รีวิวฉบับที่ 621 SENA PARK Grand รามอินทรา … ผมบีมจะพาทุกท่านมาเยี่ยมชมบ้านเดี่ยวสไตล์ Modern – Eco โครงการหมู่บ้าน เสนา พาร์ค แกรนด์ รามอินทรา ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีทางเข้าออกสองทาง สามารถเชื่อมถนนใหญ่รามอินทราได้จากทางลัดผ่าน Sena Avenue และตัวหมู่บ้านเองก็มีทางเข้าออกหลักที่ถนนปัญญาอินทรา เลียบวงแหวน ซึ่งอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าอย่าง The Promenade และ Fashion Island ครับ
Fact @ 4 June 2014
- SENA Park Grand รามอินทรา (เสนา พาร์ค แกรนด์ รามอินทรา)
- บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ทำในนามของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้เกทเวย์ จำกัด
- Segment : UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : คันนายาว
- เนื้อที่โครงการ 42-2-17.6 ไร่
- บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 3 ห้องนอน 3-4 ห้องน้ำ จำนวน 174 ยูนิต
- ที่ดินแปลงมาตรฐาน 65 ตารางวา
- ราคาเริ่มต้น 6.84 ล้านบาทหรือประมาณ 100,000 บาท/ตร.วา
- เปิดตัวโครงการเมื่อปี 2556
- http://www.senaparkgrand.com/main/home/
- TEL: 1775 กด 17
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.8378475,100.6741613
ทำเลของโครงการ Sena Park Grand รามอินทรานี้แปลกกว่าเพื่อน ตรงที่ว่ามีทางเข้าสองทาง ซึ่งทางหนึ่งเป็นทางลัดทะลุสวน Sena Park Avenue บริเวณถนนใหญ่รามอินทรา กับอีกทางหนึ่งคือทางเข้าตรงๆจากถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก
อย่างที่บอกไปทางเข้าหลักมีสองทาง เส้นสีชมพูกับเส้นสีฟ้านะครับ โดยโครงการหมู่บ้าน Sena Park Grand นั้นเป็นที่ดินที่ลงสีเหลืองเอาไว้ ส่วนที่ดินที่ลงสีเขียวเอาไว้เป็นที่ดินของเสนาฯ ด้านหน้าปัจจุบันเป็นสวน อนาคตจะกลายเป็นอย่างอื่น และด้านหลังเป็นที่ดินที่เตรียมพัฒนา คาดว่าเป็นหมู่บ้านเฟสถัดไป ซึ่งตรงนี้เป็น Unofficial Information นะครับ
ที่ดินของหมู่บ้าน Sena Park Grand นั้นมีขนาดประมาณ 42 ไร่ ส่วนที่ดินทั้งหมดๆรวมๆกันแล้วแตะๆ 200 ไร่ ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งพอร์ตที่ใหญ่มากของ Sena Development ครับ
เรามาดูตำแหน่งบนแผนที่คร่าวๆนะครับ กับทำเลรามอินทรา ซึ่งจะมี The Promenade, Fashion Island และ MaxValu เป็นห้างสรรพสินค้าระยะใกล้ การเดินทางก็จะใช้ถนนหลัก 4 เส้น คือถนนรามอินทรา, ถนนคู้บอน, ถนนวงแหวน และทางด่วนที่อยู่ห่างไปไม่มากครับ
หากเราเดินทางมาจากในเมือง เพื่อที่จะมายังตัวหมู่บ้าน ทางที่สะดวกที่สุดมีสองเส้นนะครับ คือถนนวงแหวนหรือทางด่วน … รอบนี้เราใช้ทางด่วนมาลงรามอินทราครับ
พอลงรามอินทราแล้ว เราก็ต้องเข้าทางวัชรพล-มีนบุรี … อย่าวิ่งขวาไปกาญจนาภิเษกนะครับ ไม่อย่างนั้นจะเลยไปไกลเลย
พอลงทางด่วนมาแล้วก็วิ่งตรงๆไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานข้ามแยกคู้บอน มุ่งหน้าไปทาง Fashion Island
ก่อนถึง Fashion Island จะเห็นทางลัด เป็นสวน Sena Park Avenue ที่เปิดใช้บริการเป็นสาธารณะอยู่ในปัจจุบัน
ทางเข้า Sena Park Avenue เป็นซุ้มแบบนี้ ทางขวาเป็นทางคนเดิน ทางซ้ายเป็นทางรถเข้าออก วิ่งได้ 4 เลนสบายๆ แต่ไม่ค่อยมีรถเท่าไร ตอนนี้เปิดใช้แบบ 2 เลน ก็จะวิ่งฉิวๆบนถนนโล่งๆ
ทางลัดเส้นนี้เป็นสวน 10 ไร่ ที่เสนาจงใจเปิดเชื่อม ให้หมู่บ้านด้านหลังมีทางเข้าออกเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง และต้องการให้พื้นที่สีเขียวกับชาวบ้านแถวนี้ด้วย เรียกว่า Win-Win ทั้งสองฝ่าย แต่ทางเสนาก็ต้องจ่ายค่าดูแลรักษาสวนตรงนี้ค่อนข้างสูงนะครับ
ด้วยความกว้างของหน้าที่ดินบริเวณพื้นที่สวนตรงนี้ อนาคตสามารถทำคอนโดมิเนียมหรือศูนย์การค้าชุมชนได้สบาย ซึ่งปัจจุบันยังไม่มี Official Information ออกมา ว่าจะเอาไปทำอะไร นโยบายทางผู้บริหารของบริษัทเสนาฯที่ทางเราเข้าไปสัมภาษณ์มายังคงให้เป็นสวนอยู่สักพักใหญ่ๆก่อนครับ
สภาพโดยรวมของสวนนั้นสะอาดสะอ้าน แต่ด้วยความที่เอาพื้นที่สวนไปทำถนน 4 เลน และกะว่าจะทำเป็นสวนชั่วคราว ต้นไม้เลยดูไม่มากเหมือนสวนถาวรหลายๆแห่ง
พื้นที่สวนยาว 650 เมตร วิ่งจ๊อกกิ้งไปกลับก็ได้กิโลกว่าๆ กำลังดีครับ
เดี๋ยวผมกลับเข้ารถก่อน ภาพถ่ายโดนฟิล์มมันจะมืดนิดนึงนะ
พอวิ่งมาถึงปลายสวนก็จะเป็นถนนเลียบถนนวงแหวน
วิ่งออกมานิดเดียวก็จะเป็นทางลัด ลอดใต้ถนนวงแหวน เลี้ยวขวาเพื่อเข้าไปยัง Sena Park Grand
ตรงนี้มี รปภ เฝ้าอยู่ตลอด และเสนาก็ได้มาดูแลพื้นที่ใหม่ ใส่ต้นไม้ ทาสี ใส่ระเบียง ทำให้ทางลอดใต้วงแหวนที่ดูน่ากลัวๆ กลายเป็นทางสวยๆขึ้นมา ดูปลอดภัยขึ้นเยอะครับ
โผล่มาอีกฝั่งหนึ่งของอุโมงค์ … ตัดตรงเข้ามายังโครงการเลยแบบนี้ โดยตัวอุโมงค์จะทำหน้าที่เป็นสะพานข้ามคลองเล็กๆที่อยู่ติดกับที่ดินของเสนาด้วย ชื่อว่าคลองเกร็ด แต่เราคงจะไม่เห็นในภาพนี้นะครับ
สิ่งที่เราเห็นอย่างแรกคือทางเข้า Sena Park Residences ซึ่งเป็นชื่อของที่ดินโดยรวมทั้งหมดนะครับ ที่ดินแปลงนี้มีขนาดใหญ่เป็นร้อยไร่ ซึ่งตัดแปลงขนาด 42 ไร่ มาทำโครงการหมู่บ้าน Sena Park Grand ส่วนที่ดินที่เหลือนั้นเป็นแปลงที่จะเอามาทำโปรเจคในอนาคต ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของ Sena Park Residences เช่นกัน
โดยถนนที่ใช้อยู่นี้เป็นถนนขนาดใหญ่ 4 เลน ไม่มีเกาะกลาง เป็นถนนเมนหลักที่จะใช้ร่วมกันหลายๆโครงการ โดยโครงการทางฝั่งขวามือคือ Sena Park Grand ส่วนโครงการทางฝั่งซ้ายมือนั้นยังไม่ได้พัฒนาขึ้นมาครับ
บ้านเสนา พาร์ค แกรนด์ เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นก่อสร้างแบบ Conventional ด้วยอิฐมวลเบา อย่างที่เราเห็นจากนอกรั้วโครงการนี่ละ
วิ่งมาเรื่อยๆเราก็จะมาถึงหน้าหมู่บ้าน Sena Park Grand
แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปชมหมู่บ้าน … เราจะพาไปดูทางเข้าอีกเส้นหนึ่งก่อนนะครับ คือทางเข้าจากถนนเลียบวงแหวน
ที่ดินของหมู่บ้าน Sena Park Grand อยู่ติดกับหมู่บ้าน The Plant รามอินทรา ของพฤกษาซึ่งเปิดขายเมื่อราว 5 ปีก่อน ปัจจุบันก็ขายหมดไปนานแล้วนะครับ ทำให้ที่ดินตรงนี้เซฟ ไม่มีคอนโดมาขึ้นบังทัศนียภาพ หรือบล็อคลมที่จะพัดเข้าหมู่บ้านเสนาแน่นอน
สัญลักษณ์ของหมู่บ้านเสนานี้เป็นกวางนะครับ พ่อ แม่ ลูกสอง แสดงถึงความเป็นครอบครัว ชีวิตเริ่มต้น ดูแลไปด้วยกัน แทนความหมายของคำว่า “ครอบครัว” เป็นอย่างดี แตกต่างจากโครงการระดับหรูหราไฮโซอื่นๆ ที่ใช้สัญลักษณ์ที่แสดงอำนาจ ความมั่งคั่ง อย่างพวกม้าวิ่งบนผืนน้ำหรือสิงโตครับ
ถนนหน้าโครงการเป็นถนนใหญ่ วิ่งได้ 4 เลนสบายๆ ไม่ต้องกลัวปัญหาเรื่องการจราจรคับคั่งภายในหมู่บ้าน
ช่วงก่อนวนเข้าซุ้มประตูหลัก จะมีวงเวียนสี่เหลี่ยมและต้นไม้ประธานอยู่ต้นหนึ่ง แต่ต้นนี้ยังไม่โตเท่าที่ควร ไม่เช่นนั้นพื้นที่นี้จะสวยมากๆเลยครับ … พูดเรื่องทำเลจบแล้วเดี๋ยวเราเข้าไปต่อกันในโครงการดีกว่า
ซุ้มโครงการหน้าสุดเป็นของ SENA PARK RESIDENCES ซึ่งเป็นชื่อรวมๆของโครงการที่อยู่ข้างในทั้งหมด และโครงการ SENA PARK GRAND ที่เรากำลังจะรีวิวเป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่ข้างในซุ้มนี้ โดยทุกโครงการรวมกันหลายร้อยหลังคาเรือนจะใช้ทางเข้าออกร่วมกันที่ประตูนี้ จึงต้องทำให้ดูแกรนด์ ใหญ่ โอ่อ่า หน่อยละครับ
ตัวซุ้มเองนั้นสูงมาก ผมเดาว่าน่าจะแตะ 5 เมตร มีการดีไซน์ด้วยพื้นผิวหญ้าเทียมกับโครงเหล็กที่บิดได้ เป็นเชิง Eco + Modern ตามคอนเซปท์ของทางเสนาครับ
ประตูเข้าออกนั้นใช้ไม้กระดกเป็นหลัก ช่องซ้ายเอาไว้ให้ลูกบ้านเข้า ช่องขวาสำหรับผู้มาติดต่อ
เวลาเราวิ่งเข้าทางช่องซ้ายก็จะผ่านตัวรับสัญญาณ ซึ่งถ้าเรามีบัตร Access Card เอาไปแตะ สัญญาณก็จะเปิดไม้กระดกให้เราได้ แต่ถ้าผู้มาติดต่อก็ต้องแลกบัตรที่ป้อม รปภ. เสื้อขาวทางขวานะครับ
พอวิ่งเข้ามาถึง SENA PARK GRAND ก็จะต้องผ่านประตูอีกรอบ จัดเป็น Double Security ครับ
ประตูที่ SENA PARK GRAND จะแข็งแรงกว่าซุ้มด้านนอก เพราะมีบานเหล็กติดล้อเลื่อนพร้อมกับไม้กระดก ทำให้คุมเข้มเรื่องความปลอดภัยได้มากกว่าเดิม
ข้างๆซุ้มประตูก็ทำเนินน้ำไหลโดยปลูกต้นไม้ไว้ด้านบน เน้นการออกแบบโดยใช้สีเขียวกับสไตล์ Modern เช่นเคย
ประตูบานนี้เลื่อนได้โดยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านล่าง
จะเปิดอัตโนมัติก็ได้ แต่ผมไม่ใช่ลูกบ้าน ดังนั้นต้องแลกบัตรเหมือนกับแขกผู้มาเยือนทั่วๆไป
สิ่งแรกที่กระทบสายตา นอกจากท้องฟ้าและแสงแดดเปรี้ยงๆ ก็คือสโมสรขนาดใหญ่ ที่เน้นการออกแบบด้วยเส้นเฉียงๆ … เดี๋ยวเราเข้าไปดูกันครับ
สโมสรที่นี่ใช้ชื่อว่า Eco Club ซึ่งแน่นอนมาจากรูปแบบการดีไซน์ด้วย Ecology (สิ่งแวดล้อม) รวมกับ Modern (สมัยใหม่) ผสมผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับแนวสถาปัตยกรรมรุ่นใหม่ครับ
ด้านล่างของสโมสรเป็นแปลงดอกไม้ ช่วงแรกต้องบังแดดให้มันหน่อยไม่งั้นแห้งหมด … หน้าหนาวคงจะสวยน่าดู
มีการเล่นลวดลายผนังด้วยการใช้น้ำล้นด้วย 😀
ด้านข้างสโมสรเป็นสนามเด็กเล่น เราเดินผ่านก่อนที่จะขึ้นไปดูบนสโมสร Eco Club กันครับ
สโมสรเป็นอาคารสองชั้น พื้นที่ใช้สอยหลักจะอยู่ด้านบน ขึ้นได้จากบันไดทางนี้ครับ
ชั้นบนของสโมสรเป็น Lobby ขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับขนาดหมู่บ้านที่ 174 หลังแล้ว จะพบว่าขนาด Lobby ค่อนข้างใหญ่ ใช้งานได้เต็มที่ นั่งพร้อมๆกันได้หลายครอบครัวครับ
Lobby เพดานสูง ไม่มีผนังทั้งสองฟาก ทำให้ลมสามารถพัดผ่านเข้าออกได้ ช่วยลดความร้อนและประหยัดไฟ โดยไม่ต้องเปิดแอร์ไปในเวลาเดียวกัน
สระว่ายน้ำตั้งอยู่บนผนังน้ำล้นผิวเฉียงๆที่เราเห็นเมื่อครู่นี้ เป็นสระว่ายน้ำรูปตัว L ขนาดใหญ่ พร้อมกับม่านน้ำและสระเด็กครับ
เวลามองจากสระว่ายน้ำลงไปก็จะเห็นหมู่บ้านกับปากประตูทางเข้าหมู่บ้านดังนี้
สระว่ายน้ำมีส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำในร่มด้วยนะครับ เดินลงไปจาก Lobby ได้ทางนี้
บริเวณสระในร่มนั้นเป็นสระตื้นๆ เชื่อมกับสระใหญ่ด้านนอก แยกส่วนตื้นไว้ให้เด็กเล็ก
รอบพื้นที่จัดเป็นระแนงไม้และเตียง Day Bed ให้นั่งเล่นนอนเล่น เฝ้าลูกๆเล่นน้ำตอนแดดร่มลมตก
หากฝั่งนี้เต็ม ก็สามารถใช้เตียงฝั่งนู้นได้อีก 3 ชุดครับ
ฝั่งที่เป็นม่านน้ำตรงนั้นนอกจากจะมีไว้ดูเพลินๆแล้ว ยังสร้าง “เสียง” ซึ่งทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงมาก มีหมู่บ้านไม่กี่แห่งเท่านั้นที่นำม่านน้ำมาใช้งานในสโมสร ซึ่งเสนา พาร์ค แกรนด์เป็นหนึ่งในนั้น
พอเล่นน้ำ ว่ายน้ำ หรือตกน้ำ กันเสร็จสิ้น เราก็มาอาบน้ำตรงนี้ครับ เป็นจุดให้ล้างตัวก่อนที่จะกลับไปยังบ้านใครบ้านมัน
อีกฝั่งหนึ่งของ Lobby เป็นทางเข้าฟิตเนส ประตูเขียวๆตรงนั้นไง
ข้างในฟิตเนสเป็นพื้นที่ติดแอร์ ต่างจาก Lobby ที่เปิด Open Air นะครับ
ขนาดฟิตเนสใหญ่ก็จริง แต่อุปกรณ์นั้นมีไม่มาก ประมาณ 5-6 เครื่อง ใช้งานอาจจะต้องหมุนเวียนกันหน่อย
โดยเครื่องวิ่งมีด้วยกัน 3 เครื่อง ที่เหลือเป็น Free weight area … ถ้าใครไม่พอใจกับอุปกรณ์เท่านี้ อยากเข้าคลาส อยากเล่นโยคะ พิลาทีส ก็ต้องไปสมัครฟิตเนสข้างนอกเอา หรือไม่ก็ทำห้องที่บ้านเอาไว้สำหรับเล่นเลยก็ได้
เมื่อครู่ดูข้างบนไปแล้ว ด้านล่างของสโมสรเป็นพื้นที่สำหรับฟังก์ชั่นอีกสองฟังก์ชั่น คือห้องน้ำและรีเซพชั่น
รีเซพชั่นที่นี่ก็คงจะกลายเป็นสำนักงานนิติบุคคลในอนาคตละครับ
นอกจากตัวสโมสรที่เป็นพื้นที่ในร่มแล้ว บริเวณ Outdoor ยังจัดเป็นสวนพักผ่อน เอาไว้นั่งเล่นได้ด้วย … แต่ตอนบ่ายแดดแรงๆอย่างที่ผมไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน ต้องรอ 5 โมงเย็นหรือไม่ก็เช้าๆละครับ
ส่วนตรงนี้ถ้า 4 โมงกว่าๆก็ยังพอได้อยู่นะครับ เพราะมีการออกแบบให้ระแนงช่วยบังแดดได้บางส่วน
ดูส่วนกลางกันพอแล้วเดี๋ยวไปต่อที่บ้านตัวอย่างกันเลยครับ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- สโมสร Eco Club
- สระว่ายน้ำขนาดใหญ่รูปตัว L พร้อมสระเด็กและม่านน้ำ
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ขนาดกลาง วางเครื่องออกกำลังกายได้ 5-6 เครื่อง
- สวนสาธารณะรอบสโมสร พร้อมที่นั่งเล่น
- ซุ้มประตูและระบบรักษาความปลอดภัย 2 ชั้น
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate
- รั้วรอบโครงการสูง 2 เมตร
- Key Card Access
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก ซ้อนกับประตูเลื่อนไฟฟ้า
แบบบ้านที่เราจะพาไปดูแบบแรกเป็นบ้านหลังที่ใหญ่ที่สุดของที่หมู่บ้านเสนา พาร์ค แกรนด์ รามอินทรานะครับ โดยเป็นบ้านหลังที่เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง จำนวนสมาชิกไม่เกิน 4-5 คน พร้อมกับแม่บ้าน
รูปแบบบ้านก็เป็นรูปแบบใหม่ ที่เน้นการดีไซน์ด้วย Eco + Modern เช่นเดียวกับสโมสรและส่วนประกอบอื่นๆของหมู่บ้านนี้ เรียกว่าล้อไปตามให้เป็นโทนเดียวกันทั้งหมด มีการใช้วัสดุสีขาว-เขียว-น้ำตาล ในการออกแบบ พอประกอบเข้ากับต้นไม้และสวนรอบบ้านก็จะดูสบายตาแบบนี้ละครับ
แบบบ้าน Nova Smart มีพื้นที่ใช้สอย 239 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องพักผ่อน 1 ห้องแม่บ้าน จอดรถได้ 2 คัน หากเทียบกับหมู่บ้านอื่นๆแล้ว บ้านไซส์นี้จัดเป็นบ้านขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ครับ
เราเอาแปลนบ้านมาให้ดูกัน โดยชั้นล่างนั้นสามารถจอดรถได้ 2 คันในร่ม ถ้าหน้าบ้านหันทิศใต้ก็ควรจะต่อโรงรถอีกหน่อย ไม่อย่างนั้นหน้ารถจะยื่นไปโดนแดด ส่วนบ้านทิศเหนือไม่จำเป็นต้องทำอะไร ยกเว้นว่าจะกลัวฝนนะครับ
ด้วยความที่ออกตัวแรงว่าเป็น Eco Modern ดังนั้นก็ต้องมีการดีไซน์มารองรับ โดย 3 เรื่องหลักที่ผมเห็นว่าน่าสนใจคือเรื่องของ
- ระบายความร้อนด้วยช่องลมใต้หลังคา ช่วยให้ลมพัดผ่านใต้หลังคาลดความร้อนในบ้านได้
- แผงบังแดด โดยมีผังบังแดดแบบเลื่อนได้ที่บริเวณระเบียง ปรับให้รับกับแสงแดดจะช่วยลดความร้อนได้เช่นกัน
- วัสดุประหยัดพลังงาน เช่นชนิดสีครับ
ผมเอารูปแรกมาให้ดูช่องระบายอากาศใต้หลังคากันก่อนครับ
ถ้าแสงเข้าข้างบนก็จะถูกสะท้อนออกไปบางส่วนด้วยฉนวนใต้หลังคา และมีช่องระบายอากาศเพื่อให้ลมเย็นพัดผ่านได้ตามรูป
ก่อนที่จะเข้าไปดูในบ้าน ผมก็จะพาดูรอบๆบ้านก่อนนะ เฉลียงหน้าบ้านค่อนข้างกว้างใหญ่ทีเดียว
กันสาดด้านบนใช้วัสดุใสกับระแนง ที่ช่วยบังแดดได้และยังคงความโปร่งอยู่
เราเดินอ้อมรอบบ้านไปตามสวนกัน
ข้างบ้านเว้นพื้นที่ห่างจากกำแพงไว้ 2 เมตร ทำเป็นทางเดินรอบบ้านได้ โดยจะมีเฉลียงเล็กๆสามารถเข้าออกตัวบ้านได้อีก 1 จุด
อีกข้างหนึ่งนั้นไม่มีทางเข้านะครับ ใช้เป็นที่วางคอยล์ร้อนและปลูกต้นไม้
ส่วนข้างบ้านฝั่งที่ติดกับโรงจอดรถเป็นทางเข้าออกของครัวและห้องแม่บ้าน
ลานซักล้างก็อยู่ฝั่งนี้ ประตูเข้าห้องแม่บ้านก็อยู่ฝั่งนี้ โดยจะเข้าออกจากนอกบ้านไม่ต้องผ่านตัวบ้านภายใน
สังเกตว่าฝั่งนี้พื้นที่สวนจะเหลือมากกว่าอีกฝั่งหนึ่ง ทำให้สามารถปลูกต้นไม้ได้ หรือถ้าจะต่อเติมครัวไทยก็ตรงนี้ละครับ
ที่จอดรถกว้างพอให้จอดได้สองคัน แต่ความลึกนั้นเหมาะสำหรับรถเก๋งขนาดกลาง ถ้าเป็นกระบะอาจจะหน้ายื่นหน่อยๆละครับ
บริเวณเสาบ้านส่วนที่ติดกับโรงรถนั้นมีช่องเปิด ทำเป็นตู้เก็บของ อาทิเช่นอุปกรณ์ล้างรถ หรือเครื่องมือช่างได้
ดูนอกบ้านกันเสร็จแล้วเราก็จะเดินเข้ามาดูข้างในบ้านกันต่อ โดยกรอบวงกบประตูด้านหน้านั้นเป็นกรอบอลูมิเนียมทำสีขาว ใช้กระจกเขียวตัดแสงบานเลื่อนเปิดออกแบบนี้ การใช้ประตูแบบนี้ถ้าเป็นบ้านราคา 3-6 ล้านยังพอจัดว่าโอเค แต่เมื่อตัวบ้านราคาแตะ 9-10 ล้านบาทแล้ว ผมมองว่าควรจะใช้วัสดุที่พรีเมี่ยมมากกว่านี้ครับ
เดินเข้ามาข้างในบ้านก็พบว่าบ้านแต่งได้หรูหราผิดกับภาพลักษณ์ข้างนอก โดยจะใช้เฟอร์นิเจอร์ทรงคลาสสิก ช่อไฟย้อยๆ หลุดออกจากความเป็น Eco Modern ไปเลย
ห้องนั่งเล่นชั้นล่างนั้นมีการดรอปทำฝ้าหลุมเอาไว้ให้ วัสดุพื้นใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. ส่วนความกว้างของห้องและพื้นที่ใช้สอยนั้นบอกได้เลยว่ากว้างเหลือเฟือ ระยะดูทีวีขนาดนี้ต้องเปลี่ยนไปใช้จอใหญ่ๆขนาด 50 นิ้วขึ้นไปแล้วละครับ
มองย้อนกลับไปก็จะเห็นว่าห้องนั่งเล่นสามารถรับวิวได้สองด้าน ทั้งจากสวนและประตูหน้าบ้าน พื้นที่เหลือเฟือ ขนาดวางโซฟาแล้วยังเหลือทางเดิน 1.2 เมตร
เดินเข้าไปอีกนิดก็จะพบกับโถงกลาง โดยบันไดขึ้นชั้นสองถูกพับไปอยู่ทางขวามือของบ้าน ส่วนทางซ้ายที่เห็นคือทางเดินจากโรงรถ สามารถเปิดเข้ามาตรงนี้ได้เช่นกัน
ใต้บันไดเป็นพื้นที่ของห้องน้ำ ซึ่งใช้เป็นห้องน้ำสำหรับแขกด้วย
ห้องน้ำวางอยู่ใต้บันไดแบบนี้ แต่ก็มีช่องระบายอากาศธรรมชาติ … ออกแบบใช้ได้เลย
มีห้องอาบน้ำด้วยนะ
และนี่เป็นประตูจากโรงรถที่เดินออกมาโผล่ตรงบันไดบ้าน สามารถเดินขึ้นชั้น 2 ได้โดยไม่ต้องผ่านห้องรับแขกครับ
ส่วนกลางสุดของบ้านเป็นพื้นที่สำหรับตั้งโต๊ะรับประทานอาหาร วางโต๊ะขนาด 6 คนกำลังดี ถ้า 8 คนก็สามารถต่อหัวโต๊ะได้
ฝั่งที่ติดกันเป็นครัวฝรั่ง แพนทรี่ ตู้เก็บถ้วยชาม เอาไว้ทำอาหารเบาๆ ชงกาแฟ ปิ้งขนมปัง ล้างถ้วยล้างชามครับ
โดยพื้นที่ครัวฝรั่งก็จะเชื่อมต่อกับครัวไทยด้านหลัง มีประตูกั้นไว้บานหนึ่ง ซึ่งบ้านตัวอย่างไม่ได้ติดตั้งมาด้วย สาเหตุเพราะให้ลูกค้าเดินชมได้ง่ายๆ
จุดที่ต้องระวังก็คือพื้นระหว่างครัวไทยกับครัวฝรั่งเป็นพื้นต่างระดับ พอเปิดประตูไปก็ต้องก้าวลง 1 ก้าว ซึ่งถ้าใครไม่เห็น ไม่ชิน หรือเดินแบบไร้สติก็อาจจะสะดุดได้
ครัวไทยด้านหลังบ้านนั้นมีขนาดใหญ่กว่าครัวฝรั่งมาก เป็นห้องมุมมีช่องแสงและการระบายอากาศเพียงพอ ทำอาหารได้สบายๆครับ
อีกฝั่งหนึ่งที่ติดกับโต๊ะทานข้าวเป็นห้องอเนกประสงค์ ทางผู้ออกแบบจัดให้เป็นห้องทำงานพร้อมกับโซฟาพักผ่อนเล็กๆ … ส่วนประตูด้านหลังนั้นสามารถเดินออกไปยังสวนหลังบ้านได้ จำได้ไหมครับที่ผมพาไปเดินดูข้างบ้านแล้วพบเฉลียงอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือทางเข้า-ออก ของห้องนี้นี่เอง
จริงๆแล้วห้องนี้สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนได้อีกห้องหนึ่งเลยนะครับ สำหรับแขกหรือผู้ใหญ่ก็ได้ แต่จะไม่ค่อยสะดวกตรงที่ไม่มีห้องน้ำในตัว หากจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนจริงๆละก็ ควรจะปรับให้พื้นที่เฉลียงข้างบ้านกลายเป็นห้องน้ำไปด้วย เพื่อความสะดวกในการใช้งาน เช่นอาบน้ำได้โดยไม่ต้องเดินผ่านโต๊ะทานข้าวกลางบ้านครับ
ต่อมาเราเดินไปดูชั้นสองกันต่อ
โถงบันไดบ้านหลังนี้มีช่องเปิดถึงสองทิศทำมุม 90 องศา ทำให้ลมสามารถพัดผ่านได้ทั้งสองทิศ แสงธรรมชาติเข้าถึงได้ดี เป็นการออกแบบที่ดีนะครับ
และอีกจุดหนึ่งที่ผมต้องการชมก็คือชานพักบันได ที่ทำมาเป็นชานพักขนาดใหญ่ ราวบันไดแข็งแรง เดินปลอดภัย ดีกว่าบ้านบางหลังที่ทำขั้นบันไดรูปสามเหลี่ยมเยอะเลย
โถงกลางของชั้นสองนั้นใหญ่มาก โชว์ลายพื้นลามิเนตสีน้ำตาลสวยงาม พอพื้นที่ใหญ่ๆแบบนี้เชื่อมกับห้องพักผ่อนทางซ้าย ก็จะทำให้รู้สึกว่าบ้านใหญ่ขึ้น โปร่ง โล่ง อยู่สบาย
ห้อง Family Room บริเวณโถงกลางเป็นห้องที่เด่นที่สุดบนชั้นสอง ซึ่งเป็นเสมือนห้องนั่งเล่นใหญ่อีกห้องหนึ่งของบ้านหลังนี้ เชื่อมต่อกับระเบียงใหญ่หน้าบ้าน ซึ่งถ้าใครอยากจะทำเป็นห้องนอนอีกห้องหนึ่งก็สามารถกั้นประตู ขนาดใช้งานได้สบายเลยครับ
ที่ผมบอกว่าสามารถกั้นห้องนั่งเล่นเป็นห้องนอนได้ เพราะว่ามีมุมพักผ่อนเล็กๆอีกมุมหนึ่งเตรียมไว้ให้แล้ว ถ้าครอบครัวไหนอยากได้ 4 ห้องนอนชั้นบน ตรงนี้ก็ยังเป็นพื้นที่ส่วนกลางของชั้น 2 ได้อยู่ แม้ว่าจะเล็กกว่าห้องพักผ่อนก็เถอะนะ
เรากลับมาดูระเบียงที่ห้องพักผ่อนกันต่อ ระเบียงใหญ่กว้างประมาณ 1 เมตร ยาวเต็มความยาวห้อง โดยมีจุดเด่นคือแผงบังแดดทางขวามือ
แผงนี้สามารถเลื่อนได้ตามความต้องการ ปรับมุมให้ตรงกับพระอาทิตย์ในแต่ละเวลา จะช่วยลดความร้อนที่เข้าตัวบ้านได้ ตรงกับการออกแบบบ้านสไตล์ Eco ละครับ
ภาพหน้าตาการเลื่อนของ Fin เป็นแบบนี้
เลื่อนมาแล้วก็จะเป็นแบบนี้ 🙂
กระเบื้องที่ปูระเบียงใช้เป็นลายอย่างที่เห็นนะครับ ความกว้างระเบียง 1 เมตรก็เพียงพอที่จะวางชุดน้ำชาเล็กๆและปลูกต้นไม้ได้ และเมื่อใช้ควบคู่กับผังบังแดดแล้ว ก็จะมีประโยชน์มากสำหรับคนชอบพื้นที่ Outdoor
มุมห้องพักผ่อนด้านบนจึงกลายเป็นมุมสุดสวยของบ้านหลังนี้ไปโดยปริยาย
ความกว้างของห้องนี้ก็เพียงพอให้คนทั้งครอบครัวนั่งคุยนั่งเล่น ทำกิจกรรมร่วมกันในบ้านได้ เช่นเชียร์บอลโลกที่เยอรมันพึ่งจะเอาชนะอาร์เจนตินาเป็นแชมป์โลก 4 สมัยไปได้เป็นต้น
เรามาดูห้องนอนเล็กกันก่อนนะครับ ซึ่งห้องนอนเล็กทั้งสองห้องของชั้นบนนี้มีห้องน้ำในตัวทุกห้องเลย
ห้องแรกวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย
และยังมีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะทำงานได้อีกด้วย
ระยะทีวีปลายเตียงก็พอดี มีช่องแสงธรรมชาติ อยู่แล้วไม่อึดอัด
ห้องน้ำอาจจะเล็กไปหน่อย แต่ก็ใช้งานได้สะดวกเพราะอยู่ในห้องนอน
โถสุขภัณฑ์นั้นเป็นรุ่นประหยัดน้ำของ Kohler แต่ทรงดีไซน์ไม่ค่อยสวยสมกับชื่อแบรนด์เท่าไร และวางไว้ชิดผนังมากไป
เช่นเดียวกันกับซิงก์ที่มีพื้นที่รอบซิงก์น้อยเกินไปและไม่มีเคาน์เตอร์กับตู้ใต้ซิงก์มาให้
ส่วนพื้นที่อาบน้ำทำออกมาได้โอเคดีครับ
ห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่งแต่งมาเป็นสีโทนอ่อน มีช่องแสงสองด้าน อยู่สบายกว่าห้องที่แล้วที่มีด้านเดียว
ห้องนี้โดยรวมแล้วขนาดจะเล็กกว่าห้องเมื่อครู่หน่อยนึงนะครับ
มีห้องน้ำในตัวเช่นกัน แต่ Layout ออกแบบมาใช้งานได้สะดวกกว่ามาก ข้อเสียคงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่ไม่แยกส่วนเปียกส่วนแห้ง อาบน้ำทีคงจะเปียกไปจนถึงโถสุขภัณฑ์แน่ๆ แก้ได้ด้วยการติดม่านพลาสติกครับ
พอเดินมาถึงห้องนอนใหญ่ ก็จะพบว่าแตกต่างจากห้องนอนเล็กทั้งสองมากนัก ทั้งใหญ่กว่า ดูแกรนด์กว่า หรูหรากว่า
ระยะต่างๆที่เห็นนั้นตอบได้เลยว่าเหลือเฟือ
ขนาดของระเบียงใหญ่ไม่ด้อยไปกว่าห้องพักผ่อนเลย
มีพื้นที่จัดโต๊ะทำงานเข้ามุมได้ด้วย แต่สำหรับพื้นที่ตรงนี้ผมมองว่านั่งไม่สะดวกเท่าไรเพราะออกแบบไปติดม่าน … ดังนั้นถ้าเราพลิกนิดนึงแล้วหันเข้าหาผนังจะมีพื้นที่เหลือให้นั่งได้เยอะกว่านี้ วางเครื่องคอมพิวเตอร์อะไรก็ว่าไป
มุมแต่งตัวจัดเป็นมุมต่างหาก เรียกว่าเป็นกึ่งๆ Walk-in Closet ได้เลย
เดินทะลุมุมแต่งตัวมาก็จะเข้ามาถึงห้องน้ำ ที่ทำออกมามีมาตรฐานสูงกว่าห้องน้ำในห้องนอนเล็กทั้งสองมาก
เริ่มจากชุดฝักบัวขนาดใหญ่ ที่มีทั้ง Hand และ Rain Shower
ซิงก์ล้างหน้าขนาดใหญ่ ติดตั้งพร้อมเคาน์เตอร์ท๊อปหินและตู้เก็บของด้านล่าง
โถสุขภัณฑ์ Kohler ชิ้นใหญ่ นั่งสบาย รูปทรงสวยงาม
ระเบียงในห้องน้ำสำหรับตากผ้า รับแสงและลมธรรมชาติ ไม่ให้ห้องน้ำอับชื้น … ตรงนี้อย่าเปิดกลางคืนนะครับ ยุงเข้า หรือไม่ก็ต้องทำมุ้งลวดดีๆ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 4 June 2014
- แบบบ้าน Aqua Smart 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน พื้นที่ใช้สอย 165 ตารางเมตร ราคา 6.84 ล้านบาท บนที่ดิน 65 ตารางวา
- แบบบ้าน Oxy Smart 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน พื้นที่ใช้สอย 190 ตารางเมตร ราคา 7.68 ล้านบาท บนที่ดิน 60 ตารางวา
- แบบบ้าน Nova Smart 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน ที่จอดรถ 2 คัน พื้นที่ใช้สอย 239 ตารางเมตร ราคา 10.28 ล้านบาท บนที่ดิน 78 ตารางวา
- แบบบ้าน Nova Smart 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน ที่จอดรถ 2 คัน พื้นที่ใช้สอย 239 ตารางเมตร ราคา 9.89 ล้านบาท บนที่ดิน 70 ตารางวา
- จอง 50,000 บาท
- ทำสัญญา 100,000 บาท
- ผ่อนดาวน์แล้วแต่งวดก่อสร้าง
- ค่าส่วนกลาง 30 บาทต่อตารางวา จัดเก็บล่วงหน้า 3 ปีหลังโอนกรรมสิทธิ์
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลที่เสนา พาร์ค แกรนด์ นั้นจัดเป็นทำเลที่ดีและมีความพิเศษเพราะเป็นทำเลเดียวบนถนนเลียบวงแหวนรามอินทราที่สามารถทะลุออกถนนใหญ่รามอินทราได้ แม้ว่าจะต้องทะลุผ่านสวนสาธารณะที่เป็นที่ดินของเสนาฯ ซึ่งในอนาคตอาจจะพัฒนาเป็นอย่างอื่น อาทิเช่นห้างสรรพสินค้าชุมชน แต่ลูกบ้านที่มาซื้อหมู่บ้านนี้ก็ไม่ต้องห่วงนะครับ ทางเสนาจะยังให้ผ่านเข้าออกได้ต่อไป ทำให้เป็นปัจจัยบวกสำหรับทำเลที่อยู่ด้านในแบบนี้
ความปลอดภัยก็จัดมาใช้ได้ มีประตูเช็ครถที่วิ่งผ่านเข้าออกสองจุดจากด้านหน้าที่เรียกว่า SENA PARK RESIDENCES และด้านในซึ่งเป็นประตูของ SENA PARK GRAND เอง โดยด้านในเป็นประตูเหล็กบานใหญ่ มีความปลอดภัยมากกว่าไม้กระดกแบบด้านนอกครับ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้กับราคาบ้าน 6-10 ล้านบาทก็ควรจะมีระบบสัญญาณกันขโมยมาให้บ้านทุกหลังด้วย ลูกบ้านแต่ละหลังจะได้ไม่ต้องไปหามาติดเองนะครับ
การออกแบบและพื้นที่ใช้สอยจัดเป็นข้อดีของโครงการเสนา พาร์ค แกรนด์ รามอินทรา ที่ทางเสนาฯนั้นฉีกรูปแบบจากภาพลักษณ์เก่าๆ สร้างนวัตกรรมการออกแบบขึ้นมาใหม่ ซึ่งทางบริษัทได้มีการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนาแบบบ้าน Green Smart Design ขึ้นมาภายใต้คอนเซปท์ Eco Modern และสิ่งที่ผมชอบก็คือฟังก์ชั่นหลักๆ ที่มีการระบายความร้อนที่ดี มีช่องแสงที่ดี ประหยัดพลังงาน และการใช้ Shading เลื่อนได้ ช่วยบังแสงให้ห้องสำคัญๆได้โดยไม่สูญเสียวิวหรือทัศนียภาพไป
ห้องที่ผมคิดว่าดีที่สุดคงจะหนีไม่พ้นห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ที่ทำออกมาสวยงาม แต่ส่วนอื่นๆอย่างห้องน้ำในห้องนอนเล็กก็ควรจะใช้วัสดุประเภทเดียวกันหรือใกล้เคียงกันมากกว่านี้ น่าจะมีการติดตั้งเคาน์เตอร์บริเวณซิงก์และฉากกั้นอาบน้ำให้ครบถ้วนทุกห้อง มีเรื่องการเก็บตกความสวยงามเล็กๆน้อยๆที่ถ้าปรับแล้วบ้านจะดูสมบูรณ์แบบมากกว่านี้ละครับ
พื้นที่สีเขียวของโครงการมีมากพอควร โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่รอบๆสโมสรที่ต้นไม้ยังไม่โตเท่าไรเลย พอไปเดินในวันแดดเปรี้ยงๆก็รู้สึกว่ายังไม่มีร่มเงาเท่าไร คงจะต้องรออีกสัก 2-3 ปี ให้หมู่บ้านมันอิ่มมากกว่านี้และจะดูดีขึ้น ส่วนเรื่องสภาพโครงการนั้นจัดว่าเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน ไม่มีอะไรรกๆมาให้ขัดหูขัดตา ทำได้ดีครับ
สุดท้ายเป็นส่วนที่ถือเป็นหน้าตาที่สำคัญที่สุดของหมู่บ้านนี้ … Eco Club นั่นเอง ที่จัดว่าใหญ่และสมบูรณ์แบบ มีสระว่ายน้ำ มีแปลงดอกไม้ มีผนังน้ำล้น มีห้องออกกำลังกาย เชื่อมต่อกับสนามเด็กเล่น ที่นั่งพักริมสวน พร้อมกับการสร้างบรรยากาศด้วยเสียงจากม่านน้ำตก จัดเป็นจุดเด่นที่ผมชอบที่สุดของหมู่บ้านเสนา พาร์ค แกรนด์ รามอินทรา ครับ
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 6 – 10 ล้านบาท, 4 June 2014
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – เข้าออกได้สองถนนรามอินทราและเลียบวงแหวน
- ความปลอดภัย 7.5/10 – ประตูหมู่บ้านพร้อม รปภ. สองชั้น
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – เน้นเรื่อง Eco Design ซึ่งเหมาะสมกับบ้านสมัยใหม่ มีช่องเปิดระบายอากาศและรับแสงดีมาก ประหยัดพลังงาน
- วัสดุ 7.5/10 – ห้องนอนใหญ่ทำได้ดี แต่ส่วนอื่นๆของบ้านน่าจะทำได้ดีกว่านี้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – สภาพโครงการดูดี สะอาด เป็นระเบียบ แต่ต้นไม้ยังไม่โตเท่าที่ควร
- สาธารณูปโภค 9/10 – สโมสรใหญ่ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะต่างๆ ใช้งานได้จริง
- 8.00 / 10.00
BOTTOM LINE
Sena Park Grand รามอินทรา เป็นทางเลือกสำหรับครอบครัวที่มีงบประมาณ 6-10 ล้านบาท ต้องการหมู่บ้านที่เข้าออกถนนใหญ่รามอินทราได้สะดวก และมีสโมสรใหญ่ๆไว้ใช้งานครับ
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ