คุณผู้อ่านใช้รถรุ่นอะไรกันอยู่ครับ? ผมเชื่อว่าหลายๆคนทราบอยู่แล้วว่ารถยนต์แต่ละรุ่น มีขนาดและความกว้างที่แตกต่างกันออกไป แล้วรถที่คุณมีอยู่สามารถจอดรถในทาวน์โฮมที่คุณอาศัย หรือกำลังจะซื้อใหม่ได้พอหรือป่าว? ซึ่งคำว่า “พอ” ของผมในที่นี้ ไม่ได้จอดรถได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องหมายถึง “เพียงพอต่อการใช้งาน” เวลาขึ้น-ลงได้สะดวกด้วยนะครับ
ซึ่งก่อนจะเข้าสู่เนื้อหา ผมมีเรื่องสั้นๆอยากจะเล่าให้ฟัง คือเพื่อนผมคนหนึ่งเพิ่งไปซื้อทาวน์โฮมมา แล้วเค้ามีรถส่วนตัว 2 คัน (ของตัวเอง+แฟน) จริงอยู่ที่ว่าเค้าสามารถจอดรถ 2 คันได้พอดีครับ แต่ไม่สามารถเปิดประตูลงจากรถได้สะดวก เพราะรถรุ่นที่เค้าใช้อยู่นั้นมีขนาดใหญ่ และไม่สัมพันธ์กับขนาดหน้ากว้างของทาวน์โฮมที่ซื้อมานั่นเอง
ทีนี้ทุกคนคงจะเห็นภาพมากขึ้นนะครับ ว่าเรื่องนี้ “เป็นปัญหาสำคัญ” ยังไง ซึ่งสำหรับคนที่ซื้อไปแล้วและถามว่า มีวิธีแก้ไขหรือไม่…ผมตอบได้เลยว่า “ไม่มี” เพราะเราไม่สามารถทำให้หน้ากว้างของหน้าบ้านเพิ่มขึ้นได้ คุณคงต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง “หาบ้านใหม่ที่จอดรถของเราได้ แต่อาจถูกใจน้อยลง กับต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ เพื่อที่จะได้อยู่บ้านที่เราชอบ”
…หรือ !! เราสามารถป้องกันปัญหานี้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ หากเรารู้จักขนาดของ “หน้ากว้างทาวน์โฮม” และ “ความกว้างของรถแต่ละรุ่น” จะเป็นอย่างไรบ้างไปชมกันครับ
ขนาดและหน้ากว้างของทาวน์โฮม
จากการรวมรวมข้อมูลทาวน์โฮมที่ ThinkofLiving เคยทำรีวิวมากว่า 50 โครงการ พบว่าทาวน์โฮมที่มีอยู่ในท้องตลาดนั้น มีหน้ากว้างที่หลากหลายมากครับ ตั้งแต่ความกว้างขั้นต่ำตามกฎหมาย 4 m. ไปจนถึง 10 m. เลยก็มี โดยแต่ละความกว้างที่แตกต่างกันก็จะทำให้มีจำนวนที่จอดรถที่ต่างกันออกไปด้วย (ซึ่งมีพรบ. ควบคุมอาคารปี 2522 ฉบับปรับปรุง 2558 ระบุว่า ช่องจอดรถขั้นต่ำต้องมีขนาดอย่างน้อย 2.4 x 5 m.) จึงทำให้ทาวน์โฮมแต่ละขนาดสามารถจอดรถได้ดังต่อไปนี้
- ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 4 m. : จะสามารถจอดรถได้เพียง 1 คันเท่านั้น ซึ่งอาจมีพื้นที่ด้านข้างรถอีกหน่อย พอจะให้ปลูกต้นไม้กระถางเล็กๆ หรือใช้จอดรถมอไซค์เพิ่มอีกสักคันก็ได้ครับ
- ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5 – 5.7 m. : เป็นช่วงระยะที่พบเจอได้ค่อนข้างบ่อย และเป็นที่นิยมในท้องตลาดมากๆ ซึ่งจะสามารถจอดรถได้ตั้งแต่ 1 – 2 คัน ขึ้นอยู่กับการออกแบบและ Concept ของโครงการนั้นๆ
- ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 6 – 7 m. : ส่วนใหญ่ระยะนี้เราจะเจอเป็นแบบ 2 ที่จอดรถเป็นหลักครับ เนื่องจากตัวบ้านที่ใหญ่และอาจมีสมาชิกครอบครัวหลายคน สามารถเผื่อการใช้งานรถคนละคันไปเลยได้นั่นเอง
- ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 8 – 10 m. : เป็นระยะความกว้างที่สามารถจอดรถได้สูงสุด 3 คันเลยครับ แต่ก็มีบางโครงการที่ออกแบบมาให้มี 2 ช่องจอดได้แบบสบายๆไม่ต้องเบียดกัน และจะไปเน้นพื้นที่ใช้สอยในบ้าน หรือเพิ่มพื้นที่สีเขียวแทนนั่นเอง (ซึ่งก็แล้วแต่คนชอบ)
1. ระยะจอดรถที่ใช้งานได้จริง : การวัดหน้ากว้างของทาวน์โฮมโดยทั่วไป จะเริ่มวัดกันที่ขอบเขตของแปลงที่ดิน ซึ่งก็จะกินพื้นที่เข้าไปในเสาหรือกำแพงบ้าน (ที่ปกติจะมีขนาด 20 cm.) โดยถ้าวัดที่จุดกึ่งกลางของกำแพงระหว่างตัวบ้านที่อยู่ติดกัน แสดงว่าผนังจะกินระยะของที่จอดรถด้านละ 10 cm. (รวมเป็น 20 cm.) และอาจต้องเผื่อระยะบานพับประตูเวลาเปิดใช้งานด้วยนะครับ
ดังนั้น สมมุติบ้านหน้ากว้าง 5 m. จะมีระยะใช้งานได้จริง = 5 m. – 0.2 m. – ระยะบานพับประตูรั้ว
2. ระยะเปิดประตูข้างรถ : ข้อนี้ผมได้ทดลองกับระยะต่างๆมาให้ทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน พร้อมกับถ่ายรูปประกอบมาให้ด้วย ซึ่งจะมีผลต่อการใช้งานอย่างไรบ้างไปชมกันครับ
- ขอเริ่มที่ระยะ 60 cm. ตามหลัก Human Scale เป็นระยะที่สามารถใช้งานได้สะดวกที่สุดครับ ซึ่งประตูสามารถเปิดออกได้กว้างมากพอ ที่ผู้ชายตัวใหญ่ๆจะลงได้ง่ายๆ หรือจะขนสัมภาระลงมาด้วยก็สบาย ส่วนเวลาเดินอยู่ข้างรถก็ไม่จำเป็นต้องเดินเอี้ยวตัวเลยด้วยครับ
- ต่อมาเราลองขยับรถแคบลงให้เหลือระยะ 50 cm. ก็พบว่ายังคงเป็นระยะที่ผู้ชายตัวใหญ่ยังพอจะใช้งานได้อยู่ เพียงแต่เวลาออกจากประตูหรือเดินอยู่ข้างรถ ก็อาจต้องใช้ด้านข้างของลำตัวเข้าช่วยเพื่อให้ผ่านได้ง่ายขึ้น และแน่นอนว่าเวลาขนของลงจากรถก็จะลำบากหน่อย เพราะประตูก็เปิดได้แคบลง แต่ถ้าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆก็ยังสามารถใช้งานได้ปกติอยู่นะ
- ถัดมาที่ระยะ 40 cm. รอบนี้ลองเปลี่ยนให้ผู้ใช้งานจริงเป็นผู้หญิงบ้าง ระยะนี้ผมมองว่าแคบเกินไปสำหรับการใช้งานครับ ขนาดผู้หญิงตัวไม่ใหญ่มากก็ยังต้องเบี่ยงตัวด้านข้างเพื่อลงจากรถเลย แต่หากที่จอดรถทาวน์โฮมบ้านใครไม่มีทางเลือกจริงๆ ระยะนี้ก็พอจะถูๆไถๆไปได้ครับ (อาจจะอึดอัดและขนของได้ลำบากอยู่สักหน่อยนะ)
- ระยะ 30 cm. เป็นระยะที่แคบสุด ดูแล้วไม่สามารถออกจากรถแบบปกติได้แล้วครับ ถึงกับต้องดันตัวขึ้นเพื่อปีนข้ามออกมาเลยทีเดียว (ติดสะโพก) ดังนั้นผมจึงไม่แนะนำให้ใช้ระยะนี้นะครับ อีกทั้งยังไม่ปลอดภัยทั้งตัวรถและผู้ใช้งาน เพราะประตูด้านข้างจะโดนเบียดกับรถหรือกำแพงทางด้านข้างทำให้เกิดรอยและบุบได้ หรือผู้ใช้งานต้องพยายามดันตัวเองออกจากรถอาจะทำให้ร่ายกายบาดเจ็บได้ครับ
3. ขนาดความกว้างของตัวรถ : รถแต่ละรุ่นก็มีขนาดความกว้างที่แตกต่างกันออกไป ยิ่งรถหรูๆใหญ่ๆ ภายในนั่งสบายก็จะยิ่งกว้างมากขึ้น ซึ่งแปรผันตามราคาและ Segment ของกลุ่มรถยนต์ ก็เหมือนกับ Segment ของบ้านเนี่ยแหละครับ แต่ความชอบของคนเราก็ห้ามกันไม่ได้เนาะ โดยเฉพาะคุณผู้ชายอย่างเราๆ
…เพราะเพื่อนผมหลายคนที่อยู่บ้านหรือคอนโด 2 – 3 ล้านแบบทั่วไป แต่จัดเต็มรถยนต์ส่วนตัวเป็น Benz หรือ BMW ราคา 3 – 5 ล้านก็มี (แพงกว่าบ้านอีก) งั้นเราไปดูกันดีกว่าครับว่า รถแต่ละรุ่นมีขนาดเท่าไหร่กันบ้าง เพื่อที่เราจะนำมาใช้ในการคำนวณได้นั่นเอง
จากตารางนี้ผมได้รวบรวมขนาดของรถยนต์แต่ละรุ่นที่เป็นที่นิยมในท้องตลาด และได้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ตามขนาดความกว้างของตัวรถที่เกาะกลุ่มกัน (ไม่ได้แบ่งตาม Segment ของรถนะครับ) โดยจะใช้เกณฑ์ดังนี้
- กลุ่ม A : ความกว้างไม่เกิน 1.69 m.
- กลุ่ม B : ความกว้าง 1.70 – 1.79 m.
- กลุ่ม C : ความกว้าง 1.80 – 1.89 m.
- กลุ่ม D : ความกว้าง 1.90 m. ขึ้นไป
ซึ่งผลปรากฏว่า รถกลุ่ม C เป็นประเภทรถที่มีมากที่สุดในท้องตลาด โดยเฉพาะขนาดความกว้าง 1.80 และ 1.84 เมตร รองลงมาคือ รถกลุ่ม B ขนาดความกว้าง 1.77 และ 1.70 เมตรตามลำดับ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็ลองมาดูกันดีกว่าครับว่า ขนาดความกว้างของรถแต่ละกลุ่มจะเหมาะกับทาวน์โฮมแบบไหนบ้าง
ลองคำนวณขนาดรถเทียบกับหน้ากว้างทาวน์โฮม
เริ่มต้นที่ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5 m. ผมได้ลองให้รถขนาดเล็กที่สุดอย่าง Suzuki Celerio ที่กว้าง 1.6 m. จอดภายในบ้านที่มีระยะจอดจริง 4.8 m. แล้วก็พบว่า เราจะเหลือระยะข้างรถด้านละ 53 cm. ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั้งผู้ชายและผู้หญิงนะครับ แต่หากจอดรถคันใหญ่ๆขึ้นมาหน่อย ก็จะมีระยะใช้งานที่แคบลงมา ซึ่งถ้าต่ำกว่า 50 cm. ผมมองว่าผู้ชายตัวใหญ่ๆ ก็อาจจะใช้งานได้ไม่ค่อยสะดวกแล้วนะครับ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงใช้ก็ยังไม่ค่อยมีปัญหานะ
ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5.5 m. (ระยะจอดจริง 5.3 m.) สามารถจอดรถได้หลากหลาย ตั้งแต่ขนาดเล็กของกลุ่ม A ไปจนถึงรถขนาดกลางของกลุ่ม C แต่ถ้าต้องการจอดรถขนาดใหญ่อย่าง Mercedes – Benz E-Class , Honda Accord , BMW Series 5 และ Volvo S90 รถอีกคันที่จอดคู่กันอาจจะต้องเป็นคันที่ไซส์เล็กๆหน่อยนะครับ จะได้มีระยะเหลือให้ใช้งานได้สะดวก
ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5.7 m. (ระยะจอดจริง 5.5 m.) สามารถจอดรถได้ทุกขนาดที่ผมยกตัวอย่างมาเลยครับ และมีระยะข้างรถที่ใช้งานขึ้น-ลงได้สะดวกมากๆ เหมาะกับคนที่อาจมีรูปร่างใหญ่ หรือผู้สูงอายุที่อาจจำเป็นต้องเปิดประตูกว้างๆสักนิด และมีอุปกรณ์หรือคนช่วยพยุงตัวนั่นเอง
ซึ่งทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5.5 และ 5.7 m. (ระยะจอดจริง 5.3 – 5.5 m.) จัดเป็นที่นิยมมากที่สุดในท้องตลาดปัจจุบันอีกด้วยนะ ส่วนทาวน์โฮมที่มีระยะกว้างมากกว่านี้ ก็จะมีพื้นที่เหลือเฟือให้จอดรถได้สบาย แต่ถ้าเป็นการจอดแบบ 3 คัน ก็อย่าลืมลองใช้วิธีคำนวณอย่างที่ผมยกตัวอย่างให้ดูได้นะครับ
อย่าลืมคิดถึงความลึกของที่จอดรถด้วย!!
นอกจากความกว้างของตัวรถแล้ว “ความยาว” ก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กันครับ โดยเฉพาะรถกลุ่มประเภท B-SUV , PPV และ รถกระบะ รวมถึงรถซีดานในกลุ่ม C และ D-Segment ที่เป็นรถขนาดใหญ่ และมีความยาวมากกว่ารถยนต์ปกติ (ประมาณ 5 m. หรือมากกว่า) สิ่งที่เราต้องคำนึงถึงก็คือ “ความลึกของที่จอดรถ” เพราะหากที่จอดรถพอดีกับตัวรถมากเกินไป จนไม่มีระยะให้เดินผ่าน ก็อาจส่งผลต่อการใช้งานที่ไม่สะดวกได้เช่นกันครับ
ซึ่งอย่างน้อยที่สุดก็ขอให้มีระยะที่พอจะให้แทรกตัวเดินได้บ้าง โดยต้องเผื่อให้มีระยะด้านหน้าและด้านหลังฝั่งละ 30 – 40 cm. สมมุติว่า เราใช้รถที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตารางข้างต้นนี้อย่าง Mazda BT-50 ทาวน์โฮมที่เราซื้อก็ควรจะมีความลึกของที่จอดรถ อย่างน้อยประมาณ 6 – 6.2 m. ขึ้นไปครับ เพียงแต่ระยะนี้จะยังไม่ใช่ระยะที่จะสามารถเปิดท้ายรถ และขนของลงจากรถได้สะดวกนะ ซึ่งแบบนั้นอาจต้องขนของให้เสร็จก่อนจะปิดประตูรั้วบ้านตามปกติครับ
ผมมีเคสตัวอย่างมาเล่าให้ฟัง คือเจ้าของบ้านหลังนี้เพิ่งซื้อทาวน์โฮมมาใหม่ๆ แน่นอนว่าเค้าใช้รถกระบะแค่คันเดียว ดังนั้นทาวน์โฮมที่มีที่จอดรถ 1 คัน ก็เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของครอบครัวได้ ซึ่งพี่เค้าก็เล่าให้ผมฟังอีกว่า
..ก่อนจะซื้อทาวน์โฮมหลังนี้ เค้าก็ได้วัดระยะความกว้างและยาวคร่าวๆแล้วนะ ถึงแม้ว่าที่จอดรถจะพอดีกับขนาดรถที่มีอยู่ แต่สิ่งที่พลาดคือ “เค้าลืมเผื่อระยะการใช้งานรอบตัวรถ” ทำให้เมื่อจอดรถแล้วไม่มีพื้นที่เหลือพอให้เดินผ่าน เพื่อมาปิดล็อคประตูบ้านได้นั่นเอง
…เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับข้อมูล “ที่จอดรถของทาวน์โฮม” ที่นำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังคิดจะซื้อทาวน์โฮมสักหลัง หรือจะเป็นรถคันใหม่ก็ดี จะได้เลือกได้ตรงกับความต้องการ หรือ Lifestyle ของตัวเองมากที่สุด เพื่อที่จะได้หาทางป้องกันได้อย่างทันท่วงที และไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง และคราวหน้า ThinkofLiving จะมีบทความดีๆอะไรมากฝากกันอีก อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving