..กลับมาอีกครั้งสำหรับช่วงเวลา “Work From Home” ซึ่งหลายคนคงมีอุปกรณ์ทำงานพร้อมอยู่แล้ว ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องมือทำงาน แต่ปัญหาในการทำงานก็ยังไม่หมดไปนะคะ เพราะมีอีกสิ่งที่กวนใจ จุกจิก นั้นก็คือ “สัญญาณอินเตอร์เน็ต” ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการสื่อสารและค้นหาข้อมูลในการทำงาน

โดยปัญหาการใช้งานก็มีหลากหลายปัจจัย ทั้งเสาสัญญาณ, รูปแบบที่อยู่อาศัย, จำนวนคนใช้งาน, ช่วงเวลาที่ใช้งาน และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เราเลยขอพามาไขข้อสงสัยพร้อม Tips : เพิ่มสัญญาณอินเตอร์เน็ตภายในบ้านและคอนโดให้เร็วมากยิ่งขึ้น ไปดูรายละเอียดกันค่ะ..


สายสัญญาณอินเตอร์เน็ตในคอนโดและบ้านมีอะไรบ้าง?

VDSL VS Fiber Optic คือ?ต่างกันอย่างไร?

เวลาใช้งานอินเตอร์เน็ตเราจะมีสายสัญญาณที่เชื่อมต่อกับ Router ภายในบ้านหรือคอนโดที่มักเห็นอยู่ในท้องตลาดหลักๆในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ นั้นก็คือ

  • VDSL : VDSL ถูกพัฒนามาจากยุค Modem และ ADSL แต่ก็ยังเป็นการส่งสัญญาณผ่านเส้น “ลวดทองแดง” ที่มีข้อจำกัด “สัญญาณแนวสูงอาจจะมีคลื่นรบกวน” แถมความเร็วของสัญญาณยังไม่เท่ากันตลอดทั้งสาย ทำให้คนที่อยู่สูงเกินชั้น 20 ขึ้นไป อาจจะใช้งานได้ไม่เร็วมากนักเมื่อเทียบกับคนที่อยู่ชั้นล่างๆ อีกปัจจัยหนึ่งคือ “ไม่สามารถทำความเร็วได้เกิน 75/50 Mbps” ที่ถ้าใช้งานเยอะๆอาจจะไม่เพียงพอ
  • Fibre Optic : โครงข่ายใยแก้วนำแสง” เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของโครงข่ายอินเตอร์เน็ตยุคนี้ ที่นำเข้ามาทดแทนการใช้สายทองแดงในระบบ VDSL แบบเดิม ทำลายข้อจำกัดทั้งหมดของ VDSL เนื่องจากเป็นการส่งข้อมูลด้วยการยิงลำแสงผ่านใยแก้ว ที่มีความเสถียรมากขึ้น “ใช้ความเร็วได้ถึง 1 Gbps หรือ 1000 Mbps” ส่วนใหญ่นิยมใช้ในโครงการแนวราบ

หน่วยวัดค่าอินเตอร์เน็ตใน Speed Test ที่เราควรเข้าใจ?

Speed Test เป็นการวัดค่าความเร็ว”อินเตอร์เน็ต” ซึ่งจะมีการวัดออกมาเป็น 3 ค่าด้วยกัน นั้นก็คือ Download, Upload และ Ping  ที่ดูจากความเร็วของการรับ-ส่งไฟล์เป็นหลัก โดยค่า Download,Upload ใช้หน่วยเป็น Mbps (Mega bit per sec) ค่าตัวนี้ยิ่งมากยิ่งดี เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นว่า 1 วินาที > อินเตอร์เน็ตของคุณสามารถรับ-ส่งไฟล์ได้เท่าใด

  • Download : ความเร็วในการ “รับข้อมูล” ยิ่งมีค่าดาวน์โหลดมากยิ่งดี แปลว่าสามารถรับข้อมูลได้ครั้งละมากๆ โหลดเร็ว เช่นเวลาเราดู YouTube, Facebook, Twitter, Netflix เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีความเร็วสูงสุดถึง 1000 Mbps
  • Upload : ความเร็วในการ “ส่งข้อมูล” ยิ่งค่าตัวเลขมากแสดงว่าส่งงานได้เร็ว เช่น Upload รูปภาพลง Facebook หรือการส่งไฟล์งานผ่าน Mail เป็นต้น โดยปัจจุบันมีความเร็วสูงสุดถึง 1000 Mbps เช่นกัน

ค่า Ping คืออะไร?

เป็นค่าเวลาซึ่งใช้ในการจัดส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ตัวเอง ไปยัง Server หรือตัว Router และคำนวณเวลาตอบสนอง ซึ่งค่าตัวนี้จะตรงข้ามกับ Download/Upload แปลว่า “ยิ่งค่าปิงน้อยยิ่งดี”  แสดงว่า Server ตอบกลับคอมพิวเตอร์ของคุณเร็วขนาดไหน โดยปิงมีหน่วยวัดเป็น ms (milli-second) ซึ่งเห็นได้ชัดเวลาเล่นเกมส์ออนไลน์ ถ้าค่า Ping ยิ่งเยอะ เวลาเราเล่นเกมส์ภาพจะเกิดการกระตุก และเล่นได้ไม่ลื่นไหลนะคะ


สิ่งที่เราควรสำรวจเบื้องต้นของการใช้งานอินเตอร์เน็ต

ก่อนติดตั้งอินเทอร์เน็ตเราต้องถามตัวเองก่อนว่าเราใช้อินเทอร์เน็ตเพื่ออะไร? ยิ่งในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 นั้นคนหันมาทำงานที่บ้านกันมากขึ้น รวมถึงการสั่งซื้ออาหาร สินคาออนไลน์ หรือแม้กระทั้งความบันเทิงต่างๆ ล้วนจำเป็นต้องใช้ WIFI ทั้งสิ้น ดังนั้นเราควรสำรวจการทำงานของตัวเองก่อน ว่าเราใช้ไปกับการทำอะไรบ้าง? เพื่อให้เลือกความเร็วในการใช้งานได้เหมาะสม

ทำความเข้าใจความเร็วในการใช้งานอินเตอร์เน็ต

  • คนที่ใช้งานทั่วไป : พิมพ์งานทั่วไป Microsoft Office, Line ใช้ความเร็วประมาณ 5-10 Mbps
  • คอหนัง : ที่ต้องดาวน์โหลดภาพยนตร์หรือซีรีส์ทั้งเรื่อง จาก YouTube, Netflix ใช้ความเร็วประมาณ 10-20 Mbps
  • ครอบครัว : คนที่บ้านมีสมาชิกเยอะแชร์สัญญาณอินเทอร์เน็ตจากแหล่งเดียวกัน ใช้ความเร็วประมาณ 15-50 Mbps
  • สาวกเกมส์ออนไลน์ : สำหรับคนที่ชอบสตรีมเกมต้องใช้ความคมชัดถึง 4K ใช้ความเร็วประมาณ 100-200 Mbps ขึ้นไป

**หมายเหตุ : เราไม่ควรเลือกอินเตอร์ความเร็วสูงโดยไม่จำเป็น เพราะถ้าเราใช้งานไม่ถึงจะเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ แนะนำให้เราลองสำรวจการใช้งาน WIFI ของบ้านตัวเอง ว่าใช้งานอยู่ที่ประมาณเท่าไร? ซึ่งเราสามารถขอเช็คกับผู้ให้บริการได้นะคะ


การใช้งาน “อินเตอร์เน็ต” สำหรับคนอยู่คอนโด

คนที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตบนคอนโดจะมีข้อจำกัดมากกว่าคนที่อยู่บ้านแนวราบ เนื่องจากส่วนใหญ่คอนโดมักเดินสายด้วยระบบ VDSL เพราะมีราคาต่ำกว่าติดตั้งสาย Fiber Optic ซึ่งหมายความว่าแม้เราจะติดตั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงถึง 1000/1000 Mbps ก็จะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะตัวสาย VDSL ใช้งานได้ไม่เกิน 75/50Mbps อยู่ดี ซึ่งหลายคนที่ไม่เข้าใจก็มักตำหนิไปที่ผู้ให้บริการ ทั้งที่จริงแล้วปัญหาคือสายสัญญาณของคอนโด ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกบริการใดๆ ควรสอบถามไปที่นิติฯก่อนนะคะ

Tips : เพิ่มสัญญาณอินเตอร์เน็ตภายในคอนโดให้ดียิ่งขึ้น

1.ตำแหน่งการวาง Router

  • แนะนำให้วางไว้ตรงกลางของห้อง บริเวณพื้นที่เปิดโล่ง มีสิ่งรบกวนสัญญาณไม่มากนัก ตำแหน่งที่รับสัญญาณดีที่สุดคืออยู่ในระยะไม่เกิน 10 เมตร สำหรับ Router ทั่วไป แต่ก็จะมีรุ่นที่ราคาแพง ซึ่งสามารถกระจายสัญญาณได้ไกลมากยิ่งขึ้น
  • ยกตัว Router ไว้ที่สูงๆ เพราะช่วยกระจายสัญญาณได้ดี เช่น บนชั้นวางของ รวมถึงไม่ควรวางชิดติดผนังมากนัก เพราะทำให้ตัว Router มีความร้อนและทำงานได้ไม่ดี
  • สำหรับเสาสัญญาณปรับให้ตั้งตรง เพื่อให้กระจายได้สัญญาณได้ดี หรือถ้ากรณีใช้คนเดียวสามารถปรับเสาสัญญาณให้เอียงชี้ไปทางที่ต้องการใช้งานได้เลย

2.เสียบสาย LAN 

สำหรับใครที่มีคอมพิวเตอร์ PC หรือปัจจุบันหลายๆคนเริ่มหันมาใช้ทีวีแบบ Smart TV กันหมดแล้ว แนะนำให้เสียบสาย LAN เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ Router เข้าด้วยกัน เป็นการรับสัญญาณโดยตรงที่มีความเสถียรมากกว่าใช้ WIFI โดย Router 1 ตัว มีช่องต่อสาย LAN มาให้ 3-4 ช่องแล้วแต่รุ่นนะคะ

3.เพิ่มตัวกระจายสัญญาณ 

ติดตัวกระจายสัญญาณ WIFI เพื่อขยายพื้นที่การใช้งาน WIFI ให้มีขอบเขตที่กว้างมากยิ่งขึ้น ด้วยการรับสัญญาณ WIFI จากจุดปล่อยมาที่ตัวเอง แล้วค่อยทำการส่งและขยายสัญญาณไปที่อุปกรณ์อีกที ทำให้สัญญาณครอบคลุมทั้งห้อง รวมถึงยังเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยจัดการกับปัญหาของมุมอับสัญญาณต่างๆได้เป็นอย่างดี

4.เพิ่ม Router 2 ตัว ของ 2 ผู้ให้บริการ

ขั้นตอนสุดท้ายถ้าหากปรับเปลี่ยนหมดทุกอย่างแล้ว อินเตอร์เน็ตยังช้าหรือว่ากระตุก เนื่องจากคอนโดมีความเร็วที่ค่อนข้างจำกัด ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เราแนะนำให้ติดตั้ง Router 2 ตัว จาก 2 ผู้ให้บริการไปเลย โดยแบ่งหน้าที่กันทำงาน ยกตัวอย่าง Router ตัวแรก ติดไว้สำหรับใช้ WIFI กับคอมพิวเตอร์ Notebook หรือมือถือ ส่วน Router ตัวที่สองให้เอาสาย LAN เสียบเชื่อมต่อกับอุปกรณ์โดยตรงทั้ง คอมพิวเตอร์ PC หรือ Smart TV เป็นต้น ที่ไม่ต้องแย่งการใช้งาน แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นด้วย


การใช้งาน “อินเตอร์เน็ต” สำหรับคนอยู่บ้านแนวราบ

สำหรับโครงการแนวราบต้องบอกว่ามีตัวเลือกมากกว่าคนที่ใช้งานคอนโดแน่นอน เพราะส่วนใหญ่บ้านสามารถเดินสาย Fiber Optic หรือเส้นใยแก้วนำแสงที่มีความเสถียรมากกว่า โดยเป็นการต่อตรงเข้ามาจนถึง Router ในบ้านได้เลย ไม่ผ่านการแปลงสัญญาณเป็นรูปแบบอื่น ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตงานจึงได้รับประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วย กรณีที่บ้านมีสมาชิกเยอะ หรือเปิดบ้านเป็นลักษณะ Home Office นั้น Router เพียงตัวเดียวอาจจะไม่เพียงพอ

Tips : เพิ่มสัญญาณ Wifi ภายในบ้านให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับปัญหาของคนที่อยู่อาศัยบ้านแนวราบ น่าจะเป็นเรื่องสัญญาณที่ส่งไม่ถึงห้องชั้นบนๆ ซึ่งในสมัยก่อนบ้าน 1 หลังติด Router ได้ 1 ตัวเท่านั้น แต่ปัจจุบันทางผู้ให้บริการหลายๆเครือข่ายก็ออกมาทำโปรโมชันติดตั้ง Router 2 ตัวภายในบ้านหลังเดียวกัน ที่ช่วยแก้ปัญหาการใช้งานอินเตอร์เน็ตของคนที่อยู่ชั้นสูงๆได้นะคะ


หากต้องทำงานที่บ้านหรือ Work From Home แล้วนอกจากเรื่องสัญญาณอินเตอร์เน็ตช้าที่เป็นปัญหาแล้ว หลายๆคนยังเจอปัญหาการจัดบ้านให้เหมาะกับการนั่งทำงาน เรามีเทคนิคการจัดบ้านให้พร้อมWork From Home ตามขนาดพื้นที่และสามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกสาขาอาชีพนั้นๆได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย

บทความนี้เป็นเนื้อหาสั้นๆ ที่ต้องการให้ผู้อ่านทั่วไปมองเห็นภาพง่ายมากขึ้น ซึ่งเป็นปัญหากวนใจของคนทำงานที่บ้านในช่วงนี้ โดยผู้เขียนหวังว่าบทความเล็กเล็กนี้ จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับคนอ่านที่อยากแก้ไข ปัญหาโหลดงานช้า เน็ตกระตุก ส่งงานไม่ไป ได้ไม่มากก็น้อย และเข้าใจหน่วยวัดในการใช้งานอินเตอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น แอบบอกหน่อยว่าเราควรหมั่นเช็ค Speed Internet บ่อยๆ เพื่อทดสอบว่ายังได้ความเร็วตรงกับแพ็คเกจที่เราเลือกกันรึเปล่า!!

สำหรับผู้อ่านท่านไหนมีประสบการณ์ หรือคำแนะนำ สามารถแบ่งปันเพื่อนๆคนอื่นได้ด้วยการคอมเมนต์บอกเล่าเรื่องราวใต้บทความนี้ได้เลย สุดท้ายนี้หวังว่าปีนี้เราจะผ่านเรื่องราวร้ายๆไปด้วยกัน และขอให้เป็นปีที่ดีของทุกคนนะคะ ครั้งหน้า Think of Living มีบทความดีๆอะไรมานำเสนอ อย่าลืมติดตามกันด้วยน้าาา ^^