รีวิวโครงการ
The Sneak EP.184 : Baan U Charoen Town in Town | ทาวน์โฮม 4 ชั้นครึ่ง ย่านทาวน์อินทาวน์ มีลิฟท์ในตัว
30 มีนาคม 2023
รีวิวฉบับที่ 2501 กับโครงการ Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) Luxury Townhome ที่เปิดตัวมาด้วยราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท* จาก U Charoen Estate ที่ตั้งโครงการอยู่ติดกับถนนศรีวรา ใจกลางย่านทาวน์ อิน ทาวน์ ซึ่งความพิเศษของโครงการนี้ นอกจากเป็นทาวน์โฮม 4.5 ชั้นที่ได้ลิฟต์ในตัวแล้ว พื้นที่ใช้สอยภายในยังสามารถปรับเปลี่ยนเป็นโฮมออฟฟิศได้อีกด้วย
สำหรับ Highlights ที่น่าสนใจ จะมีอะไรบ้าง เราได้คัดมาให้ชมกันดังนี้ค่ะ
- ทำเล : โครงการตั้งอยู่ติดถนนศรีวรา ใจกลางย่านทาว์น อิน ทาวน์ รอบๆจึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นแหล่งที่มีโฮมออฟฟิศตั้งอยู่ค่อนข้างเยอะ เดินทางง่าย สามารถเชื่อมต่อถนนหลักได้หลายสาย ใกล้ทางด่วน และมีรถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทางอีกด้วย
- สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน : จำนวนยูนิตในโครงการมีทั้งหมด 14 ยูนิต แต่ยังได้อาคาร Clubhouse ซึ่งไม่ค่อยเห็นในโครงการทาวน์โฮมที่มีจำนวนยูนิตน้อยๆเท่าไร ซึ่งได้ฟังก์ชันมาทั้งสระว่ายน้ำ , Co-Working Space , Meeting Room , Fitness และ Onsen สไตล์ญี่ปุ่น เข้ากับการออกแบบที่เน้นความ Modern Japanese เลยค่ะ
- การออกแบบ : เมื่อเทียบกับโครงการทาวน์โฮมใหม่ๆ Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) ได้พื้นที่ใช้สอยและที่ดินมาค่อนข้างเยอะ ทำให้เหลือพื้นที่ไว้สำหรับต่อเติมในอนาคตได้ ลักษณะอาคารเป็นทาวน์โฮมสูง 4.5 ชั้น มีฟังก์ชันชั้นลอย และได้ Double Volume ขนาดใหญ่ การออกแบบพื้นที่ภายในจะเน้นความโปร่งโล่ง แต่ยังคงได้ความเป็นส่วนตัว รอบบ้านมีระเบียงหลายจุดให้ออกมาใช้งานได้
- รองรับโฮมออฟฟิศได้ : สำหรับเจ้าของธุรกิจที่มองหาโฮมออฟฟิศย่านนี้ โครงการ Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) เป็นโครงการใหม่ที่ได้ฟังก์ชันครบ พื้นที่ใช้สอยภายในเปลี่ยนเป็นโฮมออฟฟิศรองรับพนักงาน 10 – 20 คนได้เลยค่ะ และถ้าใครไม่ชอบความพลุกพล่าน อยากได้บรรยากาศการทำงานแบบเงียบสงบ โครงการนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์เลยนะคะ
ข้อมูลโครงการ
Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566
ชื่อโครงการ | Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท อยู่เจริญเอสเตทส จำกัด |
SEGMENT CLASS | LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนศรีวรา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร |
ที่ดิน | 2-1-92.6 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 14 ยูนิต |
ประเภทบ้าน | ทาวน์โฮม 4.5 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 41-66.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 475-490 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 6 ที่จอดรถ – ราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท* |
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | ชั้น 1 สูง 2.45 เมตร ชั้น 2 สูง 2.20 เมตร ชั้น 3 สูง 2.20 เมตร ชั้น 3M สูง 2.20 เมตร ชั้น 4 สูง 2.30 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | N/A |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2564 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | สร้างเสร็จพร้อมอยู่ |
เว็บไซต์โครงการ | คลิกที่นี่ |
โทร | 088-665-6665 |
Call Center | 02-538-7798 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.766946, 100.605481
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
ทำเลโครงการ Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) เรียกได้ว่าตั้งอยู่ติดกับถนนศรีวรา จากซุ้มทางเข้าเป็นซอยถนนส่วนบุคคล เดินเข้ามาได้เพียง 200 เมตรเท่านั้น ซึ่งถนนศรีวรานี้ก็ถือเป็นถนนเส้นหลักในย่านทาวน์ อิน ทาวน์ เป็นเส้นที่วิ่งขนานไปกับถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือเลียบด่วนรามอินทรา สำหรับคนที่ใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง ถือว่าสะดวกทีเดียวค่ะ เพราะย่านนี้ตั้งอยู่ระหว่างถนนใหญ่ 3 สาย คือ ถนนรามคำแหง ถนนลาดพร้าวและถนนประดิษฐ์มนูญธรรม เข้า-ออกเมืองไปโซนต่างๆได้ง่ายทีเดียว
ความอุดมสมบูรณ์ ย่านทาวน์อินทาวน์ถือว่าสูงมาก เป็นทำเลที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่น และเป็นย่านชุมชนแนวราบที่มีมานาน ทั้งยังเป็นโซนที่มีโรงเรียนใหญ่อยู่ถึง 3 แห่ง (โรงเรียนบดินทร์ 1 , โรงเรียนอุดมศึกษา , โรงเรียนพระยาประเสริฐ ) มีร้านค้า ร้านอาหารชื่อดัง และ Community mall อยู่ในระยะที่สามารถเดินไปใช้งานได้ หรือหากจะสั่ง Delivery ค่าส่งก็ไม่แพง เพราะระยะทางใกล้มากค่ะ
หรือขยับออกมาหน่อยก็จะมีศูนย์การค้าใหญ่อยู่หลายแห่งเลย เช่น Central Festival East Ville และ The Crystal Park บนถนนเลียบด่วน ถ้าไปโซนหน้าราม ก็มี Foodland กับ The Mall ที่กำลังรีโนเวทชุดใหญ่อยู่ เหมาะเป็นย่านชุมชนที่มีทั้งที่พักอาศัยและเป็นแหล่งธุรกิจที่มีออฟฟิศอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้โซนนี้จะคึกคักอยู่แทบตลอดเวลาเลยค่ะ ส่งผลให้มีร้านค้าและ Community Mall ที่เปิดให้บริการแบบ 24 ชั่วโมงอยู่ด้วย
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว สะดวกสบายมากเพราะมีทางด่วนหน้าปากซอยเลย คือ ด่านประชาอุทิศ จากถนนศรีวราขับย้อนกลับไปออกถนนอินทราภรณ์ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลากลับรถหรือไปรถติดบนถนนใหญ่ ส่วนขากลับก็สามารถลงจากทางด่วน แล้วไปกลับรถมาหน่อย ก็เลี้ยวเข้าซอยลัดมาที่ถนนศรีวราได้เลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีทางพิเศษฉลองรัช หรือทางด่วนรามอินทรา–อาจณรงค์ สามารถไปมอเตอร์เวย์ , รามอินทรา , อ่อนนุช-บางนา หรือพระราม 3 ได้ และโซนนี้ยังสามารถไปอิงกับรามคำแหง – ลาดพร้าวตอนปลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะขับรถไปหรือเรียกใช้วินมอเตอร์ไซต์เป็นหลัก
แต่โซนนี้ก็ถือว่าเป็นย่านที่รถติดมากเช่นกัน แต่หากอยู่ไปสักพักจนคุ้นเคยกับทำเล เราก็จะสามารถรู้ได้ว่าควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาไหน เช่น เส้นเลียบทางด่วน-รามอินทรา ช่วงใกล้กับ Central Eastville เสาร์อาทิตย์ไม่ควรไป เวลาโรงเรียนเข้ากับโรงเรียนเลิกไม่ควรออกจากบ้าน หรือว่าช่วงนี้ถนนพระราม9 ติดสาหัสมากก็เลือกขึ้นทางด่วนไปได้เลยค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ มีให้เลือกใช้ค่อนข้างหลากหลายเลยค่ะ สำหรับพนักงานที่เดินทางด้วยรถสาธารณะก็สามารถเรียกใช้วินมอเตอร์ไซต์ที่มีให้บริการอยู่แทบจะทุกมุมถนนเลย ซึ่งก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในช่วงเวลาเร่งด่วนเลยนะคะ เพราะอย่างที่รู้กันว่าทำเลย่านนี้รถติดค่อนข้างโหดเหมือนกัน และด้วยความที่โครงการอยู่ใกล้ถนนใหญ่ จึงทำให้สามารถเรียกรถสองแถวหรือรถแท็กซี่ได้ไม่ยากเลยค่ะ
การเดินทางโดยรถไฟฟ้า ถือเป็นตัวเลือกที่พนักงานออฟฟิศมักเลือกใช้กันเลยนะคะ โดยในปัจจุบันถ้าจะใช้รถไฟฟ้าก็มี Airport Rail Link รามคำแหง (4.4 กม. ) MRT ศูนย์วัฒนธรรม ( 6 กม.) และ BTS เอกมัย( 6.2 กม.)ให้ใช้งานได้ แต่อนาคตในย่านนี้จะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 3 สาย คือ
- รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี) ปัจจุบัน มีความคืบหน้าอย่างมาก คาดว่าจะ เปิดให้บริการได้ในปี 2566 โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีรามคำแหง (ประมาณ 2 กม.) สามารถนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปได้ง่ายๆ
- รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ก็กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างเช่นกัน สามารถลัดเลาะไปตามซอยได้ ที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีฉลองรัช (ประมาณ 2.7 กม.)
- รถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล-พระโขนง-สะพานพระราม 9-ท่าพระ) ยังอาจต้องรอกันต่อไปอีก แต่หากสายนี้สร้างเสร็จเรียบร้อยก็จะกลายเป็นรถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการมากที่สุด โดยสถานีที่ใกล้โครงการจะเป็นสถานีประชาอุทิศค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
ที่ตั้งของ Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) จะอยู่บนถนนส่วนบุคคลใช้ทางเข้า – ออกร่วมกับคอนโดจาก U Charoen Estate เช่นเดียวกัน ทำเลโดยรอบเป็นตึกแถว ที่พักอาศัยและโฮมออฟฟิศเป็นส่วนใหญ่ ได้สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทีเดียวค่ะ
- ทิศเหนือ ติดกับโฮมออฟฟิศสูง 4 ชั้นและที่พักอาศัยแนวราบ
- ทิศใต้ ติดกับถนนส่วนบุคคล และโฮมออฟฟิศสูง 4 ชั้น
- ทิศตะวันออก ติดกับคอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น (U Charoen Residence Town in Town)
- ทิศตะวันตก ติดกับทาวน์โฮมสูง 3 ชั้นและถนนศรีวรา
บรรยากาศถนนด้านหน้าโครงการ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Makro Food Service ศรีวรา ~ 160 เมตร
- ต้นซุง Avenue ~ 600 เมตร
- The Scene Town in Town ~ 800 เมตร
- At Park Town in Town ~ 1.0 กิโลเมตร
- Lotus Express Town in Town ~ 1.1 กิโลเมตร
- Central Festival East Ville ~ 4.9 กิโลเมตร
- Crystal Design Center ~ 5.3 กิโลเมตร
- The Crystal Park ~ 6.1 กิโลเมตร
โรงพยาบาล
- ศูนย์แพทย์พัฒนา ~ 2.1 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลรามคำแหง ~ 6.6 กิโลเมตร
โรงเรียน
- โรงเรียนอุดมศึกษา ~ 1.2 กิโลเมตร
- โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ~ 2.1 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยรามคำแหง ~ 2.1 กิโลเมตร
- โรงเรียนพระยาประเสริฐ ~ 2.7 กิโลเมตร
รายละเอียดโครงการ
Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) เป็นโครงการ Luxury Townhome บนถนนศรีวรา จาก U Charoen Estate ซึ่งใช้ชื่อโครงการว่า Baan Punna Sriwara (บ้านพันนา ศรีวรา) แต่ได้มีการ Rebranding เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความเป็นคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น โดยลักษณะโครงการเป็นทาวน์โฮมสูง 4.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 475 – 490 ตร.ม. ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้าน และจอดรถได้ถึง 6 คัน ราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท*
ภายในโครงการมีจำนวนทั้งหมด 14 ยูนิต ได้ความเป็นส่วนตัวทีเดียวค่ะ จาก Master Plan จะเห็นว่า ทางเข้า – ออกจะมีจุดเดียว ซึ่งเป็นซอยถัดเข้ามาจากถนนศรีวราแค่ประมาณ 200 เมตร สำหรับการวางผังจะหันหน้าบ้านทั้ง 2 ฝั่งเข้าหากัน มีถนนหลักตรงกลางกว้าง 9 เมตร จากทางเข้าด้านหน้าจะเจอ Clubhouse ซึ่งจะแยกเป็นอาคารเดี่ยวๆออกมาเลย โดยทาวน์โฮมสามารถทุบเพื่อเชื่อมต่อกันได้ สำหรับใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวหน่อย จะแนะนำเป็นแปลงมุมฝั่งซ้ายค่ะ
โดยรูปแบบบ้านในโครงการจะมีเพียงแบบเดียวนะคะ แตกต่างกันที่พื้นที่ใช้สอยและเนื้อที่ดิน หน้าบ้านหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งทิศเหนือก็ค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับคนเลือกซื้อบ้านอยู่แล้ว ส่วนทิศตะวันตกเฉียงใต้อาจจะมีแดดแรงในบางช่วงแต่ก็ได้ลมค่อนข้างดีเช่นกัน
บริเวณทางเข้า - ออกด้านหน้าโครงการ
ทางเข้าโครงการใช้ระบบ RFID ควบคุมการเข้า – ออก ใช้งานเหมือนระบบ Easy Pass บนทางด่วนควบคู่กับไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ และตอนกลางคืนจะมีประตูไฟฟ้าเลื่อนปิดเพื่อความปลอดภัย
ถนนภายในโครงการกว้าง 9 เมตร ด้านข้างมีการปลูกต้นไม้เพื่อเป็นแนวบังสายตาและช่วยให้ความร่มรื่น สายไฟจะนำลงดินทั้งหมด ทำให้ภาพรวมดูเรียบร้อยสบายตา ติดกันเป็นโครงการ U Charoen Residence Town in Town จาก U Charoen Estate เช่นเดียวกัน โดยโครงการนี้เป็นคอนโด Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ในราคาเริ่มต้น 2 ล้านนิดๆ
สำหรับใครที่สนใจก็สามารถคลิกอ่านรีวิวได้ที่นี่ >> รีวิวตึกเสร็จ U Charoen Residence Town in Town คอนโดห้องใหญ่หน้ากว้าง บนถนนศรีวรา จาก U Charoen Estate [รีวิวฉบับที่ 2496]
มาที่ Clubhouse ด้านหน้าโครงการ ลักษณะอาคารออกแบบแตกต่างกับทาวน์โฮมด้านข้างไม่มาก แต่ที่เห็นได้ชัดคือความเปิดโล่ง โดยอาคาร Clubhouse ซึ่งเป็นส่วนกลางจะดูโปร่งโล่งกว่า
Baan U Charoen Town In Town : ภาพบรรยากาศ Clubhouse ชั้น 1
ชั้น 1 ของอาคาร Clubhouse ฟังก์ชันหลักจะเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 3×12.5 เมตร ลึก 1.35 เมตร สามารถมาว่ายออกกำลังกายได้ มีห้องน้ำแยกส่วนชาย – หญิง และ Juristic Room หรือห้องนิติบุคคลอยู่ที่ด้านหน้า การใช้งานจะใช้บันไดเดินขึ้น – ลง ไม่มีลิฟต์
Baan U Charoen Town In Town : ภาพบรรยากาศ Clubhouse ชั้น 2
ชั้น 2 จะเป็นห้อง Onsen ระบบน้ำแร่ ซึ่งทางโครงการได้แยกชาย – หญิงมาให้ ด้านหน้ามีห้องน้ำและห้อง Locker ไว้เก็บของและเสื้อผ้าได้ สำหรับใครที่ไม่อยากฝ่ารถติดไปแช่บ่อ Onsen ใจกลางเมือง เลิกงานก็สามารถมาผ่อนคลายแช่น้ำสบายๆได้ที่นี่เลย
ชั้น 3 ขึ้นมาจะเน้นพื้นที่สำหรับไว้ทำงาน มี Co-Working Space และห้อง Meeting Room ผนังด้านข้างติดกับโถงบันไดตกแต่งด้วยกระจกลอน นอกจากช่วยเพิ่มความสวยงามแล้ว ยังช่วยพรางสายตา ทำให้ในห้องได้ความเป็นส่วนตัว และดูไม่ทึบเกินไปอีกด้วย
Co-Working Space มีโต๊ะ – เก้าอี้ไว้รองรับการทำงานได้หลายแบบ จะมาคนเดียวหรือมาเป็นกลุ่มก็ได้ สำหรับเจ้าของธุรกิจที่อยากได้พื้นที่นั่งคุยงานด้านนอก ก็สามารถพาลูกค้ามานั่งคุยหรือประชุมงานเล็กๆที่นี่ได้ค่ะ
ภายในห้องได้เพดานสูงให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ใช้งานพร้อมกันหลายคนก็ไม่รู้สึกอึดอัด ด้านหน้าได้กระจกสูงถึงฝ้า ทำให้แสงจากธรรมชาติเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ส่วนแปลนเป็นตัว L แบ่งพื้นที่ใช้งานกันได้ ดูสะดวกและเป็นส่วนตัวทีเดียวค่ะ
Baan U Charoen Town In Town : ภาพบรรยากาศ Clubhouse ชั้น 3
จากชั้น 3 สามารถมองเห็นชั้นลอยที่อยู่ด้านบน ส่วนด้านหน้ามีระเบียงที่ใช้เปิดออกไปสูดอากาาศได้ ราวกันตกเป็นกระจกเปลือย ทำให้ดูโปร่งโล่ง ส่วน Meeting Room จะอยู่ด้านใน Co-Working Space 1 ห้อง สำหรับคนที่ต้องการใช้งานแบบเป็นส่วนตัวหน่อย และมีอีก 1 ห้องตรงโถงบันได สามารถปรับใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ได้ค่ะ
Baan U Charoen Town In Town : ภาพบรรยากาศ Clubhouse ส่วนชั้นลอย
ชั้นลอย เป็นส่วนของ Fitness มีอุปกรณ์มาให้ค่อนข้างได้ตามมาตรฐาน สามารถมาใช้เพื่อยืดเส้นยืดสายหลังเลิกงานกันได้นะคะ ส่วนตัวเราชอบการใช้พื้นที่ซึ่งพยายามแทรกช่องเปิดเพื่อให้มีแสงจากธรรมชาติเข้ามาภายในตลอดเวลาอย่าง Skylight ซึ่งในบ้านก็จะมีเช่นเดียวกันค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse บริเวณกลางโครงการประกอบไปด้วย
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 3×12.5 เมตร ลึก 1.35 เมตร
- Co-Working Space
- Meeting Room
- Fitness
- Onsen ระบบน้ำแร่
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 4 จุด
- รั้วรอบโครงการเป็นรั้วทึบสลับโปร่ง 2.65 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 9 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร
- ใช้ระบบ Bluetooth ระยะไกล ควบคุมการเข้า – ออกโครงการ
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ ไม้กั้นกระดกอัตโนมัติและรั้วเลื่อนไฟฟ้า
- ได้ Motion Sensor , IP Camera และ Digital Door Lock ทุกหลัง
แบบบ้าน
Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) เป็นโครงการ Luxury Townhome ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้เป็นโฮมออฟฟิศได้ และรองรับการอยู่อาศัยสำหรับเจ้าของธุรกิจที่มีสมาชิกในครอบครัว 2-3 คนได้แบบสบายๆ อาคารได้ขนาดพื้นที่ใช้สอย 475 – 490 ตร.ม. จอดรถ 6 คัน การออกแบบมาในสไตล์ Modern Japanese ดูเรียบง่าย เน้นบรรยากาศภายในบ้านที่โปร่งโล่ง แต่ยังได้ความเป็นส่วนตัว
ทาวน์โฮมซื้อเพื่ออยู่อาศัย หากมองเทียบกับโครงการทาวน์โฮมเปิดใหม่ในละแวกใกล้เคียงกัน ในราคาเริ่มต้น 30-40 ล้านบาท* ก็พอมีตัวเลือกอื่นให้เห็นอยู่บ้างนะคะ แต่ทำเลจะขยับเข้าไปทางโซนเอกมัย – รามอินทรามากกว่า ซึ่งเมื่อเทียบรายละเอียดภายในโครงการ Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) จะได้พื้นที่ใช้สอยและเนื้อที่ดินที่เยอะกว่า ทำให้จัดฟังก์ชันได้หลากหลาย รองรับครอบครัวขยายที่มีสมาชิกอยู่กัน 4-6 คนได้แบบสบายๆเลย
ฟังก์ชันโฮมออฟฟิศ พร้อมอยู่ ส่วนตัวเรามองว่า Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) จะได้ความคุ้มค่ามากกว่าในแง่ของการใช้เป็นโฮมออฟฟิศ ด้วยฟังก์ชันที่รองรับการใช้งานได้ตามมาตรฐาน ทั้งห้องน้ำ ลิฟต์ ที่จอดรถและทางหนีไฟ ซึ่งหากมองเทียบกับอาคารพาณิชย์หรือ Home Office Stand Alone โซนนี้ จะเห็นว่าพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกัน ก็มีประกาศขายอยู่ ราว 20 ปลายๆ – 30 ล้านบาทนะคะ แต่จะเป็นลักษณะแบบมือ 2 ซึ่งก็อาจทำให้ต้องเผื่องบประมาณในการรีโนเวทเข้ามาอีก แต่หากใครที่ไม่ชอบความยุ่งยาก อยากได้บ้านที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ โครงการนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ทีเดียวค่ะ
สรุปวัสดุต่างๆ ในบ้าน
- หลังคาแบบ Flat Slab (ทาน้ำยากันซึม)
- ผนังก่ออิฐฉาบปูนโดยใช้อิฐมวลเบา สามารถเจาะทุบต่อเติมได้
- พื้นถนนภายในโครงการ ส่วนที่จอดรถเป็น Slab on ground
- ประตูรั้วบ้านเป็นบานเลื่อน เปิด-ปิดผ่าน Application และรีโมทได้
- ประตู-หน้าต่างใช้กระจก Tempered
- Facade : Aluminium Composite+Aluminium ลายไม้
- พื้นชั้น 1-3 : กระเบื้อง Porcelain ขนาด 60×60 เซนติเมตร
- พื้นชั้นลอยและชั้น 4 : พื้นไม้ Engineering Wood
- ตู้ Built-in ในห้องครัวท็อปหินแกรนิต + ซิงค์ล้างจานยี่ห้อ HAFELE
- เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควันและเตาไมโครเวฟ ยี่ห้อ HAFELE
- วัสดุในห้องน้ำ KOLHER , ฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจก Tempered หนา 10 มิลลิเมตร ยี่ห้อ WS เครื่องทำน้ำอุ่น , เดินระบบท่อน้ำร้อนน้ำเย็น
- บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วย Engineering Wood ราวกันตกกระจกเปลือย + มือจับไม้
- แอร์ DAIKIN จำนวน 8 ตัว ระบบ Cassette Type
เทคโนโลยีในบ้าน
- Digital Door Lock จำนวน 2 ตัวที่ประตูทางเข้าอาคารชั้น 1 และประตูทางเข้า Master Bedroom Room ชั้น 4
- ลิฟต์โดยสารยี่ห้อ OTS ขนาด 630 Kg. (จุได้ 8 คน) รองรับ Wheelchair ได้
- Door Sensor รักษาความปลอดภัยที่ประตูชั้น 1
- Motion Sensor ควบคุมการเปิด-ปิดไฟ ชั้น 2
- IP Camera จำนวน 2 ตัวที่ชั้น 1 บริเวณโรงจอดรถและลานหลังบ้าน
- Home Automation ควบคุมประตูทางเข้า , กล้อง CCTV , ไฟแสงสว่าง , Smoke Detector ใช้งานผ่าน Application
- EV Charger 7.2 Kw. ยี่ห้อ EO
- ระบบไฟ 3 เฟส 30(100) รองรับการติดตั้ง Ev Charger เพิ่มได้ทุกหลัง
ชั้น 1
ฟังก์ชันหลักจะเป็นส่วน Service ประกอบด้วยห้องแม่บ้านที่มีห้องน้ำแยกใช้งานอยู่ด้านนอก และห้องครัวขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถใช้ทำอาหารแบบจริงจังได้ โดยทางเข้าบ้านจะแยกออกเป็น 2 ฝั่ง เข้าส่วนครัวได้หนึ่งทาง และโถงลิฟต์อีกหนึ่งทาง สำหรับประตูนี้จะได้ Digital Door Lock ติดตั้งมาให้ด้วยค่ะ
ประตูบ้านจะเป็นรางเลื่อนอัตโนมัติ ควบคุมการเปิด – ปิดด้วยรีโมทและ Application ในมือถือได้ และมีประตูบานเปิดแยกไว้ให้สำหรับคนเดินเข้า – ออกใช้งานด้วย ค่อนข้างสะดวกค่ะ
ประตูบานเปิดแยกไว้สำหรับให้คนใช้เข้า - ออกได้
ด้านหน้าติดตั้งกล่องจดหมาย กริ่ง ป้ายเลขที่บ้านและไฟมาให้เรียบร้อย ส่วนพื้นที่โรงจอดรถโครงสร้างเป็น Slab on ground ปูด้วย Stamp Concrete สามารถจอดรถแบบซ้อนคันกันได้ทั้งหมด 6 คัน โดยที่ประตูจะมีคานเหล็ก ทำให้จำกัดความสูงรถที่เข้า – ออกได้ไม่เกิน 2.9 เมตร สำหรับคนที่อยากต่อเติมหลังคาเพิ่มออกมาแนะนำให้ลงเข็มเพิ่มเพื่อความแข็งแรงนะคะ
ที่โรงจอดรถมีการติดตั้ง EV Charger มาให้ 1 จุด ขนาด 7.2 Kw ยี่ห้อ EO ระบบไฟในบ้านเป็น 3 เฟส (30/100) สามารถติดตั้งเพิ่มได้เป็นฝั่งละ 1 จุด เพื่อความปลอดภัยภายในบ้านทางโครงการก็ได้ติดตั้ง IP Camera มาให้ด้วยค่ะ
ส่วนประตูทางเข้าบ้าน จะสามารถเข้าได้ 2 ทาง
ประตูทางเข้าสามารถเข้าได้ 2 ทาง โดยประตูหลักจะเป็นบานเปิดกระจกติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ ส่วนประตูครัวจะเป็นบานทึบ ด้านในติด Door Sensor มาให้ด้วยค่ะ
เมื่อเข้ามาด้านในตัวบ้านจะเจอกับโถง มีบันไดอยู่ติดกับลิฟต์โดยสาร จากฝั่งนี้สามารถไปใช้งานห้องครัวได้ โดยทางโครงการจะติดตั้งประตูบานเลื่อนมาให้ค่ะ ส่วนด้านหน้าติดตั้งระแนงไม้ช่วยบังสายตา ทำให้หน้าบ้านไม่ดูเปิดโล่งเกินไป และยังได้แสงธรรมชาติด้วย
พื้นที่ห้องครัวที่บริเวณชั้น 1
พื้นที่ใช้งานครัวมีขนาดประมาณ 1.80×2.30 เมตร สามารถใช้งานพร้อมกัน 2-3 คนได้แบบสบายๆ ส่วนเคาน์เตอร์โครงการจะทำ Built – in มาให้เป็นรูปตัว L เหมือนในบ้านตัวอย่างเลยค่ะ ท็อปด้านบนจะปูด้วยหินแกรนิตสีดำ ดูแข็งแรงทนทาน พร้อมติดตั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานยี่ห้อ HAFELE มาให้
ตู้เก็บของด้านบนเป็นบานเปิดปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ ติดตั้งชั้นวางด้านในมาให้เรียบร้อย ส่วนด้านล่างกรุด้วย HPL High gross มีช่องเก็บของแบบลิ้นชักไว้ให้ใส่ช้อนส้อมมาอีกด้วย สำหรับวัสดุพื้น ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 เซนติเมตร และบนผนังเป็นกระเบื้องแบบเดียวกัน ทำให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย สะดวกกว่าบางโครงการที่ให้มาเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวธรรมดาค่ะ
พื้นที่ด้านหลัง เป็นส่วนของห้องแม่บ้านและ Service
ส่วนด้านหลังของบ้านจะเป็นห้องแม่บ้าน มีห้องน้ำแยกใช้งานด้านนอก โดยในบ้านตัวอย่างได้เทพื้นมาให้สำหรับใช้เป็นลานซักล้าง แต่ในบ้านจริงจะปูหญ้าเพื่อทำเป็นพื้นที่สวนแทนนะคะ
ลิฟต์โดยสารยี่ห้อ OTS รองรับน้ำหนักได้ 630 กิโลกรัม
ลิฟต์โดยสารติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานจากยี่ห้อ OTS รองรับน้ำหนักได้ 630 กิโลกรัม จุได้ 8 คน พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้าง สามารถเข็น Wheelchair เข้ามาได้เลยค่ะ
บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กตามมาตรฐาน ปิดผิวด้วย Engineering Wood ได้มือจับเป็นไม้และราวกันตกกระจกแบบนี้เลยค่ะ โดยด้านข้างมีช่องเก็บของไว้ซ่อนตู้ไฟเพื่อให้ดูเรียบร้อยได้อีกด้วย
ชั้น 2
ชั้นนี้มีการใช้งานแบบเต็ม Floor โดยในบ้านตัวอย่างจัดฟังก์ชันมาให้เป็นส่วนโฮมออฟฟิศ สามารถรองรับพนักงานได้ 10 – 15 คนเลยค่ะ จากแปลนจะเห็นว่าสามารถจัดเป็นเคาน์เตอร์ Reception พื้นที่สำหรับนั่งทำงาน Pantry และ Meeting Room ขนาด 6 ที่นั่งได้แบบครบครันเลยนะคะ
เมื่อขึ้นมาชั้น 2 จะเจอกับโถงต่างระดับ โดยสเต็ปแรกจะเป็นโถงด้านหน้าห้องน้ำ ซึ่งจะมีไว้รองรับการใช้งานทุกชั้น ถัดขึ้นมาเป็นโถงหน้าลิฟต์ เดินเข้าออฟฟิศได้เลย โดยบริเวณทางเดินนี้จะมี Motion Sensor คอยจับความเคลื่อนไหวเพื่อเปิด – ปิดไฟได้ด้วยค่ะ
พื้นที่ใช้งานภายในห้องน้ำชั้น 2
ห้องน้ำเป็นแบบ Powder Room ได้สุขภัณฑ์ครบชุดเหมือนบ้านตัวอย่างจากยี่ห้อ KOHLER เคาน์เตอร์ได้ช่องเก็บของบานเปิดด้านล่าง ในห้องน้ำติดตั้งพัดลมระบายอากาศและหน้าต่างบานเลื่อนกระจกมาให้ โดยด้านนอกจะมีตะแกรงเหล็กฉีกช่วยบังสายตาให้อีกชั้นนึงค่ะ
ความสูงจากพื้นถึงฝ้าชั้น 2 จะอยู่ที่ 2.20 เมตร เพดานติดตั้งแอร์ระบบ Cassette Type จาก DAIKIN มาให้ ช่วยให้บนผนังดูเป็นระเบียบเรียบร้อย วัสดุปูพื้นใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 เซนติเมตร โทนสีเหมือนในบ้านตัวอย่างเลย
ฟังก์ชันด้านหน้าจัดมาเป็น Reception Area
โครงการติดตั้งประตูบานเลื่อนกระจกมาให้เพื่อแบ่งพื้นที่ภายในกับโถงลิฟต์ด้านนอก บ้านตัวอย่างจัดฟังก์ชันเป็น Reception เข้ามาจะเจอเคาน์เตอร์ต้อนรับเป็นส่วนแรก สำหรับผนังด้านหลังสามารถติดป้าย แขวนกรอบรูปหรือติดชื่อบริษัทได้ หรือจะทำเป็นส่วน Showcase ไว้โชว์สินค้าสวยๆก็เหมาะทีเดียวค่ะ
กั้นห้องด้วยประตูบานเลื่อนกระจก แบ่งการใช้งานเป็น 2 ฝั่ง
หากกั้นประตูบานเลื่อนกระจกเพิ่มก็จะได้พื้นที่ทำงานที่เป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น และทำให้แสงจากธรรมชาติส่องเข้ามาได้อย่างทั่วถึง บรรยากาศภายในจึงดูโปร่งโล่งค่ะ
ถัดมาที่โซนหน้าบ้านเราสามารถวางโต๊ะขนาดใหญ่ที่พนักงานมาใช้พื้นที่ร่วมกัน รองรับได้ถึง 10 ที่นั่ง ทั้งยังเหลือพื้นที่ไว้ให้โต๊ะทำงานและตู้เก็บของได้ จะจัดเป็นโซนวางอุปกรณ์อย่างเครื่องปรินท์ หรือเครื่องถ่ายเอกสารก็สะดวกเลยค่ะ
โดยการเลือกเฟอร์นิเจอร์ในบ้านตัวอย่างจะเน้นความอบอุ่น เรียบง่ายได้กลิ่นอาย minimal แบบญี่ปุ่น แต่หากใครชอบออฟฟิศที่ดูจริงจัง เน้นการนั่งทำงานเป็นสัดส่วน ก็สามารถจัดผังที่รองรับพนักงานได้ 10 – 15 คนเลยนะ
พื้นที่นั่งทำงานอยู่ติดกับระเบียงด้านหน้า
ด้านหน้าบ้านติดกับพื้นที่ทำงานเป็นระเบียงขนาด 1.67×4.61 เมตร กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ Full height ทำให้แสงจากธรรมชาติส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ แต่ก็มีระแนงด้านนอกที่ช่วยบังแดดไปได้ส่วนนึง นอกจากทำให้บ้านไม่ร้อนแล้ว ก็ยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย
โดยวัสดุที่ใช้จะเป็นอลูมิเนียมลายไม้ ได้โทนสีที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่มีความแข็งแรง ทนทานและดูแลรักษาได้ง่ายกว่า พื้นระเบียงปูด้วยแผ่นตะแกรงเหล็กฉีก ทำให้แสงสว่างและอากาศถ่ายเทเชื่อมถึงกันได้ในทุกชั้น หรือหากใครอยากจะปุเป็นกระเบื้องแบบอื่นๆ ก็สามารถทำได้นะคะ เพราะโครงการได้ทำโครงสร้างเผื่อไว้ให้แล้ว
ถัดจากพื้นที่ทำงานมีส่วน Pantry ประกอบด้วยเคาน์เตอร์ครัว Built – in ที่ติดตั้งมาให้พร้อมซิงค์ มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทาน ซึ่งพนักงานสามารถนำอาหารขึ้นมาทาน หรือจัดเป็นโซนสังสรรค์เล็กๆร่วมกันก็ได้ค่ะ
พื้นที่รับประทานอาหารและส่วน Pantry
เคาน์เตอร์ครัว Built – in จากทางโครงการ ติดตั้งมาให้พร้อมซิงค์และเตาไมโครเวฟพร้อมใช้งานจาก HAFELE ตู้เก็บของทั้งชั้นบนและล่างติดตั้งบานเปิดมาให้เรียบร้อย ส่วนด้านข้างมีช่องสำหรับใส่ตู้เย็นขนาด 1.80×0.57 เมตร จะซื้อแบบสำเร็จมาใส่ หรือใช้แบบ Built – in ก็เลือกได้ตามความสะดวกเลย
พื้นที่ทำงานชั้น 2 จัดเป็น Meeting Room
ส่วนด้านหลังจัดเป็น Meeting Room ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ค่อนข้างจำเป็นสำหรับออฟฟิศเลยนะ โดยในบ้านตัวอย่างทางโครงการได้กั้นประตูบานเลื่อนกระจกคู่เป็นไอเดียมาให้ สามารถนำไปใช้ในการจัดออฟฟิศได้ค่ะ
พื้นที่ภายใน Meeting Room
ห้องประชุมวางโต๊ะขนาด 6 ที่นั่งได้ ด้านข้างได้หน้าต่างบานเลื่อนกระจกแบบ Full height ทำให้เปิดใช้งานได้ค่อนข้างกว้าง และอีกหนึ่งจุดเด่นในบ้านคือระเบียง ที่ได้มาค่อนข้างเยอะ สามารถนำกระถางต้นไม้เล็กๆไปวาง ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้
ชั้น 3
ขึ้นมาที่ชั้น 3 สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยแบบจริงจัง โครงการนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์เลยนะคะ เพราะตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไป สามารถจัดเป็นส่วนพักอาศัย ที่รองรับสมาชิกได้ 2-3 คนเลย โดยชั้นนี้จะได้พื้นที่ Double Volume ขนาดใหญ่มาด้วย และห้องอเนกประสงค์ ที่สามารถจัดเป็นห้องทำงานหรือห้องนอนอีกห้องสำหรับรับแขกก็ได้เลยค่ะ
ส่วนประตูทางเข้าจะได้บานเลื่อนเป็นกระจกลอนแบบนี้เลย ได้ทั้งความสวยงามและเป็นส่วนตัวนะคะ ซึ่งในชั้นนี้ก็ยังสามารถจัดเป็นออฟฟิศได้อีกชั้นด้วย สำหรับเจ้าของธุรกิจที่เลือกซื้อไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 เน้นพื้นที่ทำงานแบบจริงจัง
เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับส่วน Double Volume ได้ความสูง 4.80 เมตร จัดเป็นส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหาร พื้นปูด้วยกระเบื้องโทนสีครีมให้ความรู้สึก Cozy มากขึ้นค่ะ
ติดกับส่วนรับประทานอาหารเป็นห้องอเนกประสงค์ จัดเป็นห้องทำงานส่วนตัวก็ถือว่าสะดวกทีเดียว หรือถ้าจัดเป็นห้องนอน ก็สามารถกั้นเป็นผนังทึบเพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ
ด้านหลังได้พื้นที่ระเบียง ออกมายืนสูดอากาศได้ มีราวกันตกกระจกเปลือยมาให้ ทำให้ได้วิวเปิดโล่ง นั่งทำงานแบบได้แสงจากธรรมชาติ ก็ช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้ดีนะคะ
ห้องน้ำชั้นนี้จะได้พื้นที่อาบน้ำพร้อมฉากกั้นกระจกมาด้วย รองรับสำหรับเจ้าของบ้านที่ใช้เป็นส่วนพักอาศัย แยกโซนเปียก โซนแห้งมาให้เรียบร้อย
อุปกรณ์ภายในห้องน้ำชั้น 3
อ่างล้างมือเป็นแบบวางบนเคาน์เตอร์ ติดตั้งมาพร้อมก็อกน้ำยี่ห้อ KOHLER ด้านล่างมีชั้นเก็บของแบบลิ้นชักมาให้ สามารถดึงใช้งานได้อย่างสะดวก โถสุขภัณฑ์ สายฉีดชำระและที่เก็บกระดาษทิชชู่จาก KOHLER เช่นเดียวกันค่ะ
ส่วนอาบน้ำขนาด 1.23×1.46 เมตร นอกจากมีฉากกั้นอาบน้ำกระจกมาให้แล้ว ยังมีเครื่องทำน้ำอุ่นมาด้วยค่ะ ฝักบัวได้ทั้งแบบ Hand Shower และ Rain Shower สามารถปรับระดับน้ำได้
สำหรับคนชอบบ้านที่ได้ฝ้าเพดานสูง บริเวณชั้น 3 ก็จัดมาให้แบบเต็มพื้นที่เลยค่ะ ส่วนหน้าบ้านยังได้หน้าต่าง Full height ทำให้บรรยากาศส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหารดูโปร่งโล่งมาก และถ้าใครอยากได้ความหรูหราก็สามารถซื้อโคมไฟระย้ามาตกแต่งเพิ่มได้นะคะ
พื้นที่ Double Volume ในส่วนพักอาศัย
จากชั้นลอยด้านบนสามารถมองเชื่อมต่อลงมาที่บริเวณชั้น 3 ได้ โดยในส่วนนั่งเล่นได้พื้นที่มาค่อนข้างกว้าง ส่วนรับประทานอาหารก็สามารถวางโต๊ะขนาด 6-8 ที่นั่งได้สบายๆเลยค่ะ
พื้นที่ใช้งานส่วนครัวบริเวณชั้น 3
ส่วนครัวได้เป็นแบบเปิด เหมาะสำหรับคนที่ไม่เน้นทำอาหารแบบหนักๆทานนะคะ เคาน์เตอร์ได้ Built – in จากโครงการ พร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันจาก HAFELE ตู้เก็บของติดตั้งบานเปิดและชั้นวางด้านในมาให้เรียบร้อย
ด้านข้างมีหน้าต่างบานเลื่อนกระจกมาให้ สามารถใช้เปิดเพื่อรับลมหรือระบายกลิ่นได้ โดยด้านหน้ามีตะแกรงเหล็กฉีกติดตั้งมาให้อีกชั้น เพื่อช่วยบังสายตาให้คนที่อยู่ภายในส่วนพักอาศัยได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ
ชั้น Mezzanine
ชั้นลอยได้ความสูง 2.20 เมตร ได้ห้องนอน 1 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัว สำหรับครอบครัวที่มีลูก ก็จัดเป็นห้องนอนให้เด็กๆได้ค่ะ หรือถ้าอยากจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่ทำงานก็สามารถจัดเป็น Executive Room สำหรับเจ้าของธุรกิจได้ มองไปด้านล่างก็เห็นพนักงานที่กำลังทำงานอยู่ได้อีกด้วย
พื้นที่ใช้งานหน้าโถงบนชั้นลอย
ชั้นลอยก็สามารถใช้งานลิฟต์ได้ เมื่อออกมาจะเจอโถงด้านหน้าที่กั้นด้วยราวกันตกกระจกเปลือย ทำให้ทางเดินดูไม่ปิดทึบ เพราะได้แสงจากธรรมชาติด้วย
บนชั้นลอย ตกแต่งเป็นส่วนห้องนอน
ห้องนอนกั้นเป็นสัดส่วนมาให้เรียบร้อย ภายในสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ พื้นที่ใช้งานรอบๆค่อนข้างกว้าง สามารถจัดเป็นมุมแต่งตัวได้แบบสบายๆ ในห้องได้แสงเข้ามาจาก 2 ฝั่ง ทั้งหน้าต่างที่ติดกับในตัวบ้าน และด้านหลังที่สามารถเปิดเพื่อรับลมหรือระบายอากาศได้
พื้นที่ภายในห้องน้ำบริเวณชั้นลอย
มีห้องน้ำแยกใช้งานในตัว โดยสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆใช้ของ KOHLER ได้ส่วนอาบน้ำขนาด 1.21×1.48 เมตร มีฉากกั้นอาบน้ำติดตั้งมาให้เป็นกระจกเทมเปอร์หนา 10 มิลลิเมตร ยี่ห้อ WS พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นค่ะ
ชั้น 4
เป็นชั้นบนสุดของตัวบ้าน จัดฟังก์ชันมาให้เป็นห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่แบบเต็มชั้น สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ซื้อไว้เพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 ใช้นอนพักหลังเลิกงานเป็นบางวัน ในชั้นนี้ก็ค่อนข้างตอบโจทย์การเป็นพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวได้เลยนะคะ
ชั้น 4 บริเวณด้านหน้าโถงลิฟต์
ชั้น 4 มีพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถจัดเป็นมุมนั่งพักผ่อน หรือเป็นโซนตั้งหิ้งพระได้ ติดกันจะมีประตูบานเลื่อนที่เปิดออกไปใช้งานระเบียงด้านหน้าบ้าน โดยที่ชั้นนี้ทางโครงการจะติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ที่ประตูห้อง Master Bedroom ค่ะ
Master Bedroom วางเตียงขนาด 6 ฟุตได้แบบสบายๆ โดยเหลือพื้นที่ด้านข้างไว้จัดเป็นมุมโซฟานั่งเล่นได้ หน้าต่างได้มาเป็นกระจกแบบ Full height ฝ้าเพดานทำช่องไว้ซ่อนรางม่านมาให้ดูเรียบร้อยดีค่ะ
พื้นที่ในห้อง Master Bedroom
ในชั้นนี้ถ้าใครอยากได้ระเบียงเพิ่มเหมือนชั้นอื่นๆก็สามารถต่อเติมออกไปได้นะคะ เพราะทางโครงการได้เตรียมพื้นและทำท่อระบายน้ำมาให้เรียบร้อย ในห้องได้ Walk – in Closet ขนาดใหญ่พร้อมห้องน้ำในตัว
Walk - in Closet ภายใน Master Bedroom
Walk – in Closet ได้เป็น Built – in จากโครงการ โดยวัสดุและโทนสีเหมือนในห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งลักษณะตู้จะเป็นแบบไม่มีหน้าบาน สามารถแขวนและหยิบเสื้อผ้าใช้ได้เลย มีชั้นวางลิ้นชัก และโต๊ะเครื่องแป้งติดตั้งมาให้พร้อมกระจกเลยค่ะ
ห้องน้ำแบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วน และยังคงไม่ทิ้งระเบียงที่ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง เพิ่มสีเขียวให้ดูสดชื่นด้วยกระถางต้นไม้ ด้านนอกมีระแนงช่วยบังสายตา ภายในสามารถติดตั้งม่านได้เพื่อความเป็นส่วนตัวเวลาใช้งานค่ะ
พื้นที่ใช้งานภายในห้อง Master Bathroom
เคาน์เตอร์เป็น Built – in เหมือนในบ้านตัวอย่าง ได้พื้นที่ค่อนข้างกว้าง วางของด้านข้างได้เยอะ ด้านล่างมีช่องเก็บของแบบลิ้นชักมาให้ ด้านบนติดตั้งกระจกที่มีส่วนเก็บของ เปิดใช้งานได้ทั้ง 2 ฝั่ง โดยในชั้น 4 จะได้หม้อต้มน้ำร้อนแยกใช้งานมาให้ด้วยค่ะ
พื้นที่วางสุขภัณฑ์แยกเป็นสัดส่วน
ส่วนอาบน้ำและโถสุขภัณฑ์แยกใช้งานเป็น 2 ฝั่ง โครงการติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกแบบบานเปิดมาให้ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ส่วนอาบน้ำพื้นจะลดระดับลงไปเล็กน้อย เพื่อกันน้ำไหลย้อนออกไปด้านนอก ได้พื้นที่ขนาด 1.20×1.56 เมตร ฝักบัวได้ทั้ง Hand Shower และ Rain Shower จากยี่ห้อ KOHLER ค่ะ
อ่างอาบน้ำแบบลอยตัว ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน
อ่างอาบน้ำลอยตัวขนาด 0.68×1.60 เมตร ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ด้านข้างได้แสงจากธรรมชาติ ส่วนระเบียงตกแต่งเป็นพื้นที่สวนเล็กๆ ช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลายเวลานอนแช่น้ำได้เหมือนกันนะคะ
ในห้องน้ำมีประตูหนีไฟ และประตูที่เปิดออกไปใช้งานระเบียงได้
ห้องน้ำมีประตูที่สามารถเปิดออกไปใช้งานระเบียงด้านนอกได้อีกจุดหนึ่ง จะใช้เป็นพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์ก็ได้ หรือจะตกแต่งเป็นสวนหินช่วยเพิ่มมุมผ่อนคลาย ก็ดูน่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ
สวิตช์ไฟดีไซน์เรียบหรู ปุ่มกดเป็นแบบไร้ขอบจากยี่ห้อ Schneider
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) ราคา ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566
- ทาวน์โฮม 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 7.8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 41-66.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 475 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 6 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท* - จองและทำสัญญา 2,200,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
- ค่าส่วนกลาง 140 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
ทำเลของโครงการ Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) อยู่ติดถนนศรีวรา ใจกลางย่านทาวน์ อิน ทาวน์ จากซุ้มทางเข้าต้องใช้ถนนส่วนบุคคลเพื่อเข้าสู่โครงการ สามารถเดินได้ในระยะเพียง 200 เมตร โดยรอบข้างเป็นย่านที่มีคนอาศัยอยู่ค่อนข้างหนาแน่น ทำให้ได้ความอุดมสมบูรณ์สูงตามไปด้วย ในช่วงพักกลางวันจะมีพนักงานเดินออกมาหาของกินกันคึกคัก เพราะเป็นแหล่งที่มีออฟฟิศอยู่เยอะทีเดียว สำหรับการเดินทางก็สะดวกมาก เพราะที่ตั้งโครงการอยู่ระหว่างถนนหลักถึง 3 สาย ใกล้ทางด่วน และสามารถไปใช้รถไฟฟ้าได้อีกด้วย
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
ทางเข้า – ออกของโครงการจะมีจุดเดียว ซึ่งเข้าจากถนนส่วนบุคคลทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นมาอีกประมาณนึงเลย ด้านหน้ามีไม้กั้นกระดกอัตโนมัติใช้งานควบคู่กับระบบ RFID ช่วงกลางคืนจะใช้ประตูไฟฟ้าเลื่อนเปิด – ปิดอีกชั้น และมีรปภ. คอยดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
ในตัวบ้านได้ IP Camera ติดตั้งมาให้ 2 จุด บริเวณหน้าบ้านและหลังบ้าน ประตูชั้น 1 ทุกบานติดตั้ง Door Sensor มาให้ และได้ Digital Door Lock ที่ประตูทางเข้า และประตูห้อง Master Bedroom ที่ชั้น 4
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
โครงการ – ได้ความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนเพียง 14 ยูนิต ลักษณะอาคารเป็นทาวน์โฮม 4.5 ชั้น ใช้ถนนหลักร่วมกันตรงกลาง การออกแบบมาในสไตล์ Modern Japanese เน้นความเรียบง่ายแต่ทันสมัย ใช้วัสดุโทนสีไม้ช่วยเพิ่มความอบอุ่น โครงการมี Clubhouse อยู่ตรงกลาง ลูกบ้านสามารถเดินมาใช้งานได้
อาคาร – จุดเด่นอยู่ที่พื้นที่ใช้สอยภายในและการจัดฟังก์ชัน โดย Gimmick ของอาคารอยู่ที่ระแนงไม้และตะแกรงเหล็กฉีก ที่ทำให้บ้านได้บรรยากาศโปร่งโล่งเพราะแสงจากธรรมชาติ แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวอยู่ ตั้งแต่ชั้น 2 ถึงชั้นลอยสามารถปรับเปลี่ยนเป็นโฮมออฟฟิศได้รองรับพนักงาน 10-20 คน หรือหากใครจะเลือกซื้อเพื่ออยู่อาศัยแบบจริงจัง ก็ถือว่าได้พื้นที่ใช้สอยและที่ดินมาค่อนข้างเยอะ รองรับครอบครัวที่มีสมาชิกอยู่กันหลายคนได้ รวมถึงผู้สูงอายุและผู้พิการค่ะ
วัสดุ :
ถือว่าจัดมาดีตามมาตรฐานบ้านระดับราคานี้ค่ะ โครงสร้างเป็นก่ออิฐฉาบปูน สามารถทุบต่อเติมภายใน หรือทุบเพื่อเชื่อมอาคารได้ สะดวกต่อการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันในอนาคต ประตูทางเข้าบ้านเป็นแบบบานเลื่อนอัตโนมัติ สั่งการเปิด-ปิดได้จากรีโมทและ Application ในมือถือ ซึ่งตัว App นี้สามารถควบคุมการเปิด – ปิดไฟและแอร์ภายในบ้านได้อีกด้วย ในบ้านได้ลิฟต์โดยสาร รองรับน้ำหนักได้ 630 กิโลกรัม ไม่ต้องเหนื่อยเดินขึ้น – ลงบันไดเลย
วัสดุปูพื้นชั้น 1-3 เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 เซนติเมตร ผนังห้องครัวปูกระเบื้องมาให้ สะดวกต่อการทำความสะอาดทีเดียวค่ะ ส่วนชั้นลอยถึงชั้น 4 ได้พื้นเป็น Engineering Wood ในห้องน้ำได้ฉากกั้นอาบน้ำพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น ส่วนในห้อง Master Bathroom จะได้หม้อต้มน้ำร้อนแยกใช้งาน ส่วนครัวได้เป็น Built in มาให้ทุกชั้น และในห้อง Master Bedroom ได้ชุด Walk in Closet มาด้วย
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
บรรยากาศภาพรวมของโครงการดูเรียบร้อย เพราะโครงการได้วางเสาไฟแบบลงดินทั้งหมดทำให้ไม่มีสายไฟรบกวนสายตา รอบๆมีการจัดวางต้นไม้ เพื่อช่วยให้บรรยากาศดูร่มรื่นมากขึ้น
สาธารณูปโภค :
พื้นที่ส่วนกลางภายใน Clubhouse จัดมาให้ครบครันตามมาตรฐาน ส่วนตัวเราชอบฟังก์ชันที่เสริมเข้ามาอย่าง Onsen ที่ช่วยเสริมกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นตามคอนเซปต์โครงการ ซึ่งหาไม่ค่อยได้ในโครงการประเภทนี้เท่าไรนะคะ ส่วนอื่นๆอย่างสระว่ายน้ำ , Co-Working Space , Meeting Room และ Fitness ก็ออกแบบมาได้สวยงามน่าใช้งานเลยค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 38 ล้านบาท*, 17 กุมภาพันธ์ 2566
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.75/10 – ติดถนนศรีวรา ได้ความอุดมสมบูรณ์สูง
- ความปลอดภัย 7.75/10 – มี Digital Door Lock , IP Camera และ Door Sensor
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.0/10 – ระเบียงเยอะ มีชั้นลอย รองรับโฮมออฟฟิศได้
- วัสดุ 8.0/10 – ให้ตามมาตรฐานของระดับราคา ได้ Built – in ครัว , Walk – in Closet
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – ภาพรวมเรียบร้อย มีต้นไม้ประดับตกแต่งรอบๆ
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – มีอาคาร Clubhouse ได้ฟังก์ชันครบตามมาตรฐาน
- 7.83 / 10.00
Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) เหมาะกับใคร
โครงการ Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่มองหาทาวน์โฮมในย่านทาวน์ อิน ทาวน์ ที่ให้ที่ดินเยอะ เผื่อต่อเติมได้ในอนาคต พร้อมลิฟต์ในตัว อยากอยู่ในทำเลที่หาของกินง่ายเดินทางสะดวกแต่ไม่ต้องการเพื่อนบ้านเยอะ
หรืออีกนัยหนึ่งก็เหมาะกับเจ้าของธุรกิจที่อยากได้โฮมออฟฟิศส่วนตัว ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ส่วนกลาง เดินทางได้ง่าย ได้ฟังก์ชันครบ มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้น 38 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 243,192 บาท
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc