ปก บทความ4

“จะเลือกบ้านสักหลังหรือคอนโดสักห้องไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะ เพียงไปดูทําเล หาโครงการที่ใช่ แบบห้องท่ีชอบและลงตัวกับเรา มันก็แค่นั้นเอง” หลายๆคนคงจะอยาก ได้ยินเพื่อนหรือคนใกล้ตัวพูดทํานองน้ีใช่ไหมคะ แหม … พูดเสียง่าย แต่ประโยค ท่ีกล่าวมาเมื่อครู่อาจเป็นได้เพียงสิ่งท่ีหลายคนแอบฝันอยากให้เป็น แต่ความเป็นจริงน้ันการจะซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมสักห้อง แค่คิดบางคนก็อาจต้องกุมขมับกันแล้ว ท้ังท่ีการมีบ้านหลังแรกเป็นของตัวเองมันน่าภูมิใจเสียจนอยากยืดอกพกทะเบียนบ้านไปไหนมาไหนกันเลยทีเดียว

บทที่ 5_รูปประกอบ 3_ถือตัง 420

แน่นอนว่ากว่าจะตัดสินใจกุมเงินหลักล้านจ่ายออกไปหรือลงนามใน สัญญาเงินกู้ระดับ 7 หลักนั้น หลายคนคงหนีไม่พ้นกับการหาข้อมูลอย่างหัวฟู แวะเวียนไปดูทำเลหลากหลาย หาแบบบ้านที่ชอบ คอยถามเพื่อนสนิทมิตรสหายว่า โครงการน้ีน่าเชื่อถือหรือไม่ หรือถ้าเป็นสมัยนี้ก็อาจแวะเข้า Think of Living มา อ่านรีวิว อ่านความคิดเห็นของเพื่อนท่านอื่นๆ สอบถามว่าเพื่อนบ้านในอนาคต ยิ่งพวกมือใหม่หัดซื้อที่บ้านหลังแรกยิ่งไม่ต้องพูดถึง อาจจะดูมากกว่านี้ด้วยซํ้า หรือในทางกลับกันคนส่วนน้อยอาจดูไม่เป็นเลยแต่บังเอิญใจง่ายไปเสียอย่างน้ัน เอาจริงๆกว่าจะตัดสินใจได้คงต้องปาดเหงื่อกันหลายตลบ เพราะเงินท่ีต้องลงไป มันน้อยๆที่ไหนกัน ใช่ไหมล่ะคะ?

ในการซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมนั้น มีหลายเรื่องที่เราต้องเตรียมพร้อม และมีหลายข้อมูลที่เราต้องรู้ ซึ่งอาจมีบางอย่างที่ถือว่าสำคัญมากแต่หลายๆคน กลับลืมเสียว่าเราต่างหากที่เป็นผู้อยู่อาศัยในบ้านหรือคอนโดหลังน้ันๆ ไม่ใช่ เพื่อน ไม่ใช่กูรู ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่บุคคลอื่นๆท่ีคอยแนะนํา ดังนั้น การเลือกบ้านหรือ คอนโดมิเนียมก็ควรเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เข้ากับความต้องการของ ตนเองจึงจะดีที่สุดค่ะ

คําว่า “ไลฟ์สไตล์” นี่มันคืออะไรกันล่ะคะ ?

ขออธิบายคร่าวๆแล้วกันนะคะว่าไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) ก็คือ รูปแบบการดำเนินชีวิตหรือวิถีชีวิตในแบบของตัวเราเอง ซึ่ง แต่ละคนจะมีรูปแบบการใช้ชีวิต แตกต่างกันออกไป อืม … ประโยควิชาการอาจจะยังยากไป เพื่อให้เห็นภาพขอยกตัวอย่างแล้วกันนะคะ กล่าวอย่างง่ายๆ ไลฟ์สไตล์ก็คือ สิ่งที่เราทำอยู่ในชีวิตประจำวันนี่ล่ะ ชอบทำอะไรหรือไม่ชอบทำอะไรก็ขึ้นกับนิสัยของเราเองหรือของครอบครัวเราเอง บุคคลที่จะอยู่อาศัยในบ้านหรือคอนโดหลังนั้นก็ควรจะมาร่วมด้วยช่วยกัน เช่นคุณพ่อชอบนั่ง ดูทีวีหน้าโซฟา หรือคุณแม่ชอบนอนดูทีวีบนเตียง น้องสาวชอบทํากับข้าว หรือตัวเราเองเอาแต่ซื้อกับข้าวสําเร็จรูปมาอุ่นทานอารมณ์แม่บ้านกับข้าวถุงประมาณนั้น จากนั้นค่อยมากำหนดว่าฟังก์ชั่น แต่ละส่วนของบ้านที่เราจะซื้อ น้ันมันสอดรับกับวิถีชีวิตของครอบครัวเราหรือไม่

หลายคนอาจคิดว่า แล้วทําไมต้องเลือกด้วยล่ะ? เอาให้ห้องมันใหญ่ๆ เพื่อรองรับกิจกรรมทุกอย่างเลยไม่ได้เหรอ บ้านก็เอาแบบ 4 ห้องนอนไปเลย ใหญ่เหลือล้น มีครัวใหญ่ๆอยากทํากับข้าวก็ได้ ซื้อมารับประทานก็ได้ ห้องนั่งเล่น เอาให้ใหญ่ แกรนด์โอ่อ่า มีท้ังชั้นล่างและชั้นบน หรือใครจะเลือกคอนโดมิเนียม ก็ขอเคาน์เตอร์ครัวยาวๆ เอาแบบครัวปิดได้ยิ่งดี ห้องนอนก็ใหญ่วางโต๊ะทํางานกับ ติดต้ังทีวีปลายเตียงได้ แถมยังต้องมีระเบียงกว้างๆด้วยนะ เผื่ออยากนั่งรับลมหรือ ปลูกต้นไม้ริมระเบียง … แหม สิ่งที่พูดมาทั้งหมดน้ันได้แน่นอนค่ะ เอาให้ครบได้เลย แต่งบประมาณที่จะให้รองรับทุกอย่างแบบนั้นมันจะเท่าไรกันละคะ … สมัยนี้แค่เปิดตู้จดหมายเห็นบิลบัตรเครดิตแล้วก็อยากจะกรีดร้องแล้ว ดังนั้นก่อนซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม ควรสํารวจตัวเองรวมถึงสมาชิก ในครอบครัวก่อนว่าไลฟ์สไตล์เราเป็นอย่างไร

การศึกษาวิถีชีวิตของครอบครัวเราเองน้ันไม่ใช่เรื่องยาก แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย เหมือนว่าเรามาคอยนั่งนึกลองสังเกตดูพฤติกรรมของว่าที่เจ้าของบ้านในอนาคต ว่านิสัยของแต่ละคนและความชอบส่วนตัวเวลาอยู่บ้านเป็นอย่างไร ถ้าเลือกจะซื้อบ้านก็สามารถเลือกให้สอดคล้องกับความต้องการของครอบครัวเราได้มากหน่อย แต่ถ้าเลือกคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่ไม่กี่สิบตารางเมตรก็คงจะต้องประนีประนอมระหว่างกันและกันอยู่ไม่น้อยเลย

บางครอบครัวหนุ่มสาวเร่ิมต้นชีวิตคู่อาจจะต้องนึกล่วงหน้าไปถึง สมาชิกใหมที่อาจมาอยู่ด้วยในอนาคต รวมถึงแม่บ้านที่จะต้องมาคอยดูแลแล้วจะต้องวางแผนการซื้อบ้านให้สอดคล้องอย่างไร บางคร้ังอาจต้องยอมเลือกบ้านที่ทําเลไกลออกไปเพื่อให้ราคาถูกลง ซื้อได้หลังใหญ่มากข้ึน ขอแนะนําว่าถ้านึกไม่ออกว่าควรเริ่มจากตรงไหนให้ทดลองคิดตามห้องต่างๆในแบบแปลนบ้านก็ได้ค่ะ ค่อยๆ เร่ิมไปทีละห้อง ทีละส่วนของบ้าน ซึ่งจริงๆแล้วแปลนบ้าน หรือคอนโดมิเนียมอาจมีจุดที่แตกต่างกันไม่มาก ประเด็นหลักๆมันก็แค่ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนๆกัน แต่สิ่งที่ต่างคือ ขนาดพื้นใช้สอยและ รูปร่างของแต่ละส่วนนั้นเองค่ะ

สำหรับคนที่กำลังจะซื้อบ้าน

บ้าน จะมีพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกที่ต้องคำนึงถึง เราจึงจะอธิบายเป็นส่วนๆตั้งแต่ สวน, Family Area อย่างห้องรับแขกและห้องนั่งเล่น, ห้องครัว, ห้องนอน และห้องน้ำค่ะ

สวน และพื้นที่รอบบ้านเป็นปัจจัยของบ้านและคอนโดที่แตกต่าง กันอย่างเห็นได้ชัดมากท่ีสุด ใครอยากซื้อบ้านเดี่ยวก็คงจะหนีไม่พ้นความฝันท่ีจะเห็นสวนและสนามรอบบ้าน โดยในหมู่บ้านจัดสรรแต่ละโครงการจะมีการจัดสวน รอบบ้านท่ีแตกต่างกัน เพราะแต่ละโครงการให้ความสําคัญกับสวนรอบบ้านไม่เท่ากัน บางโครงการลงทั้งหญ้า และต้น ไม้ใหญ่ตลอดจนไม่พุ่มให้เป็นสวนที่สวยงาม แต่บางโครงการเพียงปลูกหญ้าคลุมดินให้เฉยๆ หรือยิ่งกว่านั้น อาจเป็นเพียงลงทรายเปล่า ปล่อยให้เจ้าของบ้านใหมโซโล่เองภายหลัง ตรงนี้ต้องดูนะคะว่า เราเป็นคนที่ชอบปลูกต้นไม้หรือไม่

แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ “มีความพร้อมที่จะดูแลรึเปล่า ?” ไม่ใช่ว่าอยากได้สวนจัดเต็มแต่ขี้เกียจรดน้ำต้นไม้สุดๆ ให้โครงการจัดสวนมาแบบจัดเต็มแบบในภาพ ท่ียกมาให้ชมกัน(เพราะเห็นว่าคุ้มดี) แต่ความจริงกลับเป็นคนที่ไม่ค่อยดูแลต้นไม้ปล่อยให้หญ้าข้ึนรกรุงรัง ถ้ามีสตางค์หน่อยก็ต้องจ่ายเงินค่าดูแลสวนเป็นรายเดือน หมดไปเดือนละสามสี่พันบาท แต่ถ้าหนักกว่านั้น เช้ามืดออกไปทำงานกลับบ้านดึกดื่นไม่มีเวลา ปล่อยให้ต้นไม้ตาย หญ้าสูงจนแทบจะต้องแหวกทางเข้าบ้าน ราวกับฉาก ในหนังเรื่องจูราสสิค พาร์ค แบบน้ีต้องคิดดี ๆ นะคะ เพราะนอกจากต้องเสียเงินค่าลงต้นไม้ต้ังแต่แรกแล้ว ยังต้องมาทนทุกข์ทรมานกับวิถีชีวิตที่ไม่ใช่แบบฉบับของเรา เสริมให้อีกนิดหน่ึงค่ะ บางบ้านเรื่องดูแลสวนไม่ใช่ปัญหา แต่กลับมาสมาชิกบาง คนในบ้านกลัวสัตว์ประหลาดต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น กบ ตะกวด แมลงแปลกๆที่ชอบมาอาศัยอยู่ในบ้านเรา รวมถึงสมาชิกบางท่านที่แพ้เกสรดอกไม้ ตรงนี้ต้องคํานึงให้มากด้วยค่ะ

Family Area ห้องรับแขก และห้องนั่งเล่น มักจะเป็น ส่วนที่ถูกใช้มากที่สุดของครอบครัวหนึ่ง ๆ จนบางคน อาจให้ความสำคัญมากกว่าห้องนอนเสียด้วยซํ้า ในส่วนนี้สิ่งแรกท่ีต้องดูคือ เรื่องความกว้างของพื้นที่ ว่าที่ทางโครงการใหม่เพียงพอสำหรับวางโซฟาที่พอดี สําหรับคนในครอบครัวหรือไม่ ไม่ใช่ว่าบ้านนี้จะอยู่กันมี 5 คนแต่วางโซฟาได้เล็กจิ๋ว ขนาดที่แทบจะ ต้องนั่งตักกันประมาณนั้น ..ก็เข้าใจนะคะว่าความอบอุ่นภายในครอบครัวน้ันสําคัญ แต่ถ่าจะให้นั่งตักกันทุกวันก็คงไม่ไหวใช่ไหมคะ

ตามช้ัน 2 ของบ้านบางหลังจะมีส่วนนั่งเล่นอีกส่วนหน่ึง แยกจากห้องนั่ง เล่นหลักท่ีช้ันล่าง ในส่วนน้ีมีประโยชน์หลายอย่าง คล้ายห้องอเนกประสงค์ที่ปรับ แต่งได้ตามความต้องการของสมาชิกในบ้าน บ้างอาจดูเผื่อไว้ถ้าชอบนั่งทํางานใน มุมสงบหน่อย หรือบางบ้านอยากปรับเปลี่ยนเป็นมุมทําการบ้านของลูกๆได้ด้วย ให้พวกเขานั่งปั้นดินนํ้ามัน ละเลงสี เอ้ย ระบายสี ก็ยังได้ หรือถ้าบางบ้านสมาชิก ครอบครัวมีไม่มาก อยู่กันเพียง 3 คนพ่อแม่ลูกแล้วบ้านกลับมีห้องนอน 3 ห้องอยู่แล้ว พื้นท่ีห้องนั่งเล่นชั้น 2 น้ีอาจไม่จําเป็นก็ได้ เพราะสามารถปรับห้องนอนเล็ก ห้องใดห้องหนึ่งเป็นห้องอเนกประสงค์ได้เช่นกันค่ะ

ห้องครัว การเลือกห้องครัว สิ่งแรกท่ีต้องดูเลยว่าครอบครัวเราเป็นบ้านที่ชอบทํา กับข้าวกันหรือเปล่า หรือบางบ้านย่ิงไปกว่านั้นคือชอบอบขนมด้วย ดังน้ันอาจต้องแยกครัวไทยกับครัวฝรั่งออกจากกัน อย่างในบางโครงการมีครัวฝรั่งให้เคาน์เตอร์ใหญ่เลย แต่ตัวเราเองอาจอยากได้ครัวไทย  ก็ต้องอย่าลืมดูว่าโครงการมีครัวไทยให้หรือเปล่า  ถ้าไม่มีก็ต้องต่อเติมให้เหมาะสมกับวิถีชีวิต จึงต้องดูพื้นที่ที่จะต่อเติมด้วยนะคะว่า ที่ดินด้านหลังบ้านหรือด้านข้างนั้นเพียงพอหรือเปล่า แล้วโครงสร้างบ้านท่ีเตรียม ไว้เหมาะสําหรับให้ทุบผนังต่อเติมหรือไม่ เพราะถ้าเราลืมดูแล้วดันมารู้ทีหลังว่า ส่ิงที่อุตสาหะคิดไว้ว่าจะทุบผนังให้โล่งๆนั้นทําไม่ได้ จะต้องมานั่งนึกเสียใจทีหลังอีกค่ะ บางโครงการให้มาแต่ห้องครัวเปล่า ๆ ไม่มีเคาน์เตอร์ ดังนั้นอย่าลืมดูงาน ระบบ ไม่ว่าจะเป็น ระบบไฟฟ้าหรืองานระบบสขุาภิบาลนะคะ ว่าถ้าจะทำเคาน์เตอร์ครัวหรือตําแหน่งสําหรับวางตู้เย็น, เครื่องซักผ้านั้น โครงการเดินงานระบบไว้ในตําแหน่งไหนจะได้ออกแบบเคาน์เตอร์และขนาดเครื่องใช้ไฟฟ้าได้เหมาะสม

ห้องนอน เป็นเสมือนห้องส่วนตัวแต่ละคน บางคนอาจให้ความสำคัญน้อยบางคนอาจให้ความสําคัญมาก แต่สิ่งท่ีหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือสมาชิกแต่ละคนจะต้องนอนอย่างน้อยวันละ 6-9 ชั่วโมงในห้องนั้นหรือบางคนอาจให้ความสำคัญมากกว่าการนอน คือใช้อยู่อาศัย ทํางาน หรืออ่านหนังสือด้วย ดังน้ันในจุดน้ีต้องมาคุยว่า ใครจับจองห้องไหน แล้วขนาดพื้นที่พอสําหรับการใช้ชีวิตของสมาชิกคนน้ันหรือไม่ อย่างเช่นเด็กๆจําเป็นต้องมีโต๊ะหนังสือเอาไว้ทําการบ้าน ส่วนตู้เสื้อผ้าอาจไม่ใหญ่นัก วัยรุ่นอาจห้องใหญ่กว่าหน่อยถ้าเป็นหนุ่มสาวเสื้อผ้าแฟชั่นเยอะแยะ ไหนจะโต๊ะทํางานหรือโต๊ะเครื่องแป้งอีก ส่วนพ่อกับแม่อาจต้องมีตู้เสื้อผ้าใหญ่หน่อยเพราะอยู่กัน 2 คนในห้อง

Plenary

ห้องนอนใหญ่ หรือที่เรามักเรียกกันว่า Master Bedroom เป็นห้องนอนใหญ่ที่สุดของบ้านเพราะส่วนใหญ่ห้องนี้จะอยู่กัน 2 คนดังน้ันพื้นที่ต้องเผื่อสําหรับ 2 คนค่ะ โต๊ะทํางานสําหรับคุณผู้ชาย และโต๊ะเครื่องแป้งสําหรับสาว ๆ ไหนจะที่วาง ตู้เสื้อผ้า และอย่าลืมค่ะว่า ส่วนใหญ่ห้องน้ีจะมีห้องนํ้าในตัว ดังนั้นพื้นท่ีของห้องนี้ จะนับรวมห้องนํ้าด้วย ห้องน้ีจึงจะมีฟังก์ชันที่มากกว่าเตียงนอน อย่างในภาพที่นํามาในห้องก็จะมีทั้งพื้นที่นั่งเล่นปลายเตียงด้วย

ห้องนอนเล็ก  ส่วนใหญ่บ้านมักจะมีห้องนอนเล็ก 2 ห้องแม้จะเป็นบ้าน แบบเล็กสุดก็ตาม แต่ต้องมาดูว่าพื้นของห้องเล็ก ขนาดพอดีสำหรับคนในบ้านหรือเปล่าค่ะ อย่างถ้าครอบครัวเรามีวัยรุ่น 2 คน ห้องนอนเล็ก 2 ห้องขนาดต้องเพียงพอให้วาง โต๊ะทํางาน และตู้เสื้อผ้าท่ีใหญ่หน่อย แต่ถ้ายังเป็นครอบครัวข้าวใหม่ปลามัน ห้องนอนเล็กสําหรับเด็กอาจพอให้วางโต๊ะอ่านหนังสือและตู้เสื้อผ้าที่เล็กลงมาหน่อย

ห้องน้ํา  บ้านทุกหลังจะมีห้องน้ําไม่ตํ่ากว่า 2 ห้อง ถ้าเป็นบ้านแบบเล็กขนาดไม่ใหญ่นักชั้นบนมักจะมีห้องเดียวแล้วใช้ร่วมกัน และมีอีกห้องชั้นล่างท่ีมีส่วนอาบน้ํา ด้วย แต่ถ้าบ้านหลังใหญขึ้นมาหน่อย มักจะมี 3 ห้องน้ำชั้นบนมีห้องน้ำในห้องใหญ่ และอีกห้องคือใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กนั่นเองค่ะ ส่วนชั้นล่างบางโครงการก็ ไม่มีส่วนอาบน้ำมาให้ เพราะถือว่าห้องน้ำด้านบนเพียงพอต่อการใช้งานแล้วนั่นเอง

คนที่กำลังจะซื้อคอนโดDSCF2653

ภาพรวมคร่าวๆสามารถประยุกต์ใช้กับที่เขียนไปในเรื่องบ้านได้เลยนะคะ แต่ส่ิงที่ต้องดูต่างกับบ้านเล็กน้อยเป็นเรื่องของขนาดและความต่อเนื่องค่ะ เพราะ ฟังก์ชันต่างๆนั้นอยู่ติดกันหมด ดังนั้นทุกส่วนแทบจะมีผลกระทบต่อกัน และจะต้องลงรายละเอียดเพิ่มอีกหน่อยในเรื่องความสําคัญของห้อง ว่าตัวเราเองน้ันใช้ห้องไหนมากที่สุด ต้องการพื้นท่ีห้องไหนมากที่สุด แล้วแต่ละพื้นที่มีกิจกรรมอะไร ที่มักจะทํา อย่างห้องนั่งเล่นเพื่อนมาบ่อยไหม ครัวทําอาหารประจําเลยหรือเปล่า ห้องนํ้าชอบนอนแช่อ่างอาบนํ้าหรือไม่ เพราะคอนโดนั้นมีพื้นที่จํากัด ต่อเติมไม่ได้ ต้องเป๊ะกว่าพื้นที่บ้านมาก ย่ิงในปัจจุบันคอนโดมิเนียมยูนิตหนึ่งๆ 30 ตารางเมตร ก็ว่าใหญ่แล้ว … อย่างนี้ย่ิงต้องเลือกให้ถูกใจเลย

ห้องนั่งเล่น/ครัว สองส่วนนี้มักจะต่างกับบ้านเดี่ยว ตรงที่ครัวและห้องนั่งเล่นในคอนโดมิเนียมนี้ชอบอยู่ติดกัน เพื่อรวมพื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัวให้ห้องโดยรวมดูกว้างขึ้น ดังนั้นเราจะต้องดูสมาชิกในครอบครัวเลยว่าใช้ครัวกันประมาณไหน เพราะขนาดครัวในคอนโดนั้นค่อนข้างจำกัด บางที่มีเคาน์เตอร์ยาวเพียง 1.20 เมตร แค่ล้างจาน กับวางไมโครเวฟก็เต็มแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเตา … ซึ่งจะใช้เตาแก๊สไม่ได้ ใช้ได้แต่เเพียงเตาไฟฟ้า บางคนอยากได้ครัวเปิด ขอครัวใหญ่หน่อยเผื่อทำอาหาร แต่ที่จริงเป็น แม่บ่านกับข้าวถุง อย่างน้ีเลือกเอาเคาน์เตอร์ครัวที่ไม่ใหญ่มากพอให้วางเตา 2 หัว กับ อ่างล่างจานแล้ว เหลือพื้นที่เตรียมอาหารเล็กน้อยก็เพียงพอค่ะ แล้วเอาพื้นที่แบ่งไปให้ห้องนั่งเล่นกว้างๆจะดีกว่า เพราะบางคนให้ความสำคัญกับห้องนั่งเล่น เนื่องจากใช้ห้องนี้มากที่สุด บางคนชอบนั่งเล่น ดูหนัง ดูบอล แล้วหลับคาโซฟาด้วยซ้ำ ตรงนี้อย่าลืมดูขนาดห้องว่าวางโซฟาแบบไหนได้ ถ้าเป็นคนชอบเหยียดขายาวดูทีวี ก็คงต้องหาโซฟาแบบตัว L ดังนั้นต้องดูว่ามีพื้นที่เพียงพอหรือเปล่า ถ้าวางแล้วเดินผ่านสะดวกหรือไม่

พื้นที่ที่มักจะอยู่ระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่น คือโต๊ะทานอาหาร ตอนไปดูห้องตัวอย่างหรือดูจากแบบแปลน บางที่ไม่ค่อยตรงกันนัก คือ ในแปลนจะดูเหมือนวางไปแล้วพื้นท่ีเหลือ เยอะแต่พอวางจริง แหมๆ..ของ จริงวางตัวเล็กเชียว ทางท่ีดีเวลา ไปดูห้องตัวอย่าง เอาตลับเมตร ไปเลยค่ะ วัดคร่าวๆ ว่าโต๊ะท่ีวางได้ขนาดจะเท่าไร แล้วถ้าวางชิดมุมแบบทานข้าว แล้วมองดูกําแพงอย่างนี้ เราโอเคหรือเปล่า หรือถ้าเป็นคนชอบทานข้าวไปดูทีวีไป ต้องดูว่าโต๊ะจะจัดมุมอย่างนนั้ ได้หรือไม่ และเวลาจะซื้ออย่าลืมดูขนาดห้องว่าพื้นท่ี แต่ละส่วนกว้างเท่าไรนะคะ เพราะห้องตัวอย่างบางที่ทำใหญ่กว่าห้องจริงนิดหน่อย ซึ่งบางทีพื้นที่นิดหน่อยก็มีผลต่อการวางเฟอร์นิเจอร์นะคะ

ห้องนั่งเล่น/ห้องนอน บางคนอยากได้ห้องนอนใหญ่ ๆ แต่ก็อยากได้ห้องนั่งเล่นใหญ่ๆด้วยซึ่งบางทีมันก็ยาก เพราะพื้นที่ในคอนโดนั้นมีจํากัด ต้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยกันไป (แต่ถ้างบเหลือเฟือก็จัดไปเลยค่ะ) ใครที่ชอบนอนดูทีวีบนเตียง ก็ต้องเผื่อพื้นที่ปลายเตียงให้พอติดตั้งทีวีตรงผนัง หรือวางทีวีบนโต๊ะได้ และมีพื้นที่ให้เดินผ่านได้สะดวก ไม่ใช่ว่าติดตั้งทีวีได้ แต่วันไหนรีบๆเดินผ่านไม่ระวัง ไหล่ไปชนกับทีวีเข้า อย่างนี้ก็ไมไหวนะคะ

แต่ถ้าเป็นคนไม่ชอบนอนดูบนเตียง แบบว่าเข้าห้องนอนปุ๊บคือการพักผ่อน อาจต้องการพื้นที่ปลายเตียงน้อยกว่าอย่างแรก (ถ้าห้องขนาดเท่ากัน )เพราะ ห้องนอนขอแค่ปลายเตียงเดินผ่านได้เป็นพอ ไม่ต้องเผื่อพื้นที่อะไรมาก ทําให้ได้พื้นท่ีห้องนั่งเล่นมากข้ึนในกรณีห้องนอนและห้องนั่งเล่นอยู่ติดกัน  สําหรับคนที่ชอบนั่งดูทีวี พักผ่อนในห้องนั่งเล่น บางทีก็มีแขกมาเท่ียว หาบ่อย ๆ อาจจะชอบห้องนั่งเล่นใหญ่หน่อย ให้พอวางโซฟาใหญ่ๆ ได้

ส่วนโต๊ะทํางาน ดูก่อนว่าสะดวกจะต้ังไว้ตรงไหน สมมุติว่าอยู่ห้องกับ แฟน 2 คน เวลาทํางานดึก ๆ และแฟนนอนไปแล้ว และไม่ชอบให้แสงแยงตา อาจ ต้องเอาโต๊ะทํางานมาไว้ในห้องนั่งเล่น หรือบางคนชอบทํางานเงียบ ๆ เผื่อวันไหนแฟนนั่งดูทีวี ก็จะได้มีสมาธิทํางานก็คงอยากเอาโต๊ะทํางานไว้ในห้องนอน อันนี้ดูขนาดพื้นที่กันดี ๆ ค่ะว่าวางโต๊ะทํางานได้หรือไม่

ระเบียง/ห้องนั่งเล่น/ครัว พื้นที่ระเบียงก็เป็นส่วนสําคัญ เพราะเป็นส่วนท่ีมักจะอยู่ติดห้องนั่งเล่น หรือห้องครัว ดังนั้นจึงมีผลต่อขนาดห้องด้วยเช่นถ้าระเบียงอยู่ติดห้องนั่งเล่นแล้ว เป็นระเบียงใหญ่ ส่วนของห้องนั่งเล่นก็จะได้เล็กลง แต่ถ้าระเบียงเล็ก ห้องนั่งเล่น ก็จะกว้างขึ้นมาอีกหน่อย ดังน้ันต้องชั่งใจว่าชอบแบบไหน และที่สําคัญอย่าลืมดู ว่าปกติเราใช้พื้นที่ระเบียงอย่างไร บางคนวางคอมเพลสเซอร์แอร์ และอาจใช้พื้นที่ที่เหลือตากผ้าจำนวนไม่มากนัก ส่วนผ้าที่เหลือส่งซักรีด แต่ถ้าบางคนมักจะซักผ้าเองและต้องวางเครื่องซักผ้าไว้ข้างนอก ต้องดูว่าขนาดระเบียงเมื่อวางเครื่องซักผ้าและคอมเพรสเซอร์แอร์แล้วพอให้ตากผ้าหรือไม่ หรือบางคนสูบบุหรี่ แน่นอนว่าสูบในห้องไม่ได้เพราะอาจไปโดนตัวตรวจจับควันในห้องเข้า ต้องออกมาสูบนอกระเบียง อาจต้องการพื้นที่นั่งชิลกันสักหน่อย

ห้องน้ํา/ส่วนแต่งตัว มีคอนโดมิเนียมทั้งที ขอห้องนํ้าแบบอ่างอาบนํ้าหน่อย บางวันได้แช่นํ้านมบํารุงผิวกับเขามั่ง แต่เอาเข้าจริงแทบจะไม่ ได้ใช้เลย แล้วอย่างนี้จะมีไว้ทําไม ละคะ ดังนั้นอย่าลืมดูว่าจริงๆ เราใช้อ่างอาบนํ้าจริงหรือเปล่า บางคนเห็นว่าโครงการนี้ให้มาทั้ง อ่างอาบน้ำ และ Shower box ก็คุ้มดี ลองคิดดีๆ ก่อนนะคะว่า ถ้าเราไม่ใช้งานมัน แล้วไหนจะต้องทําความสะอาด อ่างอาบน้ําอีก และพื้นที่อ่างอาบนํ้าใช้เล็ก ๆ ซะที่ไหน ถ้าใครไม่ใช้ห้องน้ําอาจ กว้างขึ้นหรือไม่ก็แบ่งพื้นท่ีให้ส่วนแต่งตัวซะ อย่างน้อยก็ได้พื้นท่ีวางตู้เสื้อผ้าเพิ่ม  อีกอย่างบางคนเป็นเจ้าพ่อ-เจ้าแม่แฟชั่น เสื้อผ้าเยอะล้นตู้ อยากได้พื้นท่ีวางตู้ เสื้อผ้าเยอะหน่อย จึงยอมแลกกับห้องนํ้าที่ไม่กว้างนัก พอให้ใช้สอยได้สะดวกเป็นพอ เพราะถือว่าจริงๆ แล้ววันวันหน่ึงอยู่ในห้องนํ้าไม่ก่ีชั่วโมงนั่นเอง

ท่ีกล่าวมาทั้งหมดท้ังมวลนี้ ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ แค่สํารวจตัวเองสักหน่อย ดูว่าความต้องการของเราคืออะไร แล้วการใช้ชีวิตเป็นยังไง ก็จะทําให้เลือกบ้านหรือคอนโดมิเนียมท่ีถูกใจตรงกับไลฟ์สไตล์ได้แล้วค่ะ  🙂

 

ถ้ามีความเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำบทความต่อไป

สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/register/