง เพื่อแจก Access เข้าสู่ส่วนต่างๆของพื้นที่ชั้น 2 ครับ ซ้ายมือของภาพจะเป็นทางเดินเข้าห้องนอน
ส่วนทางขวาจะเป็นทางเดินไปยัง Moon Deck
ก่อนจะขึ้นมา Moon Deck จะมี Step 3 ขั้น
Moon Roof จะเป็นพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ ที่สามารถจัดกิจกรรมจัดปาร์ตี้ได้ อยู่บนชั้น 2 ส่วนที่เป็นหลังคาของ Living Area ที่อยู่ด้านล่าง โดยจะเป็นพื้นที่แบบที่มีม้านั่งรอบๆ และตรงกลางก็สามารถวาง Day Bed ได้ ที่เห็นในภาพเป็นแค่เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งนะครับ ของจริงจะไม่มี Day Bed มาให้
พื้นที่ใหญ่มาก รองรับคนได้เป็นสิบยี่สิบคนสบายๆ ถ้าขึ้นมาจัดปาร์ตี้ตรงนี้จะสนุกเลย แถมตอนกลางคืนก็นั่งดูดาวได้ด้วย
ด้านบนนี้นอกจากขึ้นมานั่งเล่น หรือจัดปาร์ตี้แล้ว ยังสามารถขึ้นมานั่งชมวิวได้ด้วย ซึ่งก็จะได้วิวเขาใหญ่อย่างที่เห็นนี้ครับ … แต่ตรงนี้มีจุดติอยู่ข้อหนึ่ง คือ “ราวกันตก” ที่โครงการทำเป็นเก้าอี้ม้านั่งในตัวนี้ มันดูจะเสียวเกินไปหน่อย เพราะความสูงเตี้ยมาก มีโอกาสเดินสะดุดได้ และยิ่งถ้าเป็นเด็กตัวเล็กๆหรือคนแก่ก็อาจจะพลัดตกลงไปได้ ถ้าจะให้ดีควรจะมีราวกันตกอีกชั้นหนึ่ง จะเป็นกระจกนิรภัยก็ได้ ไม่งั้นค่อนข้างอันตรายทีเดียว
ถ้านั่งอยู่บน Moon Deck แล้วมองลงไปด้านล่างจะเสียวพอสมควรเลยนะ …
พื้นที่ Moon Deck เวลามองจากบ้านข้างๆก็จะเห็นเป็นแบบนี้ครับ (โปรดสังเกตระยะของขอบปูนด้านข้าง … ใส่ราวกันตกเพิ่มอีกชั้นเถอะครับ…จะได้ไม่เป็นภัยแก่ลูกหลาน…)
วิวจากชั้น 2 ของบ้านตัวอย่าง
ซูมเข้าไปอีกหน่อย…แปลงที่ดินที่อยู่ตรงด้านหน้านี้ จะมีบ้านอีกหลังนะครับ …ไม่รู้จะขึ้นมาบังวิวไปแค่ไหน
ถ้ามองมาทางขวา จะโดนบ้านอีกหลังหนึ่งบังวิวไป
เดินย้อนกลับไปทางห้องนอนทั้งสองห้อง ห้องนอนสองห้องด้านบนนี้ จะมีขนาดและฟังก์ขั่นที่ใกล้เคียงกันมากครับ เรามาดูทีละห้อง
เริ่มจากห้องทางซ้ายก่อน ด้านหน้าห้องประตูใช้ไม้สักเหมือนกับห้องอื่นๆ และมีหน้าต่างอยู่อีกหนึ่งบาน เพื่อให้ห้องนอนเปิดรับวิวได้
เดินเข้ามาในห้อง
ห้องนี้จัดเป็นเตียง 6 ฟุตวางไว้กลางห้องให้ดู มีพื้นที่รอบข้างเตียงเหลือเฟือ
ปลายเตียงมีพื้นที่สำหรับวางชั้นวางทีวีได้ ซึ่งเราจะวางทีวีแบบนี้ก็ได้ หรือจะเอาแขวนผนังก็ได้ครับ
พื้นที่ข้างเตียง มีเหลือ พอจะวางโต๊ะหัวเตียงได้ชุดหนึ่ง ด้านข้างเป็นกระจก
นอกจากผนังกระจกแล้ว ยังมีหน้าต่างบานยาวๆสูงๆ อยู่ที่หัวเตียงอีกหนึ่งคู่ มีมู่ลี่เปิด-ปิด อันนี้เพื่อเพิ่มปริมาณแสงที่จะเข้าห้อง
ผนังฝั่งหน้าห้อง มองออกไปจะเห็น Moon Deck ด้านนอก และถ้ามองไปไกลๆก็จะเจอวิวเขาใหญ่
ฝั่งนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับใส่ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in และทางซ้ายจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าแบบนี้ก็จะเป็นแบบเปลือย ไม่มีบานปิดครับ เพื่อให้บรรยากาศของห้องดูสบายๆ ไม่มีตู้ทึบๆ เพราะการใช้งานเราก็ไม่ได้ใช้ทุกวัน แต่ข้อเสียก็คือจะมีฝุ่นจับเยอะหน่อยนะครับ เนื่องจากเขาไม่ใส่หน้าบานมาให้ ถ้าใครไม่ชอบก็ควรจะเปลี่ยน
พื้นถึงฝ้าสูง 2.80 เมตร ทำให้ด้านบนมีพื้นที่วางของเพิ่มอีก
ลิ้นชักสำหรับเก็บของด้านล่าง
ประตูทางเข้าห้องน้ำ
เปิดออกแล้วเป็นแบบนี้
มือจับประตูแบบก้านโยก วัสดุเป็น Stainless ให้ความรู้สึกแน่นดีมากครับ
ธรณีทางเข้าห้องน้ำเป็นหินแกรนิต
ประตูห้องน้ำติด Door Stopper ไว้ให้เรียบร้อย เผื่อระยะสำหรับราวแขวนผ้าเช็ดตัวแล้ว
ห้องน้ำจะเป็นแบบมาตรฐาน 3 Fixture พื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่จัดแสงมามืดไปหน่อย
เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า
ติดกระจกเงามาให้บานขนาดนี้
หัวก็อก COTTO
มีพื้นที่วางของรอบๆเพียบ
พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้อง Granito ขนาด 60×60 แบบด้าน กันลื่น
โถสุขภัณฑ์ของ COTTO เช่นกัน อันนี้จะเล็กกว่ารุ่นที่อยู่ใน Master Bedroom ลงมาหน่อย
ด้านในสุดเป็นส่วน Shower Box ที่มีหน้าต่างระบายอากาศอยู่ทางด้านใน
พื้นที่ Shower Box ไม่ใหญ่นัก พอใช้งานได้โอเค
พื้น Shower Box ลดระดับลงมาประมาณ 2 ซม. มีคิ้วอลูมิเนียมติดไว้เป็นตัวจบ
หน้าต่างระบายอากาศในห้องน้ำ เป็นแบบบานเลื่อน เปิดได้ 2 ด้าน
พื้นที่วางของในห้องน้ำยังเหมือนกับห้องน้ำข้างล่าง
หัวก็อกน้ำ Shower
มาดูห้องนอนที่ 3 ซึ่งเป็นห้องสุดท้าย อยู่อีกมุมหนึ่งของตัวบ้าน
ด้านข้างมีหน้าต่างบานกระจก สำหรับให้คนในห้อง Take View ได้
ทางเข้าบ้านมีการยก Step ขึ้นมาอีกหน่อย ระวังสะดุดนะครับ
ห้องนี้ทำเป็นห้องนอนได้ แต่โครงการเขาจัดให้ดูเป็นห้องนั่งเล่น เป็นส่วน Living Room ที่อยู่ด้านบนอีกที อาจจะให้เด็กๆชวนเพื่อนมานั่งเล่นกันตรงนี้ได้
พื้นที่ตรงนี้สามารถใส่ Sofa Bed ได้เลย ซึ่งผมคิดว่า เราอาจจะหาโซฟาที่ปรับเปลี่ยนเป็นเตียงได้ในยามที่เราต้องการ เผื่อเวลามีแขกมีเพื่อนมีญาติมาพักที่บ้านก็จะได้มีที่รับรอง
หน้าต่างบานสูงยังมีอยู่ในทุกห้องนอน บริเวณฝั่งหัวเตียง
ผนังสองด้านของห้องนอน มีบานหน้าต่างขนาบข้าง
ถ้ามองออกนอกหน้าต่างไปทางทิศใต้ เราก็จะเห็น Moon Deck ด้านหน้า ที่มี Background เป็นวิวเขาใหญ่แบบนี้
พื้นที่ปลายเตียงตรงนี้ สามารถจัดวางชั้นวางของอย่างนี้ก็ได้ หรือจะบิ๊วตู้เต็มผนังเพื่อเก็บสิ่งของอย่างอื่นก็ทำได้เหมือนกัน
ตู้เสื้อผ้าของห้องนี้ใส่หน้าบานเปลือยไว้ให้ดู ใครจะเอากระจกมาใส่ในหน้าบานก็ได้นะ จะได้กันฝุ่นได้ดีกว่า และยังเห็นสิ่งของข้างในเหมือนกันด้วย
ทางเข้าห้องน้ำอยู่ทางนี้
ฟังก์ชั่นของห้องน้ำ ก็จะคล้ายๆกับห้องที่แล้วครับ พื้นที่ก็พอๆกัน
ราคาและเงื่อนไขการขาย
- บ้านเดี่ยว 2 ชั้น แบบ 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 238ตารางเมตร บนที่ดินขนาด 100-116 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท
- บ้านเดี่ยว 2 ชั้น แบบ 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 296 ตารางเมตร บนที่ดินขนาด 117-242 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 17 ล้านบาท
- จอง 100,000 บาท
- ทำสัญญา 10% ของราคาขาย (หักเงินจอง)
- ผ่อนดาวน์ 30% ของราคาขาย (6 งวด)
- โอนกรรมสิทธิ์ 60%
- ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.วา/เดือน (เก็บล่วงหน้า 1 ปี)
- ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.วา
เจาะลึกรวบยอด
ทำเลของโครงการบ้านสีตวัน เป็นทำเลเขาใหญ่ แต่อยู่ฝั่งปากช่อง ซึ่งความสะดวกในแง่ของการเดินทาง การขับรถ ก็ถือว่ามีมาก อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองปากช่อง เข้าเมืองไปก็จะมีอาหารการกิน ร้านค้า อุดมสมบูรณ์ และถ้าวิ่งย้อนมาทางถนนมิตรภาพข้ามมาอีกหน่อยก็เข้าสู่ถนนธนะรัตช์ ซึ่งเป็นถนนยอดฮิตของนักท่องเที่ยวเขาใหญ่อยู่แล้ว ที่ทางแยกเข้าปากช่องมี Lotus มี Outlet ออกมาซื้อของได้ จัดว่าอยู่ในทำเลท่องเที่ยวที่สะดวกใช้ได้ ติดตรงที่ถ้าเป็นคนทั่วๆไปอาจจะให้ Value กับฝั่งเขาใหญ่มากกว่าฝั่งปากช่องครับ ด้วยลักษณะทางกายภาพ สภาพถนน ที่ไม่เหมือนกัน
ซูมเข้าไปดูสภาพแวดล้อมของโครงการ รอบๆโครงการในระยะใกล้จัดว่าไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์เท่าไหร่นัก ร้านค้าน้อย ส่วนใหญ่เป็นบ้านคน เรียกว่าอยู่ไปทางโซนภูเขาลึกเข้าไปหน่อย รอบๆโครงการก็เป็นที่ดินเปล่าซะเยอะ มีด้านหลังโครงการที่อยู่ติดกับ บ้านไร่ทอสี ที่เป็นโครงการอสังหาฯเก่าแก่ในทำเลนี้ แต่ก็เป็นทำเลสงบๆ ธรรมชาติๆ ไม่ใช่ทำเลที่นักท่องเที่ยวจะผ่านบ่อยนัก ไม่ค่อยวุ่นวาย มีความเป็นส่วนตัว
การออกแบบโครงการ จัดวางบ้านมาแค่ 52 ยูนิต (จริงๆไม่ถึง 52 เป๊ะๆ เพราะมีบ้านบางหลังรวมแปลงที่ดินเข้าด้วยกัน) บนที่ดินขนาด 27 ไร่กว่า อยู่กันแบบหลวมๆ ไม่วุ่นวาย และจะได้เรื่องความเป็นส่วนตัว มีการวางตัวบ้านให้ทุกหลังหันไปทางทิศใต้เพื่อรับวิวเขาใหญ่ จัดวางบ้านให้สลับฟันปลา เพื่อให้ Block วิวกันเองน้อยที่สุด และมีการจัด Landscape ที่ค่อนข้างตั้งใจ อย่างเช่นโซนธารน้ำที่อยู่ด้านหลังโครงการที่ทำออกมาได้สวยงามดูดี
การออกแบบตัวบ้าน ถือว่าทำออกมาได้ดีสำหรับคนที่ชอบบ้าน Heim เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีการดัดแปลงบ้านของ SCG Heim มาผสมกับดีไซน์ของบ้านตากอากาศได้ค่อนข้างโอเค ดูสวยงาม และไม่ดูเป็นบ้านกล่องๆ อย่างที่คนจะติดภาพบ้าน SCG Heim แบบก่อน มีการใช้ผนังกระจกในหลายๆส่วน จากที่ปกติบ้าน SCG Heim จะใส่เป็นผนังทึบหลายส่วน (เพราะเป็นบ้านระบบอากาศปิด) ทำให้ดูสบายๆขึ้น การจัดฟังก์ชั่นเน้นพื้นที่ส่วนรวมของบ้าน ให้มีหลายจุดทั้ง Indoor และ Outdoor สามารถใช้งานพร้อมๆกันได้หลายกลุ่ม หลายคน และทำให้ทุกๆจุดของบ้าน สามารถรับวิวทิวทัศน์ของเขาใหญ่ได้หมด ส่วนพื้นที่ Moon Deck ก็ทำออกมาได้ดี น่าใช้งาน แต่ติดปัญหาตรงที่ราวกันตกเตี้ยมาก และอาจเกิดอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยได้ ถ้าไม่มีการใส่ราวกันตกที่มิดชิดขึ้น ซึ่งผู้อยู่อาศัยก็สามารถแก้ไขเองได้ในจุดนี้
ข้อเสียของแบบบ้านส่วนอื่นๆก็มีให้เห็นอยู่เหมือนกัน เริ่มจากส่วนครัวที่ไม่มีครัวปิดสำหรับทำอาหารหนักๆ ทั้งๆที่น่าจะจัดสรรพื้นที่บางส่วนมาทำได้ และที่สำคัญคือไม่มีส่วนซักล้างของบ้าน ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นสำคัญอีกจุดหนึ่ง โดยเฉพาะการอยู่อาศัยในระยะยาวการต่อเติมบ้าน Heim จะมีจุดเสียอีกอย่างที่มีความ Flexible ต่ำ เพราะความที่เป็นบ้าน Modular การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ในบ้าน ทุบออก ต่อเติม จะทำได้ยากกว่าบ้านปกติ
วัสดุอุปกรณ์ส่วนใหญ่มีคุณภาพดีมาก และที่สำคัญคือความสม่ำเสมอของคุณภาพที่ได้จากการผลิตในโรงงาน ซึ่งจะเป็นพวกงานโครงสร้างทั้งหลาย พื้น ฝ้า ผนัง ไฟ แอร์ หลังคา เสา คาน งาน Fitting กรอบประตู กรอบหน้าต่าง ประตูไม้สัก ผนังกระจก Insulated ฯลฯ มีให้บรรยายอีกเยอะมาก ซึ่งตรงนี้ทำออกมาได้ดี หายห่วง แต่ว่าก็จะมีวัสดุบางส่วนที่เหมือนถูกตัดเกรดออกไปดื้อๆซะอย่างนั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์ที่นำมาติดตั้งทีหลัง (แน่นอนว่าสามารถถอดเปลี่ยนได้) เช่น สุขภัณฑ์บางชิ้น, สวิตช์ไฟ, เฟอร์นิเจอร์ Built-in บางจุด เป็นต้น
และต้องบอกด้วยว่าเทคโนโลยีของบ้าน SCG Heim ดั้งเดิมนั้นถูกตัดออกไปหลายส่วนนะครับ ที่นำมาใช้กับบ้านสีตวันจะเป็นพวกเทคโนโลยีการผลิตวัสดุและการก่อสร้างมากกว่า และก็จะมีระบบ Air Ventilation ที่ใส่เข้ามาด้วย แต่ระบบที่เป็นตัวชูโรงของบ้าน Heim อย่างระบบ Heat Exchanger ระบบผสมอากาศของบ้านก็ไม่ได้ถูกติดตั้งไว้ ไม่มีระบบถ่ายเทอากาศดี-อากาศเสียที่เป็นระบบปิด ไม่มีผนังเซรามิก ไม่มีประตูนิรภัยล็อค 3 ชั้น และอื่นๆอีก ซึ่งใครที่หวังจะได้เทคโนโลยีทั้งหมดของบ้าน Heim มาอยู่ใน Package บ้านต่างจังหวัดก็ต้องดูเป็นส่วนๆไปนะครับ บางอย่างมีบางอย่างไม่มี ดูตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ด้วยครับ
เรื่องความปลอดภัยที่มีในโครงการถือว่าให้มาน้อยไปนิดนึง ระบบรักษาความปลอดภัยหลักๆมีแค่ส่วนที่เป็นป้อมรปภ.ด้านหน้า ที่เป็นระบบ Key Card Access เท่านั้นเอง ในขณะที่รั้วบ้านก็เป็นรั้วต้นไม้ ประตูทางเข้าก็เป็นกลอนธรรมดา ไม่มีระบบสัญญาณกันขโมยในบ้าน จะมีข้อดีก็ตรงที่วัสดุกระจกจะติดฟิล์มนิรภัย ป้องกันการทุบ การงัด มาให้ทุกหลังเท่านั้นเอง ซึ่งคาดว่าสำหรับลูกบ้านที่มีบ้านราคาระดับนี้แล้ว น่าจะคาดหวังในเรื่องความปลอดภัยมากกว่านี้ครับ
ส่วนเรื่อง Facilities ที่มีมาให้ในโครงการ ต้องบอกว่าไม่เน้นเท่าไหร่ สำหรับบ้านระดับราคานี้ มี Club House, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนสให้พอใช้งานได้ระดับหนึ่ง เทียบกับจำนวนลูกบ้านแล้วน่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน
สุดท้ายนี้อยากจะสรุปว่าโครงการบ้านสีตวัน ปากช่อง-เขาใหญ่ มีจุดเด่นที่ชัดเจนในเรื่องของ Product ซึ่งเป็นบ้านที่มีการใช้กระบวนการผลิต เทคโนโลยีการก่อสร้าง และวัสดุมาตรฐานสูง ของ SCG Heim มาเป็นตัวชูโรงของการพัฒนาโครงการ ซึ่งสิ่งที่โครงการย้ำอยู่เสมอคือเรื่องของ คุณภาพงานก่อสร้าง คุณภาพวัสดุที่ผลิตจากโรงงาน มีตราช้างมาการันตี และมีการควบคุมคุณภาพของงานอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง และนอกจากนี้ สิ่งที่เป็นจุดขายสำคัญของโครงการคือเรื่องของ “ความเร็ว” ในการส่งมอบงานที่ลูกค้าจะได้ เมื่อตัดสินใจซื้อ
อย่างไรก็ดี สินค้าที่ “ดี” และ “เร็ว” มันมักจะ “ไม่ถูก” เท่าไหร่นัก บ้านเดี่ยว 2 ห้องนอนในราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท กับ บ้านเดี่ยว 3 ห้องนอนในราคาเริ่มต้น 17 ล้านบาท ถ้าเราเปรียบเทียบฟังก์ชั่นของบ้านกับราคาที่ต้องจ่ายแล้ว ต้องบอกว่าจำนวนเงินขนาดนี้เราอาจจะหาบ้าน หรือแม้แต่คอนโด Penthouse ห้องใหญ่ๆ ที่มีฟังก์ชั่นทดแทนกันได้ มากมายหลายรูปแบบทีเดียว หรือบางครั้งจะได้ฟังก์ชั่นที่เยอะกว่าด้วยซ้ำ แต่เราต้องทำความเข้าใจนิดนึงว่า Extra Cost ที่เพิ่มเข้ามามันถูกจ่ายไปกับอะไร หนึ่งก็คือกระบวนการผลิตและก่อสร้างบ้านของเรา มันจะถูกควบคุมคุณภาพโดยหุ่นยนต์ในโรงงานส่วนหนึ่ง ซึ่งมันจะลดความยุ่งยากในส่วนงานรากฐานและโครงสร้างไปได้เยอะมาก ถ้าเทียบกับว่าเราต้องมานั่งคุมคนงานก่ออิฐฉาบปูน หรือคุมผู้รับเหมาะ ที่อาจจะเบี้ยวงาน ทำงานไม่ดี ไม่ได้ดั่งใจ … สองก็คือวัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงกว่าบ้านแบบ Conventional ทั่วๆไปในตลาด ทั้งในเรื่องของความแข็งแรงของวัสดุ อายุการใช้งาน การดูแลบำรุงรักษา และการ Maintenance ต่างๆที่จะตามมาทีหลัง ซึ่งของบ้าน Heim เขาก็มีการรับประกันคุณภาพ แถม Check Up ฟรี 6 ครั้ง ในระยะเวลา 20 ปีด้วย … และสามก็คือเรื่องของความเร็วในการก่อสร้างที่สามารถทำบ้านให้เสร็จพร้อมโอนได้ในเวลา 6 เดือนนับจากวันที่เริ่มสร้างถึงวันโอน
แต่คำถามที่สำคัญที่ตามมาก็คือ สิ่งที่เป็น Extra Cost ตรงนี้มันสำคัญกับเราขนาดไหน? เราจำเป็นจะต้องได้บ้านเร็วขนาดนั้นหรือเปล่า? เรารับได้ไหมที่ต้อง Deal กับผู้รับเหมาก่อสร้างที่(อาจจะ)ไม่มีความรับผิดชอบ? เราให้ความสำคัญกับวัสดุอุปกรณ์ในบ้านมากเพียงใด? ฯลฯ ซึ่งคำถามเหล่านี้คำตอบของแต่ละคนก็จะออกมาไม่เหมือนกันครับ ซึ่งตรงนี้อยากจะทำให้ทำการบ้านกับตัวเองเยอะๆ ชั่งนำ้หนักดูว่าเราพร้อมที่จะจ่ายเพื่อ “Hassle-Free” เหล่านี้หรือเปล่า และหลังจากทำการบ้านแล้ว เราก็จะมาดูปัจจัยอื่นๆประกอบการตัดสินใจครับ
Judgement
สำหรับบ้านตากอากาศลักษณะนี้ การตัดสินใจซื้อนอกจากความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ย่อมมีปัจจัยที่สำคัญคือความคุ้มค่าทางจิตใจ และความชอบส่วนบุคคลเป็นตัวตัดสิน ดังนั้นทางทีมงาน ThinkofLiving เห็นว่าจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่าในส่วนนี้ครับ
BOTTOM LINE
บ้านสีตวัน ปากช่อง-เขาใหญ่ เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านพักตากอากาศในทำเลเขาใหญ่ แต่มองหาทำเลที่สงบ ไม่วุ่นวาย ไม่ Touristy อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองในระยะขับรถถึง หาบ้านที่มีฟังก์ชั่นรองรับครอบครัวขนาด 3-6 คน และเป็นคนที่พร้อมจะจ่ายเงินเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง เพื่อความมั่นใจของคุณภาพของวัสดุและการก่อสร้างบ้านที่ดีขึ้น ไม่อยากปวดหัวกับผู้รับเหมา ได้บ้านที่ดูแลรักษาง่ายๆ ซื้อมารวดเดียวจบ มี Service การ Maintenance มาดูแลให้
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ