รีวิวฉบับที่ 1659 สวัสดีค่ะ The park avenue private เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury ตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพกรีฑา ตรงข้ามกับพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ อย่างสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา พร้อมด้วย Community Mall หน้าโครงการและฟิตเนสขนาดใหญ่ เดินทางสะดวกด้วยถนนกรุงเทพกรีฑาเเละถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้าหรือถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ในราคาเริ่มต้น 27 ล้านบาท

Fact @ 15 August 2018

  • เดอะพาร์ค เอเวนิว ไพรเวท (THE PARK AVENUE PRIVATE)
  • บริษัท  บอสตัน เอเวนิว (1987) จำกัด
  • LUXURY TO SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ริมถนนกรุงเทพกรีฑา เขตบางกะปิ
  • เนื้อที่โครงการ 10-3-74 ไร่ จำนวน 36 ยูนิต
  • Snowberry ที่ดิน 64.7 – 74.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 354 ตร.ม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 27 ล้านบาท Update June 2020 ราคาเริ่มต้น 28 ล้านบาท
  • Mulberry ที่ดิน 78.9 – 97.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 439 ตร.ม. 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 37 ล้านบาท Update June 2020 ราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท
  • Laurel ที่ดิน 102.6 – 141.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 680 ตร.ม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 50 ล้านบาท Update June 2020 Sold Out
  • เพดานสูง 2.80 เมตร, พื้นที่ส่วน Double  Volume สูง 6.4 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 27 ล้านบาท
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 200,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : 15 สิงหาคม 2559
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • สำนักงานขาย : 088-039-5555

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.747028, 100.660722

โครงการ The Park Avenue Private จะตั้งอยู่ระหว่างถนนกรุงเทพกรีฑา และถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ฝั่งตรงข้ามกันสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา จากแผนที่ที่โครงการให้มาจะเห็นได้ว่าบริเวณนี้จะสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังถนนได้หลายสาย และมีเเนวรถไฟฟ้าใกล้เคียงอาทิเช่น รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีกรีฑา รถไฟฟ้าสายสีส้มสถานีลำสาลี หรือที่เปิดใช้บริการเเล้วอย่างสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้ง สถานีหัวหมาก

เนื่องจากทำเลของ The Park Avenue Private จะตั้งอยู่ระหว่างถนนกรุงเทพกรีฑาและถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า โดยตัวโครงการตั้งอยู่ตรงข้ามพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่คือ สนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา และ ยูนิโก้ แกรนด์ กอล์ฟ ดังนั้นบรรยากาศบริเวณนี้จึงจะไม่มีอาคารประเภทตึกสูงอยู่รอบๆเลย ทำเลนี้ถึงแม้ว่าจะอยู่ขยับจากเมืองออกมาหน่อย แต่ก็สามารถเดินทางไปยังที่ต่างๆได้สะดวก ไม่ไกลจากทางด่วนมากนัก

เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าถนนต่างๆรอบโครงการนี้จะสามารถเดินทางไปยังที่ไหนได้บ้าง เริ่มจากถนนกรุงเทพกรีฑา เราสามารถใช้เส้นนี้วิ่งไปถนนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นถนนหลักที่ตัดกับถนนเส้นสำคัญหลายสาย ทั้ง ถนนอ่อนนุช , ถนนพัฒนาการ , ถนนพระราม 9 , มอเตอร์เวย์ ,  ถนนหัวหมาก และ ถนนรามคำแหง แต่ก็ต้องระวังกันหน่อยนะคะเรื่องการจราจร ที่จะค่อนข้างติดขัดบริเวณถนนศรีนครินทร์, ถนนพระราม 9 ตามแยก และบริเวณรอบๆห้างใหญ่ๆ

ส่วนถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้าจะเป็นถนนที่ค่อยข้างใหญ่ฝั่งละ 4 – 5 เลน เเละด้วยความที่เพิ่งเปิดใช้ใหม่ๆ ทำให้การจราจรแถวนี้ค่อนข้างเบาบาง โดยเฉพาะทางที่ไปยังถนนร่มเกล้า ถนนเส้นนี้จะเริ่มจากบริเวณแยกถนนศรีนครินทร์ตัดกับถนนกรุงเทพกรีฑา ตรงผ่านแนวเดิมของถนนกรุงเทพกรีฑาจากปากซอยเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นมุ่งหน้าเข้าเขตสะพานสูงซึ่งจะเป็นช่วงที่ตัดถนนใหม่ทั้งหมด ทะลุไปชนกับถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออก ยันไปถึงถนนร่มเกล้าตามชื่อเลย ซึ่งถ้าสร้างเสร็จเมื่อไรจะเป็นการช่วยระบายรถที่ติดพอสมควรบนเส้นกรุงเทพกรีฑาได้นั่นเองค่ะ

มาดูที่ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการกันบ้าง เนื่องจากบริเวณโครงการ จะเป็นถนนเส้นที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ ดังนั้นความเจริญเเละอุดมสมบูรณ์จริงๆจะตั้งอยู่ห่างออกไป ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ฝั่งถนนรามคำแหง ไปยังแยกลำสาลี บริเวณถนนรามคำแหงตอนต้นจะมีห้างสรรพสินค้าเก่าเเก่หลายห้าง เช่นเดอะมอลล์ 2 และเดอะมอลล์ 3 (ซึ่งปัจจุบันมีฝั่งนึงปิดปรับปรุงอยู่) ไล่มาจะเป็นบิ๊กซี มีโรงหนังอย่าง Major Hollywood อยู่ด้วย และบนถนนเส้นนี้เองจะเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรามคำแหง และการกีฬาเเห่งชาติ เราจึงจะเห็นสนามกีฬาที่มีชื่อเสียงอยู่บริเวณนี้ เช่นอินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก หรือราชมังคลากีฬาสถาน เเละบริเวณด้านหน้าก็จะมีตลาดนัดขนาดใหญ่ สามารถเดินเลือกซื้อของกินของใช้ได้ ไล่มาจนถึงบริเวณแยกลำสาลี จะมีโรงพยาบาลรามคำแหงที่อยู่ใกล้ๆ และไฮไลท์ของบริเวณนี้จะเป็นเดอะมอลล์บางกะปิ ที่มีโลตัสฝั่งตรงข้าม ตลาดแฮปปี้เเลนด์ ตะวันนา และ Makro อยู่บริเวณนี้

อีกโซนนึงที่เป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ใกล้เคียงโครงการจะอยู่บริเวณถนนพัฒนาการค่ะ ฝั่งนี้จะมี The Nine พระราม 9 โลตัส พัฒนาการ Max Valu นอกจากบริเวณนี้จะมีสถานีรถไฟฟ้า Airport Link หัวหมาก และยังมีสถานศึกษาชื่อดังอยู่ตลอดเส้น เช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ Stamforn University มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตเป็นต้น

โดยภาพรวมนับได้ว่าทำเลนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆค่อนข้างครบเลยค่ะ ทั้งห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และโรงพยาบาล

สำหรับเส้นทางการเดินทางวันนี้ เราจะเริ่มมาจากถรรพระราม 9 มุ่งหน้าไปยังทางด่วนมอเตอร์เวย์ (หรือมุ่งหน้าไปทาง The Nine พระราม 9) เเล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรามคำแหง 24 เเยก 2 ซึ่งเป็นทางที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนรามคำแหงได้ บนถนนนี้เราจะขับผ่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง สนามกีฬาหัวหมาก มหาวิทยาลัยเอแบค มุ่งหน้ามายังถนนกรุงเทพกรีฑา สำหรับการเข้าถึงโครงการ The Park Avenue Private นั้นสามารถเข้าไปทั้งถนนกรุงเทพกรีฑา และถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่(หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) เราไปชมกันดีกว่าค่ะ ว่าระหว่างทางเราจะพบเจอกับอะไรบ้าง มีจุดสังเกตอะไร และมีอะไรที่น่าสนใจบนเส้นทางนี้กัน

เราเริ่มต้นบนถนนพระราม 9 มุ่งหน้าไปยังมอเตอร์เวย์นะคะ เลยสี่เเยกรามคำเเหงมาก่อน บนถนนเส้นนี้ทางซ้ายมือเราจะเจอกับ HomePro พระราม 9 พอเจอป้าย HomePro ให้เราชิดซ้ายไว้นะคะ เตรียมเลี้ยวซ้ายเลย

บริเวณหัวมุมถนนจะเป็นที่ตั้งของออฟฟิศ FN Factory มีป้ายอาคารเห็นค่อนข้างถนัดตา ให้เราเลี้ยวซ้ายตรงนี้เลยค่ะ

พอเลี้ยวมาเราจะอยู่บนถนนรามคำแหง 24 เเยก 2 ให้เราตรงไปตามทางค่ะ

ตรงมาเรื่อยๆเราจะเจอกับทางเเยก เลี้ยวซ้ายไปจะเป็นซอยรามคำแหง 24 ซึ่งออกไปยังถนนรามคำแหง จะเจอกับบิ๊กซีรามคำแหง ส่วนเลี้ยวขวาจะเป็นรามคำแหง 24 ซึ่งเป็นถนนที่คึกคักมาก และเป็นเส้นทางสำหรับเชื่อมไปพระราม 9 ได้ (เข้าไปจากทางด้านหลัง The Nine พระราม 9) ไปยังเอแบค สาธิตราม มหาวิทยาลัยราม ราชมังและอินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมากค่ะ

เลี้ยวขวาจะเจอปั๊ม Shell ทางขวามือ

ตรงมาเรื่อยๆทางซ้ายมือจะเป็นโซนของมหาลัยรามคำแหง รวมไปถึงโรงเรียนสาธิตรามคำแหงอยู่ด้านใน

ถนนภายในซอยเป็นถนน 2 เลน เเต่ทั้ง 2 ข้างทางอุดมสมบูรณ์ไปด้วยร้านอาหาร และมีสถานศึกษาชื่อดังตั้งอยู่ ดังนั้นการจราจรบนถนนเส้นนี้จะมีช่วงเวลาหนาแน่นติดขัดบ้างนะคะ เเต่โชคดีที่หลายๆซอยทั้งซ้ายและขวาจะเชื่อมต่อไปยังถนนรามคำแหงและถนนพระราม 9 ได้ ดังนั้นจึงมีตัวเลือกให้ขับหนีได้บ้างช่วงที่รถติดหนักๆค่ะ

เลยโซนมหาวิทยาลัยรามคำแหงมาจะเป็นโซนพื้นที่ของการกีฬาเเห่งประเทศไทย ซึ่งบริเวณนี้จะมีราชมังคลากีฬาสถานซึ่งเป็นสนามกีฬาสามารถจุคนได้ร่วมหมื่นคน มีอินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก บริเวณนี้ช่วงเช้าๆเย็นๆจะมีคนมาออกกำลังกายกันหนาแน่น ด้านหน้าฝั่งที่ติดกับถนนรามคำแหงจะมีตลาดนัดอยู่ด้วย ขายทั้งอาหาร เสื้อผ้าแฟชั่น เดินเล่นเพลินๆค่ะ

เรายังคงขับตรงมาอย่างต่อเนื่อง ทางซ้ายมือจะมีถนนที่ไปยังออฟฟิศเเละคลังสินค้าเครือโอสถสภา  บริเวณนี้เลนถนนจะเริ่มขยายกว้างมากขึ้น การจราจรจะเริ่มเบาบางลงค่ะ

บริเวณใกล้ๆสี่เเยกจะมีสะพานข้ามแยกอยู่ ให้เราชิดขวาตามป้ายกรุงเทพกรีฑา ขึ้นสะพานไปเลยค่ะ

บนสะพานก็จะมีทางเเยกนะคะ เรายังคงอยู่เลนกลางหรือเลนขวาไปยังกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้าค่ะ

ลงสะพานมา ณ วันที่เข้าไปทำรีวิว บริเวณถนนนี้ยังมีการทำทางอยู่ ให้เราสังเกตปั๊มน้ำมันไว้นะคะ ทางขวาเมื่อเจอปปั๊ม Caltexให้ชิดขวาเตรียมกลับรถค่ะ

ทางกลับรถจะถึงก่อนโรงเรียนอนุบาลหทัยนิรมลค่ะ ถ้าตรงไปจะเป็นถนนเส้นศรีนคริทร์-ร่มเกล้า หรือถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ซึ่งถ้าเราเลยไปกลับรถด้านหน้า ก็จะเจอทางเข้าอีกทางบนถนนเส้นนี้ค่ะ

เมื่อกลับรถมาเเล้วให้เราชิดซ้ายไว้นะคะ จะมีที่กลับรถอีกจุดหนึ่งก่อนปั๊มน้ำมัน Caltex พอเรากลับรถไปจะอยู่บนถนนกรุงเทพกรีฑาแล้วค่ะ

ตอนนี้เราอยู่บนถนนกรุงเทพกรีฑาเเล้ว ทางขวามือจะเป็นสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา ทางซ้ายมือจะเจอ Community Mall ชื่อ The Park อยู่

ตัว Community Mall จะเป็นเจ้าของเดียวกันกับโครงการ The Park Avenue Private ของเราเลย มีทางเข้าเเยกกันค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ที่ดินรอบๆโครงการโดยส่วนมากจะเป็นที่ดินเปล่า ทั้งของเจ้าของโครงการเดียวกันเเละที่ดินของผู้อื่น ปัจจุบันบริเวณนี้ยังมีความหนาเเน่นในการอยู่อาศัยไม่มาก เเต่ก็ยังเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาต่อไปในอนาคตนะคะ

  • ทิศเหนือ ติดกับที่ดินของเปล่าของโครงการ และ ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า(ถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่)
  • ทิศใต้ ติดกับถนนกรุงเทพกรีฑา และ สนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา
  • ทิศตะวันออก ติดกับที่ดินเปล่าข้างเคียง
  • ทิศตะวันตก ติดกับที่ดินเปล่าของโครงการ

ทิศใต้ ติดกับสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา

ทิศตะวันตก ติดกับที่ดินเปล่าข้างเคียง (เจ้าของเดียวกันกับโครงการ)

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • สนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา ~ 300 m.
  • โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน ~ 1.3 km.
  • วิทยาลัยนานาชาติ ไบรท์ตัน คอลเลจ ~ 2 km.
  • โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 3.5 km.
  • มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ~ 3.8 km.
  • โรงพยาบาลวิภาราม ~ 4 km.
  • มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ~ 4.1 km.
  • โรงพยาบาลรามคำแหง ~ 4.4 km.
  • เดอะมอลล์ บางกะปิ ~ 4.4 km.
  • มหาวิทยาลัยรามคำแหง ~ 4.6 km.
  • สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ~ 5.3 km.
  • เดอะ พาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง ~ 6.1 km.
  • เดอะมอลล์ รามคำแหง ~ 8.5 km.

เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Park Avenue Private  เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury มีจำนวนทั้งโครงการทั้งสิ้น 36 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 10 ไร่กว่าๆ นับได้ว่าค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวพอสมควรเลยนะคะ  โดยทางเข้าหลักของโครงการจะสามารถเข้า – ออกได้จากทางถนนกรุงเทพกรีฑา แต่ด้วยตัวทำเลที่อยู่ใกล้กับแยกที่มาจากรามคำแหง 24 หรือหัวหมาก และมีถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า หรือถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่อยู่ทางด้านหลังโครงการ ที่ดินด้านข้างเเละด้านหลังเป็นเจ้าของเดียวกัน จึงมีช่องทางพิเศษที่ใช้ขับเชื่อมต่อไปยังถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้าได้โดยตรง ทำให้การเข้า-ออกของโครงการ สามารถเดินทางไปยังถนนทั้ง 2 เส้นได้สะดวก บริเวณหน้าโครงการมี Community Mall ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับความสะดวกสบายของลูกบ้าน มีทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และฟิตเนส ส่วนทางเข้าโครงการถูกออกแบบให้ทางเข้า – ออกแยกกันเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยค่ะ

จากทางเข้าโครงการ เมื่อเข้ามาจะเจอกับสวนภายในโครงการที่ถูกวางผังให้อยู่ติดกับบริเวณถนนใหญ่ ตำแหน่งนี้นอกจากจะช่วยเรื่องการเว้นระยะให้ตัวบ้านจริงๆอยุ่ลึกเข้าไป ทำให้เสียงจากถนน ฝุ่น ควัน ไม่ส่งความรำคาญใจมายังพื้นที่ภายในบ้านมากเกินไปอีกด้วยค่ะ

การวางผังบ้านนั้นบ้าน L ขนาดใหญ่สุดจะมีอยู่ทั้งหมด 4 ยูนิต โดย 3 ยูนิตจะอยู่บริเวณด้านหน้าติดกับสวนและทางเข้าเลย ซึ่งทำให้บ้านตำแหน่งนี้ เมื่อขึ้นไปชั้นบนๆ จะสามารถมองออกไปเห็นวิวสนามกอล์ฟได้ด้วย และพื้นที่ถนนหน้าบ้านก็ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เนื่องจากใช้งานร่วมกันเพียง 3 หลังเท่านั้น

ส่วนบ้านเเบบอื่นอีก 33 ยูนิต จะถูกวางผังในรูปแบบล้อมรอบถนนที่มีลักษณะเป็นวงรอบโครงการ โดยบ้านที่อยู่ตรงกลางจะเเบ่งเป็นยูนิตริมที่เป็นบ้าน Type M ส่วนแปลงกลางจะเป็น Type S  การวางผังแบบนี้สถาปนิกได้เเนวคิดมาจากการที่อยากให้บ้านทุกหลังได้อยู่บนถนนหลักทั้งหมด ไม่ได้มีบ้านหลังไหนที่อยู่ไกลออกไปจากทางเข้ามากนัก และยังสามารถเดินมายัง Community Mall หน้าโครงการได้สบาย นอกจากนี้ พื้นที่ถนนที่มีลักษณะวนรอบได้ ยังเป็น Option เสริมสำหรับคนที่อยากวิ่งออกกำลังกาย สามารถวิ่งวนเป็นวงกลมรอบๆได้เลยไม่ต้องวิ่งไป-กลับให้ปวดหัวค่ะ

การออกแบบทิศทางของแปลนบ้าน บ้านภายในโครงการนี้เกือบทั้งหมด ถูกวางผังให้หน้าบ้านหันหน้าไปยังทิศเหนือ-ใต้ ทำให้การระบายอากาศทำได้ค่อนข้างดี และการวางผังบ้านแม้จะเป็นยูนิตที่อยู่ติดกัน ก็มีการออกแบบโดยคิดถึงมุมมองระหว่างหลังเอาไว้ ทำให้เราไม่สามารถมองเข้าไปเห็นข้างในบ้านข้างๆได้โดยตรง ตัวบ้านก็จะถูกออกแบบมาค่อนข้างเต็มพื้นที่ดิน เน้นการสร้างความคุ้มค่าให้กับพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านและให้ความสำคัญกับส่วนพื้นที่พักผ่อนภายในบ้าน โดยการมี Double Volume Space ในส่วนพักผ่อน และฟังก์ชันการใช้สอยที่ค่อนข้างครบทั้งสำหรับภาพรวมของตัวบ้าน และในห้องนอนทุกห้องค่ะ

โครงการ The Park Avenue จะมีอยู่ 2 ส่วนหลักๆคือส่วนที่เป็น Community Mall ที่อยู่ด้านหน้า และ The Park Avenue Private ที่เป็นส่วนพักอาศัยอยู่ถัดข้างๆกัน ทั้ง 2 ส่วนถูกออกแบบโดย 760iarchitect ซึ่งทางสถาปนิกได้มีแนวคิดในการออกแบบมาจากทำเลที่ตั้งของโครงการ ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา โดยทั่วไปตัว Landscape ของสนามกอล์ฟนั้นจะมีเนินขึ้นลงอยู่ทั่วสนาม ซึ่งถ้าเรามองจากแผนที่เราจะเห็นเป็นเส้นวงๆต่อเนื่องกันไปเรียกว่า Contour line ทางสถาปนิกเองจึงนำเอาเส้นสายเหล่านี้มาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ ทั้งในส่วนที่เป็น Community Mall และ Interior ของ Fitness และเราจะเห็นเส้นสายโค้งๆของหลังคา Layout ของอาคารส่วนที่เป็น Community Mall เป็นต้น

ด้านหน้าจะมีส่วนของ Community Mall ที่มีชื่อว่า The park ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 8,900 ตร.ม. ซึ่งถูกเเบ่งเป็นร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ฟิตเนส สปา สามารถเข้าไปยัง Link นี้ เพื่อดูรายละเอียดร้านค้าต่างๆได้เลยค่ะ

บรรยากาศภายในโครงการ บริเวณชั้น 1 ก็จะมีร้านราเมง ร้านพิซซ่า ทางเข้าฟิตเนส มีสตาร์บั๊ค และ Tops Daily ที่เปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้ายันเที่ยงคืนเลย เรียกได้ว่าเดินสะดวกมากจากบ้านเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงเเล้ว ข้าวของเครื่องใช้ขาดอะไรฉุกเฉินก็เดินมาได้ หรือจะใช้เป็นสถานที่นั่งทำงานชิวๆ จิบกาแฟ หรือนัดคุยงานที่สตาร์บั๊คสาขานี้ก็ดีนะคะ คนไม่เยอะเท่าไหร่ แถมที่จอดรถฟรีอีกต่างหาก คนเขียนยังติดใจอยากมานั่งปั่นงานที่นี่บ้างเลย

อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Community Mall นี้คือ W Fitness ค่ะ เป็นฟิตเนสขนาดใหญ่ ที่มีหลากหลายโซนกิจกรรมให้เลือกสรร มีทั้งหมด 3 ชั้นและกินพื้นที่กว่าง 2 พันตร.ม. ของ The Park Mall เเห่งนี้เลย ภายในก็จะมีทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องอบไอน้ำ ห้องซาวหน้า ออนเซ็น บาสเก็ตบอล แบตมินตัน ปีนเขา สตูดิโอโยคะ และสตูดิโอมวยไทย ลูกบ้านของ The Park Avenue Private สามารถเข้ามาใช้งานได้เกือบทั้งหมดเลยในช่วงเวลา 3 ปีแรก เว้นเพียงเเต่ Boxing Gym ของ RSM Academy , Works Studio Pilates and Yoga และส่วนที่เป็น Basketball และปีนเขา ที่จะมีกำหนดเวลาในการเข้าใช้งาน และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เราอาจจะต้องไปสอบถามที่ W Fitness อีกทีนะคะ (สำหรับคนที่ชินการเข้าคลาสสตูดิโอเเถวทองหล่อ Works นี่ก็มาจาก ener8ie Studio ตรงตึก Ei8ht ทองหล่อนั่นเองค่ะ)

สิทธิพิเศษที่ได้รับหลังจากการเป็นลูกบ้านของ The Park Avenue Private คือการใช้งานฟิตเนสฟรี 3 ปีใช่ไหมค่ะ และจำนวนคนที่สามารถเข้ามาใช้งานได้ก็จะแตกต่างกันไปตามแบบบ้านคือ บ้าน S สมาชิกในบ้านสามารถเข้าใช้งาน W Fitness ได้ 4 คน ส่วนบ้าน M กับ L จะเข้าไปใช้งานได้ 5 คนค่ะ และถ้าพ้น 3 ปีแรกไปแล้วค่าใช้จ่ายในส่วนของฟิตเนสจะคิดค่าบริการอยู่ที่ 27,000 บาทต่อปี ต่อ 2 คน ซึ่งนับว่าเป็นข้อดีของผู้อยู่อาศัยอีกอย่างคือ บางคนอาจจะไม่ชอบเล่นฟิตเนสก็จะไม่สมัครต่อก็ได้ หรือบางบ้านสมาชิกที่เล่นมีเพียง 2 คน เมื่อหารต่อปีออกมาเเล้วก็นับว่าค่อนข้างคุ้มค่าอยู่นะคะ สำหรับฟิตเนสที่มีหลากหลายกิจกรรมให้มาครบแบบนี้ เดี๋ยวเราลองไปดูบรรยากาศภายในฟิตเนสกันดีกว่า ว่ามีเครื่องเล่นหรือกิจกรรมอะไรบ้าง

ทางเข้าฟิตเนสจะอยู่ชั้น 1 ของอาคาร Community Mall ทางขวามือสุดทางเดิน (จากโครงการส่วนที่เป็นบ้านจะมีทางพิเศษที่สามารถเข้ามายังส่วน Community Mall ได้จากด้านข้าง ในกรณีของลูกบ้านถ้าเดินมาจากประตูนี้ก็จะถึงยังส่วนฟิตเนสเป็นอันดับเเรกค่ะ) เมื่อเข้ามาสิ่งที่เราสัมผัสได้เลยคือความสูงของพื้นที่ที่เป็น Double Volume โดยทางขวามือจะเป็นส่วนของ Reception การออกแบบภายในของฟิตเนสจะเน้นความเป็นธรรมชาติ จึงใช้วัสดุเป็นไม้ และโทนสี Earth Tone เป็นหลัก ส่วนแรงบันดาลใจในการออกแบบก็ยังคงมาจากเส้นสายของ Contour Line ดังนั้นเมื่อเข้ามา เเผง Backdrop หลังเคาน์เตอร์ Reception ก็จะใช้วัสดุเป็นไม้ และดูออกแบบให้โชว์สันไม้ซึ่งเป็นเส้นโค้งระดับต่างๆกัน สร้างมิติและ Movement ของฟิตเนสต่อเนื่องมาจากผนังไปยังฝ้าเพดานเลยค่ะ

หันมาทางซ้ายมือจะเป็นมุม Waiting area ซึ่งจะถูกจัดเป็นชุดโซฟานั่งเล่น สร้างบรรยากาศผ่อนคลายเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติด้วยผนังสีเขียว คำพูดสร้างแรงบันดาลใจ และเเรงจูงใจในการออกกำลังกาย พื้นที่ใช้งานจะอยู่ด้านในโดยทุกคนที่จะเข้าไปจะต้องมี Card เพื่อสแกนผ่านเข้าไปใช้งานอีกที ทำให้คนที่ใช้บริการฟิตเนสมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วยค่ะ เมื่อเข้าไปเเล้ว พื้นที่บริการจะต้องขึ้นไปชั้นบนโดยมีบันไดสำหรับเดินขึ้นและมีลิฟท์คอยให้บริการค่ะ

เราเริ่มกันที่ชั้น M ก่อนนะคะ ชั้นนี้จะมี Steam Room, Sauna Room, Premium Lounge, Locker Room, ห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ และออนเซ็นไว้ให้บริการ

เมื่อออกมาจากลิฟท์เราจะเจอส่วนที่เป็น Lounge ก่อนเป็นอันดับเเรก สำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการจะสามารถมาเก็บของที่ชั้นนี้ก่อนได้ นอกจากนี้ยังมีมุมขายชุดออกกำลังกาย ตู้ขายน้ำอัตโนมัติคอยให้บริการเพิ่มเติมด้วยค่ะ โดยส่วนที่เป็น Locker ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำและออนเซ็น จะเเยกฝั่งชาย-หญิงออกจากกันโดยมีเคาน์เตอร์ต้อนรับคั่นอยู่ตรงกลาง ฝั่งผู้หญิงจะอยู่ทางซ้ายมือ เเละผู้ชายจะอยู่ทางขวามือ ส่วนการออกแบบตกแต่งภายในมีการใช้เส้นโค้งทั้งการวางผัง ตัวเคาน์เตอร์ ไปยังฝ้าเพดาน มีการใช้ indirect light และเลือกใช้โทนสี Earth Tone มาออกแบบสร้างบรรยากาศสบายๆ

ครั้งนี้เราจะขอพามาดูฝั่งผู้หญิงกันนะคะ เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับส่วนที่เป็น Locker ก่อนเลย การใช้งาน Locker คือเราจะต้องใช้ Wristband เพื่อแสกนเปิด-ปิดตู้ค่ะ พื้นที่บริเวณนี้จะมีห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าเอาไว้ให้บริการ และมีม้านั่งตรงกลางเอาไว้นั่งพักผ่อนหรือเปลี่ยนรองเท้าค่ะ การเลือกดีไซน์ม้านั่งก็ยังอิงกับแนวคิดการออกแบบที่เป็น Contour Line (ลักษณะคล้ายกันกับวงปีของต้นไม้ด้วยนะคะ)

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่ส่วนอ่างล้างมือ พื้นที่บริเวณนี้ถูกออกแบบมาค่อนข้างกว้างและตกแต่งออกมาหรูหราเลย มีทั้งส่วนที่เป็นเกาะกลางและส่วนที่อยู่ติดผนัง ตรงนี้นอกจากล้างหน้าหรือล้างมือเเล้ว ยังเป็นจุดสำหรับเป่าผม แต่งหน้าสำหรับคุณผู้หญิงก็ได้ด้วย และจากพื้นที่ตรงนี้ถ้าเราไปทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของห้องสุขา ส่วนทางขวามือจะเป็นส่วนของพื้นที่อาบน้ำ ห้องซาวน่า และออนเซ็น

พื้นที่ห้องน้ำถูกแยกออกมาเป็นอีกส่วนหนึ่งชัดเจน การตกแต่งภายในเลือกใช้วัสดุหินและลายไม้เป็นหลัก ในแต่ละห้องมีพัดลมดูดอากาศในตัว และมีการซ่อนไฟให้แสงสว่างในห้องน้ำ ทำให้แสงไม่จ้าจนเกินไป จำนวนห้องก็ค่อนข้างเยอะเลย สามารถทำธุระส่วนตัวกันได้อย่างสบายใจ

มาอีกฝั่งจะเป็นพื้นที่ส่วนอาบน้ำ พื้นที่บริเวณนี้จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งเพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากพัดลมดูดอากาศ สามารถช่วยระบายอากาศได้อีกจุดหนึ่ง ส่วนตัวห้องอาบน้ำจะเเยกออกเป็นทั้งสองฝั่งทางเดิน ประตูเป็นบานเปิด มีมือจับคันโยก เปิด-ปิดเรียบร้อย ซึ่งในฟิตเนสหลายๆที่ห้องอาบน้ำที่มีให้บริการจะเป็นเพียงม่านเปิด-ปิดเท่านั้น ตอนอาบก็จะเขินๆหน่อย แต่สำหรับที่นี่สบายหายห่วงเลยค่ะ

ภายในห้องอาบน้ำแต่ละห้องก็จะมีพื้นที่แยกส่วนอีก โดยจะมีพื้นที่สำหรับเปลี่ยนชุด วางของใช้ส่วนตัว และพื้นที่ส่วนที่เป็นที่อาบน้ำ การเลือกใช้สุขภัณฑ์ก็ดูหรูหรามาก มีทั้งฝักบัวอาบน้ำและ Rain shower สามารถเลือกระดับอุณหภูมิของน้ำได้ มีหน้าต่างเป็นช่องเเสงเเละระบายอากาศ มีสบู่เเละเเชมพูสระผมให้บริการอีกด้วย

เดินเเยกมาจะเจอกับพื้นที่ส่วนซาวน่า , Steam และออนเซ็น พื้นที่ส่วนต่างๆถูกแยกออกจากกันชัดเจนเป็นห้องๆ แต่ยังเชื่อมต่อถึงกันด้วยผนังกระจก ทำให้ไม่ดูอึดอัดเกินไปสำหรับผู้ที่ใช้งานภายใน และสำหรับส่วนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวก็จะถูกออกแบบโดยเลือกใช้เป็นกระจกฝ้าแทน

บรรยากาศภายในห้องซาวน่า ตกแต่งด้วยไม้ มีพื้นที่นั่งเป็นรูปตัว L ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ

เดินถัดเข้ามาจะถึงส่วนที่เป็นออนเซ็น โดยเราจะเจอกับพื้นที่ล้างตัวก่อน เอาไว้ล้างทำความสะอาดก่อนลงบ่อ

ส่วนที่เป็นออนเซ็นจะเเยกออกเป็น 2 บ่อ ตามอุณหภูมิที่แตกต่างกัน มีการตกแต่งผนังด้วยช่องที่เจาะลึกเข้าไป พร้อมเล่นกับไฟ indirect light สร้างบรรยากาศคล้ายๆกับอยู่สปาเลยค่ะ

จบจากชั้น M เรามาต่อกันที่ชั้น 2 กันบ้างนะคะ สำหรับชั้นนี้จะมี RSM Studio (สตูดิโอมวยไทย) , สนามเเบตมินตัน , สนามบาสเก็ตบอล , หน้าผาจำลองสำหรับคนอยากฝึกปีนเขา และมีห้องน้ำให้บริการค่ะ

เมื่อออกจากลิฟท์มาเราจะเจอกับ RSM Studio ก่อนเลย สตูดิโอนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงเลยนะคะ มีหลายสาขา ทั้งทองหล่อ อโศก เคยเจอเหล่าดาราไปเล่นกันที่นี่เหมือนกัน สำหรับคนที่ต้องการใช้บริการในส่วนนี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ เนื่องจากเป็นสตูดิโอที่การบริหารเเยกออกมาจากฟิตเนส เป็นคนละเจ้าของกัน เพียงเเต่มาเช่าพื้นที่ภายในเเละใช้ส่วนกลางร่วมกันค่ะ

เดินมาสุดทางจะเป็นห้องขนาดใหญ่ Gym นี้จะเป็นพื้นที่สำหรับการเล่นเเบตมินตัน บาสเก็ตบอล และปีนหน้าผาจำลองค่ะ สำหรับการใช้ห้องนี้จะมีข้อจำกัดทางด้านเวลาอยู่ คือ สามารถใช้ได้ครั้งละ 2 ชม. และการปีนหน้าผาจำลอง เเนะนำว่าต้องมีเทรนเนอร์มาคอยดูเเลจะปลอดภัยกว่านะคะ

สำหรับห้องน้ำบนชั้น 2 นี้ จะมีเพียงอ่างล้างมือ และห้องน้ำค่ะ พื้นที่ Locker และห้องอาบน้ำแนะนำให้ไปใช้บริการที่ชั้น M นะคะ การออกแบบตกแต่งภายในของห้องนี้ยังคงเเนวคิด Contour Line และ วงปีของต้นไม้อยู่ หน้าตากระจกเลยเน้นเส้นโค้ง เป็น Freeform เเบบที่เห็น

มาที่ชั้นบนสุดกันบ้าง ชั้น 3 ชั้นนี้จะมี Studio Yoga&Pilates ของ Works ตั้งอยู่ มีส่วนที่เป็นฟิตเนส และมีสระว่ายน้ำค่ะ

ออกจาลิฟท์โดยสารมา เราจะเจอกับ Charging Station อยู่ สำหรับคนที่อยากชาร์จเเบตเตอรี่โทรศัพท์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกต่างๆ สามารถมาชาร์จบริเวณนี้ได้ โดยจะมีที่ล็อกไว้ด้วย ปลอดภัยรับรองไม่ต้องกลัวของหายเลยค่ะ ส่วนทางขวามือของทางเดินจะเป็นพื้นที่ของ Works Studio ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นฟิตเนส เดินตรงไปสุดทางเดินจะออกไปยังพื้นที่โซนสระว่ายน้ำ

ฟิตเนสของที่นี่เรียกได้ว่าใหญ่มาก จัดเต็มเลยค่ะ เเละจุดขายที่สำคัญของโครงการเลยก็คือวิวที่ได้คือวิวสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา เมื่อมองออกไปจะเป็นพื้นที่สีเขียวสุดตาเลย เรียกได้ว่าขณะวิ่งเราสามารถจินตนาการได้ว่าวิ่งอยู่ในสวนได้เลยนะคะ

นอกจากนี้ แนวความคิดอย่างเส้นสายโค้งๆ ความเป็นContour หรือวงปีต้นไม้ก็มาเห็นชัดเจนบริเวณฟิตเนสอีกเหมือนกัน ทั้งลายพื้นเเละฝ้าเพดาน ทำให้ดูมี Movement เหมาะกับกิจกรรมที่ต้องการความ Active แบบ Fitness ดีเหมือนกันค่ะ

อุปกรณ์ที่เลือกใช้ภายในฟิตเนสจะเป็นของ Life Fitness ซึ่งถือว่าได้มาตรฐานเเละมีชื่อเสียงเลย

เดินออกมายังส่วนสระว่ายน้ำกันบ้าง พื้นที่ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ส่วน Semi Outdoor มี Bar สำหรับสั่งเครื่องดื่ม และสามารถสั่งอาหารจากร้านอาหารข้างล่างขึ้นมารับประทานบริเวณนี้ได้อีกด้วย ทางเดินข้างสระก็จะจัดที่นั่งเป็นจุดๆ จะมานั่งพักผ่อนก็ได้ไม่ว่ากัน

สระว่ายน้ำของที่นี้จะเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดสระ 25×15 เมตร รวมกับสระเด็ก

จุดเด่นของสระว่ายน้ำคือมุมมองที่เป็น Infinity Edge คือใช้ระบบน้ำล้น และมีราวกันตกกระจก เปิดมุมมองจากสระไปยังภายนอกได้เต็มที่ สามารถเห็นวิวสนามกอล์ฟได้สุดสายตา เเละด้วยทำเลนี้เป็นทำเลที่ไม่มีตึกสูงอยู่รอบๆเลย ทำให้การใช้พื้นที่ตรงนี้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

มีบ่อจากุชชี่น้ำอุ่นขนาด 2×4 เมตร ข้างๆสระจะมีแทรก Landscape ต้นไม้อยู่ ทำให้สระว่ายน้ำมีบรรยากาศรอบๆดูร่มรื่นมากยิ่งขึ้น

บริเวณด้านข้างสระว่ายน้ำจะมีทางเดินไปยังห้องน้ำ ซึ่งบริเวณหน้าห้องน้ำก็จะมีพื้นที่สำหรับล้างตัวก่อนเเละหลังใช้สระว่ายน้ำ ตรงนี้จะมีระเเนงไม้บังตาจากภายนอก เพิ่มความเป็นส่วนตัวขณะใช้งานค่ะ

สำหรับชั้นนี้ก็จะมี Locker ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำให้บริการเช่นกัน เหมาะสำหรับคนที่มาใช้งานสระว่ายน้ำและฟิตเนสโดยเฉพาะ เมื่อเข้ามาในห้องน้ำหญิง จะเจอกับเคาน์เตอร์ที่เป็นเกาะกลางอยู่กลางห้อง เอาไว้สำหรับล้างหน้า ล้างมือ มีมุม Locker ไว้ให้ใช้บริการ มีครีมทาตัว ไดร์เป่าผมเตรียมไว้ให้ใช้ด้วย เอาเเต่ตัวเเละเสื้อผ้ามาเปลี่ยนก็พอค่ะ

ตัวอ่างมีทั้งแบบดีไซน์โค้งแบบชามเเละดีไซน์กระบอกหน้าตัดกลม เน้นตัวสุขภัณฑ์สีดำ ตัดกับเคาน์เตอร์หินอ่อนสีขาว ก๊อกน้ำก็เลือกใช้เป็นสีดำด้านดูแปลกตา และไม่ค่อยเห็นดีไซน์แบบนี้นะคะในฟิตเนสอื่นๆ

จำนวนห้องน้ำและห้องอาบน้ำบนชั้น 3 นี้จะมีไม่มากเท่าที่บริเวณชั้น M ค่ะ แต่การออกแบบเเละเลือกใช้วัสดุและสุขภัณฑ์จะเหมือนกันเลย

จบพื้นที่ส่วน Community Mall ไปแล้วเรามาดูส่วนที่พักอาศัยกันบ้าง ส่วนที่พักอาศัยของโครงการ The Park Avenue Private จะอยู่ติดกับ Community Mall เลย ซุ้มประตูทางเข้าถูกดีไซน์มาด้วยโทนสีและวัสดุที่ล้อกับส่วน Mall การเข้าถึงจะต้องเลี้ยวโค้งขวาเข้าไปเล็กน้อย ซึ่งก็จะมีคนหลงๆเข้ามาคิดว่าเป็นทางเข้า Community Mall อยู่เหมือนกัน ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะซุ้มประตูจะโดดเด่นด้วยขนาด และดีไซน์ อีกส่วนหนึ่งก็คือเพราะการวางผังที่ทำให้เมื่อมองจากภายนอกเเล้วจะไม่เห็นพื้นที่ด้านใน คนเลยไม่รู้ว่าเลี้ยวเข้ามาทางนี้จะเป็นทางเข้าส่วนพักอาศัย แต่ก็มีข้อดีก็คือส่วนที่พักอาศัยก็จะได้รับความเป็นส่วนตัว คนภายนอกไม่สามารถมองเข้าไปในโครงการตรงๆได้

เลี้ยวโค้งขวาเข้ามายังโครงการ ตัวพื้นจากคอนกรีตถนนจะถูกเปลี่ยนวัสดุไปเป็นคอนกรีตเเสตมป์ ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานเเละมีลวดลายที่ดูเป็นธรรมชาติ พื้นที่ของ Community Mall และถูกแบ่งออกจากกันด้วยระดับ และแนวกำแพง ซึ่งยังคงใช้เส้นโค้งตามคอนเซ็ปต์ และมีการออกแบบ Landscape ทั้ง 2 ข้างทางที่ทำให้ดูร่มรื่น นำสายตาเข้าไปยังภายในโครงการ

ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ จะมีชื่อโครงการติดอยู่เห็นชัดเจนเมื่อเข้ามา ตำแหน่งจะอยู่ตรงผนังของซุ้มประตู โดยตัวซุ้มประตูมีการบิด Form เล็กน้อย เพื่อรับกับทางเข้า และเปิดมุมมองให้เห็นป้ายชื่อโครงการนี้ ตัววัสดุจะเน้นโทนสีเทา และใช้ไม้เป็นองค์ประกอบ

การใช้งานจะเเบ่งทางเข้า – ออก แยกออกเป็นสองฝั่ง โดยมีป้อมรปภ.อยู่ตรงกลาง ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นต้นของบริเวณนี้จะเป็นประตูรั้วกั้น สามารถเข้า-ออกโครงการได้โดยใช้ Key Card

ตั้งเเต่บริเวณทางเข้าจะมีกล้องวงจรปิดติดตั้งเอาไว้ทั้งทางเข้าและทางออก และยังคงมีอีกหลายจุดภายในโครงการ

เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับถนนหลักกว้าง 14 เมตร ตัวพื้นปูด้วยคอนกรีตแสตมป์ บริเวณซอยนี้จะเป็นตำแหน่งของบ้านแบบ L เท่านั้น โดยบ้านเเบบนี้จะสามารถมองเห็นวิวของสวนทางด้านหน้าได้ และชั้นบนๆยังสามารถมองชมวิวของสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑาได้ค่ะ

บริเวณทางขวามือปัจจุบันจะเป็นตำแหน่งของ Sale Gallery ซึ่งแนวทางการออกแบบก็ล้อไปกับส่วนอื่นๆ กลมกลืน ต่อเนื่องไปทั้งโครงการ

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่สวนสาธารณะ ซึ่งการตั้งตำแหน่งสวนไว้ตรงนี้ก็จะช่วยลดเสียง มลภาวะ และฝุ่นควันจากถนนที่เข้ามายังตัวบ้านได้ และยังสร้างมุมมองที่สวยงามให้กับบ้าน Type M ที่อยู่ตำแหน่งนี้ด้วย

มองย้อนกลับมาจะเห็นทางเดินทั้งสองข้าง ซึ่งสามารถวิ่งวนหรือเดินออกกำลังกายรอบๆสวนตรงนี้ได้

เลี้ยวเข้ามาอีกทาง ถนนจะเปลี่ยนวัสดุเป็นคอนกรีต ขนาดถนนหลักอยู่ที่ 14 เมตร ทั้ง 2 ข้างทางจะเป็นแนวกำแพงของบ้านและ Community Mall ซึ่งจะมีต้นไม้ปลูกอยู่ทั้ง 2 ข้างทาง

ส่วนที่ติดกับ Community Mall จะมีประตูเชื่อม ทั้งทางคนเดินเเละทางรถ พื้นที่ตรงนี้สามารถเข้า-ออกได้ตลอดเวลา โดยการใช้ Key Card ค่ะ

เลี้ยวเข้ามาในซอยย่อย ถนนหน้าบ้านจะเป็นถนนคอนกรีต  ความกว้างของถนนจะลดลงเหลือ 10 เมตร บริเวณถนนส่วนนี้จะเป็นส่วนที่วนเป็นวงกลม สามารถวิ่งออกกำลังกายได้ เราจะสังเกตุเห็นได้อีกอย่างนึงว่า โครงการนี้จะเอาเสาไฟฟ้าลงดินค่ะ บริเวณรอบๆจึงดูเรียบร้อย สะอาดตาอย่างในภาพเลย

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • สวนสาธารณะ
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการรวม 2 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 5.5 ม.
  • Access Card
  • CCTV 16 จุด
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic  ทุกหลัง
  • ถนนหลักกว้าง 14 ม. และถนนภายในกว้าง 10 ม.
  • Video Door Entry /Digital door / Home automation  ควบคุมการเปิดปิดไฟ   motion censor  กล้องวงจรปิดรอบบ้าน

Facility อื่นๆ ของโครงการจะใช้ร่วมกันกับ W Fitness ที่ตั้งอยู่ภายใน The Park ซึ่งเป็น Community Mall หน้าโครงการนะคะ

  • สระว่ายน้ำ ขนาด 25×15 เมตร ระบบเกลือ
  • Fitness
  • Pilates/Yoga
  • ปีนผาจำลอง
  • ยิมมวยไทย
  • เเบตมินตัน
  • บาสเก็ตบอล
  • ซาวน่า / สตรีม /ออนเซ็น

Product Walkthrough

โครงการ The Park Avenue Private มีแบบบ้านภายในโครงการทั้งหมด 3 แบบ รวมทั้งสิ้น 36 ยูนิต โดยแบ่งเป็น

  • Type S – Snowberry ที่ดิน 64.7-74.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 354 ตร.ม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 27 ล้านบาท จำนวน 21 ยูนิต
  • Type M – Mulberry ที่ดิน 78.9-97.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 439 ตร.ม. 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 37 ล้านบาท จำนวน 11 ยูนิต
  • Type L – Laurel ที่ดิน 102.6-141.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 680 ตร.ม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 50 ล้านบาท จำนวน 4 ยูนิต

ในรีวิวนี้เราจะพาไปดูบ้านตัวอย่าง Type S และ Type M นะคะ เราไปชมพร้อมๆกันเลยค่ะ

Type S

บ้านแบบ Type S จะเป็นบ้านที่มีจำนวนเยอะที่สุดภายในโครงการและมีขนาดเล็กที่สุดในโครงการ บ้านหลังนี้จะสร้างอยู่บนที่ดินขนาด 64.7-74.4 ตร.วา มีพื้นที่ใช้สอย 354 ตร.ม. เมื่อเข้ามาจะเจอกับพื้นที่จอดรถก่อนอันดับแรก สามารถจอดได้ 3 คัน เข้ามาในบ้านจะเจอกับโถงหน้าบันได ก่อน ตรงข้ามบันไดจะเป็นพื้นที่สำหรับจัดเป็นโต๊ะทานอาหาร สามารถวางได้ 6-8 ที่นั่ง จากส่วนรับประทานอาหารมาทางด้านหน้าจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น-รับแขก ซึ่งเป็นพื้นที่ Double Volume ถัดเข้าไปด้านหลังบ้านจะเป็นส่วน Pantry และครัวปิดที่มีประตูออกไปด้านหลังบ้านซึ่งเป็นพื้นที่ซักล้างได้ บริเวณชั้นนี้จะมีห้องนอนผู้สูงอายุอยู่ เป็นห้องที่สามารถวางเตียง King Size ได้และมีห้องน้ำในตัว ภายในห้องนอนมีหน้าต่างเปิดรับวิวหลังบ้านได้ และสำหรับแขกหรือเพื่อนที่มาเยี่ยมบ้าน ชั้นนี้จะมีห้องน้ำแบบ Powder Roomไว้ให้บริการ ตำแหน่งอยู่ใต้บันได นอกเหนือจากนี้ก็จะมีส่วน Service อย่างห้องแม่บ้านและพื้นที่ซักล้างนั้นจะอยู่มุมหลังบ้าน สามารถเดินเข้าถึงได้จากที่จอดรถค่ะ

 

ขึ้นมาชั้น 2 จะเป็นส่วนของห้องนอน Master Bedroom และมีทางเดินเชื่อมมายังส่วนนั่งเล่นพักผ่อนด้านบน พื้นที่พักผ่อนตรงนี้ก็จะมี Space แบบ Double Volume เช่นกัน ตำแหน่งจะอยู่บริเวณหน้าบ้าน มี Facade ไม้ ทำหน้าที่เป็นแผงบังเเดดให้กับพื้นที่บริเวณนี้ไปในตัว ส่วนตัวห้องนอนจะถูกแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกแบบส่วนๆ โดยเมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วนนั่งเล่นส่วนตัวภายในห้องนอนก่อน กลับบ้านจากทำงานมาเหนื่อยๆก็มานั่งพักหรือนั่งทำงานตรงนี้ต่อก็ได้ ก่อนที่จะเข้าไปเป็นพื้นที่ส่วนเตียงนอน ตรงนี้จะมีประตูทางออกไปยังระเบียงด้านข้างที่ยาวไปสุดยังพื้นที่ส่วนนั่งเล่นเลย ฝั่งตรงข้ามระเบียงจะเป็นส่วนของ Walk-in Closet ขนาดใหญ่และห้องน้ำ ที่มีขนาดใหญ่เท่าๆกันเลย ตัวห้องน้ำก็จะมีอ่างล้างมือแบบ His&Her มีอ่างอาบน้ำ พื้นที่สุขาเเละพื้นที่อาบน้ำให้มาครบครัน

พื้นที่ชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ส่วนของห้องนอนเป็นหลัก โดยเมื่อขึ้นบันไดมาจะมีทางเดินเเยกไปยังห้องต่างๆ พื้นที่ตรงนี้มีส่วนที่แยกออกมาที่สามารถกั้นทำเป็นห้องพระ ห้องเก็บของหรือห้องทำงานเล็กๆได้ มีหน้าต่างที่มองเชื่อมต่อไปยังส่วนนั่งเล่นชั้น 2 ได้ ส่วนห้องนอนที่ชั้นนี้จะมีอยู่ 2 ห้อง ห้องทางหน้าบ้านกับห้องทางหลังบ้าน ห้องหน้าบ้านจะมีขนาดที่กะทัดรัดกว่า แต่ก็มีห้องน้ำให้มาภายในตัว และมีพื้นที่ระเบียงที่กว้างกว่าอีกห้อง มองเห็นวิวทางหน้าบ้านได้ ส่วนห้องทางด้านหลังจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า มีพื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet ที่ใหญ่กว่าเป็นสัดส่วนขึ้น และมีห้องน้ำภายในตัวเช่นกัน

มาดูที่ตัวบ้านกันเลยค่ะ การออกแบบบ้านจะเป็นสไตล์ Modern Tropical มีการใช้โทนสีขาว เทา และน้ำตาลจากไม้มาเป็นโทนสีหลักในการออกแบบ ตัวบ้านมีขนาด 3 ชั้น แต่เมื่อมองจากด้านนอกเเล้วระดับชั้นต่างๆจะไม่ได้ดูแบ่งออกจากกันชัดเจน เนื่องมาจากการออกแบบ Space ที่มี Double Volume อยู่ทั้งชั้น 1 และชั้น 2 โดยวางตำแหน่งให้เยื้องๆกันอยู่ ทำให้บ้านดูมีการเชื่อมต่อกันของพื้นที่ เเละการออกแบบระเเนงเเนวตั้ง ทำให้ตัวบ้านดูสูง สง่ามากขึ้นด้วยค่ะ

บริเวณทางเข้าบ้านจะมีทั้งประตูทางเดินและประตูทางรถ ประตูที่จอดรถจะเป็นรั้วโปร่งอัตโนมัติ โทำด้วยเหล็กกล่อง มีการออกแบบลวดลายเหมือนต้นไม้ ซ้ำเป็นเเพทเทิร์นเดียวกันตลอดแนวรั้วบ้านเลยค่ะ

บริเวณด้านหน้าจะมีห้องทิ้งขยะที่สามารถเปิดทิ้งได้จากในบ้านเลย ช่วยให้หน้าบ้านสะอาดและเป็นระเบียบมากขึ้น มีประตูทางเข้าคนเดินอยู่ข้างๆ เข้าไปก็จะตรงกับประตูทางเข้าบ้านพอดี

บริเวณประตูทางเดินเข้า จะมีไฟผนัง มีกริ่งที่เชื่อมกับ Home Automation ภายในบ้าน สามารถโทรเข้าไปยังภายในบ้านได้ มีกล้องบันทึกคนที่เข้าออกตรงนี้ ส่วนอีกฝั่งของประตูจะเป็นตู้ใส่จดหมาย และบ้านเลขที่ที่มีดีไซน์ออกมาเป็นชิ้นๆ และมีการใช้ Indirect Light ซ่อนไฟให้ตัวบ้านเลขที่ดูมีมิติสวยงาม

เมื่อเปิดประตูรั้วบานเลื่อนอัตโนมัติเข้ามาจะเจอกับพื้นที่จอดรถ บริเวณนี้จะเป็นโครงสร้างที่ลงเสาเข็มไว้ให้ ตัวพื้นจะเป็นพื้นคอนกรีตสแตมป์ โครงสร้างพื้นเป็น Slab on Ground ความกว้างจะอยู่ที่ 5 เมตร สำหรับจอด 2 คัน และ 2.8 เมตร สำหรับจอด 1 คัน ผนังตัวบ้านจะมีประตูบานเลื่อนกระจก เป็นพื้นที่เก็บของของส่วนที่จอดรถ สามารถเก็บอุปกรณ์ทำสวน อุปกรณ์ช่างต่างๆได้

พื้นแต่ละส่วนจะแยกชิ้นไว้ ทำให้เมื่อเกิดการทรุดตัวจะไม่เกิดรอยร้าวระหว่างพื้นและอาคาร รอยต่อพื้นส่วนต่างๆจะโรยหินล้างไว้ให้เพื่อความสวยงาม ส่วนจอดรถตรงนี้จะมีหลังคาไว้ให้มีการเล่นระดับฝ้าหลังคา โดยจะตกแต่งด้วยวัสดุไม้สำหรับใช้งานภายนอก มีไฟดาวน์ไลท์และแบบโคมติดไว้ส่องสว่าง มีส่วนงานระบบรักษาความปลอดภัยอย่างกล้องวงจรปิด ระบบ Megnetic Censor และ Motion Censor ติดไว้รอบๆบ้านเเละบานประตู หน้าต่าง

ด้านข้างบ้านจะมีทางเดินที่สามารถเดินได้รอบๆบ้าน เราจะลองเดินวนดูนะคะว่าจะมีอะไร ยังไงบ้าง เริ่มกันจากผนังบ้านเลยที่ให้มาจะเป็นผนังทึบทาสีเทา ทางเดินด้านข้างจะมี Slope หรือทางลาดเดินขึ้นไป ทำให้ระดับรอบๆบ้านจะใกล้เคียงกับพื้นภายในบ้าน

เดินเลาะมาจะเจอกับพื้นที่ห้องแม่บ้าน จะมีห้องนอนและห้องน้ำเเยกกัน มีไฟส่องสว่างให้หน้าห้องเเละมี Motion Censor เป็นไฟอัตโนมัติที่จะเปิดเมื่อมีคนเดินผ่านค่ะ

หน้าตาปลั๊กไฟและ Motion Censor ที่โครงการใช้ภายในบ้านค่ะ

เดินมาด้านหลังบ้านจะเป็นพื้นที่สำหรับวาง Condensing Unit และเป็นพื้นที่ซักล้าง

พื้นที่ซักล้างจะเป็นโครงสร้างพื้น Slab on Ground วัสดุจะให้มาเป็นกระเบื้องเซรามิก มีบริเวณแท๊งก์น้ำที่จะลงเสาเข็มให้มาด้วยค่ะ ตำแหน่งสำหรับวางเครื่องซักผ้าก็จะเตรียมงานระบบและเดินไฟไว้ให้ สำหรับวางเครื่องซักผ้าได้ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นประตูที่เปิดเข้าไปยังพื้นที่ส่วนครัวที่อยู่ในบ้าน พื้นที่บริเวณนี้จะไม่มีหลังคาให้มานะคะ เเต่อาจจะต้องถามทางโครงการอีกทีว่ามีโปรโมชันที่ต่อเติมหลังคาของพื้นที่ตรงนี้ให้รึเปล่าค่ะ

เดินวนมาอีกฝั่งจะเจอกับพื้นที่เฉลียงเล็กๆ มีประตูเชื่อมต่อเข้าไปยังพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารภายในบ้าน บริเวณนี้จะจัดเป็นสวนเล็กๆริมผนังก็สวยดีนะคะ สร้างวิวที่มองจากภายในบ้านออกมาได้อีกด้วย

ตรงมาจะเป็นทางเดินลง เเละจะเจอกับประตูสำหรับห้องทิ้งขยะพอดี

บริเวณมุมนี้จะเป็นพื้นที่ของสวนที่มองเข้าไปยังตัวบ้านจะเป็นพื้นที่ส่วนนั่งเล่น รับแขก ที่เป็น Double Volume Space เมื่ออยู่ในบ้านตรงนี้สามารถมองออกมายังสวนได้ แม้การออกแบบจะเป็นกระจกเปิดโล่ง แต่ก็ยังมีความเป็นส่วนตัวเพราะรอบๆบริเวณนี้จะเป็นกำแพงผทึบ ทำให้คนภายนอกมองเข้ามาจะไม่เห็นกิจกรรมและการใช้งานที่เกิดขึ้นของพื้นที่ตรงนี้ค่ะ

มาเข้าบ้านกันบ้าง ทางเข้าบ้านจะค่อยๆยกระดับขึ้นมา มีชานพักด้านหน้าประตูทางเข้า เเละระแนงไม้ด้านข้างทำหน้าที่เป็นราวกันตกและส่วนตกแต่งสร้างความสวยงาม

กลอนประตูที่ให้มาจะเป็น Digital Door Lock บานประตูทางเข้าจะให้มาเป็นไม้จริง

เมื่อเข้ามาจะเจอกับแผงสวิทช์ไฟหน้าตาแบบนี้ และสามารถสร้าง Lighting Scene ไว้ได้ เช่นถ้าเราอยากให้บรรยากาศในบ้านสลัวๆ ก็จะ Set Scene เก็บไว้ได้เเบบหนึ่ง หรือจะเป็น Scene ที่สว่างไสว อีกแบบหนึ่ง สามารถ Set ตำแหน่งไฟ และลักษณะการ Dim ของไฟไว้ได้ เมื่อใช้งานก็กดปุ่มกลมๆก็จะได้บรรยากาศไฟที่เราต้องการเเล้วค่ะ

ข้างๆประตูจะเป็นตำแหน่งที่ทำเป็น Built-in ชั้นวางรองเท้า ซึ่งเราอาจจะทำห้องด้านหน้าสำหรับเก็บรองเท้าเพิ่มก็ได้นะคะ สำหรับบ้านที่มีคนเยอะหรือมีคุณผู้หญิงที่รองเท้าเยอะเเล้วพื้นที่ตรงนี้เก็บไม่พอ

ข้างๆจะมีทางเดินลงไปยังห้องเก็บของ และห้องน้ำ ทางเดินตรงนี้จะกว้างประมาณ 1.3 เมตร

ภายในห้องเก็บของใต้บันได้จะเป็นพื้นที่งานระบบต่างๆ และตู้ไฟ

ห้องน้ำจะเป็นห้องแบบ Powder Room คือมีอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ ห้องน้ำจะมีพื้นที่ประมาณ 2.45×1.55 เมตร ถือว่ากว้างพอสมควรเลยค่ะ มีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศเเละรับเเสงสว่างจากธรรมชาติด้วย วัสดุพื้นและผนังภายในห้องน้ำจะใช้เป็นกระเบื้องพอร์ซเลน สำหรับห้องนี้จะเน้นลายไม้สลับกับโทนสีขาว

อ่างล้างมือจะเป็นแบบฝังลงไปในเคาน์เตอร์ ตัวเคาน์เตอร์จะกว้างอยู่ที่ประมาณ 1.35 เมตร เป็นระยะที่กว้างขวางใช้งานสะดวก มีก๊อกน้ำซักล้างอยู่ข้างใต้  สุขภัณฑ์จะใช้ของยี่ห้อ Kohler ส่วนตัวTop เคาน์เตอร์จะเป็นหินเทียมค่ะ

หน้าตาโถสุขภัณฑ์จะได้แบบนี้ มีชุดอุปกรณ์แขวนทิชชู่ และสายฉีดชำระมาให้ครบของ Kohler

กลับมายังโถงทางเข้า เมื่อเข้ามาเราจะเจอพื้นที่โถงหน้าบันไดก่อนค่ะ ตรงเข้าไปจะเป็นทางเข้าห้องนอนชั้นล่าง ทางขวามือจะเป็นพื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร ห้องรับแขก และส่วนครัว ความสูงของฝ้าเพดานชั้นนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.65 เมตร  พื้นที่ให้จะเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ผนังจะฉาบเรียบทาสี ไฟจะให้เป็น LED Downlight

มาดูยังพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารจะจัดได้ 6-8 ที่นั่ง สามารถเดินรอบๆโต๊ะได้ มีประตูบานเลื่อนด้านข้าง เดินออกเชื่อมต่อไปยังพื้นที่สวนข้างบ้านได้ พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 3.25×3 เมตร

หันมาทางขวามือจะเป็นส่วนนั่งเล่น รับแขก บริเวณนี้จะมีความสูงแบบ Double Volume สูงถึง 6.4 เมตร มีกระจกสูง 2 ฝั่งผนัง โดยไม่มีแนวคานกั้น ทำให้พื้นที่ห้องดูโปร่ง โล่งมากค่ะ ถือเป็นจุดเด่นของบ้านภายในโครงการนี้เลย

ข้ามจากพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารมา จะเป็นพื้นที่ส่วน Pantry และส่วนครัว

ส่วน Pantry ทางฝั่งขวาจะสามารถจัดเคาน์เตอร์เป็นรูปตัว L ได้ และฝั่งซ้ายจะเป็นตำเเหน่งสำหรับวางเตาอบ และตู้เย็น พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 2.8×2.4 เมตร โดยทางโครงการจะขายพร้อม Built-in ที่สามารถ Custom made ได้ ยกเว้นแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกที่ไม่ได้มีมาให้ ตัว Top เคาน์เตอร์ที่ให้มาวัสดุจะเป็นหินควอทซ์

ต่อจากส่วน Pantry จะเป็นส่วนของครัวไทยที่อยู่ด้านหลัง มีประตูบานเลื่อน 2 ตอนเปิดเพื่อเชื่อมต่อกัน ด้านบนของประตูเป็นช่องเเสงกระจก ทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูโปร่งสูงจากพื้นจรดฝ้าเพดานและต่อเนื่องกัน

ทางซ้ายมือจะเป็นตำแหน่งวางเตาอบ มี Built-in ชั้นวาง ปิดด้วยวัสดุผิวเงาช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาด

ฝั่งที่เป็นเคาน์เตอร์ พื้นที่ข้างใต้จะเป็นช่องวางข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์สำหรับทำครัว ดีไซน์ค่อนข้างมินิมอล ไม่มีมือจับดูเรียบเป็นชิ้นเดียวต่อเนื่องกันไป

ตัวดีไซน์คิดถึงการใช้งานโดยช่องใส่ของต่างๆมีหลากหลายขนาด เเละการเลือกใช้วัสดุพื้นผิวที่เงา ทำให้ง่ายต่อการดูเเลทำความสะอาดค่ะ

ชุดเตาไฟฟ้าให้มาแบบ 4 หัวให้มาพร้อมเครื่องดูดควันของ kuppersbusch

อ่างล้างจานพร้อมหัวก๊อกแบบผสม มีสายจับ ดึงออกมาใช้งานได้เหมือนเป็นฝักบัว มาพร้อมกับตะแกรงกรองเศษอาหารตรงท่อน้ำทิ้ง

เข้ามาดูส่วนที่เป็นครัวไทยกันบ้างนะคะ ส่วนที่เป็นครัวไทยจะเเบ่งเป็นสองฝั่งซ้ายขวา มีประตูอยู่ตรงกลางเป็นทางออกไปยังส่วนซักล้างด้านหลังบ้าน ตรงประตูจะมีหน้าต่างเเละช่องเเสงเพื่อระบายอากาศ ควัน กลิ่น และเพิ่มเเสงสว่างเข้ามาภายในห้องครัวได้ค่ะ

ชุดเคาน์เตอร์และ Built-in ครัวทางด้านขวา มีความกว้างประมาณ 1.65 เมตร จะเป็นพื้นที่ของอ่างล้างจาน

อ่างล้างจานได้แบบนี้เป็นของ Teka

ชั้นเก็บของด้านล่างมีช่องสำหรับทิ้งขยะ เเละเก็บอุปกรณ์ต่างๆ

อีกฝั่งนึงจะเป็นพื้นที่สำหรับวางเตาเเก๊สค่ะ

เรามาดูห้องนอนชั้นล่างกันบ้างค่ะ เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนตู้เสื้อผ้าเเละทางเข้าห้องน้ำก่อนเลย

ระดับพื้นจะเท่ากันกับข้างนอก เนื่องจากห้องนี้เป็นห้องที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้สูงอายุค่ะ

ภายในห้องนอนวัสดุพื้นจะเปลี่ยนไปกลายเป็นพื้นไม้คอร์กเเทน ซึ่งพื้นผิวจะมีความนุ่มนวลและยืดหยุ่นสูง จึงทำให้ลดความอันตรายจากแรงกระแทกในการเดิน นั่ง หรือ การหกล้ม ได้อีกด้วย ตัวห้องจะมีหน้าต่างอยู่ฝั่งนึง เพื่อรับเเสงธรรมชาติให้เข้ามาภายในตัวห้อง และช่วยระบายอากาศอีกด้วย

ฝั่งตรงข้ามเตียงเป็นผนังที่สามารถทำเป็นชั้นวางทีวีได้ โดยมีการเดินสายไฟ งานระบบมาให้พร้อมค่ะ

มาดูห้องน้ำกันบ้าง การจัดผังจะเป็นแนวลึกเข้าไป โดยมีส่วนอ่างล้างมือ ส่วนโถสุขภัณฑ์ และส่วนพื้นที่อาบน้ำอยู่เรียงกันเข้าไปด้านนึง

ตัวพื้นจะไม่มีการลดระดับ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานสำหรับผู้สูงอายู เเละมีรางระบายน้ำกั้นระหว่างพื้นภายในห้องน้ำกับพื้นภายนอก กันน้ำไหลย้อนออกมานอกห้อง  พื้นและผนังห้องน้ำจะใช้กระเบื้องพอร์ซเลน

อ่างล้างหน้าจะได้เป็นของ Kohler เเบบฝังอยู่ใต้เคาน์เตอร์  ดีไซน์เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตัว Top Counter จะได้เป็นหินเทียมค่ะ

ส่วนโถสุขภัณฑ์จะได้ของ Kohler เช่นกัน มีระยะด้านข้างพอเหมาะ เเละติดตั้งพร้อมชุดอุปกรณ์ใส่กระดาษชำระ และสายฉีดชำระ

เข้ามาด้านในสุดของตัวห้องจะเป็นพื้นที่อาบน้ำ มีช่องใส่อุปกรณ์อาบน้ำ และหน้าต่างสำหรับระบายอากาศ

พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 1×1.5 เมตรค่ะ เป็นระยะที่หมุนตัวใช้งานได้พอดี

ชุดฝักบัวเป็นของ Kohler หน้าตาเเบบนี้

ด้านล่างมีก๊อกน้ำซักล้างให้มาและท่อระบายน้ำดีไซน์เหลี่ยมค่ะ

มาดูบันไดขึ้นชั้นสองกันบ้างนะคะ บ้านภายในโครงการ The Park Avenue Private นี้จะเน้นการออกแบบบันไดที่เดินสบาย ดังนั้นระยะบันไดจะมีความกว้างลูกนอนมากกว่าบันไดปกติในบ้านทั่วๆไปค่ะ

โดยลูกตั้งบันไดจะอยู่ที่ประมาณ 15-16 ซม. และลูกนอนบันไดจะอยู่ที่ 30 ซม. บันไดและพื้นบันไดที่ให้มาจะใช้วัสดุเป็นไม้จริงค่ะ

ตัวราวกันตกจะเป็นดีไซน์ที่ผสมราวจับไม้จริงกับกระจก Tempered ทำให้มีความโปร่งและดูอบอุ่น

ขึ้นมาชั้น 2 จะเจอกับห้องนอน Master Bedroom และทางเดินขวามือไปยังส่วนห้องนั่งเล่นพักผ่อนของครอบครัว บริเวณทางเดินจะมีตัว Motion Censor พอมีคนเดินผ่าน ไฟบริเวณทางเดินก็จะเปิดอัตโนมัติค่ะ

มาดูส่วนนั่งเล่นเเละพักผ่อนของครอบครัวกันบ้าง  พื้นที่ตรงนี้จะมีทั้งส่วนที่สูง 2.8 เมตรและส่วนที่สูง 6.4 เมตร

ตรงนี้จะมีหน้าต่างสูงขึ้นไป 2 ชั้น เป็น Double Volume มีการออกแบบระแนงรอบๆส่วนที่เป็นกระจก ช่วยลดเเเสงเเดดที่เข้ามาภายในห้องนี้ได้อีก การสร้างพื้นที่นั่งเล่น Double Volume ทั้ง 2 จุดมาจากไอเดียที่ว่า การพักผ่อนสำหรับครอบครัวใหญ่นั้น ถ้ากรณีที่มีแขกของพ่อแม่มา ลูกๆก็ยังมีพื้นที่ที่สามารถใช้นั่งเล่นพักผ่อนได้ ในขนาดพื้นที่และบรรยากาศใกล้เคียงกัน พื้นที่ที่อยู่ชั้น 2 นั้นก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น บริเวณสุดห้องทางขวามือของภาพ จะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ เป็นห้องเเบบ Powder room ให้เเขกมาใช้งานได้สะดวก ไม่ต้องเข้าไปใช้งานห้องน้ำภายในห้องนอน หรือเดินลงไปใช้งานที่ชั้น 1 ค่ะ

ภายในห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder room วัสดุพื้นเเละผนังจะใช้กระเบื้องพอร์ซเลน สลับโทนสีขาวกับลายไม้ มีหน้าต่างสำหรับเป็นช่องเเสงเเละระบายอากาศค่ะ ห้องน้ำตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 1.55×2.45 เมตร

พื้นที่ตรงนี้จะสามารถมองลงไปยังพื้นที่ส่วนที่เป็น Double Volume ตรงชั้น 1 ได้ และสามารถมองเห็นลงมาจากชั้น 3 ได้เช่นกัน เป็นการออกแบบที่มีความต่อเนื่องกันของพื้นที่ในแต่ละชั้น

มาที่ห้อง Master Bedroom เมื่อเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ส่วนนั่งเล่น ตรงนี้จะมีความเป็นส่วนตัวหน่อย ตัวพื้นที่นี้จะเชื่อมต่อไปยังส่วนที่เป็นเตียงนอน ถ้าสังเกตุจะเห็นว่าห้องนี้จะมีหน้าต่างสูงจรดฝ้าเพดานทั้งสองช่วงเสา ภายนอกหน้าต่างจะเป็นระเบียงที่เราสามารถจัดวางไม้กระถางได้ เพื่อสร้างวิว เมื่อมองจากภายในห้องนอนมองออกไปยังด้านนอกก็จะเห็นพื้นที่สีเขียวดูร่มรื่นได้

ภายในห้องนอนใหญ่จะมีเเผง Home Automation สามารถตั้ง Scene ไฟ เปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ monitor ดูคนเข้าออกบ้านได้จากในห้องนอนเลย (มีอีกจุดที่ชั้น 1 ใกล้กับประตูทางเข้าบ้าน)

สามารถจัดวางเตียงนอนขนาด King Size ได้ โดยมีหน้าต่างขนาบหัวเตียง พื้นที่รอบๆเตียงกว้างขวางใช้งานได้สบาย

ระเบียงข้างห้องนอนจะมีขนาดกว้างประมาณ 60 ซม. ราวระเบียงใช้เป็นกระจก Tempered

ฝั่งตรงข้ามกับระเบียงจะเป็นตำแหน่งของ walk-in closet

ในบ้านตัวอย่างจัดให้มีทางเข้าสองฝั่งแยกฝั่งผู้ชาย และฝั่งผู้หญิงเเบ่งกันคนละครึ่งค่ะ

เข้ามาภายในห้องน้ำ ตัวห้องน้ำจะมีขนาดกว้างขวาง ขนาดประมาณ 3×3.6 เมตร มีอ่างล้างมือ และอ่างอาบน้ำอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ ด้านข้างอ่างอาบน้ำจะมีหน้าต่างบานเลื่อนและประตูบานเปิด ตัวบานเป็นกระจกฝ้า  สามารถจัดสวนด้านนอก เปิดชมวิวขณะเเช่อ่างได้ด้วย

พื้นที่ด้านนอกจะเป็นตำแหน่งสำหรับวาง Condensing Unit และสามารถตกแต่งเป็นสวนได้ ข้างๆเป็นผนังเเละมีระแนง เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว แต่ยังคงได้รับแสงสว่างจากภายนอก

อ่างล้างหน้าที่ได้จะเป็นอ่างแบบ His&Her ตัวอ่างมีความยาวประมาณ 2 เมตร ตัวกระจกเงาที่ได้จะเป็นกระจกบานใหญ่เต็มความกว้างของเคาน์เตอร์ โดย Top เคาน์เตอร์จะเป็นหินเทียม

ตัวอ่างจะเป็นของ Kohler แบบชนิดฝังใต้เคาน์เตอร์  พื้นที่ข้างใต้มีช่องสำหรับเก็บของเก็บอุปกรณ์ต่างๆ

ตัวอ่างอาบน้ำจะใช้สุขภัณฑ์ของ Kohler เช่นกัน พื้นที่อ่างจะมีขนาดอยู่ที่ 2.00×0.95 เมตร มีพื้นที่ขอบอ่าง สามารถวางพวกเทียมหอม สร้างบรรยากาศผ่อนคลายระหว่างใช้งานภายในอ่างได้

ตัวอ่างจะมีฝักบัวแบบมือจับให้มาด้วย พร้อมปุ่มปรับควบคุมระบบ

ฝั่งตรงข้ามกับอ่างล้างมือจะเป็นส่วนของห้องสุขาและห้องอาบน้ำ

ตัวโถสุขภัณฑ์ได้สุขภัณฑ์อัตโนมัติของ Kohler รุ่น San Raphael Class 5

ส่วนห้องอาบน้ำจะมีฝักบัวที่เป็นแบบมือจับและ Rain Shower  มีพื้นที่เเขวนผ้าเช็ดตัวที่อยู่ฝั่งเดียวกันกับฝักบัว แต่คนละระนาบกัน พื้นที่ตรงนี้ออกแบบน่าสนใจนะคะ เพราะขณะใช้งาน น้ำก็จะไม่สาดกระเด็นมายังส่วนที่เป็นที่เเขวนเสื้อผ้าเเละผ้าเช็ดตัวอีกด้วย

สุขภัณฑ์พวกฝักบัว มีระบบน้ำร้อนน้ำเย็นสามารถปับอุณหภูมิได้ตามต้องการ และด้านล่างมีก๊อกน้ำซักล้างให้มาด้วยค่ะ

ขึ้นมายังชั้น 3 จะเป็นส่วนของห้องนอน 2 ห้อง และพื้นที่อเนกประสงค์ทางขวามือ ทางเดินยังคงมี Motion Censor ไฟทางเดินจะเปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อมีคนเดินผ่านค่ะ

ทางขวามือจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ สามารถจัดเป็นมุมห้องพระ พื้นที่เก็บของ ชั้นวางหนังสือ หรือมุมทำงานก็ได้ค่ะ ด้านขวาจะเป็นกระจก

สามารถมองลงไปเห็นพื้นที่ส่วนนั่งเล่นพักผ่อนของครอบครัวได้

มาดูที่ห้องนอนกันบ้าง ห้องนอนนี้จะเป็นห้องนอนที่อยู่ตำแหน่งหน้าบ้าน เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับส่วนเตียงนอนทางขวามือเเละห้องน้ำทางซ้ายมือ

ห้องนอนจะมีขนาดพอดีๆประมาณ 2.8×4 เมตร มีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่อยู่ทางด้านหน้า เชื่อมต่อไปยังระเบียง

ห้องนี้ก็สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้ แต่พื้นที่ข้างเตียงสองฝั่งจะเป็นทางเดินระยะพอดีตัว

พื้นที่ระเบียงภายนอกของห้องนี้จะได้ค่อนข้างกว้างเลย มีขนาดประมาณ 1.5×5.6 เมตร ราวกันตกเป็นกระจก Tempered

เข้าไปยังอีกฝั่งนึงกันนะคะ บริเวณหน้าห้องน้ำจะเป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้าเเละมุมโต๊ะเครื่องเเป้ง พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 2.4×1.75 เมตร

เข้ามาภายในห้องน้ำจะเจอกับส่วนอ่างล้างหน้าก่อนเลย ทางขวามือจะเป็นโถสุขภัณฑ์ ส่วนทางซ้ายมือเป็นพื้นที่ส่วนอาบน้ำ

เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าจะกว้างประมาณ 1.6 เมตร Top เคาน์เตอร์จะเป็นหินเทียม พื้นที่ฝั่งนึงจะโล่ง สามารถวางอุปกรณ์เครื่องใช้ ครีมบำรุงต่างๆได้ มีปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบเตรียมไว้สำหรับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นไดร์เป่าผม พื้นที่ใต้อ่างสามารถเก็บของได้ มีทั้งเเบบที่เป็นตู้บานเปิดเเละเป็นช่องเปิดโล่ง

โถสุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นของ Kohler จะมีพื้นที่กว้างขนาด 1.4 เมตร มาพร้อมกับชุดสายฉีดชำระ และที่ใส่กระดาษทิชชู่

พื้นที่ส่วนอาบน้ำจะมีฉากกั้นกระจกให้มา ผนังด้านนึงจะเป็นหน้าต่างบานกระจกฝ้า สามารถใช้ระบายอากาศและรับแสงสว่างเข้ามาภายในห้องได้

พื้นที่ภายในจะมีขนาดประมาณ 1.5×1.25 เมตร  พื้นจะลดระดับลงไปเล็กน้อย กันน้ำไหลย้อนออกมานอกห้อง

ตัวฝักบัวจะมีแบบที่เป็นมือจับและ Rain Shower อยู่ด้านบน และมีการเจาะช่องผนังสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำได้ค่ะ

เมื่อเปิดหน้าต่างออกไปจะเจอกันพื้นที่ระเบียงที่สามารถเดินออกไปยังห้องข้างๆได้ เพราะฉะนั้นเวลาใช้งานอาบน้ำอย่าลืมล็อกหน้าต่างนะคะ เดี๋ยวพี่น้องที่อยู่ห้องข้างๆจะมาเเอบเเกล้งเปิดหน้าต่างระหว่างอาบน้ำได้

มาถึงห้องนอนสุดท้ายกันนะคะ ห้องนี้จะเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ มีการเเบ่งสัดส่วนภายในห้องตามฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ มีพื้นที่สำหรับทำเป็นห้อง Walk-in Closet ได้ เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับส่วนเตียงนอนก่อนเลย พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 3.9×3.7 เมตร

ผนังบริเวณหัวเตียงจะเป็นผนังทึบ ฝั่งนึงจะเป็นประตูบานเปิดไปยังระเบียง ฝั่งตรงข้ามจะมีหน้าต่างเล็กๆ ทำให้ภายในห้องนอนนี้มีหน้าต่างอยู่ 2 ฝั่ง ทำให้ภายในห้องนอนสว่าง และระบายอากาศได้ดี

พื้นที่ระเบียงจะมีพื้นที่ขนาดประมาณ 1.65×3.8 เมตร ตลอดความยาวระเบียงจะเป็นระแนงไม้กันตก ด้านกว้างจะเป็นราวกันตกกระจก ส่วนอีกฝั่งจะเป็นทางเล็กๆ เดินไปจะไปเจอหน้าต่างห้องน้ำของห้องข้างๆได้

ฝั่งตรงข้ามระเบียงจะเป็นทางเดินไปยังห้องแต่งตัวและห้องน้ำ

พื้นที่ห้องแต่งตัวหรือ Walk-in Closet จะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 2.85×3.8 สามารถจัดตู้เสื้อผ้าเป็นแบบในห้องตัวอย่างได้คือจัดเป็นรูปตัว U ทั้ง 2 ฝั่งและมีทางเดินตรงกลาง ตรงเข้าไปยังห้องน้ำ

เข้ามายังห้องน้ำจะเจอกับส่วนอ่างล้างมือก่อน ทางซ้ายมือจะเป็นโถสุขภัณฑ์ ส่วนทางขวามือจะเป็นส่วนอาบน้ำ ชนิดและรุ่นสุขภัณฑ์จะเหมือนกันกับห้องอื่นๆ คือใช้ของ Kohler โดยตัวอ่างล้างมือจะมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 1.35 เมตร

พื้นที่ส่วนอาบน้ำจะมีฉากกั้นกระจก พื้นที่ภายในจะมีขนาดประมาณ 1.3×1.75 เมตร

ภายในจะมีฝักบัวอาบน้ำและ Rain Shower พร้อมกับหน้าต่างบานเลื่อนกระจกฝ้าขนาดใหญ่ด้านข้าง

ตรงนี้เปิดไปจะเป็นตำเเหน่งวาง Condensing Unit ค่ะ

Type M

สำหรับบ้านแบบนี้จะเป็นแบบที่ผสมผสานระหว่าง Type S และ Type L คือฟังก์ชันและตำแหน่งการวางห้องต่างๆเหมือน Type S แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า และมีลิฟท์ให้มาพร้อมกันกับตัวบ้านเหมือน Type L บ้านแบบ Mulberry นั้นจะตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 78.9-97.1 ตร.วา มีพื้นที่ใช้สอย 439 ตร.ม. บริเวณชั้น 1 จะสามารถจอดรถได้ 3 คัน มีส่วนทานอาหาร นั่งเล่นรับแขก Pantry และครัวอยู่ฝั่งหนึ่ง ส่วนอีกฝั่งจะเป็นบันได ลิฟท์ และห้อนงนอนขั้นล่าง ส่วนห้องแม้บ้านเเละส่วนซักล้างจะอยู่ทางด้านหลัง มีทางเข้าเเยกออกไป

ขึ้นมาชั้น 2 ยังคงมีส่วนนั่งเล่นครอบครัว ตำแหน่งหน้าบ้าน พื้นที่ตรงนี้มี Double Volume Space และมีห้องน้ำแบบ Powder room เตรียมไว้ให้สำหรับคนที่มาใช้งาน โดยตำแหน่งห้องน้ำจะอยู่ทางเดินข้างๆลิฟท์ และชั้นนี้จะมีห้องนอน Master Bedroom อยู่ ภายในห้องจะมีส่วนนั่งเล่น ส่วนที่นอน ส่วน Walk-in Closet และ ห้องน้ำขนาดใหญ่อยู่ภายในห้อง

บริเวณชั้น 3 จะถูกกั้นเป็นห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง มีห้องน้ำภายในตัวทุกห้อง แต่ละห้องมีขนาดกว้างขวางพอสมควร สามารถวางเตียง King Size ได้ทุกห้อง มีหน้าต่าง พื้นที่วางตู้เสื้อผ้า และมุมสำหรับเป็นโต๊ะเครื่องเเป้งหรือโต๊ะทำงาน และพื้นที่โถงทางเดินหน้าบันไดที่มีห้องเล็กๆเป็นห้องอเนกประสงค์ที่สามารถมองลงไปเห็นพื้นที่พักผ่อนบริเวณชั้น 2 ได้

ตัวหน้าตาของบ้านจะออกมาคล้ายๆกับ Type S เลยค่ะ ด้วยจำนวนชั้นที่เท่ากัน และการจัดวางผังที่มี space และตำแหน่งใกล้เคียงกัน โดยดีไซน์ยังคงเป็นแนว Modern Tropical เน้นสีขาว เทา และไม้ โทนสี earth tone

Detail บริเวณระแนงไม้ด้านหน้า เมื่อมองตรงๆจะเห็นเป็นเส้นตรง แต่ถ้ามองด้านข้างจะดูมีการเคลื่อนไหว เกิดมาจากตัวแผงระแนงแต่ละชิ้นไม่ได้มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงๆ แต่จะมีรูปร่างสลับฟันปลากันไปทำให้เกิด Facade ที่ดูมี movement แบบนี้ค่ะ

รั้วทางเข้าที่จอดรถยังเป็นรั้วบานเลื่อนอัตโนมัติ มีหลังคา ประตูทางเดินเข้า ระบบ Home Automation ต่างๆที่ให้เหมือน Type S ค่ะ

ทางเดินรอบๆบ้านจะเป็นทางลาดขึ้นไป

บริเวณข้างบ้านมีพื้นที่เว้าเข้าไปสามารถจัดสวนเล็กๆตรงนี้ได้ บริเวณนี้จะตรงกับทางเดินไปห้องน้ำแขกภายในบ้าน สามารถแต่งสวนเป็นจุดปลายตา สร้างมุมมองจากภายในบ้านขณะมองออกมาได้

เดินมาทางหลังบ้านก็จะเจอหน้าต่างของห้องนอนชั้น 1 สามารถปลูกต้นไม้ หรือไม้พุ่มเล็กๆได้ เป็นวิวของห้องนอนนี้เช่นกันค่ะ

บริเวณนี้จะเป็นพื้นที่ซักล้าง มีการปูพื้นกระเบื้องเเละเตรียมงานระบบน้ำและไฟไว้ให้เรียบร้อย

เดินมาด้านข้างจะเป็นพื้นที่สำหรับจัดเป็นสวนและทางเดินเข้าไปยังพื้นที่ส่วนครัว(ทางขวามือ)

พื้นที่ตรงนี้จะเชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหารภายในบ้านได้ค่ะ

ตรงมามุมบ้านจะเป็นพื้นที่ double volume ของส่วนนั่งเล่น รับแขก ที่มีผนังกระจก 2 ด้าน สูง 2 ชั้น เปิดมุมมองสวนรอบบ้านได้เต็มๆ

มาดูตรงประตูทางเข้าบ้านกันบ้าง สำหรับบ้าน Type M นี้จะแตกต่างจาก Type S ตรงที่มีม้านั่งอยู่ข้างประตูค่ะ สามารถวางของ ใส่รองเท้าก่อนเข้าบ้านได้

ทางเข้าบ้านจะยกระดับสูงกว่าด้านหน้าบ้าน 1 ขั้น กันฝุ่นภายนอกเข้าไปในบ้าน

เมื่อเข้าบ้านมาทางซ้ายมือจะเป็นตำแหน่งทำ built-in ชั้นวางรองเท้า มีห้องเก็บของและงานระบบอยู่ข้างๆ(ใต้บันได)

ในบ้าน Type นี้จะมีลิฟท์ให้มาด้วย โดยตำแหน่งจะอยู่ข้างบันได อีกฝั่งหนึ่งของลิฟท์ จะเป็นทางเดินไปยังห้องนอนและห้องน้ำแขก

ลิฟท์ที่ให้มาจะตกแต่งด้วยโทนไม้ ให้เข้ากันกับตัวบ้าน

ลิฟท์ที่ให้มาจะเป็นของ Mitsubishi ค่ะ

ภายในจะมีราวจับสะดวกสำหรับรถเข็น และผู้สูงอายุ ที่ใช้งาน มีโทรศัพท์ด้านในเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

ทางเดินข้างลิฟท์จะมีหน้าต่างอยู่ปลายทางเดิน เป็นทั้งจุดปลายตา ช่วยให้ภายในบ้านมีแสงสว่างมากขึ้น และเป็นจุดปลายตา สร้างมุมมองออกไปยังภายนอกที่เราสามารถจะจัดเป็นสวนไว้ได้ด้วย

ภายในห้องนอนชั้นล่างจะเป็นห้องนอนที่ออกแบบเพื่อผู้สูงอายุ

ระดับพื้นภายในห้องจะเท่ากันกับภายนอก เเต่จะเปลี่ยนวัสดุเป็นไม้คอร์ก วัสดุนี้มีคุณสมบัติพื้นผิวมีความนุ่มนวล และยืดหยุ่นสูง จึงทำให้ลดความอันตรายจากแรงกระแทกในการเดิน นั่ง หรือ การหกล้ม ได้อีกด้วย

ห้องนี้จะมีหน้าต่างฝั่งเดียว แต่จะถูก Set ให้ผนังเข้ามาเล็กน้อย จึงมีเเนวพื้นด้านบนช่วยเป็นกันเเดดเเละกันสาด ไม่ให้เเสงที่เข้ามาภายในห้องนี้นั้นจ้าจนเกินไป พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 2.6×3.7 เมตร เมื่อวางเตียงขนาด king size เข้าไปจะเหลือพื้นที่ด้านข้างสองฝั่งเดินพอดีตัว

ฝั่งตรงข้ามเตียงจะเป็นผนังสำหรับทำเป็นชั้นวางทีวี มีเดินระบบไฟไว้ให้เเล้ว

ถัดเข้าไปจะเป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้า เราสามารถใส่ตู้เสื้อผ้าขนาดกว้างประมาณ 2 เมตรได้

ถัดมาจะเป็นส่วนห้องน้ำ การวางผังห้องเมื่อเข้าไปจะเจอส่วนที่เป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าก่อน ถัดไปเป็นโถสุขภัณฑ์ ส่วนทางขวามือจะเป็นพื้นที่ส่วนอาบน้ำ ห้องนี้จะมีทั้งพัดลมระบายอากาศและ หน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศ

ระดับพื้นจะไม่มีการลดระดับ เพื่อให้การใช้งานสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ โดยมีการทำรางระบายน้ำเป็นเเนวยาวตามรูป เพื่อกันน้ำไหลย้อนออกมายังนอกห้อง

ตัวอ่างจะเป็นเเบบฝังอยู่ใต้เคาน์เตอร์ เป็นชนิดกลมของ Kohler สามารถปรับอุณหภูมิน้ำร้อน น้ำเย็นได้ และมีพื้นที่เก็บของใต้อ่าง และปลั๊กไฟแบบฝาครอบเอาไว้ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องน้ำ โดย Top เคาน์เตอร์ที่ให้มาจะเป็นหินเทียม

โถสุขภัณฑ์ อุปกรณ์แขวนทิชชู่และสายฉีดชำระได้ของ Kohler

พื้นที่อาบนำ้จะเป็นแบบเปิดโล่ง ไม่มีการลดระดับ ขนาดพื้นที่จะอยู่ที่ประมาณ 1×1 เมตร มีก๊อกน้ำซักล้างด้านล่าง มีช่องใส่อุปกรณ์อาบน้ำ

สุดทางเดินจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room สำหรับคนที่ใช้งานชั้นล่าง การออกแบบและวัสดุโดยรวมจะเหมือนกันกับ Type S มีรุ่นของอ่างล้างมือที่ต่างออกไป คือจากอ่างเหลี่ยมเป็นอ่างกลมรีแทนค่ะ

กลับมายังโถงหน้าบันไดนะคะ มองจากทางเข้ามาจะมีผนัง ที่เราสามารถตกแต่งทำเป็นชั้นวางของ ตู้โชว์หรือตกแต่งด้วยรูปสวยๆก็ตามแต่รสนิยมของเเต่ละคน ส่วนทางขวามือจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ส่วนนั่งเล่นรับเเขก และห้องครัวค่ะ

พื้นที่ส่วนนี้จะมีหน้ากว้างที่กว้างขึ้นประมาณ 1 เมตร ทำให้การจัดวางอย่างเช่นโต๊ะและที่นั่งทานอาหารสามารถจัดเพิ่มได้เป็น 8-10 ที่นั่งเลย

หันไปทางขวาจะเป็นส่วนนั่งเล่น รับเเขกชั้นล่าง ที่มีความสูง 6.4 เมตร

มองย้อนกลับไปจะเห็นการเชื่อมต่อของพื้นที่ส่วนต่างๆต่อเนื่องจากหน้าบ้านไปยังหลังบ้านค่ะ

ส่วนครัวก็จะได้ชุดครัวที่กว้างขึ้น มีเคาน์เตอร์ระหว่างพื้นที่ด้านในกับส่วนรับประทานอาหาร สามารถใช้เตรียมอาหาร ล้างอุปกรณ์เล็กๆน้อยๆได้

พื้นที่ด้านในก็กว้าง 3.2 เมตร ใช้งานได้สะดวก ทำ Built-in ส่วน Pantry ไว้ให้หน้าตาเเบบนี้

ช่องเปิดต่างๆก็มีเยอะเลยค่ะ ใช้งานสะดวก

มีช่องสำหรับวางถังขยะ และเก็บของใต้เคาน์เตอร์

ตัวอ่างล้างจานใช้ของ Teka สามารถดึงสายก๊อกน้ำออกมาฉีดล้างทำความสะอาดเพิ่มได้ Top เคาน์เตอร์จะเป็นหินควอทซ์

อีกฝั่งนึงจะเป็นส่วนเตาอบ เตาไฟฟ้า และหน้าต่างระบายอากาศ ดูเป็นส่วน Pantry ที่สามารถใช้งาน ใช้ทำขนมได้จริงนะคะ เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการทำอาหารมากเลย

ช่องเก็บของต่างๆก็ให้มาเยอะเลย เก็บได้ทุกชุดอุปกรณ์ทำครัว

มีเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันให้มาเรียบร้อย

เข้ามาด้านในจะเป็นครัวไทย พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 1.60×3.80 เมตร มี Built-in ให้มาแบบในบ้านตัวอย่าง ยกเว้นชุดเตาและเครื่องดูดควันตรงกลางนะคะ

มีอ่างล้างจานและช่องเก็บอุปกรณ์ตามภาพ

อ่างล้างจานได้หน้าตาแบบนี้ มี 1 หลุม และมีพื้นที่พักน้ำอยู่ข้างๆอ่าง

มาที่อีกฝั่งก็มีเคาน์เตอร์อีกเช่นกัน

ฝั่งนี้มีพื้นที่สำหรับวางเตาเเก๊สอยู่ด้านล่าง

และมีช่องเก็บของให้ด้านบนค่ะ

ตัวบันไดยังคงให้บันไดที่มีลูกนอนกว้างถึง 30 ซม.

บริเวณชานพักมีหน้าต่างและช่องเเสงขนาดใหญ่ ทำให้ภายในตัวบ้านสว่างมากขึ้นด้วย

เมื่อขึ้นบันไดมาจะเจอกับหน้าต่างที่มองลงไปจะเป็นพื้นที่ส่วนรับแขกด้านล่าง ทางซ้ายมือจะเป็นลิฟท์เเละทางเข้าห้องนอน Master Bedrrom บริเวณทางเดินจะมีติด Motion Censor ไว้ให้ เวลามีคนเดินผ่านไฟบริเวณทางเดินจะเปิดให้อัตโนมัติ

เราไปดูทางขวากันก่อน ส่วนที่จะเป็นทางเดินกว้าง 1.5 เมตร สามารถจัดมุมทำงานเล็กๆได้

เลี้ยวขวาไปจะเป็นพื้นที่พักผ่อนของครอบครัวบริเวณชั้น 2 ซึ่งเป็น Double Volume สูง 6.4 เมตร

ภายนอกจะมีแผงระเเนง สามารถช่วยกันแดดและเเสงสว่างได้ในระดับนึงค่ะ

และสำหรับคนที่มาใช้งานส่วนพักผ่อน บ้านนี้ก็จะมีห้องน้ำแบบ Powder room เตรียมไว้ให้เช่นกันอยู่ตรงทางเดินข้างลิฟท์ หน้าตาเหมือนกันกับชั้นล่างค่ะ

มาดูห้องนอน Master Bedroom กันบ้าง ห้องนี้เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับส่วนนั่งเล่นพักผ่อนส่วนตัวภายในห้องก่อนเลย ห้องนี้มีฟังก์ชั่นที่ครบและมีขนาดกว้างเลยค่ะ ขนาดห้องจะอยู่ที่ประมาณ 3.8×7.75 เมตร ด้านหนึ่งของผนังจะมีหน้าต่างสูงจรดฝ้าเพดาน ช่วยให้ห้องดูโปร่งเเละสว่างมากขึ้นค่ะ

พื้นที่ส่วนเตียงนอนสามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้ มีทางเดินออกไปยังระเบียงด้านข้างห้อง

ระเบียงจะมีส่วนที่เป็นระแนงไม้กรองแสงและบังสายตา กับส่วนที่เป็นราวกันตกค่ะ ความยาวก็จะยาวเต็มความยาวห้องนอนเลย ส่วนราวกันตกจะใช้วัสดุเป็นกระจก Tempered

ฝั่งตรงข้ามกับระเบียงจะเป็นพื้นที่สำหรับ Built-in Closet พื้นที่ตรงนี้มีขนาดประมาณ 4×4 เมตร สามารถดีไซน์ให้มี Island ตรงกลางทำเป็นชั้นวางของเพิ่มได้

ตรงเข้ามาด้านในจะเป็นห้องน้ำค่ะ ภายในห้องน้ำจะใช้วัสดุพื้นและผนังเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน เมื่อเข้ามาในห้องจะมีอ่างล้างหน้าและอ่างอาบน้ำด้านซ้าย ส่วนขวามือจะเป็นห้องสุขาและห้องอาบน้ำเเบบฝักบัวค่ะ

ตัวอ่างล้างหน้าที่ให้มาจะเป็นอ่างแบบ His&Her มีพื้นที่ชั้นวางของด้านล่างเคาน์เตอร์ Top เคาน์เตอร์ได้เป็นหินเทียม

ส่วนอ่างอาบน้ำจะใช้ของ Kohler หน้าตาแบบนี้ค่ะ พื้นที่อ่างจะมีขนาดประมาณ 1×2 เมตร

มีปุ่มปรับอุณหภูมิ สายฝักบัว มาให้ครบชุด

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนที่เป็นห้องสุขาและส่วนที่เป็นห้องอาบน้ำ ทั้งสองส่วนจะกั้นเป็นสัดส่วนชัดเจนด้วยฉากกั้นกระจก

ตัวโถสุขภัณฑ์ได้เเบบอัตโนมัติของ Kohler รุ่น San Raphael Class 5

พื้นที่ห้องอาบน้ำจะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 1×1.96 เมตร มีทั้งแบบฝักบัวเเละเเบบ Rain Shower ให้เลือกใช้งาน

ฝักบัวและที่ปรับอุณหภูมิจะได้หน้าตาแบบนี้นะคะ สามารถเลือกปรับระดับความแรงของน้ำได้

ด้านข้างจะมีหน้าต่างบ้านเลื่อน ตัวบานเป็นกระจกฝ้า เปิดออกไปจะเป็นกำแพงบังสายตาอีกที เเละเป็นตำแหน่งวาง Condensing Unit ของเเอร์

ขึ้นมายังชั้น 3 กันบ้าง เมื่อขึ้นมาเเล้วจะเป็นโถงทางเดิน ทางขวามือเมื่อขึ้นบันไดมาจะเป็นตำแหน่งห้องอเนกประสงค์

พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 1.5×3.6 เมตร เป็นห้องอเนกประสงค์ สามารถจัดเป็นห้องพระ ห้องเก็บของ ห้องทำงานได้ มีหน้าต่างมองลงไปยังส่วนพักผ่อนของครอบครัวตรงชั้น 2

ออกมาจากห้องอเนกประสงค์จะเจอทางเดินไปยังห้องนอน 3 ห้อง ทางเข้า 2 ห้องจะอยู่ทางขวามือ และอีกห้องนึงจะอยู่สุดทางเดิน

มาดูห้องนอนเเรกที่ติดกับห้องอเนกประสงค์กันก่อนเลยค่ะ ห้องนี้จะเป็นห้องที่ได้ตำแหน่งหน้าบ้านไปนะคะ เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วนพักผ่อนก่อนเลยมีขนาดประมาณ 3.7×4.4 เมตร เมื่อวางเตียงนอนเเล้วยังสามารถทำBuilt-in ชั้นวางทีวี มุมทำงานได้สบายๆเลย

ภายในห้องนี้จะมีระเบียงและหน้าต่างเข้ามุมให้ด้วย มองออกไปจะเป็นส่วนหน้าบ้าน ระยะมองไปภายนอกก็จะกว้างมากขึ้น ระเบียงจะมีราวกันตกกระจกให้มา เพิ่มมุมมองที่ดูกว้างออกไปอีก

มองย้อนกลับมาในห้อง ตัวห้องจะมีความสูงอยู่ที่ 2.8 เมตร พื้นจะใช้พื้นไม้คอร์กที่มีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้ลดความอันตรายจากแรงกระแทกในการเดิน นั่ง หรือ การหกล้ม ได้ ผนังและฝ้าเพดานจะฉาบเรียบทาสีขาวมาให้ ใช้ไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้าหลังประตูห้องจะเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า และเป็นทางเข้าไปยังส่วนห้องน้ำ

พื้นที่สำหรับทำ Built-in Closet จะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 1.9×1.9 เมตร สำหรับคนที่เสื้อผ้าเยอะก็สามารถ Built-in เข้ามุมเป็นรูปตัว L ได้นะคะ

เข้ามายังห้องน้ำ เราจะเจอกับอ่างล้างหน้าอยู่ทางขวามือ ทางซ้ายมือจะเป็นโถสุขภัณฑ์ ส่วนตรงหน้าจะเป็นพื้นที่ส่วนอาบน้ำ ตรงนี้จะมีฉากกั้นกระจกไว้ให้ พื้นที่ตรงมุมห้องจะเป็นกระจกเข้ามุม เป็นทั้งช่องเเสงให้ความสว่างภายในห้องน้ำและเป็นช่องหน้าต่างสำหรับระบายอากาศได้อีกด้วย

เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าจะยาวถึงประมาณ 1.45 เมตร สามารถวางข้าวของ ครีมบำรุงต่างๆได้เต็มพื้นที่เลยนะคะ

สำหรับบ้าน M ตัวสุขภัณฑ์ทั้งหมดจะเป็นทรงรีโค้งทั้งหลังเลยค่ะ

พื้นที่อาบน้ำจะเป็นประตูเปิดเข้าไป น้ำที่กระเด็นขณะอาบน้ำจะไม่หยดเลอะเทอะออกมานอกห้อง (เมื่อเทียบกับประตูที่เปิดออก) พื้นที่อาบน้ำจะมีขนาดอยู่ที่ 0.90×1.25 เมตร เป็นระยะที่ใช้งานสะดวกเลย

ตัวฝักบัวและ Rain Shower จะได้หน้าตากลมๆเเบบในภาพเลย เป็นการเลือกดีไซน์ให้ไปแนวเดียวกันทั้งหลังค่ะ

มาที่ห้องนอนต่อมานะคะ ห้องนี้เมื่อเข้ามา พื้นที่ใช้งานภายในห้องจะอยู่ทางขวามือ โดยห้องนี้จะมีขนาดประมาณ 3.6×4.7เมตร การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องจะเป็นสัดส่วนพอดี มีพื้นที่ระเบียงและหน้าต่างที่ไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบให้ห้องนอนสว่างมากเกินไป เข้ามาทางขวามือจะเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้าที่อยู่หน้าห้องน้ำพอดี

ระเบียงของห้องนอนนี้จะมี 2 layer อยู่ คือส่วนที่เป็นราวกันตกกระจก กับส่วนที่เป็นระเเนงบังตาด้านนอก ช่วยให้ห้องไม่สว่างจ้าเกินไป

พื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าจะอยู่หน้าห้องน้ำพอดี มีขนาดประมาณ 1.25×2 เมตร

ส่วนห้องน้ำของห้องนี้จะเหมือนกันกับห้องที่เเล้วทุกประการ เพียงเเค่สลับฝั่งซ้าย-ขวากันค่ะ

มาถึงห้องนอนสุดท้ายของบ้าน Type M กันบ้างนะคะ สำหรับห้องนี้ผู้เขียนจะชอบเป็นพิเศษ ด้วยการออกแบบช่องเเสง หน้าต่าง ไม่เยอะเกินไป การจัดวางพื้นที่ก็มีขนาดกว้างขวาง และสามารถจัดมุมต่างๆได้ง่ายเลย ห้องนี้จะยาวเกือบ 6 เมตร และมีความกว้างประมาณ 3.5 เมตร

ตำเเหน่งหัวเตียงจะเป็นผนังทึบ และจะมีหน้าต่างทั้งสองฝั่งที่ให้แสงสว่างเข้ามาในห้อง หน้าต่างตรงนี้จะไม่ได้เป็นผนังที่อยู่ติดกับผนังภายนอกตรงๆ ทำให้เเสงที่เข้ามาจะไม่ได้จ้าเเสบตาเกินไป ความร้อนก็จะไม่เข้ามาด้วย

ฝั่งตรงข้ามเตียงสามารถวางเป็นชั้นวางทีวีและเก็บของได้ ส่วนมุมตรงที่เข้าประตูมาเลยก็สามารถจัดเป็นโต๊ะทำงานได้ด้วยค่ะ

ทางขวามือจะเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เสื้อผ้า พื้นที่ตรงนี้จะยาว 2 เมตร มีหน้าต่างที่เป็นช่องเเสงเข้ามายังพื้นที่ภายในห้องได้เพิ่มด้วย

เข้ามายังห้องน้ำการจัดวางผัง ฝั่งตรงข้ามกับประตูจะเป็นส่วนอาบน้ำ มีฉากกั้นกระจกให้มา ขนาดพื้นที่ใช้งานภายในอยู่ที่ประมาณ 1.1×1.4 เมตร

ฝั่งขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า มีชั้นวางของใต้อ่าง ตัวเคาน์เตอร์จะยาวประมาณ 1.2 เมตร

เเละมีมุมสำหรับโถสุขภัณฑ์พื้นที่ประมาณ 1.3×1.5 เมตร มีหน้าต่างเป็นช่องเเสง ระบายอากาศ และมีพัดลมระบายอากาศภายในห้องน้ำอีกด้วยค่ะ

Type L

บ้านเเบบที่ 3 ที่เราจะมาดูกันคือบ้าน Type L ที่มีชื่อว่า Laurel บ้านนี้จะตั้งอยู่บนที่ดิน 102.6-141.2 ตร.วา มีพื้นที่ใช้สอย 680 ตร.ม. บ้าน Type นี้จะมีขนาดใหญ่ที่สุดคือมีอยู่ 4 ชั้น ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 50 ล้านบาท (ได้ข่าวว่าแบบนี้ขายดีที่สุดเลยค่ะ) บ้านแบบนี้จะเป็นบ้านหน้ากว้าง จอดรถได้ 4 คัน หน้าบ้านจะมี Built-in บริเวณผนังเอาไว้เก็บของเละเครื่องมือเครื่องใช้บริเวณด้านนอกได้ ทางเข้าหลักจะอยู่ทางด้านหน้า เมื่อเข้ามาจะเป็นพื้นที่โถงทางเข้าที่สูง Double Volume ตรงมาเลี้ยวขวาไปจะเป็นบันได ลิฟท์ และห้องน้ำแขกแบบ Powder Room เลี้ยวซ้ายมาจะเจอกับ พื้นที่ส่วนรับประทานอาหารที่มีประตูเชื่อมไปยังสวนข้างบ้านและต่อเนื่องไปยังส่วน Pantry และอีกหนึ่งไฮไลท์ทางด้านหน้าบ้านคือพื้นที่ห้องรับแขกที่เป็น Double Volume บริเวณ Pantry จะมีครัวฝรั่งสำหรับทำอาหารกรุบกริบ และมีครัวไทยเป็นครัวปิดอยู่ด้านข้างติดกัน ภายในห้องครัวจะมีประตูทางออกไปยังส่วน Service ซึ่งจะประกอบไปด้วยห้องแม่บ้าน และพื้นที่ซักล้าง จะเห็นได้ว่าบริเวณชั้น 1 จะไม่มีห้องสำหรับผู้สูงอายุอยู่ แต่เนื่องจากการที่ภายในบ้านมีลิฟท์ ทำให้ผู้สูงอายุสามารถอยู่อาศัยได้ทุกชั้นภายในบ้าน

ต่อมาที่ชั้น 2 จะเริ่มมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เมื่อขึ้นมาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น พักผ่อนอีกจุดหนึ่งทางซ้ายมือ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้มี Space ที่เป็น Double volume เช่นกัน เเละมีห้องน้ำแบบ Powder room ไว้ในกรณีที่มีเพื่อนหรือเเขกขึ้นมาใช้งานบริเวณนี้อีกด้วย บริเวณโถงหน้าบันไดจะสามารถมองไปยังส่วนที่เป็น Double Volume ของโถงทางเข้า ทำให้มองเห็นคนที่เข้ามาภายในบ้านได้ ส่วนห้องนอนที่อยู่ชั้นนี้จะเป็นห้อง Master Bedroom ที่กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้นเลย ภายในห้องนอนจะถูกแบ่งเป็นส่วนต่างๆที่พอเหมาะพอดี ไม่มีพื้นที่เหลือที่กว้างจนเกินไป แต่ถูกออกแบบมาให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสมอยู่เเล้ว เช่นเมื่อเข้ามาจะเจอมุมนั่งเล่นก่อน สามารถจัดโซฟาไว้นั่งพักผ่อน ดูทีวีได้ และต่อเนื่องกับตำแหน่งวางเตียงนอน ทำให้เราสามารถนอนดูทีวีไปด้วยก็ได้เช่นกัน ข้างเตียงนอนจะมีระเบียงเอาไว้รับแสงและระบายอากาศ สามารถวางไม้กระถางสร้างมุมมองพื้นที่สีเขียวให้กับห้องนอนได้ ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่สำหรับทำเป็น Walk-in Closet ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางจนสามารถจัดเป็น island ตรงกลางได้ด้วย พื้นที่ตรงนี้จะมีทางออกไปยังบันไดหนีไฟที่สร้างขึ้นตามกฏหมายอาคารที่กำหนดให้อาคารที่สร้างสูงเกิน 4 ชั้นต้องมีบันไดหนีไฟนะคะ เข้ามาต่อด้านในจะเป็นพื้นที่ห้องน้ำ ที่มีอ่างล้างมือเเบบ His&Her มีกั้นพื้นที่แยกส่วนที่เป็นห้องอาบน้ำ ห้องสุขา และมีอ่างอาบน้ำไว้ให้

สำหรับชั้น 3 จะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่แท้จริง มีห้องนอนทั้งหมด 2 ห้อง โดยห้องนึงจะเป็นเหมือน Master Bedroom อีกห้องเลย คือมีฟังก์ชันเเละการจัดวางภายในห้องเหมือนกัน แตกต่างกันตรงที่ขนาด ส่วนอีกห้องนอนจะเป็นห้องนอนที่เล็กลงมา แต่ก็ไม่ได้เล็กไปซะทีเดียวนะคะ คือสามารถวางเตียง King Size ได้ มีระเบียงส่วนตัว มีพื้นที่ Walk-in closet และห้องน้ำในตัว

ขึ้นมาชั้นบนสุดคือชั้น 4 ชั้นนี้จะมีห้องนอนอยู่อีกห้อง ห้องนี้จะมีขนาดใหญ่เลย มีส่วนนอนและพื้นที่ยาวลึก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่เก็บของเยอะๆน่าจะชอบห้องนี้ ส่วนห้องน้ำภายในก็จะมีอ่างอาบน้ำให้มาด้วยนะคะ คนที่อยู่ชั้นนี้จะได้อารมณ์เหมือนครอบครองพื้นที่ทั้งชั้นคนเดียวเลย คือเมื่อออกจากห้องนอนไปจะเป็นโถงทางเดินขนาดใหญ่ มีช่องที่มองไปยัง Double Volume ของโถงบันไดชั้น 3 มีพื้นที่กึ่ง Outdoor ที่สามารถจัดเป็นพื้นที่ Party มีสระจากุชชี่ด้านบนไว้ผ่อนคลายอีกต่างหาก พื้นที่ชั้นนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของบ้าน Type L เลยค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 15 August 2018 

  • Snowberry พื้นที่ใช้สอย 354 ตร.ม. ที่ดิน 64.8 ตร.วา ราคาขาย 27.483 ล้านบาท
  • Snowberry พื้นที่ใช้สอย 354 ตร.ม. ที่ดิน 64.8 ตร.วา ราคาขาย 27.483 ล้านบาท
  • Mulberry พื้นที่ใช้สอย 439 ตร.ม. ที่ดิน 79.8 ตร.วา ราคาขาย 38.082 ล้านบาท
  • Mulberry พื้นที่ใช้สอย 439 ตร.ม. ที่ดิน 79.1 ตร.วา ราคาขาย 37.2 ล้านบาท

  • จอง 300,000 บาท รวมทำสัญญาประมาณ 5% (ของราคาขาย)
  • ดาวน์ 15% ผ่อนชำระ 3 เดือน
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 200,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 120 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง กรณีมีการขออนุมัติสินเชื่อ ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ 1% ของวงเงินสินเชื่อ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง (ชำระฝ่ายละ 1% จากราคาประเมินกรมที่ดิน)
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าประกันมิเตอร์น้ำประปาขนาด ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

* รายการมาตรฐานที่ให้มาพร้อมกับตัวบ้าน

  • เครื่องปรับอากาศ 9 เครื่อง ของ Mitsubishi
  • ชุดครัว Built-in (Star Mark)
  • ระบบ Home Automation (ABB)
  • ถังเก็บน้ำไฟเบอร์บนดิน
  • ปั๊มน้ำ
  • ต้นไม้ 1 ต้น (ไม่ระบุพันธุ์) บริเวณหน้าบ้าน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – ทำเลของ The Park Avenue Private นับว่าตั้งอยู่บริเวณกรุงเทพฝั่งตะวันออก ที่อยู่ตรงกลางระหว่างใจกลางเมืองและชานเมือง ดังนั้นบริเวณนี้จึงถือว่าเป็นทำเลที่สามารถใช้เดินทางเพื่อเข้า และ ออกนอกตัวเมืองได้สะดวก อาทิเช่นการเดินทางมายังถนนพระราม 9 เพื่อขึ้นทางยกระดับถนนจตุรทิศเพื่อเข้าเมืองไปพญาไท-สยาม หรือ จะออกนอกเมืองโดยใช้เส้นมอเตอร์เวย์ก็สะดวกอยู่ และการที่มีถนนตัดใหม่อย่างถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ที่สร้างใกล้จะเสร็จสมบูรณ์อีกไม่นานก็จะทำให้บริเวณนี้มีศักยภาพในการพัฒนาต่ออีกมากในอนาคต ถ้าเราลองมองย่อยลงมาบริเวณที่ตั้งของโครงการเลย เราสามารถเข้าออกโครงการได้ทั้งถนนกรุงเทพกรีฑา และถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้าอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นข้อได้เปรียบที่ดีของทำเลนี้อีกข้อเช่นกัน ในแง่ของบรรยากาศรอบๆทำเล ถึงเเม้ว่า ณ วันที่ไปโครงการ ยังมีการก่อนสร้างปรับปรุงถนนอยู่ ซึ่งทำให้มีฝุ่น และมลภาวะมาก แต่ถ้าการปรับปรุงเสร็จเเล้ว(คาดว่าน่าจะเสร็จก่อนโครงการทั้งหมดสร้างเสร็จ) ก็จะทำให้สภาพเเวดล้อมรอบๆโครงการดูดีขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ และด้วยความที่ฝั่งตรงข้ามกันกับโครงการเลยเป็นสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑาด้วย ตัวสนามกอล์ฟนี้เป็นสนามกอล์ฟขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงพอสมควร ทำเราโครงการเราก็พลอยได้ประโยชน์จากวิวทิวทัศน์ และความเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ บรรยากาศที่เหมือนได้พักผ่อนห่างไกลจากตัวเมือง แต่ก็ยังเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกอีกค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ – สำหรับโครงการบ้านราคาเท่านี้ คาดว่าการเดินทางโดยส่วนใหญ่ของผู้พักอาศัยจะใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่เเล้ว ภายในบ้านก็จะสามารถจอดรถได้ 3 คัน และสำหรับ Type L ก็จะจอดได้ 4 คัน และเนื่องด้วยการออกแบบที่มี Community Mallอยู่ติดกับโครงการ ทำให้ถ้ามีเเขกมาบ้าน ก็สามารถให้ผู้มาเยือนจอดรถอยู่ที่บริเวณ Mall ได้อีกด้วยค่ะ สำหรับการเดินทางนั้น บริเวณนี้จะอยู่ที่กรุงเทพฝั่งตะวันออก สามารถเดินทางได้หลากหลายเส้นทาง เพราะเป็นทำเลที่กำลังพัฒนาดังที่บอกไปเเล้ว ถนนกรุงเทพกรีฑาเดิมก็จะสามารถเชื่อมต่อกับถนนรามคำแหง 24 ที่ใช้เดินทางมายังพระราม 9 หรือรามคำแหงได้ ส่วนถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ก็จะใช้เดินทางไปยังทางด่วนกาญจนาภิเษก ร่มเกล้า เพื่อไปยังมอเตอร์เวย์หรือฝั่งลาดกระบัง สุวรรณภูมิได้อีก สำหรับคนที่ทำงานบริเวณนี้ หรือคนที่ต้องเดินทางทำงานเข้าและออกนอกเมืองบ่อยๆ ก็ถือว่าสะดวกเลยค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – เดิมบริเวณถนนกรุงเทพกรีฑาจะมีรถสาธารณะให้บริการอยู่บ้าง แต่ก็จะมีเพียงไม่กี่สาย และจะเดินทางเพียงแค่ไปยังรามคำแหงผ่านหน้าเอแบค หรือใช้เพื่อเดินทางไปแยกลำสาลี บางกะปิ เป็นช่วงสั้นๆ ซึ่งไม่ค่อยจะสะดวกเท่าไหร่นัก สำหรับคนที่ต้องการใช้รถสาธารณะเเนะนำให้เรียกใช้จาก Application อย่าง Grab น่าจะดีกว่าค่ะ ส่วนเรื่องรถไฟฟ้า ณ ปัจจุบันจะมีรถไฟฟ้า Airport Link สถานีหัวหมากที่อยู่ใกล้ที่สุดเปิดให้บริการ ระยะทางห่างจากโครงการประมาณ 3.6 กม. ส่วนในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีกรีฑา และรถไฟฟ้าสายสีส้มสถานีลำสาลี ที่เปิดอยู่ใกล้จากโครงการค่ะ

วัสดุ – ภายในโครงการมีทั้งส่วนที่ก่อสร้างแบบ Pre-cast และ Conventional เป็นตัวเลือกที่มากขึ้นให้กับลูกค้า ส่วนวัสดุภายในโครงการ พื้นจะได้เป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ส่วนที่เป็นห้องนอนจะเป็นพื้นไม้คอร์ก ประตูหน้าบ้านจะได้เป็นไม้จริง ส่วนภายในบ้านจะให้ประตูไม้สังเคราะห์ ไฟที่ให้จะเป็นไฟ LED Downlight โดยบริเวณทางเดินจะมี Motion censor คอยตรวจจับความเคลื่อนไหวเเละเปิดปิดไฟให้อัตโนมัติ บันไดใช้ไม้จริงและกระจก Tempered สุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นของ Kohler วัสดุ Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินควอทซ์ ส่วนภายในห้องน้ำจะใช้ Top หินเทียม ภายในบ้านจะมีการใช้ระบบ Home Automation ทั้ง CCTV รอบบ้าน การเปิด-ปิดไฟ หรือวีดีโอบันทึกการเข้า-ออกของคนภายในบ้าน โดยภาพรวมถือว่าให้มาตามมารตรฐานของบ้านพักอาศัยราคาระดับนี้ค่ะ

การออกแบบ – โครงการมีแนวคิดในการออกแบบที่นำเอาเอกลักษณ์ของทำเลอย่างความเป็นเนินของสนามกอล์ฟ มีพื้นที่สี่เขียวมากจนมาเป็นแนวความคิดที่เป็นวงปีและ Contour Line สื่อไปยังการเลือกใช้วัสดุและโทนสีบ้านที่แตกต่างกัน มีการใช้เส้นสายโค้งๆหลักๆบริเวณฟิตเนสเเละ Community Mall และเน้นการออกแบบบ้านให้ดูนิ่งและอบอุ่นมากยิ่งขึ้นด้วยการใช้โทนสี ในส่วนของพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านจะถูกแบ่งเป็นส่วนๆ มีส่วนรับเเขกและพักผ่อนส่วนตัวทั้งชั้นล่างเเละชั้นบน เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน เเละทั้งสองส่วนยังมีความสำคัญในระดับเดียวกันอีกด้วย ส่วนพื้นที่การใช้งานภายในห้องนอน ก็ถูกออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางทุกห้อง มีมุมที่เป็นส่วนตัวเเละบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เกิดพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของห้องอีกด้วย

สาธารณูปโภค – ภายในโครงการมีสวนสาธารณะให้บริเวณด้านหน้า และมีการลงต้นไม้เเละพื้นที่สีเขียวรอบๆโครงการ เช่นบริเวณข้างๆรั้ว โดยส่วนที่เป็นสาธารณูปโภคที่ให้หลักๆจะอยู่ในส่วนที่เป็น W Fitness ที่ถือว่าคุ้มค่าเลยสำหรับคนที่ชื่นชอบในการออกกำลังกายและว่ายน้ำ โดยสมาชิกภายในบ้านสามารถเข้าไปใช้งานได้ฟรี 3 ปีค่ะ

Judgement

โครงการ The Park Avenue Private นั้นถือเป็นโครงการระดับ SUPER LUXURY CLASS ที่ขายอยู่ในช่วงราคาตั้งแต่ 27-50 ล้านบาท ทำให้ปัจจัยในการเลือกซื้อนอกจากจะต้องดูเรื่องความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่สำคัญ เช่น ความชอบส่วนบุคคล อารมณ์ และความรู้สึกส่วนตัวของผู้ซื้อ ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ดังนั้นทางทีมงานจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่าแก่โครงการลักษณะนี้นะคะ

BOTTOM LINE

The Park Avenue Private ถือว่าเป็นโครงการบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ จำนวนยูนิตไม่มาก เน้นความเป็นส่วนตัวของผู้อาศัย  เหมาะสำหรับคนที่ต้องการบ้านที่พื้นที่ใช้สอยมาก อยู่กันเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ 3 Generations เดินทางสะดวก มีวิว และ ความอุดมสมบูรณ์ใกล้เคียงในระยะเดินถึง สำหรับคนที่สนใจต้องมีงบประมาณ 30ล้านบาทขึ้นไป (เพิ่มเติมค่าตกแต่งภายในและเฟอร์นิเจอร์เข้าไปด้วย) หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 190,000 – 360,000 บาท