เนื่องจากช่วงนี้เชื้อไวรัส Covid-19 กำลังแพร่ระบาดกันอยู่ทั่วทุกมุมโลก และเราเองก็ยังอยู่ในช่วงกักตัวที่บ้านกันอยู่นะ แถมยังเพิ่งจะมีการประกาศมาตรการฉุกเฉินกันไปด้วย มองอีกแง่ก็เป็นโอกาสดี ๆ ที่จะได้ให้มาดูแลพื้นที่พักอาศัยของเรากันมากยิ่งขึ้น เหมือนกับบทความที่แล้วที่ผมแนะนำการดูแลวัสดุในบ้านกันไป กับบทความ อยู่บ้านสู้โควิด ! ด้วยการดูแลรักษาวัสดุและอุปกรณ์ในบ้านง่ายๆด้วยตัวคุณเอง ก็หวังว่าจะช่วยเป็นประโยชน์ให้ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ

ส่วนวันนี้เราก็มาดูแลบ้านกันอีกเช่นเคย แต่เป็นการดูแลบ้านจากสัตว์ต่าง ๆ ที่มักจะเข้ามารบกวนบ้านของเรา เพราะบ้านมีทั้งความอบอุ่นและเป็นแหล่งอาหารชั้นดี จึงทำให้มีสัตว์ต่างๆอยากจะเข้ามาอยู่ร่วมชายคากับเราด้วยหลายชนิดเลย ซึ่งผมเชื่อเหลือเกินครับว่ามีผู้อ่านไม่น้อยเลยที่จะต้องรับมือกับการที่เจ้าสัตว์ต่าง ๆ เหล่านี้หาเรื่องมาให้ปวดหัวกันอยู่ตลอด วันนี้ผมรวบรวมวิธีการดูแลบ้านจากทั้ง นก หนู สุนัขและแมว ยุง หอยทาก แมลงสาบ และจิ้งจก มาให้ทุกคนได้เลือกอ่านกัน ไปดูกันเลยครับว่าเราจะจัดการกับสัตว์รบกวนและผองเพื่อนของพวกมันเหล่านี้กันอย่างไรได้บ้าง

สัตว์รบกวนพื้นที่ภายนอกของตัวบ้าน

ก่อนจะเข้าไปดูสัตว์ที่มารบกวนพื้นที่ภายในบ้าน มาดูส่วนของภายนอกบ้านกันก่อนเลยนะครับ เชื่อว่าหลายๆคนคงจะโดนรบกวนจากภายนอกไม่มากก็น้อย ทั้งสัตว์ที่มาเองตามธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้าน ลองไปดูกัน

สุนัขและแมวมาขับถ่ายหน้าบ้าน

การขับถ่ายของเหล่าหมาแมวเนี่ย มันมีเหตุผลของมันนะ เป็นพฤติกรรมเพื่อบ่งบอกอาณาเขตทั้งในสุนัขและแมว ในธรรมชาตินั้นสุนัขและแมวต่างเป็นสัตว์ที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ดังนั้นจึงต้องมีการปัสสาวะตามต้นไม้หรือที่ต่างๆ เพื่อประกาศอาณาเขตว่าเป็นของใครของมัน จะได้ไม่รุกล้ำพื้นที่ของกันและกันนั่นเอง ซึ่งตัวแปรสำคัญของเรื่องนี้นั่นก็คือ “กลิ่น” การจัดการกับพฤติกรรมเช่นนี้ของทั้งสุนัขและแมวก็คือจัดการกับกลิ่นครับ เราลองเริ่มจากของง่ายๆที่หากันเองได้ในบ้านของเราอยู่แล้วกันดูก่อนนะครับ เพราะไม่ต้องไปเสียเงิน แถมยังไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์และคนในบ้านด้วย

  • พริกป่นหรือพริกไทย – โรยพริกหรือพริกไทยบริเวณไว้ที่สุนัขและแมวมักจะมาขับถ่าย โดยคุณสมบัติของพริกไทยและพริกป่นจะมีที่ทั้งกลิ่นฉุน ทั้งแสบจมูก เริ่มด้วยการทำความสะอาดพื้นที่เดิมก่อนที่มักจะโดนสุนัขและแมวมาขับถ่ายบ่อยก่อน จากนั้นก็นำพริกหรือพริกไทยไปโรยไว้ แนะนำให้โรยต่ำหน่อยจะได้ไม่ฟุ้งเข้าจมูกเราเอง จากนั้นก็ทำเป็นประจำและปล่อยทิ้งไว้เลย สุนัขและแมวจะหายไปครับ จนกว่าพริกทั้งสองจะจางไป
  • น้ำส้มสายชู – กลิ่นฉุนอีกอย่างที่ทำได้ง่ายก็คือการนำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำในอัตราส่วนเท่าๆกัน จากนั้นไปฉีดใส่พื้นที่ที่สุนัขและแมวขับถ่ายเป็นประจำ ก็จะช่วยไล่ได้แล้ว แต่วิธีนี้มักจะได้ผลในช่วงแรก ๆ หากทิ้งไว้ให้แห้งและระเหยไปก็จะต้องมาฉีดใหม่นะครับ แต่วิธีที่จะช่วยให้มันไม่มาอีกคือการตามด้วยเบกกิ้งโซดา (Baking Soda) โรยลงไป จะทำให้มันไม่มาขับถ่ายในบริเวณนี้ไปอีกระยะนึงเลย

หากยังไม่ได้ผลอีก อาจจะต้องเริ่มใช้วัตถุที่มีส่วนผสมของสารเคมี เพื่อให้ส่งกลิ่นไปยังสัตว์ได้มากยิ่งขึ้น เช่น

  • ลูกเหม็น – สูตรเดิมคล้าย ๆ กับการจัดการหนูเลยครับ แต่ครั้งนี้อาจจะต้องใช้ในพื้นที่เปิดโล่งและกว้างมากกว่า ดังนั้นจึงควรทุบให้เป็นผง อาจจะไม่ต้องละเอียดมากนะครับ จากนั้นนำมาโรยตามบริเวณพื้นที่ที่สุนัขและแมวขับถ่ายเป็นประจำ จะส่งกลิ่นฉุนและกลบกลิ่นเดิมของพวกมัน ทำให้ไม่มาขับถ่ายบริเวณนี้อีก

ถ้าหากการใช้กลิ่นไม่ได้ผลนัก อาจจะต้องเปลี่ยนที่พฤติกรรมของสัตว์แทนครับ เช่น

  • เปลี่ยนพื้นที่ – มาลองวิธีอื่นๆนอกจากการใช้กลิ่นกันบ้างนะครับ ให้เราพยายามเปลี่ยนพื้นที่ขับถ่าย ให้เป็นพื้นที่รับประทานอาหารของพวกมันแทน ฟังดูแปลกๆใช่ไหมครับ แต่เชื่อไหมว่าจริงๆแล้ว สุนัขและแมวมีสัญชาตญาณที่จะไม่ปลดทุกข์ในพื้นที่ที่กินอาหารของตัวเอง เห็นดังนี้แล้วเราก็สามารถนำปัจจัยนี้มาใช้ได้เหมือนกัน โดยให้เริ่มที่การทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ที่สุนัขและแมวขับถ่ายเป็นประจำให้สะอาด ไม่เหลือกลิ่นเดิม (ใช้วิธีล้างด้วยน้ำส้มสายชูก็ได้นะครับ) รอให้แห้งแล้วนำอาหารไปวางไว้บริเวณนั้น เมื่อพวกมันมากิน คราวหน้าพวกมันก็จะไม่มาขับถ่ายอีกต่อไป
  • วางขวดน้ำหรือกระจกสะท้อน – นอกจากการปรับพื้นที่แล้ว มาลองวิธีที่ใครหลายๆคนคงเคยเห็นกันคุ้นชินกันบ้างครับ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าบรรดาสุนัขและแมวจะไม่เข้ามาขับถ่ายในพื้นที่ที่มีผู้คุมอยู่แล้ว ดังนั้นให้เราหาขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร แกะฉลากพลาสติกออกให้หมด ใส่น้ำให้เต็มมาวางเว้นช่องประมาณ 30 เซนติเมตร วิธีนี้จะช่วยให้เวลาสุนัขหรือแมวจะมาขับถ่ายในพื้นที่ที่ขับถ่ายเป็นประจำ พวกมันจะเห็นเงาตัวเองในขวด และคิดว่าเป็นตัวอื่น ก็จะกลัวและไม่กล้ามาขับถ่ายอีก ในกรณีนี้อาจจะใช้เป็นกระจกเงาก็ได้ ให้ติดตั้งในมุมมองที่มันจะเห็น จากนั้นก็จะเข้าทางของเราเช่นเดิมครับ
  • ใช้กฎหมายเข้าควบคุม – ข้อสุดท้ายนี้แนะนำให้ใช้เป็นกรณีสุดท้ายเลย หลังจากที่คุยกับทางเจ้าของสัตว์เลี้ยงข้างเคียงหรือพยายามจัดการกันเองแล้วก็ไม่ได้ผลนะครับ ซึ่งตามพระราชบัญญัติ รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 ได้ระบุเอาไว้ดังนี้
    – ตามมาตร 14 ห้ามมิให้ผู้ใดปล่อยให้สัตว์ถ่ายมูลบนถนน และมิได้ขจัดมูลดังกล่าวให้หมดไป
    – มาตรา 52 ผู้ใดฝ่าฝืนตามาตร 14 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

และข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสุนัข พ.ศ. 2548 ข้อ 16 (4) มีหลักว่า “รักษาสถานที่เลี้ยงสุนัขให้สะอาดอยู่เสมอ จัดเก็บสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะเป็นประจำ ไม่ปล่อยให้เป็นที่สะสมหมักหมมจนเกิดกลิ่นเหม็นรบกวนผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง”

สุดท้ายนี้อยากจะฝากไปถึงผู้ที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงทุกท่านนะครับ ควรจะมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมและสังคมด้วยนะครับ ไม่งั้นนอกจากจะเสียเงินเสียทองอาจจะทำให้ต้องเสียมิตรภาพดีๆใกล้ตัวกันไปด้วยนะ

มาไล่นกกันเถอะ !

ต่อกันที่ปัญหาที่มักจะพบกันภายนอกของทั้งในบ้านและคอนโด นกมักจะมีปัญหากับพื้นที่หลังบ้านหรือหลังห้องอยู่เสมอ เพราะชอบมาทำรัง ส่งเสียงรบกวน และที่สำคัญก็ถ่ายของเสียเลอะเทอะไปหมดจนน่าหงุดหงิด วันนี้ผมจะมานำเสนอวิธีป้องกันนกกันนะครับ มีตั้งแต่แบบชั่วคราวแบบป้องกันได้ ไปจนถึงอายุการใช้งานแบบ 5-10 ปีเลย โดยการใช้อุปกรณ์ป้องกันนก/ผลิตภัณฑ์ไล่นกเหล่านี้ ควรเลือกให้เหมาะสมและสอดคล้องกับลักษณะพื้นที่ใช้งาน และติดตั้งตามจุดที่นกอยู่อาศัย เพื่อตัดวงจรชีวิตด้านที่อยู่อาศัยของมัน ซึ่งจะส่งผลให้นกต้องย้ายหนีไปที่อื่นแทน

  • เจลไล่นก – อย่างแรกเลยคือเจลไล่นก ซึ่งจะมีหลายแบบ ทั้งแบบ ทา ฉีด หรือ วาง โดยจะมีหลักการใช้งานเหมือนกันคือใช้ตามจุดที่นกเกาะอาศัย เมื่อนกบินเข้ามาสัมผัสถูกเจลไล่นกจะเกิดความรำคาญ จนต้องขยับตัวหรือบินหนีออกไป ซึ่งเนื้อของเจลไล่นกก็จะยืดออกเป็นเส้นบางๆ คล้ายใยแมงมุม ทำหน้าที่เข้าไปพันตามปีก และหาง เป็นการกำจัดจุดอ่อนของนก ส่งผลให้นกเสียสมดุลในการบินไประยะหนึ่ง นอกจากนี้ยังสามารถใช้แก้ปัญหาสัตว์รบกวนต่างๆอื่นอีกได้นะ เช่น แมลงวัน แมลงสาบ มด ผึ้ง ต่อ แตน กระรอก แมว ลิง จิ้งจก ตุ๊กแก ฯลฯ ได้ด้วย เจลไล่นกที่ดีควรจะ ไม่มีกลิ่น ไม่เป็นพิษ ไม่นำไฟฟ้า ไม่ละลายน้ำ สามารถใช้ได้กับทุกสภาพอากาศ อายุการใช้งานประมาณ 2-3 ปี ราคาประมาณ 350 – 2,800 บาท
  • หนามกันนก – หรือถ้าบ้านใครอยากแก้ปัญหาระยะยาวหน่อย ผมแนะนำเป็นหนามกันนก ใช้ในการป้องกันนกพิราบเกาะและไล่นกชนิดต่างๆได้ดี ใช้แผ่นฐานหนามกันนกยึดติดบนพื้นผิวบริเวณที่ต้องการไล่นก หรือ ป้องกันนก ด้วยน๊อตสกรูขนาดเล็ก หรือตอกยึดด้วยตะปูคอนกรีตขนาดเล็ก หรือใช้การผูกมัดด้วยเทป ความแหลมคมที่ปลายจะทำให้นกบาดเจ็บ เป็นการป้องกันนกและไล่นกให้ออกจากพื้นที่นั้นทันที มีแนวร่องให้ใช้ร่วมกับเจลไล่นกด้วย เพื่อใช้ป้องกันนกเล็กๆ อายุการใช้งานประมาณ 8-10 ปี ราคาประมาณ เมตรละ 325 บาท 
  • ตาข่ายกันนก – หรือสำหรับบางพื้นที่อาจจะเหมาะกับการติดตั้งเป็นตาข่ายกันนกซะมากกว่า สำหรับปิดกั้นทางเข้า-ออก เพื่อป้องกันนกชนิดต่าง ๆ โดยจะมีขนาดต่าง ๆ ให้เลือกใช้งานตามความต้องการ คุณสมบัติของตาข่ายกันนกที่ดีต้อง มีผิวแข็ง ทนทานต่อการขีดข่วน คงตัว ไม่เสียรูปง่าย มีความเหนียวสูง เป็นฉนวนไฟฟ้าอย่างดี ทนต่ออุณหภูมิสูงและแสงแดดได้ดีมาก เพราะต้องติดตั้งภายนอก อายุการใช้งานของตาข่ายกันนกได้ตั้งแต่ประมาณ 6 – 8 ปี มีหลายขนาด หลายราคา ประมาณ 1.5 x 30 เมตร 1,550 บาท
  • เครื่องไล่นกไฟฟ้า – หรือถ้าใครมีพื้นที่เยอะหรือบ้านหลังใหญ่หน่อย ผมแนะนำให้ลองใช้วิธีนี้ก็ได้นะครับ เป็น เครื่องไล่นกระบบไฟฟ้า ใช้การเดินสายไฟออกจากตัวเครื่องไปตามแนวที่ต้องการไล่นก เป็นแนวระวังป้องกัน เพื่อกันนกไม่ให้เข้าพื้นที่ และเมื่อนกเข้ามาสัมผัสโดนแนวสายไฟ เครื่องไล่นกระบบไฟฟ้าก็จะปล่อยไฟฟ้าแรงดันสูงออกมาเป็นช่วงๆ ให้นกสะดุ้ง ตกใจรำคาญ จนต้องหนีไปอยู่ที่อื่น ภายในระบบไฟฟ้าไล่นกจะควบคุมการทำงานด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมอุปกรณ์ป้องกันหลายชั้น จึงปลอดภัยไม่เป็นอันตราย ที่ดีคือตัวเครื่องจะสามารถตั้งเวลาการทำงานได้ 24 ชม.  และควรมีระบบสำรองไฟให้ด้วย อายุการใช้งานประมาณมากกว่า 5 – 10 ปี ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษา ราคาประมาณ 26,500 บาท

ไล่หอยทากศัตรูพืชตัวฉกาจ

มาต่อกันที่สายทำสวนกันบ้าง ใครที่ปลูกต้นไม้ ดอกไม้เป็นประจำจะเข้าใจเลยว่า ทำไมเจ้าหอยทากถึงเป็นปัญหา และต้องมาหาวิธีแก้กับมัน เพราะหอยทากนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของพืชต่างๆ ธรรมชาติหอยทากจะวางไข่ตามซากใบไม้ และบริเวณที่มีความชื้นสูง มันจะกัดกินพืชต่างๆที่เราปลูกเอาไว้อย่างเอร็ดอร่อยเลยล่ะครับ และการแก้ปัญหากับสัตว์ที่มารบกวนพืชแบบนี้ก็ควรใช้วิธีที่ไม่เป็นอันตรายต่อพืชของเราด้วย จะเป็นอย่างไร ไปชมกันครับ

  • เก็บและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ – วิธีที่ง่ายที่สุดคือการเก็บไปทิ้งครับ ฟังดูแปลกใช่ไหม แต่มันมี Trick นะ เพราะเราต้องทราบเวลาที่จะเก็บด้วย รู้ไหมครับว่าหอยทากจะออกมาหากินตอนกลางคืน จะเห็นตัวมันได้ชัดและเก็บได้ง่าย ซึ่งให้เราเอามันไม่ทิ้งให้ไกลบ้านเลย และที่สำคัญอย่าลืมกำจัดซากใบไม้อยู่เสมอ ไม่ให้เกิดการหมักหมม พรวนดินบ่อยๆ และอย่ารดน้ำต้นไม้ช่วงค่ำๆ เพราะจะทำให้เกิดความชื้นสูง และยิ่งจะช่วยให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเจ้าหอยทากอย่างดีเลยล่ะ หรืออีกทางคือการปรับระบบนิเวศน์ ให้มีพวกสัตว์เล็ก ๆ ที่กินหอยทากเป็นอาหารเข้ามาในสวนด้วย เช่น คางคก กบ เต่า หรือจิ้งจก เพราะสัตว์เหล่านี้จะช่วยกำจัดหอยทากออกไปได้และไม่เป็นอันตรายต่อพืชครับ
  • เปลือกไข่ – การใช้เปลือกไข่ไม่ใช่นำไม้มาเสียบแล้วเอาเปลือกไข่คว่ำไว้นะครับ เห็นคนทำกันเยอะเหมือนกัน แต่การใช้เปลือกไข่ที่ถูกต้องคือการนำไปบดพอหยาบๆแล้วเอาไปโรยตามต้นที่โดนมันกัดกิน เพราะหอยทากเคลื่อนที่ด้วยการคลานไปกับพื้น และผิวหนังส่วนด้านใต้ตัวมันจะค่อนข้างอ่อนโยน ซึ่งเปลือกไข่บดจะทำให้มันระคายเคือง และไม่มารบกวนต้นไม้ต้นโปรดของคุณอีก
  • ปูนขาว – นอกจากผิวหอยทากจะอ่อนโยนแล้ว ยังแพ้ความเป็นด่างด้วยนะครับ  ดังนั้นเชื่อว่าถ้าพูดถึงความเป็นด่าง สิ่งที่มักจะเด่งขึ้นมาในหัวเป็นอันดับแรกๆคงไม่พ้น “ปูนขาว” วิธีการใช้งานก็ไม่ยากเลยครับ แค่นำไปโรยรอบๆต้นไม้เหมือนเปลือกไข่นั่นแหละครับ แค่นั้นเจ้าหอยทากก็จะไม่มารบกวนต้นไม้อีกแล้วล่ะครับ
  • เบียร์ – ลองเปลี่ยนวิธีที่นอกจากการโรยรอบต้นไม้กันบ้าง ทราบไหมครับว่าเราสามารถวางกับดักล่อเจ้าหอยทากนี้ได้ด้วยเบียร์ เพราะหอยทากชอบกลิ่นยีสต์ ให้เรานำถ้วย หรือจากที่มีหลุมกลางลึกหน่อย (ถ้าเป็นถ้วยให้ฝังในดินสำหรับมีพื้นที่ให้มันเดินมาหาหลุมได้) จากนั้นเทเบียร์ใส่ลงไป แล้วนำไปวางใกล้ๆแหล่งที่มีหอยทากอาละวาดอยู่ เมื่อหอยทากได้กลิ่นเบียร์แล้วจะคลานมาดื่ม แล้วจะจมลงไปในหลุมนั้น จากนั้นตอนเช้าเราก็เก็บไปทิ้งครับ

สัตว์ที่มารบกวนพื้นที่ภายในตัวบ้าน

 

วิธีไล่หนูง่ายๆด้วยตัวเอง แบบไม่ต้องฆ่า

เชื่อว่าหลายคนคงจะประสบกับปัญหานี้กันไม่น้อย หนูเป็นสัตว์ที่นำพาเชื้อโรคและสิ่งสกปรกมาสู่บ้าน และถ้ายิ่งถูกทำร้ายก็จะเป็นเรื่องใหญ่ ต้องไปฉีดยากันบาดทะยักกันอีกหลายเข็ม แต่การจะไปฆ่ามันก็คงไม่ใช่ทางออกที่ดี และเชื่อว่าหลายๆคนคงไม่อยากทำบาปทำกรรมกันหรอกครับ วันนี้ผมจะมานำเสนอวิธีไล่และป้องกันหนูด้วยตัวเองง่าย ๆ ที่ท่านผู้อ่านทุกท่านที่อยู่ทางบ้านสามารถทำกันเองได้ ลองไปชมกันครับ

  • ใช้ลูกเหม็น – วิธีการไล่หนูวิธีแรกที่ผมจะแนะนำ เป็นวิธีที่ค่อนข้างเห็นกันทั่วไป เพราะทั้งง่ายและได้ผลดี คือการใช้ลูกเหม็นนั่นเอง เอาง่าย ๆ เลยคือหนูไม่ชอบกลิ่นของลูกเหม็น เพราะมีความฉุน และส่งกลิ่นได้นาน ให้นำเอาลูกเหม็นไปวางในจุดที่พบเจอหนูบ่อย ๆ เช่น ถังขยะ ฝ้าเพดาน หรือมุมอับต่าง ๆ ภายในครัว ก็จะช่วยไล่หนูออกไปจากบริเวณนั้นได้และหนูเองก็จะไม่เดินไปบริเวณนั้นอีก ถ้าให้แนะนำก็นำไปวางตรงจุดที่มันเข้าออก หรือเป็นที่อยู่อาศัยของมันครับ เช่น พวกฝาท่อ และช่องรูต่างๆ ก็จะช่วยให้กำจัดมันไปได้ในระยะยาวกว่านะครับ
  • น้ำมันก๊าด – ถ้าเกิดใครลองวิธีแรกแล้ว คิดว่ากลิ่นของลูกเหม็นยังไม่เพียงพอ ให้ลองอัพเลเวลขึ้นมาเป็นน้ำมันก๊าดเลยครับ เพราะมีกลิ่นที่ฉุนและรุนแรงมากกว่าลูกเหม็นมาก  เพราะแม้แต่คนที่สูดดมเข้าไปมาก ๆ ก็ยังแอบวินเวียนศรีษะอยู่เหมือนกัน ไม่ต้องพูดถึงหนูตัวเล็ก ๆ เลยครับ แต่การใช้วิธีนี้ก็จะส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยของเราเองอยู่บ้างนะ เพราะอย่างที่บอกไปว่ามีกลิ่นค่อนข้างแรก แต่ถ้าจะเน้นประสิทธิภาพ วิธีนี้จัดว่าดีกว่าลูกเหม็น เพราะนอกจากกลิ่นที่รุนแรงกว่าแล้ว น้ำมันก๊าดยังสามารถเทตามซอก มุม และท่อต่าง ๆ ได้สะดวกกว่าลูกเหม็น วิธีใช้งานก็เหมือนกับลูกเหม็นเลยครับ เทไปในจุดที่มันชอบอยู่ เป็นที่อาศัยหรือทางเข้าออก เพียงเท่านี้ก็จะช่วยกำจัดหนูได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ข้อควรระวังในการใช้งานคือไม่ควรใช้ในบริเวณที่อาจมีประกายไฟ เช่น ห้องครัว บริเวณปลั๊กไฟต่างๆ มันค่อนข้างอันตรายติดไฟง่ายนะครับ
  • ต้นยี่โถ – อยู่ที่หมวดของการใช้กลิ่นกันต่ออีกหน่อย สำหรับใครที่ชอบปลูกต้นไม้อยู่แล้ว อาจจะลองปลูกต้นยี่โถไว้ในสนามหลังบ้าน สำหรับใช้กิ่งของต้นยี่โถนำไปวางไว้ตามจุดต่าง ๆ ได้เช่นกัน เพราะหนูเองก็ไม่ชอบกลิ่นของต้นยี่โถ อาจจะกลิ่นไม่แรงนักแต่ก็เป็นมิตรกับผู้อยู่อาศัย แต่ข้อเสียคืออาจจะต้องเปลี่ยนกิ่งบ่อยหน่อย เพราะกลิ่นจะจางไปกว่าพวกลูกเหม็นและน้ำมันก๊าด แนะนำให้ใช้ในกรณีที่หนูยังบุกบ้านไม่รุนแรงมากครับ
  • เลี้ยงแมว – วิธีการนี้อาจจะดูเหมือนเอาออกมาจากการ์ตูน Tom And Jerry นะครับ แต่จริงๆแล้วมันได้ผลพอสมควรเลย เพราะจะช่วยป้องกันหนูไม่ให้เข้ามาในบริเวณบ้านได้เป็นอย่างดี อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่า แมวเป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณในการล่า โดยเฉพาะเวลากลางคืนที่หนูชอบออกมาจากรังและที่ซ่อน ซึ่งที่จริงแมวสามารถจับได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น นก จิ้งจก หนู ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย การเลี้ยงแมวเอาไว้ภายในบริเวณบ้านก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะช่วยป้องกันไม่ให้หนูวิ่งเข้าไปในตัวบ้านได้ แต่ข้อเสียสำหรับคนที่เป็นทาสแมวคือ ตัวเจ้าเหมียวเองอาจจะได้รับความสกปรก หรือเราอาจจะต้องเห็นภาพที่ค่อนข้างจะรุนแรงในบ้านของเราด้วยนะ
  • ดูแลรักษาความสะอาด – วิธีสุดท้ายนี้เป็นวิธีที่ง่ายและดีต่อตัวเราเองที่สุด เพราะอย่างที่บอกไปว่าหนูเข้ามาบ้านเพราะบ้านเป็นแหล่งอาหารชั้นเลิศและมีความอบอุ่น สาเหตุหลักๆคือเศษอาหาร เพราะหนูรู้ว่าถ้ามาก็จะอิ่มท้องกลับไป มันก็มาอีกเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสิ่งที่เราทำได้ก็คือกำจัดแหล่งอาหารด้วยการดูแลรักษาความสะอาดให้ดี ไม่ให้มีเศษอาหารตกค้างอยู่ในห้องครัวหรือพื้นที่รับประทานอาหาร ทานไม่หมดก็เก็บเข้าตู้เย็น อย่าวางทิ้งไว้ข้ามคืน ถังขยะมีฝาปิดมิดชิด ไม่ส่งกลิ่น ทำความสะอาดอ่างล้างจานหลังใช้งานเสร็จ เช็ดจานชามให้เรียบร้อย อาจจะดูยุ่งยากหน่อยแต่จริงๆแล้วก็ดีกับตัวเราเอง เพราะเชื่อเถอะครับว่าแหล่งอาหารพวกนี้ไม่ได้มีแค่หนูเท่านั้นที่สนใจ

กำจัดยุงตัวพาหะนำโรคร้าย

ยุงเป็นสัตว์ที่เชื่อว่าทั้งบ้านและคอนโด (ส่วนมากจะเป็น Low Rise หรือคอนโดที่ชั้นไม่สูงมาก) ก็จะถูกรบกวนตลอด หลายคนคงจะไม่ชอบมากๆ เช่นเดียวกันกับส่วนตัวผมเองที่จะไม่ชอบเป็นพิเศษ เพราะเป็นคนไม่ตบยุง แล้วก็จะรำคาญเวลามันมากัดและมาตอม นี่ยังไม่พูดถึงการนำโรคร้ายต่าง ๆ มาด้วยนะครับ ดังนั้นถ้าไม่อยากให้มันมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับเรา ก็ต้องหาวิธีป้องกันและกำจัดแต่เนิ่น ๆ ครับ

  • กำจัดจุดที่น้ำขัง – คงเป็นอะไรที่ได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กโดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน ว่าให้กำจัดจุดที่น้ำขัง เช่น ขัน หม้อ ถ้วย หรือกะละมังที่หงายทิ้งไว้ เพื่อป้องกันไม่ได้ยุงมาวางไข่ หรือถ้าบางจุดจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีน้ำมาขังจริงๆ เช่นในกระถางต้นไม้ หรือสระบัว ผมมีข้อแนะนำเพิ่มเติมครับ สำหรับกระถางต้นไม้หรือภาชนะที่เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใส่น้ำ ให้ผสมกากกาแฟลงไป จะทำให้ยุงไม่มาวางไข่ครับ ส่วนสระบัวจะเล็กหรือใหญ่ก็ลองให้เลี้ยงปลาหางนกยูงดูครับ เจ้าพวกนี้จะคอยไปกินไข่ยุงลายตอนที่มันมาวางไว้ และจะไม่เกิดการขยายพันธุ์ของยุงลายจากช่องทางนี้ครับ
  • กระเทียม – ยุงเป็นสัตว์อีกชนิดที่มีจมูกไวต่อกลิ่น และไม่ชอบกลิ่นกระเทียม ดังนั้นให้เราบุบกระเทียมแล้ววางไว้ตามมุมอับต่างๆ เพราะยุงจะอยู่ในมุมมืดและอับ ลดการเข้ามาก่อนกวนในบ้านได้ในระดับนึง แต่วิธีนี้จะเหมาะกับพื้นที่เล็กๆซะมากกว่า เพราะถ้าต้องวางในบ้านหลังใหญ่คงต้องบุบกันทั้งตะกร้าเลยล่ะ
  • น้ำยาล้างจาน – เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถป้องกันการเข้าถึงของยุงได้ ยุงส่วนใหญ่จะมาทางท่อระบายน้ำ ให้เรานำน้ำยาล้างจานมาผสมกับน้ำเปล่า เทลงไปตามท่อระบายน้ำ จะช่วยป้องกันยุงบินขึ้นมาได้
  • เทียน – ทำเทียนเองไม่ใช่เรื่องยากนะครับ แล้วยิ่งเป็นการปรับบรรยากาศบ้านให้อภิรมย์ยิ่งขึ้นด้วย เริ่มด้วยการนำแว็กซ์ทำเทียนมาละลายแล้วใส่ในภาชนะที่ต้องการ จากนั้นก็ใส่กลิ่นที่เราต้องการ โดยใช้น้ำมันหอมระเหยที่มีคุณสมบัติป้องกันยุงนะครับ เช่น น้ำมันหอมละเหยกลิ่นตะไคร้, กลิ่นยูคาลิปตัส เป็นต้น คนให้เข้ากัน จากนั้นก็ใส่ไส้เทียน และรอให้จับตัวกันแข็ง ก็สามารถใช้งานได้แล้วครับ

แมลงสาบ

มาถึงสัตว์ที่ส่วนตัวผมนั้นไม่ชอบมากที่สุด และก็เชื่อว่ามีผู้อ่านไม่น้อยที่ไม่ชอบหรือถึงขั้นกลัวเจ้าแมลงสาบเหมือนผม ฮ่า ๆ แค่เดินไปมาก็วุ่นวายแล้ว ยิ่งตอนบินนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ พันธุ์ที่เรามักจะพบกันบ่อยในประเทศไทยจะเป็นแมลงสาบเยอรมัน หรือ เยอรมัน คอกโรช (German Cockroach) ที่ชอบอยู่อาศัยตามพื้นที่อับชื้นและมองหาเศษอาหารอยู่ตลอด ทำให้มักจะพบเจอในห้องครัว ห้องน้ำ หรือใครบางคนที่ชอบเอาอาหารเข้าไปทานในห้องนอนกันบ่อยๆแล้วไม่ทำความสะอาด ก็อาจจะตามไปถึงเตียงเลยก็ได้นะ มาลองดูกันว่าเราจะป้องกันและจัดการกับเจ้าพวกนี้กันยังไงดี

  • รักษาความสะอาด – วิธีที่ง่ายที่สุด เช่นเดียวกันกับกรณีของเจ้าหนูนั่นแหละครับ คือการทำความสะอาดครัวเป็นประจำด้วยสเปรย์ต่อต้านแบคทีเรีย กำจัดเศษอาหาร ดูแลขยะให้ดี อย่าเก็บไว้นาน หมั่นนำไปทิ้งบ่อยๆ กำจัดน้ำที่ขังเพราะเป็นสถานที่เพาะพันธุ์ของแมลงสาบ วิธีแรกนี้เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเลยนะครับ ถ้าหากเราสามารถทำตามนี้ได้ ก็จะไม่ต้องมานั่งปวดหัวหาวิธีอื่นๆมาจัดการกับพวกมันทีหลัง
  • น้ำสบู่และน้ำยาปรับผ้านุ่ม – ธรรมชาติของแมลงสาบจะไม่ชอบกลิ่นหอม จึงทำให้เราสามารถใช้จุดนี้ไปจัดการกับมันได้ แมลงสาบจะหนีและไม่ไปบริเวณนั้นอีก ยิ่งถ้าเป็นแมลงสาบตัวเล็กจะไม่สามารถหายใจได้เลย
  • ผงกรดบอริก – กรดบอริกหรือยาฆ่าเชื้อนั่นเอง ปกติเป็นยาที่มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา เป็นสารใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เป็นผลึกหรือผงสีขาว วิธีใช้งานคือนำไปโรยตามจุดที่อับชื้นหรือรอบๆเครื่องใช้ไฟฟ้า จากนั้นแมลงสาบจะตายสนิทเลยครับ หลังจากนั้นให้รีบทำความสะอาดและเช็ดออกนะ เพราะวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลค่อนข้างดีก็จริง แต่กรดบอริกก็อันตรายต่อผู้อยู่อาศัยเองด้วย อย่าให้ไปเลอะและปนเปื้อนกับเครื่องใช้ไฟฟ้านะครับ เพราะเป็นวัตถุที่ห้ามใช้ในอาหาร
  • ใช้การล่อ – เป็นอีกทางที่คนนิยมทำกัน เพราะมียาสำหรับฆ่าแมลงสาบมากมายหลายชนิดที่ทำออกมาในรูปแบบของอาหารที่แมลงสาบจะมารับประทาน แล้วก็ตายไปในที่สุด มีให้หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดครับ หรือจะทำกันเองก็ได้ ด้วยการผสมกรดบอริกเข้าไปกับแป้งทำขนมและน้ำตาลทรายในอันตรายส่วน 1 : 1 : 1 จากนั้นก็นำไปอบและนำไปโรยตามพื้นที่บริเวณที่มีความชื้น เศษอาหาร เช่นตามใต้ตู้ ครัว ต่างๆ จากนั้นก็รอดูผลงานกันได้เลยครับ แต่อย่างที่บอกไปว่าสารบอริกอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยรวมไปถึงสัตว์ด้วย ต้องระวังให้ห่างจากคนและสัตว์เลี้ยงในบ้านนะครับ

จิ้งจก

มาถึงสัตว์ตัวสุดท้ายของบนความนี้กันนะครับ อาจจะไม่ใช่สัตว์ที่นำพาโรคร้าย หรือสิ่งสกปรกมากนัก แต่เชื่อว่ามีหลายคนที่ไม่ชอบและถึงขั้นกลัวกันอยู่ก็มี ดังนั้นวันนี้จะรวบรวมวิธีการไล่จิ้งจกออกจากบ้านและคอนโดแบบง่ายๆไม่ต้องฆ่าให้บาปกรรม มาให้ชมกันครับ ไปดูกันเลย

  • หัวหอมและสมุนไพรกลิ่นฉุน – เริ่มต้นเลยคือจิ้งจกเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบกลิ่นฉุน ให้เราใช้หอมหัวใหญ่หรือหอมแดงหั่นกลาง จากนั้นให้นำด้านในของหัวหอมไปทากับบริเวณที่จิ้งจกชอบอยู่ เช่นกำแพง ใกล้หลอดไฟ แน่นอนว่าถ้ามันได้กลิ่นหัวหอมแล้ว จะต้องหนีแน่นอนครับ นอกจากหัวหอมเองก็มีสมุนไพรอื่นๆที่ส่งกลิ่นฉุนเช่น ใบยี่โถที่ขยำให้มีกลิ่นออก หรือใบสาบเสือและใบน้อยหน่าที่นำมาตำให้แตก ก็จะใช้ไล่จิ้งจกได้เช่นกันครับ
  • เปลือกมะนาว – นอกจากกลิ่นฉุนแล้ว ยังใช้ความเป็นกรดไล่มันได้ด้วยนะครับ เพราะผิวของจิ้งจกเองด้านในที่สัมผัสกับกำแพงจะค่อนข้างบอบบาง วิธีการใช้ก็ให้นำเปลือกมะนาวที่เพิ่งใช้ หลังจากบีบน้ำออกไปแล้ว มาทาที่ตำแหน่งที่จิ้งจกชอบอยู่ เช่นผนัง เพดาน ใกล้หลอดไฟ เท่านี้ก็จะสามารถไล่จิ้งจกได้แล้วครับ
  • การบูรหรือลูกเหม็น – นอกจากจะนำไปทาผนังหรือเพดานแล้ว ก็ยังมีวิธีอื่นด้วยนะครับ จริงๆคือหลักการเดียวกันกับสองข้อแรก คือการใช้กลิ่นของการบูรหรือลูกเหม็นนั่นเอง แต่รอบนี้เราไม่ต้องทาแล้วนะครับ ให้นำไปวางใกล้ๆ หรือถ้าแขวนได้ก็จะดีเลย ซึ่งกลิ่นของทั้งสองสิ่งนี้ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ด้วย
  • เปลี่ยนหลอดไฟและปิดหน้าต่างให้ดี – วิธีสุดท้ายที่จะแนะนำเป็นวิธีการลดแหล่งอาหารของพวกมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เรียกจิ้งจกมาเกาะตามผนังใกล้หลอดไฟ เพราะหลอดไฟนั้นจะล่อแมลงเข้ามาภายในบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วที่แมลงชอบมาตอมจะเป็นหลอดไฟสีขาวที่เปิดตอนกลางคืน วิธีลดแมลงก็คือเปลี่ยนให้เป็นหลอด Warm White ที่เป็นสีส้ม ก็จะไม่ดึงดูดให้แมลงเข้ามาภายในบ้าน อีกอย่างคือการเช็คประตูและหน้าต่างให้แน่ใจว่าปิดสนิท เพื่อลดช่องทางการเข้ามาของแมลงด้วยเช่นกันครับ

สุดท้ายนี้ผมรวบรวมวิธีต่างๆในการจัดการสัตว์รบกวนบ้านเหล่านี้มาให้โดยที่ต้องบอกก่อนนะครับ ว่าทั้งหมดไม่ได้เป็นวิธีที่ตายตัวที่จะสามารถการันตีว่าจะได้ผล 100% เพราะมีปัจจัยภายนอกอื่น ๆ เป็นปัจจัยด้วย ทั้งเรื่องสถานที่, ชนิดของสัตว์ต่าง ๆ และอื่นๆ แต่เรื่องที่จะสามารถมั่นใจได้ก็คือการดูแลและจัดการบ้านให้สะอาด เรียบร้อย เพื่อลดต้นเหตุของการที่มีสัตว์รบกวน


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving