รีวิวโครงการ
BoomTharis | รีวิวบ้าน Park Heritage Phatthanakan : Flagship 100 ล้าน ของสัมมากร
27 มกราคม 2023
Park Heritage พัฒนาการ เป็นโครงการบ้านหลังใหญ่ ใจกลางเมือง จากสัมมากร มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 49 – 95 ล้านบาท ซึ่งชื่อโครงการว่า “Park Heritage” นั้นมีที่มาจากความต้องการให้เป็น “บ้านที่มีคุณค่า…เพื่อส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นได้” และยังให้คุณค่ากับต้นไม้และธรรมชาติ ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าอีกอย่างหนึ่งของโครงการที่สามารถเก็บรักษาไว้ให้กับลูกหลานด้วยเช่นกัน
แนวความคิดในการออกแบบโครงการเริ่มจากการนำเอาธรรมชาติมาผสมผสานกับสถาปัตยกรรมและภูมิสถาปัตยกรรม (ART+ARCHITECH+NATURE) มีการเล่นกับแสงเงา, การเปิดช่องลมให้อากาศถ่ายเทตามธรรมชาติ แต่ก็ยังได้ความเป็นส่วนตัวที่เหมาะกับการพักอาศัย จะเป็นอย่างไรตามไปดูกันค่ะ
บ้านที่ออกแบบมาให้ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเป็นอย่างไร ?
การส่งต่อบ้านจากรุ่นสู่รุ่นเป็นโจทย์ที่เราเองมองว่าท้าทายมากสำหรับผู้ออกแบบนะคะ เพราะต้องคิดเผื่อไปจนถึงอนาคต ต้องเอาใจครบจบ 3-4 รุ่น ตั้งแต่คุณปู่คุณย่า, คุณพ่อคุณแม่, ลูก-หลาน ทำอย่างไรให้ทุกรุ่นอยู่สบายจึงเป็นโจทย์สำคัญ ซึ่งเรามองว่าผู้ออกแบบแยกประเด็นออกเป็นความสวยงามและฟังก์ชัน หลักๆ จะมี 4 ประเด็นที่เราอยากนำมาเล่าในบทความนี้
ความเป็นส่วนตัวสูง – เชื่อว่าคนที่ซื้อบ้านระดับ Luxury นั้นให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว ซึ่งโครงการก็ตีโจทย์ออกมาทั้งในเรื่องการวางผังโครงการที่แบ่งออกเป็น Cluster ย่อยๆ หรือการออกแบบที่หันช่องเปิดเข้าสู่ตัวบ้านเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรับวิวสระและสวนในตัวบ้านแทนที่จะเห็นเพื่อนบ้านข้างเคียงนะคะ
สวยงาม ไม่เก่าตามกาลเวลา – Park Heritage มีทำเลตั้งอยู่บนที่ดินผืนดินใหญ่ ใกล้ทองหล่อและตัวเมืองมาก จึงเป็นที่ดินที่มีมูลค่าสูง เพราะในอนาคตรุ่นลูกเราอาจจะไม่ได้หาที่ดินทำเลแบบนี้ได้อีกแล้ว ที่นี่จึงมีคุณค่าที่เราสามารถส่งต่อไปได้รุ่นสู่รุ่น เป็น Asset ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้ และยังมีมูลค่ามากขึ้น จึงเป็นที่มาของแนวคิดแบบ Timeless
ซึ่งโครงการตีโจทย์ของ Timeless ออกมาเป็นความสวยงามหากคงทน ไม่เก่าไปตามกาลเวลา ผู้ออกแบบจึงเลือกสไตล์ Modern Classic มาใช้เพื่อทำให้ตัวบ้านมีความทันสมัยแต่ไม่ได้หวือหวา หรูหราแต่ไม่ใช่ภาพลักษณ์แบบบ้านทรายทอง ยังมีกลิ่นอายของความเป็นผลงานศิลปะ ดูคลาสสิคไปได้อีกนาน
สอดคล้องกันระหว่างสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ – เนื่องจากโครงการเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เมือง โครงการจึงมองว่าธรรมชาติคืออีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้อยู่อาศัยได้อย่างสบายกายสบายใจ เป็นที่มาของการนำเอาธรรมชาติมาผสมผสานกับสถาปัตยกรรม ซึ่งจะสะท้อนออกมาทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและในตัวบ้าน ให้เหมือนเป็น Oasis ที่อยู่ใจกลางเมือง
พื้นที่กว้างรองรับการใช้งานของหลาย Generations – จุดเด่นของบ้านภายในโครงการนี้คือเป็นบ้านสร้างเต็มที่ดินและสูงถึง 3 ชั้น ซึ่งโดยทั่วไปถ้าเป็นบ้านหน้ากว้าง มักจะสร้างเพียง 2 ชั้น แต่ถ้าเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นก็มักจะที่ดินไม่ได้ใหญ่มาก แต่ Park Heritage พัฒนาการได้ทั้งบ้านหน้ากว้าง และบ้าน 3 ชั้น คือได้ทั้งที่ดินใหญ่และพื้นที่ใช้สอยที่เยอะด้วยค่ะ
ความเป็นส่วนตัวสูง
โครงการแบ่งผังเป็น Cluster Zone 4-6 หลัง เมื่อเข้าโครงการมาเราจะเจอกับพื้นที่ Clubhouse เป็นลำดับแรกและจะมีทางเดินรถเป็นอุโมงค์ต้นไม้บนถนนหลัก โดยมีสวนหย่อมเป็นจุดปลายตา จากถนนหลักนี้เองจะมีซอยย่อยแจกไปยังบ้านแต่ละโซนซ้าย-ขวา ทำให้ในแต่ละโซนได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แม้กระทั่ง Zone B ที่ดูจะมีจำนวนบ้านเยอะสุด 11 หลัง แต่ถนนหน้าบ้านแต่ละหลังก็ใช้ร่วมกันไม่เกิน 4 หลังเท่านั้นค่ะ การออกแบบเช่นนี้ก็จะทำให้แต่ละโซนได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
โครงการวางบ้านแบบ Single Column ซึ่งเราไม่ค่อยเห็นโครงการไหนใช้เทคนิคนี้ เพราะมันค่อนข้างเปลืองถนนมากทีเดียวแต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัวสูงมากขึ้นไปอีกเช่นกัน โดยการวางบ้านแบบ Single Column จะทำให้เพื่อนบ้านมีแค่ซ้ายขวา แต่หลังบ้านจะไม่ชนกับหลังอื่น
การออกแบบให้บ้านทุกหลังหันหน้าบ้านเข้าถนนซอย ไม่มีบ้านหลังไหนหันหน้าเข้าถนนหลัก ทำให้คนที่ผ่านหน้าบ้านเราจะมีแค่เพื่อนบ้านในกลุ่ม Cluster เดียวกันเท่านั้นค่ะ
ตัวบ้านมีการออกแบบผนังทึบให้เป็นเหมือน Facade (หน้ากากของอาคาร) ปิดไว้ด้านหน้าก่อนหนึ่งชั้นและจะมีผนังบ้านอยู่ด้านในอีกชั้น ทำให้ฟังก์ชันที่อยู่ด้านหลังผนังทึบตรงนั้นสามารถออกแบบเป็นหน้าต่างที่เราสามารถรับแสง ระบายอากาศ และรับลมได้ อีกทั้งยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวไว้ได้ด้วย เมื่อเราเดินอยู่หน้าบ้าน เราจะไม่เห็นกิจกรรมที่อยู่ด้านในของตัวบ้านเลยค่ะ
ภายในบ้านจึงเกิดความเป็นส่วนตัวสูงสุด เพราะพื้นที่พักผ่อนในบ้านจะหันเข้าหาธรรมชาติที่เป็นสระว่ายน้ำ หรือพื้นที่สวนภายในบ้านเท่านั้น จะพยายามเลี่ยงช่องเปิดที่หันชนกับบ้านหลังอื่น
การเล่นระดับของ Clubhouse
Clubhouse ของที่นี่จะมีการเล่นระดับอยู่ค่อนข้างเยอะ เพื่อให้แต่ละฟังก์ชันอยู่คนละระดับ(สายตา) ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวเวลามาใช้งานได้
สวยงาม ไม่เก่าไปตามกาลเวลา (Timeless)
จากคอนเซปต์ที่ต้องการให้ภาพลักษณ์ดู Timeless เป็นอะไรที่สวยงามได้อย่างคงกระพัน ทางโครงการจึงได้หยิบจับความคลาสสิคของสถาปัตยกรรมสมัยก่อนที่เรากลับมามองในวันนี้ก็ยังสวยอยู่ แต่ก็อยากให้เป็นความสวยที่เอาใจคนในยุคปัจจุบัน จึงเป็นที่มาของสไตล์การออกแบบ Modern Classic
ไม่ใช่แค่ตัวสถาปัตยกรรมที่จะต้องสวยเพียงอย่างเดียว หากแต่ Elements อื่นๆ ก็ต้องเอื้อต่อการอยู่อาศัยด้วย ซึ่งทางโครงการมองว่าธรรมชาติคือส่วนสำคัญ จึงเป็นที่มาของแนวคิด Multidimensional Integration คือการนำเอาธรรมชาติ มาผสมผสานกับสถาปัตยกรรมและภูมิสถาปัตยกรรม (ART+ARCHITECHTURE+NATURE) เราจึงเห็นว่ามีการใส่ธรรมชาติเข้าไปในทุกๆ ส่วนของตัวบ้าน รวมไปถึงพื้นที่ส่วนกลางด้วยเช่นกัน
Facade ของบ้านมีการนำเอาหิน Tarvertine มาใช้ Cladding หรือเป็นพื้นผิวของผนัง ทำให้เป็นสีขาวที่มีลายและร่องรอยของหินอยู่ และพอเป็นวัสดุแบบนี้ก็จะดีกว่าผนังที่ทาสีขาวเรียบๆ กล่าวคือเมื่อเวลาผ่านไปหินก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามเวลา แต่ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เหมือนกับหินตามธรรมชาติ ไม่เห็นเป็นคราบเลอะหรือรอยร้าวเมื่อเทียบกับผนังทาสีทั่วไปค่ะ
ส่วนพื้นจะใช้พื้นหินอ่อนที่ให้สัมผัสผ่อนคลาย ก็อยากส่งต่อความรู้สึกนี้ไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
สำหรับเราครัวไทยที่ให้มาก็ค่อนข้างพิเศษเลยค่ะ เพราะเป็นครัว Stainless เราไม่เคยเห็นบ้านเดี่ยวโครงการไหนให้แบบนี้เลยนะคะ ซึ่งครัว Stainless มักจะเป็นชุดครัวที่นิยมใช้กันในร้านอาหาร เพราะวัสดุนี้ทำความสะอาดง่าย มีอายุการใช้งานนาน ทนทานกว่า Top ครัวที่เป็นกระเบื้องหรือหินสังเคราะห์ และไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็จะดูใหม่ดูสะอาดอยู่ แต่ก็เป็นชุดครัวที่มีราคาสูงด้วยเช่นกัน
สอดคล้องกันระหว่างสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ
อุโมงต้นไม้เป็น Requirement แรกที่ทางโครงการบอกกับผู้ออกไปว่าจำเป็นต้องมี เพื่อให้เป็นพื้นที่ Transition ระหว่างความวุ่นวายค่อยๆ เปลี่ยนผ่านไปเป็นความผ่อนคลาย จึงได้ออกแบบโดยนำสวนออกมาถึงหน้าโครงการ มี Signature Tree ต้นใหญ่ไว้ต้อนรับ เชื่อมต่อไปที่อุโมงค์ต้นไม้ จึงได้ความร่มรื่นตั้งแต่หน้าโครงการจนไปถึงด้านในโครงการเลยค่ะ
แม้ว่าตัวบ้านจะสร้างเต็มที่ดิน แต่ก็ได้ออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวเอาไว้ทั่วตัวบ้าน ทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน หรือตามระเบียงต่างๆ ซึ่งโครงการวางผังให้ระเบียงที่เราหันออกไปชมนั้นวางต้นไม้ได้ และยังสามารถมองเลยออกไปเห็นต้นไม้ใหญ่ในรั้วบ้าน หรือตามพื้นที่ส่วนกลางด้วย …ทำให้โครงการกล้าที่จะทำพื้นที่ระเบียงเยอะๆ เพราะเชื่อว่าถ้าพื้นที่ระเบียงน่าใช้งาน มีวิวที่ดีผู้อยู่อาศัยก็จะอยากออกมาใช้งานค่ะ
สระว่ายน้ำในบ้าน
บ้านเกือบทุกแบบจะมีสระว่ายน้ำ ซึ่งหลายคนที่ไม่ได้อินกันการว่ายน้ำอาจคิดว่ามีไปทำไม จริงๆ แล้วโครงการตั้งใจทำออกมาไม่ใช่แค่เพื่อฟังก์ชันอย่างเดียว หากแต่ทำเพื่อความสุนทรีด้วยเช่นกัน เพราะแสงที่กระทบกับน้ำแล้วสะท้อนเข้าตัวบ้านนั้นให้บรรยากาศที่สวยงาม ทำให้เราเคลิ้มไปกับมัน นอกจากนี้แสงเงาที่กระทบกับพื้นหินธรรมชาติในตัวบ้าน ยังให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่น น่าอยู่
Effect แสงเงาต่างๆ ที่เป็นเหมือนงานศิลปะ
สำหรับ Clubhouse นั้นจะเริ่มออกแบบจากฟังก์ชัน แต่โครงการไม่ได้ต้องการแค่อาคารที่ใส่ฟังก์ชันเข้าไป เพราะต้องการบรรยากาศที่น่าพักผ่อนและความสบายในการใช้งาน จึงเป็นที่มาของการเปิดช่องแสง เล่นกับเงา ทำให้เกิด Effect แสงต่างๆ
เราจะเห็นแสงธรรมชาติในตอนเช้ากระทบกับน้ำและสะท้อนไปที่ตัวอาคาร เกิดเงาแสงระยิบระยับเกิดขึ้นที่ตัวอาคาร ทำให้ได้บรรยากาศที่ผ่อนคลายเมื่อได้อยู่ในสถาปัตกรรมแบบนี้ และเหมือนเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่เกิดขึ้นกับตัวอาคาร แต่ด้วยขนาดของช่องแสงไม่กว้างนัก ทำให้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวในการใช้งานไว้อยู่
นอกจากดีไซน์ของแสงเงาที่เกิดขึ้น การออกแบบแนวผนังให้มีช่องเปิดตลอดแนวยังทำเพื่อประโยชน์ในการเป็นช่องลมให้กับตัวอาคารด้วยค่ะ
แม้ว่ารูปทรงอาคารจะเป็น Modern Classic แต่ผู้ออกแบบก็ใช้ความโค้งมนของแนวเสามาช่วยลดความแข็งกระด้าง ดูคล้ายงานศิลปะ ดูสวยงามดีค่ะ
พื้นที่กว้างรองรับการใช้งานของหลาย Generations
ตัวบ้านออกแบบเป็นบ้าน 3 ชั้นเต็มพื้นที่ดินที่มีขนาด 1 ไร่ขึ้นไป เหตุผลที่วางอาคารเต็มที่ดินก็เพราะทางโครงการเชื่อว่าหลายคนอาจชอบสวน แต่หลายคนไม่อยากใช้ที่ดินของตนไปกับสวน แต่ต้องการใช้พื้นที่สร้างอาคารอย่างคุ้มค่า ทำให้ผู้ออกแบบไม่ได้เน้นเรื่องพื้นที่สวนรอบบ้านมากนัก
แต่ไม่ต้องกลังว่าพื้นที่สวนรอบบ้านน้อยแล้วจะดูแข็งกระด้าง เพราะโครงการจัดพื้นที่สีเขียวของส่วนกลางมาช่วยสร้างความร่มรื่นให้เสมอ ซึ่งเราสามารถมองเห็นได้จากตัวบ้านได้เลย …เป็นที่มาที่โครงการ Integrate สวนไว้ทั้งโครงการ อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ชอบสวนก็มีแปลงที่มีขนาดใหญ่พอให้จัดสวนได้นะคะ
ห้องนอนมีขนาดใหญ่ทุกห้อง
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โครงการออกแบบพื้นที่ใช้สอยในบ้านมาใหญ่มาก 471 – 778 ตร.ม. ถือว่าเยอะกว่าโครงการจัดสรรส่วนใหญ่ก็ว่าได้ ดังนั้นฟังก์ชันในบ้านถูกออกแบบให้มีพื้นที่พอเพียงสำหรับ 3 Generations เมื่อลูกโตขึ้น ลูกก็ยังสามารถอยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ได้ เพราะไม่ใช่แค่ Master Bedroom ใหญ่ แต่ห้องนอนลูกก็ใหญ่พอที่จะใช้งานตั้งแต่เด็กไปจนจบมหาวิทยาลัยจนถึงเป็นผู้ใหญ่ได้เลย หรือถ้าต้องแต่งงานก็เพิ่มจำนวนสมาชิกอยู่ร่วมกันได้ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ภายในบ้านยังมี Extra Space มากมาย เพราะบทเรียนจากช่วงโควิดที่ผ่านมาเห็นได้ว่าเราพยายามจะใช้ประโยชน์พื้นที่ใช้สอยอย่างเต็มที่ทุกตารางเมตรในบ้านเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ และหลายๆครั้งห้องนอนก็จะถูกใช้ในการทำงานหรือทำงานอดิเรก ดังนั้นโครงการจึงออกแบบให้มี Extra Space เพื่อรองรับการทำงานในบ้าน, การทำงานอดิเรกต่างๆ นอกจากนั้นแปลนบ้านเองก็ออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถทุบผนังเชื่อมห้อง-กั้นห้องเพิ่มก็ได้ จึงรองรับทั้งกิจกรรมเดี่ยวและกิจกรรมกลุ่มเลยค่ะ
Living Area ขนาดใหญ่ ได้เป็นแบบ Double Volume เป็นมุมพักผ่อนหลักของครอบครัวและใช้รับแขกเป็นทางการได้
Multi-Function Area จะกระจายอยู่ตามชั้น 2, 3 อยู่บริเวณโถงทางเดินหน้าห้องนอน มี 2-4 จุดในบ้านเลยค่ะ มากน้อยขึ้นอยู่กับแบบบ้าน
ระเบียงแบบ Semi-Outdoor ใน Master Bedroom ของบ้าน Type M ใช้นั่งอ่านหนังสือหรือนั่งพักผ่อนได้จริง
ระเบียงแบบ Semi-Outdoor ข้างสระว่ายน้ำของบ้าน Type L ซึ่งนอกจากจะได้วิวริมสระแล้วยังได้ใกล้ชิดธรรมชาติด้วย
บ้านของโครงการนี้เหมาะกับใคร
ด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองทำให้เรามองว่าโครงการ Park Heritage พัฒนาการนี้เหมาะสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง ชอบความสะดวกสบาย เดินทางสะดวก เป็นครอบครัวที่มีลูกเรียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโซนนี้ ไปโรงเรียน เดินห้างสะดวก ประหยัดเวลาเดินทางในชีวิต ซึ่งการอยู่หมู่บ้านจัดสรรมันต่างจากการอยู่คอนโดมิเนียมหรือว่าบ้านแถว เพราะมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับการสร้าง Quality Time ให้กับครอบครัวเพราะโครงการมีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ที่สามารถพาลูกๆ ออกมาสร้างกิจกรรม ออกมาเดินเล่น พาสุนัขวิ่ง หรือเดินออกกำลังกายกับคุณพ่อคุณแม่ได้
ส่วนความต้องการทางด้านตัวบ้าน ก็ยังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องพื้นที่ใช้สอย อยากได้บ้านหลังใหญ่ที่เป็นส่วนตัว เป็นบ้านที่อยู่ได้ยาว ส่งมอบให้รุ่นลูกได้ และเป็นโครงการที่ได้บรรยากาศสงบ ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ซึ่งโครงการมีบ้านทั้งหมด 3 Type คือ S, M, L พื้นที่ใช้สอยเยอะ 471 – 778 ตร.ม. ฟังก์ชันหลักจะได้ 4 ห้องนอน ที่จอดรถ 3-5 คันขึ้นอยู่กับแต่ละแบบบ้าน และมีพื้นที่อเนกประสงค์มากน้อยขึ้นอยู่กับแบบและพื้นที่ใช้สอยภายใน โดยบ้านทุกหลังจะได้ลิฟต์ส่วนตัวและบ้าน Type M กับ L จะมีสระว่ายน้ำภายในตัว
สำหรับโครงการ Park Heritage พัฒนาการ ทาง ThinkofLiving เคยทำรีวิวฉบับเต็มไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ สามารถคลิกชม > รีวิวโครงการ Park Heritage ได้ที่นี่เลยค่ะ
Developer : บริษัท สัมมากร จํากัด (มหาชน)
Architect : สถาบันอาศรมศิลป์
Photographer : โศภิตา ปิยะทัต