คนทั่วไปเมื่อเวลามองหาที่พักอาศัยมักจะมองถึงปัจจัยหลักๆในการเลือกซื้อต่างๆที่สำคัญ มาก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเจ้าของโครงการ ทำเล สภาพแวดล้อมโครงการ สิ่งอํานวยความสะดวก และเปรียบเทียบกับราคาขายที่ตั้งเอาไว้ ความสามารถในการซื้อและงบประมาณของแต่ละคนนั้นย่อมไม่เท่ากัน คำโฆษณาและราคาที่ล่อใจอย่างเช่น คอนโดทําเลดี ติดรถไฟฟ้า “ราคาล้านต้น ๆ” อาจทำให้หลายคนคิดว่าเงินใน “กระปุก” ของเราน่าจะเพียงพอแล้ว โดยลืมไปว่าการ ที่จะทำให้ห้องนั้นอยู่ได้จริงนั้นยังต้องมี “กระปุก” อีกใบมาช่วยทำให้ห้องนั้นเป็นบ้านที่สมบูรณ์
สําหรับการตกแต่งห้องในฝันให้เป็นความจริงได้ หลักการเหล่านี้เป็นเพียงแนวทางซึ่งมาจากค่าเฉลี่ยสำหรับบุคลทั่วไปในความเป็นจริงอาจมีการปรับเปลี่ยนราคาไปตามสถานการณ์เฉพาะเป็นกรณีๆไป
Fully finished vs. Partly finished
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “Fully finished” ,“Fully fitted” หรือ “Partly finished” มาบ้างและมักจะถามกันเสมอว่าหลักการเรียกแบบนี้หมายถึงอะไร มีอะไรมาให้บ้าง คำว่า Fully finished เองนั้นอ้างอิงมาจากพวกอพาร์ตเม้นต์ใช้เช่า ที่เรียกว่า ยกกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้ทันที ซึ่ง Service Apartment บางที่ก็ละเอียดเสีย จนมีจานชาม ช้อนส้อม กระทะ ตะหลิวให้เลยก็มี แต่สำหรับห้องคอนโดมิเนียมที่ ขายขาดนั้น การพูดถึง “Fully finished” หรือตกแต่งพร้อมอยู่นั้น มักจะหมายถึงการ ให้เฟอร์นิเจอร์หลักๆที่จำเป็นมากกว่า บ้างโปรโมชั่นฟังเหมือนจะดีแถมนั่นนี่ให้ แต่จริงๆแล้วอาจจะไม่ใช่ของที่ดีหรือมีราคาแพง คุ้มค่าอย่างที่คิด เราอาจจะไม่ได้ ต้องการใช้แบบนี้เลยก็ได้ หรือถ้าให้มาเพื่อให้ครบแต่คุณภาพไม่ดี ใช้ไปซักพักเราก็ต้องเสียเงินซื้อใหม่อยู่ดี
แน่นอนว่าห้องที่เราได้มาในความเป็นจริงนั้นมันช่างแตกต่างจากห้อง ตัวอย่างที่เขาตกแต่งไว้อย่างสวยงามอย่างสิ้นเชิง เป็นแค่ห้องขาว โล่ง โปร่ง สบาย เกินกว่าจะจิตนาการได้ตอนที่ดูห้องตัวอย่างก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เป็นห้องที่ยังไม่สามารถเข้าไปอยู่และใช้งานได้จริง (ยกเว้นว่าจะปูเสื่อนอน และกินมาม่าไปพลางๆ) นอกจากชุดเฟอร์นิเจอร์บางอย่างและห้องน้ำที่ได้มา เจ้าของห้องจะต้องจัดการหาของมาตกแต่งเองอีกตามอัธยาศัยตามสไตล์และตามงบประมาณที่มี ยิ่งคนที่ได้เผื่องบประมาณไว้ตรงนี้เหมาะสมเท่าไรก็สามารถจัดสรรและบันดาลให้ห้องน่าอยู่ได้มากเท่านั้น ของที่จำเป็นสำหรับใช้ชีวิตในห้องนั้นเรียกได้ว่าเป็นเหมือน Starting Kit หรือชุดเริ่มต้นในการอยู่อาศัย มีหลักการพิจารณาเบื้องต้น ได้แก่
1. ครัว มีอ่างล้างจานและก๊อกน้ำให้ ตู้เก็บของ บางที่จะมีเตาและเครื่อง ดูดควันแถมมาให้ ครัวถือเป็นงาน Built-in หลักชิ้นแรกของห้องที่โครงการมักจะจะ แถมมาให้ เพราะการติดตั้งเกี่ยวเนื่องกับงานระบบท่อน้ำดีและท่อน้ำทิ้ง ที่ต้องเชื่อมต่อกับระบบหลักของอาคาร รวมถึงวัสดุของชุดครัวต้องมีความทนทานในการใช้ งานและทนต่อความร้อน ความชื้นได้ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าของที่โครงการให้มามี คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานเราก็คงต้องเสียเงินเปลี่ยนอันใหม่ในอนาคตอยู่ดี โดย ทั่วไปจะประเมินราคาเป็นต่อเมตร (แบบที่มีตู้ตั้งพื้นและตู้แขวน) เริ่มต้นอยู่ที่เมตร ละ 20,000 บาท ซึ่งราคาจะกระโดดขึ้นตามวัสดุที่ใช้ ทั้งโครงตู้ หน้าบาน ตัวท๊อป และอุปกรณ์ที่ให้มาพร้อมกัน
2. เตียง ดูว่าให้ขนาดเท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นขนาด 5 ฟุต ซึ่งจะเหมาะ กับพื้นที่ของห้องคอนโด มีทั้งแบบ Built-in และลอยตัว
3. ตู้เสื้อผ้า มีทั้งแบบบานเปิด บานเลื่อน ฟังก์ชันภายในมีราวแขวน ผ้า ชั้นเก็บของ มีทั้งแบบชั้นโล่ง หรือลิ้นชัก(ซึ่งจะใช้งานได้ดีและคุ้มค่ากว่า) กระจก ที่หน้าบานเปิด ขนาดความกว้างของตู้ก็สำคัญ โดยไม่ควรจะน้อยกว่า 1 เมตร ต่อคนอยู่หนึ่งคน ซึ่งในความเป็นจริงก็ไม่เห็นจะพอกันซักคน โดยเฉพาะห้องของคุณผู้หญิงทั้งหลายราคาตู้แบบสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเริ่มต้นอยู่ที่เมตรละ 15,000 บาท บางโครงการที่จำกัดงบประมาณอาจทำถึงแค่ความสูง 2 เมตร โดยปล่อยโล่งด้าน บน ซึ่งหมายถึงเราเสียพื้นที่เก็บของภายในตู้ไป ต้องซื้อกล่องใส่ของมาวางด้านบนเอง และจะดูเรียบร้อยน้อยกว่าแบบตู้สูงเต็ม
4. ตู้ทีวี เป็นตู้สารพัดประโยชน์ ใช้เก็บของ เก็บรองเท้า ถ้าทำเป็นตู้ แขวนลอยจากพื้นได้ก็จะมีพื้นที่วางรองเท้าด้านใต้ได้อีกด้วย บางที่มีชั้นลอย หรือ ตู้ติดผนังเพิ่มเข้ามาให้อีกก็ย่ิงคุ้มค่าต่อผู้ซื้อ เพราะถ้าเราต้องซื้อตู้มาติดเองระยะ อาจจะไม่พอดีกับพื้นที่ที่มี หรือวัสดุไม่เข้ากับตู้ที่มีให้บางส่วนได้
5. โต๊ะ ก็ถือเป็นแบบสารพัดประโยชน์เช่นกัน ในห้องขนาดเล็ก เป็นได้ ทั้งโต๊ะทานข้าว เขียนหนังสือ เตรียมอาหาร วางของ ดังนั้นควรมีความแข็งแรงและมีน้ำหนักเบาเพื่อให้สามารถเลื่อนไปมาใช้งานได้หลายมุมในห้องหรือถ้าพับเก็บได้ก็ยิ่งดี
6. เก้าอี้ จำเป็นมากที่ต้องมีน้ำหนักเบาเพื่อให้เคลื่อนย้ายได้ง่าย และ ถ้ามีหลายตัว ควรเป็นแบบซ้อนได้ เพื่อประหยัดที่ในเก็บ บางกรณีเก้าอี้อาจเป็น แบบสตูล หรือเบาะนั่งที่ไม่มีพนักพิงหลัง เพื่อเปลี่ยนเป็นที่วางเท้าของโซฟา
7. โซฟา เนื่องจากพื้นที่ของคอนโดที่มักมีขนาดจำกัด การเลือกหา โซฟาที่มีขนาดเหมาะสมกับห้อง รวมทั้งแบบและความสบายแบบที่ถูกใจนั้น เป็น เรื่องปวดหัวของการแต่งห้องเลยทีเดียว ความกว้างที่นั่งได้สองคนสบายๆ ไม่ต้องเบียดกันแบบคู่รักตลอดเวลาที่นั่ง ภายในไม่ควร ต่ำกว่า 1.50 เมตร ซึ่งจะวัดจาก ความกว้างภายนอกอย่างเดียวไม่ได้ เพราะโซฟาบางตัวความหนาของพนักพิง มาก ก็ยิ่งทำให้พื้นที่นั่งแคบลงไปอีก บางห้องที่มีพื้นที่จำกัด โซฟาก็จะถูกบีบให้ลง ตามลงไปด้วย ดังนั้นถ้าโครงการให้โซฟามาด้วยก็ถือว่าตัดปัญหาในการเลือกซื้อไป แต่รูปแบบ และความนุ่มของที่นั่งก็อาจจะไม่ได้อย่างใจเราซักทีเดียว
8. ม่าน เป็นอีกทางเลือก ในการแต่งห้องที่มีราคาและรูปแบบที่ หลากหลายมากจนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีหลักการในการเลือกเลย เป็นเรื่องของ ความชอบการใช้งานและความสวยงามล้วนๆ ม่านตกแต่งมีทั้งแบบม่านจีบม่านม้วนมู่ลี่ปรับแสง ทำเป็นชั้นเดียวมีม่านโปร่งกับม่านทึบเป็นสองชั้นก็ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความเหมาะสมของตัวห้อง
9. ห้องอาบน้ำ (Shower box) ในห้องอาบน้ำสมัยใหม่ มีความ จำเป็นที่ต้องมีฉากกั้นอาบน้ำเพื่อแยกส่วนแห้งและส่วนเปียก เวลาอาบน้ำที่ส่วนอื่นๆจะได้ไม่เปียกและลื่นไปด้วย โครงการส่วนใหญ่ไม่ได้ลดระดับพื้นเพื่อแยกส่วน อาบน้ำ การติดฉากก้ันจะช่วยเรื่อแยกพื้นที่แห้งและเปียกได้ ฉากกั้นอาบน้ำแบบ มีเฟรมและตัวฉากเป็นอะคลิลิก จะถูกกว่า 30-40% ของฉากกั้นแบบไม่มีบาน (Frameless) และกระจกนิรภัย (Tempered glass) ซึ่งดูโล่ง โปร่งและทันสมัยกว่า ดังนั้นถ้าโครงการไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ขอให้เตรียมงบประมาณไว้คร่าวๆเลย ประมาณ 12,000 บาท
10. เครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ทีวี ตู้เย็น เตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า มีราคาหลากหลายตามการใช้งานและความชอบ ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากในการส่ังซื้อและติดตั้ง และสามารถทยอยซื้อทีละชิ้นได้ แต่รวมครบชุดก็เป็นเงินหลักแสนได้ ดังนั้นอย่าลืมเผื่องบไว้สำหรับของใช้ที่จำเป็นเหล่าน้ีด้วยค่ะ
รายการต่างๆเหล่านี้ถือเป็นหัวใจหลักในการตกแต่งห้องเพื่อให้อยู่ได้จริง แต่ละโครงการมีให้มากบ้างน้อยบ้างถือเป็นสิ่งสําคัญที่เจ้าของห้องต้องบวกลบ คูณหารให้ดี เพื่อเตรียมงบประมาณตกแต่งต่อไป
ตั้งงบตกแต่งไว้อย่างไรดี
ตามหลักการแล้วเราสามารถกำหนดงบประมาณคร่าวๆเบื้องต้นได้ โดย อ้างอิงจากพื้นที่ใช้สอยเป็นหลัก แต่เนื่องจากของตกแต่งต่างๆมีความหลากหลายมาก รวมทั้งระดับคุณภาพให้เลือกสรรที่แตกต่างกันไป ยิ่งถ้าพูดถึงงาน Built-in ด้วยแล้ว เปรียบเทียบกันที่ราคาอย่างเดียวไม่ได้เลย เพราะขึ้นอยู่กับคุณภาพงาน ของช่าง วัสดุโครง วัสดุปิดผิวที่ใช้ และค่าเดินทางในการมาติดตั้งหน้างาน ดังนั้น งบประมาณสามารถที่ตั้งไว้ จึงอาจเปลี่ยนแปลงไปได้หลายเท่า ขึ้นอยู่กับความ ต้องการของเจ้าของห้อง แต่ก็พอมีหลักการง่ายๆให้พวกเราลองประเมินกระเป๋า เราเองก่อน หากเริ่มต้นจากห้องเปล่าๆ มาดูกันนะคะว่างบประมาณเท่าไร เราสามารถมีอะไรได้บ้างและเราควรเตรียมงบประมาณไว้เท่าไรกันแน่เพื่อให้เหมาะ กับความต้องการของเรา
1. เร่ิมต้นท่ี 5,000-8,000 บาท ต่อตารางเมตร ใน การเริ่มต้นตกแต่งห้องเพื่อให้ได้ของครบและมีคุณภาพพอสมควร อย่างเช่น ห้อง 22 ตร.ม. น่าจะใช้งบประมาณ 105,000 บาทเป็นต้น ซึ่งคิดเอาง่ายๆ ว่า ราคานี้สามารถครอบคลุมถึงชุดเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น 10 รายการแรกได้ ข้างต้น แน่นอนว่าถ้าโครงการที่เราซื้อมีของแถมมาให้มากเท่าไร ก็เท่ากับว่า ค่าใช้จ่ายที่เราต้องออกเพิ่มยิ่งน้อยลงเท่านั้น และยังรวมถึงของใช้ที่จำเป็น และตกแต่งจิปาถะอีก เช่น ที่นอน โคมไฟตั้งโต๊ะและตั้งพื้น กล่องเก็บของ ของใช้ในครัว เป็นต้น
อย่างไรก็ตามราคาต่อตารางเมตรที่ประมาณนี้ยังไม่สามารถทำงาน ตกแต่งที่พิเศษๆ ได้ ซึ่งถ้าหากเจ้าของห้องมีความต้องการเพิ่มเติม บอกได้เลยว่าควรจะพิจารณาขยับงบประมาณขึ้นไปอีกค่ะ
2. ราคาท่ี 8,000-15,000 บาท ต่อตารางเมตร เป็นระดับที่นักออกแบบส่วนใหญ่ใช้ประเมินเบื้องต้น เนื่องจากมีงบให้ตกแต่งมากกว่า การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์มาวางให้ครบฟังก์ชันได้ นอกเหนือจาก 10 รายการ ข้างต้นซึ่งทำให้เราสามารถเพิ่มผนังตกแต่งเป็นผนังติดกระจกที่ผนังทำให้ห้องดูกว้างขึ้น(กระจกเงา) แบบผืนใหญ่ๆส่วนใหญ่มาพร้อมราคาติดตั้ง เพราะเราติดตั้งเองไม่ได้อยู่แล้ว ราคาเริ่มต้นที่ 2,000-3,000 บาทหรือทำผนังตกแต่งแบบอื่นๆ เช่น กรุไม้หรือ หินบางส่วนที่หัวเตียง เพิ่มไฟห้อยเพดานเหนือโต๊ะทานข้าว ทําหลืบไฟซ่อนสร้างบรรยากาศ ให้กับห้องให้ดู Sexy ขึ้นได้อีก รวมทั้งทำเฟอร์นิเจอร์ Built-in เพิ่มเติมในบาง จุด พวกตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า ตู้กระจกเหนืออ่างล้างหน้า (ถ้าจะสั่งทำเพิ่มทั้งที อย่าลืมแบบที่มีไฟซ่อนด้วยนะคะ)
3. ในระดับท่ีสูงกว่า 15,000 บาท ต่อตารางเมตรขึ้นไป เรียกได้ว่าเราสามารถมีงบประมาณเพื่อที่จะเนรมิตห้องใหม่ให้เป็นตามแบบที่ เราอยากได้จริงๆ ให้เป็นแบบ Custom-made หรือ Tailor-made เหมือนเสื้อผ้าสั่งตัดที่เลือกให้เหมาะกับความต้องการและความชอบส่วนตัวได้ บางคนอาจ จะอยากเปลี่ยนวัสดุปูพื้น ผนังกระเบื้องในห้องน้ำที่โครงการให้มาเป็นแบบที่ มีคุณภาพดีขึ้น เปลี่ยนสุขภัณฑ์ใหม่ ทำชุดครัวใหม่ หรือออกแบบ Lighting ใหม่ ไปจนถึงทําเครื่องปรับอากาศแบบซ่อนในฝ้าให้สวยงามแทนแบบติดผนังหรือ ทําตู้ Built-in แบบมีฟังก์ชันครบครัน ราคาก็จะสูงขึ้นตามสเปคของที่เลือก ใช้และความซับซ้อนในการก่อสร้างของผู้รับเหมานั่นเอง
กระปุกของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน แต่ขอให้ประเมิน สถาณการณ์ของเราเองและเตรียมพร้อมไว้ก่อนเสมอจริงๆแล้วงบมาก งบน้อยไม่สำคัญ สามารถแต่งบ้านให้อยู่ได้และสวยงามได้ทั้งนั้น แล้ว บ้านในฝันก็จะเป็นความจริงได้
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือ ทุบกระปุกซื้อบ้าน New Version หากสนใจอยากอ่านเพิ่มเติม
– สามารถลงทะเบียนเพื่อรับหนังสือ ฟรี !! ได้ที่ https://thinkofliving.com/book/
– รายละเอียดกิจกรรมในงานวันที่ 3-5 กรกฎาคม พบกับ workshop เก๋ๆ ที่ EMQUARTIER นะคะ
https://thinkofliving.com/2015/06/15/tol-workshop/