คิด.เรื่อง.อยู่ Talk Show: ตอน “บ้านพักตากอากาศ” by Mr.Oe & Mr.Boom

รายการ คิด.เรื่อง.อยู่ ตอนที่ 45 (ช่วงที่ 1 Talk Show) – ทำไมถึงมี Product ที่เป็นบ้านพักตากอากาศ? การลงทุนในบ้านพักตากอากาศ, การเลือกทำเลบ้านตากอากาศ

ดูรายการช่วงที่ 2 พาชมโครงการ บ้านทิวทะเล 2 “Blue Sapphire” คลิกที่นี่

• ติดตามชม รายการ คิด.เรื่อง.อยู่ ได้ ทุกวันศุกร์ เวลา 11.00-11.30น. ทางช่อง Money Channel (True Visions ช่อง 14)
• ดูรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube.com/ThinkofLiving (อย่าลืมกด Subscribe นะคร้าบ)

*** ขอเปลี่ยนแปลงเวลาออกอากาศทาง YouTube จากวันอาทิตย์ เป็นวันศุกร์ แทนนะครับ ***

[รายการ คิด.เรื่อง.อยู่ Ep. 45 (1/2) – Talk Show บ้านพักตากอากาศ]

Mr.Boom : พี่โอ๋ครับ สัปดาห์นี้ผมก็มีเรื่องจะมาถามพี่โอ๋อยู่พอดีเลยนะ คือเมื่ออาทิตย์ก่อนผมไปเที่ยวต่างจังหวัดมาใช่ป่ะพี่ ผมก็เห็นว่ามันมีบ้านพักตากอากาศที่เป็นโครงการเนี่ยขึ้นเต็มเลย พี่โอ๋ว่าโครงการบ้านพักตากอากาศพวกนี้เนี่ยมันมีความจำเป็นด้วยหรอพี่  คือเรานอนโรงแรมไม่ได้เหรอ

Mr.Oe : ที่บูมพูดเนี่ย ก็คงเป็นคำถามคาใจของหลายๆคนนะ จริงๆบ้านตากอากาศที่บูมพูดถึง มันคือโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยวใช่ไหม เมืองพวกนี้เนี่ยไม่ได้มีเฉพาะนักท่องเที่ยวเท่านั้นนะ มันมีคนพื้นที่ที่เค้าอยู่อาศัยทำมาหากินที่นั่นด้วย ดังนั้นบ้านตากอากาศหรืออสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยวเหล่านั้น ส่วนหนึ่งก็ทำมาเพื่อคนพื้นที่ซื้ออยู่อาศัย แล้วอีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นนักท่องเที่ยวหรือว่าบ้านหลังที่สองของคนกรุงเทพฯหรือคนต่างถื่นซื้อเพื่ออยู่

Mr.Boom : เพราะตรงนั้นมันมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ด้วยใช่ป่ะ

Mr.Oe : ถูกต้อง มันก็จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนมาด้วยแหล่ะ แล้วถ้าย้อนกลับไปที่บูมถามว่า พักโรงแรมไม่ดีกว่าเหรอ จริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับคน อย่างเช่น เราเป็นคนเที่ยวคนเดียว เที่ยวกับแฟน หรือเที่ยวกับเพื่อน แล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเรื่อยๆ อันเนี้ยการไปพักโรงแรมหรือรีสอร์ทน่ะดีแล้ว หรือบางคนต้องการ service แบบเฉพาะที่มีในโรงแรมเท่านั้น เช่น มีคนมาโรยกลีบกุหลาบ มีการพับผ้าเป็นรูปช้างหรืออะไรอย่างนี้ มีบริการสปา มีนั่นมีนี่ ก็จะเหมาะกับการพักโรงแรม

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนี้ จะมีคนอีกกลุ่มนึงซึ่งพี่เชื่อว่าเป็นกลุ่มใหญ่มากเลยนะ ที่เวลาไปเที่ยวต้องไปทั้งครอบครัว มีลูกหลาน อากงอาม่า พี่เลี้ยงเด็กหรือแม้กระทั่งคนขับรถ รวม 10 กว่าคน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นนะ พี่เชื่อว่าคนกลุ่มเนี้ยมีตังค์จ่าย ประเด็นมันคือความไม่สะดวก บูมลองคิดดูสิ ลูกอยู่ชั้น 2 อาม่าอยู่ชั้น 5 กระจายกันไปหมด จะทำกิจกรรมร่วมกันก็ไม่สนุก มันจะไม่เหมือนกับอยู่บ้านตากอากาศที่เวลามากันเยอะๆก็อยู่กันเป็นครอบครัวและสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ อยู่โรงแรมก็ set up แบบโรงแรม ไม่มี pantry ทำครัว มันมีแต่เตียงกับที่นั่ง ห้องน้ำ แค่นั้นเอง

Mr.Boom : function มันก็ไม่ได้อย่างที่เราต้องการนะ

Mr.Oe : ใช่ แต่ถ้าเป็นบ้านพักตากอากาศ มันเป็นบ้านที่เราแต่งเองด้วยซ้ำ เราอยากจะให้มีครัว อยากให้มีอะไรต่างๆนานาหรือจะใช้ชีวิตยังไงก็เป็นเรื่องของเรา แล้วที่สำคัญถึงแม้เราจะไม่ได้ไปเที่ยวกับครอบครัวแต่มันก็เป็นเรื่องของ privacy และความสะดวก อย่างเช่น ใครที่อยากไปหัวหินหรือพัทยาอย่างงี้ แล้วอยากไปเช็คอินตอนตีห้า เราก็ต้องรอเวลาเช็คอิน แต่ถ้าเรามีบ้านของตัวเองก็ไม่ต้องจอง อยากจะไขกุญแจเข้าไปนอนก็ไปเลย

Mr.Boom : แล้วก็ไม่มีห้องเต็มด้วยนะพี่

Mr.Oe : ถูกต้อง เพราะมันเป็นบ้านของเรา เพราะฉะนั้นอันนี้มันจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันบูม ทีนี้พอพูดถึงคนกลุ่มนึงที่ไม่ชอบอยู่โรงแรม เลยเกิดเป็นโอกาสขึ้นมาสำหรับเจ้าของบ้านตากอากาศที่จะสามารถนำมาลงทุนปล่อยเช่าได้ มีทั้งปล่อยเช่าระยะยาวสำหรับฝรั่งที่แบบหยุดยาวๆ 3-4 เดือน แล้วเค้าก็กลับไป

Mr.Boom : เพราะไม่งั้นพวกนี้ถ้าเกิดเช่าโรงแรมยาวเป็นเดือนๆก็อาจจะแย่ได้เนอะ

Mr.Oe : ก็อย่างที่บอกแหล่ะ บางทีเค้าไม่ได้อยากอยู่โรงแรมไง อยากอยู่แบบชิลล์ๆ สบายๆ ทำกับข้าวกินเอง แล้วอีกอย่างคือ เราสามารถปล่อยเช่าเป็น week เป็นวันก็ได้ นี่ก็คือทำให้เรามีผลตอบแทนจากการให้เช่าได้บูม ที่สำคัญบ้านตากอากาศในบางทำเลเรียกได้ว่าจำกัดมากๆ อย่างเช่น ทำเลติดหาดดีๆสวยๆ นับวันมันจะไม่มีอีกแล้ว แล้วราคาก็สูงขึ้นๆ เพราะฉะนั้นอัตราการเติบโตของบ้านตากอากาศในบางทำเลถึงสูงปรี๊ดเลย

Mr.Boom : พี่โอ๋พยายามจะบอกว่า มันก็มีทั้งค่าเช่าแล้วก็ Growth เหมือนกันใช่ไหม

Mr.Oe : ใช่ อยู่ไปอยู่มาซักพักเราก็เบื่อ เราอยากขายเราก็ได้มีกำไรจากตรงนี้ขึ้นมาด้วย

Mr.Boom : ทั้งหมดที่พี่พูดมามันก็ฟังดูดีนะ มันไม่มีความเสี่ยงบ้างเหรอพี่

Mr.Oe : ที่พูดมาเนี่ย มันเป็นแบบพวกโลกสวยนะแต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็มีทั้งดีและเสีย อย่างบ้านตากอากาศ มันคือภาระอย่างหนึ่ง ถ้าเราไม่ได้ใช้งาน เราต้องจ่ายค่าดูแลรักษาทุกเดือน ทีนี้อันที่สองก็คือว่า บางช่วงมันไม่มีคนมาเช่า เราก็ปล่อยเช่าไม่ได้ ทั้งปีเราไม่มีรายได้เลย แล้วที่สำคัญคือ บ้านตากอากาศมันเปลี่ยนมือยากเหมือนกันนะ เพราะว่ามันไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิตของทุกๆคนไง บางช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีบ้างอะไรบ้าง บ้านตากอากาศจะปล่อยได้ยากมาก

Mr.Boom : แล้วอย่างงี้เราจะต้องเลือกยังไงพี่ เราถึงจะเลือกซื้อบ้านตากอากาศที่มันโอเค

Mr.Oe : สิ่งสำคัญที่สุดก็กลับมาเรื่องแรกเลยนะบูม คือ เรื่องทำเล แต่ทำเลนี้ต้องมาดูที่หัวใจเราว่าเป็นคนชอบอะไร เช่น เราเป็นคนชอบทะเล เราก็ควรจะเลือกบ้านตากอากาศติดทะเล ชอบภูเขา น้ำตก หรืออะไรต่างๆที่เป็นสีเขียว เราก็ต้องขึ้นไปอยู่บนดอยใช่ไหม เสร็จแล้วเราก็กลับมาในรายละเอียดเช่นว่า โอเคเราจะเลือกอยู่ทะเลละ ก็ต้องมาดูอีกว่าจะอยู่แบบไหน มีตั้งแต่ติดหาด,ใกล้หาดแบบต้องเดินไป หรือไกลหาดออกไปเป็นวิวทะเล หรือไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทะเลเลยแต่อยู่ในเมือง

ทำเลบนภูเขาก็เหมือนกันนะ จะอยู่ริมดอยแบบเห็นวิวดอย,อยู่บนดอยเลย หรือแค่อยู่ในเมืองที่อยู่ติดดอย มันมีหลายแบบ เพราะฉะนั้นต้องเลือกตรงนี้ด้วย นอกจากนี้เราต้องมาดูเรื่องของการเดินทาง อย่างเช่นเรารู้ว่าเราเป็นพวกแบบไม่เดินทางไกล

Mr.Boom : ไม่ชอบนั่งเครื่องบินอ่ะสมมติ

Mr.Oe : ไม่ชอบนั่งเครื่องบิน อยากไปใกล้ๆ แล้วเราชอบทะเล เพราะฉะนั้นเราก็เลือกไปได้แต่พัทยาหรือหัวหินเท่านั้น เราจะไปเลือกภูเก็ตก็ไม่ได้ เพราะเราไม่มีเวลาไป เราไม่เดินทางไปแบบนั้น อย่างนี้เป็นต้น และอีกสิ่งหนึ่งต้องดูว่าเราเป็นคนใช้ชีวิตยังไง เวลาเราไปพักผ่อน เราไปคนเดียวหรือมีลูกหลาน ถ้าเราเป็นครอบครัวที่มีลูกเล็กๆซุกซน ก็จะเหมาะกับโครงการที่มีสระว่ายน้ำที่ใหญ่เหมือนมีสวนน้ำอยู่ข้างใน เด็กๆเค้าก็จะมีกิจกรรมให้เล่นมากมาย แต่บางคนอยู่กันเป็นคู่สามี-ภรรยาอายุเยอะแล้ว ต้องการความสงบ ก็ควรจะไปหาโครงการเล็กๆที่ค่อนข้างจะส่วนตัว อันนี้ก็จะเป็นรายละเอียดของแต่ละโครงการไป

• ติดต่อทีมงานรายการ คิด.เรื่อง.อยู่: [email protected]
• ติดต่อโฆษณาได้ที่  ฝ่ายขาย บริษัท คิดเรื่องอยู่ จำกัด: 092-270-2556