สวัสดีค่ะ รายการ Living Idea ครั้งนี้พาคุณผู้ชมมาปลูกผักกินเองกันค่ะ เผื่อคุณผู้ชมคนไหนสนใจอยากปลูกเหมือนกันจะได้ลองมาเป็นมือใหม่ในการปลูกผักสวนครัวกินกันค่ะ และไม่ต้องกังวลเรื่องของพื้นที่ เพราะจริงๆ แล้วพื้นที่น้อยเราก็สามารถปลูกผักกันได้เหมือนกันค่ะ 

ซึ่งวันนี้นอกจากจะพาเพื่อนๆ ไปดูวิธีปลูกผักสวนครัวฉบับทดลองของเรากันแล้ว เราก็มีเทคนิคการจัดพื้นที่สวนครัวฉบับ 1 ตร.ม.ก็ทำได้มาฝากกันด้วยค่ะ ถ้าอย่างงั้นแล้วเราไปเริ่มปลูกผักกินเองกันเลย

อุปกรณ์การปลูกผักสวนครัว

อุปกรณ์การปลูกผักสวนครัวจริงๆ เตรียมง่ายมากเลยค่ะ อย่างเราซื้อเป็นเซทปลูกผักมาเลย และเพิ่มเติมคือซื้อกระบะโฟมมา รวมแล้วก็จะตกอยู่ที่ราวๆ 660 บาท ถ้าหารไปหารมาปลูกได้สัก 100 ต้น เผื่อเสีย ก็จะตกต้นละ 6.6 บาท เท่านั้นเราก็จะได้ผักออแกนิกที่ปลูกเองกินได้ ไม่ต้องเสียเงินเยอะ และยังมีกิจกรรมทำในช่วงวันหยุดที่ออกจากบ้านไม่ไปไหนไม่ค่อยได้ด้วยค่ะ

  • กระบะโฟม (ราคา 90 บาท) x 4 = 360 บาท
  • เซทปลูกผักรวมเมล็ดและปุ๋ย (300 บาท) ประกอบด้วย
    – เมล็ดผัก 400 เมล็ด
    – ฟองน้ำแผ่น
    – ตระแกรงพลาสติก
    – ถ้วยปลูกสีดำ
    – ผ้า
    – อาหารพืช

การเลือกและจัดพื้นที่

ส่วนการเลือกพื้นที่และการจัดพื้นที่นี้ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่เป็นอีกตัวชี้วัดได้เลยว่าผักของเราจะงอกงามไหม ซึ่งก็จะมีปัจจัยอยู่ทั้งหมด 3 ปัจจัยหลักๆ

  1. พื้นที่แสงแดดส่องทั่วถึง
  2. ลมพัดผ่าน / อากาศถ่ายเท
  3. และน้ำมาพอแต่ไม่มากไป ความหมายคือเราต้องหมั่นรดน้ำ แต่ผักไม่ควรอยู่กลางแจ้ง รับฝนมากไป

ดังนั้นรูปแบบที่ควรจะเป็นก็คือพื้นที่ Semi-Outdoor อย่างส่วนของระเบียงคอนโด เฉลียงหน้าบ้านหรือทาวน์โฮม แบบนี้น่าจะเหมาะสมที่สุด 

อย่างกรณีของเรานั้นขอยกตัวอย่างเป็นพื้นที่เฉลียงหน้าบ้าน ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีพื้นที่เยอะมากเท่าไหร่ค่ะ โดยขอตีพื้นที่คร่าวๆ สัก 2 ตร.ม. เนื่องจากมุมนี้เป็นมุมเดียวแล้วที่จะไม่ไปขวางทางเดินเข้า-ออกตัวบ้าน ซึ่งเราก็มองแล้วว่าพื้นที่เมื่อมีไม่มากเราก็คงต้องใช้ความสูงเข้าสู้ ดังนั้นเราเลยเลือกใช้เป็น ชั้นวางของแนวตั้งแทน เพื่อเพิ่มพื้นที่การปลูกผักของเราให้มากขึ้น

ซึ่งอย่างชั้นวางนั้นก็มีให้เลือกเยอะเลยนะคะ จะเป็นชั้นวางแบบไม้ ชั้นวางแบบตะแกรงเหล็กก็ได้ แต่แบบตะแกรงเหล็กถ้าใครหาไซส์ที่วางกระบะได้คือดีเลยค่ะ เวลาระบายน้ำรดน้ำต่างๆ เราว่าใช้งานได้สะดวกกว่าแบบที่เป็นไม้อย่างของเรา หรือถ้าใครที่พื้นที่ระเบียงคอนโดไม่พอจริงๆ ต้องใช้ตากผ้า วางเครื่องซักผ้าไปแล้ว

ก็ยังมีพื้นที่ส่วนต่างๆ ของห้องที่เราสามารถปลูกผักได้เหมือนกัน จริงๆ แล้วก็ได้แทบทุกห้องเลยนะ ขึ้นอยู่กับภาชนะและขนาดของผักต่างๆ แต่ถ้าจะพูดถึงพื้นที่ที่เหมาะสมนอกจากระเบียงแล้วก็คงจะเป็นพื้นที่ครัวนี่แหละค่ะ

ห้องครัวเหมาะกับการใช้เป็นพื้นที่เพาะเมล็ดผักสวนครัว เพราะไม่โดนแสงแดดแรงๆโดยตรง และก็ยังมีพื้นที่สำหรับวางกระถางต่างๆ แต่จะให้ยกกระถางต้นไม้เข้ามาไว้ในครัวอาจจะไม่สวยงาม หรือกินพื้นที่เยอะเกินไป เราก็สามารถดีไซน์ภาชนะในการปลูกได้เช่น นำภาชนะไม่ใช้แล้วอย่าง ถ้วย หรือชามมาปลูก ลังกระดาษหรือถาดใส่ไข่อันนี้ไอเดียดีเลยค่ะเพราะความเป็นหลุมทำให้ไม่ต้องแยกกระถางแบ่งด้วย และกระดาษก็ซับน้ำได้ดี หรือจะเป็นกระป๋องอลูมิเนียม ขวดพลาสติกใส่น้ำก็ได้เช่นกัน

ขั้นตอนในการปลูกผัก

  • ขั้นตอนแรกคือเมื่อได้เมล็ดแล้วให้แช่ช่องเย็นก่อน อย่างน้อย 1 คืน ถ้ายังไม่ว่างเพาะเมล็ดก็แช่ยาวๆ ไปเลยค่ะ
  • จากนั้นนำฟองน้ำมากรีดเป็นช่องเพื่อวางเมล็ดและแยกเมล็ดภายหลังได้สะดวก นำฟองน้ำมาชุบน้ำให้ชุ่ม 
  • แล้วเอาเมล็ดพืชใส่ในช่องฟองน้ำที่กรีดไว้ แต่อย่าลึกมากนะคะ วางไว้ที่ผิวๆ ก็พอค่ะ
  • รดน้ำให้ชุ่มอีกที แล้วเอาผ้าชุบน้ำปิดให้มืด แต่อย่าโดนเมล็ดนะคะ
  • จากนั้นให้รดน้ำ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น และปิดผ้าไว้ตามเดิม ภายไป 48 ชั่วโมงก็จะเริ่มเห็นเมล็ดงอกแล้วค่ะ
  • นำต้นกล้าเล็กๆ ไปตากแดดบ้างเป็นเวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ระหว่างนี้ก็ต้องรดน้ำอยู่ตลอดนะคะ
  • เมื่อเราเห็นต้นกล้าค่อนข้างแข็งแรงแล้วก็ให้นำลงกระถางสีดำเล็กๆ แล้วใส่ในกระบะโฟมได้เลย ซึ่งในกระบะโฟมก็จะมีการผสมอาหารพืชพร้อมน้ำไว้รองรับแล้ว
  • จากนั้นก็ค่อยหมั่นให้โดนแดดประมาณ 4-5 ชั่วโมงทุกวัน การรดน้ำไม่จำเป็นแล้วค่ะ เพราะผักของเราสามารถดูดน้ำจากน้ำในกระบะโฟมเลย
  • เพียงเท่านี้ 30-45 วันเราก็เริ่มเก็บเกี่ยวได้แล้ว 

แชร์ประสบการณ์หลังจากปลูกผัก

ประสบการณ์หลังจากเราได้ทดลองปลูกผักด้วยตัวเองมาประมาณ 20 วันนะคะ สิ่งแรกเลยที่รู้สึกคือการปลูกผักไม่ยากอย่างที่คิด เราสามารถปลูกผักกินเองได้จริงๆ แม้จะพื้นที่น้อย หรือไม่มีประสบการณ์ใดใดเลย ก็ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จเล็กๆ ให้กับตัวเองได้นะคะ แต่ไม่ใช่ว่าปลูกแล้วต้นจะออกมาสวยงาม 100% นะ บางต้นก็ฝ่อไปก็มี ซึ่งหลังจากที่ลองมาหลายเซทแล้วเราคิดว่าสิ่งที่ทำให้ต้นอ่อนเหี่ยวไปคือโดนแดดที่แรงไปแล้วน้ำไม่ชุ่มมากพอ และก็มีปัจจัยอย่างเรื่องของแดดด้วย เพราะพอวันไหนที่ฝนตกดาเลือกที่จะวางไว้ที่ชั้นวางตรงนี้อย่างเดียว มันจะมีบางมุมที่แสงส่องเข้ามาถึงทำให้ต้นอ่อนที่โดนแดดใบใหญ่กว่าต้นที่โดนแดดไม่มากเลยคิดว่าต้นที่โดนแดดเต็มที่ก็จะดูสมบูรณ์กว่า

โดยสรุปแล้วเราลองปลูกไปทั้งหมด 30 ต้น ได้ต้นอ่อนที่ยังมีชีวิตอยู่จน 20 วันนี้อยู่ที่ 21 ต้น คิดเป็น 67% ค่ะ


หวังว่าคลิปนี้จะเป็นประโยคกับเพื่อนๆ ที่อยากปลูกผักกินเอง สะอาด ปลอดภัย ราคาถูก ถึงพื้นที่น้อยก็ทำได้กันนะคะ