รู้หรือไม่คะ ว่าจริงๆแล้วสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุได้ค่อนข้างบ่อยก็คือบ้านของเรานี่เอง ไม่ว่าจะเป็นการหกล้ม สิ่งของหล่นทับหรือบาดตามร่างกาย รวมถึงสารเคมีต่างๆที่ปนเปื้อนที่ทำให้เกิดอันตราย ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับเฉพาะผู้สูงอายุหรือเด็กที่มีสภาพร่างกายที่เปราะบางกว่าปกติ แต่อุบัติเหตุเหล่านี้สามารถป้องกันได้ค่ะ นอกจากเราจะระมัดระวังตัวเองเพิ่มมากขึ้นแล้ว เราก็สามารถเลือกใช้วัสดุภายในบ้านที่ออกแบบมาเพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยโดยเฉพาะอีกด้วย จะมีอะไรบ้างตามไปชมกันค่ะ

 ทำไมต้องมีวัสดุเพื่อความปลอดภัยในบ้าน ?

เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น บ้านที่มีการออกแบบและใช้วัสดุที่ช่วยส่งเสริมด้านความปลอดภัยภายในบ้านมักจะเกิดความเสียหายน้อย หรือช่วยลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้  นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ปัจจุบันได้มีการคิดค้นวัสดุใหม่ๆภายในบ้าน ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเจ้าของมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุ หรือ นวัตกรรมลดสารพิษที่เกิดจากวัสดุก่อสร้างลง ซึ่งก่อนอื่นเราควรมารู้จักกับรูปแบบภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้กันก่อนค่ะ

ปัจจุบันมีนวัตกรรมที่พัฒนาวัสดุก่อสร้างต่างๆเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยภายในบ้านให้มากขึ้น ในวันนี้เราจะพามารู้จักกับวัสดุเหล่านั้นเริ่มตั้งแต่วัสดุพื้น ผนัง ไปจนถึงหลังคา เพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่กันค่ะ

อุบัติเหตุสามารถเกิดได้ทุกแห่งในตัวบ้าน ไล่ตั้งแต่พื้นที่มักจะเกิดปัญหาการสะดุดล้มหรือลื่นล้ม,  อาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจร จากการใช้ไฟเกินกำลัง จนทำให้เกิดอัคคี, วิ่งชนหรือหกล้มโดนแผ่นกระจก ทำให้กระจกแตกและบาดเจ็บ, ทาสีทาบ้านที่มีสารฟอร์มาลดีไฮด์สูง ดังนั้น เราไปดูวัสดุต่างๆที่ช่วยลดความเสียหายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยภายในบ้านให้มากขึ้นกันค่ะ

พื้นลดแรงกระแทก

จากสถิติจากศูนย์อุบัติเหตุกรุงเทพในปี 2561 ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้เสียชีวตจากการพลัดตกหรือหกล้มสูงเป็นอันดับที่ 2 รองจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เลย โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการลื่น สะดุด หรือก้าวพลาด บนพื้นระดับเดียวกันมากกว่าตกหรือหกล้มจากบันได แล้วยิ่งถ้าเกิดในผู้สูงอายุที่สภาพร่างกายฟื้นฟูได้ช้าลง กระดูกหักได้ง่าย อาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่มากกว่าคนทั่วไป จึงควรระมัดระวังเป็นอย่างสูงค่ะ สำหรับในเด็กเล็กเองตั้งแต่ 8 เดือนขึ้นไป จนถึงวัยที่ชอบวิ่งเล่นจะหกล้มบ่อย มักมีแผลถลอกเป็นประจำ การใช้วัสดุปูพื้นก็ควรเลือกที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็กๆ

ปกติแล้ววัสดุปูพื้นที่นิยมใช้จะเป็นไม้ หิน หรือกระเบื้องซึ่งถ้าเราหกล้มลงไปแล้วอาจจะเกิดบาดแผลได้ง่าย เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีความแข็งและไม่ได้รองรับแรงกระแทก แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาวัสดุชนิดหนึ่งขึ้น นั่นคือ “กระเบื้องยาง” ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับแรงกระแทก เวลาเกิดเหตุหกล้ม เราจะเกิดความเสียหายกับอวัยวะต่างๆของเราได้น้อยกว่าวัสดุปูพื้นทั่วๆไป มีความฝืดไม่ลื่นจึงช่วยป้องกันการลื่นล้ม ทำความสะอาดได้ง่าย ผิวสัมผัสสบายเท้า และปลวกไม่ขึ้นค่ะ

ต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้นไปอีกจนเกิด Vinyl Shock Absorption Floor หรือ พื้นลดแรงกระแทก วัสดุชนิดนี้มีโฟมอยู่ด้านล่างทำให้สามารถลดแรงกระแทกได้ จึงเหมาะสำหรับปูพื้นห้องนอนของผู้สูงอายุหรือห้องสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ปัจจุบันวัสดุชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โดย Developer เจ้าต่างๆได้นำมาใช้ในห้องนอนผู้สูงอายุที่ชั้นล่างค่ะ

การติดตั้งพื้น Shock Absorption Floor ทำได้เหมือนกับการปูกระเบื้องยางทั่วไป โดยการสำรวจหน้างาน รื้อพื้นเดิมออก(กรณีงานรีโนเวท) และทาวัสดุประสาน เพื่อวางแผ่นยางลงไป โดยแผ่นที่ได้จะเป็นม้วน ตัดแต่งได้โดยใช้คัตเตอร์ เริ่มปูจากพื้นที่ที่กว้างที่สุดก่อน แล้วค่อยๆรีดอากาศเพื่อให้เกิดช่องว่างระหว่างพื้นและแผ่นยางน้อยที่สุด และค่อยๆนำแผ่นอื่นมาปูให้ชิดติดกัน หยอดกาวประสานบริเวณรอยต่อเพื่อยึดระหว่างแผ่น ทำแบบนี้ไปจนเต็มพื้นที่ สามารถทำได้ภายในวันเดียวค่ะ

สำหรับใครที่คิดว่าขั้นตอนข้างต้นนั้นยุ่งยาก เนื่องจากต้องมีการทำพื้นที่หน้างานโดยการรื้อกระเบื้องเดิมออก ปัจจุบันมีกระเบื้อง Vinyl Shock Absorption Floor แบบสุญญากาศ จาก SCG ออกแบบมาให้เหมาะกับการติดตั้งสำหรังงานรีโนเวท สามารถปูทับแผ่นกระเบื้องเดิมได้เลย โดยไม่ต้องใช้กาว สามารถลอกออกแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้โดยไม่มีคราบ แต่จะมีราคาที่สูงขึ้นค่ะ (ราคาตารางเมตรละ 1290 บาท)

และนอกจากกระเบื้องยางรองรับแรกกระแทกแล้ว ยังมีการทำกระเบื้องยางที่เป็นผิวลักษณะเป็นลายสานให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับธรรมชาติ และมีพื้นผิวความฝืดมากขึ้น ทำให้การเกิดการหกล้มยากขึ้นไปด้วยค่ะ และการติดตั้งเป็นระบบคลิกล็อค คือเป็นแผ่นๆสามารถวางต่อกันได้เลย ไม่ต้องใช้กาวเป็นตัวประสานกันทำให้ทนน้ำมากขึ้นสามารถใช้ในห้องน้ำ(ส่วนแห้ง) ได้ จึงเหมาะกับการใช้ในห้องผู้สูงอายุทั้งห้องนอน และห้องน้ำค่ะ

สีทาผนังป้องกันสารเคมีตกค้าง

ผลิตภัณฑ์และวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งบ้านบางชนิดที่เราใช้กันโดยทั่วไป อาจจะมีการเจือปนสารเคมีหลากหลายชนิดรวมถึงที่เป็นสารระเหยติดมาด้วย องค์กรอนามัยโลกได้ประเมิน ว่าในประเทศที่ยังไม่พัฒนามีมลพิษจากอากาศภายในอาคารหรือบ้านเรือน เป็นสาเหตุที่สำคัญของโรคปอดและโรคมะเร็งต่างๆ เสียชีวิตไม่น้อบกว่าปีละ 2 ล้านคน และมีผลกระทบเป็นอย่างมากกับเด็กเล็ก เนื่องจากในเด็กยังมีการพัฒนาการระบบต่างๆ รวมถึงทางเดินหายใจยังไม่เต็มที่ เราจึงควรมารู้จักกับสารพิษจากวัสดุภายในบ้านกันก่อนนะคะ ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ตัวใหญ่ๆ คือ

สารฟอร์มาลดีไฮด์ และสารระเหยง่าย VOCs

เป็นสารอินทรีย์ที่มีกลิ่นฉุนเหมือนที่เรามักจะได้กลิ่นตอนสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์มาใหม่ๆนั่นแหละค่ะ เนื่องจากสารฟอร์มาลดีไฮด์มักใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์ ในการยึดองค์ประกอบต่างๆจนกลายเป็นแผ่นไม้ (ไม้อัด), สารเคลือบไม้, สีทาบ้าน, Wallpaper, พรม, เบาะโซฟา รวมถึงผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ ซึ่งสารชนิดนี้เมื่อได้รับความร้อน หรือความชื้นก็จะมีการระเหยออกมา โดยสารพวกนี้สามารถระเหยออกมาได้นานถึง 15 ปี ทำให้เกิดการระคายเคืองดวงตา และกระทบกับระบบทางเดินหายใจ และยังเป็นสารก่อมะเร็งด้วยค่ะ

โลหะหนักตะกั่ว

ในอุสาหกรรมการทำสี ไม่ว่าจะเป็นสีทาบ้านสีสด, สีเคลือบแผ่นหลังคา รวมถึงสารเร่งให้แห้งและเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของสี, ผงสีกันสนิมและสารกันเชื้อรา มักจะมีโลหะหนักอย่างสารตะกั่วปนอยู่ ซึ่งเป็นสารพิษที่มีความอันตรายสูง ทำให้เกิดผลเสียได้ในทุกระบบของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กทารกที่มีผิวแพ้ง่าย และร่างกายที่บอบบางกว่าปกติ เมื่อสีเหล่านี้แห้งและลอกเป็นแผ่นเราไม่ควรไปจับ ดึงออกหรือสัมผัสโดยตรงเพราะจะทำให้ได้รับโลหะหนักเข้าไปยังร่างกายได้ค่ะ

อย่างที่เราไปกล่าวไปข้างต้นแล้วว่าภายในบ้านไม่ว่าจะเป็นสีทาบ้าน เฟอร์นิเจอร์ พรม รวมถึงผ้าม่าน ฯลฯ จะมีสารระเหยที่ชื่อว่า สารฟอร์มาลดีไฮด์ และสาร VOCs ที่เป็นสารก่อมะเร็ง ปัจจุบันจึงมีนวัตกรรมสีทาภายในที่มีเทคโนโลยี Ultra Low VOCs ไร้กลิ่น และสามารถย่อยสลายสารพิษในอากาศได้ อย่างที่ได้ยินกันบ่อยๆว่าสี Duraclean ที่มีคุณสมบัติเด่นในการที่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้บ่อยครั้ง และฟอกสารพิษในอากาศได้ โดยเมื่อมีสารฟอร์มาลดีไฮด์ในอากาศมากระทบกับสีทาผนัง จะทำปฏิกิริยาแล้วเปลี่ยนสารพิษกลายเป็นไอน้ำค่ะ นอกจากนั้นก็จะช่วยยับยั้งเชื้อราและแบคทีเรีย ช่วยให้คุณภาพอากาศภายในบ้านของเราดีขึ้น และสามารถเช็ดถูรอยขีดเขียนริมผนังได้ง่าย จึงเหมาะกับการนำมาใช้ภายในห้องสำหรับเด็กเล็กมากๆเลยค่ะ

ผนังและประตูกันไฟ

เมื่อเกิดเหตุการณ์อัคคีภัยการที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน หรือถ้ามีผู้สูงอายุอาศัยเพียงคนเดียว แล้วเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ขึ้น อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะเด็กและผู้สูงอายุไม่สามารถป้องกันตัวเองได้มากนัก จึงต้องการระยะเวลาในการหลบหนีไปยังบริเวณที่ปลอดภัย การเลือกใช้วัสดุที่ไม่ติดไฟ หรือไม่ลามไฟจะช่วยให้ผลกระทบจากไฟไหม้ไม่ร้ายแรง และอาจแก้ไขได้ทันท่วงทีค่ะ โดยวัสดุกันไฟที่นิยมใช้ในบ้านได้แก่

ประตูกันไฟ

ขอบคุณภาพประกอบจาก Door Tech By Sanki

อัคคีภัยเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดกับบ้าน เนื่องจากพอเกิดขึ้นครั้งนึงจะทำให้ตัวบ้านและทรัพย์สินต่างๆเสียหายมากที่สุด โดยอัคคีภัยภายในบ้านสามารถเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น ลืมปิดแก๊ส อาจจะทำให้ก็าซหุงต้มรั่วไหลและสามารถลุกไหม้ได้เมื่อมีประกายไฟ, ระบบไฟฟ้าลัดวงจร จากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด หรือใช้ไฟเกินขนาด, การสูบบุหรี่แล้วทิ้งก้นบุหรี่ไม่ถูกต้อง เป็นต้น

โดยปัจจุบันได้มีวัสดุที่มีน้ำหนักเบา สามารถใช้ในงานต่อเติมกับผนังเบาได้ แต่ก็ยังคงมีคุณสมบัติทนไฟได้ โดยใช้แผ่นแมกนีเซียมออกไซด์มาเป็นวัสดุแกนกลางของประตู จะทำให้ประตูมีน้ำหนักที่เบา ติดตั้งง่าย โดยเราสามารถเลือกได้ว่าต้องการระยะเวลาในการกันไฟเท่าไหร่ จะมีการคำนวณและหาความหนาที่เหมาะสมมาให้เลยค่ะ

ผนังกันไฟ

ขอบคุณภาพประกอบจาก Onekin

วัสดุแผ่นผนังที่ต้องการทนไฟมักเป็นวัสดุที่ทำมาจากแมกนีเซียมออกไซด์ หรือที่เรียกว่า Mgo Wallboard ซึ่งมีคุณสมบัติต่างๆครบครันเหมือนกับผนังทั่วไป ผลิตจากวัสดุอนินทรีย์ธรรมชาติ ไม่มีใยหินและเมธิลแอลกอฮอล์ผสม โดยสามารถทนต่อความชื้น, กันความร้อน, กันเสียง, ต้านทางแรงดัดได้ แต่จะมีน้ำหนักเบา ช่วยให้ติดตั้งสะดวก และได้คะแนนระดับความทนไฟอยู่ที่ Nonflammable จาก ศูนย์สำหรับการกำกับดูแลคุณภาพและทดสอบของไฟอาคารวัสดุ (NFTC) ค่ะ

ผ้าม่านกันไฟ

ภาพบรรยากาศจากงานสถาปนิก’19

อีกหนึ่งสาเหตุของการลามไฟเมื่อเกิดอัคคีภัยก็คือผ้า นั่นเองค่ะ แต่ปัจจุบันได้ ผ้าม่านที่มีคุณสมบัติไม่ลามไฟ ซึ่งทำมาจากวัสดุหลากหลายชนิด เช่น ผ้าม่านที่มีเนื้อผ้าหนาเป็นพิเศษ, วัสดุจากเส้นใยพลาสติก เป็นต้น ซึ่งม่านแบบไม้ลามไฟจะต้องไม่ติดไฟ หรือติดอยู่แค่บริเวณที่โดนเปลวไฟ ไม่ลุกลามเป็นวงกว้าง  ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ผ้าม่านต่างๆก็ได้มีม่านที่ไม่ลามไฟให้เลือกใช้อยู่บ้าง อย่างภาพตัวอย่างเป็นม่านจากแบรนด์  Coulisse  ที่ร่วมมือกับ BiW Products ผลิตผ้าม่านคุณภาพสูง เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยและทรัพย์สินได้ค่ะ

กระจกนิรภัย

กระจกเป็นวัสดุสำคัญที่เรามักจะพบเจออยู่ในบ้านเสมอๆ เนื่องจากใช้เป็นช่องแสงเพื่อรับแสงธรรมชาติเข้ามาในบ้าน หรือเป็นบานเปิดระบายอากาศ, กั้นห้อง รวมถึงกระจกเงาที่หลายคนนำมาติดตกแต่งผนังกันด้วย โดยทั่วไปแล้วถ้ากระจกเกิดการแตกจะทำให้เป็นรอยปากฉลามมีความคม และสร้างความเสียหายให้กับผู้ที่โดนบาดสูงเนื่องจากมีความคมที่มากกว่าวัสดุอื่นๆ ซึ่งจะเป็นอันตรายมากกับเด็กและผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกับเด็กที่อยู่ในวันเล่นซน อาจวิ่งไปชนหรือปาของไปโดนกระจกแล้วเกิดอันตรายได้ ซึ่งในท้องตลาดจะมีกระจกที่ออกแบบมาเพื่อลดความเสียหายจากการแตกที่รู้จักันดีก็คือ

  • กระจกลามิเนต : เป็นการนำกระจกสองชั้นมาติดกันโดยมีแผ่นฟิล์ม PVB (Poly Vinyl Butyral) อยู่ตรงกลาง ซึ่งเมื่อเกิดการแตก เศษกระจกจะถูกยึดด้วยฟิล์ม แต่จะไม่หลุดออกมา
  • กระจกเทมเปอร์ : เป็นกระจกที่มีชั้น ความเครียดอัด( Compressive Stress) อยู่บนผิวกระจก และมีชั้นความเครียดแรงดึง(Tensile Stress) ภายในเนื้อกระจกทำให้เมื่อเกิดการแตกร้าวจนถึงเนื้อด้านใน ตัวกระจกจะแตกเองโดยที่เป็นเม็ดๆ ไม่แหลมคมแบบกระจกทั่วไป

แต่กระจกทั้ง 2 ชนิดที่กล่าวมานั้นมีราคาค่อนข้างสูงกว่ากระจกแบบธรรมดา สำหรับใครที่มีงบประมาณจำกัด หรือต้องการความปลอดภัยที่มากขึ้น สามารถซื้อแผ่นฟิล์มนิรภัยมาติดเพิ่มเติมได้ค่ะ

ภาพบรรยากาศจากงานสถาปนิก’19

ในเรื่องการป้องกันผลเสียที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับกระจก นอกจากการเลือกวัสดุให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะใช้งานแล้ว เรายังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพความปอดภัยขึ้นด้วยฟิล์มติดกระจกที่เดี๋ยวนี้ได้มีการพัฒนาขึ้นมา ตัวอย่างเช่น ฟิล์มของ Lamina ประเภทฟิล์มนิรภัย ที่มีการเพิ่มชั้นโพลีเอสเตอร์ และปริมาณกาวชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติในการยึดติดสูง ตามความแข็งแรงที่ต้องการ จะทำให้มีเนื้อฟิล์มมีความหนาตั้งแต่ 4 มิลลิเมตร หรือ 100 ไมครอนขึ้นไป ซึ่งได้มีการทดสอบกับการทดสอบความทนทานต่อแรงกระแทกจากภายนอก ถึง 400 ฟุตปอนด์โดยไม่หลุดจากกรอบกระจก (ทดสอบตามมาตรฐาน ANSI Z97.1-1984 จากอเมริกา) และยังคงเป็นแผ่นเดียวกันอยู่ ซึ่งช่วยให้เราอุ่นใจเมื่อใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้นค่ะ

___________________________________________________________________

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับวัสดุที่ใช้เพื่อความปลอดภัยภายในบ้าน หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังจะตกแต่งหรือต่อเติมบ้าน ใครที่มีความคิดเห็นหรือนวัตกรรมใหม่ๆก็สามารถคอมเม้นต์มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ