เข้าสู่ฤดูฝนกันอีกแล้วนะคะ ปีนี้เป็นปีที่มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่เรียกได้ว่าน้องๆปี 2554 ที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้มีผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมกันไปแล้วถึง 12 จังหวัด ใกล้ๆกรุงเทพฯ อย่างสมุทรปราการ ก็ได้เห็นภาพน้ำท่วมไปถึงครึ่งคันรถเลยทีเดียว พอฝนตกหนักๆทีไรแอบหวั่นใจว่าน้ำจะท่วมเข้าบ้านเราหรือเปล่า ยิ่งใครที่อาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมบ่อยๆอยู่แล้วยิ่งควรวางแผนรับมือให้ทันท่วงทีเลยค่ะ

วันนี้เลยได้รีบมาแนะนำวิธีการ ‘เตรียมบ้าน’ เพื่อรับมือกับปัญหาน้ำท่วม ให้เพื่อนๆได้มีเวลาเตรียมกันได้ทันท่วงที ให้เพื่อนๆสามารถหาซื้อมาเตรียมไว้ได้สะดวก เป็นวัสดุที่หาง่ายทั่วไป ซึ่งจะมีทั้งวิธีการป้องกันและชะลอน้ำท่วมเข้าพื้นที่ภายในบ้าน การอุดรอยรั่ว ดูแลงานระบบต่างๆ ไม่ให้น้ำไหลผุดเข้าบ้านผ่านทางท่อ และดูแลระบบไฟฟ้าอย่างไรให้ปลอดภัย

 

ปัญหาน้ำท่วม ทำให้เกิดความเสียหายอะไรบ้าง ?

ใครที่เคยเจอน้ำท่วมกันมาแล้วคงทราบดีว่าน้ำท่วมแต่ละครั้งสร้างความเสียหายได้มากขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ต้องทำความสะอาดทุกพื้นที่ที่น้ำท่วมแล้ว ยังส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินตามมาอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าพัง บัวพื้น สีผนังลอกร่อน มีเชื้อรา เกิดความเสียหายต่องานระบบไฟฟ้า บานประตู หน้าต่างเสียหาย ฯลฯ สามารถสรุปเป็นหัวข้อใหญ่ๆให้พิจารณาได้ ดังนี้

  • ภายในบ้านเสียหายไม่ว่าจะเป็นพื้น บัว ประตู หน้าต่าง ผนัง
  • งานระบบสุขาภิบาล ระบบไฟฟ้าขัดข้อง
  • เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย
  • ความสกปรก คราบน้ำขัง

กลับมาเจอสภาพบ้านหลังน้ำท่วมแต่ละทีก็แทบลมจับดังนั้น กันไว้ดีกว่าแก้นะคะ ซึ่งจะมีวิธีการป้องกันอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ

 

วิธีการเตรียมบ้านเพื่อรับมือกับ ‘น้ำท่วม’

ก่อนอื่นถ้าบ้านใครที่เจอกับน้ำท่วมเป็นประจำ หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมแนะนำให้เตรียมเครื่องสูบน้ำมาเป็นตัวช่วยด้วยนะคะ เผื่อเวลาที่น้ำระบายออกไม่ทันก็สามารถสูบออกเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับตัวบ้านได้

หลักการของการติดตั้งเครื่องสูบน้ำคือเมื่อน้ำท่วมด้านนอกบ้าน ให้ปิดวาล์วน้ำที่เชื่อมต่อกับท่อระบายน้ำสาธารณะเพื่อไม่ให้น้ำย้อนเข้ามาภายในท่อระบายน้ำของเราได้ (ถ้าไม่มีวาล์วน้ำให้ทำตามขั้นตอนที่ 2 วางแผนป้องกันน้ำผุดภายในบ้านผ่านระบบประปา) และเมื่อมีน้ำเข้ามาภายในพื้นที่บ้านของเราให้สูบน้ำออกด้านนอก ดังรูป ส่วนเครื่องสูบน้ำนั้นมีให้เลือกตั้งแต่หลัก 3 พันจนถึงหลักหมื่นขึ้นอยู่กับกำลังในการสูบและยี่ห้อนะคะ

หลังจากซื้อเครื่องสูบน้ำเตรียมไว้เรา ต่อมาเพื่อรับมือกับน้ำท่วมมีสิ่งที่ควรคำนึงถึง 6 ข้อด้วยกัน ตามไปเช็คกันที่ละจุดได้เลยค่ะ

 

1 การป้องกันและชะลอน้ำท่วม

ความเสียหายหลังน้ำท่วมบางอย่างเราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อย่างเช่นความสกปรกที่มากับน้ำ และการลอกร่อนของพื้นและบัวพื้นที่อาจหลุดลอกออกมาหากเกิดเหตุการณ์น้ำขังนานๆ ดังนั้นวิธีการป้องกันก็คือพยายามให้น้ำท่วมเข้ามาในพื้นที่บ้านได้น้อยที่สุด หรืออย่างน้อยก็ทำให้น้ำเข้ามาภายในบ้านของเราช้าที่สุด จนเราสามารถสูบออกได้ทันก่อนเกิดความเสียหายนั่นเองค่ะ

  • วิธีที่ 1 กระสอบทรายกันน้ำ

กระสอบทรายเป็นไอเทมพื้นฐานในการกันน้ำท่วมเลยค่ะ เพราะสามารถหาซื้อได้ง่ายราคาไม่แพง หรือสามารถทำเองได้เลย  โดยจะต้องมัดถุงให้แน่นจนทรายไม่สามารถไหลออกมาได้

เทคนิคในการวางก็คือวางกระสอบทรายให้กันพื้นที่รอบบ้าน ห่างจากตัวบ้านมากกว่า 2 เมตร เพื่อให้สามารถสังเกตจุดรั่วได้ง่าย หรือถ้าวางชิดกับรั้วได้ยิ่งดีเลยค่ะ การเรียงให้วางทับกันเป็นเหมือนเนินพีระมิด เพื่อความมั่นคงและทนแรงดันของน้ำได้ ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่สูงมากนัก แต่ช่วยกันและชะลอน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

  • วิธีที่ 2 กำแพงกันน้ำ

กำแพงกันน้ำสามารถทำได้หลายวิธีค่ะ ถ้าต้องการความสะดวกรื้อถอนง่ายไม่ยุ่งยากแนะนำให้ใช้บานเหล็ก หรือบานไม้ที่มีความแข็งแรงมาปิดพื้นที่รอบบ้านที่มีช่องว่างทั้งหมด โดยทำเสาค้ำยันที่มีความแข็งแรงให้สามารถรองรับแรงดันน้ำได้ และเชื่อมต่อรอยต่อต่างๆของบ้านด้วยซิลิโคนหรือดินน้ำมันค่ะ ซึ่งข้อดีคือสามารถเลือกแผ่นเหล็กขนาดใหญ่กันน้ำท่วมที่มีความสูงในระดับหนึ่งได้ แต่วิธีนี้อาจจะเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อบานเหล็กมากั้นสักหน่อยนะคะ

อีกวิธีหนึ่งในการทำกำแพงก็คือก่อกำแพงด้วยอิฐ โดยจะเลือกเป็นอิฐมอญ หรืออิฐมวลเบาก่อนใหญ่ๆ แบบไหนก็ได้ค่ะ นำมาเรียงซ้อนกันให้มีความแข็งแรงอาจจะใช้กระสอบทรายช่วยค้ำและอุดรอยต่อไปในตัว ซึ่งควรเพิ่มประสิทธิภาพของกำแพงอิฐด้วยการคลุมแผ่นพลาสติก หรือผ้าใบก่อนจะวางทับด้วยถุงทรายด้านล่าง และติดแทปให้แผ่นพลาสติกไม่เลื่อนหลุดได้ง่าย ข้อดีคือหาวัสดุได้ง่าย แต่อาจจะก่อได้ไม่สูงมากนัก

ทั้ง 2 วิธีนี้เพื่อความชัวร์เพื่อนๆที่กั้นตรงส่วนรั้วแล้ว ถ้าวัสดุยังเหลือแนะนำให้กั้นกำแพงกันน้ำอีกชั้นหนึ่งบริเวณรอบบ้าน เพื่อชะลอเวลาให้สามารถสูบน้ำที่อาจไหลมาตามรอยต่อ หรือจากฝนที่ตกลงมาได้ทันท่วงที

 

2 วางแผนป้องกันน้ำผุดภายในบ้านผ่านระบบประปา

นอกจากน้ำที่สามารถไหลเข้ามาจากภายนอกได้แล้ว ในภาวะน้ำท่วมมักเกิดเหตุการน้ำผุดเข้ามาภายในบ้านจากการที่ระดับน้ำภายนอกสูงขึ้น ทำให้น้ำไหลย้อนเข้ามาตามท่อระบายน้ำชั้น 1 ซึ่งเป็นธรรมชาติของน้ำที่จะรักษาระดับเดียวกัน ซึ่งสามารถป้องกันได้ 2 วิธีค่ะ

  • วิธีที่ 1 วัสดุอุด/ทับท่อระบายน้ำ

ถ้าน้ำขึ้นไม่สูงมากเราสามารถใช้กระสอบทรายกดทับท่อระบายน้ำ หรือใช้ผ้า, กระดาษหนังสือพิมพ์ขยำให้แน่นและอุดท่อได้ค่ะ แต่วิธีนี้มักทนแรงดันน้ำได้ไม่มาก ถ้าคิดว่าน้ำอาจขึ้นสูงแนะนำให้ใช้วิธีที่ 2 แทน

  • วิธีที่ 2 ใช้ท่อ PVC 

เลือกใช้ท่อ PVC ขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 นิ้วมาต่อครอบท่อระบายน้ำต่อให้สูงกว่าระดับน้ำที่ท่วม เผื่อความสูงไว้ในกรณีท่วมหนักได้เลยค่ะ อุดรอยต่อด้วยซิลิโคน วิธีนี้จะทำให้ระดับน้ำดันสูงขึ้นมาตามท่อจนเท่ากับระดับน้ำที่ท่วมด้านนอก โดยไม่ไหลทะลักเข้ามาภายในบ้าน และไม่ต้องใช้น้ำหนักกดทับจำนวนมากอีกด้วย

 

3 ป้องกันน้ำไหลเข้าบ้าน อุดรูรั่วระหว่างประตู หน้าต่าง

ถ้าน้ำไหลเข้ามาภายในพื้นที่ของบ้านได้ และมีโอกาสจะไหลเข้ามาในบ้าน ให้เราเตรียมอุดรอยต่อระหว่างประตูหน้าต่าง เพื่อให้น้ำเข้ามาทำความเสียหายกับบ้านได้น้อยที่สุด ซึ่งสามารถเลือกทำได้ 2 วิธีตามความเหมาะสมนะคะ

  • วิธีที่ 1 อุดรอยต่อด้วยดินน้ำมัน

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็ว โดยการใช้ดินน้ำมัน หรือดินเหนียวในการอุดรอยต่อระหว่างประตูหน้าต่าง มีข้อดีคือเมื่อน้ำลดแล้วเราสามารถขูดออก และทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เกิดความเสียหาย แต่ก็มีข้อจำกัดคือระยะเวลาการใช้งานไม่นาน และทนแรงดันน้ำได้ไม่มากค่ะ

  • วิธีที่ 2 กำแพงกันน้ำ

วิธีนี้จะเหมือนกับการทำกำแพงกันน้ำภายนอกเลยค่ะ โดยเลือกใช้แผ่นกระดาน แผ่นพลาสติก หรือแผ่นเหล็กในการปิดรอยต่อประตูหน้าต่าง เชื่อมด้วยซิลิโคน กาวกันน้ำหรือยิงตะปูเข้ากับผนังเพื่อความแข็งแรง โดยจะต้องเผื่อพื้นที่ทากาวที่ยึดติดกับผนังเยอะหน่อยนะคะ มากกว่า 10 เซนติเมตรยิ่งดีค่ะ วิธีนี้ข้อดีคือสามารถกันน้ำท่วมสูงได้มีความแข็งแรง แต่ก็จะต้องแลกกับการรื้อถอนที่ยากขึ้นด้วยค่ะ

 

4 วิธีป้องกันน้ำซึมเข้าผนังทำให้เกิดสีลอกร่อน

ถ้าพื้นที่ไหนเกิดน้ำท่วมขังเป็นเวลานานอาจทำให้ผนังปูนชื้น เกิดความเสียหายต่อสี Wallpaper และบัวพื้นได้ ต้องบอกกันตามตรงนะคะว่าปัญหานี้แก้ได้ค่อนข้างยาก และยังพอมีวิธีที่ช่วยลดความเสียหายที่ผนังได้ โดยการทาสีทากันน้ำ กันเชื้อรา หรือใช้แผ่นพลาสติก ผ้าใบห่อหุ้มผนังไว้ แปะด้วยเทปกาวที่มีความเหนียว (แลคซีน) ปิดทับตั้งแต่พื้นไปจนถึงขอบแผ่นพลาสติก แม้อาจไม่ได้ช่วยกันได้ 100 % แต่อาจจะช่วยลดความเสียหายจากน้ำท่วมระยะสั้นได้บ้างค่ะ

ระบบไฟฟ้าเป็นระบบที่เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมสามารถเกิดอันตรายถึงชีวิตได้เลยนะคะ มีความอันตรายมากๆ ดังนั้นของแบ่งวิธีการใช้ไฟฟ้าออกเป็น 3 ช่วงตามคำแนะนำของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ดังนี้

  • ก่อนเกิดน้ำท่วม

เมื่อรู้ว่าน้ำกำลังจะท่วมสูงก่อนย้ายออกจากบ้าน หรือย้ายขึ้นชั้น 2 ให้สับสวิตช์ไฟหลักของบ้านเพื่อตัดกระแสไฟฟ้า พร้อมกับย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าขึ้นที่สูง ผู้เขียนคิดว่าควรหาจุกยางกันน้ำหรือเทปปิดเต้ารับทั้งหมดด้วย เพื่อเป็นการป้องกันน้ำไหลเข้าไปด้วยค่ะ

  • ขณะน้ำท่วม

ในเวลาที่น้ำท่วมแล้วห้ามใช้ปลั๊กไฟและสวิตช์ไฟที่น้ำท่วมถึงโดยเด็ดขาด และไม่ควรสัมผัสสวิตช์และปลั๊กไฟขณะตัวเปียกด้วยนะคะ สำหรับบ้านชั้นเดียวที่น้ำท่วมแล้วควรงดใช้ไฟฟ้าเด็ดขาด และอพยพออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย ส่วนบ้าน 2 ชั้นควรมีสวิตช์ไฟแยกแต่ละชั้น และปลดเบรกเกอร์ตัดกระแสไฟฟ้าชั้นล่าง

  • หลังน้ำท่วม

เมื่อน้ำลดลงแล้วไม่ควรใช้ไฟฟ้าเลยในทันที ควรให้ช่างไฟฟ้าตรวจสอบกระแสไฟว่ามีไฟรั่วไหม ระบบใช้งานได้ปกติหรือไม่ ให้มั่นใจก่อนการใช้งานจริงค่ะ

 

6 ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า

สุดท้ายถ้าไม่อยากให้เฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย อย่าลืมขนย้ายสิ่งของที่จำเป็นและเสียหายได้จากน้ำท่วมขึ้นที่สูง หรือย้ายขึ้นชั้น 2 ของบ้านเพื่อความชัวร์ได้เลยค่ะ ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องเสียเงินซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทั้งชั้นเลยก็เป็นได้นะคะ

 


เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับวิธีการเตรียมบ้านเพื่อรับมือกับน้ำท่วม หวังว่าเพื่อนๆจะสามารถนำไปเลือกใช้ให้เหมาะกับบ้านได้สะดวกนะคะ แต่ถ้าใครที่ประสบกับปัญหาน้ำท่วมอยู่ละก็ เรามี วิธีการตรวจสอบและซ่อมแซมหลังบ้านน้ำท่วมด้วยตัวเอง มาฝากกันด้วยค่ะ

ใครมีข้อเสนอแนะหรืออยากแชร์ประสบการณ์น้ำท่วมให้เพื่อนๆ ให้รับมือกันไว้ก่อนล่วงหน้า สามารถ Comment บอกกันได้ด้านล่างนี้เลย ถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารจาก ThinkofLiving ก็ Add LINE Official Account ได้เลย >> https://lin.ee/svACOxc