สวัสดีครับทุกคน… เจอกันอีกแล้วนะกับบทความพิเศษ “ส่องคอนโด…ใกล้มหาลัย” ซึ่งถือเป็นตอนที่ 3 ของซีรี่ย์นี้แล้วนะครับ โดยครั้งนี้เราจะเข้ามาส่องมหาลัยทำเลในเมืองกันบ้างครับ กับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร หรือ มศว ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านอโศก แน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายยังคงเป็นผู้ปกครองที่ซื้อให้ลูกหลานพักอาศัยในระหว่างเรียน รวมถึงบุคคลากรในมหาวิทยาลัยที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง และกลุ่มนักลงทุนทั่วไปที่ต้องการปล่อยเช่าและเกร็งกำไร เพียงแต่…ด้วยทำเลใจกลางเมืองแบบนี้ จึงทำให้คอนโดมิเนียมในพื้นที่มีราคาค่อนข้างสูง เริ่มต้นปาเข้าไปก็ 6 – 7 ล้านบาทแล้วครับ เป็นระดับ Luxury – Super Luxury Class กันหมดแล้ว งเป็นโปรดักส์ที่ซื้อเพื่ออยู่เอง และมีเป้าหมายในการอยู่อาศัยแตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังเป็นกลุ่มราคาที่สูง อาจไม่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของมหาวิทยาลัยดังกล่าว

ดังนั้นวิธีการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมใกล้มหาลัยในเมืองแบบนี้ จึงแตกต่างจากมหาลัยนอกเมืองอย่าง ม.ธรรมศาสตร์ และ ม.กรุงเทพ รังสิต ที่ผมเคยเขียนไปอย่างสิ้งเชิง ซึ่งหลังจากที่ ThinkofLiving ได้ทำการลงพื้นที่สำรวจทำเลแถวนี้ก็พบว่า คอนโดมิเนียมจะมีราคาเริ่มต้นที่ 4 – 6 ล้านบาทเป็นส่วนใหญ่ (ถ้าถามว่าแล้ว 3 ล้านปลายๆ มีมั๊ย? …มีครับ แต่มีน้อย ถ้าลองหาดูดีๆก็อาจเจอนะ) ดังนั้นบทความนี้จึงจะรวบรวมคอนโดในช่วงระดับราคา 4 – 6 ล้านบาท ที่ยังมีอยู่ในตลาดทำเลนี้ และยังอยู่ในงบที่กลุ่มเป้าหมายที่พอจะหยิบจับเป็นเจ้าของได้อยู่ ยังสามารถปล่อยเช่าได้ และเวลาเปลี่ยนมือ หรือขายต่อก็ยังทำได้ง่ายกว่าคอนโดราคาแพงอีกด้วย ซึ่งจะมีคอนโดอะไรน่าสนใจบ้างนั้น เราตามไปชมพร้อมๆกันเลยครับ

ที่ตั้งของมหาลัยจะตั้งอยู่บนถนนอโศกมนตรีเยื้องๆไปทางฝั่งถนนเพชรบุรี ติดกับคลองแสนแสบ ซึ่งทำเลนี้โดดเด่นในเรื่องการเดินทางที่สะดวก ทั้งใกล้ทางด่วน และเป็นจุด Interchange ของรถไฟฟ้าถึง 3 เส้นทางด้วยกันคือ BTS อโศก, MRT สุขุมวิท และ APL มักกะสัน จึงทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางค่อนข้างหลากหลาย เข้า-ออกเมืองก็ง่าย ไปสนามบินก็สะดวก ทั้งชาวต่างชาติ และสจ๊วต – แอร์โฮสเตส ก็เลือกอยู่แถวนี้กันเยอะ และอีกเส้นทางที่ขาดไม่ได้คือ “เรือโดยสาร” นั่นเองครับ ซึ่งด้านหลังของมหาลัยจะมีท่าเรือ มศว ประสานมิตร ที่สามารถเดินทางมาจากบางกะปิ-รามคำแหงได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเสี่ยงรถติดบนถนนเลยครับ

ความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้นับว่าคึกคักมากทีเดียว โดยเฉพาะบนเส้นถนนอโศกมนตรีนอกจากจะเป็นทำเลที่ตั้งของอาคารสำนักงานมากมายแล้ว ยังมีตลาดใหญ่ๆอย่าง ตลาดรวมทรัพย์ ที่ให้พนักงานออฟฟิศ หรือน้องๆนักศึกษาได้พึ่งพิง หรือจะเป็นร้านอาหาร และคอมมูนิตี้มอลล์เล็กๆ ก็มีกระจายอยู่ตลอดทั้งเส้นทาง โดยรถไฟฟ้าใต้ดินเองก็มี Metro Mall คอยให้บริการทั้ง 2 สถานี สำหรับคนที่เดินทางด้วย MRT ก็จะสามารถแวะซื้อของได้สะดวกมากๆ หรือจะเป็นห้างใหญ่ๆไปเดินตากแอร์ชิลๆ บนถนนฝั่งสุขุมวิทก็จะมี Terminal 21 ซึ่งฟู๊ดคอร์ทชั้นบนนอกจากอาหารจะถูกแล้วก็ยังอร่อยอีกด้วย ถ้าเป็นถนนฝั่งเพชรบุรีก็จะมีอาคาร Mixed-use เปิดใหม่อย่าง Singha Complex ที่ชั้นล่างเปิดเป็น Mall ให้ไปเดินช้อปปิ้งกันได้ครับ

ถึงแม้ทำเลนี้จะเดินทางได้สะดวกและหลากหลาย แต่ก็มีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่ไม่อยากให้ลูกหลานต้องเหนื่อย หรือเสียเวลาไปกับการเดินทางวันละหลายชั่วโมง ครั้นพอจะซื้อคอนโดที่พึ่งเปิดตัวใหม่ในทำเลนี้ ก็มีราคาที่สูงเกินเอื้อมไปซะแล้ว …แต่ใจเย็นๆนะครับ ถ้าคุณมีงบในกระเป๋าอยู่ประมาณ 4 – 6 ล้านบาท คอนโด Re-sale ในย่านนี้ยังมีขายราคานี้อยู่นะ แต่จะเป็นโครงการที่มีอายุพอสมควร ราคาจึงไม่ได้โดดแรงเหมือนโครงการเปิดใหม่ในปัจจุบันมากนัก ซึ่งก็จะมีอยู่หลายโครงการด้วยกัน และผมจะขอแบ่งโซนออกเป็น 3 โซน ซึ่งแต่ละโซนก็จะมีบริบทและโปรดักส์ที่แตกต่างกันออกไป ประกอบด้วย

  • โซนที่ 1 : คอนโดติดถนนเพชรบุรี มีทั้งหมด 7 โครงการ
  • โซนที่ 2 : คอนโดติดถนนอโศกมนตรี มีทั้งหมด 3 โครงการ
  • โซนที่ 3 : คอนโดในซอยสุขุมวิท มีทั้งหมด 4 โครงการ


โซนที่ 1 คอนโดติดถนนเพชรบุรี

โซนนี้จะมีอยู่ทั้งหมด 7 โครงการด้วยกัน โดยจะมีเพียง 1 โครงการเท่านั้น ที่จะอิงฝั่งถนนอโศก-ดินแดง นั่นก็คือ Life Asoke ครับ ซึ่งทำเลนี้มีจุดเด่นในเรื่องของวิวที่เปิดโล่ง และมีการคมนาคมที่สะดวกและหลากหลายมากๆ โดยเฉพาะ MRT สถานีเพชรบุรี และ Airport Rail Link ที่สามารถเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้สะดวกสุดๆ หรือจะใช้รถยนต์ส่วนตัวก็มีทางด่วนศรีรัชให้ใช้อยู่ไม่ไกลอีกด้วย และถ้าเป็นถนนเพชรบุรีก็จะมีซอยสำคัญอย่าง ซอยเพชรบุรี 38 ที่จะเชื่อมต่อถนนเพชรบุรี เพื่อเดินข้ามคลองแสนแสบมายังเรือยังท่าเรือ มศว หรือจะเข้ามหาลัยจากทางด้านหลังก็ได้ครับ ซึ่งคอนโดส่วนใหญ่ก็จะเกาะกลุ่มกันอยู่ใกล้ๆกับซอยนี้นี่แหละ แต่จะมีอยู่แค่ 2 โครงการอย่าง Villa Asoke และ The Address Asoke เท่านั้นที่จะอยู่ฝั่งมักกะสัน และจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากกว่านั่นเองครับ

โครงการแรก Life Asoke จุดเด่นของโครงการนี้ที่เห็นได้ชัดคือ เรื่องของทำเลการเดินทางที่สะดวกมากๆครับ เป็นโครงการที่สามารถเข้า-ออก ได้ถึง 3 ทางเลยทีเดียว จุดแรกคือทางเข้าหลักด้านหน้าติดถนนอโศก-ดินแดง จุดที่ 2 คือด้านข้างโครงการ ที่สามารถมาออกที่ถนนกำแพงเพชร 7 เพื่อไปลัดเข้าถนนเพชรอุทัย แล้วไปขึ้นทางด่วนศรีรัชได้ง่ายๆครับ ส่วนจุดที่ 3 เป็นทางเข้า-ออกคนเดิน ซึ่งจะเปิดออกมาตรงบันไดทางขึ้น Sky Walk ของ Airport Rail Link เพื่อเดินไป APL สถานีมักกะสัน ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หรือจะเดินไป MRT เพชรบุรี ที่แยกอโศก-เพชรบุรี ก็ได้อีกเช่นกันครับ

Fact @ 20 July 2019

  • Life Asoke (ไลฟ์ อโศก )
  • บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
  • HIGH CLASS(อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 35 ชั้น 1 อาคาร 1,642 ยูนิต และร้านค้า 3 ร้าน
  • ที่ดินประมาณ 6-2-85 ไร่
  • ที่จอดรถประมาณ 675 คันคิดเป็น 41 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • โครงการสร้างเสร็จ : ปี 2018

โครงการนี้เริ่มเปิดขายเมื่อปี 2015 ซึ่งก็ขายหมดอย่างรวดเร็ว เพราะด้วยเรื่องของทำเลอย่างที่ผมได้บอกไปแล้วก่อนหน้านี้ ปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จมาแล้ว 2 ปี และมีลูกบ้านเข้าอยู่กันพอสมควร เนื่องจากเป็นโครงการที่ใหญ่มาก ดังนั้นส่วนกลางจึงต้องใหญ่มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็เหมาะกับคนที่ชอบใช้ Facilities กว้างๆใหญ่ๆนะครับ แต่ก็ต้องแลกมากับเพื่อนบ้านที่ต้องแชร์ร่วมกันเยอะด้วยนั่นเอง แต่จากที่ทาง ThinkofLiving เคยได้เข้าไปชมโครงการมานั้นต้องบอกเลยว่า สภาพและบรรยากาศภายในโครงการยังดูดีอยู่มากเลยครับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนิติบุคคลที่บริหารดี และลูกบ้านก็ช่วยกันดูแลรักษาส่วนกลางให้สวยงามน่าใช้งานอยู่ตลอดเวลานั่นเอง ซึ่งนอกจากจะมี Main Facilities อยู่ที่ชั้น 7 แล้ว ยังมี Roof Top Garden ขนาดใหญ่บนชั้นดาดฟ้าให้ขึ้นไปใช้งานได้อีกด้วย

สำหรับห้องพักที่สามารถซื้อได้และอยู่ในงบ 4 – 6 ล้านบาท ได้แก่

  • Studio ขนาด 24 ตารางเมตร ราคา 3.4 – 3.7 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 29 ตารางเมตร ราคา 4.3 – 4.6 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตารางเมตร ราคา 4.8 – 6 ล้านบาท

ซึ่งจะเห็นได้ว่า เราสามารถซื้อแบบห้องได้เกือบทุกขนาดที่โครงการมีเลยนะครับ ยกเว้นแค่ห้องหัวมุมโครงการที่เป็นห้อง 2 Bedrooms ขนาดใหญ่ นั่นเป็นเพราะโครงการนี้ทำขนาดห้องเริ่มต้น size ไม่ใหญ่มาก พอหารเฉลี่ยออกมาก็อยู่ที่ประมาณ 148,000 – 154,000 บาท/ตารางเมตร จึงทำให้เป็นหนึ่งในโครงการที่เรายังมีตัวเลือกแบบ และตำแหน่งของห้องค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งโดยรอบโครงการ ณ ปัจจุบัน จะไม่มีตึกสูงบังในระยะประชิด จึงได้วิวที่เปิดโล่งมากๆ แต่โดยส่วนตัวผมจะชอบวิวทางทิศตะวันตก ซึ่งจะหันหน้าไปทางมักกะสัน แล้วสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ได้นั่นเองครับ หรือถ้าใครที่เลือกชั้นไม่สูงนัก ก็อาจเลือกวิวส่วนกลางที่ชั้น 7 ตามแต่ความชอบของแต่ละคนก็ได้เช่นกันนะ

สำหรับข้อมูลโดยละเอียดของโครงการนี้สามารถกดคลิกได้ตามช่องทางต่อไปนี้เลยครับ :

สำหรับโครงการ Life Asoke เป็นโครงการเดียวของโซนนี้ที่อิงถนนอโศก-ดินแดงนะครับ ต่อมาเราจะมาดูคอนโดที่อยู่ติดถนนเพชรบุรีกันบ้างนะว่าจะมีอะไรกันบ้าง

เริ่มด้วยโครงการ The Parkland Grand อโศก-เพชรบุรี เป็นทำเลที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ มศว ก็จริง แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปครับ เพราะจะมีสะพานลอยซึ่งจะอยู่ห่างออกไปไม่ไกลให้เดินข้ามกันได้อย่างปลอดภัย เพียงแต่โครงการนี้จะอยู่ห่างจากสาธารณูปโภค หรือสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าเพื่อนบ้านในย่านเดียวกัน โดยจะห่าง Singha Complex และรถไฟฟ้าประมาณ 500 m. แต่ก็แลกมากับความเงียบสงบที่มากกว่านั่นเองครับ

Fact @ 20 July 2019

  • The Parkland Grand Asoke-Phetchaburi (เดอะ พาร์คแลนด์ แกรนด์ อโศก-เพชรบุรี)
  • บริษัท นารายณ์ พร็อพเพอตี้ จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 26 ชั้น 1 อาคาร 295 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ 1-3-86 ไร่
  • ที่จอดรถประมาณ 60% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • โครงการเปิดตัว : ปี 2009
  • โครงการสร้างเสร็จ : ปี 2012

ปัจจุบันโครงการนี้สร้างเสร็จมาแล้ว 7 ปี ถือว่ามีอายุพอสมควรเลยทีเดียว แต่ก็ยังดูสะอาดสะอ้าน และเรียบร้อยดีครับ พื้นที่ส่วนกลางน่าใช้งาน เน้นตกแต่งสวนสไตล์รีสอร์ท โดยจะมี Main Facilities อยู่ที่ชั้น 5 และมีสวนที่สามารถขึ้นไปชมวิวที่ชั้น 21  ซึ่งถือว่าหาได้ค่อนข้างยากนะ สำหรับโครงการเก่าขนาดนี้แต่มีส่วนกลางที่ชั้นสูงๆให้ขั้นไปใช้งาน โดยรวมผมถือว่าเป็นโครงการที่ให้ส่วนกลางมาเยอะดี เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตเพียง 295 ห้อง ทำให้ไม่ต้องแย่งกันใช้งาน และส่วนกลางไม่เสื่อมโทรมเร็ว นิติก็ดูแลจัดการได้ง่ายอีกด้วย

จุดเด่นจริงๆของโครงการนี้คือรูปแบบห้องครับ ซึ่งห้องส่วนใหญ่จะเป็นแบบหน้ากว้างที่เราจะไม่ค่อยได้เห็นกันในปัจจุบัน ข้อดีคือจะทำให้ห้องโปร่งโล่ง ได้รับแสงสว่างทั่วทุกฟังก์ชัน แล้วยังจัดเฟอร์นิเจอร์ต่างๆให้ลงตัวได้ง่ายอีกด้วย โดยช่วงราคา 4 – 6 ล้านบาท เราสามารถซื้อห้องของโครงการนี้ได้เกือบทุกขนาดเลยครับ จะมีแค่ห้องสีน้ำตาลเข้มและสีชมพูด้านหน้าเท่านั้นที่เป็นห้องขนาดใหญ่แล้วเกินงบไปพอสมควร ส่วนห้องที่เราจะสามารถซื้อได้คือ

  • 1 Bedroom ขนาด 35 – 40 ตารางเมตร ราคา 3.7 – 4.5 ล้านบาท

และจากแปลนอาคารจะสังเกตได้ว่า ปีกอาคารทางด้านซ้ายจะมีห้องที่หายไปบางส่วน นั่นเป็นเพราะที่ชั้น 16 เค้ายอมเสียพื้นที่ขายไปส่วนหนึ่ง เพื่อทำพื้นที่สวนเล็กๆระหว่างชั้น และทำเป็นพื้นที่เปิดโล่งแบบ Triple Volume สูงขึ้นมาถึงชั้น 18 ช่วยเพิ่มช่องแสง การระบายอากาศ และความเพิ่มเป็นส่วนตัวของอาคารใรชั้นนั้นๆได้ดีเลยทีเดียวครับ

ต่อไปเป็นโครงการที่อยู่ฝั่งเดียวกับมหาลัยครับ ซึ่งตามภาพเรียงจากทางด้านซ้ายก็คือ คอนโด My Resort Bangkok, คอนโด Ideo Mobi Asoke, คอนโด Supalai Premier Asoke และ Singha Complex ซึ่งเป็นอาคาร Mixed-use ขนาดใหญ่ ด้านบนเป็นสำนักงาน และมี mall อยู่ด้านล่าง ซึ่งคนในละแวกนี้สามารถเดินไปช้อปปิ้งได้ใกล้ที่สุดนั่นเองครับ

เริ่มกันที่โครงการ My Resort Bangkok เป็นโครงการเก่าแก่ในย่านนี้ที่มีอายุตึกถึง 10 ปี แต่ก็มีการรีโนเวทอยู่สม่ำเสมอ สังเกตจากภายนอกอาคารยังดูดีอยู่เลยครับ นั่นหมายความว่าโครงการนี้มีนิติบุคคลที่บริหารจัดการค่อนข้างโอเค และยังเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแรกๆ ที่เข้ามาเปิดทำเลในพื้นที่นี้อีกด้วย จึงทำให้บริเวณด้านหน้าและโดยรอบค่อนข้างคึกคักและอุดมสมบูรณ์ สังเกตได้จากร้านสะดวกซื้อและร้านแผงลอยต่างๆ ที่มาเปิดกันทางด้านหน้า

รูปแบบโครงการจะแยกเป็น 2 Tower แต่ใช้ฐานโพเดี้ยมเดียวกัน มีความเป็นส่วนตัวสูงมากเพราะมียูนิตต่อชั้นเพียง 7 – 10 ห้อง และได้เป็น Single Corridor แต่ก็มีข้อเสียคือ โถงทางเดินจะมืดและทึบมากครับ ถ้าใครไม่ชอบความอึดอัดก็อาจไม่เหมาะกับที่นี่นะ โดยห้องที่อยู่ในงบ 4 – 6 ล้านบาท จะเป็นห้อง Type A, B และ G ที่เป็นห้องขนาดเล็กของโครงการ ซึ่งก็มีตำแหน่งให้เลือกอยู่เยอะพอสมควร เพียงแต่ถ้าเป็นห้อง Type A จะได้เป็นห้องหน้าแคบนะครับ

Fact @ 20 July 2019

  • My Resort Bangkok (มายรีสอร์ท บางกอก)
  • บริษัท อิควิตี เรสซิเดนเชียล จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 28 และ 35 ชั้น 1 อาคาร 2 Tower 382 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ 2-0-10.7 ไร่
  • ที่จอดรถประมาณ n/a%
  • โครงการสร้างเสร็จ : ปี 2009
  • Studio ขนาด 36 ตารางเมตร ราคา 3.8 – 4 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 35 – 50 ตารางเมตร ราคา 3.8 – 5.3 ล้านบาท

http://myresort.co.th/bangkok/th/gallery.php

มีภาพบรรยากาศส่วนกลางที่ชั้น 9 ของโครงการมาฝากกันด้วยครับ ถือเป็นชั้น Main Facilities หลัก ที่เชื่อมต่อทั้ง 2 Tower และทำเป็นสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลางระหว่างตึก บรรยากาศดูคล้ายกับโรงแรมหรือรีสอร์ท ที่เหมาะจะมาพักผ่อนมากๆครับ ดูเรียบง่ายแต่ก็โปร่งโล่งดี ตามสไตล์รูปแบบของอาคารเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และตรงจุดนี้ยังเป็นพื้นที่ Semi Outdoor ที่เป็นช่องรับลมได้ดีทีเดียว

ติดกันคือโครงการเพื่อนบ้านอย่าง Ideo Mobi อโศก ซึ่งถือเป็นโครงการน้องใหม่ที่อายุน้อยที่สุดในรุ่น พึ่งสร้างเสร็จไปหมาดๆเมื่อปลายปีที่แล้ว รูปร่างอาคารมีลักษณะทันสมัยแปลกตาไปจากโครงการเพื่อนบ้านตามสไตล์ของอนันดา ถ้าใครที่ต้องการโครงการใหม่หน่อย แต่ราคายังอยู่ในงบประมาณ 4 – 6 ล้านที่ตั้งไว้ โครงการนี้ก็ยังพอมีอยู่นะครับ

Fact @ 20 July 2019

  • Ideo Mobi Asoke (ไอดิโอ โมบิ อโศก)
  • บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร 507 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ 2-2-63.3 ไร่
  • ที่จอดรถประมาณ 245 คันคิดเป็น 48% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • เริ่มก่อสร้าง : 2016
  • โครงการสร้างเสร็จ : Q4/2018

จุดเด่นอย่างแรกที่น่าสนใจของโครงการนี้คือ ซอยเพชรบุรี 38 ที่อยู่ด้านข้างนี่เอง ซึ่งนอกจากจะมีเซเว่นและร้านค้าแผงลอยอยู่หน้าปากซอยแล้ว ยังเป็นซอยที่เชื่อมต่อไปยังสะพานข้ามคลองแสนแสบ เพื่อไปท่าเรือ มศว ประสานมิตร หรือจะเดินเข้ามหาลัยจากประตูทางด้านหลังเลยก็ได้ ซึ่งถือว่าสะดวกมากนะสำหรับนักศึกษา รวมถึงบุคลากรที่ทำงานอยู่ในมหาลัย หรือจะเป็นคนที่ทำงานย่านอื่นข้างเคียง แล้วต้องการเดินทางสะดวกๆด้วยเรือก็ได้ แน่นอนว่าซอยนี้ก็อยู่ข้างๆ My Resort Bangkok เมื่อสักครู่นี้ด้วยเช่นกันครับ

กลับมาที่โครงการ Ideo Mobi เมื่อเข้ามาดูภายในจะเห็นได้ถึงบรรยากาศ และการตกแต่งที่แตกต่างจากโครงการที่ผ่านๆมาอย่างสิ้นเชิง ดูทันสมัยมากกว่า และส่วนกลางก็ค่อนข้างสวยครับ ฟังก์ชันส่วนใหญ่จะเน้นเพื่อใช้งานเป็นหลัก โดยเฉพาะพื้นที่ Co-Working Space และ Library ที่เป็นฟังก์ชันของคนยุคใหม่ที่มักจะทำงานที่บ้าน ต่างจากคอนโดยุคเก่าๆที่จะเน้นเป็นสวน และพื้นที่ปลูกต้นไม้ธรรมชาติสวยๆเพื่อการพักผ่อน ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนรุ่นใหม่ หรือชอบใช้ Facilities เหล่านี้ก็อาจจะเหมาะกับที่นี่ก็ได้ ข้อดีอีกอย่างคือ ส่วนกลางส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้น 36 ซึ่งจะทำให้เวลาขึ้นมาใช้งานก็จะ take view ไปได้ด้วยครับ

รูปแบบอาคารถ้าใครเห็นเป็นทรงหลายเหลี่ยมแบบนี้ก็อย่างพึ่งตกใจไปนะ อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าโครงการนี้เป็นน้องใหม่ที่มาทีหลังเพื่อน ดังนั้นเค้าจึงออกแบบโดยบิดอาคารให้หันหน้า take view หลบโครงการรุ่นพี่ข้างเคียงโดยรอบ เพื่อให้ลูกบ้านได้มีมุมมองที่เปิดโล่งมากที่สุดนั่นเอง และแบบห้องของโครงการนี้ก็ยังเน้นเป็นห้องหน้ากว้างอีกด้วยครับ

โดยห้องที่อยู่ในงบ 4 – 6 ล้านนั้น ก็ยังมีตัวเลือกอยู่ค่อนข้างหลากหลายนะ ทั้งนี้เป็นเพราะขนาดห้องเริ่มต้นของโครงการนี้มีขนาดเล็กนั่นเอง (เท่ากับ Life Asoke ตัวแรกที่เราไปดูกันเลยครับ) จะมีก็แค่ห้องมุม 4 ห้องสีน้ำตาลแดงและสีดำเท่านั้นครับที่เกินงบ เพียงแต่ถ้าคิดเป็นราคา/ตารางเมตร ออกมาแล้วนั้น โครงการนี้ก็จะแพงสุดด้วยเช่นกัน (ประมาณ 175,000 – 178,000 บาท/ตารางเมตร) ประกอบด้วย

  • Studio ขนาด 24 ตารางเมตร ราคา 4 – 5.5 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 33 – 34.5 ตารางเมตร ราคา 5.8 – 6 ล้านบาท

ถัดมาคือโครงการ Supalai Premier Asoke ซึ่งก็เป็นหนึ่งในคอนโดมิเนียมรุ่นแรกๆ ที่เข้ามาบุกเบิกทำเลนี้ ตั้งแต่สมัยที่อาคาร Singha Complex ทางด้านขวายังไม่มีเลยด้วยซ้ำครับ และในปัจจุบันพออาคาร Singha Complex สร้างเสร็จแล้ว ก็เลยทำให้ศุภาลัยเองพลอยได้อานิสงค์เรื่องความอุดมสมบูรณ์ที่มากขึ้น และขึ้น-ลง MRT ได้สะดวกขึ้นครับ แวปแรกที่สัมผัสได้จากโครงการนี้ทางด้านหน้า ที่ต่างจากโครงการต่างๆก่อนหน้านี้คือ พื้นที่สีเขียวหน้าโครงการ ซึ่งเกิดจากการร่นระยะ set back จากถนนใหญ่เข้าไปด้านในค่อนข้างมาก แล้วนำมาทำเป็นพื้นที่จอดรถกลางแจ้ง พร้อมกับปลูกต้นไม้เพิ่มเติม จึงทำให้ดูเหมือนเป็นสวนขนาดใหญ่ ช่วยสร้างให้เกิดความร่มรื่น และดูสดชื่นเวลาเข้า-ออกโครงการได้เป็นอย่างดีเลยครับ

Fact @ 20 July 2019

  • Supalai Premier Asoke (ศุภาลัย พรีเมียร์ อโศก)
  • บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 38 ชั้น 1 อาคาร 645 ยูนิต และร้านค้า 8 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ 4-2-85 ไร่
  • ที่จอดรถประมาณ 65%
  • โครงการเปิดตัว : ปี 2011
  • โครงการสร้างเสร็จ : ปี 2014

บรรยากาศภายในยังคงโอเคอยู่นะครับ ด้านล่างมีร้านค้าคอยอำนวยความสะดวกให้โดยไม่ต้องเดินออกไปนอกโครงการให้เมื่อย ส่วน Facilities ก็จะกระจายอยู่ตามชั้นต่างๆนะ ตั้งแต่ Lobby ชั้น 1 สระว่ายน้ำชั้น 8 และ Sky Lounge ที่ชั้น 39 ทำให้ช่วยลดความแออัดเวลาใช้งานของลูกบ้านได้ดี ไม่ต้องมากระจุกตัวอยู่แต่ชั้นเดียวกัน แล้วถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าขนาดพื้นที่แต่ละฟังก์ชันของโครงการนี้จะมีลักษณะที่กว้างและใหญ่ ดูสูงโปร่งมากเป็นพิเศษ โดยถ้าใครชอบบรรยากาศเรียบๆ โล่งๆ สบายๆแบบนี้ โครงการนี้ก็น่าจะตอบโจทย์เลยทีเดียว

สำหรับตัวอาคารจะเน้น take view แค่ 2 ด้านเท่านั้น โดยทางทิศเหนือจะได้วิวที่ค่อนข้างเปิดโล่งมาก เพราะปัจจุบันที่ดินถนนฝั่งตรงข้ามก็ยังไม่มีโครงการตึกสูงขึ้นมาบังวิว ส่วนทางด้านหลังถึงแม้ว่าแดดจะร้อนสักหน่อย แต่การันตีวิวเปิดโล่งได้เลย เพราะเป็นพื้นที่ของมหาลัย (ถ้าเค้าไม่ทำตึกคณะสูงเพิ่มนะ แต่โอกาสน้อยมาก) อีกจุดหนึ่งที่อยากให้สังเกตคือ รูปแบบห้องที่เค้าใช้ในชั้นพักอาศัย คือต้องทำความเข้าใจก่อนว่านี่เป็นรูปแบบโครงการยุคเก่า ที่เรามักจะเห็นเค้าใช้เป็นห้องตอนลึก เพื่อเพิ่มจำนวนห้องต่อชั้นให้ขายได้จำนวนมากขึ้น ซึ่งก็อาจมีผลอีก 2 เรื่องที่จะตามมาสำหรับผู้อยู่อาศัยคือ

  • 1. เพื่อนบ้านต่อชั้นจะเยอะมาก เวลารอลิฟต์แต่ละทีก็อาจจะใช้เวลานาน
  • 2. อาจมีปัญหาเรื่องแสงสว่างจากหน้าต่างส่องเข้าไปไม่ถึงประตูหน้าห้องได้ เพราะเป็นห้องหน้าแคบ ก็เลยทำให้ช่องแสงเล็ก แถมห้องยังลึกอีกด้วย

แต่ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ทำเลดีมากเลยครับ โดยงบ 4 – 6 ล้านบาท ยังสามารถเลือกซื้อห้องส่วนใหญ่ของโครงการเกือบได้หมด ยกเว้นห้องหัวมุม 4 ห้องที่เป็น size ใหญ่นะ

  • 1 Bedroom ขนาด 30 – 35 ตารางเมตร ราคา 4.4 – 5.2 ล้านบาท

คอนโดบนนถนนเพชรบุรียังไม่หมดเพียงเท่านี้นะครับ ยังเหลืออีก 2 โครงการ ซึ่งจะอยู่คนละฝั่งของแยกอโศก-เพชรบุรี แล้วถ้ายังจำกันได้ ในโครงการ Life Asoke ตัวแรกที่ผมพูดถึง เค้าจะได้วิวพื้นที่สีเขียวของมักกะสันขนาดใหญ่แบบนี้เลยนะ ซึ่งก็ไม่ใช่แค่โครงการ Life Asoke เท่านั้นที่จะมองเห็นวิวนี้ได้ ยังมีโครงการรุ่นพี่อย่าง The Address Asoke ก็สามารถมองเห็นได้เช่น แต่สำหรับ Villa Asoke อาจจะต้องมองเฉียงไปทางทิศตะวันตกเพื่อเลี่ยง The Address ที่อยู่ในแนวเดียวกันไปหน่อยครับ และต้องขอบอกอีกอย่างหนึ่งว่าราคาของโครงการทั้ง 2 นี้ อาจโดดสูงกว่าโครงการเพื่อนบ้านที่ผ่านมาอยู่สักหน่อยนะครับ แต่จะมีความน่าสนใจอะไรบ้างนั้นเราลองตามไปดูพร้อมๆกัน

The Address Asoke เป็นแบรนด์คอนโดระดับบนสุดของ AP ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกๆ ของแบรนด์นี้ในทำเลนี้เลยก็ว่าได้ และเป็นหนึ่งในตระกูล The Address ที่เปิดตัวพร้อมๆ กับอีก 2 โครงการ คือ The Address สุขุมวิท 28 และ The Address สาทร 12 ในช่วง Q3 ปี 2009

ปัจจุบันโครงการนี้สร้างแล้วเสร็จมาประมาณ 7 ปี ซึ่งจุดเด่นที่สุดของโครงการนี้ คือเรื่องของทำเลครับ เพราะนอกจากจะได้วิวมักกะสันอย่างที่บอกไปแล้ว และยังอยู่ใกล้รถไฟฟ้า MRT เพชรบุรี 150 m. กับ APL มักกะสัน 500 m. เท่านั้น อีกทั้งยังสามารถขับรถเลี้ยวซ้ายที่แยกอโศก-เพชรบุรี เพื่อไปขึ้นทางด่วนศรีรัช หรือจะตรงเข้าเมืองไปทางพระราม 9 – รัชดาภิเษกเลยก็ยังได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปอ้อมหรือกลับรถเลยครับ

Fact @ 20 July 2019

จากข้อมูลโครงการเมื่อสักครู่ อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการที่สอดคล้องกับทำเลคือ จำนวนที่จอดรถที่มีให้มากถึง 72% ซึ่งปัจจุบันหาโครงการที่มีจำนวนที่จอดรถเยอะขนาดนี้ได้ยากมากแล้วครับ (ถ้าไม่ใช่ระดับ Luxury ขึ้นไป) แต่ที่ผมชอบมากที่สุดก็น่าจะเป็นส่วนกลางของโครงการนี้ ซึ่งให้มาค่อนข้างครบและหลากหลายมาก (สำหรับคอนโด 7 ปีก่อน ถือว่าเยอะนะครับ)

เป็นโครงการแรกๆ ที่ยก Facilities เกือบทั้งหมดไปไว้ที่ชั้นบนสุด เช่น สระน้ำตกที่ชั้น 44 เพราะการก่อสร้างทำได้ยาก และมีราคาแพงมากนะในสมัยนั้น นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งเลียนแบบธรรมชาติที่ค่อนข้างสวยงามหลายจุด รวมถึงยังเป็นคอนโดแรกๆ ที่มีห้อง Mini Theartre แบบมีเก้าอี้นั่งจริงจังเหมือนแบบในโรงหนังตามห้างอีกด้วย

ผังอาคารวางแบบสมมาตรเท่ากันทั้ง 2 ด้าน และบริเวณโถงทางเดินยังมีการทำ Pocket Garden เล็กๆ ที่ชั้นนี้ แล้วจะเจาะวอยทะลุฝ้าเพดานเชื่อมต่อกันในแต่ละชั้น ทำให้ช่วยถ่ายเทอากาศได้ดี มีความโปร่งโล่งมากขึ้น ซึ่งแบบห้องที่อยู่ในงบ 4 – 6 ล้าน จะมีอยู่แค่ 2 ตำแหน่งเท่านั้นครับ ส่วนตัวจะชอบห้องด้านขวามากกว่า เพราะจะได้วิวมักกะสันเป็นแนวยาวเลยนะ โดยห้องที่เราสามารถซื้อได้นั้น จะได้เป็นห้องหน้ากว้าง ทำให้ฟังก์ชันภายในสว่างทั่วถึง และโปร่งโล่งดีเลยครับ มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างเป็นสัดส่วนดี แถมห้องน้ำยังมีอ่างอาบน้ำให้อีกด้วย

  • 1 Bedroom ขนาด 35.9 ตารางเมตร ราคา 5.7 – 6 ล้านบาท

โครงการสุดท้ายที่จะมาแนะนำในโซนแรกนี้คือ Villa Asoke เป็นคอนโดติดถนนเพชรบุรีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ The Address เมื่อสักครู่นี้ ถ้าเป็นในเรื่องการใช้รถไฟฟ้า MRT จะสะดวกเหมือนกันครับ ห่างเพียง 150 m. เท่านั้น ส่วน APL จำเป็นต้องข้ามถนน หรือลอดใต้สถานี MRT เพื่อไปฝั่งตรงข้ามครับ

ส่วนการใช้ทางด่วนนั้นจะเสียเปรียบนิดหน่อย ซึ่งหากเราต้องการไปขึ้นทางด่วน หรือเข้าเมืองไปพระราม 9 ก็จำเป็นต้องไปอ้อมรถเข้าถนนกำแพงเพชร 7 ที่มักกะสันก่อนครับ แต่ข้อดีของโครงการนี้คือ มีที่จอดรถมากถึง 73% แบบไม่รวมซ้อนคัน (ของ The Address เค้ารวมซ้อนคันครับ) จึงเป็นอีกคอนโดที่เหมาะกับคนใช้รถมากๆเลย

Fact @ 20 July 2019

บรรยากาศภายในโครงการต้องบอกว่ายังดูโอเคอยู่ครับ ซึ่งก็มีบ้างที่จะเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาเล็กน้อย เช่น สีอาคารซีดลง แต่ชอบที่มีการออกแบบตำแหน่งฟังก์ชันได้ค่อนข้างดี เช่น สระว่ายน้ำจะอยู่ทางด้านหลังโครงการ หันวิวออกไปทางคลองแสนแสบและบ้าน 2 ชั้นหลังใหญ่ ซึ่งจะมีความเงียบสงบ และเป็นส่วนตัวมากกว่าทางด้านหน้าที่อยู่ติดถนน อีกทั้งยังเป็นโครงการแรกๆในยุคนั้น ที่มี Sky Lounge อยู่ชั้นบนสุด ซึ่งหาได้ยากมากครับสำหรับคอนโดเมื่อ 6 – 7 ปีก่อน นอกนั้นก็จะเป็นฟังก์ชันเล็กๆน้อยๆที่เค้าเพิ่มเข้ามา ซึ่งไม่มีในโครงการยุคเดียวกันอย่าง Yoga, Aerobic, สนามพัตต์กอล์ฟ, Kid’s room, Game room และ Mini Home Theatre ครับ

ผังอาคารโครงการนี้จะค่อนข้างดูทึบตันนะครับ เพราะไม่มีการเปิดช่องแสงให้เลย อีกทั้งตำแหน่งลิฟต์ยังอยู่ติดกับห้องพักอาศัยถึง 4 ห้องอีกด้วย ซึ่งห้องที่อยู่ติดลิฟต์นั้นอาจจะมีปัญหากับเสียงของงานระบบลิฟต์ที่ตามมาได้ครับ และห้องทั้ง 4 มุมของลิฟต์นั้นยังอาจต้องใช้โถงทางเดินหน้าห้องร่วมกับโถงลิฟต์อีกด้วย ซึ่งจะทำให้ขาดความเป็นส่วนตัวไปได้ครับ แต่ก็เป็นโชคดีของเราที่ห้องในงบ 4 – 6 ล้านบาท จะมีแค่แบบเดียวเท่านั้น ซึ่งจะไม่ได้อยู่ติดกับลิฟต์เจ้าปัญหาด้วยครับ

จุดเด่นของห้อง type นี้คือ ได้ห้องหน้ากว้างและครัวที่ใหญ่มาก เพียงแต่เค้าจะไม่ได้กั้นครัวปิดมาให้ ต้องทำเพิ่มเอง แต่ที่ชอบคือ common area ทั้งหมดจะเป็นพื้นกระเบื้องครับ ซึ่งโดยปกติแล้วหลายๆโครงการจะมีให้เฉพาะส่วนครัวเท่านั้น หาได้ยากมากครับถ้าไม่ใช่ระดับ Luxury ขึ้นไป ซึ่งห้องที่เราจะซื้อได้คือ

  • 1 Bedroom ขนาด 40 ตารางเมตร ราคา 5.5 – 5.7 ล้านบาท

สำหรับข้อมูลโดยละเอียดของโครงการนี้สามารถกดคลิกได้ตามช่องทางต่อไปนี้เลยครับ :

ตารางสรุปโซนที่ 1

จากตารางพบว่า Life Asoke มีราคาที่ถูกสุดก็จริง แต่อย่าลืมที่ผมบอกว่าเค้าทำห้องขนาดเล็กออกมาขาย ดังนั้นพอเฉลี่ยเป็นราคา/ตารางเมตรออกมา จึงมีราคาที่ค่อนไปทางสูงของกลุ่มโซนนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามทำเลที่เดินทางได้สะดวกทั้งรถยนต์ที่เข้า-ออกได้ 2 ทาง และมีประตูคนเดินติด Sky walk รถไฟฟ้าอีกด้วย

ซึ่งถ้ายังอยากได้ระดับราคาที่เท่ากัน แต่ต้องการห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย Supalai Premier Asoke ก็เป็นตัวเลือกน่าสนใจครับ อยู่ติด Singha Complex ใกล้ MRT และอยู่ฝั่งเดียวกับมหาลัย สามารถเดินลัดซอยเพชรบุรี 38 ไปเข้ามหาลัยทางด้านหลังได้ แล้วถ้าชอบใช้ส่วนกลางสวยๆและห้องหน้ากว้าง แต่ราคาไม่แรงมากก็อาจเป็น The Parkland Grand อโศก – เพชรบุรี ก็ดูไม่เลวนะ แต่ถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวและต้องการที่จอดรถเยอะๆหรือใช้รถยนต์เป็นหลักก็ต้อง Villa Asoke เลยครับ


โซนที่ 2 คอนโดที่อยู่ติดถนนอโศกมนตรี

ถนนอโศกมนตรีเป็นทางเข้าหลักของมหาลัย ซึ่งตลอด 2 ข้างทางของถนนเส้นนี้จะค่อนข้างคึกคักและอุดมสมบูรณ์มากเลยทีเดียว มีทั้งอาคารสำนักงาน ร้านอาหาร และตลาดหลายแห่ง รวมถึงก็มีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากมาย โดยโครงการใหม่ๆที่อยู่ติดถนนอโศกมนตรีทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ตารางเมตรละ 200,000 – 250,000 บาทกันหมดแล้วครับ ซึ่งราคาก็จะเริ่มต้นตั้งแต่ 6 – 7 ล้านขึ้นไป แต่ถ้าเราต้องการคอนโดราคาไม่แรง อยู่ในช่วง 4 – 6 ล้านบาทของทำเลนี้ ถ้าลองหาดีๆ …ก็มีนะครับ ซึ่งจะเป็นโครงการ Re-Sale ที่ค่อนข้างมีอายุมากหน่อย แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีการปล่อยเช่า และเปลี่ยนมือกันในท้องตลาดอยู่เรื่อยๆนะ

โครงการ Sukhumvit Living Town ทำเลจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมหาลัย ซึ่งก็ต้องข้ามถนนอโศกมนตรีไปหน่อย (มีทางม้าลายบริเวณหน้ามหาลัย) เป็นโครงการเก่าอายุเกือบ 10 ปี แต่ภายนอกก็ยังดูโอเคอยู่นะครับ ที่สำคัญคือ เป็นหนึ่งในคอนโดที่มีนักศึกษาเช่าพักอาศัยอยู่กันเยอะ เพราะอยู่ใกล้ทางเข้ามหาลัยที่อยู่เยื้องๆกันนี่เอง

Fact @ 20 July 2019

  • Sukhumvit Living Town (สุขุมวิท ลิฟวิ่ง ทาวน์)
  • ดี.เค.กู๊ดวิวส์ ทาวเวอร์
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 453 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ : 2-2-73.7 ไร่
  • ที่จอดรถประมาณ : 540 คัน หรือคิดเป็น 119 %
  • โครงการสร้างเสร็จ : ปี 2010

https://www.sukhumvit-livingtown.com/

บรรยากาศภายในโครงการด้านล่างจะมีร้านค้าพวกซักอบรีด หรืออะไรที่จำเป็นสำหรับการอยู่หอพักพร้อมเลยครับ และ Facilities ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ชั้นดาดฟ้า ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ Fitness และสวนน้ำตกเล็กๆที่ประดับตามจุดต่างๆ และจากที่ได้ลองเดินดูรอบๆก็พบว่าอาคารมีความเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาไปบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติซึ่งถ้าหากมีการรีโนเวทใหม่สักหน่อยก็จะกลับมาสวยเหมือนเดิมได้ เพราะฟังก์ชันต่างๆก็ยังใช้ได้ดีอยู่ครับ ทั้งนี้ที่อาคารอาจดูเสื่อมโทรมเร็วกว่าหลายโครงการที่ผ่านๆมา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเป็นโครงการที่มีการปล่อยเช่าและเปลี่ยนมือกันบ่อยกว่าที่อื่นๆนั่นเอง

https://www.sukhumvit-livingtown.com/

รูปแบบอาคารเป็นตึกทรงตัว I ธรรมดา โดย Type A จะเป็นแบบห้องส่วนใหญ่ที่มีลักษณะหน้ากว้างแต่ลึก และไม่มีประตูกั้นห้องนอน จึงออกแนวคล้ายห้อง studio ทำให้มีพื้นที่เชื่อมต่อกันกว้างและโปร่งโล่งมาก รวมถึงขนาดพื้นที่ห้องก็ค่อนข้างใหญ่ จึงสามารถอยู่อาศัย 2 คนได้แบบสบายๆ เช่น น้องๆที่อยู่ที่นี่ก็อาจแชร์ค่าห้องกับเพื่อนอีกคนได้ จะทำให้ค่าเช่าถูกลง และได้อาศัยอยู่ใกล้มหาลัย เดินทางไปเรียนได้สะดวกแบบนี้นั่นเองครับ

  • 1 Bedroom ขนาด 57 – 60 ตารางเมตร ราคา 5.7 – 6.1 ล้านบาท

คราวนี้เราข้ามถนนมายังฝั่งมหาลัยกันบ้าง ซึ่งก็จะอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับคอนโดเมื่อสักครู่นี้นั่นเองครับ (ทางเข้าอยู่ข้างๆตึก Q House) ซึ่งด้านหน้าของมหาลัยเค้าจะมีอาคารคอมมูนิตี้มอลล์เป็นของตัวเอง ซึ่งจะมีร้านค้า retail ขายพวกอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟ ธนาคาร หรือแม้แต่เป็นพื้นที่ Co-Working แบบ too fast to sleep ก็มีครับ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับน้องๆนักศึกษาแล้ว ก็ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนที่พักในคอนโดแถวๆนี้ให้ได้มาใช้งานอีกด้วย

ติดกับทางเข้ามหาลัยทางด้านขวาที่เราเห็นเป็นอาคารสีขาวๆเมื่อสักครู่คือ Supalai Premier Place Asoke เป็นอีกคอนโดเก่าแก่ในย่านนี้ ซึ่งค่อนข้างได้รับความนิยมในการเช่าพักอาศัยของน้องๆนักศึกษามากครับ ทำเลดี ติดรั้วมหาลัยแบบไม่ต้องเดินข้ามถนนให้อันตราย อีกทั้งด้านขวายังอยู่ติดกับตลาดสุขตา เป็นตลาดหรือพื้นที่ขายของเล็กๆ แต่มีกับข้าวมาขายอยู่เกือบทั้งวัน ทำให้พื้นที่นี้มีความคึกคักและอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูงครับ

Fact @ 20 July 2019

  • Supalai Premier Place Asoke (ศุภาลัย พรีเมียร์ เพลส อโศก)
  • บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน)
  • MIAN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 30 ชั้น 1 อาคาร 285 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ 2 ไร่เศษ
  • ที่จอดรถล็อคห้อง (1 ห้อง/1 ที่จอดรถ), ได้โฉนด
  • โครงการสร้างเสร็จ : ปี 2006

สำหรับบรรยากาศภายในโครงการนี้ก็จะมีความเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาพอๆกับโครงการก่อนหน้านี้เลยครับ เพราะเป็นโครงการที่มีการเช่าหรือเปลี่ยนมือบ่อย และมีนักศึกษาอยู่กันค่อนข้างเยอะ ด้านหน้ามีร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่น ร้านกาแฟ และอื่นๆ คอยช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้พักอาศัย รวมถึงมีการนำส่วนกลางต่างๆไปไว้ที่ชั้นบน ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่กล้าทำฟังก์ชันแบบนี้ให้เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ประกอบด้วย Fitness, Stream / Sauna, Lobby ที่ชั้น 27, สระว่ายน้ำที่ชั้นดาดฟ้า รวมถึงมีพื้นที่ห้อง Meeting Room เผื่อไว้ให้สำหรับน้องๆได้นั่งทำงาน หรือประชุม ติวหนังสือกันได้อีกด้วย

ผังอาคารจะเป็นรูปตัว L ซึ่งห้องที่ยังอยู่ในงบนั้น จะเป็นขนาดเริ่มต้นที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ และเป็นห้องตอนลึกที่ครัวกับห้องน้ำจะไม่อยู่ติดภายนอกอาคารเลย ซึ่งก็เหมาะกับนักศึกษาตรงที่เด็กๆก็ไม่ค่อยได้ทำอาหารทานเองสักเท่าไหร่อยู่แล้ว แต่กลับกันถ้าเป็นคนที่อยู่อาศัยจริงจัง ก็อาจต้องมีทำกับข้าวทางเองบ้างอยู่บ่อยๆแน่ และถ้าเป็นทิศเรื่องวิวที่แนะนำผมจะชอบห้องที่หันไปทางด้านหลังอาคาร เพราะจะเป็นพื้นที่มหาลัย ได้วิวเปิดโล่งขนาดใหญ่ ไม่โดนบังวิวครับ เพียงแต่ขนาดห้องเริ่มต้นของที่นี่จะค่อนข้างใหญ่ จึงทำให้เมื่อคิดเป็นเงินก้อนออกมาแล้วก็มีราคาค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าคิดเป็นราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรออกมาแล้ว ก็ถือว่าไม่แพงมากนะครับ

  • 1 Bedroom ขนาด 50 – 60 ตารางเมตร ราคา 5.7 – 6.1 ล้านบาท

โครงการสุดท้ายของโซนนี้ หลายๆคนจะไม่ค่อยรู้ว่านี่คือคอนโดที่ชื่อว่า Grand Park View Asoke เป็นอาคาร Mixed – used ที่ด้านล่างเป็นร้านค้า retail ต่างๆ ส่วนด้านหลังที่เป็นอาคารสีขาวถัดออกไปนั้นก็คือตัวคอนโดพักอาศัยครับ ซึ่งคนที่เลือกจะอยู่โครงการนี้จะเป็นคนที่ต้องการความสะดวกสบายเป็นหลัก แต่ก็แลกมากับความพลุกพล่าน เพราะก็มีคนภายนอกที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาใช้งานร้านค้าด้านล่างกันอยู่เรื่อยๆ รวมถึงที่จอดรถ 83% ที่ต้องใช้งานร่วมกับ retail อีกต่างหาก ส่วน Facilities อื่นๆของคอนโดจะอยู่ที่ดาดฟ้าชั้นบนของ Retail และลานจอดรถด้านบนครับ

Fact @ 20 July 2019

  • Grand Parkview Asoke (แกรนด์ พาร์ค วิว อโศก)
  • แกรนด์ ยูนิตี้
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 32 ชั้น 1 อาคาร 481 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ 2 ไร่เศษ
  • ที่จอดรถประมาณ : 400 คัน หรือคิดเป็น 83%
  • โครงการสร้างเสร็จ : ปี 2005

https://www.grandparkviewasoke.com/

บรรยากาศภายในโครงการจะมี Facilities อยู่ชั้นดาดฟ้า ประกอบด้วยฟิตเนส สระว่ายน้ำ และสนามเด็กเล่น ถือเป็นโครงการที่มีฟังก์ชันมาตรฐานครบ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าโครงการนี้เหมาะกับคนที่ชอบความสะดวกสบาย มีร้านอาหารใหญ่ๆอยู่ใต้อาคารไม่ต้องเดินไปไกล แต่ก็แลกมากับความพลุกพล่านมากกว่าโครงการอื่นๆครับ โดยห้องที่ยังอยู่ในงบ 4 – 6 ล้าน และสามารถซื้อได้ประกอบด้วย

  • Studio ขนาด 33 – 36 ตารางเมตร ราคา 3.2 – 3.4 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 33 – 58 ตารางเมตร ราคา 3.3 – 6.5 ล้านบาท


ตารางสรุปโซนที่ 2

จากตารางจะมีอยู่ 2 โครงการที่ค่อนข้างสูสีกันในด้านของราคาคือ Supalai Premier Place Asoke และ Sukhumvit Living Town ในขณะที่ Grand Park View Asoke จะมีราคาห้องเริ่มต้นที่ถูก เพราะด้วยขนาดห้องที่เล็กกว่า แต่พอเฉลี่ยราคาต่อตารางเมตรออกมาแล้วก็มีราคาสูงสุดด้วยเช่นกัน

ซึ่งสิ่งที่ผมจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะอยู่เอง หรือปล่อยเช่าให้น้องๆนักศึกษา ก็คือ เรื่องของความสะดวกและความปลอดภัย โดยเราจะเห็นได้ว่าทั้ง 3 โครงการมีความสะดวกใกล้เคียงกันหมด แต่จะมีแค่ Supalai เท่านั้นที่อยู่ฝั่งเดียวกับมหาลัย ทำให้ไม่ต้องข้ามถนนไป-มาให้อันตราย สามารถเดินเข้ามหาลัยได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลายืนรอข้ามถนนเวลาตอนรีบๆ อีกทั้งยังมีส่วนกลางที่จำเป็นอย่างห้องประชุมที่น้องๆได้มานั่งทำงาน หรือติวหนังสือกันได้อีกด้วย ซึ่งตรงจุดเหล่านี้เองเป็นสิ่งที่โครงการของ Supalai ได้เปรียบกว่าโครงการอื่นๆที่กล่าวมาครับ


โซนที่ 3 คอนโดในซอยสุขุมวิท

สำหรับโซนนี้ผมจะไล่ไปตั้งแต่ซอยสุขุมวิท 23 ไปจนถึงซอยสุขุมวิท 31 เลยนะ เพราะถ้าเกินไปกว่านั้นแล้วก็จะถือว่าเป็นโซนพร้อมพงษ์ครับ โดยบริบทของโซนนี้จะมีความแตกต่างจาก 2 โซนก่อนหน้านี้ ที่คอนโดจะอยู่ติดถนนใหญ่ หรือใกล้รถไฟฟ้าเป็นหลักอย่างสิ้นเชิง แต่สำหรับคอนโดในซอยจะได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว รวมถึงสามารถใช้ซอยต่างๆลัดเลาะไปออกถนนได้หลายเส้นทางอีกด้วย ซึ่งโครงการทั้ง 4 ที่เลือกมาให้ดูนี้ก็ยังมีความแตกต่างในเรื่องของทำเลในโซนของตัวเองด้วยครับ บางโครงการอยู่บริเวณต้นซอย บางโครงการอยู่บริเวณกลางๆซอย และมีบางโครงการที่อยู่ด้านในลึกสุดเลยก็มี โดยตำแหน่งต่างๆเหล่านี้จะมีผลต่อการอยู่อาศัยอย่างไรบ้าง เราไปชมพร้อมๆกันเลยครับ

เริ่มต้นที่ซอยสุขุมวิท 23 ที่ถือได้ว่าเป็นซอยใหญ่และคึกคักมากครับ เพราะสามารถเข้า-ออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิท และถนนอโศกมนตรี หรือจะเชื่อมต่อไปยังซอยอื่นๆก็ทำได้อีกเช่นกัน แล้วถ้าใครที่เคยเข้ามาก็จะเห็นว่า ตลอด 2 ข้างทางจะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร และวินมอไซค์กระจายอยู่ตามจุดต่างๆตลอดทั้งซอย สามารถเรียกใช้งานได้ง่ายมากๆ นอกจากนี้ยังมีทางลัดที่สามารถไปใช้รถไฟใต้ดิน MRT ได้ด้วยการเดินทะลุอาคาร Interchange 21 ไปได้เลย โดยไม่ต้องเดินอ้อมออกไปที่ปากซอยถนนสุขุมวิทก่อน (แต่จะใช้เส้นทางนี้ได้ก็ต่อเมื่อเป็นเวลาที่ตึกเปิดทำการเท่านั้นนะครับ)

ซึ่งคอนโดแห่งแรกของโซนนี้คือ The Edge Sukhumvit 23 เข้าจากปากซอยไปไม่ลึกมากครับ ประมาณ 110 m. เท่านั้นเอง ซึ่งบางคนก็อาจมีคำถามว่า “ทำไมในซอยเล็กๆแบบนี้ถึงได้สร้างตึกสูงได้”ใช่มั๊ยครับ นั่นเป็นเพราะผังเมืองของพื้นที่ตรงนี้ยังคงเป็นสีแดงที่สามารถก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ได้อยู่นั่นเอง อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าที่เป็นสถานี Interchange ที่สำคัญ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าคอนโดสูงแม้จะอยู่ในซอย แต่ก็มีราคาที่แพงและมีการเปลี่ยนมือกันในตลาดบ่อยมากๆ โดยเฉพาะโครงการ The Edge นี้ ที่ถือว่าได้ทำเลดีมากๆครับ ดังนั้นราคาจึงอาจก้าวกระโดดมากกว่าโครงการเพื่อนบ้านในซอยที่อยู่ในโซนเดียวกันที่กำลังจะพูดถึงต่อไปด้วย

Fact @ 20 July 2019

  • The Edge Sukhumvit 23 (ดิ เอดจ์ สุขุมวิท 23)
  • บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
  • SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 35 ชั้น และอาคารจอดรถ 9 ชั้น 443 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ 2-2-17 ไร่
  • ที่จอดรถประมาณ : 58% รวมจอดซ้อนคัน
  • โครงการสร้างเสร็จ : ปี 2016

โครงการนี้ Facilities ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้น 27 และชั้น 35 เน้น take view เมืองโดยรอบ ซึ่งก็สามารถจัดพื้นที่ส่วนกลางออกมาได้สวยงามน่าใช้งาน โดยโครงการนี้พึ่งสร้างเสร็จมาได้ 3 ปี จึงเหมาะกับคนที่อยากได้โครงการที่ทำเลดี ใกล้รถไฟฟ้าสถานี Interchacge แต่ไม่เก่ามาก ซึ่งถ้าเป็นนักศึกษาหรือคนทำงานในมหาวิทยาลัย ก็สามารถเข้าประตูทางด้านข้างจากซอยสุขุมวิท 23 นี้ได้เลยครับ ถือว่าสะดวกมากๆ โดยโครงการนี้จะมีฟังก์ชันที่น่าใช้งานสำหรับคนกลุ่มนี้คือ Library ที่ชั้น 35 เพราะโดยรอบเป็นผนังกระจก สามารถชมวิวมุมสูงได้ครับ

สำหรับห้องที่ยังอยู่ในงบนั้นเป็นห้อง Type A และ D ซึ่งก็เป็นห้องส่วนใหญ่ของโครงการ จะมีแค่ห้องมุมขนาด 41 – 42.5 ตารางเมตร 3 ห้องเท่านั้น ที่จะเกินงบไปสักหน่อย และจะเห็นได้ว่าห้องของแสนสิริโครงการนี้จะได้เป็นห้องหน้ากว้างทั้งหมด ทำให้สามารถจัดพื้นที่ได้ค่อนข้างลงตัวและเป็นสัดส่วน เหมาะที่จะอยู่อาศัย 1 – 2 คนได้แบบสบายๆ

  • 1 Bedroom ขนาด 29.5 – 33 ตารางเมตร ราคา 5.5 – 6 ล้านบาท

ขยับมาที่ซอยสุขุมวิท 27 ก็จะเจอกับโครงการ Mirage Sukhumvit 27 ซึ่งเป็นคอนโด Low Rise อยู่บริเวณตอนต้นของซอยคล้ายกับ The Edge เมื่อกี้ แต่จะอยู่ไกลจากรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT มากกว่า ดังนั้นราคาจึงไม่แรงเท่าของแสนสิรินะครับ และจากปากซอย 27 ไปยัง มศว จะมีระยะห่างประมาณ 1.2 km. ซึ่งจำเป็นต้องต่อรถหรือขับรถไปเอง ข้อดีของโครงการนี้คือ มีวินมอไซค์ให้เรียกใช้ได้อยู่ไม่ไกล หรือจะขับรถเข้าไปเองตามซอยสุขุมวิท 31 และซอยสวัสดี เพื่อไปเข้าด้านหลังมหาลัยก็ได้ครับ ขากลับก็ใช้ถนนอโศกมนตรี หรือซอยสุขุมวิท 23 วนกลับมาเข้าซอย 27 จากปากทางถนนสุขุมวิทด้านหน้า ถือว่าการเดินทางไม่ลำบากเลยครับ ถ้าเทียบกับรถติดนานๆบนถนนใหญ่ด้านนอก

Fact @ 20 July 2019

  • Mirage 27 (มิราจ สุขุมวิท 27)
  • บริษัท มิราจ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส จำกัด
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 117 Units
  • ที่จอดรถจอดประมาณ :  67 คัน หรือคิดเป็น 57%
  • ที่ดินประมาณ 1-0-35 ไร่
  • โครงการสร้างเสร็จ : ปี 2014

โครงการนี้มีอายุมาประมาณ 5 ปีแล้วครับ แต่หลังจากที่ผมได้เข้าไปอัพเดทข้อมูลต่อจากพี่โอ๋ที่เคยเขียนรีวิวโครงการไว้เมื่อ 7 ปีก่อนก็พบว่า โครงการนี้ยังอยู่ในสภาพดี ไม่มีส่วนไหนชำรุดหรือเสียหายหนักๆเลย ซึ่งนั่นเป็นเพราะการบริหารจัดการของนิติที่ดี รวมถึงจำนวนเพื่อนบ้านในโครงการที่ไม่เยอะมากนัก ซึ่งตอนนี้อยู่อาศัยจริงกันประมาณ 80% จึงทำให้ส่วนกลางไม่ช้ำมาก (อีก 20% ที่เหลือคือไป-กลับบ้านเป็นครั้งคราวและปล่อยเช่า) ที่จอดรถก็ไม่เต็มครับ ยังมีเหลือ ส่วนกลางหลักๆเค้าจะอยู่ที่ชั้น 2 เป็นห้อง Fitness และสระว่ายน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก แต่สะอาดสะอ้านดีครับ

สำหรับแบบห้องที่ยังอยู่ในช่วง 4 – 6 ล้านนั้น จะมีอยู่แค่แบบเดียวครับ และเป็นห้องขนาดเล็กที่สุดของโครงการ จะอยู่ในตำแหน่งห้องสีน้ำตาลทางด้านบนของผังอาคาร เป็นห้องแบบมาตรฐานทั่วไป แต่ common area เค้าจะปูพื้นกระเบื้องมาให้ทั้งหมดเลยครับ ด้านนอกระเบียงก็มีห้องเก็บ condensing unit แยกเป็นสัดส่วนเรียบร้อยดี แถมห้องน้ำก็เข้า-ออกได้ 2 ฝั่ง ถือว่าเป็นแปลนห้องที่โอเคเลยทีเดียว

  • 1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร ราคา 5.2 – 5.6 ล้านบาท

ถัดเข้ามาบริเวณกลางๆซอยสุขุมวิท 23 เราจะเจอกับโครงการ Rende Sukhumvit 23 ซึ่งก็เป็นคอนโด Low Rise อีกเช่นกันครับ จุดเด่นอยู่ที่ facade ด้านหน้าที่ตกแต่งด้วยลายไม้ ดูเป็นธรรมชาติและเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งทำเลนี้ยังมีความเงียบสงบไม่พลุกพล่าน ถึงแม้ซอยนี้จะไม่ใช่ซอยตัน เพราะสามารถไปเข้ามหาลัยทางด้านข้างได้ แล้วยังเชื่อมต่อไปออกถนนอโศกมนตรีได้อีกด้วย แต่ก็นานๆทีจะมีรถผ่านสักคัน ส่วนใหญ่ก็เป็นคนในซอยนี้ที่ขับรถเข้า-ออกกันนั่นเองครับ

Fact @ 20 July 2019

เนื่องจากโครงการนี้มีขนาดเล็ก จึงค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูงครับ ส่วนกลางก็มี Lobby สระว่ายน้ำ และฟิตเนส ที่ขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ที่ชั้น 2 แต่ก็เพียงพอสำหรับจำนวนยูนิตเพียง 50 ห้อง ซึ่งวันที่ผมเค้าไปดูโครงการมานั้นพบว่า เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยดีครับ เพียงแต่พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดจะเป็นแบบ Indoor และอยู่ใต้ชายคาทั้งหมด ถ้าไม่เปิดไฟช่วยส่องสว่างนี่คือค่อนข้างมืดเลยทีเดียวล่ะครับ เพราะคอนโดสมัยก่อนไม่ได้เน้นช่องแสงและความโปร่งโล่งเท่าสมัยนี้ แต่หากใครที่ชอบความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวก็อาจเหมาะกับโครงการนี้ก็ได้ครับ

โดยห้องที่สามารถซื้อได้และยังอยู่ในงบ 4 – 6 ล้าน จะเป็นแบบห้องขนาดเล็กที่สุดของโครงการ และมีเพียง 2 ห้องต่อชั้น ซึ่งแปลนห้องนี้ผมค่อนข้างชอบนะ มีความแตกต่างจากโครงการอื่นตรงส่วนครัวที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทานอาหารในตัว ได้เป็นครัวปิด และอยู่ติดระเบียงที่เปิดระบายอากาศได้ จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารมากๆ ส่วนห้องน้ำก็จะได้อ่างอาบน้ำ และมีผนังกระจกแบบ Sexy Barth Room อีกด้วย

  • 1 Bedroom ขนาด 35 – 36 ตารางเมตร ราคา 5.1 – 5.5 ล้านบาท

มาถึงโครงการสุดท้ายกันแล้วนะครับกับ Voque Sukhumvit 31 ทำเลที่ตั้งของโครงการนี้จะอยู่ในซอยลึกเข้ามาจากถนนใหญ่มากกว่าทุกๆโครงการ ซึ่งบางคนอาจมองว่าไกลและไม่สะดวก แต่สำหรับคนที่เป็นนักเรียน นักศึกษา หรือพ่อแม่ผู้ปกครอง และบุคคลากรที่ทำงานใน มศว โครงการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สะดวก ใกล้รั้วมหาลัย แต่ไม่พลุกพล่านเหมือนทางด้านหน้าฝั่งถนนอโศกมนตรี และแน่นอนว่าไม่ได้อุดมสมบูรณ์เท่าครับ ดังนั้นจึงเป็นทำเลที่เหมาะกับคนชอบความเงียบสงบเป็นหลัก และต้องการอยู่อาศัยจริงๆมากกว่า

Fact @ 20 July 2019

  • Voque Sukhumvit 31 (โว้ค สุขุมวิท31)
  • Apollo Asset
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น  74 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ 328 ตารางวา
  • ที่จอดรถในช่องจอด 55 คัน (74%) ถ้ารวมจอดซ้อนได้ 80 คัน (108%)
  • โครงการสร้างเสร็จ : ปี 2012

โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งคอนโดที่มีจำนวนห้องพักไม่ถึง 100 ห้อง จึงมีความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งจากที่ผมได้สอบถามกับทางนิติมาก็ทราบว่า ส่วนใหญ่คนที่อยู่อาศัยที่นี่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกกำลังเรียนอยู่สาธิต มศว ซึ่งเด็กๆสามารถเดินทางไปเรียนได้สะดวกมากๆ และพ่อแม่เองก็สามารถอยู่ดูแลได้อีกด้วย โครงการนี้อาจเหมาะที่จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองแบบระยะยาว อย่างน้อยสัก 5 – 6 ปี หรือจนกว่าลูกจะเรียนจบเลยก็ได้นะ

ซึ่งส่วนกลางหลักๆเค้าก็มีให้ใช้ครบ ทั้ง Lobby ซึ่งผมก็เห็นผู้ปกครองกำลังนั่งสอนการบ้านน้องๆอยู่ด้วย มี Fitness และสระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้น 8 ซึ่งก็อย่างที่เคยบอกไปครับว่า สมัยก่อนน้อยโครงการมากนะที่จะยอมทำ Facilities อยู่ชั้นบนแบบนี้ เพราะก่อสร้างยากและมีค่าใช้จ่ายสูง แต่โครงการนี้ที่มีอายุ 7 ปี นำส่วนกลางทั้งหมดมาไว้ชั้นบนแบบนี้เลยครับ ถือว่าโอเคนะ แต่สภาพก็จะมีทรุดโทรมไปบ้างนิดหน่อยตามกาลเวลา

สำหรับแบบห้องพักที่ยังอยู่ในงบประมาณนั้นก็จะเป็นห้อง Type เล็กของโครงการครับ เป็นตำแหน่ง Type A และ B ในผังอาคาร ซึ่งก็ถือเป็นห้องส่วนใหญ่ที่ยังมีให้เลือกอยู่เยอะ โดยแปลนห้องจะมีจุดที่แปลกคือ มีช่องผนังที่ยื่นจากห้องน้ำออกมาด้านนอก common area ซึ่งตรงนั้นคือ เป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้าในห้องน้ำ จริงๆแล้วเป็นฟังก์ชันที่ดีนะครับ แต่ถ้าจัดให้เป็นสัดส่วน ไม่โผล่ออกมากลางห้องโดดๆแบบนี้ก็จะโอเคกว่านี้มากๆเลย

  • 1 Bedroom ขนาด 48.5 – 49 ตารางเมตร ราคา 5.8 – 6 ล้านบาท

แถมอีกนิด… คือผมจะพาเดินจากหน้าโครงการไปยังประตูทางเข้ามหาลัยสักหน่อยครับ ดูว่าบรรยากาศจะเป็นอย่างไรบ้าง จากโครงการก็ให้ตรงเข้าไปตามซอยทางขวาเรื่อยๆ ประมาณ 120 m. ก็จะเจอกับซอยทางลัดที่เข้าไปด้านหลังมหาลัยได้ ตอนกลางวันเดินได้ปลอดภัยดีครับ แต่ไม่แนะนำให้เดินตอนกลางคืนเพราะจะค่อนข้างมืดและเปลี่ยวมากเลยทีเดียว

ซึ่งประตูทางเข้าด้านหลังนี้นอกจากจะเข้าไปยังมหาลัยได้แล้ว หลักๆยังใช้เป็นทางเข้า-ออกเพื่อรับส่งเด็กนักเรียนสาธิต มศว ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือนี้อีกด้วย ส่วนทางขวามือตรงใกล้ๆกับประตูก็จะมีอาคารโรงอาหารตั้งอยู่ มีเซเว่น กับพื้นที่สวนสาธารณะให้เดินมาใช้งานได้ในระยะ 300 m. อีกด้วย เพียงแต่จะมาใช้งานได้ก็ต้องเป็นไปตามเวลาเปิด-ปิด ของประตูครับ

ตารางสรุปโซนที่ 3

คอนโดในโซนนี้นอกจากจะมีความแตกต่างจากโซนอื่นๆที่ได้พูดถึงก่อนหน้าแล้ว ยังมีความแตกต่างของทำเลในโซนของตัวเองอีกด้วย อย่าง The Edge Sukhumvit 23 เป็นคอนโด High Rise ที่อยู่ช่วงต้นซอย มีราคาก้าวกระโดดสูงสุด ในขณะที่ Mirage Sukhumvit 27 ก็อยู่ใกล้ปากซอยฝั่งสุขุมวิทเหมือนกัน แต่ไม่ได้มีราคาที่สูงขนาดนั้น ทั้งนี้เป็นเพราะเรื่องของตำแหน่งที่ตั้งของ The Edge อยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากกว่า เป็นซอยใหญ่ที่คึกคัก มีทางลัดไป MRT แล้วยังสร้างเป็นตึกสูงได้อีกด้วย แน่นอนว่าคนที่เลือกที่นี่ ก็ต้องการความสะดวกสบายในด้านการเดินทาง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีในโครงการเป็นหลัก แต่ก็แลกมากับราคาที่ค่อนข้างสูงครับ

ในขณะที่โครงการที่อยู่ลึกเข้าไปในซอยจะมีขนาดเล็กลง และเงียบสงบมากๆ แต่เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวสูง มีเพื่อนบ้านน้อย อาคารไม่เสื่อมโทรมเร็ว สามารถดูแลรักษาได้ง่าย เพียงแต่…ถึงแม้จะเป็นทำเลที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยเองในตอนแรกๆ แต่หลังจากผ่านไปสักพัก ถึงเวลาที่ต้องการเปลี่ยนมือหรือขายต่อ ก็จะขายได้ยากกว่าโครงการใหญ่ๆ ที่ทำเลดีและคึกคักมากกว่า แถมราคาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเยอะอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการซื้อแล้วล่ะครับว่าซื้อเพื่ออะไร จะอยู่นานเท่าไหร่ หวังเกร็งกำไรด้วยมั๊ย หรือต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง ถ้าพิจารณาความต้องการของตัวเองในส่วนนี้ได้ ก็จะเลือกโครงการได้ไม่ยากแล้วครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลคอนโดใกล้ มศว ที่ผมได้รวบรวมนำมาฝากกัน ซึ่งผมเองก็ฟันธงให้ไม่ได้หรอกนะว่าโซนไหนดีที่สุด เพราะแต่ละโซนเค้าก็มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าเรามีความต้องการแบบไหนมากกว่า เช่น หากคุณต้องการอยู่อาศัยจริงจัง ชอบวิวเปิดโล่ง และต้องการการเดินทางที่หลากหลาย ก็อาจจะเหมาะกับโซนที่ 1 แต่ถ้าคุณมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนที่ต้องการความสะดวกสบาย และเดินทางมามหาลัยได้สะดวกที่สุด ก็อาจเหมาะกับโซนที่ 2 ก็ได้ หรือถ้าคุณเป็นคนชอบความสงบ เป็นส่วนตัว ไม่ได้เน้นลงทุนปล่อยเช่ามากนัก ก็อาจเหมาะกับโซนที่ 3 เป็นต้นครับ

ซึ่งถ้าใครที่เคยอ่านบทความเรื่องคอนโดใกล้มหาลัยของผมตัวที่ผ่านๆมาจะพบว่า หลักในการเลือกคอนโดมหาลัยทำเลในเมือง จะแตกต่างจากทำเลนอกเมืองอย่างมาก เพราะทำเลในเมืองจะถูกจำกัดด้วยกำแพงราคาที่สูง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยควบคู่กันไปด้วย ซึ่งต่างจากคอนโดมหาลัยโซนรอบนอกเมือง ที่จะแข่งเรื่องฟังก์ชันห้องและพื้นที่ส่วนกลางที่จะต้องเหมาะสมกับน้องๆนักศึกษาเป็นหลัก ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดในย่าน มศว. นี้อยู่นะครับ ซึ่งก็ไม่จำกัดแค่ว่าจะต้องเป็นนักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง หรือบุคคลากรในมหาวิทยาลัยนี้เท่านั้นนะ เพราะทำเลนี้มีความสำคัญที่ใกล้กับ CBD สามารถเดินทางเชื่อมต่อย่านเศรฐกิจสำคัญๆต่างๆได้หลากหลาย อาจมีกลุ่มคนอีกมากมายที่ต้องการรู้เรื่องเหล่านี้ ซึ่งก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยได้นะ และครั้งหน้าซีรี่ย์บทความ “ส่องคอนโดใกล้มหาลัย” ThinkofLiving จะพาไปส่องมหาลัยที่ไหนอีก อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ ^^


สนใจอ่าน Content บทความคอนโดใกล้มหาลัยอื่นๆ คลิก :

ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving