ปก

รีวิวฉบับที่ 1090 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมตึกเสร็จของลุมพินีอีกสักโครงการกับ ลุมพินี วิลล์ ลาซาล-แบริ่ง เป็นกลุ่มคอนโด High Rise 4 อาคาร จำนวน 1,028 ยูนิต เป็นโครงการที่กระแสตอบรับดีมากในช่วงปี 2554-2555 และเป็นโครงการแรกๆที่ลุมพินีปรับใช้ผลิตภัณฑ์แบบ New L.P.N. Design 2011 ที่เน้นการทำห้องขนาดเล็ก 22.5 ตร.ม. ให้เหมาะสมกับตลาดของผู้ที่มีกำลังซื้อไม่สูงนัก ตัวโครงการติดถนนลาซาล อยู่ระหว่างซอยลาซาล 39/1 และซอยลาซาล 41 ใกล้กับโรงเรียนบางกอกพัฒนา ..ถ้านับจากปีที่สร้างเสร็จให้พร้อมเข้าอยู่จนถึงปัจจุบันก็ผ่านมา 4 ปีแล้ว โครงการจะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ

Fact @ 1 June 2016

  • Lumpini Ville Lasalle-Bearing (ลุมพินี วิลล์ ลาซาล-แบริ่ง)
  • บริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
  •  SUPER ECONOMY – ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางนา
  • คอนโด High Rise 4 อาคาร จำนวน 1,028 ยูนิต

  • อาคาร A, B 15 ชั้น
  • อาคาร C, D 20 ชั้น

  • อาคารจอดรถ 8 ชั้น 1 อาคาร, Clubhouse 2 ชั้น 1 อาคาร และ ร้านค้า 2 ชั้น 1 อาคาร
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 18 ยูนิตที่อาคาร A,B
  • ที่จอดรถประมาณรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 39 %
  • ที่ดินประมาณ 7 ไร่ 1 งาน
  • เริ่มก่อสร้าง : เดือนมีนาคม 2554
  • แล้วเสร็จ : เดือนกุมภาพันธ์ 2555
  • 1 Bedroom 22.5-30 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคา Re-sale ปัจจุบัน ปี 2016 ประมาณ 46,000 – 60,000 บาท/ตร.ม. (ทั้งแบบห้องเปล่าและตกแต่งครบ)
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS แบริ่ง ได้ที่ : มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS บางนา และ BTS แบริ่ง
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 02-689-6888
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะคะ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด : 13.661172, 100.624016

    map1

    แผนที่จากทางโครงการค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนซอยลาซาล (ซอยสุขุมวิท 105) ถ้าเข้าซอยลาซาลจากทางเส้นสุขุมวิท โครงการจะอยู่ก่อนถึงซอยบางนา-ตราด 30 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถทะลุไปถนนบางนา-ตราดได้ นอกจากนี้โครงการมีระยะห่างจาก BTS แบริ่งประมาณ 2.9 กิโลเมตร จากโครงการสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักได้หลายเส้นทางทั้งถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ ถนนบางนา-ตราด และทางด่วนค่ะ

    ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยลาซาล (ซอยสุขุมวิท 105) ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมถนนใหญ่ 2 ฝั่ง คือ ถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ ทำให้ตัวโครงการเข้าได้จากทั้งทางถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ได้ การเข้าถึงโครงการโดยใช้รถ ถ้าเดินทางมาจากในเมืองหรือจังหวัดสมุทรปราการ สามารถใช้ถนนสุขุมวิท เข้าซอยสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) ขับตรงมาตามทางเรื่อยๆจนมาเจอโรงเรียนบางกอกพัฒนา ตัวโครงการจะอยู่ระหว่างซอยลาซาล 39/1 และซอยลาซาล 41 หรือถ้ามาจากถนนศรีนครินทร์เลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) ตรงเข้ามาซักพัก จนผ่านซอยลาซาล 41 โครงการจะอยู่ทางขวามือค่ะ

    นอกจากนี้ยังสามารถใช้ซอยลาซาล 55 ออกถนนบางนา-ตราดได้ โดยจากซอยลาซาล 55 ทะลุมาถนนบางนา-ตราด จะอออกมาเยื้องๆกับเซ็นทรัลบางนาเลยค่ะ จากโครงการสามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่ายโดยใช้ถนนสุขุมวิทแต่การจราจรค่อนข้างติดขัดโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน แต่ก็มีตัวช่วยอย่างรถไฟฟ้าสถานีแบริ่งที่ใช้เข้าตัวเมืองได้โดยใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที นอกจากนี้เส้นสุขุมวิทยังสามารถใช้วิ่งไปจังหวัดสมุทรปราการได้ หรือใช้ลัดออกเส้นศรีนครินทร์เชื่อมออกไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ชลบุรีได้

    ตัวโครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้า 2.9 กม. ซึ่งเป็นระยะที่ห่างพอสมควรทีเดียว ไม่ใช่ระยะเดินแล้วนะคะ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักมากกว่า แต่สำหรับผู้ที่ไม่ใช่รถยนต์ก็จะมีรถสาธารณะที่คอยวิ่งรับส่งในซอยทั้งพี่วิน รถสองแถว และรถตู้ของโครงการค่ะ โดยพี่วินจะมีค่ารถจากโครงการถึง BTS 25 บาท ส่วนรถสองแถวจะคิดเป็นรอบ รอบละ  7 บาท ส่วนรถตู้ของโครงการเสียค่ารถ 20 บาทต่อเที่ยว จะให้บริการวันจันทร์ – ศุกร์ รอบเช้าออก 6.30 น. – 8.30 น. รอบเย็นออก 17.00น. – 19.00 น. ส่วนวันเสาร์อาทิตย์รถตู้จะออกทุกชั่วโมง รอบเช้าออก 6.30 น. – 7.30 น. รอบเย็นออก 17.00น. – 18.00 น. ค่ะ นอกจากนี้ก็จะมีรถแท็กซี่วิ่งผ่านในซอยลาซาลเยอะพอสมควร เพราะเป็นซอยที่ใช้เป็นทางลัดไปออกบางนา – ตราดและศรีนครินทร์ได้ค่ะ

    LPN_แผนที่สถานที่

    ความอุดมสมบูรณ์ภายในซอยลาซาล (สุขุมวิท105) ถือว่าเป็นซอยใหญ่ที่ค่อนข้างคึกคัก ถ้าเทียบกับซอยอื่นๆในย่านนี้ ในซอยจะมีตลาดหลายแห่ง มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อยู่ทั้งซอยผลัดกันเปิดตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่าถ้าหิวตอนดึกออกมายังไงก็มีของกินค่ะ

    สำหรับทำเลโดยรอบ ความเจริญส่วนใหญ่จะเกาะกลุ่มกันอยู่บนถนนบางนา-ตราด ซึ่งมีสถานที่ช้อปปิ้ง กินเที่ยวที่หลากหลาย เช่น เซ็นทรัลบางนา, บิ๊กซี บางนา, Mega บางนา โดยอีกไม่นานจะมีการลงทุนศูนย์การค้าขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ บริเวณตรงข้าม ไบเทค บางนา นั่นก็คือ Bangkok mall ของกลุ่ม The mall  ซึ่งถ้าเปิดตัวจะทำให้ย่านนี้มีความคึกคักและมีสีสันขึ้นไปอีก แต่ก็ต้องทำใจแลกมากับการจราจรที่จะต้องติดขัดเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน ห่างไปอีกหน่อยบนถนนศรีนครินทร์จะมีศูนย์การค้า Seacon Square และ Paradise Park เป็นศูนย์การค้าใหญ่ที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการมาช้อปปิ้งค่ะ

    LPN_ทางด่วน

    สำหรับทางด่วนที่ใกล้ๆโครงการมีอยู่ 2 จุด คือ

    • จุดที่ 1 ทางด่วนบางนา (ทางพิเศษเฉลิมมหานคร) อยู่บริเวณแยกบางนาห่างจากโครงการประมาณ 5 กม. ใช้เป็นเส้นทางเข้าเมืองไปยังถนนพระราม 4, สาทร, สีลม, ดินแดง หรือจะเชื่อมไปถนนรามอินทรา, พระราม 9 ก็ได้
    • จุดที่ 2 วงแหวนกาญจนาภิเษก อยู่บริเวณพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณห่างจากโครงการประมาณ 7.6 กม. เป็นเส้นทางวงแหวนรอบนอกเมือง วิ่งเชื่อมไปยังพระราม 2 ได้ค่ะ

    LPN_รถไฟฟ้า2

    หน้าปากซอยลาซาล (ซอยสุขุมวิท 105) จะมีสถานีแบริ่งตั้งอยู่ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง ณ ปัจจุบัน แต่ตอนนี้ทางรถไฟฟ้ากำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย แบริ่ง-สมุทรปราการคาดว่าในอีก 2-3 ปีจะได้เปิดใช้กัน (แต่มีข่าวเพิ่มเติมว่าอาจจะเปิดให้ใช้ส่วนของสถานีสำโรงให้ใช้กันก่อน โดยไม่ต้องรอให้ครบทั้งสาย)

    ในอนาคตยังมีแผนจะก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองโดยจะมาเชื่อมกับสถานีสำโรงของสายสีเขียวเป็นสถานี Interchange โดยสถานีที่ใกล้โครงการที่สุด (ห่างประมาณ 2 กม.) คือสถานีศรีลาซาล ซึ่งถ้ารถไฟฟ้าสายนี้เสร็จก็จะทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีความเจริญและอุดมสมบูรณ์มากขึ้นไปอีก

    map route2

    เส้นทางที่เราพาไปในวันนี้ เราจะเริ่มจากถนนสุขุมวิทช่วงทางลงทางด่วนบางนาบริเวณหน้า Bitec ที่เลือกเส้นทางนี้เพราะเป็นเส้นทางหลักที่มาบรรจบกันทั้งผู้ที่ลงมาจากทางด่วน และผู้ที่ใช้เส้นสุขุมวิทฝั่งมุ่งหน้าออกจากตัวเมืองมายังโครงการ จากถนนสุขุมวิทจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาซาล ที่อยู่ก่อนถึง BTS แบริ่งเล็กน้อย จากนั้นดูบรรยากาศทั้งสองข้างทาง ขับรถตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวไปตามทาง จนถึงซอยลาซาล 39/1 ตัวโครงการจะอยู่ข้างๆกับซอยนี้เลยค่ะ

    เริ่มต้นจากบริเวณหน้าไบเทค บางนา ฝั่งถนนสุขุมวิท ให้วิ่งตรงไปบนถนนสุขุมวิทค่ะ บรรยากาศ  2 ข้างทางของถนนสุขุมวิทในช่วงบางนา-แบริ่งจะมีคอนโดทั้งกำลังก่อสร้างและที่สร้างเสร็จ เริ่มมีผู้อยู่อาศัยแล้วหลายโครงการทีเดียว อย่างฝั่งขวาจะเป็นคอนโด The Coast บางนา เป็นโครงการใหญ่ที่มี Community Mall ด้วยนะคะ

    ตรงมาอีกนิดหนึ่งก็จะผ่าน BTS สถานีบางนา ฝั่งซ้ายเป็นกรมอุตุนิยมวิทยา โดยรั้วของกรมอุตุฯมีความยาวตลอดแนว BTS ฝั่งซ้าย ทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบ BTS สถานีนี้จะไม่ได้คึกคักเท่าสถานีแบริ่ง ส่วนฝั่งขวาเป็นอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น ค่ะ

    ถัดมาอีกนิดฝั่งซ้ายจะผ่านสำนักงานขายคอนโด ไอดีโอ โมบิ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ส่วนฝั่งขวาจะเป็นเต็นท์รถมือสองค่ะ

    ตรงมาอีกนิดจะถึงซอยสุขุมวิท 105 หรือซอยลาซาลแล้ว ซึ่งอยู่ทางฝั่งซ้าย ตัวสถานีรถไฟฟ้าแบริ่งจะอยู่บริเวณหน้าปากซอยพอดี ส่วนฝั่งขวาเป็น APT แบริ่ง มอลล์ เป็นลานให้เช่าที่จอดรถ ด้านหน้าที่ติดกับถนนมีร้านขายอาหารและของใช้ให้ซื้อหากันได้

    เลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยลาซาล จุดสังเกตคือหน้าปากซอยจะมี 7 – 11 ขนาดใหญ่อยู่  ด้านหน้ามีที่จอดรถค่อนข้างกว้างสามารถมาแวะจอดซื้อของก่อนเข้าบ้านได้

    เข้าซอยมาหน่อยตรงเต็นท์เขียวๆจะมีพี่วินประจำอยู่ จากหน้าปากซอยเข้าไปโครงการ 25 บาท

    ถนนของช่วงต้นซอยลาซาลจะเป็นถนน 2 เลน ในซอยลาซาลจะมี CenterPoint Entertainment ที่เป็นศูนย์ประชุม และ ห้องแสดงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ รายการเพลงชื่อดังอย่าง The Voice Thailand ก็มาจัดรายการที่นี่ค่ะ

    ขับมาเรื่อยๆเราจะเจอสำนักงานขายของ Excel Hybrid โครงการใกล้เคียงในซอยแบริ่ง ซึ่งสำนักขายนี้ก็จะเป็นจุดหลักที่ขายคอนโด Excel ทุกตัวในละแวกนี้ค่ะ อย่างเช่น The Excel Hideaway, The Excel Parc เป็นต้นค่ะ

    LPN_gopro (1 of 1)new

    ขับมาเรื่อยๆฝั่งขวาจะผ่านโครงการศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท ที่ตอนนี้สร้างไปได้พอสมควร

    ช่วงกลางๆซอยจะมีเต็นท์ขายอาหาร พื้นที่ที่รอบๆจะเป็นอพาร์ทเม้นท์และอาคารพาณิชย์

    LPN_gopro (10 of 24)new

    ตรงมาตามทางจนถึงทางแยกให้เราเลี้ยวซ้ายไปตามทางค่ะ

    จากนั้นตรงมาเรื่อยๆมาเลี้ยวขวาอีกทีหนึ่งตรงแยกนี้ ตรงช่วงนี้การจราจรจะค่อนข้างหนาแน่นเล็กน้อยเพราะเป็น 3 แยกตัดกันระหว่างถนนลาซาล (ซอยสุขุมวิท 105) กับซอยลาซาล 23 ที่เป็นทางลัดไปบางนา- ตราด ได้อีกซอยหนึ่ง

    พอเลี้ยวขวามาแล้ว ถนนภายในซอยลาซาลจะกลายเป็นถนน 6 เลน ไป 3 เลน กลับ 3 เลน และมีเกาะกลางคั่น ซึ่งทำให้บรรยากาศของซอยดูโล่งขึ้น และการจราจรตรงช่วงนี้ก็จะติดขัดน้อยลงด้วยค่ะ

    ถัดเข้ามาหน่อยจะเจอตลาดลาซาลเป็นตลาดเช้าเปิดขายตั้งแต่ช่วงเช้าถึงประมาณ บ่าย 2

    ถัดมาอีกนิดเป็นตลาดดวงพลอย ตลาดโต้รุ่งเปิดตั้งแต่ประมาณ บ่าย 4 จนถึงประมาณ 4-5 ทุ่มและมีบางร้านอยู่จนเช้าโต้รุ่ง  บริเวณช่วงนี้มีบรรยากาศค่อนข้างคึกคักมีร้านอาหาร ร้านค้าทั้งสองฟากของถนน ฝั่งตรงข้ามตลาดดวงพลอยก็มี 7-11

    ตรงไปอีกนิดจะผ่านปั๊ม ปตท. ภายในมี 7-11 และร้านกาแฟ Amazon ถ้าขับรถส่วนตัวมาเองจะแวะซื้อของที่ 7-11 นี้ก็ได้ เพราะ 7-11 นี้มีขนาดใหญ่กว่าและมีของให้เลือกซื้อเยอะกว่า 7-11 ด้านหน้าโครงการลุมพินีนะคะ

    ตรงเข้ามาอีกก็จะเจอโรงเรียนบางกอกพัฒนา บริเวณนี้ช่วงเช้าเย็นรถค่อนข้างมากพอสมควร เพราะผู้ปกครองมารอรับลูกๆกัน

    ถัดจากโรงเรียนมาจะเป็นที่จอดรถของโรงเรียนบางกอกพัฒนา อยู่ถัดจากปากซอยลาซาล 39/1 ซึ่งแปลงที่ดินด้านในซอยที่ถัดจากที่จอดรถเข้าไปจะเป็นโรงเรียนอนุบาลค่ะ

    ถัดจากแปลงที่จอดรถจะถึงที่ตั้งโครงการลุมพินี วิลล์ ลาซาล – แบริ่งแล้วค่ะ แต่เราจะยังไม่เข้าโครงการนะคะ จะพาไปดูเส้นทางลัดออกไปถนนบางนา – ตราด อีกสักนิด ซึ่งถนนบางนา – ตราดนี้จะเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าหลายแห่งที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งในย่านนี้

    map route

    เส้นทางจะวิ่งตรงจากโครงการไปอีกประมาณ 650 ม. แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาซาล 55 ตรงไปเรื่อยๆจะถึงถนนบางนา – ตราด บริเวณด้านข้างร้านอาหารฝ้ายคำ ซึ่งจะอยู่เยื้องกับเซ็นทรัล บางนาค่ะ

    ตรงมาจากโครงการอีกนิดจะเจอกับแยกนี้ ถ้าเลี้ยวขวาไปจะเป็นซอยหมู่บ้านเทพนฤมิตร สามารถใช้เป็นทางลัดไปซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่งได้ แต่เราจะตรงไปอีกค่ะ

    ผ่านแยกไฟแดงมา 1 แยก เราจะเลี้ยวซ้ายที่แยกไฟแดงแยกที่ 2 ซึ่งเป็นซอยลัดจากถนนลาซาลไปถนนบางนา – ตราด คือ ซอยลาซาล 55 ค่ะ

    เลี้ยวซ้ายมาจะผ่านโรงเรียนผ่องพลอยอนุสรณ์ เป็นโรงเรียนอนุบาลจนถึงประถม 6 ซอยนี้ช่วงเช้าเย็นรถค่อนข้างมากพอสมควร เพราะผู้ปกครองมารอรับลูกๆกันค่ะ

    ตรงมาอีกหน่อยจะผ่านอาคารสำนักงานวาริชทางฝั่งซ้าย บรรยากาศในซอยส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัย ทั้งแบบที่เป็นบ้านและอพาร์ทเม้นท์

    ถัดมาอีกนิดฝั่งขวาจะผ่านร้านอาหารฝ้ายคำ เป็นจุดสังเกตหนึ่งว่าใกล้ทะลุออกถนนบางนา – ตราดแล้วค่ะ

    ด้านหน้าคือถนนบางนา – ตราดแล้วค่ะ ขับรถมาจากโครงการไม่ไกลเลยนะคะ จากตรงนี้ถ้าต้องการไปเซ็นทรัล บางนา ให้ขึ้นสะพานกลับรถบนถนนบางนา – ตราดเพื่อข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง หรือถ้าต้องการไปไบเทค หรือขึ้นทางด่วนบางนา ก็ตรงไปได้เลยค่ะ

    ผัง_LR (6 of 6)**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    มาดูพื้นที่โดยรอบโครงการกันค่ะ จากอาคารพักอาศัยของโครงการเป็นกลุ่มอาคารสูง 15 ชั้น (อาคาร A, B) และ 20 ชั้น (อาคาร C, D) ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารสูงที่แตกต่างจากสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่ที่จะเป็นอาคารพาณิชย์และโรงเรียน 2-4 ชั้น บางแปลงเป็นตลาด, โรงงานขนาดเล็ก และโครงการอยู่อาศัยแนวราบ สำหรับพื้นที่โดยรอบโครงการสรุปได้ดังนี้ค่ะ

    • ทิศเหนือ ติดกับ กลุ่มบ้านพักอาศัย และอาคาร 1-3 ชั้น
    • ทิศใต้ ติดกับ ถนนลาซาล (ซอยสุขุมวิท 105)
    • ทิศตะวันออก ติดกับ ที่ดินเปล่าและบ้านพักอาศัย 2-3 ชั้น
    • ทิศตะวันตก ติดกับ ลานจอดรถของโรงเรียนบางกอกพัฒนา, โรงเรียนอนุบาล, หอพัก 7 ชั้น, อาคารที่กำลังก่อสร้าง 7 ชั้น 2 อาคาร และอาคาร 3 ชั้น

    ส่วนการวิเคราะห์ในเรื่องของวิวจากห้องพักอาศัยนั้น ภาพรวมโครงการไม่มีอาคารสูงที่อยู่ในระยะประชิดทั้ง 4 ด้าน และห้องพักจะหันเพียง  2 ด้านคือทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก แต่ด้วยแปลงที่ดินค่อนข้างยาวจึงจะวิเคราะห์เรื่องวิวแยกแต่ละอาคารไปนะคะ ซึ่งจะวิเคราะห์ควบคู่กับผังอาคารต่อไปค่ะ

    LPN (1 of 67)new

    เรามาดูสภาพแวดล้อมที่ติดกับที่ดินของโครงการทางด้านหน้าโครงการกันบ้างนะคะ ภายในเส้นประสีเหลืองเป็นพื้นที่ของโครงการ ลุมพินี วิลล์ ลาซาล-แบริ่ง ค่ะ ซึ่งถัดไปคือลานจอดรถของโรงเรียนบางกอกพัฒนาค่ะ

    LPN (2 of 67)new

    อีกฝั่งหนึ่งขอบเขตของโครงการคือเส้นประสีเหลืองด้านซ้าย ส่วนแปลงที่ดินที่ติดกันฝั่งขวาของโครงการเป็นที่ดินเปล่าค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นปั๊มน้ำมัน Esso

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • โรงเรียนบางกอกพัฒนา ~ 230 เมตร
    • ตลาดดวงพลอย ~ 600 เมตร
    • ตลาดลาซาล ~ 850 เมตร
    • โรงเรียนลาซาล ~ 900 เมตร
    • Central บางนา ~ 2.2 กิโลเมตร
    • Big C บางนา ~ 2.3 กิโลเมตร
    • BITEC บางนา ~ 2.4  กิโลเมตร
    • CenterPoint Entertainment ~ 2.6 กิโลเมตร
    • Paradise Park ~ 5.1 กิโลเมตร
    • Seacon square ~ 5.9 กิโลเมตร
    • Mega บางนา ~ 7.6 กิโลเมตร


    เจาะลึกตัวโครงการ

    LPN_LR (1 of 1)-2

    ภาพรวมของภายนอกโครงการ ลุมพินี วิลล์ ลาซาล-แบริ่ง เป็นกลุ่มคอนโด High Rise 4 อาคาร อาคาร A , B เป็นอาคารสูง 15 ชั้น และอาคาร C, D จะมีความสูงขึ้นไปอีกเป็น 20 ชั้น การจัดวางตึกเรียกว่าใส่ลงไปเต็มที่ของขนาดที่ดินเลย ซึ่งที่ดินเป็นแปลงยาวแบบเส้นก๋วยเตี๋ยว ทำให้รูปร่างของอาคารทั้ง 4 เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามรูปที่ดินไปด้วย การจัดวางของตึกทั้ง 4 เรียงตัวต่อกันในแนวยาวและหันห้องพักออก 2 ฝั่งของอาคาร การที่อาคารเป็นทรงตัว I  ง่ายๆ ไม่มีหักมุมเป็นอาคารตัว L ทำให้ห้องพักไม่ให้บังวิวกันเองเลย ซึ่งทั้ง 4 อาคารมีการจัดวางอาคาร ดังนี้

    • อาคาร A ตึกหน้าสุดของโครงการ จุดเด่นของอาคารนี้คืออยู่หน้าสุดของโครงการ เดินเข้าออกสะดวก โดยหันหน้าแคบเข้าหาถนน
    • อาคาร B เป็นอาคารที่เชื่อมต่อจากอาคาร A และมีความสูงที่เท่ากัน จุดเด่นของอาคารนี้คืออยู่ไม่ไกลจากทางเข้าออกโครงการมากนักประมาณ 100 ม. ซึ่งเป็นระยะที่เดินเข้าออกได้สบาย แต่จะมีความสงบมากกว่าอาคาร A ที่อยู่ด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะใกล้ถนนมากกว่า
    • อาคาร C จะมีความยาวของอาคารที่น้อยกว่า ทำให้มีจำนวนยูนิตต่อชั้นที่น้อยกว่าอาคาร A และ B และเป็นตึกที่จะรับวิวได้ไกลกว่าอาคาร A,B นะคะ เพราะอาคารมีความสูงเพิ่มขึ้นเป็น 20 ชั้นค่ะ อาคารนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ชอบวิวกว้างๆ อยู่ชั้นสูงๆค่ะ
    • อาคาร D จะเป็นอาคารที่เชื่อมต่อกับอาคาร C มีความสูงเท่ากัน แต่ตึกนี้จะพิเศษกว่าตึกอื่นๆเพราะเป็นที่ตั้งของ Facilities ส่วนกลางของโครงการซึ่งจะอยู่ชั้นล่างของตึกค่ะ อาทิ ห้องอเนกประสงค์ และห้องสมุด ติดกับตึก D จะมีอาคาร Club House ที่ภายในมีสระว่ายน้ำและ Fitness ด้วย ส่วนด้านหลังอาคารจะมีสนามบาสเกตบอล และอาคารจอดรถ 8 ชั้น ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยในอาคาร D สามารถจอดรถในตึกจอดรถและเดินเข้าอาคารได้ใกล้กว่าอาคารอื่นๆ ซึ่งเดี๋ยวจะค่อยๆพาไปชมบรรยากาศรอบๆทั้งโครงการนะคะ

    1LAY-OUTสามารถคลิก เพื่อดูรุปขนาดใหญ่ได้ค่ะ

    เริ่มจากดู Master Plan แบบชัดๆก่อน ที่ดินเป็นแปลงยาวแบบเส้นก๋วยเตี๋ยวหน้าตาประมาณนี้ มีทางเข้าออกของลูกบ้านทางเดียวคือทางถนนลาซาล ส่วนด้านหน้าโครงการที่ติดถนนมีระยะประมาณ 25 ม. เป็นระยะที่กว้างพอสมควรโครงการจึงไม่ได้สังเกตยากเลยนะคะ และระยะจากหน้าโครงการจนถึงสุดโครงการที่อาคารจอดรถมีระยะประมาณ 340 ม. พื้นที่ชั้น 1 ของโครงการไม่มีห้องพักอาศัย จะเป็นพื้นที่ของลานจอดรถซึ่งมีช่องจอดรวมจอดซ้อนคัน 400 คันคิดเป็น 39 % ซึ่งเป็นแบบไม่ Fix ช่องจอดนะคะ เส้นทางเดินรถในอาคารเมื่อขับเข้ามาด้านในพื้นที่โครงการ จะเป็นเส้นทางเดินรถแบบสวนทางกันและบางส่วนที่เป็น One-Way สามารถขับวนได้เกือบรอบโครงการได้นะคะ อาคารแรกของโครงการมีระยะร่นจากด้านหน้าถนนเข้าไปประมาณเกือบๆ 80 เมตร ขนาดที่ดิน 7 ไร่ 1 งาน วางอาคาร 4 ตึก ตามนี้ค่ะ

    • อาคาร A,B สูง 15 ชั้น อาคารละ 252 ยูนิต ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 18 ยูนิต
    • อาคาร C,D สูง 20 ชั้น อาคารละ 262 ยูนิต ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 14 ยูนิต

    บรรยากาศด้านหน้าของโครงการด้านที่ติดกับถนนลาซาล ซึ่งเป็นทางเข้าออกหลักทางเดียวของโครงการ ด้านหน้าโครงการกว้างประมาณ 25 เมตร แบ่งเป็นทางเข้าออกโครงการและร้านค้าให้เช่า

    ร้านค้าให้เช่าจะมี 2 ชั้น โดยจะมี 7-11, ร้านกาแฟ, ร้านทำผม ให้บริการค่ะ

    ทางเข้าโครงการเป็นไม้กระดกเปิดปิดด้วยระบบ Key Card มี ร.ป.ภ รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงพร้อมกล้อง CCTV สำหรับผู้มาติดต่อแลกบัตรเข้า-ออกก็จะต้องทำการแลกบัตรกับพี่ รปภ. แล้วก็จะได้ใบกระดาษมาเพื่อเก็บไว้ยื่นให้พี่ยามในขาออก สำหรับแขกของลูกบ้านสามารถจอดได้ฟรี 3 ชม. ถ้าเกินกว่านี้จะต้องจ่ายเงินค่าจอด และด้านข้างไม้กระดกจะมีทางเข้า-ออก สำหรับคนเดินแยกไว้ต่างหาก สำหรับบันไดทางซ้ายมือเป็นทางขึ้นไปร้านค้าที่ชั้น 2 จะอยู่ก่อนเข้าโครงการ ทำให้ผู้ที่ไม่ได้พักอาศัยในคอนโดก็สามารถมาใช้บริการร้านค้าส่วนนี้ได้

    เมื่อเข้ามาในโครงการแล้ว รถยนต์จะถูกบังคับให้ตรงไปตามทางเพื่อเข้าสู่จุด Drop-Off หน้าทางเข้าอาคาร ทำให้สะดวกในการรับ-ส่ง ลูกบ้านจากรถยนต์ค่ะ เข้ามาแล้วสามารถเลือกที่จอดได้ตามสบายเพราะไม่ได้ Fix ช่องจอด จะมีทั้งจอดใต้อาคารและจอดกลางแจ้ง และถึงแม้ว่าจะเป็นรถสูงๆอย่างรถตู้ก็สามารถจอดใต้อาคารได้นะคะ เพราะที่จอดรถทำไว้รองรับได้ค่ะ สำหรับฝั่งรั้วโครงการจะปลูกไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่ไว้ตลอดแนวรั้วเลยนะคะ เวลาเดินเข้ามาก็ดูสบายตาค่ะ

    LPN (8 of 67)new

    ตรงมาเรื่อยๆตามทางบังคับจะผ่านจุด Drop-Off ของอาคาร A และ B ก่อนเป็นอันดับแรก

    ประตูทางเข้าที่เปิดไว้คือทางเข้า Lobby อาคารค่ะ โดยทั้ง 4 อาคารจะแยก Lobby ออกเป็นของแต่ละอาคารเลยนะคะ

    LPN (10 of 67)new

    ตรงมาเรื่อยๆจนสุดอาคาร B จะเจอทางบังคับให้เลี้ยวซ้ายให้ไปถนนข้างโครงการอีกฝั่งหนึ่ง แต่ถ้าลูกบ้านที่เดินมาสามารถเดินผ่านตรงๆเข้าไปได้เลยค่ะ ด้านในจะเป็นพื้นที่สวนส่วนกลาง ห้องสมุด ห้องอเนกประสงค์ และ Clubhouse ส่วนตึกที่อยู่ด้านในสุดโครงการคืออาคารจอดรถ 8 ชั้นค่ะ

    LPN (11 of 67)new

    มาต่อกันที่เส้นทางรถ หลังจากเลี้ยวซ้ายมาแล้ว จะเจอทางแยก 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็นถนน One-Way เป็นเส้นทางวนออกไปหน้าโครงการ ถ้าลูกบ้านที่อยู่อาศัยตึก A,B จะวนหาที่จอดรถใต้ตึกก็เลี้ยวซ้ายไปได้จะทำให้เข้าอาคารได้สะดวกหรือจะเลี้ยวขวาไปจอดที่อาคารจอดรถก็รถก็ได้ แต่ก็จะเดินไกลนิดหนึ่งค่ะ สำหรับลูกบ้านที่อยู่อาศัยตึก C,D ที่จอดรถใต้ตึกและด้านข้างรั้วจะมีไม่มากนัก แนะนำให้เลี้ยวขวาไปจอดรถที่อาคารจอดรถเพราะอาคาร C,D จะอยู่ใกล้อาคารจอดรถ โดยเฉพาะอาคาร D จะอยู่ติดกับอาคารที่จอดรถเลย ทำให้ไม่ต้องเดินไกลเหมือนอาคารอื่นๆค่ะ

    หากเลี้ยวซ้ายไปทางหน้าโครงการจะเป็นถนน One-Way แบบนี้ค่ะ ด้านข้างฝั่งรั้วโครงการทำเป็นที่จอดรถจนเหลือถนนเลนเดียว

    หากเลี้ยวขวาไปทางอาคารที่จอดรถ ก็จะผ่านจุด Drop-Off ของอาคาร C, D จริงๆถนนเส้นนี้เป็นถนน 2 เลนไปกลับนะคะ แต่ปัจจุบันที่จอดรถไม่พอก็จะเจอรถจอดชิดฝั่งรั้วโครงการไว้ เวลาขับไปอาคารจอดรถก็ต้องระวังรถที่สวนออกมาจากอาคารจอดรถค่ะ

    วิ่งตรงมาจนสุดจะเจอทางเข้าอาคารจอดรถ โดยจำกัดความสูงของรถยนต์ที่เข้าจอดได้สูงไม่เกิน 2.1 ม. ฝั่งขวาเป็นสนามบาสเกตบอล และหลังสนามบาสฯเป็นร้านซักรีดค่ะ

    เข้ามาด้านในอาคารที่จอดรถจะมีทางวิ่งขึ้นไปจอดรถชั้นบน และที่จอดรถชั้น 1 ทางฝั่งขวา ก็ต้องลองหาที่จอดกันดู โดยลูกบ้านจะได้สิทธิจอดรถห้องละ 1  คันและจะต้องเสียค่าจอดรถเดือนละ 300 บาทให้กับโครงการด้วยนะคะ

    LPN (17 of 67)new

    สำหรับผู้ที่หาที่จอดรถไม่ได้และต้องวนขึ้นไปจอดชั้นสูงๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเดินลงอีก เพราะอาคารจอดรถมีลิฟท์ให้บริการค่ะ ออกจากลิฟท์มาก็จะมีทางเดินเชื่อมออกไปยังพื้นที่ส่วนกลางและอาคารพักอาศัยค่ะ

    LPN (18 of 67)new

    ทางเดินเป็นแบบมีหลังคาคลุมกันแดด จึงเป็นทางเดินในร่มยาวเชื่อมไปจนถึงอาคารพักอาศัย ซึ่งหลังคานี้ก็ช่วยกันฝนได้บ้าง แต่ถ้าฝนตกหนักก็อาจจะโดนฝนสาดได้ เพราะทางเดินไม่ได้กว้างมากนักค่ะ ด้านข้างทางเดินฝั่งขวามือเป็นสนามบาสเกตบอล ส่วนด้านซ้ายมือเป็นสระว่ายน้ำและฟิตเนสที่อยู่ในอาคาร Club House เวลาเข้าไปต้องใช้ Key Card ค่ะ

    บรรยากาศของสนามบาสฯ เป็นแค่แบบสตรีทบาสฯ ครึ่งสนามนะคะ ไม่ได้แบบใหญ่เต็มสนาม

    ต่อไปเป็นทางเข้าอาคาร Clubhouse ภายในมี รปภ. เฝ้าอยู่นะคะ โดยลูกบ้านมีสิทธิในการใช้ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ จำนวน 2 สิทธิต่อห้องเท่านั้น โดยจะต้องลงชื่อตั้งแต่ตอนซื้อห้องว่าใครเป็นผู้มีสิทธิในการใช้บ้าง

    Clubhouse สามารถผ่านเข้าออกด้วย Key Card ค่ะ

    ภายในจะมีชั้นวางรองเท้า และห้องน้ำแยกหญิงชาย โดยภายในห้องน้ำจะมีตู้ Locker สำหรับเก็บเสื้อผ้า ของใช้ ก่อนลงสระว่ายน้ำด้วยค่ะ

    อีกฝั่งหนึ่งจะมีที่อาบน้ำล้างตัวก่อนลงสระว่ายน้ำค่ะ

    บรรยากาศภายในสระว่ายน้ำดูเป็นส่วนตัวพอสมควรนะคะ แม้ว่าจะอยู่ติดอาคารพักอาศัยแต่ก็ปลูกไม้พุ่มล้อมไว้ตลอดแนว จะมีการมองเห็นจากโดยรอบบ้าง แต่ก็อยู่ในระยะไกล ถ้าโครงการไหนมีห้องพักอาศัยชั้นที่ตรงกับสระว่ายน้ำแล้วไม่ปลูกแนวต้นไม้บังให้ความเป็นส่วนตัว ก็เสียความเป็นส่วนตัวไปทั้งลูกบ้านที่มาใช้สระว่ายน้ำและเจ้าของห้องที่ตรงกับสระว่ายน้ำด้วย แต่โครงการนี้ปลูกต้นไม้บังไว้เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้สระว่ายน้ำ ถือว่าดีค่ะ

    สระว่ายน้ำส่วนกลางของโครงการเป็นระบบคลอรีนมีขนาด 6.5 x 19.5 ม. แบ่งเป็นสระเด็กที่มีความลึก 0.6 ม. ส่วนพื้นที่ส่วนใหญ่ของสระลึก 1.2 ม.ค่ะ ขนาดพอให้ออกกำลังกายได้

    LPN (25 of 67)new

    จากมุมของสระว่ายน้ำฝั่งนี้จะเห็น ชั้นบนของ Club House ที่เป็น Fitness ค่ะ

    LPN (27 of 67)new

    ขึ้นบันไดมาที่ชั้น 2 จะมีห้องน้ำแยกชายหญิงอีก 2 ห้องที่ชั้นนี้ ส่วนทางเข้า Fitness จะอยู่ทางฝั่งขวาค่ะ

    บรรยากาศภายใน Fitness จะเป็นห้องกระจกที่มีหน้าต่าง 3 ด้าน ช่วยให้อากาศภายในห้องถ่ายเทได้สะดวก ภายในจะมีเครื่องออกกำลังกาย 8 ชิ้น ซึ่งต้องรองรับจำนวนคนที่พักอาศัยถึง 1,028 ยูนิตแล้ว และยิ่งเป็นช่วงเวลาเย็นๆ หรือวันหยุดนั้นก็คงไม่เพียงพอสักเท่าไหร่นะคะ

    บางเครื่องจะตั้งอยู่ริมหน้าต่างเห็นวิวสระน้ำด้านล่างพอดี จากมุมนี้จะเป็นวิวที่ได้รับเวลาเล่นเครื่องออกกำลังกายค่ะ

    LPN (31 of 67)new

    ออกมาจากอาคาร Clubhouse ถัดมานิดหนึ่งฝั่งขวาของทางเดินจะมีพื้นที่ส่วนกลางอีก 2 ห้อง คือ ห้องอเนกประสงค์และห้องสมุด เราไปดูด้านในกันเลยค่ะ

    ห้องแรกคือห้องอเนกประสงค์ ภายในจะจัดมุมเก้าอี้ให้นั่งไว้หลายตำแหน่ง มีไว้ให้ลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นภายในห้องได้

    อีกมุมหนึ่งภายในห้องอเนกประสงค์ เป็นห้องที่สามารถปิดประตูบานเลื่อนเพื่อความเป็นส่วนตัวขึ้นได้ ภายในจัดชุดโซฟาและมีเก้าอี้เด็กไว้ให้ค่ะ

    LPN (34 of 67)new

    อีกมุมหนึ่งเป็นแบบโต๊ะทำงาน โต๊ะประชุม ติดกันเป็นทางเข้าห้องสมุด โดยห้องสมุดสามารถเข้าได้ 2 ทางคือเข้าจากทางเดินด้านนอกอาคาร และเข้าจะประตูฝั่งห้องอเนกประสงค์ค่ะ

    บรรยากาศภายในห้องสมุด จะมีจัดมุมโต๊ะนั่งทำงานได้ประมาณ 12 ที่นั่ง ภายในมีชั้นวางหนังสือ โดยโครงการจะจัดหาหนังสือมาบริการไว้ให้ และห้องนี้เป็นห้องที่จะเปิดแอร์ตลอดเวลาที่มีคนมาใช้งาน นอกจากนี้จะมีพี่ รปภ. นำสมุดมาให้เซ็นต์ชื่อ และเลขที่ห้อง สำหรับคนที่มาใช้งานด้วย เพื่อป้องกันบุคคลภายนอกแอบมาใช้งานค่ะ

    ออกมาจากห้องสมุดมายังทางเดินข้างอาคารฝั่งที่เป็นสวนส่วนกลาง บรรยากาศภายในสวนจะร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่และไม้พุ่มตลอดแนวรั้ว และจะเห็นสนามเด็กเล่นอยู่ทางขวามือค่ะ

    เครื่องเล่นในสวนส่วนกลางจะมีสไลด์เดอร์สำหรับเด็ก 1 ชิ้น และเครื่องออกกำลังกายตามท่าต่างๆอีก  3 ชิ้น ที่เล่นได้ทั้งเด้กและผู้ใหญ่ค่ะ

    บรรยากาศภายในสวนนอกจากเครื่องเล่นแล้วก็จะมีพื้นที่นั่งเล่นด้านข้างสวนโครงการเป็นม้านั่งยาว และตลอดทางเดินในสวนก็จะมีโคมไฟติดตั้งไว้ตลอดเส้นทางค่ะ ทำให้เวลากลางคืนพื้นที่ตรงนี้ก็สามารถใช้นั่งเล่น หรือใช้เป็นทางเดินผ่านสวนได้สบายๆค่ะ

    ถัดจากมุมของเครื่องเล่นจะพาเดินตรงยาวไปเรื่อยๆจนสุดพื้นที่สวนส่วนกลางนะคะ ถึงแม้จะเป็นเวลากลางวันที่แสงอาทิตย์ค่อนข้างแรง แต่ก็มีทางเดินใต้ต้นไม้ที่ให้ร่มเงาสามารถเดินในร่มได้ไปตลอดแนวสวนค่ะ

    อีกมุมหนึ่งภายในสวน จะเป็นมุมนั่งเล่นเป็นกลุ่มๆ ด้านหลังเก้าอี้จะติดตั้งดวงไฟไว้ เพื่อให้บรรยากาศที่สว่างไสว ปลอดภัย ในเวลากลางคืนค่ะ

    ถัดมาก็จะมีมุมนั่งเล่นที่เป็นแบบม้านั่งยาว ไปจนสุดพื้นที่สวน ซึ่งพื้นที่สวนส่วนกลางทั้งหมดจะมีที่กั้นไม่ให้รถเข้ามา พื้นที่จึงมีความปลอดภัยมากขึ้น ผู้ปกครองก็สามารถปล่อยให้ลูกหลานมาวิ่งเล่นในพื้นที่สวนได้ค่ะ

    สุดเขตพื้นที่สวน คือ ตรงสุดที่กั้นรถยนต์สีขาว 6 แท่งนี้ ซึ่งเราได้ขับรถผ่านแล้วในตอนต้นนะคะ ซึ่งตอนนี้เราก็ได้พาชมบรรยากาศรอบโครงการ และ Facilities ต่างๆครบแล้วค่ะ ต่อไปจะพาไปชมตัวอาคารพักอาศัยกันบ้างนะคะ

    ผัง_LR (1 of 6)

    เริ่มจากอาคาร A,B ซึ่งแปลนอาคารจะเหมือนกันแค่สลับด้าน เรามาค่อยๆดู Floor Plan ไปทีละชั้นนะคะ จาก ชั้น 1 ทางเข้า Lobby ของแต่ละอาคารจะแยกกัน โดยแต่ละ Lobby จะมีทางเข้าออกทางเดียว คือทาง Lobby ด้านหน้าที่เชื่อมกับทางเดินใต้อาคารที่จะเป็นทางเดินยาวตลอด จึงเป็นข้อดีของทางเดินนี้ที่สามารถใช้งานทางเดินได้ตลอดเวลาเนื่องจากเป็นทางเดินในร่มใช้หลบแดด หลบฝนได้สะดวก  พื้นที่ในชั้นนี้หลักๆเป็นส่วนของช่องจอดรถใต้อาคาร (ประมาณตึกละ 21 คัน) มีพื้นที่ใต้อาคารบางส่วนที่เป็นห้องให้บริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และตู้กดน้ำดื่ม และส่วนภายใน Lobby จะมีพื้นที่สำหรับนั่งคอยเท่านั้นค่ะ

    จากส่วน Lobby นี้จะมีประตูกั้นเพื่อเชื่อมไปยัง Lift Lobby และ ห้องจดหมาย สำหรับความปลอดภัยนั้นจะเริ่มใช้ Key Card ตั้งแต่ประตูทางเข้าโถงลิฟท์นะคะ ซึ่งระบบการความปลอดภัยในการเข้าอาคารจะเป็นแบบนี้ทั้งหมดทุกอาคารนะคะ คือแขกของลูกบ้านสามารถมานั่งรอที่ Lobby ได้แต่จะเข้าในส่วนของโถงลิฟท์ไม่ได้ค่ะ

    • ประตูทางเข้า Lobby —>ไม่ต้องใช้ Key Card แขกของลูกบ้านสามารถเข้ามารอในส่วน Lobby ได้
    • ประตูทางเข้า Lift Lobby —>ใช้ Key Card แขกของลูกบ้านต้องรอลูกบ้านมารับขึ้นส่วนพักอาศัยเท่านั้นค่ะ

    ผัง_LR (2 of 6)

    ต่อมาที่อาคาร C, D เริ่มจาก ชั้น G เช่นกันนะคะ แปลนอาคารโดยรวมเหมือนกับอาคาร A, B เลย ต่างกันที่ ชั้น 1  ของอาคาร  C จะมีบางส่วนที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานนิติฯ และชั้น 1  ของอาคาร  D จะมีพื้นที่บางส่วนที่แบ่งไปเป็นห้องสมุดและห้องอเนกประสงค์ ส่วนพื้นที่ภายใน Lobby จะเหมือนกันเลยคือมีเฉพาะพื้นที่สำหรับนั่งคอยเท่านั้น

     

    หลังจากดูผังแล้วจะขอพาเดินดูทางเดินใต้อาคาร B  ซึ่งมีความกว้างประมาณ 2 ม. ตลอดแนวทางเดิน 2 ฝั่งเป็นที่จอดรถ เป็นอีกข้อดีหนึ่งของทางเดินนี้นะคะ ที่ทำให้เวลาลงจากรถสามารถเดินทางเชื่อมยาวไปจนถึงทางเข้า Lobby อาคารได้เลย ไม่ต้องตากแดด หรือในเวลาฝนตกก็สะดวกสบาย แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้จอดรถใต้อาคารก็จะต้องตากแดดตากฝนกันสักหน่อยนะคะ

    นอกจากนี้ที่จอดรถใต้อาคารยังมีพื้นที่สำหรับจอดรถมอเตอร์ไซค์และรถจักรยานโดยเฉพาะด้วย ทำให้ที่จอดรถในโครงการเป็นระเบียบเรียบร้อยนะคะ

    ตามทางเดินมาเรื่อยๆจะมาถึงหน้า Lobby อาคาร B ซึ่งทางเดินจะยาวไปผ่านหน้า Lobby อาคาร A และยาวไปจนสุดที่จอดรถใต้อาคาร A เลยผู้พักอาศัยภายในโครงการจะสามารถเดินใต้อาคารได้ตั้งแต่หน้าโครงการไปจนถึงอาคารที่ตนเองพักอาศัยได้เลย แต่มีทางเดินที่ขาดช่วงนิดหน่อยตรงระหว่างอาคาร B กับ อาคาร C ที่จะกลายเป็นทางเดินรถแทนค่ะ

    ต่อไปเราจะเข้าไปดูภายใน Lobby ของอาคาร B กันนะคะ ซึ่ง Lobby ของแต่ละอาคารก็จะเหมือนๆกันเลยนะคะ บรรยากาศเป็นห้องกระจกโล่งๆ ภายในเปิดหน้าต่างไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเท ทำให้ด้านในไม่ร้อนแม้ไม่ได้เปิดแอร์ค่ะ ซึ่งก็มีข้อดีที่จะช่วยลดค่าไฟของพื้นที่ส่วนกลางได้ค่ะ

    บรรยากาศภายในมีจัดเก้าอี้ไว้ในมุมต่างๆ ในช่วงกลางวันจะไม่ได้เปิดไฟในห้อง Lobby เลยนะคะ จะใช้แสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาก็เพียงพอค่ะ

    อีกมุมหนึ่งภายใน Lobby อาคาร จะมีประตูที่รักษาความปอดภัยด้วยระบบ Key Card เพื่อเข้าไปยัง Lift Lobby และห้องจดหมาย ซึ่งจะเริ่มเป็นพื้นที่ส่วนพักอาศัยของลูกบ้านแล้วค่ะ

    แตะ Key Card เข้ามาด้านใน จะเจอทางเดินไปห้องจดหมาย

    บรรยากาศภายในห้องจดหมายจะเป็นตู้ช่องๆแบนี้นะคะ

    ถ้าไม่ได้เลี้ยวไปทางห้องจดหมาย ก็เดินตรงมายัง Lift Lobby แต่ละอาคารจะมีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว แต่จะไม่มี Service Lift นะคะ

    ผัง_LR (3 of 6)

    มาต่อกันที่ชั้นบนของแต่ละอาคารกันนะคะ เริ่มจากอาคาร A,B ก่อน โดยชั้น 2-15 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยของตึก A,B ในแต่ละชั้นจะมีผังที่เหมือนกัน โดยมีห้องพักอาศัยชั้นละ 18 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroomทั้งหมด (ขนาด 26 – 30 ตร.ม.) การจัดเรียงห้องพักเป็นรูปตัว I แบบ Double Corridor ตามแนวตึก โถงลิฟท์มีตำแหน่งเดียว โดยโถงลิฟท์ของอาคาร A อยู่ค่อนไปทางฝั่งขวาของอาคาร และโถงลิฟท์ของอาคาร B อยู่ค่อนไปทางฝั่งซ้ายของอาคาร ทำให้ห้องทั้ง 2 ฝั่งอาคารมีระยะห่างจากโถงลิฟท์ไม่เท่ากัน โดยห้องที่อยู่ไกลจากลิฟท์ที่สุดมีระยะประมาณ 36 ม.ค่ะ ลิฟท์มีตึกละ 2 ตัว รองรับลูกบ้านตึก A, B ตึกละ 252 ยูนิต มีอัตราส่วนลิฟท์ประมาณ 126 : 1 เทียบกับความสูงอาคารอยู่ที่ 15 ชั้น จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ได้เมื่อเทียบกับคอนโดอื่นๆในปัจจุบัน

    ส่วนอาคารจะมีบันไดหนีไฟ 2 ตำแหน่งกระจายตัวอยู่ทั้งฝั่งซ้ายขวาของอาคาร ซึ่งบันไดทั้ง 2 ตัวสามารถลงไปยังลานจอดรถที่ชั้น 1 ได้ ต่อไปจะเป็นเรื่องวิวนะคะ ซึ่งจะแยกวิเคราะห์ทีละอาคารค่ะ

    อาคาร A

    • ทิศตะวันออก : เป็นวิวที่หันไปทางถนนศรีนครินทร์ ปัจจุบันแม้ไม่มีอาคารสูงในระยะประชิดแต่จะมีอาคารบังวิวในระยะไกลหน่อยคือโครงการไอคอนโด เป็นกลุ่มคอนโดสูง 8 ชั้น และในอนาคตที่ดินเปล่าที่อยู่ติดกันก็อาจจะมีการก่อสร้างคงต้องรอลุ้นกันว่าจะขึ้นโครงการอะไร แต่ด้วยขนาดที่ดินเล็กจึงจะขึ้นได้ไม่สูงมาก ส่วนแปลงที่ดินด้านหลังที่ดินเปล่าที่เป็นบ้านพักอาศัยมีความสูง 2-3 ชั้น การเลือกห้องฝั่งนี้ถ้าจะให้ได้วิวดีต้องเลือกที่ชั้น 10 ขึ้นไป แต่ถ้าไม่ได้แคร์วิวในระยะไกลมากนักก็สามารถเลือกได้ตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไปเลยค่ะ
    • ทิศตะวันตก : วิวฝั่งนี้ของอาคาร A จะได้เปรียบในเรื่องวิวภายนอกโครงการมากกว่าทิศอื่นๆ เพราะจะหันไปทางถนนสุขุมวิท และปัจจุบันยังไม่มีอาคารมาบังในระยะไกลด้วย เพราะแปลงที่ดินที่ตรงกันไปจนสุดถนนสุขุมวิท ไม่มีอาคารใหญ่ขึ้นเลย แถมแปลงที่ติดถนนสุขุมวิทเป็นของกรมอุตุฯ อีกด้วย จึงมีโอกาสน้อยในการก่อสร้างอาคารสูง จากฝั่งนี้มองไปไกลๆเป็นทางด่วนซึ่งในเวลากลางคืนจะเห็นเป็นไฟส้มๆตามเส้นทาง แปลงที่ดินด้านข้างจะติดกับที่จอดรถและสวนของโรงเรียนบางกอกพัฒนา จึงสามารถเลือกห้องที่วิวได้ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปได้เลย แต่ถ้าต้องการมีระยะสายตาในการมองวิวได้ไกลก็เลือกชั้นสูงๆขึ้นมา

    อาคาร B

    • ทิศตะวันออก : วิวจะเหมือนกับอาคาร A แต่แปลงที่ดินที่ติดกันจะเป็นบ้านพักอาศัย 2-3 ชั้น ทั้งหมด และยังถูกบังวิวโดยโครงการไอคอนโดในระยะไกล การเลือกห้องฝั่งนี้ถ้าจะให้ได้วิวดีต้องเลือกที่ชั้น 10 ขึ้นไป แต่ถ้าไม่ได้แคร์วิวในระยะไกลมากนักก็สามารถเลือกได้ตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไปเลยค่ะ
    • ทิศตะวันตก : วิวฝั่งนี้จะเหมือนอาคาร A เช่นกัน แต่จะต่างกันนิดหนึ่งที่แปลงที่ดินที่ติดด้านข้างเป็นโรงเรียนอนุบาล 2 ชั้น การเลือกห้องจึงควรเลือกตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไป

    ผัง_LR (4 of 6)

    สำหรับอาคาร C,D จะมีผังอาคารที่คล้ายอาคาร A, B เช่นกัน แต่จะมีความสูงของอาคารที่มากกว่าเป็น 20 ชั้น โดยชั้น 2-19 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยของตึก C,D ในแต่ละชั้นจะมีผังที่เหมือนกัน โดยมีห้องพักอาศัยชั้นละ 14 เป็นห้อง 1 Bedroomทั้งหมด (ขนาด 22.5 – 27 ตร.ม.) การจัดเรียงห้องพักเป็นรูปตัว I แบบ Double Corridor ตามแนวตึก โถงลิฟท์มีตำแหน่งเดียว โดยโถงลิฟท์ของอาคาร C อยู่ค่อนไปทางฝั่งขวาของอาคาร และโถงลิฟท์ของอาคาร D อยู่ค่อนไปทางฝั่งซ้ายของอาคาร ทำให้ห้องทั้ง 2 ฝั่งอาคารมีระยะห่างจากโถงลิฟท์ไม่เท่ากัน โดยห้องที่อยู่ไกลจากลิฟท์ที่สุดมีระยะประมาณ 20 ม.ค่ะ ลิฟท์มีตึกละ 2 ตัว รองรับลูกบ้านตึก C, D ตึกละ 262 ยูนิต มีอัตราส่วนลิฟท์ประมาณ 131 : 1 เทียบกับอาคาร A และ B ก็จะหนาแน่นขึ้นมาอีกหน่อย แต่ก็พอใช้ได้เมื่อเทียบกับคอนโดอื่นๆในปัจจุบัน

    ส่วนอาคารจะมีบันไดหนีไฟ 2 ตำแหน่งกระจายตัวอยู่ทั้งฝั่งซ้ายขวาของอาคาร ซึ่งบันไดทั้ง 2 ตัวสามารถลงไปยังลานจอดรถที่ชั้น 1 ได้เช่นกันค่ะ

    ผัง_LR (5 of 6)

    ผังชั้น 20 ของอาคาร C, D จะเหมือนผังชั้น 2 – 19 เลย ต่างกันแค่เพียงจะมีจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยลง เหลือ 10 ห้องต่อชั้น จึงเป็นชั้นที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าชั้นอื่นๆ ต่อไปเป็นเรื่องวิวของอาคาร C, D นะคะ

    อาคาร C, D

    • ทิศตะวันออก : วิวที่ได้ยังคงเหมือนอาคาร A, B แต่แปลงที่ดินที่ติดกันเป็นแปลงใหญ่และเกลี่ยที่ดินเรียบร้อยแล้ว ต้องรอลุ้นว่าจะขึ้นโครงการอะไร แต่ด้วยตำแหน่งของที่ดินอยู่ด้านในซอย ทำให้มีข้อจำกัดที่ทำให้ขึ้นอาคารสูงนักไม่ได้ การเลือกห้องฝั่งนี้ถ้าจะให้ได้วิวดีในระยะยาวคงต้องเลือกที่ชั้น 10 ขึ้นไปค่ะ
    • ทิศตะวันตก : วิวฝั่งนี้จะแตกต่างจากอาคาร A,B อยู่ตรงที่แปลงที่ดินติดกันด้านข้างเป็นอาคารที่กำลังก่อสร้างสูง 7 ชั้น แต่เทียบกับโครงการลุมพินีแล้วก็อยู่ที่ประมาณชั้น 10 เพราะความสูงพื้นถึงฝ้าของโครงการจะเตี้ยกว่าอยู่หน่อย จึงควรเลือกห้องตั้งแต่ชั้น 12 ขึ้นไป

    สำหรับการเลือกทิศทางของห้องนั้นเป็นความชอบส่วนบุคคล นอกจากจะคำนึงถึงวิวแล้ว ก็อย่าลืมคำนึงเรื่องทิศทางลมและแดดกันด้วยนะคะ

    LPN_Surrounding (1 of 3)

    ต่อไปจะพาชมวิวจากชั้น 7 ของอาคารจอดรถนะคะ เพื่อดูบรรยากาศรอบๆโครงการจากมุมสูงกันบ้าง โดยจะถ่ายจากอาคารจอดรถออกไปยังด้านหน้าโครงการ จากมุมนี้จะเป็นฝั่งข้างโครงการทางทิศตะวันออกค่ะ จะเป็นแปลงที่ดินว่างเปล่าที่อยู่ติดกับที่ดินของโครงการเลย ถัดไปหน่อยเป็นกลุ่มบ้าน 2-3 ชั้น และถัดจากกลุ่มบ้านไปจะเป็นที่ดินว่างเปล่ารอการพัฒนาอีกเช่นกัน ทำให้ปัจจุบันห้องพักทางทิศตะวันออกจะไม่ได้ถูกบังวิวในระยะประชิดนะคะ แต่ก็ต้องรอลุ้นว่าโครงการที่จะพัฒนาบนที่ดินว่างเปล่าจะเป็นโครงการอะไรค่ะ

    LPN_Surrounding (2 of 3)

    จากมุมนี้จะเป็นฝั่งข้างโครงการทางทิศตะวันตกค่ะ โดยจะถ่ายจากอาคารจอดรถออกไปยังด้านหน้าโครงการเช่นกัน อาคารหอพักด้านข้างโครงการมีทั้งหมด 3 อาคารนะคะ มีความสูง 7 ชั้นเท่ากัน อาคารที่กำลังก่อสร้าง 2 อาคารจะอยู่ประชิดกับอาคาร C, D ส่วนอาคาร ส่วนอีกอาคารที่ก่อสร้างเสร็จแล้วจะอยู่ตรงกับถนนโครงการระหว่างอาคาร B และ C ดังนั้นจะมีเพียง อาคาร C, D ที่ถูกบังวิวในระยะประชิดนะคะ โดยระยะจากพื้นถึงฝ้าที่ไม่เท่ากันทำให้ความสูงที่  7  ชั้นของหอพักเทียบได้กับความสูงประมาณชั้น 10 ของคอนโดลุมพินีนะคะ หากต้องการห้องในตึก C,D ที่พ้นอาคารหอพักนี้ไปก็ต้องเลือกห้องตั้งแต่ชั้น 12 ขึ้นไปค่ะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6.5 x 19.5 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
    • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 8 เครื่อง
    • สวนหย่อมรอบโครงการ
    • ห้องสมุด
    • สนามบาสเกตบอล (สตรีทบาสฯ)
    • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อ/อาคาร
    • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 128.25 :  1
    • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A, B 126 : 1
    • อัตราส่วนลิฟท์ตึก C,D 131 : 1
    • ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 39 %
    • ระบบ CCTV / Access Card
    • รถตู้รับส่ง BTS – โครงการ รอบละ 20 บาท (เช้า,เย็น)

     


    Product Walkthrough

    แบบห้องของโครงการจะเป็น 1  Bedroom ทั้งหมด โดยจะมีห้อง 5 ขนาด คือ 22.5 ตร.ม.,  23.5 ตร.ม., 26 ตร.ม., 27 ตร.ม. และ  30 ตร.ม.โดยห้องในโครงการส่วนใหญ่จะเป็นห้องขนาด 22.5 ตร.ม. และ 26 ตร.ม. ส่วนห้องขนาดอื่นๆจะเป็นห้องที่มีชั้นละ 1-2 ห้อง บริเวณมุมอาคารนะคะ

    สำหรับห้องที่จะพาไปชมวันนี้เป็นห้องขนาด 22.5 ตร.ม. ค่ะ เป็นห้องจริงที่ตกแต่ง Furniture แล้วนะคะ

    LPN (1 of 4)

    ห้อง Standard ขนาด 22.5 ตารางเมตร แปลนห้องก็อย่างที่พวกเราคุ้นเคยกันดี เป็นห้องรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส Signature ของ LPN เลยค่ะ เริ่มจากทางเข้าจะเจอกับส่วนพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี ติดกันเป็นส่วนของห้องนอนที่กั้นจากห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแยกเป็นสัดส่วนดี ใครที่อยากจะเพิ่มความเป็นส่วนตัวอีกหน่อยก็สามารถติดฟิล์มฝ้าได้นะคะ

    จากห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับบริเวณเตรียมอาหารและรับประทานอาหาร โดยทางเดินที่เชื่อมนั้นจะลบเหลี่ยมมุมออกเพื่อขยายทางเดินให้กว้างขึ้นเดินได้สะดวก ซึ่งข้อเสียก็คือไม่สามารถทำประตูบานเปิดกั้นระหว่างครัวและพื้นที่นั่งเล่นได้ จึงไม่เหมาะกับการทำอาหารหนักๆ เนื่องจากกลิ่นจะลอยฟุ้งไปทั่วห้องถัดมาในห้องน้ำที่มีขนาดค่อนข้างเล็กแต่ก็จัดสรรตำแหน่งสุขภัณฑ์และแบ่งโซนเปียกโซนแห้งได้ดีค่ะ และสุดท้ายระเบียงซักล้างที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ถ้าวางเครื่องซักผ้าแล้วก็เหลือพื้นที่ไม่มากในการใช้งานเท่าไหร่นะคะ

    บรรยากาศด้านหน้าห้องพักอาศัยบริเวณโถงทางเดินหลักนั้นปลายทางเดินทั้ง 2 ด้านจะมีช่องเปิดให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ทางเดินไม่ทึบค่ะ ด้านหน้าห้องจะป้ายบอกเลขที่ห้องไว้เรียบร้อย บานประตูห้องเป็นบานไม้สีขาวค่ะ

    รูปห้องตัวอย่างขอนำมาจากรีวิวที่เคยทำไปแล้วนะคะเพราะเป็นผังแบบเดียวกัน Design เดียวกัน ส่วนวัสดุการตกแต่งสำหรับโครงการนี้จะไม่เหมือนเดิมแล้วเพราะต้องหาซื้อเป็นมือสองเอา อันนี้ก็แล้วแต่ว่าใครอยากได้ห้องแบบไหนและที่ขายๆกันอยู่มีแบบไหนบ้าง เอาเป็นว่าเอามาให้ดูในเรื่องของแบบหละกันนะคะ

    เข้ามาด้านในห้อง โซนแรกที่เจอเป็นโซนห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนเลยถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวในห้องนอนคงต้องติดม่านเพิ่มด้วย

    ตัวห้องเปล่าเข้ามาก็โล่งๆเลย

    หันกลับมาโซฟาจะเห็นว่าตัวโซฟาที่ให้มาเป็น Built-in เข้ามุมได้พอดีถ้าจะหาซื้อที่ได้ขนาดพอดีแบบนี้อาจจะลำบากหน่อย เท่าที่ลองนั่งดูตัวที่นั่งๆได้ลึกดีแต่ระยะพิงจะไม่สามารถนอนเอนได้มากนัก

    โต๊ะกลางขนาดจะมีขนาดเล็กหน่อยพอวางขนมแก้วน้ำได้ แต่ไม่พอวาง Notebook นะคะ ส่วนตัวโซฟาจะมีลิ้นชักให้เก็บของใต้เบานั่ง และด้านข้าง

    พอเป็นห้องเปล่าแล้วจะเห็นว่ามีเหลี่ยมเสายื่นออกมา ถ้าใครอยากจะวางโซฟาตัวใหญ่แนะอย่าลืมเชคระยะดีๆนะคะ

    มุมมองจากโซฟาไปยังห้องครัว จะเห็นว่ามุมที่เป็นห้องน้ำถูกปาดเหลี่ยมไปเพื่อให้ระยะทางเดินเข้าห้องครัวดูกว้างขึ้น

    ชั้นวางทีวีจะมีช่องเก็บของมาให้แต่ไม่สามารถเก็บรองเท้าได้นะเพราะความลึกไม่พอ รองเท้าต้องเอาไว้ใต้ชั้นวางทีวีแทน

    ตู้เก็บของชุดบน ช่องที่มีบานปิดเป็นการครอบตู้เมนไฟฟ้าไว้เพื่อความสวยงาม เลยเหลือที่เก็บของไม่มากนัก

    ระยะดูทีวีสองเมตรกว่าๆเหลือให้พอวางทีวีได้ถึง 50″ แต่…พื้นที่ของกำแพงดันเหลือให้แค่นิดเดียวประมาณ 1 เมตรแถมไม่ได้ Center กับ โซฟาด้วย ถ้าจะติดก็เชคระยะดีๆนะคะ

    พื้นที่ห้องเปล่าก็มาแบบโล่งๆ ห้องทุกแบบจะได้โคมไฟ Downlight ทั้งหมด

    ประตูบานเลื่อนเป็นแบบ 2 ตอนอลูมิเนียมสีธรรมชาติ กระจกชุดล่างเป็นแบบฝ้า

    รางเลื่อนที่พื้นจะนูนๆออกมาแบบนี้ พอเดินได้ไม่ถึงกับสะดุดง่ายๆ และความกว้างจะไม่เท่าพวกบานเลื่อน 3 ตอน

    แบบของมือจับค่อนข้างคมไปหน่อยจับแล้วไม่ค่อยน่าใช้งานแถมตามขอบ บน/ล่าง ค่อนข้างคมเวลาจับก็ระวังหน่อย

    ขนาดห้องนอนไม่ใหญ่มากพอวางได้แค่เตียง 5′ เท่านั้นตัวกระจกของจริงไม่ได้เป็นบานใหญ่เต็มพื้นที่แบบนี้นะคะ

    ฐานเตียงเป็นแบบ 5′ มีช่องเก็บของใต้เตียงแต่ไม่มีบานปิดมาให้

    ระยะเหลือรอบๆเตียงทั้ง 2ด้านไม่พอวาง โต๊ะหัวเตียงนะต้องใช้วิธีเลื่อนไปชิดด้านใดด้านนึง ถึงจะวางโต๊ะเล็กๆได้

    ตู้เสื้อผ้าจะให้มาอยู่แล้วแต่ชั้นวางของทางขวาเป็นชุดที่ต้องซื้อเพิ่มเติม ถ้าใครไม่ซื้อจะทำเป็นชั้นวางทีวีก็ได้แต่

    มือจับค่อนข้างเล็กและมีระยะให้จับน้อยไปทำให้จับไม่ค่อยถนัด

    การแบ่งช่องภายในตู้เสื้อผ้า ถ้าอยู่กัน 2 คนเวลาใช้งานจริงไม่น่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน

    ตัวชั้นวางของจะมีหน้าบานเป็นกระจกเงาด้านในใส่ของได้นิดหน่อยเพราะมีความลึกประมาณ 10 ซม.เท่านั้น

    มุมมองหันกลับมายังพื้นที่ห้องนั่งเล่น

    ห้องครัวจะได้ Pantry ขนาดเล็ก ไม่มีตู้วางของชุดบนมาให้ มีแต่ชุดล่าง Top เคาน์เตอร์ได้เป็นปาติเกิ้ลปะเมลานีนสำหรับใช้ในครัว

    อ่างล้างจานเป็นทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กวางแนวตั้ง วางจานชามได้นิดเดียวก็อย่าใช้จานชามทีเดียวเยอะๆเดี๋ยวจะไม่มีที่ล้างกับที่พักจานให้แห้ง

    ตรงส่วน Pantry จะมีจุดแปลกๆอยู่ 1 จุด ตรงส่วนปลายของเคาน์เตอร์ครัว จะมีระยะต่อของเคาน์เตอร์มาให้อีกหน่อยเพราะเป็นช่วงพ้นระยะเสาพอดี ด้านขวาจะเป็นช่องใหญ่หน่อยเลยใส่ชั้นวางของมาให้ซะเลย

    โต๊ะทานอาหารยังคงวางแบบนั่งหันหน้าเข้าหากำแพง 2 ที่นั่ง ขนาดโต๊ะก็พอวางแบบอาหารจานเดียวมากกว่า

    ประตูออกระเบียงเป็นแบบ บานเลื่อนเดี่ยวกรอบอลูมิเนียม

    ธรณียกสูงมาประมาณ 10 ซม.

    กลอนเป็นแบบมาตรฐานธรรมดา ตัวล็อค 2 ชั้น

    ด้านนอกจะเว้นพื้นที่ไว้วางเครื่องซักผ้าพร้อมงานระบบน้ำ-ไฟฟ้า

    ด้านบนเอาไว้วางคอมแอร์แบบเป่าเข้าระเบียง แนะนำเหมือนทุกครั้งคือให้ติดแผงเปลี่ยนทิศทางลมเพื่อจะได้ใช้งานส่วนของระเบียงได้

    ในส่วนของห้องน้ำเปิดประตูมาเจอกับโถสุขภัณฑ์ก่อนเลย ถ้าใครไม่อยากให้เสียบรรยากาศในการกินข้าวก็ปิดประตูไว้นะคะ

    ชุดโถสุขภัณฑ์ใช้ของ American Standard

    ตัวอ่างวัสดุยังคงเป็นไฟเบอร์กลาสเหมือนเดิม แต่ก็ได้พื้นที่วางของเยอะดี

    ตัวอ่างค่อนข้างเล็กไปหน่อยถ้าเทียบกับขนาดอ่างในยุคก่อนๆของ LPN

    โซนอาบน้ำจะอยู่ตรงข้ามกับอ่างล้างหน้าได้ฝักบัวปรับระดับได้ และมีชั้นวางสบู่มาให้

    ขนาดพื้นที่อาบน้ำก็ประมาณ 80 x 80 ซม.พออาบน้ำได้แต่อึดอัดไปนิด

    ห้องขนาด 26 ตร.ม. ผังจะเหมือนกับแบบ 22.5 เป๊ะๆ แต่ได้ความลึกของห้องเพิ่มมากขึ้น สามารถดันเตียงนอนไปติดหน้าต่าง แล้ว Built-in ตู้เสื้อผ้าเล็กๆเพิ่มได้อีกตู้หนึ่ง เหมาะสำหรับสาวๆที่เสื้อผ้า ข้าวของเยอะๆค่ะ

    ส่วนห้อง 26 ตร.ม. ที่อาคาร C, D จะต่างจากห้องขนาด 26 ตร.ม.โดยทั่วไป คือห้องจะไม่ได้เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสตามแบบที่เคยชินกันนะคะ จะออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามากขึ้น มีผนังด้านฝั่งประตูที่ยาวขึ้นแลกมากับการที่ห้องจะตื้นขึ้นไม่ลึกเท่าเดิมค่ะ ประตูทางเข้าห้องถูกเปลี่ยนตำแหน่งจากตรงกลางห้องไปอยู่ด้านขวา และสลับตำแหน่งระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่น ห้องครัวจะไม่ได้อยู่ติดกับระเบียงแล้วจะถูกย้ายมาอยู่บริเวณหน้าห้องติดกับประตูเป็นครัวเปิดแทน ส่วนห้องนั่งเล่นจะอยู่ติดกับระเบียงแทนค่ะ ข้อดีของห้องแบบนี้คือห้องนั่งเล่นจะได้มีช่องรับแสงธรรมชาติเป็นของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งช่องแสงจากห้องนอนอีกแล้วนะคะ แต่ก็ทำให้ห้องครัวย้ายไปติดกับห้องนอนมากขึ้น และไม่มีประตูระเบียงใกล้ๆให้เปิดระบายกลิ่น ทำให้กลิ่นจากการทำอาหารฟุ้งทั่วห้อง ต้องติดเครื่องดูดอากาศช่วยอีกทางหนึ่งค่ะ

    ห้องขนาด 30 ตร.ม. ผังจะเหมือนกับแบบ 26 ตร.ม. ที่อาคาร C, D เป๊ะๆ แต่ได้ความลึกของห้องเพิ่มมากขึ้น ทำให้ได้ชั้นวางทีวีที่ยาวขึ้น พื้นที่วางโซฟาที่กว้างขึ้น และสามารถเพิ่มโต๊ะเขียนหนังสือหรือตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอนได้อีกอย่างค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 1 June 2016

    • เนื่องจากเป็นโครงการที่ขายหมดและโอนกันหมดแล้วนะคะ ดังนั้นต้องซื้อต่อจากเจ้าของเดิม ทำให้ราคาก็จะค่อนข้างหลากหลายขึ้นอยู่กับทำเลห้องได้อยู่ชั้นสูงๆหรือชั้นล่างๆ ตกแต่งครบหรือห้องเปล่า ความพอใจราคาจากการตกลงกันระหว่างคนซื้อและคนขายราคาต่อตารางเมตรในปัจจุบัน ปี 2016 จะอยู่ที่ประมาณ 46,000 – 60,000 บาท/ตร.ม. (ทั้งแบบห้องเปล่าและตกแต่งครบ) สำหรับห้องที่ขายมีตั้งแต่ Fully Fitted ไปจนถึง Fully Furnished ค่ะ

    • เพดานสูง 2.4 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • ค่าส่วนกลาง 28 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ ลุมพินี วิลล์ ลาซาล-แบริ่ง ตั้งอยู่ในทำเลช่วงลาซาล-แบริ่ง ใกล้กับโรงเรียนบางกอกพัฒนา การเข้าถึงโครงการถ้าเข้าซอยมาจากปากทางสุขุมวิทถือว่าลึกพอสมควร โดยห่างจากรถไฟฟ้า BTS แบริ่งประมาณ 2.9 กิโลเมตร ถ้าเข้าจากทางถนนศรีนครินทร์จะเข้ามาประมาณ 2 กิโลเมตร เรียกได้ว่าอยู่บริเวณกลางซอยลาซาล ซึ่งไม่ใช่ระยะเดิน คงต้องอาศัยการขับรถยนต์ นั่งพี่วิน รถสองแถว Taxi หรือไม่ก็พึ่งบริการ Shuttle Service จากโครงการ แต่ยังดีที่สภาพแวดล้อมในซอยค่อนข้างคึกคักเนื่องจากเป็นถนนเชื่อมถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์อีกทั้งมีทางลัดเชื่อมกับถนนบางนา-ตราดทำให้มีรถผ่านตลอดเวลา และแน่นอนว่าความอุดมสมบูรณ์ก็จะตามมาด้วย สองข้างทางของซอยลาซาลมีของกินของใช้หลากหลาย ทั้งร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11, Family Mart, ตลาด, ร้านขายยา และร้านอาหารหลากหลาย สภาพแวดล้อมโดยรอบๆส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ 2-4 ชั้น อพาร์ทเม้นท์ ที่ดินเปล่า และมีบ้านพักอาศัยบ้างประปราย

    การเดินทางโดยใช้รถ เดินทางสะดวกมาก ทางเลี่ยงทางลัดเยอะ สามารถเลือกใช้ได้หลายเส้นทาง เวลาเส้นทางหลักติดมากๆ มีทางด่วนให้ใช้เป็นหลักก็คงเป็นด่านบางนา น่าเสียดายที่แม้จะสะดวกต่อการใช้รถมาก แต่เค้าจัดที่จอดรถรวมซ้อนคันแล้วได้มาที่ 39% ซึ่งถ้าเกิดกลุ่มลูกบ้านมีรถยนต์ส่วนตัวกันเยอะ อาจจะมีปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่พอหากบริหารจัดการเรื่องที่จอดรถกันไม่ดี ซึ่งโครงการนี้จะมีการเก็บค่าจอดรถสำหรับด้วยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยให้ลูกบ้านลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวได้มากน้อยแค่ไหนนะคะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการอยู่ติดกับถนนซอยจึงสามารถเดินมาเรียกรถได้ง่าย และซอยลาซาลเองนั้นก็มีรถสาธารณะผ่านเยอะเช่นกัน จึงสามารถหา Taxi ได้เรื่อยๆ และมีพี่วินให้เรียกใช้ได้อยู่หน้าโครงการ นอกจากนี้ยังมีรถสองแถวที่คอยให้บริการด้วย น่าเสียดายที่ไกลเกินระยะเดินไป BTS ไม่งั้นจะสะดวกกว่านี้มากก็แลกมากับราคาที่หยิบจับได้ง่าย แต่ดีที่ทางโครงการเขามี Shuttle Service รับส่งที่สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งคงจะพอช่วยให้ลูกบ้านสบายได้ในช่วงที่ Shuttle Service ยังให้บริการ แต่ถ้าดึกดื่น หรือเช้ามากๆ คงต้องเรียกรถเองค่ะ

    สำหรับวัสดุนั้นจะขอพูดสิ่งที่ทางโครงการได้ให้มานะคะ ส่วนเรื่องของเฟอร์นิเจอร์หรือการตกแต่งเพิ่มเติมในส่วนต่างๆ ของเจ้าของแรกนั้นอาจจะไม่สามารถสรุปได้โดยตรงเพราะแต่ละห้องที่มา Re-sale ก็จะมีความแตกต่างกันไปในเรื่องนี้ ซึ่งราคาก็จะแปรผันตรงตามงบประมาณการตกแต่งเพิ่มเติมค่ะ สำหรับวัสดุที่ได้จากโครงการนี้ให้มาตามมาตรฐานค่ะ พื้นห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องครัว ปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. พื้นห้องน้ำและระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม. มีชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำให้ครบ อ่างล้างหน้าเป็นไฟเบอร์ มีก๊อกน้ำและชุดฝักบัวอาบน้ำ มีชุด Built-in ครัวมาให้ชุดล่างเป็นตู้แต่ชุดบนมีแค่ชั้นวางของ และสุดท้ายคือมีชุด Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ ถ้าเป็นแบบ 1 Bedroom 26 ตร.ม.จะได้ฉากกั้นโซน Shower เพิ่มมาให้พิเศษกว่าห้องอื่นๆ หน้าต่างใช้กรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ

    การออกแบบโครงการถือว่าทำออกมาได้ลงตัวดีนะคะ ในเรื่องของการจัดวางตัวอาคาร โดยมีทางเดินเชื่อมตลอดแนวใต้อาคารทำให้การเดินเชื่อมต่อกันระหว่างอาคารไปยัง Facilities ต่างๆเป็นไปด้วยความสะดวก นอกจากจะวางพื้นที่อาคารได้คุ้มค่ากับเนื้อที่ 7 ไร่เศษๆ นี้แล้วโครงการยังมีพื้นที่สีเขียวด้านข้างที่กว้างขวางและน่าใช้งาน การออกแบบอาคารและห้องพักของคอนโดลุมพินีก็จะเป็นแบบคล้ายๆกันหมดกับโครงการอื่นๆของ ลุมพินี ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกจนถึงภายในห้อง ที่แม้จะมีขนาดห้องที่เล็กแต่ก็มีฟังก์ชั่นที่ครบ แต่ด้วยขนาดห้องที่ไม่ได้ใหญ่มากนักทำให้การจัดวางหรือเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ขนาดพอดีๆ กับห้องค่อนข้างยากหน่อย อย่างไรก็ตามควรเช็คความกว้างยาวห้องและเฟอร์นิเจอร์ที่จะซื้อกันก่อนด้วยนะคะ แต่สิ่งนึงที่เป็นจุดด้อยของโครงการจาก ลุมพินี คือความหนาแน่นที่มีค่อนข้างสูงแต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเทียบกับราคาขาย อัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่  128 ห้องต่อลิฟท์ 1 ตัว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ระดับราคานี้ค่ะ

    สาธารณูปโภคของโครงการ มีอาคาร Club House แยกอยู่บริเวณด้านหลังของโครงการ ภายในจะมีสระว่ายน้ำและห้องออกกำลังกายเป็นอาคาร 2 ชั้น มีอาคารร้านค้าอยู่ด้านหน้าโครงการ ที่อาคาร D ชั้น 1 จะมีห้องอเนกประสงค์และห้องสมุด ด้านหลังมีสนามบาสเกตบอลแบบสตรีทบาสฯ และมีสวนหย่อมขนาดใหญ่อยู่ด้านข้างอาคาร C, D ตลอดแนวค่ะ ซึ่งแม้จะผ่านมา 4 ปีแล้วแต่โครงการก็ยังดูแลให้อยู่ในสภาพดี ซึ่งเป็นจุดเด่นของโครงการลุมพินีทุกโครงการค่ะ

    ด้วยทำเลโครงการนี้มีโครงการเพื่อนบ้านให้เปรียบเทียบหลายโครงการอยู่ค่ะ อย่างโครงการในกลุ่ม Super Economy ด้วยกันก็จะมี The Excel Groove, City Home ศรีนครินทร์ ทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการที่ขายหมดแล้ว ซึ่งโครงการในซอยจะอยู่ในระดับราคาที่กระเถิบมาอีกนิดนึงในระรับ Economy อย่างเช่น ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท,  The Excel Hideaway, The Excel Parc ค่ะ ซึ่งสามารถคลิกอ่านรายละเอียดรีวิวโครงการอื่นๆ ได้จากชื่อโครงการเลยค่ะ สำหรับการเปรียบเทียบเรื่องรายละเอียดอื่นๆ ของโครงการนั้นจะขอให้เป็นทางผู้อ่านตัดสินใจนะคะ เนื่องจากการให้น้ำหนักของแต่ละคนค่อนข้างจะหลากหลายและแตกต่างกันไป โดยรีวิวฉบับนี้จะขอเปรียบเทียบราคาที่ Re-sale กันอยู่ในปัจจุบันของโครงการเพื่อนบ้าน ลุมพินี วิลล์ ลาซาล-แบริ่ง เพื่อเป็นส่วนนึงในการตัดสินใจซื้อค่ะ โดยราคานี้เป็นการหาข้อมูลราคาขายในช่วงกลางปี 2016 ซึ่งราคาอาจจะปรับเปลี่ยนได้นะคะ ^^

    • The Excel Groove : ราคาเริ่มต้นประมาณ 40,000 บาท/ตร.ม.
    • City Home ศรีนครินทร์ : ประมาณ 45,000 – 62,000 บาท/ตร.ม.
    • ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท : ราคาเริ่มต้นประมาณ 57,000 /ตร.ม.
    • The Excel Hideaway : ประมาณ 64,000 – 93,000 บาท/ตร.ม.
    • The Excel Parc : ประมาณ 61,000 – 66,000 บาท/ตร.ม.

    Judgement

    เนื่องจากเป็นโครงการที่ขายหมดแล้ว ซึ่งปัจจุบันรูปแบบการขายเปลี่ยนแปลงเป็นแบบ Re-sale ซึ่งค่อนข้างมีความแตกต่างกันไปทั้งเรื่องของวัสดุ การตกแต่งภายในห้อง รวมทั้งเรื่องของราคาที่ค่อนข้างหลากหลายขึ้นอยู่กับทำเลห้องได้อยู่ชั้นสูงหรือชั้นล่าง ตกแต่งครบ ความพอใจราคาจากการตกลงกันระหว่างคนซื้อและคนขาย ดังนั้นจึงไม่สามารถให้คะแนนในรีวิวนี้ได้ค่ะ

    BOTTOM LINE

    ลุมพินี วิลล์ ลาซาล-แบริ่ง เหมาะสำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัด ต้องการคอนโดที่อยู่ในรัศมีรถไฟฟ้า ในราคาประมาณ 1.1 -1.5 ล้าน ในทำเลบางนา-แบริ่ง ชอบการดูแลโครงการของนิติบุคคลของลุมพินี มีกำลังผ่อนประมาณ 8,000 – 11,000 บาท/เดือน 

    ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )