รีวิว SARANSIRI SALAYA – PINKLAO (สราญสิริ ศาลายา-ปิ่นเกล้า) บ้านเดี่ยวเริ่ม 9-13 ล้านบาท ที่นี่ถือว่ามีราคาเป็นลำดับต้นๆ ของโซนนี้ แต่ของที่ให้มาก็น่าสนใจกว่าโครงการรอบๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งเราลิสต์ไว้ให้ด้านล่างนี้ค่ะ

  • บรรยากาศเหมือนอยู่ยุโรปด้วยสไตล์ Urban Farmhouse ได้แรงบันดาลใจจากงานสถาปัตยกรรมที่ Cape Dutch เนเธอร์แลนด์ เช่น ประตูซุ้มโค้งขนาดใหญ่, บ้านหลังคาสูงทรงจั่ว ตอบโจทย์คนที่ให้ความสำคัญกับความสวยงามของบรรยากาศในโครงการ
  • ที่จอดรถ 3 คันทุกแบบบ้าน
  • ห้องนั่งเล่นแบบฝ้าเพดานสูง 6 เมตร ทุกแบบบ้าน ดูโปร่งโล่งเป็นพิเศษ
  • ความเป็นส่วนตัวสูง เฟสแรกแต่ละซอยจะมีเพื่อนบ้านเพียง 2-4 ยูนิต เท่านั้น จึงได้แปลงมุมทุกหลัง
  • เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยในโครงการ LIV-24 ตามมาตรฐานแสนสิริ ที่เข้มข้นกว่าโครงการอื่น เช่น Digital Fence, Real-Time Guard Tour, VMS, CCTV-Video Analytics, Facial Recognition, IOT Facility Management เป็นต้น
  • เทคโนโลยีในตัวบ้านที่พิเศษกว่า ได้แก่ Solar Roof, รองรับการติดตั้ง EV Charger 22 kW., Breeze Panel ช่วยให้อากาศในบ้านถ่ายเท

ข้อมูลโครงการ

SARANSIRI SALAYA – PINKLAO (สราญสิริ ศาลายา – ปิ่นเกล้า) ณ วันที่ 28 เมษายน 2567

 ชื่อโครงการ   SARANSIRI SALAYA – PINKLAO (สราญสิริ ศาลายา – ปิ่นเกล้า)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS   UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ซอยสำเร็จพัฒนา (ถนนหมายเลข 1011) อำเภอบางกรวย นนทบุรี
 ที่ดิน 44 ไร่
 จำนวนยูนิต 161 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • Camelia (คามิเลีย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 52 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 206 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่ม 9.49 ล้านบาท
  • Freesia (ฟีเซีย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 62 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 10.99 ล้านบาท
  • Verbena (เวอบีน่า) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 68 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 285 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 13.99 ล้านบาท

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   ชั้นล่าง 2.7 เมตร, ชั้นบน 2.6 เมตร, Double Volume 6 เมตร
 เริ่มก่อสร้าง   พฤศจิกายน 2566
 เว็บไซต์โครงการ   คลิกที่นี่
 โทร   1685

 

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.81226907026005, 100.3355170685697
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

โครงการ SARANSIRI SALAYA – PINKLAO (สราญสิริ ศาลายา – ปิ่นเกล้า) ค่ะ

โครงการ SARANSIRI SALAYA – PINKLAO (สราญสิริ ศาลายา – ปิ่นเกล้า) ตั้งอยู่บนถนนสำเร็จพัฒนา หรือถนนทางหลวงหมายเลข 1011 ค่ะ ทำเลที่ตั้งบริเวณนี้สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ดังนี้

  • หมายเลข 1,2 เชื่อมถนนกาญจนาภิเษก(ฝั่งตะวันตก) : จากโครงการสามารถขับออกไปยังฝั่งถนนกาญจนาภิเษกได้ โดยผ่านซอยวัดส้มเกลี้ยง หรือซอยวัดศรีประวัติ ซึ่งจากถนนฝั่งนี้ก็ขับขึ้นเหนือไปโซนบางใหญ่, ปทุมธานี, อยุธยา หรือวิ่งลงใต้ไปโซนบางแค,พระราม 2 และเชื่อมเข้าทางด่วนกาญจนาฯ ที่วิ่งไปพระราม3, สมุทรปราการ, บางนาได้
  • หมายเลข 3 เชื่อมถนนบรมราชชนนี : โครงการสามารถเชื่อมต่อกับถนนบรมราชชนนีได้ง่าย ใช้เดินทางไปโซนทวีวัฒนา, ไปปิ่นเกล้า ไปถนนพุทธมณฑลสายต่างๆ หรือออกไปทางนครปฐมก็สะดวก
  • หมายเลข 4 เชื่อมถนนชนบทหมายเลข 4006 (หลังม.มหิดล) : ไปม.มหิดล ศาลายา ได้สบายๆ เลย

ทำเลย่านนี้เป็นทำเลชานเมืองฝั่งตะวันตก ซึ่งปัจจุบันได้มีโครงการแนวราบเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ช่วงราคา 4-8 ล้านบาท ซึ่งโครงการ สราญสิริ ศาลายา – ปิ่นเกล้า ออกแบบมาให้มีราคาสูงกว่าโครงการอื่นในย่าน ซึ่งโครงการตั้งใจออกแบบบรรยากาศของโครงการให้สวยงาม ได้ฟีลเหมือนอยู่ยุโรปทั้งในส่วนกลางและตัวบ้าน รวมถึงวัสดุต่างๆ และเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยก็ให้มาดีด้วยเช่นกัน ดังนั้นใครที่มีงบประมาณเพียงพอ ก็อยากให้ลองพิจารณาดูค่ะ

ตัวช่วยในการเดินทางเข้าเมืองจะมีทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก (ด่านฉิมพลี) ที่ช่วยให้เดินทางไปยังหมอชิตได้สะดวกขึ้น โดยเริ่มจากโครงการขับผ่านถนนสำเร็จพัฒนาไปออกถนนกาญจนาภิเษกแล้วกลับรถ ก็สามารถเลี้ยวซ้ายขึ้นทางด่วนได้เลย ในระยะประมาณ 11.8 km.

นอกจากนี้ ทำเลศาลายายังมีแผนพัฒนาในอนาคตที่น่าสนใจ ดังนี้

1. ถนนสายใหม่ เชื่อมต่อถนนนครอินทร์-ศาลายา กม. 12 ช่วยแก้ปัญหารถติดบนถนนกาญจนาภิเษกไปถนนบรมราชชนนี ห่างจากโครงการ 2 km. ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนเวนคืนที่ดินอยู่นะคะ จะแล้วเสร็จเมื่อไหร่คงต้องติดตามข่าวกันต่อไปค่ะ

2. ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ต่อจากสถานีตลิ่งชัน เชื่อมต่อบางซื่อ-รังสิต ห่างจากโครงการประมาณ 3.1 km. ในส่วนของกำหนดเปิดใช้บริการคงต้องรอติดตามความคืบหน้ากันต่อไปนะคะ

สำหรับความอุดมสมบูรณ์ ก็ไม่ต้องห่วง เนื่องจากใกล้ๆกับโครงการในระยะ 500 เมตรถึง 1 กิโลเมตร ก็จะมีร้านค้าร้านอาหารต่างๆให้เลือกรับประทานกันบ้างแล้วค่ะ โดยภาพรวมทำเลนี้เป็นโซนที่มีร้านสะดวกซื้อ 7-11 มาเปิดในซอยเยอะมาก เนื่องจากมีชุมชนและมีหมู่บ้านจัดสรรเปิดใหม่อยู่เรื่อยๆ และก็มีทั้ง Mini Big-C, Tesco Lotus Express หรือร้านสะดวกซื้อขนาดย่อมๆหลายแห่งเลย และด้วยความเป็นชุมชนก็มีตลาดสด ตลาดร้านค้าต่างๆอีกหลายแห่ง เช่น ตลาดลุงออม, ตลาดน้องเล็ก ขับไปหน่อยมีตลาดสดศาลายา, ตลาดหน้าม.มหิดล, ตลาดพุทธมณฑลสาย 2 เป็นต้น

โดยรวมแล้วสภาพแวดล้อม ส่วนใหญ่เป็นโรงงาน อาคารพาณิชย์ สถานศึกษา(ม.มหิดล ศาลายา) และที่อยู่อาศัยแนวราบ และเนื่องจากมีทั้งแหล่งงานและสถานศึกษา ทำให้ย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์ครบ แต่บรรยากาศก็ยังคงความสงบเป็นชานเมือง ไม่ได้คึกคักหรือพลุกพล่านแบบในตัวเมืองกรุงเทพ แต่เป็นทำเลที่ยังมีความเจริญเข้ามาเรื่อยๆ มีสถานที่สำคัญคือสวนพุทธมณฑล, สถานีรถไฟศาลายา, ตลาดดอนหวาย, วัดไร่ขิง, Makro ศาลายา, Tesco Lotus Plus Mall บางใหญ่ และ The Brio Mall ส่วนห้างสรรพสินค้าใกล้เคียงก็มีทั้ง Central ศาลายา, Central Westgate และ The Mall บางแค ให้จับจ่ายใช้สอยได้เต็มที่ค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ SARANSIRI SALAYA – PINKLAO (สราญสิริ ศาลายา – ปิ่นเกล้า) ถูกล้อมด้วยโครงการหมู่บ้านแนวราบ และยังมีที่ดินเปล่ารอการพัฒนาอีกมาก ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย

  • ทิศเหนือ ติดกับ หมู่บ้านพักอาศัย (ในอนาคต)
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนภาระจำยอมแชร์ระหว่างลูกบ้านของแสนสิริ (ในอนาคตถนนเส้นนี้อาจจะมีการต่อเชื่อมไปถึงถนนคลองขุดใหม่ด้านหลัง)
  • ทิศใต้ ด้านหน้าทางเข้าติดกับถนนสำเร็จพัฒนา ฝั่งตรงข้ามเป็นหมู่บ้านพักอาศัย
  • ทิศตะวันตก ติดกับ หมู่บ้านพักอาศัย

Image 1/5
หน้าโครงการติดกับถนนสำเร็จพัฒนา ขนาด 2 เลน ไป-กลับ

หน้าโครงการติดกับถนนสำเร็จพัฒนา ขนาด 2 เลน ไป-กลับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • เซ็นทรัล ศาลายา ~ 8.9 km.
  • ตลาดสดธนบุรี ~ 9.6 km.
  • Lotus บางใหญ่ ~ 10.5 km.
  • The Paseo กาญจนาภิเษก ~ 13.1 km.
  • ตลาดพระราม5 ~ 13.1 km.
  • The Walk ราชพฤกษ์ ~ 15.1 km.
  • เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ~ 17.6 km.
  • The Crystal ราชพฤกษ์ ~ 18.7 km.
  • The Circle ราชพฤกษ์ ~ 19.3 km.
  • Central ปิ่นเกล้า ~ 20 km.

โรงพยาบาล

  • ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหิดล ~ 7.2 km.
  • รพ.พุทธมณฑล ~ 8.1 km.
  • รพ. ธนบุรี ~ 14.8 km.

โรงเรียน

  • โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ~ 4.1 km.
  • ม. เทคโนโลยีราชมงคล ศาลายา ~ 7.2 km.
  • โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี ~ 10.3 km.
  • โรงเรียนเพลินพัฒนา ~ 10.8 km.
  • ม. กรุงเทพธนบุรี ~ 11.5 km.
  • โรงเรียนเด่นหล้า พระราม5 ~ 16.6 km.

ตัวช่วยการเดินทาง

  • MRT ศาลายา (ส่วนต่อขยายในอนาคต) ~ 4.1 km.
  • จุดขึ้นคู่ขนานบรมราชชนนีลอยฟ้า ~ 9 km.
  • ทางด่วนศรีรัช (ด่านฉิมพลี) ~ 11.9 km.

รายละเอียดโครงการ

สราญสิริ ศาลายา-ปิ่นเกล้า เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 161 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 44 ไร่ จุดเด่นอย่างหนึ่งของโครงการนี้ก็คือบรรยากาศภายในโครงการสไตล์ Urban Farmhouse ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมแบบ Cape Dutch เนเธอร์แลนด์ จะเห็นได้ว่าซุ้มประตูของโครงการออกแบบมาเป็นซุ้มโค้งขนาดใหญ่ ดู Grand ตกแต่งด้วยลวดลายโค้งมนและระฆัง ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ยุโรป

หากดูจาก Master Plan ประเด็นที่น่าสนใจจะมีอยู่ 3 เรื่องด้วยกันค่ะ ประเด็นแรก คือ “ความเป็นส่วนตัว” การวางผังของโครงการทำให้ซอยย่อยทุกซอยมีจำนวนเพื่อนบ้านเพียง 2-4 ยูนิตต่อซอยเท่านั้น ถือว่าน้อยมากๆ และเป็นซอยตันทั้งหมดทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูงกว่าการวางผังโครงการอื่นๆ

ประเด็นที่ 2 คือ “Clubhouse และสวนส่วนกลางอยู่กลางโครงการ” ทำให้ลูกบ้านทั้งหมดเข้าถึงได้สะดวก และอยู่ติดถนนหลักที่ลูกบ้านเกือบทั้งหมดต้องผ่านไปมาอยู่เสมอ

ประเด็นที่ 3 คือ “ทิศของบ้าน” บ้านส่วนใหญ่ในโครงการจะหันทางทิศเหนือและใต้เป็นหลัก ซึ่งบ้านทิศเหนือฝั่งหน้าบ้านจะโดนแดดในช่วงเช้าและร่มในช่วงบ่าย ส่วนบ้านทิศใต้ฝั่งหน้าบ้านจะร่มในช่วงเช้าและโดนแดดในช่วงบ่าย การเลือกบ้านว่าหันทิศไหนดีจะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เช่น หากเป็นคนชอบตื่นสายก็ควรเลือกบ้านที่มีตำแหน่งเตียงนอนอยู่ทางทิศใต้ เพื่อให้แสงไม่ส่องเข้าบ้านในช่วงเช้า และการวางแปลนบ้านทิศเหนือ-ใต้ จะสอดคล้องกับลมประจำฤดูของไทยมากที่สุด ช่วยให้ลมไหลเวียนเข้าบ้านได้ดี

ตัวซุ้มประตูออกแบบมาให้มีหลังคาคลุมกันแดดกันฝน โดยจะแยกทางเข้า-ออกอย่างชัดเจนระหว่าง Visitor กับลูกบ้านทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน สำหรับประตูเหล็กบานเลื่อนจะเปิดอัตโนมัติด้วยระบบ RFID เหมือน Easy Pass ทางด่วนจึงใช้งานง่าย

สำหรับโครงการของแสนสิริจะมีระบบ LIV-24 เข้ามาช่วยเสริมความปลอดภัย ดังนี้

  • VMS ระบบควบคุมการเข้าออกของ Visitors เพื่อความรัดกุมมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การแลกบัตร, บันทึกข้อมูลผู้เข้าออกและทะเบียนรถ ตรวจสอบท้ายรถ เรียกได้ว่าต้องมีการบันทึกความปลอดภัยที่แน่นหนา จึงสามารถเข้าถึงภายในโครงการได้
  • Real-time Guard Tour ช่วยตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
  • Facial Recognition จัดเก็บและจดจำใบหน้าของทุกคนที่ผ่านเข้ามาภายในโครงการ
  • IOT Facility Management ศูนย์ควบคุมและสังเกตการณ์รักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบ 24 ชั่วโมง และมีหน้าที่ตรวจสอบความผิดปกติของระบบ Facility ส่วนกลาง เพื่อเข้าบำรุงรักษาก่อนเกิดความเสียหาย
  • CCTV – Video Analytics ที่ Main Gate และภายในโครงการ ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถเฝ้าสังเกตการณ์ผ่านจอมอนิเตอร์ได้ ซึ่งเจ้าวงจรปิดนี้ก็สามารถวิเคราะห์เหตุการณ์และตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติแล้วแจ้งเตือนมายังศูนย์ควบคุมได้ด้วยค่ะ
  • Digital Fence ส่งสัญญาณเตือนเมื่อเกิดการบุกรุก ทั้งคนและสัตว์เลื้อนคลานที่มีพิษ ซึ่งระบบจะแจ้งไปยังนิติฯ ให้แบบอัตโนมัติ

โซนหน้าโครงการจะมีถนนหลักที่จ่ายลูกบ้านออกไปตามซอยต่างๆ โดยถนนหลักกว้าง 17-18 เมตร มีลักษณะเป็นอุโมงค์ต้นไม้ยาวไปตลอดแนว ถ้าต้นไม้โตเต็มที่ แตกกิ่งก้านสาขาเพิ่มคงให้บรรยากาศที่ร่มรื่นมากๆ ค่ะ

ถนนแต่ละซอยกว้าง 9 เมตร เป็นระยะที่แม้จะมีรถจอดหน้าบ้าน 2 ฝั่ง ก็ยังขับรถผ่านได้อยู่ ซึ่งแต่ละซอยมีบ้านน้อยมากๆ อย่างเฟสแรกมีเพียง 2-4 ยูนิตเท่านั้น เท่ากับว่าทุกหลังได้เป็นบ้านแปลงมุมทั้งหมด

Clubhouse

ในส่วนของ Clubhouse จะอยู่บริเวณกลางโครงการ ตรงกับแนวถนนหลักเลย ทำให้อาคารนี้ดู Grand มากๆ แม้ว่าอาคาร Clubhouse จะตั้งอยู่ติดถนนหลัก แต่โครงการก็ออกแบบ Landscape ให้พื้นที่สวนรอบๆ ให้ช่วยบังสายตาได้เป็นอย่างดี

รอบๆ Clubhouse จะมีที่จอดรถเตรียมไว้ให้ลูกบ้านประมาณ 3 คัน บ้านไหนที่ไม่สะดวกเดินมาก็สามารถขับรถมาจอดได้

ทางขึ้น Clubhouse ออกแบบเป็น Universal Design รองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ ให้สามารถเข็นวีลแชร์ขึ้นลงได้สะดวก

ภายใน Clubhouse เป็นพื้นที่แบบ Open Air โล่งๆ เปิดรับลมธรรมชาติ และเปิดรับวิวสระและสวนภายในโครงการด้วย

Image 1/4
ภายในจัดมุมนั่งเล่นไว้หลากหลาย ทั้งแบบชุดโต๊ะเก้าอี้ตามปกติ และแบบที่เบาะกว้างๆ ซึ่งน่าจะถูกใจคุณหนูๆ ค่ะ

ภายในจัดมุมนั่งเล่นไว้หลากหลาย ทั้งแบบชุดโต๊ะเก้าอี้ตามปกติ และแบบที่เบาะกว้างๆ ซึ่งน่าจะถูกใจคุณหนูๆ ค่ะ

สระว่ายน้ำ

Image 1/7
สระว่ายน้ำรองรับการใช้งานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นสระกลางแจ้งระบบเกลือมีขนาด 6x30 เมตร ยาวกว่า Half Olympic อีกค่ะ จึงใช้ว่ายออกกำลังกายได้จริงจังแต่ก็เหมาะกับการใช้งานในช่วงเย็นที่แดดร่มสักหน่อย ส่วนสระเด็กจะแยกโซนไว้ชัดเจนเพื่อความปลอดภัย

สระว่ายน้ำรองรับการใช้งานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นสระกลางแจ้งระบบเกลือมีขนาด 6x30 เมตร ยาวกว่า Half Olympic อีกค่ะ จึงใช้ว่ายออกกำลังกายได้จริงจังแต่ก็เหมาะกับการใช้งานในช่วงเย็นที่แดดร่มสักหน่อย ส่วนสระเด็กจะแยกโซนไว้ชัดเจนเพื่อความปลอดภัย

หากใครไม่ชอบว่ายน้ำออกกำลังกายแบบจริงจัง ก็จะมีพื้นที่พักผ่อนแบบ Sunken ให้บรรยากาศที่ใกล้ชิดกับน้ำมากขึ้น และมีมุมเล่นน้ำสำหรับเด็กๆ ที่ออกแบบมาเป็นน้ำตกรูปเห็ดสีสันสดใส อย่างหลานเราก็ชอบสวนน้ำแบบนี้มาก เป็นอีกมุมโปรดที่เด็กๆ น่าจะอยากให้คุณพ่อคุณแม่ให้พามาเล่นบ่อยๆ นะคะ

ห้องน้ำ

Image 1/4
ปลายสุดทางเดินจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ จึงได้ความเป็นส่วนตัว ดูมิดชิดขึ้น ภายในมีห้องสุขา ห้องอาบน้ำ และตู้ล็อคเกอร์ครบครัน

ปลายสุดทางเดินจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ จึงได้ความเป็นส่วนตัว ดูมิดชิดขึ้น ภายในมีห้องสุขา ห้องอาบน้ำ และตู้ล็อคเกอร์ครบครัน

ในส่วนของ Fitness และ Co-working Space จะอยู่บนชั้น 2 ซึ่งต้องขึ้นบันไดไปนะคะ

Co-Working Space

Co-Working Space เป็นห้องแอร์ขนาดใหญ่ ภายในมีโต๊ะทำงานและโต๊ะประชุมไว้รองรับ  ลูกบ้านสามารถมานั่งประชุมหรือนัดพบปะ คุยธุระต่างๆ โดยไม่ต้องพาเข้าบ้านก็ได้ และห้องนี้ก็จะได้วิวสระด้วยค่ะ

ทางเดินเชื่อมระหว่าง Fitness และ Co-working Space จัดเป็นมุมพักผ่อนแบบ Open Air ซึ่งได้วิวสระและสวนรอบๆ Clubhouse

Fitness

ภายใน Fitness จะจัดวางเครื่องออกกำลังกายไว้ติดหน้าต่าง เพื่อให้มองเห็นสระว่ายน้ำและสวนส่วนกลางได้ บรรยากาศในห้องจึงดูโปร่ง ไม่อึดอัด ใน Fitness มีอุปกรณ์ที่เรียกได้ว่าครบครัน รองรับทั้งการออกกำลังกายแบบ Cardio และ Weight Training ค่ะ

สวนส่วนกลาง

Image 1/5
สวนของโครงการมีพื้นที่รวมประมาณ 1 ไร่กว่าๆ ออกแบบให้เป็นพื้นที่สวนกว้างๆ มีทั้งไม้ยืนต้นและไม้พุ่มช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่น ภายในจัดฟังก์ชันไว้รองรับการใช้งานทั้งผู้ใหญ่, เด็กและสัตว์เลี้ยง เช่น มุมนั่งเล่นในสวน, Jogging Track ในสวน, สนาม Street Basketball ซึ่งตอนนี้สวนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี เราจึงเอาภาพบรรยากาศของโครงการสราญสิริ บางนา ที่ออกแบบ Landscape มาในสไตล์เดียวกันมาฝากค่ะ

สวนของโครงการมีพื้นที่รวมประมาณ 1 ไร่กว่าๆ ออกแบบให้เป็นพื้นที่สวนกว้างๆ มีทั้งไม้ยืนต้นและไม้พุ่มช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่น ภายในจัดฟังก์ชันไว้รองรับการใช้งานทั้งผู้ใหญ่, เด็กและสัตว์เลี้ยง เช่น มุมนั่งเล่นในสวน, Jogging Track ในสวน, สนาม Street Basketball ซึ่งตอนนี้สวนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี เราจึงเอาภาพบรรยากาศของโครงการสราญสิริ บางนา ที่ออกแบบ Landscape มาในสไตล์เดียวกันมาฝากค่ะ

Image 1/3
ภาพบรรยากาศเพิ่มเติมจากสราญสิริ บางนาก็จะมีในส่วนของ Educational Playground พื้นที่วิ่งเล่นออกกำลังกายสำหรับเด็กๆ และ Sansiri Backyard ที่ให้ลูกบ้านมาเก็บผักในแปลงผักส่วนกลางไปทำอาหารได้ด้วยนะคะ

ภาพบรรยากาศเพิ่มเติมจากสราญสิริ บางนาก็จะมีในส่วนของ Educational Playground พื้นที่วิ่งเล่นออกกำลังกายสำหรับเด็กๆ และ Sansiri Backyard ที่ให้ลูกบ้านมาเก็บผักในแปลงผักส่วนกลางไปทำอาหารได้ด้วยนะคะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse บริเวณกลางโครงการประกอบไปด้วย

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6×30 เมตร
  • แยกโซนสระเด็ก
  • Sunken Seat 2 จุด
  • Fitness
  • Co-working Space

  • พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 1 จุด รวมประมาณ 1 ไร่
  • Educational Playground
  • Jogging Track
  • สนาม Street Basketball
  • Sansiri Backyard
  • ถนนหลักกว้าง 17-18 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร
  • Key Card Access ระยะไกล ด้วยระบบ RFID
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบรั้วเหล็กบานเลื่อน
  • ระบบ LIV-24
    • Real-time Guard Tour ช่วยตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
    • Facial Recognition จัดเก็บและจดจำใบหน้าของทุกคนที่ผ่านเข้ามาภายในโครงการ
    • IOT Facility Management ศูนย์ควบคุมและสังเกตการณ์รักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบ 24 ชั่วโมง
    • VMS ควบคุมการเข้าออกของ Visitors
    • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
    • รั้วรอบโครงการสูงประมาณ 2.9 เมตรและ Digital Fence สูงประมาณ 1.2 เมตร

    แบบบ้าน

    บ้านของโครงการ Saransiri ศาลายา-ปิ่นเกล้า ออกแบบในสไตล์ Urban Farmhouse ใช้โทนสีขาวเป็นหลัก ตกแต่งด้วยสีเทา และมี Gimmick เล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มกลิ่นอายยุโรป ได้แก่ ซุ้มประตูทรงโค้ง, ลูกฟักประตู, หลังคาด้านหน้าเป็นทรงจั่ว โดยมีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้

    • Camelia (คามิเลีย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 52 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 206 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ห้องนั่งเล่น / 3 ที่จอดรถ
      – ราคาเริ่ม 9.49 ล้านบาท
    • Freesia (ฟีเซีย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 62 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
      – ราคาเริ่มต้น 10.99 ล้านบาท
    • Verbena (เวอบีน่า) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 68 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 285 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
      – ราคาเริ่มต้น 13.99 ล้านบาท

    สรุปโครงสร้างและวัสดุภายในบ้าน

    • หลังคาทรงจั่ว+ปั้นหยา พร้อมฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา และ Solar Cell
    • โครงสร้าง Precast แข็งแรงทนทานแต่มีข้อจำกัดในการทุบต่อเติม
    • ที่จอดรถ : ลงเสาเข็มเท่าตัวบ้าน เฉพาะในชายคา ส่วนที่เกินนชายคาลงเสาเข็มสั้นลึก 6 เมตร
    • ลานซักล้าง : โครงสร้างแบบ On Ground
    • ประตูรั้วหน้าบ้าน : ประตูเหล็กเลื่อนทำสี เดินสายไฟรอระบบอัตโนมัติไว้ให้
    • พื้นชั้น 1 : SPC
    • พื้นชั้น 2 : ลามิเนต
    • สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ COTTO เป็นหลัก
    • Built-in เคาน์เตอร์ครัวพร้อมบานปิดหน้าตู้, ซิงค์ล้างจาน Teka, วัสดุ Top ครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำ
    • โครงสร้างบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้สำเร็จรูป

    นวัตกรรมในบ้าน

    • กระจกเขียวตัดแสง ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน
    • Breeze Panel ระบบถ่ายเทอากาศภายในตัวบ้าน ลดความอับชื้น
    • หลังคา Solar Roof ขนาด 2.2 KWP (1 เฟส) ระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์แบบ On Grid
    • สัญญาณกันขโมย Magnetic Wireless Sensor หน้าต่างและประตูทุกบานบริเวณชั้น 1
    • ไฟบ้าน 3 เฟส(30/100) รองรับการติดตั้ง EV Charger 22 kW.

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ


    บ้านตัวอย่างแบบ Freesia (ฟีเซีย)

    Freesia (ฟีเซีย) เป็นแบบบ้านขนาดกลางของโครงการ จัดฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คัน ที่ดินเริ่มต้นมีขนาด 62 ตร.ว. มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม. รองรับครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกถึง 5-6 คน ในราคาเริ่มต้น 10.99 ล้านบาท

    ชั้น 1 – เข้ามาโซนแรกมี Foyer สำหรับถอดรองเท้าและต้อนรับ เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ด้านหน้าตัวบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่แบบฝ้าเพดานสูง 6 เมตร มองเห็นชั้นบนได้เลย สำหรับพื้นที่ทานอาหารจะอยู่ในฝั่งหลังบ้าน ใกล้กันจะมีห้องน้ำให้ใช้งานต่อเนื่องกันได้สะดวก

    บ้าน Type นี้จะมีห้องนอนชั้นล่างที่อยู่ติดกับห้องน้ำ รองรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ หรือจะใช้เป็นห้องทำงานก็เหมาะกับยุค Work From Home ดีค่ะ ส่วนที่ชอบคือ ได้ครัวปิดทำอาหารได้จริงจัง ไม่ต้องต่อเติมเพิ่ม อีกฟังก์ชันหนึ่งที่แยกออกจากตัวบ้านเป็นสัดส่วนก็คือห้องนอนและห้องน้ำของแม่บ้านที่จะอยู่ทางฝั่งหลังบ้านค่ะ

    ชั้น 2 – แบ่งพื้นที่ออกเป็นห้องนอน 3 ห้องที่มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง และมีพื้นที่นั่งเล่นอีกจุดหนึ่งบนชั้นนี้

    Solar Roof ที่ติดตั้งมาให้มีขนาด 2.2 KWP (1 เฟส) เป็นระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์แบบ On Grid จึงช่วยลดค่าไฟได้เฉพาะที่เปิดใช้ในช่วงกลางวันนะคะ ช่วงที่แสงอาทิตย์น้อยหรือกลางคืนจะต้องใช้ไฟจากการไฟฟ้าตามปกติค่ะ

    ประตูรั้วเป็นซี่เหล็กโปร่ง ทำให้บ้านไม่ดูทึบ คนภายนอกสามารถมองลอดเข้าไปในบ้านได้ ทางโครงการจึงออกแบบให้ไม่มีช่องเปิดเยอะในบริเวณที่ตรงกับประตูรั้ว หรือหากต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เราสามารถออกแบบสวนรอบบ้านให้ช่วยบังสายตาเพิ่มเติมได้นะคะ

    ขนาดที่ดินรอบบ้านนั้นขึ้นอยู่กับขนาดที่ดินของแต่ละแปลง เราสามารถเลือกขนาดแปลงที่ดินที่เหมาะกับเราได้ ในส่วนของสวนจะมีการปลูกหญ้าและต้นไม้ริมรั้ว พร้อมไม้ยืนต้น 1 ต้น มาให้เป็นมาตรฐาน

    พื้นที่จอดรถจะมีหลังคาบังแดดมาให้เพียงส่วนหนึ่ง มีความกว้าง 8.2 เมตร ลึก 3.8 เมตร จอดรถเรียงกันได้ 3 คัน ซึ่งในส่วนนี้ทางโครงการจะลงเสาเข็มความยาวเท่าตัวบ้านไว้ให้เลย จึงไม่ต้องกลัวพื้นทรุดแยกออกจากตัวบ้าน

    พื้นในส่วนที่เกินจากตัวบ้านจะลงเสาเข็มสั้น 6 เมตรไว้ให้ หากใครอยากต่อเติมหลังคาออกมาให้บังแดดรถได้เต็มคันก็แนะนำให้ลงเสาเข็มเพิ่มเติมหรือปรึกษาวิศวกรดูนะคะ

    ภายในที่จอดรถจะมีจุดรองรับการติดตั้ง EV Charger ได้สูงสุด 22kW. ไว้ให้ เพราะระบบไฟเป็นแบบ 3 เฟส (30/100) เลยค่ะ

    ภายในที่จอดรถจะมีตู้เก็บของพร้อมบานปิด ที่ใช้เก็บของที่มีความสูงมากๆ อย่างพวกไม้กวาดได้สบายเลย

    ประตูหลักหน้าบ้านจะอยู่ใต้ชายคาซึ่งเชื่อมต่อกับบริเวณที่จอดรถ ทำให้สามารถเดินเข้าบ้านได้สะดวกไม่ต้องกลัวฝนกลัวแดด โดยระดับของพื้นบ้านจะยกขึ้นจากส่วนอื่นๆ ช่วยป้องกันน้ำไหลย้อน, กันฝุ่นและสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ

    สเปกประตูบ้านเป็นกระจกบานสวิง พร้อมลูกฟักให้บรรยากาศแบบยุโรป มาพร้อมสัญญาณกันขโมย Magnetic Wireless Sensor ที่หน้าต่างและประตูทุกบานบริเวณชั้น 1

    เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับ Foyer เป็นลำดับแรก ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น จัดเป็นพื้นที่นั่งพักคอย, ที่นั่งถอดใส่รองเท้า หรือเป็นมุมตั้งโชว์ของสะสม Art Toy ที่เราชอบไว้ในบริเวณนี้ก็ได้

    ติดกับ Foyer เป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบเปิดโล่ง เรามองว่าแม้จะไม่ได้เป็นห้องปิดแต่ก็ได้ความเป็นสัดส่วนดีเลยนะคะ

    พื้นที่นั่งเล่นอยู่ในตำแหน่งเข้ามุมทำให้รับวิวสวนได้ 2 ฝั่งทั้งหน้า-ข้างบ้าน ให้บรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งโครงการให้ช่องเปิดมาเยอะจริงๆค่ะ รับแสงได้เต็มที่และยังเปิดรับลมได้ทั้ง 2 ฝั่งเลยด้วย

    พื้นที่นั่งเล่นรองรับชุดโซฟาขนาดใหญ่ 4-5 ที่นั่งได้สบาย มีระยะดูทีวีประมาณ 3.8 เมตร จึงสามารถใช้ทีวีขนาด 100″ ได้เลย

    Highlight ของบ้านขอยกให้กับ Double Volume สูง 6 เมตร ใครอยากติดแชนเดอเลียร์สวยๆ ในบ้าน อยากให้ลองพิจารณาที่นี่ดูนะคะ

    ถัดเข้ามาโซนหลังบ้านเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร รอบข้างดูโปร่งมากด้วยประตูกระจกและหน้าต่างบานใหญ่ทำให้เห็นวิวสวนรอบบ้าน และเปิดเชื่อมไปสวนได้ พื้นที่รับประทานอาหารรองรับโต๊ะขนาด 6 ที่นั่งได้พอดีๆ

    บริเวณหน้าต่างมีส่วนที่น่าสนใจคือ ช่องระบายอากาศ BREEZE PANEL ที่สามารถเปิดปิดได้ ช่วยถ่ายเทและระบายอากาศในตัวบ้านแม้ว่าเราจะไม่ได้เปิดประตู-หน้าต่าง โดยเฉพาะช่วงที่เราไม่อยู่บ้านแต่ไม่อยากให้บ้านอับหรืออบอ้าวจนเกินไป ลมจะสามารถพัดผ่านช่อง Breeze Panel ได้ค่ะ

    ติดกับพื้นที่ทานอาหารจะเป็นห้องนอนชั้นล่างและห้องน้ำส่วนกลาง

    ในส่วนของห้องน้ำสุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นแบบครบชุดเหมือนในบ้านตัวอย่าง มีการแยกพื้นที่ส่วนเปียก/แห้งไว้เป็นสัดส่วน แต่ถ้าใช้อาบน้ำเป็นประจำก็แนะนำให้ติดฉากกั้นกระจกหรือม่านกั้นอาบน้ำเพิ่มนะคะ ดูๆ แล้วห้องน้ำนี้ออกแบบมาให้เหมาะกับผู้สูงอายุที่ยังเดินเหินได้สะดวกค่ะ

    อ่างล้างหน้าเป็นแบบติดตั้งเข้ากับผนังของยี่ห้อ COTTO

    สุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก COTTO เหมาะจะใช้รับรองแขก เป็นหน้าเป็นตาให้กับเจ้าของบ้านได้ มาพร้อมสายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู่

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.8 x 1.5 เมตร หมุนตัวอาบน้ำได้สะดวก มาพร้อมชั้นวางของแบบฝังกับผนังมาให้เลย

    ห้องนอนชั้นล่างมีขนาดประมาณ 3.4 x 2.9 เมตร จะวางเตียงเดี่ยวหรือเตียง 5 ฟุตก็เพียงพอทั้งคู่ และยังเหลือพื้นที่สำหรับตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งด้วยค่ะ

    ห้องครัวจะถูกแยกไว้อีกฝั่งหนึ่งของตัวบ้านเลย เราว่าดีเลยนะคะ เพราะห้องครัวมักจะเป็นห้องที่มีเสียงดังและกลิ่นควันฉุนค่ะ

    พื้นที่อเนกประสงค์บริเวณหน้าห้องครัว สามารถทำเป็น Pantry สำหรับเตรียมอาหาร หรือทำเป็นตู้เก็บของก็ได้ตู้ขนาดใหญ่เลยทีเดียว หรือจะจัดเป็นมุมสำหรับสัตว์เลี้ยงเหมือนในบ้านตัวอย่างก็ดูเป็นสัดส่วนดีนะคะ

    ฝั่งตรงข้ามพื้นที่อเนกประสงค์จะมีห้องเก็บของใต้บันได ซึ่งมีขนาดใหญ่ใส่พวกกระเป๋าเดินทาง, ถุงกอล์ฟต่างๆ ได้สบายเลยค่ะ

    ห้องครัวที่ให้มาเป็นครัวปิดมีประตูติดตั้งมาให้ ภายในมีหน้าต่างบานใหญ่ใช้เปิดระบายกลิ่นควันได้สะดวก

    ภายในครัวจะมีเคาน์เตอร์ครัวพร้อมหน้าบานปิดและติดตั้งซิงค์ล้างจานของ Teka มาให้ เป็นมาตรฐาน ซึ่งซิงค์จะอยู่ในตำแหน่งที่ติดกับหน้าต่างเลย จึงเปิดระบายความชื้นได้ดี

    ตัวตู้ก็มีการเก็บดีเทลเล็กๆ น้อยๆ มาให้ครบครัน โดยจะมีการเว้นร่องให้สอดมือเข้าไปเปิดตู้ได้สะดวก และมีช่องระบายอากาศติดตั้งมาให้ด้วย

    ภายในห้องครัวจะมีพื้นที่สำหรับใช้เป็น Laundry Area ด้วย ซึ่งจะเชื่อมต่อกับประตูหลังบ้าน เพื่อให้ออกไปตากผ้าได้ง่าย

    เราสามารถออกแบบ Laundry Area เป็นสัดส่วนแบบบ้านตัวอย่างได้ ซึ่งบ้านมาตรฐานจะเดินงานระบบมารอไว้สำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า ในส่วนของชั้นวางของต่างๆ เราสามารถ Built-in ตามแบบที่เราชอบได้เลย

    ลานซักล้างหลังบ้านจะมีการปูเทพื้นคอนกรีตแบบ On Ground มีพื้นที่พอให้วางราวตากผ้าขนาดใหญ่ได้ แต่หากต้องการต่อเติมก็แนะนำให้ปรึกษาวิศวกรก่อนนะคะ ระดับของลานซักล้างจะต่ำกว่าตัวบ้านเพื่อกันน้ำไหลย้อนเข้าตัวบ้าน

    โซนหลังบ้านจะมีซิงค์ล้างหน้าอีกจุดหนึ่ง เพื่อรองรับการใช้งานของแม่บ้าน สำหรับห้องนอน, ห้องน้ำของแม่บ้านก็จะอยู่ในโซนหลังบ้านนี้นะคะ

    ถัดมาที่บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งมีความแข็งแรงและเวลาเดินก็จะไม่มีเสียงดังรบกวน ปิดผิวด้วยไม้สำเร็จรูป มาพร้อมราวกันตกและมือจับยาวไปตลอดแนวบันได หากใครต้องการติดตั้งโคมไฟระย้าบริเวณโถงบันไดก็สามารถทำได้นะคะ

    บริเวณชานพักมีหน้าต่างรับแสงและเปิดระบายอากาศได้ ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูสว่างและโปร่งโล่ง

    พื้นที่นั่งเล่นบนชั้น 2 ขนาดประมาณ 4 × 2 เมตร สามารถจัดเป็นพื้นที่พักผ่อนอีกจุดหนึ่งได้เลย เผื่อวันไหนมีแขกมาชั้นล่าง สมาชิกคนอื่นๆ ก็ยังพักผ่อนอยู่ชั้นบนได้อย่างเป็นส่วนตัว

    ซึ่งบริเวณนี้จะได้แสงธรรมชาติผ่านประตูกระจกบานใหญ่ หรือจะกั้นห้องเพิ่มความเป็นส่วนตัวก็ยังได้ แต่แนะนำให้เป็นผนังแบบกระจกเพื่อคงความโปร่งโล่งเอาไว้ค่ะ

    จากพื้นที่พักผ่อนบนชั้น 2 จะสามารถมองลงไปเห็นพื้นที่นั่งเล่นชั้นล่างและสวนรอบบ้านด้วย

    สำหรับห้องนอนทั้ง 3 ห้องบนชั้นนี้จะมีห้องน้ำในตัวทั้งหมด เราจะพาไปชมทีละห้องกันค่ะ

    ห้องนอนรอง 1 เป็นห้องฝั่งหลังบ้าน มีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะวางเตียง 5-6 ฟุต พร้อมโต๊ะหัวเตียงสองข้าง รวมถึงตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ครบครัน เรียกได้ว่ารองรับการใช้งานตั้งแต่เด็กยันโตได้เลย ภายในห้องได้หน้าต่างและประตูกระจก 2 ฝั่ง เปิดรับได้ทั้งแสงและลมธรรมชาติ

    ห้องน้ำในห้องนอนรอง 1 จะอยู่ด้านในสุดของห้อง ติดกับตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง จึงใช้งานเชื่อมต่อกันได้สะดวก

    ห้องน้ำส่วนกลางบนชั้น 2 มีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งเพื่อให้ใช้งานได้สะดวก แต่ก็แนะนำให้ติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มอีกนิดจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำกระเด็น พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.9×1.5 เมตร ใช้งานได้พอดีๆ มีหน้าต่างบานกระทุ้งไว้สำหรับเปิดระบายอากาศ

    ห้องนอนรอง 2 มีขนาดพอๆ กับห้องแรก แต่จัดแปลนแตกต่างกัน โดยห้องนี้จะวางห้องน้ำและโต๊ะเขียนหนังสือไว้บริเวณหน้าห้อง และดันเตียงนอนเข้าไปไว้ด้านในสุด ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

    ห้องน้ำแยกโซนเปียก-แห้งชัดเจน ขนาดห้องและวัสดุสุขภัณฑ์ต่างๆ จะเหมือนกันกับห้องก่อนหน้าเลย ใช้งานได้สะดวกดี

    พื้นที่วางเตียงนอนหากวางชิดผนังตามแบบในบ้านตัวอย่างก็ยังคงสามารถเลือกใช้เตียง 5-6 ฟุตได้ทั้งคู่ และยังมีพื้นที่รอบเตียงสำหรับตู้เสื้อผ้า, ชั้นวางทีวีได้ครบครัน

    ปิดท้ายแบบบ้าน Freesia ด้วย Master Bedroom ได้พื้นที่ขนาดใหญ่ทางฝั่งหน้าบ้านทำให้ได้ช่องแสงยาวตลอดแนวห้อง

    ภายในห้องนอนวางเตียงขนาด 6 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงไว้สำหรับวางโต๊ะเขียนหนังสือหรือชั้นวางทีวีได้อีกนะคะ ข้างเตียงจะมีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ทำให้ห้องดูโปร่งมากๆ

    จากหน้าต่างข้างเตียงจะสามารถมองลงไปเห็นพื้นที่รับแขกชั้นล่างและสวนได้ จุดนี้จึงเป็นมุมนั่งเล่นที่ได้วิวดีสำหรับเจ้าของบ้านค่ะ

    อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นพื้นที่กว้างๆ หน้าห้องน้ำที่เตรียมไว้ให้จัดเป็น Walk-in Closet ซึ่งบริเวณนี้จะมีกระจกบานใหญ่ให้เปิดรับลมรับแสงธรรมชาติได้ จึงเหมาะจะจัดโต๊ะเครื่องแป้งไว้ในโซนนี้เลย สำหรับ Walk-in Closet เหมาะจะวางตู้เสื้อผ้าเป็นตัว L ตามแบบในบ้านตัวอย่างเพื่อให้ไม่บังหน้าต่างค่ะ

      

    Master Bathroom มีขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นๆ เลยนะคะ นอกจากขนาดที่ใหญ่ขึ้นแล้วห้องนี้ก็จะมีอ่างอาบน้ำ Built-in มาให้ พร้อมโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ สำหรับพื้นที่อาบน้ำจะมีขนาดย่อลงมาหน่อยประมาณ 1 x0.9 เมตร

    อ่างอาบน้ำที่โครงการติดตั้งมาให้ของ COTTO ขนาดประมาณ 1.5×0.6 เมตร สามารถลงไปนอนแช่ได้ค่ะ


    แบบบ้านตัวอย่าง Camelia (คามิเลีย) 

    หากใครที่ต้องการบ้าน 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถเท่าเดิมแต่มีงบไม่ถึง 11 ล้านบาท ลองพิจารณาแบบบ้าน Camelia ดูค่ะ มีราคาเริ่มต้น 9.49 ล้านบาท แต่ห้องนอนรองชั้นบนทั้ง 2 ห้องจะต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกัน และไม่มี Foyer หน้าบ้านนะคะ ส่วนฟังก์ชันอื่นๆ ยังอยู่ครบ รองรับครอบครัวที่มีสมาชิก 5-6 คนและผู้สูงอายุค่ะ

    ตัวบ้านจอดรถในร่มได้ 3 คัน กว้าง 8.2 เมตร และลึก 4 เมตร พอๆ กับแบบแรกเลยค่ะ พื้นในส่วนที่มีหลังคาคลุมนี้จะลงเสาเข็มความยาวเท่าตัวบ้าน ส่วนที่เกินจากตัวบ้านจะลงเสาเข็มสั้นไว้ให้ หากใครอยากต่อเติมหลังคาออกมาให้บังแดดรถได้เต็มคันก็แนะนำให้ปรึกษาวิศวกรดูนะคะ

    บริเวณที่จอดรถจะมีจุดสำหรับติดตั้ง EV Charger ระบบไฟ 1 เฟส (30/100) รองรับการติดตั้ง EV Charger สูงสุด 22 kW. เลยค่ะ

    บ้าน Type นี้จะมีประตูโรงจอดรถเพิ่มขึ้นมาให้อีก 1 จุด อยู่ใต้หลังคาที่จอดรถจึงใช้งานได้สะดวก ไม่ต้องกลัวฝนตกแดดออก

    ในส่วนของประตูหลักจะออกแบบเป็นซุ้มโค้งที่มีความสูงพิเศษ ประตูเป็นบานสวิงเปิดได้กว้าง 0.8 เมตร มาพร้อมดีเทลลูกฟักให้บรรยากาศแบบยุโรป และพื้นบ้านจะยกระดับขึ้นจากพื้นที่ด้านนอกอยู่พอสมควรเพื่อป้องกันน้ำ, ฝุ่น, สัตว์เลื้อยคลานต่างๆ เข้าบ้านค่ะ

    เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นแบบ Double Volume สูง 6 เมตร โซนนี้สามารถวางโซฟาขนาด 3 – 5 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางได้แบบสบายๆ มีระยะดูทีวีประมาณ 3.6 เมตร ก็สามารถติดตั้งทีวีขนาดใหญ่แบบ 70-80″ ได้เลยค่ะ

    ส่วนที่เราชอบของบ้านหลังนี้คือ เราจะได้พื้นที่แบบ Double Volume ตั้งแต่โซนแรกเลย เมื่อเปิดประตูเข้าบ้านมาจึงรู้สึกถึงความโปร่งโล่งและโอ่อ่า อีกทั้งช่องแสงบริเวณนี้ยังเป็นช่องแสงที่มีความสูงจากพื้นจนเกือบถึงฝ้าเลย ได้วิวสวนรอบตัวบ้านด้วยค่ะ

    พื้นที่รับประทานอาหารจะอยู่ทางฝั่งหลังบ้าน วางโต๊ะขนาด 6-8 ที่นั่งได้สบายๆ รอบข้างดูโปร่งมากด้วยประตูกระจกและหน้าต่างบานใหญ่ทำให้เห็นวิวสวนรอบบ้าน

    อีกฝั่งหนึ่งของบ้านจัดฟังก์ชันเป็นห้องครัว, ห้องนอนชั้นล่าง, ห้องน้ำส่วนกลางและบันไดขึ้นชั้นบน เราสังเกตได้ว่าห้องครัวอยู่ใกล้ประตูฝั่งโรงจอดรถมากๆ เลย เวลาซื้อของเข้าครัวก็สามารถเดินเข้าไปวางได้ง่าย ไม่ต้องเดินไกลเลยค่ะ

    ห้องครัวที่ให้มาเป็นครัวปิดมีประตูติดตั้งมาให้ ภายในครัวจะมีเคาน์เตอร์ครัวพร้อมหน้าบานปิดมาให้เหมือนในบ้านตัวอย่างเลย มาพร้อมซิงค์ล้างจานที่ติดตั้งไว้ให้เป็นมาตรฐาน

     

    บ้านตัวอย่างจัดฟังก์ชันห้องนอนชั้นล่างไว้เป็นห้องดูหนังด้วยการใช้ม่านทึบแบบ Black Out ที่ช่วยบังแสงภายนอกได้ดี หากครอบครัวไหนไม่ได้มีผู้สูงอาศัยอยู่ด้วย ก็สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลายเลยนะคะ

    หากใครใช้เป็นห้องนอน ก็สามารถวางเตียง 3-5 ฟุตได้เพียงพอ บรรยากาศในห้องดูโปร่งเพราะได้หน้าต่าง 2 ฝั่ง รับแสง-ลมธรรมชาติได้เต็มที่และได้วิวสวนรอบบ้านด้วย

    ห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์แบบครบชุดเหมือนในบ้านตัวอย่างใช้ยี่ห้อ COTTO เป็นหลัก จุดที่พิเศษคือ สุขภัณฑ์จะได้แบบอัตโนมัติ เหมาะจะใช้รับแขก เป็นหน้าเป็นตาให้กับเจ้าของบ้าน

    ภายในห้องแยกพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งไว้ชัดเจน แต่ถ้าใช้อาบน้ำเป็นประจำก็แนะนำให้ติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มจะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นค่ะ

    ตำแหน่งของบันไดจะอยู่ติดกับประตูทางเข้าฝั่งโรงจอดรถเลยนะคะ เวลากลับบ้านในตอนกลางคืนก็สามารถเดินขึ้นบันไดได้สะดวก และมีห้องเก็บของใต้บันได ให้เก็บของชิ้นใหญ่อย่างพวกกระเป๋าเดินทางได้ด้วยค่ะ

    บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งมีความแข็งแรงและเวลาเดินก็จะไม่มีเสียงดังรบกวน ปิดผิวด้วยไม้สำเร็จรูป มาพร้อมราวกันตกและมือจับยาวไปตลอดแนวบันได

    ขึ้นมาบนชั้น 2 จะเป็นแนวทางเดินยาวๆ แบ่งห้องออกเป็น 2 ฝั่ง ปลายสุดทางเดินเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนก่อนแยกย้ายเข้าห้องนอน ในส่วนของฝ้าเพดานชั้น 2 สูง 2.6 เมตร ปูพื้นด้วยลามิเนตจึงต้องระวังเรื่องน้ำและความชื้นกันหน่อยนะคะ

    พื้นที่อเนกประสงค์เป็นมุมที่น่านั่งพักผ่อนมากเลย ดุโปร่งโล่งด้วยแสงธรรมชาติ มองออกไปก็เห็นวิวสวนด้วย พื้นที่มีขนาดประมาณ 3.6×2.4 เมตร จะจัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนของครอบครัว, มุมทำการบ้านของเด็กๆ หรือมุมทำงานอดิเรกตามแบบในบ้านก็ได้ ขึ้นอยู่ไลฟ์สไตล์เลยค่ะ

    จากพื้นที่อเนกประสงค์ก็สามารถมองลงมาเห็นพื้นที่นั่งเล่นชั้นล่างด้วยนะคะ เวลามีแขกไปใครมาเราก็เห็นได้ตั้งแต่บนชั้น 2 เลยค่ะ หรือใครที่อยากติดแชนเดอเลียร์สวยๆ ก็แนะนำบริเวณ Double Volume นี้เลย

    ภายในห้องนอนรอง 1 มีพื้นที่เพียงพอสำหรับวางเตียง 5 ฟุตได้ หรือหากใช้เตียงเดี่ยวก็จะเหลือพื้นที่ให้วางตู้เก็บของเพิ่มขึ้นได้อีก ภายในห้องมีหน้าต่าง 2 ฝั่งช่วยระบายอากาศได้ดี

    ห้องนอนรอง 2 ก็มีขนาดพอๆ กัน มีพื้นที่เพียงพอสำหรับวางเฟอร์ฯ ที่จำเป็นสำหรับเด็กๆ

    ห้องนอนรองทั้ง 2 ห้องจะต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกันนะคะ ภายในห้องน้ำมีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งเพื่อให้ใช้งานได้สะดวก แต่ก็แนะนำให้ติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มอีกนิดจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำกระเด็น มาพร้อมสุขภัณฑ์ครบครัน และกระจกบานใหญ่ช่วยให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้น

    ปิดท้ายกันด้วย Master Bedroom เป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่สุดในบ้าน จึงสามารถวางเตียง 6 – 7 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่รอบเตียงให้เดินผ่านได้สะดวก ปลายเตียงสามารถวางชั้นวางทีวีได้ด้วยนะคะ

    ตำแหน่งของ Walk – in closet จะอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำเลย จึงใช้งานเชื่อมต่อกันได้ง่าย บริเวณนี้จะมีกระจกบานใหญ่ให้เปิดรับลมรับแสงธรรมชาติได้ จึงเหมาะจะจัดโต๊ะเครื่องแป้งไว้ในโซนนี้เลย จากแปลนห้องทำให้เราสามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าเต็มผนังฝั่งหนึ่งจึงเก็บเสื้อผ้าได้เยอะ

    Master Bathroom จัดฟังก์ชันมาครบครัน สุขภัณฑ์ต่างๆ ให้มาครบเหมือนเดิม ที่พิเศษกว่าห้องอื่นๆ คือ สุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติของ COTTO ค่ะ

     

    พื้นที่อาบน้ำแบ่งโซนไว้เป็นสัดส่วน แนะนำให้ติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มอีกนิดก็จะใช้งานได้สะดวกขึ้น มีขนาด 1.46×0.9 เมตร พอให้หมุนตัวอาบน้ำได้สะดวก

    อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจใน Master Bedroom ก็คือ หน้าต่างในห้องนอนที่เปิดให้เห็นห้องนั่งเล่นชั้นล่างแบบ Double Volume ได้เลย ช่วยให้ห้องดูโปร่งขึ้น และเวลามีแขกไปใครมาก็มองเห็นได้สะดวกด้วยค่ะ


    แบบบ้านตัวอย่าง Verbena (เวอบีน่า)

    Image 1/21
    แบบบ้านตัวอย่าง Verbena (เวอบีน่า) การจัดแปลนและฟังก์ชันจะคล้ายแบบ Freesia (ฟีเซีย) เลย แต่บ้านนี้จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่ขึ้น และราคาเริ่มต้น 13.99 ล้านบาทค่ะ

    แบบบ้านตัวอย่าง Verbena (เวอบีน่า) การจัดแปลนและฟังก์ชันจะคล้ายแบบ Freesia (ฟีเซีย) เลย แต่บ้านนี้จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่ขึ้น และราคาเริ่มต้น 13.99 ล้านบาทค่ะ

    ราคา

    SARANSIRI SALAYA – PINKLAO (สราญสิริ ศาลายา – ปิ่นเกล้า) ราคา ณ วันที่ 28 เมษายน 2567

    • Camelia (คามิเลีย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 52 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 206 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ห้องนั่งเล่น / 3 ที่จอดรถ
      – ราคาเริ่ม 9.49 ล้านบาท
    • Freesia (ฟีเซีย) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 62 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
      – ราคาเริ่มต้น 10.99 ล้านบาท
    • Verbena (เวอบีน่า) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 68 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 285 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
      – ราคาเริ่มต้น 13.99 ล้านบาท
    • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.วา/เดือน (44 บาทดูแลภายในโครงการ และ 1 บาทสำหรับถนนส่วนกลางบริเวณทางเข้าโครงการ)

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ที่ตั้งโครงการสราญสิริ ศาลายา-ปิ่นเกล้าอยู่บนถนนสำเร็จพัฒนา ซึ่งเชื่อมต่อไปทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้หลายเส้นทางทั้ง ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนบรมราชชนนี, ถนนหลังม. มหิดล โซนศาลายา และมีตัวช่วยในการเดินทางอย่างทางพิเศษศรีรัช วงแหวนราบนอกที่ใช้เชื่อมไปโซนจตุจักรได้เลย

    อีกประเด็นหนึ่งคือ โซนนี้กำลังมีแผนพัฒนาในอนาคตอยู่หลายโครงการ อย่างเช่น ถนนสายใหม่ที่จะเชื่อมต่อถนนนครอินทร์-ศาลายา กม. 12 และ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีแดงอ่อน ต่อขยายมาจากสถานีตลิ่งชัน ซึ่งน่าจะมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 3.1 km. เท่านั้นค่ะ

    ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ให้ของดีสมราคา โครงการของแสนสิริจะมีระบบ LIV-24 เป็นเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้งานรักษาความปลอดภัยรัดกุมขึ้น รวมถึงช่วยตรวจสอบความผิดปกของระบบ Facility ส่วนกลาง เพื่อเข้าบำรุงก่อนเกิดความเสียหาย ในส่วนของตัวบ้านจะมี Magnetic Wireless Sensor หน้าต่างและประตูทุกบานบริเวณชั้น 1 ค่ะ

    การออกแบบโครงการ : ได้ความเป็นส่วนตัวสูง ทุกซอยมีเพื่อนบ้านเพียง 2-4 ยูนิต เท่านั้น ทำให้ทุกหลังได้เป็นแปลงมุม ถือว่าเป็นส่วนตัวมากกว่าโครงการอื่นๆ ในละแวกนี้ ในส่วนของ Clubhouse และสวน วางไว้กลางโครงการ อยู่ติดถนนหลักจึงเข้าถึงได้สะดวก และทิศทางของบ้านทุกหลังจะหันทางทิศเหนือ-ใต้ เป็นหลัก ซึ่งเป็นทิศยอดนิยมอยู่แล้วค่ะ

    การออกแบบตัวบ้าน : แตกต่างจากโครงการอื่นด้วยสไตล์ Urban Framhouse ได้บรรยากาศแบบยุโรป จัดฟังก์ชัน 4 ห้องนอน พร้อมห้องนอนชั้นล่างทุกแบบบ้าน รองรับได้ตั้งแต่ครอบครัวขนาดกลาง พ่อแม่ลูก ไปจนถึงครอบครัวใหญ่ที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย แบบสมาชิก 5-6 คนได้เลย ที่ชอบคือบ้านทุกหลังจะได้ที่จอดรถ 3 คัน เมื่อลูกโตก็ยังมีที่จอดรถสำหรับลูกๆได้ หรือเวลามีแขกมาหาก็จะได้ไม่ต้องจอดนอกรั้วบ้าน

    อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ ห้องนั่งเล่นแบบฝ้าเพดานสูง (Double Volume) ถึง 6 เมตร ซึ่งหน้าต่างโดยรอบก็ได้มาใหญ่จากพื้นเกือบจรดฝ้าด้วยเช่นกัน ทำให้มองออกไปเห็นสวนรอบๆ บ้านได้ชัดเจน และภายในบ้านก็ดูโปร่งโล่งด้วยค่ะ

    วัสดุ : วัสดุส่วนใหญ่ให้มาตามมาตรฐาน ส่วนที่ชอบคือนวัตกรรมในบ้านที่ติดตั้งมาให้ทั้ง Breeze Panel ระบบถ่ายเทอากาศภายในตัวบ้าน ลดความอับชื้น, หลังคา Solar Roof ช่วยลดค่าไฟในเวลากลางวัน และไฟบ้าน 3 เฟส (30/100) รองรับการติดตั้ง EV Charger ได้สูงสุดถึง 22 kW. เลยค่ะ

    พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : บรรยากาศดีมากเหมือนอยู่ยุโรป ทั้งงานสถาปัตยกรรมและ Landscape ถ้ารอให้ต้นไม้ตามแนวถนนหลักแผ่กิ่งก้านอีก 1-2 ปี น่าจะได้เห็นอุโมงค์ต้นไม้เป็นทางยาวมาจนถึง Clubhouse เลยค่ะ

    สาธารณูปโภค : จัดเต็มมากๆ เลย โดยหลักๆ จะอยู่ที่ Clubhhouse และสวนส่วนกลางขนาดประมาณ 1 ไร่ รองรับการใช้งานทั้งผู้ใหญ่, เด็ก และผู้สูงอายุ เราชอบที่แต่ละฟังก์ชันมีขนาดค่อนข้างใหญ่ อย่างสระว่ายน้ำก็มีความยาวถึง 30 เมตร เกิน Half Olympic ไปอีกนะคะ โดยโครงการเก็บค่าส่วนกลาง 45บาท/ตร.ว./เดือน ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ เพราะแชร์กับลูกบ้านเพียง 161 ยูนิตเท่านั้นค่ะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับแพคเกจ 9-13 ล้านบาท, 28 เมษายน 2567

    • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7/10 – เชื่อมต่อถนนใหญ่หลายเส้นทาง ขึ้นทางด่วนสะดวก
    • ความปลอดภัย 8/10 – LIV-24 และ Magnetic Wireless Sensor ในบ้าน
    • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – เป็นส่วนตัวสูง, มี Double Volume, 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถทุกแบบบ้าน
    • วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้ และมี Solar Roof, Breeze Panel และไฟบ้านรองรับ EV Charger 22 kW.
    • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.25/10 – สวย ออกแบบมาในสไตล์ Ueban Farmhouse
    • สาธารณูปโภค 8/10 – ฟังก์ชันจัดเต็ม Clubhouse ขนาดใหญ่
    • 7.73 / 10.00

    SARANSIRI SALAYA – PINKLAO (สราญสิริ ศาลายา – ปิ่นเกล้า)เหมาะกับใคร

    โครงการ SARANSIRI SALAYA – PINKLAO (สราญสิริ ศาลายา – ปิ่นเกล้า) เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง-ใหญ่ที่มองหาบ้านเดี่ยวในโซนศาลายา ในฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถ ให้ความสำคัญเรื่องบรรยากาศภายในโครงการ ชอบสไตล์ Urban Farmhouse เหมือนอยู่หมู่บ้านในยุโรป

    และยังเหมาะกับคนที่ชอบโครงการที่ให้ความเป็นสวนตัวสูง แต่ละซอยมีเพื่อนบ้านไม่เยอะ มองหาบ้านที่ใกล้ชิดธรรมชาติ มีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่มองเห็นสวนรอบบ้าน และมี Double Volume ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่ง ชอบโครงการที่มีเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม รวมถึงมีเทคโนโลยีในบ้านเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ในราคาช่วง 9-13 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนเริ่มต้น 66,000 บาท/เดือน


    Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

    โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

    เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่