[รีวิวฉบับที่ 2762] บ้านนี้อยู่แล้วดี ช่วยดูแลสุขภาพของสมาชิกทุกช่วงวัยในครอบครัว วันนี้เราพามาชม PINE WELLNESS RESIDENCE PRACHACHUEN (ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 3 ชั้น ที่แตกต่างจากโครงการอื่น เพราะเน้นใส่ใจและดูแลสุขภาพของลูกบ้านแบบยั่งยืน เริ่ม 12-20 ล้านบาท*
บ้านแบรนด์ใหม่ จาก พฤกษา ที่ร่วมมือกับ รพ.วิมุต เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม บ้านรองรับ 3 Generation ด้วยการออกแบบ Universal Design ทั้งส่วนกลางและภายในบ้าน เพื่อรองรับการใช้งานของคนทุกวัย รวมถึงมีฟังก์ชันที่น่าสนใจอย่าง Concierge Service และ Wellness Room ห้องเพื่อรองรับบริการให้คําปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ* ที่มักจะเห็นในคอนโดหรู อีกทั้งมี British Backyard สวนส่วนกลางด้านหลังบ้าน ทำให้ได้วิวสวนสีเขียวที่สวยงามตลอดเวลา จะมาใช้งานก็ง่าย ที่ถือเป็นฟังก์ชันที่เราไม่เคยเห็นในโครงการอื่นเลยค่ะ
- บ้านใกล้ทางด่วน รถไฟฟ้าและรร.นานาชาติ ISB ตั้งอยู่บนเส้นสามัคคี เชื่อมต่อถนนหลายสาย สามารถอยู่อาศัยและใช้ชีวิตได้สะดวกสบาย ไปทำงานหรือเรียนก็ง่าย
- ออกแบบด้วยแนวคิด Universal Design รองรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ มีทางลาดทั่วทั้งส่วนกลาง, ลิฟต์โดยสาร, ห้องน้ำพร้อมพื้นที่อาบน้ำ ติดตั้งอุปกรณ์ราวจับ-เก้าอี้อาบน้ำมาเรียบร้อย และ Senior Zone รวมถึงมีมีห้องนอนชั้นล่างทุกหลัง
- Health & Wellness Service จาก รพ.วิมุต บริการให้คําปรึกษาและกิจกรรมเพื่อสุขภาพที่ทางโครงการร่วมมือกับทาง รพ.วิมุต
- Concierge Service ผู้ช่วยส่วนตัวเรื่องการจัดการอํานวยความสะดวกและบริการอื่นๆ เฉพาะลูกบ้านเท่านั้น
หากใครสนใจก็สามารถนัดหมายเข้าเยี่ยมโครงการได้ที่นี่เลยค่ะ
ข้อมูลโครงการ
PINE WELLNESS RESIDENCE PRACHACHUEN (ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น) ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2567
ชื่อโครงการ | PINE WELLNESS RESIDENCE PRACHACHUEN (ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จํากัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | UPPER – HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนสามัคคี ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี |
ที่ดิน | 11-1-49.6 ไร่ |
จำนวนยูนิต | จำนวน 62 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | VIRGINIA PINE ชั้น 1 : 2.75 เมตร / ชั้น 2 : 2.70 เมตร / ชั้น 3 : 2.60 เมตร MONTEREY PINE ชั้น 1 : 2.75 เมตร / ชั้น 2 : 2.70 เมตร / ชั้น 3 : 2.60 เมตร |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2566 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2568 |
เว็บไซต์โครงการ | คลิกที่นี่ |
Call Center | 1739 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlight
- ตั้งอยู่บนเส้นสามัคคี เชื่อมไปถนนติวานนท์ แจ้งวัฒนะและประชาชื่นได้ง่าย
- ทำเลมีความเป็นชุมชนสูง แต่ได้บรรยากาศภายในโครงการสงบ ตัวโครงการอยู่ด้านใน มีระยะห่างจากถนน จึงทำให้ได้บรรยากาศที่สงบและเป็นส่วนตัว รวมถึงสามารถหาซื้อของกินของใช้ได้สบาย
- บ้านใกล้ทางด่วน รถไฟฟ้าและรร.นานาชาติ สามารถอยู่อาศัยและใช้ชีวิตได้สะดวกสบาย ไปทำงานหรือเรียนก็ง่าย
พิกัด Google Maps : 13.884440332298833, 100.52447122492522
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
PINE WELLNESS RESIDENCE PRACHACHUEN (ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น) อยู่บนทำเลชานเมืองแถบนนทบุรีที่มีความเป็นชุมชนสูง ทำให้โดยรอบโครงการเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านพักอาศัยและอาคารพาณิชย์ โดยโครงการตั้งอยู่บนถนนสามัคคี ที่เชื่อมระหว่างถนนติวานนท์และถนนประชาชื่น มีระยะห่างจากโครงการถึงเส้นติวานนท์ประมาณ 1.4 กิโลเมตรและห่างจากถนนประชาชื่น 3 กิโลเมตร อีกทั้งยังเดินทางด้วยถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ดไปยังเส้นแจ้งวัฒนะได้ มีระยะ 3.3 กิโลเมตร ทำให้เราสามารถเดินทางเชื่อมต่อบนทำเลได้สะดวกสบาย รวมถึงใกล้ทางพิเศษศรีรัช 4.9 กิโลเมตร และทางยกระดับอุตราภิมุขระยะ 7.2 กิโลเมตร ทำให้คนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักก็เดินทางได้ง่าย
ส่วนการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะจะมีจุดขึ้นวินมอเตอร์ไซค์อยู่บริเวณต้นถนนสามัคคี มีรถแท็กซี่ผ่านไป-มาให้เราเรียกใช้บริการกันได้ง่ายและมีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีสามัคคี เป็นตัวเลือกในการเดินทาง เพื่อเดินทางเชื่อมไปทั้ง MRT สายสีม่วงและสายสีน้ำเงินด้วยค่ะ
สำหรับความอุดมสมบูรณ์ของโครงการจะค่อนข้างคึกคัก ฝั่งตรงข้ามโครงการมี CJ Supermarket ถัดไปมี 7-11 ให้มาซื้อของได้ 24 ชม. อีกทั้งใกล้ๆโครงการจะมี Community mall ชื่อ Oasis ด้านในมี Lotus’s Go Fresh, ธนาคารและร้านอาหารหลายร้าน ทำให้มาเดินเล่น จับจ่ายใช้สอยกันได้สะดวกเลย หากใครต้องการช้อปปิ้ง พวกห้างร้านต่างๆที่ใกล้ๆหน่อยจะอยู่บนเส้นถนนแจ้งวัฒนะและงามวงศ์วานทั้ง The Mall Lifestore งามวงศ์วาน, Pantip งามวงศ์วาน, Charn At The Avenue Chaengwattana, Central แจ้งวัฒนะ, Makro แจ้งวัฒนะและ Lotus’s แจ้งวัฒนะ เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีโรงเรียนนานาชาติชื่อดังทั้ง ISB International School และ St.Andrews Samakee International School ในระยะไม่เกิน 2 กิโลเมตร ส่วนโรงพยาบาลจะมีทั้งโรงพยาบาลนนทเวช, โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลและโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่นในระยะไม่เกิน 10 กิโลเมตรค่ะ
ทางพิเศษศรีรัช
ทางด่วนที่ใกล้โครงการจะมีทั้งทางพิเศษศรีรัชและทางยกระดับอุตราภิมุข จึงทำให้เดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวกมากๆ
- ทางพิเศษศรีรัช : เดินทางจากโครงการและเข้าซอยประชานิเวศน์ 3 เชื่อมออกมาใต้ทางด่วนเพื่อมายังบริเวณเส้นงามวงศ์วาน จะเจอกับจุดขึ้นทางด่วนมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 4.9 กิโลเมตร จึงเดินทางเข้าเมืองไปจตุจักร พญาไทและสีลม-สาทร
- ทางยกระดับอุตราภิมุข : ห่างจากโครงการประมาณ 7.2 กิโลเมตร โดยเดินทางเข้าซอยประชานิเวศน์ 3 เชื่อมมาออกถนนงามวงศ์วานและขับตรงไปถนนวิภาวดีรังสิต จะเจอจุดขึ้นทางด่วน เพื่อเดินทางไปโซนดอนเมือง-รังสิตได้เลย
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ PINE WELLNESS RESIDENCE PRACHACHUEN (ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น) มีความเป็นชุมชนสูง ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ที่ดินเปล่า บ้านพักอาศัยและโครงการจัดสรร รวมถึงเส้นสามัคคีจะเชื่อมต่อถนนติวานนท์ แจ้งวัฒนะและประชาชื่นได้ ทำให้บรรยากาศของทำเลมีความคึกคักค่ะ แต่ทางโครงการออกแบบให้ตัวโครงการอยู่ด้านใน มีระยะห่างจากถนน จึงทำให้ได้บรรยากาศที่สงบและเป็นส่วนตัวมากขึ้น
- ทิศเหนือ ติดกับ อาคารพาณิชย์และอพาร์เม้นท์ 7 ชั้น
- ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านพักอาศัยแนวราบ
- ทิศใต้ ติดกับ ที่ดินเปล่า
- ทิศตะวันตก ติดกับ Plum Condo สามัคคี สูง 8 ชั้น
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า
- The Mall Lifestore งามวงศ์วาน ~ 5.1 กม.
- Charn At The Avenue Chaengwattana ~ 6.1 กม.
- Central แจ้งวัฒนะ ~ 8 กม.
- IMPACT Arena เมืองทองธานี ~ 9.6 กม.
- Central ลาดพร้าว ~ 11.9 กม.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลนนทเวช ~ 5.2 กม.
- โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ~ 6.2 กม.
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่น ~ 7.3 กม.
- โรงพยาบาลวิภาวดี ~ 10.7 กม.
โรงเรียน
- ISB International School ~ 1.2 กม.
- St.Andrews Samakee International School ~ 1.5 กม.
- มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต ~ 3.3 กม.
- Hampton International School ~ 6.3 กม.
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 7.3 กม.
- Harrow International School Bangkok ~ 11.8 กม.
- Denla British School (DBS) ~ 12.3 กม.
รายละเอียดโครงการ
Highlight
- ออกแบบมาเพื่อครอบครัวที่มีสมาชิกหลายช่วงวัย โดยเฉพาะมีผู้สูงอายุ มีทางลาดทั่วทั้งส่วนกลาง, ลิฟต์โดยสาร, ห้องน้ำพร้อมพื้นที่อาบน้ำ ติดตั้งอุปกรณ์ราวจับ-เก้าอี้อาบน้ำมาเรียบร้อย และ Senior Zone
- ฟังก์ชันส่วนกลางที่น่าสนใจที่ไม่ค่อยเห็นในบ้านแนวราบ ได้แก่ Concierge Service คอยอำนวยความสะดวก, Wellness Room ห้องรองรับการบริการให้คําปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ* จาก รพ.วิมุต และ British Backyard สวนหลังบ้านพักอาศัย
- Health & Wellness Service จาก รพ.วิมุต ในการดูแลและเสนอกิจกรรมเพื่อสุขภาพที่ทางโครงการร่วมมือกับทาง รพ.วิมุต ทำให้ลูกบ้านวางใจในเรื่องสุขภาพได้เลย
- Concierge Service ผู้ช่วยส่วนตัวเรื่องการจัดการอํานวยความสะดวกและบริการอื่นๆ เฉพาะลูกบ้านเท่านั้น
- บ้านส่วนใหญ่หันหน้าทางทิศเหนือ-ใต้ ไม่โดนแดดโดยตรงและได้ลมดี
PINE WELLNESS RESIDENCE PRACHACHUEN (ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น) เป็นโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 3 ชั้น ในสไตล์ British Timeless Elegance บนที่ดินประมาณ 11 ไร่ รวมทั้งหมด 62 ยูนิต ซึ่งออกแบบภายใต้แนวคิด Multigeneration Wellness Cluster Residence ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากต้นสน Bristlecone Pine ต้นไม้ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก เน้นการออกแบบเพื่อความสุขที่ยั่งยืนของทุกคนในบ้าน โดยได้รับคำปรึกษาร่วมกับทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของรพ.วิมุต
นอกจากนั้นยังมีส่วนกลางที่น่าสนใจอย่าง Concierge Service ที่เราไม่ค่อยเห็นในโครงการบ้านแนวราบ, Wellness Room ห้องรองรับการบริการให้คําปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ* จาก รพ.วิมุต และ British Backyard สวนหลังบ้านที่ทั้งเพิ่มระยะห่างจากเพื่อนบ้านแล้ว ยังได้วิวสวนสีเขียวและมาใช้งานได้ง่ายค่ะ ซึ่งถือเป็นการออกแบบที่เราไม่เคยเห็นในโครงการอื่นเลยค่ะ โดย Highlight ของการจัดวาง Master Plan มีดังนี้
- ตัวโครงการตั้งอยู่ด้านใน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศที่ไม่พลุกพล่าน เงียบสงบ เหมาะแก่การอยู่อาศัยมากขึ้น
- พื้นที่ส่วนกลางบริเวณด้านหน้าโครงการ อาคาร Clubhouse เป็นมุมต้อนรับที่สวยงามเวลาขับรถเข้า-ออกโครงการ อีกทั้งเชื่อมต่อกับสวนสีเขียวจึงใช้งานได้ต่อเนื่องและเพิ่มบรรยากาศร่มรื่นภายในโครงการ
- British Backyard สวนส่วนกลางอยู่ด้านหลังบ้าน ถือเป็นการออกแบบที่เราไม่เคยเห็นในโครงการอื่นมาก่อนเลย ทำให้ลูกบ้านได้พื้นที่สีเขียวด้านหลังบ้าน ใช้งานส่วนกลางได้ง่าย และเพิ่มระยะห่างด้านหลังบ้าน
- การจัดตำแหน่งบ้าน ออกแบบแบ่งโซนบ้านในโครงการชัดเจน โดยบ้านเดี่ยวจะอยู่โซนด้านหน้าโครงการ ติดถนนหลักเข้า-ออกโครงการได้ง่าย ส่วนบ้านหลังกลางอยู่บริเวณตรงกลางโครงการ สามารถมาใช้ส่วนกลางได้ง่าย และบ้านหลังเล็กสุดจะอยู่ด้านหลังสุดของโครงการ จึงมีรถผ่านไปมาน้อย น่าสนใจที่มีโซนบ้านใกล้ส่วนกลางให้เลือกด้วย
- ทิศของบ้าน ส่วนใหญ่หันขนานไปตามทิศเหนือและใต้ที่ไม่โดนแดดโดยตรง โดยบ้านที่หันไปทางทิศเหนือจะได้ร่มเงาช่วงบ่าย ส่วนบ้านที่หันไปทางทิศใต้ก็เปิดรับลมได้ดีค่ะ
ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ
เริ่มกันที่ซุ้มประตูทางเข้าโครงการกันเลย โดยออกแบบซุ้มประตูมีระยะร่นจากถนนด้านหน้าโครงการ ทำให้การจราจรไม่ติดขัดตรงถนนด้านหน้าโครงการ อีกทั้งมีป้ายชื่อโครงการขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากถนน พร้อมจัดสวนสีเขียวไว้สวยงามตลอดแนวถนน สร้างบรรยากาศร่มรื่นเวลาเข้า-ออกโครงการ
ซุ้มประตูทางเข้าโครงการมีขนาดใหญ่ด้วยดีไซน์ในสไตล์ British Timeless Elegance ดูสวยงามและสร้างความประทับใจแรกได้ดี พร้อมออกแบบมีหลังคาเพื่อช่วยกันแดดและฝน สำหรับประตูทางเข้า-ออกโครงการเป็นรั้วกั้นไม้กระดกและรั้วเหล็กรางเลื่อน แบ่งใช้งานเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 1 ช่องทาง เพื่อแยกการใช้งานระหว่างลูกบ้านและแขก โดยมีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลาง ส่วนระบบเข้า-ออกโครงการแบบ Bluetooth ระยะไกลเหมือนระบบ Easy Pass ทำให้ลูกบ้านสามารถขับเข้า-ออกโครงการได้เลย ส่วนแขกที่มาเยี่ยมจะต้องติดต่อตรงป้อม รปภ. ก่อนนะคะ
นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง, ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 20 จุด พร้อมรั้วทึบรอบโครงการสูง 3 เมตร ต่อด้วยเหล็กแหลมหรือระแนงสูง 0.60 เมตร ช่วยรักษาความปลอดภัยในโครงการด้วย ส่วนถนนหลักและภายในโครงการกว้าง 9 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่รถยนต์สามารถขับสวนกันได้ พร้อมปลูกต้นไม้ตลอดแนวถนน ช่วยนำสายตาเข้าไปด้านในโครงการได้ดีค่ะ
เมื่อเข้ามาภายในโครงการจะเจอกับพื้นที่ส่วนกลางอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการเลย โดยออกแบบเป็นอาคารสูง 3 ชั้นในสไตล์ British Timeless Elegance เน้นโทนสีขาว-เทาเข้ม พร้อมหน้าต่างสูงโปร่ง ตีตารางลูกฟักและกรอบสีดำ อีกทั้งยังใช้เส้นโค้งเพิ่มลูกเล่นและความอ่อนนุ่มให้ตัวอาคารไม่ดูเรียบหรือแข็งจนเกินไป
ทางเข้า Clubhouse
ทางเข้า Clubhouse ออกแบบเป็นพื้นยกสูงขึ้นมานิดนึง แต่ก็มีออกแบบทางลาดอยู่บริเวณด้านข้าง ซึ่งเป็นการออกแบบตามหลัก Universal Design ที่ดี เพื่อรองรับการใช้งานได้ทุกวัย ทำให้ทั้งครอบครัวสามารถมาใช้งานส่วนกลางได้พร้อมหน้าพร้อมตากันนั่นเอง
Clubhouse
เมื่อเข้ามาภายใน Clubhouse จะเจอกับโซนลิฟต์โดยสารและบันไดเพื่อขึ้นไปยังชั้น 2-3 ได้สะดวก ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าพาคุณปู่ คุณย่าที่นั่งวีลแชร์มาจะได้ใช้งานอยู่แค่ชั้น 1 เพราะมีลิฟต์คอยอำนวยความสะดวกและขึ้นไปใช้งานฟังก์ชันอื่นๆในชั้นบนได้ค่ะ
Lobby
Lobby ของโครงการมีออกแบบเป็นพื้นที่ Double Volume สร้างบรรยากาศโปร่งโล่งภายใน Clubhouse ประกอบกับหน้าต่างกระจกตลอดแนวผนังเป็นรูปตัว L สูงไปถึงชั้น 2 ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติ รวมถึงเปิดรับวิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำที่อยู่ติดกับอาคาร Clubhouse ด้วย จึงได้บรรยากาศที่ผ่อนคลายมากๆ อีกทั้งโครงการได้จัดมุมโต๊ะนั่งมาหลากหลายรูปแบบให้ลูกบ้านสามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการเลย
ถัดจากพื้นที่ Lobby จะเจอกับฟังก์ชันส่วนกลางพิเศษอย่าง Concierge Room ที่เรามักจะเห็นฟังก์ชันนี้ในคอนโดหรูและไม่ค่อยเจอในโครงการบ้านแนวราบเลยนะคะ สำหรับ Concierge Service เป็นบริการเพื่อดูแลอำนวยความสะดวกลูกบ้าน โดยจะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ที่โครงการในเวลาทำการ ซึ่งทางลูกบ้านก็สามารถติดต่อใช้บริการ เช่น การทำความสะอาด บริการซ่อมแซมต่างๆ เรียกรถโดยสารและจองตั๋วโรงแรมหรือสนามบิน เป็นต้น
สำหรับโซนห้องน้ำส่วนกลางจะอยู่ถัดจาก Concierge Room เลย โดยออกแบบห้องน้ำแบ่งฝั่งชาย-หญิงมาเรียบร้อย รวมถึงมีห้องน้ำแบบ Universal Design ด้วยค่ะ
ห้องน้ำส่วนกลาง
ภายในห้องน้ำหญิงออกแบบแบ่งเป็นห้องน้ำ 1 ห้องและห้องอาบน้ำ 1 ห้อง พร้อมเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ ทำให้ลูกบ้านสามารถมาอาบน้ำล้างตัวหลังว่ายน้ำเสร็จได้ ตอนแรกเราคิดว่าทางโครงการออกแบบห้องน้ำมาน้อยเกินไปนะ แต่จริงๆมีห้องน้ำอยู่บริเวณชั้น 3 อีกจุดด้วย ถือว่าเป็นการออกแบบกระจายการใช้งานได้ดี เพราะคนที่ใช้งานส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 3 ก็ไม่ต้องลงมาที่ชั้น 1 เพื่อเข้าห้องน้ำค่ะ
ห้องน้ำ Universal Design
เนื่องจากโครงการนี้เน้นความเป็น Wellness อยู่แล้ว ห้องน้ำนี้จึงออกแบบตามหลัก Universal Design ที่ดี รองรับการใช้งานของคนทุกวัย โดยเลือกใช้เป็นประตูบานเลื่อนที่เปิด-ปิดได้ง่ายและมีขนาดใหญ่ให้สามารถเข็นวีลแชร์เข้าไปในห้องน้ำได้เลย ภายในห้องน้ำก็มีพื้นที่กว้างจึงเข็นหมุนวีลแชร์ได้สะดวก พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์ที่มีความโค้งมนและอุปกรณ์ราวจับต่างๆ เพื่อช่วยพยุงเวลาลุก-นั่งได้ง่ายด้วยค่ะ
นอกจากนั้นยังออกแบบพื้นที่อาบน้ำพร้อมเก้าอี้นั่งอาบน้ำและราวจับด้วยค่ะ ซึ่งปกติเราไม่เคยเห็นห้องน้ำที่ได้พื้นที่อาบน้ำในส่วนกลางแบบนี้เลยนะ ทำให้ลูกบ้านสามารถพาคุณปู่ คุณย่ามาออกกำลังกายในน้ำและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เลยนั่นเอง
สระว่ายน้ำ
บริเวณด้านข้างของ Lobby จะมีประตูเปิดออกไปยังสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 3.70×9.70 เมตร ลึก 1.20 เมตร โดยทางโครงการออกแบบเป็นสระกลางแจ้งที่แดดจะแรงหน่อยหากมาใช้งานในตอนกลางวัน เราจึงมองว่าเหมาะว่ายน้ำเล่นในช่วงเช้าและเย็นมากกว่า แต่สำหรับสระเด็กขนาด 1.90×3.70 เมตร ลึก 0.60 เมตร จะมีหลังคายื่นบังแสงแดดได้บางส่วนจึงสามารถมาว่ายน้ำตอนกลางวันได้อยู่ค่ะ
ส่วนบริเวณด้านข้างจะมีพื้นที่นั่งริมสระว่ายน้ำอยู่ล้อมสระว่ายน้ำเป็นรูปตัว L จัดเป็นทั้ง Pool Bed และเก้าอี้นั่งกลางแจ้ง ทำให้คุณพ่อ คุณแม่มานั่งเฝ้าเด็กๆตอนเล่นน้ำได้ รวมถึงมีพื้นที่อาบน้ำอยู่ 1 จุด ให้อาบน้ำล้างตัวก่อน-หลังว่ายน้ำค่ะ นอกจากนั้นทางโครงการยังออกแบบมีไม้พุ่มล้อมรอบสระว่ายน้ำ ที่นอกจากจะเป็นวิวสีเขียวเวลาว่ายน้ำแล้ว ยังช่วยพรางสายตาจากคนและรถยนต์จากถนนด้วย
ต่อมาเราพาขึ้นมาชั้น 2 กันนะคะ โดยจะประกอบด้วย Meeting Chamber, มุมนั่งเล่นแบบ Semi Outdoor และห้องนิติบุคคลค่ะ
Meeting Chamber
Meeting Chamber เป็นพื้นที่ให้มานั่งเล่นพูดคุยกัน จะทำงานหรือติวหนังสือก็ได้ด้วย แต่ทางโครงการก็ออกแบบให้สามารถมาใช้งานได้เป็นส่วนตัวอยู่ จึงไม่ได้จัดพื้นที่นั่งให้เยอะมากนัก โดยทางโครงการได้จัดเป็นโต๊ะยาว 6 ที่นั่งและชุดโซฟา นอกจากนั้นจะมีประตูกระจกบานเลื่อนเปิดออกไปยังพื้นที่ระเบียงที่มีเก้าอี้ให้มานั่งพักผ่อนได้อีกจุดค่ะ
นอกจากจะมีพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor ใน Meeting Chamber แล้ว ยังมีพื้นที่ Semi Outdoor เล็กๆอีกโซนด้วย โดยจะอยู่ตรงข้ามกับโซนลิฟต์เลย มีประตูบานเลื่อนเปิดออกไปยังระเบียงค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor
สำหรับพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor บริเวณนี้จะมีเพียงเก้าอี้ 2 ตัวเองนะคะ นอกจากจะได้ความเป็นส่วนตัวแล้ว ยังมองไปเห็นวิวสระว่ายน้ำและสวนสีเขียวยาวต่อเนื่องกัน ซึ่งถือเป็นมุมที่ได้วิวสวยสุดเลยนะ
ชั้น 3
สำหรับชั้น 3 จะเป็นฟังก์ชันเกี่ยวกับสุขภาพแล้วค่ะ ประกอบด้วย Gym, Wellness Room และห้องน้ำส่วนกลางอีกจุดนั่นเอง ทำให้พอออกกำลังกายเสร็จแล้วก็สามารถมาเข้าห้องน้ำได้ง่ายดี แต่หากใครที่อยากจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จะต้องลงไปใช้งานที่ชั้น 1 แทนนะคะ
Gym
Gym เป็นพื้นที่ออกกำลังกายที่ทางโครงการเตรียมอุปกรณ์ทั้ง Weight Training และ Cardio มาให้ครบครันเลย สามารถรองรับการใช้งานพร้อมกันได้ประมาณ 8-10 คน ซึ่งทางโครงการออกแบบให้สามารถออกกำลังกายไปพร้อมชมวิวสวนสีเขียวด้านนอกได้ด้วย เราจึงออกกำลังกายได้เพลินๆดีค่ะ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่นั่งพักผ่อน, Locker เก็บกระเป๋าต่างๆและเครื่องกดน้ำดื่มภายในห้องด้วย
Wellness Room
Wellness Room ถือเป็นฟังก์ชันพิเศษอีกจุดเลยนะคะ โดยเป็นห้องรองรับการบริการให้
คําปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ* จาก รพ.วิมุต แก่ลูกบ้านในโครงการ รวมถึงมีอุปกรณ์ให้ลูกบ้านมาตรวจสุขภาพร่างกายเบื้องต้นด้วยตัวเอง เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง ดัชนีมวลกาย อุณหภูมิ ความดันโลหิตและออกซิเจนในเลือด
นอกจากนั้นยังมี Health to Home บริการสุขภาพที่ทางลูกบ้านมาใช้งานได้ภายในโครงการร่วมกับ รพ.วิมุตด้วย สามารถแบ่งเป็นหัวข้อหลักได้ตามนี้ค่ะ
- โปรแกรมแพทย์ตรวจเยี่ยมลูกบ้านที่โครงการ
- จัดกิจกรรมหมุนเวียนกับลูกบ้านภายในโครงการ
- ปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์ ผ่าน ViMUT apps / Telemedicine
- สิทธิประโยชน์ ViMUT Family Card เช่น ส่วนลดในการเข้าบริการต่างๆใน รพ.วิมุต
- บริการเสริมอื่นๆ แบบ On-Demand ลูกค้าสามารถซื้อแพคเกจเพิ่มเติมจาก รพ.วิมุตได้ เช่น พยาบาลหรือผู้ช่วยดูแลแบบส่วนตัว การทำกายภาพบำบัด การฉีดวัคซีนภายในโครงการ
นี่ถือเป็น Health & Wellness Service เฉพาะลูกบ้านในโครงการนี้เท่านั้นนะคะ ช่วยทำให้ลูกบ้านอุ่นใจว่ามีบริการสุขภาพดีๆจาก รพ.วิมุต คอย Support เรื่องสุขภาพทั้งครอบครัว รวมถึงครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอยู่อาศัยด้วยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาด้านสุขภาพ เวลาต้องการคำแนะนำหรือปรึกษาเรื่องสุขภาพก็มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอยู่ตลอดค่ะ
สำหรับการที่ทาง Developer ไปร่วมมือกับทางโรงพยาบาล เราจะเห็นในโครงการคอนโดมิเนียมหรูกันอยู่แล้ว แต่โครงการบ้านแนวราบเราไม่ค่อยเห็นโครงการไหนได้บริการด้านสุขภาพแบบนี้เลยนะคะ ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อลูกบ้านแล้ว ยังสร้างความโดดเด่นจากโครงการบ้านแนวราบอื่นๆเลยค่ะ
ทางเข้า-ออก Clubhouse อีกจุด
หลังจากเราพาไปดูข้างใน Clubhouse มาแล้ว จะมีทางเข้า-ออกอาคารอยู่อีกจุด โดยออกแบบเชื่อมต่อไปยังพื้นที่สวนสีเขียวนั่นเอง ซึ่งทางเข้านี้จะออกแบบเป็นทางลาดนะคะ
สวนส่วนกลาง
พื้นที่สวนภายในโครงการจะอยู่ติดกับ Clubhouse ทำให้ลูกบ้านสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องกัน ซึ่งออกแบบโดยได้รับคำปรึกษาร่วมกับทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของรพ.วิมุต ในการเลือกพันธุ์ไม้ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และดอกไม่มีกลิ่นฉุน เช่น ต้นพุดศุภโชคและต้นแก้วแคระ เป็นต้น นอกจากนั้นเลือกปลูกต้นไม้ล้อมรอบสวน เพิ่มบรรยากาศสดชื่นและให้ร่มเงากับพื้นที่นั่งพักผ่อนที่ออกแบบให้กระจายอยู่โดยรอบสวนค่ะ
เราชอบที่ทางโครงการออกแบบส่วนกลางแบบไม่หลุดแนวคิด Wellness เลยนะ เพราะทางโครงการได้ออกแบบให้วีลแชร์สามารถเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางในทุกฟังก์ชันทั้งภายใน Clubhouse และพื้นที่สวนนี้ อย่างภายในสวนส่วนกลางก็ออกแบบให้มีทางลาด เพื่อให้สามารถเข็นวีลแชร์หรือรถเข็นเด็กไปได้ทั่วทั้งสวนเลยค่ะ
Play Yard
ทางโครงการได้ออกแบบ Play Yard สนามเด็กเล่นที่มีเครื่องเล่นเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก พร้อมปูพื้นนุ่ม ช่วยลดแรงกระแทกเวลาที่น้องๆหกล้มได้ค่ะ นอกจากนั้นยังเลือกใช้สีสันสดใสถูกใจน้องๆแน่นอนเลย เราชอบอีกอย่างคือออกแบบให้สนามเด็กเล่นล้อมรอบด้วยไม้พุ่มหรือต้นไม้ใหญ่ที่นอกจากจะให้บรรยากาศร่มรื่นแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้น้องๆวิ่งเล่นไปบริเวณถนนหรือวิ่งไปไกลค่ะ
Senior Zone
ทางโครงการก็ได้ออกแบบมี Senior Zone สำหรับคุณปู่-คุณย่าโดยเฉพาะ ซึ่งออกแบบเป็น Foot Reflexology Path ทางเดินหินปุ่มนวดเท้า เพื่อกระตุ้นระบบประสาท การไหลเวียนเลือด ผ่อนคลายความตึงเครียดและปรับสมดุลร่างกาย รวมถึงมีทางเดินที่ปูเป็นพื้นนุ่มเหมือนสนามเด็กเล่น พร้อมราวจับช่วยพยุงเวลาเดิน ให้คุณปู่-คุณย่ามาเดินออกกำลังกายหรือทำกายภาพบำบัดได้ แต่จริงๆแล้วคนทุกวัยก็สามารถมาใช้งานได้เหมือนกัน อย่างเราเองก็ชอบทางเดินหินปุ่มสำหรับนวดเท้ามากๆค่ะ
Pavilion
Pavilion เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนในสวนแบบ Semi Outdoor ซึ่งตั้งอยู่ตรงมุมสวนและออกแบบให้สามารถมองเห็นทั้งโซน Play Yard ของเด็กๆและ Senior Zone พื้นที่สำหรับผู้สูงอายุ ทำให้คุณพ่อ คุณแม่มานั่งพักภายใน Pavilion ก็คอยเฝ้าดูแลทั้งลูกๆและคุณปู่ คุณย่าได้พร้อมกันนั่นเอง นอกจากนั้นยังออกแบบมีทั้งบันไดและทางลาดให้สามารถขึ้นมานั่งใน Pavilion ได้ค่ะ
British Backyard
นอกจากนั้นยังมีการออกแบบส่วนกลางที่น่าสนใจอีกโซน คือ British Backyard 4 จุด พร้อมมุมนั่งเล่นในสวน โดยออกแบบเป็นสวนหลังบ้านที่ใช้ร่วมกันที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Cluster home ในประเทศอังกฤษ ทำให้นอกจากจะได้พื้นที่สีเขียวด้านหลังบ้านที่การันตีว่าลูกบ้านจะได้วิวที่สวยงามนี้ไปตลอดเพราะมีทางนิติบุคคลคอยดูแลแล้ว ยังได้อากาศบริสุทธิ์และมาใช้งานส่วนกลางได้ง่าย รวมถึงทำให้บ้านแต่ละหลังมีระยะห่างระหว่างหลังบ้าน จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ถือเป็นการออกแบบที่เราไม่เคยเห็นในโครงการอื่นเหมือนกันค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse บริเวณด้านหน้าโครงการ ประกอบไปด้วย
- Lobby
- Concierge Service ดูแลอำนวยความสะดวกลูกบ้านภายในโครงการ (เจ้าหน้าที่ประจำอยู่ที่โครงการในเวลาทำการ)
- Meeting Chamber
- Gym
- Wellness Room ห้องรองรับการบริการให้คําปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ* จาก รพ.วิมุต
- Health to Home ร่วมกับ รพ.วิมุต บริการสุขภาพที่ทางลูกบ้านมาใช้งานได้ภายในโครงการ
– โปรแกรมแพทย์ตรวจเยี่ยมลูกบ้านที่โครงการ
– จัดกิจกรรมหมุนเวียนกับลูกบ้านภายในโครงการ
– ปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์ ผ่าน ViMUT apps / Telemedicine
– สิทธิประโยชน์ ViMUT Family Card เช่น ส่วนลดในการเข้าบริการต่างๆใน รพ.วิมุต
– บริการเสริมอื่นๆ แบบ On-Demand ลูกค้าสามารถซื้อแพคเกจเพิ่มเติมจาก รพ.วิมุตได้ เช่น พยาบาลหรือผู้ช่วยดูแลแบบส่วนตัว การทำกายภาพบำบัด การฉีดวัคซีนภายในโครงการ - ลิฟต์โดยสารภายใน Clubhouse
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 3.70×9.70 เมตร ลึก 1.20 เมตร แบ่งสระเด็กขนาด 1.90×3.70 เมตร ลึก 0.60 เมตร
- พื้นที่สวนภายในโครงการ โดยได้รับคำปรึกษาร่วมกับทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของรพ.วิมุต ในการเลือกพันธุ์ไม้ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และดอกไม่มีกลิ่นฉุน อาทิ ต้นพุดศุภโชคและต้นแก้วแคระ
- Play Yard เครื่องเล่นเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก ปูพื้นนุ่มลดแรงกระแทกเมื่อหกล้ม
- Senior Zone พร้อมราวจับช่วยพยุงเวลาเดินและ Foot Reflexology Path ทางเดินหินปุ่มนวดเท้า
- พื้นที่นั่งพักผ่อนในสวน
- British Backyard
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 20 จุด
- รั้วทึบรอบโครงการสูง 3 เมตร ต่อด้วยเหล็กแหลมหรือระแนงสูง 0.60 เมตร
- ถนนหลักและภายในโครงการกว้าง 9 เมตร
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดกและรั้วเหล็กรางเลื่อน
- ระบบในการเข้า-ออกแบบ Bluetooth ระยะไกล เหมือนระบบ Easy Pass
แบบบ้าน
Highlight
- บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด สูง 3 ชั้น รองรับ 4 ห้องนอน แตกต่างจากโครงการอื่นๆที่เป็นบ้าน 2 ชั้น
- มีห้องนอนชั้นล่างทุกหลัง เหมาะเป็นห้องผู้สูงอายุ พร้อมห้องน้ำที่ออกแบบมารองรับโดยเฉพาะ
- Master Bedroom อยู่ชั้น 2 ทำให้ไม่ต้องเดินขึ้น-ลงบันไดเยอะ
- มีห้องอเนกประสงค์ ในบ้านทุกรูปแบบ ทำให้ปรับเปลี่ยนตามการใช้งานได้
- ออกแบบฟังก์ชันชั้น 2-3 ที่ติดกับเพื่อนบ้าน ไม่ใช่ห้องนอน โดยออกแบบเป็นโซนบันได ห้องน้ำหรือพื้นที่อเนกประสงค์ ทำให้ได้ความสงบและเป็นส่วนตัวดี
- บ้าน VIRGINIA PINE มี British Backyard เพิ่มระยะห่างด้านหลังบ้านจากเพื่อนบ้าน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวและใช้ส่วนกลางได้ง่าย
PINE WELLNESS RESIDENCE PRACHACHUEN (ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น) เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 3 ชั้น ในสไตล์ British Timeless Elegance เน้นโทนสีขาว-เทาเข้ม เสริมด้วยหน้าต่างสูงโปร่งขนาดใหญ่หลายจุดพร้อมตีตารางลูกฟักและกรอบสีดำ รวมถึงเพิ่มจุดเด่นด้วยการเล่นสีประตูทางเข้าบ้านเป็นสีน้ำเงินเข้มตามสไตล์บ้านในอังกฤษค่ะ
นอกจากพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบตามหลัก Universal Design โดยได้รับคำปรึกษาร่วมกับทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของรพ.วิมุตแล้ว ภายในตัวบ้านก็ยังออกแบบใส่ใจเรื่องการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ ทั้งทางลาดรองรับการใช้วีลแชร์, ห้องนอนชั้นล่างปูด้วยวัสดุลดแรงกระแทก (Absorption Floor) พร้อมห้องน้ำที่ติดตั้งราวจับพยุงตัว ปุ่มฉุกเฉินและที่นั่งอาบน้ำค่ะ ทำให้ครอบครัวที่อยู่ร่วมกับผู้สูงอายุก็มั่นใจได้ว่าจะสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสบายกาย สบายใจ นอกจากนั้นยังเป็นบ้าน 4 ห้องนอนที่มีให้เลือกถึง 4 แบบ มีพื้นที่ใช้สอย 205-255 ตร.ม. และจอดรถได้ 3 คันทุกหลังค่ะ
สำหรับใครที่อยากชมเป็นคลิปภาพบรรยากาศของโครงการก็สามารถรับชมได้ที่นี่นะคะ The Sneak EP.231 : PINE Wellness Residence Prachachuen | บ้านของครอบครัวใหญ่ ที่มีบริการด้านสุขภาพ
- MONTEREY PINE (มอนเทอเร่ย์ ไพนน์) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 51.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 255 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ - VIRGINIA PINE (เวอจิเนียร์ ไพนน์) บ้านแฝด 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 39 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ - VIRGINIA PINE II (เวอจิเนียร์ ไพนน์ ทู) บ้านแฝด 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 39.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ - SCOTCH PINE (สก๊อช ไพนน์) บ้านแฝด 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 35.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 205 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
โครงสร้างและวัสดุภายในบ้าน
- โครงสร้างแบบ Precast (บริเวณกำแพงของห้องน้ำชั้นล่างบางส่วนเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูน รองรับการทำห้องน้ำแบบ Double Access)
- ที่จอดรถแบบ Slab on Beam พื้นคอนกรีตแสตมป์
- ลานซักล้างแบบ Slab on Beam ลงเสาเข็ม ปูพื้นคอนกรีตขัดเรียบ
- ประตูรั้วหน้าบ้าน : ประตูเหล็กบานเฟี้ยมทำสีดำ พร้อมเดินสายไฟรอระบบอัตโนมัติไว้ให้
- พื้นชั้น 1 : กระเบื้องพอร์ซเลนและวัสดุลดแรงกระแทก (Absorption Floor) ในห้องนอนล่าง
- พื้นชั้น 2-3 : พื้น SPC ลายไม้
- พื้นห้องน้ำ : กระเบื้องพอร์ซเลน
- พื้นระเบียง : กระเบื้องพอร์ซเลน
- บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยพื้นไม้ SPC
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก KOHLER (เฉพาะ Master Bathroom ติดตั้งอ่างอาบน้ำมีระบบหัวพ่นน้ำเพื่อนวดผ่อนคลายและฉากกั้นกระจกอาบน้ำ)
- วัสดุกรอบบานหน้าต่าง : กรอบอะลูมิเนียมสีดำ กระจกเขียวตัดแสง
- ผนังภายในติด Wallpaper มาให้ทั้งหลัง (ยกเว้นห้องครัว ห้องเก็บของและห้องแม่บ้านเป็นผนังทาสีขาว)
- ไฟดาวน์ไลท์ สำหรับ Common Area และ Master Bedroom รองรับระบบ Smart Home เปิด-ปิดผ่าน Application
- จัดสวนตามมาตรฐานโครงการทั้งปูสนามหญ้าและต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น
เทคโนโลยีในบ้าน
- Digital Door Lock จำนวน 1 ตัวที่ประตูทางเข้าของบ้านทุกหลัง (ใช้ได้ 5 ระบบ ได้แก่ Keycard, Password, Finger Scan, กุญแจ และ Bluetooth ผ่านแอปพลิเคชัน)
- สัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic Sensor บริเวณประตู-หน้าต่างชั้น 1 ในทุกหลัง (ยกเว้นห้องแม่บ้าน)
- IP Camera จำนวน 2 จุด บริเวณที่จอดรถและ Common Area (แบบบ้าน VIRGINIA PINE มีกล้องเพิ่มอีก 1 จุด ที่ประตูออกสวน British Backyard)
- Smart Switch เปิด-ปิดไฟ ผ่าน Application 2 จุด บริเวณ Common Area และ Master Bedroom
- IR Controller เปิด-ปิดแอร์และ TV ผ่าน Application 2 จุด บริเวณ Common Area และ Master Bedroom
- Siren (เสียงและไฟกะพริบ) แจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน 1 จุด บริเวณที่จอดรถ
- SOS Button ปุ่มกดขอความช่วยเหลือสำหรับผู้สูงอายุ บริเวณห้องน้ำชั้นล่าง
- ระบบ Home Automation ต่างๆภายในบ้านผ่าน Application MYHAUS
- มี Junction Box รองรับ EV Charger ทุกหลัง
- รองรับการติดตั้ง Solar Cell ในอนาคต เตรียมระบบท่อมาให้เรียบร้อย (เฉพาะบ้านเดี่ยว MONTEREY PINE ติดตั้ง Solar Cell มาให้เลย)
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
วันนี้เราได้เก็บภาพบรรยากาศภายในบ้านตัวอย่างของ MONTEREY PINE (มอนเทอเร่ย์ ไพนน์) และ VIRGINIA PINE (เวอจิเนียร์ ไพนน์) มาฝากกัน ซึ่งจริงๆแล้ว VIRGINIA PINE และ VIRGINIA PINE II จะจัดฟังก์ชันแตกต่างตรงพื้นที่ชั้น 2 เพียงเล็กน้อย ทุกคนจึงสามารถชมภาพบรรยากาศภายในบ้าน VIRGINIA PINE แทนได้ สำหรับ SCOTCH PINE (สก๊อช ไพนน์) เราได้เก็บเป็นภาพบรรยากาศภายในบ้านมาตรฐานมาให้ชมกันด้วยค่ะ
MONTEREY PINE (มอนเทอเร่ย์ ไพนน์)
เราพามาดูแบบบ้าน MONTEREY PINE (มอนเทอเร่ย์ ไพนน์) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 51.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 255 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถกันก่อนค่ะ โดยบ้านเดี่ยวนี้จะมีอยู่เพียง 6 ยูนิตเท่านั้น ตั้งอยู่ในตำแหน่งใกล้ซุ้มประตูทางเข้า-ออก ติดถนนหลักของโครงการและไม่มีเพื่อนบ้านอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้ได้ทั้งการเข้า-ออกโครงการที่สะดวกสบายและได้ความเป็นส่วนตัวดีเลยนั่นเอง
สำหรับการจัดฟังก์ชันของบ้านเดี่ยว MONTEREY PINE (มอนเทอเร่ย์ ไพนน์) จะคล้ายกับบ้านแฝดเลย แต่มีพื้นที่ใช้สอยแต่ละฟังก์ชันมากกว่านั่นเอง ส่วนจุดแตกต่างที่เห็นได้ชัด ได้แก่ การเป็นรูปแบบบ้านเดี่ยวจึงไม่มีผนังบ้านติดกับเพื่อนบ้านข้างๆ, มีห้องแม่บ้าน 1 ห้อง, Walk-in Closet ขนาดใหญ่ใน Master Bedroom, พื้นที่อเนกประสงค์ 2 โซนบนชั้น 3 รวมถึงมีห้องน้ำแบบ Double Access แชร์การใช้งานของห้องนอนรอง 3 และ Family Area ค่ะ
ชั้น 1
- ที่จอดรถ 3 คัน พร้อมห้องเก็บของ Junction Box รองรับ EV Charger และทางลาดรองรับวีลแชร์
- Foyer พื้นที่ต้อนรับ สามารถตั้งชั้นวางรองเท้าและที่นั่งใส่รองเท้า
- ห้องเก็บของใต้บันได สามารถเก็บของได้เยอะ หรือเป็นห้องรองเท้าได้
- พื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่ เชื่อมพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร
- ห้องครัวแบบปิด มีประตูกั้นทำเป็นครัวไทยได้
- ลานซักล้าง สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากผ้า
- ห้องนอนชั้นล่าง รองรับผู้สูงอายุได้
- ห้องน้ำชั้น 1 ออกแบบรองรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
- โซนแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าบ้าน ทำงานได้ง่าย ไม่ต้องเข้าไปในตัวบ้าน
- พื้นที่สวนรอบบ้านขนาดใหญ่ รองรับกิจกรรมหลากหลาย
ชั้น 2
- พื้นที่อเนกประสงค์ สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นและทำงานของ Master Bedroom ได้
- ระเบียงเชื่อมต่อกับพื้นที่อเนกประสงค์ ทำมุมนั่งเล่นกลางแจ้งได้
- Master Bedroom ขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทำมุมนั่งเล่นในห้อง
- Walk – in Closet ของ Master Bedroom มีขนาดใหญ่และกั้นแบ่งเป็นสัดส่วน
- Master Bathroom มีเคาน์เตอร์แบบ His & Her, Rain Shower และอ่างอาบน้ำแบบฝัง
ชั้น 3
- พื้นที่อเนกประสงค์มี 2 จุด รองรับกิจกรรมได้หลากหลาย
- ห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง วางเตียง 5-6 ฟุตได้สบาย มีพื้นที่ด้านข้างตั้งโต๊ะและตู้เสื้อผ้า พร้อมห้องน้ำในตัว
- ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2 สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางทั้งห้องนอนและพื้นที่อเนกประสงค์
ประตูรั้วหน้าบ้านจะเป็นประตูโครงเหล็กบานเฟี้ยมทำสีดำที่ออกแบบเป็นซี่ๆ ดูโปร่ง พร้อมเดินสายไฟรอระบบอัตโนมัติไว้ให้ จึงเปิด-ปิดได้ง่าย โดยจะพับไปเก็บอยู่ด้านข้างบ้านทั้ง 2 ฝั่ง นอกจากนั้นติดตั้งกริ่ง กล่องใส่พัสดุและถังขยะฝังกำแพงที่ช่วยพรางตาให้หน้าบ้านดูเรียบร้อยค่ะ
พื้นที่จอดรถ
พื้นที่จอดรถสามารถจอดได้ 3 คันเลย โดยโครงสร้างที่จอดรถเป็นแบบ Slab on Beam ลงเสาเข็ม จึงไม่ต้องกังวลปัญหาพื้นทรุดตัวและเกิดรอยแตกร้าวค่ะ ส่วนวัสดุพื้นเป็นคอนกรีตแสตมป์ที่ดูสวยงามและสามารถรักษาทำความสะอาดได้ง่าย นอกจากนั้นเราจะต่อเติมหลังคากันสาดเพื่อให้รถยนต์ไม่ต้องโดนแดดและฝนได้ด้วยนะคะ แต่แนะนำให้ปรึกษากับทางวิศวกรโครงการก่อนการต่อเติมทุกครั้ง เพื่อไม่ให้กระทบกับโครงสร้างบ้านที่เป็น Precast นั่นเอง
ทางโครงการได้เตรียม Junction Box บริเวณด้านข้างของพื้นที่จอดรถ เพื่อรองรับการติดตั้ง EV Charger มาให้ ถือว่าออกแบบมาตอบโจทย์เทรนด์สมัยใหม่ที่ปัจจุบันคนหันมาใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้นแล้วนั่นเอง นอกจากนั้นได้ติดตั้ง IP Camera 1 จุด พร้อม Siren (เสียงและไฟกะพริบ) แจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน 1 จุดตรงบริเวณที่จอดรถด้วย
บริเวณด้านหลังของพื้นที่จอดรถจะมีพื้นที่เก็บของเล็กๆให้สามารถเก็บอุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์หรือทำสวนได้สะดวก ไม่ต้องเดินไป-มาเพื่อหยิบอุปกรณ์ต่างๆจากภายในบ้านค่ะ
บริเวณด้านหน้าบ้านจะออกแบบมีพื้นยกระดับสูงขึ้นมานิดนึงเป็นกันชนเวลาจอดรถ รวมถึงออกแบบเป็นทางลาดตามหลัก Universal Design ที่ดี เพื่อรองรับการใช้งานของคนทุกวัยทั้งรถเข็นเด็กหรือวีลแชร์นั่นเองค่ะ โดยมีความกว้างประมาณ 1.10 เมตร เชื่อมตั้งแต่ประตูทางเข้าไปจนถึงพื้นที่ลานซักล้างด้านข้างบ้านเลย
ประตูทางเข้าบ้านจะเป็นประตูทำสีน้ำเงินขนาด Oversize ที่เรารู้สึกยังสามารถเปิด-ปิดได้ง่าย ไม่รู้สึกหนักตัวบานประตูนะคะ พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock จำนวน 1 ตัวที่ประตูทางเข้าของบ้านทุกหลัง รองรับการใช้งานได้ 5 ระบบ ได้แก่ Keycard, Password, Finger Scan, กุญแจ และ Bluetooth ผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้สามารถใช้งานเพื่อเข้า-ออกบ้านได้ง่ายดี ไม่ต้องพกบัตรหรือกุญแจให้วุ่นวายค่ะ
Foyer
เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะเจอกับ Foyer พื้นที่ต้อนรับที่ออกแบบมีเว้นพื้นที่ด้านข้างเหมาะทำเป็นพื้นที่นั่งใส่รองเท้าหรือตั้งชั้นวางของโชว์ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ นอกจากนั้นตรงพื้นของ Foyer มีการตกแต่งให้ดูสวยงามเหมือนบ้านตัวอย่างเลยนะคะ
บริเวณด้านข้างของ Foyer จะออกแบบมีพื้นที่กว้างประมาณ 1 เมตร ซึ่งทางบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งเป็นพื้นที่นั่งใส่รองเท้า ทำให้สามารถใส่รองเท้าได้สะดวก แต่เราสามารถใช้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ตั้งตู้รองเท้าหรือชั้นวางของก็ดีเหมือนกัน ทำให้เราสามารถเก็บรองเท้าที่สวมใส่บ่อยๆ รวมถึงวางพวกกุญแจรถยนต์หรือบัตรต่างๆได้ เวลาจะใช้งานก็หยิบได้สะดวกดี นอกจากนั้นจะมีติดพวกราวแขวนต่างๆตรงบริเวณนี้ก็ได้เหมือนกันสำหรับแขวนร่ม หมวกหรือเสื้อคลุมค่ะ
ห้องเก็บของใต้บันได
สำหรับห้องเก็บของใต้บันไดด้านข้าง Foyer จะมีเป็นพื้นที่รูปตัว L ขนาดประมาณ 2.10×2.25 เมตร พร้อมบานประตูติดตั้งมาให้เรียบร้อย โดยทางบ้านตัวอย่างได้กั้นพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่เก็บรองเท้าและมีห้องเก็บของเล็กๆด้านในนะคะ ซึ่งเราว่าก็ดีเหมือนกัน จะได้สามารถเก็บรองเท้าได้เยอะขึ้นและเป็นระเบียบดีค่ะ เหมาะสำหรับครอบครัวที่ไม่ได้ต้องการห้องเก็บของหรือไม่มีสิ่งของให้เก็บเยอะ ก็ทำให้ไม่ต้องเสียพื้นที่ห้องเก็บของไปเปล่าๆนั่นเอง
หลังผ่านจาก Foyer จะเจอกับกำแพงตรงกลางกั้นบังสายตา ไม่ให้มองเห็นไปถึงห้องนอนชั้นล่างและห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังกำแพงนั่นเอง จึงทำให้คุณปู่ คุณย่าได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนบันไดจะอยู่ทางฝั่งขวา ทำให้เวลากลับบ้านมาแล้วก็สามารถขึ้นไปยังห้องนอนด้านบนได้เลย และทางฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่ Common Area ที่เราจะพาไปดูกันต่อค่ะ
Common Area
ทางโครงการออกแบบ Common Area แบบ Open Plan เชื่อมพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 3.80×5.30 เมตร ประกอบกับประตูกระจกเกือบตลอดแนวผนังเป็นรูปตัว L เปิดรับวิวและแสงธรรมชาติ ทำให้ได้บรรยากาศภายในบ้านที่โปร่งสบายมากๆเลย รวมถึงเราชอบที่ทางโครงการออกแบบให้ Common Area อยู่โซนหลังบ้าน ทำให้เชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวหลังบ้านและได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ
นอกจากนั้นโครงสร้างบ้านเป็นแบบ Precast ที่ผนังรับน้ำหนักตัวบ้านได้แทนเสาบ้าน ทำให้พื้นที่ภายในบ้านไม่มีเหลี่ยมเสาต่างๆจึงจัดวางเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้ลงตัวและยังเก็บเสียงได้ดีด้วย แต่มีข้อจำกัดในเรื่องการทุบผนังหรือต่อเติมต่างๆภายในบ้าน ลูกบ้านจึงต้องปรึกษาวิศวกรโครงการก่อนเสมอ เพื่อไม่ให้กระทบกับโครงสร้างบ้านนั่นเอง
ส่วนความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานของชั้น 1 อยู่ที่ 2.75 เมตร และเลือกปูพื้นชั้น 1 เป็นกระเบื้องพอร์ซเลน พร้อมผนังภายในบ้านที่ติด Wallpaper มาให้ทั้งหลัง (ยกเว้นห้องครัว,ห้องเก็บของ,ห้องแม่บ้าน เป็นผนังทาสีขาว) และติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้เรียบร้อย
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีต่างๆภายในบ้าน
ทางโครงการได้มีระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีต่างๆภายในบ้าน เพื่อให้ลูกบ้านสามารถอยู่อาศัยได้สะดวกสบายด้วย ได้แก่ IP Camera จำนวน 2 จุด บริเวณที่จอดรถและ Common Area, สัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic Sensor บริเวณประตู-หน้าต่างชั้น 1 ในทุกหลัง (ยกเว้นห้องแม่บ้าน), Smart Switch เปิด-ปิดไฟ ผ่าน Application 2 จุด บริเวณ Common Area และ Master Bedroom, IR Controller เปิด-ปิดแอร์และ TV ผ่าน Application 2 จุด บริเวณ Common Area และ Master Bedroom, SOS Button ปุ่มกดขอความช่วยเหลือสำหรับผู้สูงอายุ บริเวณห้องน้ำชั้นล่าง, ระบบ Home Automation ต่างๆภายในบ้านผ่าน Application MYHAUS รวมถึงติดตั้ง Solar Cell มาให้เลย
พื้นที่นั่งเล่น
พื้นที่นั่งเล่นสามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งเหมือนบ้านตัวอย่างได้ อาจจะเสริมด้วยโซฟาแบบ Armchair ด้านข้างอีกจุด หรือจะตั้งเป็นโซฟา L-Shaped ก็ดีเหมือนกัน โดยมีพื้นที่ตั้งโต๊ะกลางและชั้นวางทีวี มีพื้นที่เหลือให้เดินผ่านเข้า-ออกได้ง่าย เราชอบที่มีประตูกระจกอยู่ทั้ง 2 ฝั่งที่นอกจากจะช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในบ้านแล้ว ยังทำให้เวลานั่งเล่นอยู่บริเวณนี้ก็ได้วิวสวนสีเขียวรอบบ้าน ได้บรรยากาศสดชื่นดีค่ะ
พื้นที่รับประทานอาหาร
พื้นที่รับประทานอาหารจะอยู่ถัดจากพื้นที่นั่งเล่น โดยมีพื้นที่ตั้งโต๊ะยาวรองรับ 8 ที่นั่งได้สบายๆเหมือนบ้านตัวอย่างเลย แต่ครอบครัวที่ไม่ได้มีสมาชิกในบ้านเยอะหรือต้องรองรับแขกบ่อยๆก็สามารถจัดเป็นโต๊ะ 4-6 ที่นั่งได้นะคะ จะทำให้ได้พื้นที่เดินรอบโต๊ะกว้างขึ้น รวมถึงได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ
ห้องครัวแบบปิด
ห้องครัวของโครงการออกแบบเป็นห้องครัวแบบปิดขนาด 1.60×3.90 เมตร โดยออกแบบเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ที่เลื่อนเข้าไปซ่อนข้างในผนัง ทำให้สามารถเปิด-ปิดได้กว้าง เราชอบที่ทางโครงการออกแบบเป็นประตูแบบแขวนด้านบน ทำให้ตรงพื้นไม่มีรางประตู จึงเดินได้ไม่สะดุด
รวมถึงทำให้เราสามารถใช้งานเป็นทั้งครัวฝรั่งหรือครัวไทยได้เลย เวลาอยากจะเตรียมอาหารเบาๆที่ไม่ได้มีกลิ่นหรือควันเยอะก็เปิดบานประตูเพื่อเชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหาร จัดเสิร์ฟได้ง่ายดี แต่พอจะทำอาหารจริงจังก็เลื่อนปิดประตู จึงไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นหรือควันจากการทำอาหารจะลอยเข้าไปติดเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านค่ะ ทำให้เราสามารถใช้งานครัวได้แบบยืดหยุ่นดี นอกจากนั้นเวลาที่เราไม่ได้ทำอาหารก็สามารถเปิดประตูให้เป็นพื้นที่กว้างๆ บรรยากาศโปร่งโล่ง ด้วยการเชื่อมต่อเนื่องจากพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหารและห้องครัวค่ะ
สำหรับห้องครัวนี้ทางโครงการจะทาผนังเป็นสีขาว และเป็นพื้นที่โล่งๆที่เตรียมงานระบบต่างๆและช่องหน้าต่างมาให้ลูกบ้านสามารถ Built-in เคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว L และเลือกแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ตามความชอบนั่นเอง ส่วนตำแหน่งห้องครัวจะอยู่ทางหน้าบ้าน ทำให้เวลาคุณแม่หรือแม่บ้านที่ทำอาหารอยู่ตรงครัวก็มองเห็นแขกที่มาเยี่ยมหรือสมาชิกในบ้านที่กลับบ้านมาได้ทันทีเลย
ลานซักล้าง ต่อเติมเป็นห้องครัว
ด้านข้างของห้องครัวจะมีประตูกระจกเปิดออกไปยังพื้นที่ลานซักล้างขนาดประมาณ 1.70×2.90 เมตร โครงสร้างแบบ Slab on Beam ลงเสาเข็ม ปูพื้นคอนกรีตขัดเรียบ ซึ่งทางบ้านตัวอย่างได้ต่อเติมเป็นพื้นที่ครัวอีกจุดให้เป็นไอเดียนำไปปรับใช้กันได้นั่นเอง
ส่วนใหญ่เราจะใช้พื้นที่ลานซักล้างสำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากเสื้อผ้ากัน แต่พอทางโครงการออกแบบลานซักล้างอยู่บริเวณด้านหน้าบ้านติดกับพื้นที่จอดรถ ก็อาจจะรู้สึกตากผ้าได้ไม่สบายใจและไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่ แต่ยังดีที่ทางโครงการออกแบบมีระแนงอะลูมิเนียมสีดำช่วยพรางสายตาจากด้านนอกได้บางส่วนเหมือนภาพด้านบนเลยค่ะ
พื้นที่สวนข้างบ้านและด้านหลังบ้านมีขนาดประมาณ 3.00 เมตร โดยขนาดสวนรอบบ้านจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่จะขึ้นอยู่กับแปลงที่ดินของแต่ละหลังนะคะ
ทางโครงการได้ออกแบบเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 4 จุด รอบพื้นที่ Common Area ที่นอกจากจะดึงแสงธรรมชาติเข้าไปภายในบ้านแล้ว ยังทำให้พื้นที่ Common Area ถูกล้อมไปด้วยสวนสีเขียวนี้นั่นเอง รวมถึงลูกบ้านสามารถเปลี่ยนบรรยากาศนั่งเล่นมานั่งพักผ่อนในสวนได้อีกด้วยค่ะ
พื้นที่สวนด้านหลังของบ้านตัวอย่างกว้างประมาณ 3 เมตร สามารถจัดสวนทั้งปลูกไม้พุ่ม ต้นไม้เล็ก-ใหญ่ เพื่อเป็นวิวสีเขียวให้กับภายในบ้านได้ พร้อมสร้างบรรยากาศร่มรื่นด้วย ซึ่งแนวคิดของทางโครงการที่ออกแบบในสไตล์อังกฤษ จึงเน้นพื้นที่หลังบ้านให้สามารถใช้งานกิจกรรมได้หลากหลาย ลูกบ้านจึงสามารถปรับเป็นทั้งมุมนั่งเล่น พื้นที่ปิกนิกหรือพื้นที่วิ่งเล่นของเด็กหรือสัตว์เลี้ยงได้ค่ะ
เราพากลับเข้ามาในบ้านกันต่อ จากที่เราบอกไปนะคะว่าทางโครงการออกแบบมีกำแพงตรงกลางกั้นบังสายตาจากพื้นที่ Foyer และโซนห้องนอนชั้นล่าง-ห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังกำแพง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ
บริเวณด้านหลังกำแพงจะเป็นโถงทางเดินกว้าง 1.15 เมตร เพื่อไปยังห้องนอนชั้นล่างและห้องน้ำ ซึ่งเป็นระยะความกว้างที่สามารถเข็นรถวีลแชร์เข้าใช้งานได้สะดวก ถึงแม้ว่าห้องนอนชั้นล่างจะไม่ได้มีห้องน้ำในตัว แต่ทางโครงการก็ออกแบบบริเวณกำแพงของห้องน้ำชั้นล่างบางส่วนเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูน เพื่อรองรับการทำห้องน้ำแบบ Double Access ทำให้สามารถเข้า-ออกห้องน้ำจากในห้องนอนชั้นล่างได้นั่นเอง
ห้องนอนชั้นล่าง
ห้องนอนชั้นล่างมีขนาด 3.00×3.80 เมตร ปูพื้นเป็น Absorption Floor ช่วยลดแรงกระแทกเวลาเดินหรือล้มได้ จึงเหมาะเป็นห้องนอนของผู้สูงอายุ โดยภายในห้องมีพื้นที่วางเตียง 6 ฟุตหรือเตียงเดี่ยว 3.5 ฟุต 2 เตียงสำหรับคุณปู่ คุณย่า พร้อมโต๊ะข้างเตียงและตู้เสื้อผ้า
พื้นที่สวนหลังบ้านจากห้องนอนชั้นล่าง
จากพื้นที่ห้องนอนชั้นล่างจะมีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน เพื่อเปิดรับแสงและวิวสวนสีเขียวได้จากในห้องนอน ทำให้ได้บรรยากาศภายในห้องนอนที่สดชื่นและไม่อุดอู้ดี รวมถึงยังเปิดออกไปยังพื้นที่สวนหลังบ้าน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศนั่งเล่นจากในห้องมารับลมชมวิวที่หลังบ้านได้ด้วย
ห้องน้ำชั้นล่าง
ห้องน้ำชั้นล่างมีขนาด 1.50×2.40 เมตร ปูพื้นกระเบื้องพอร์ซเลน พร้อมออกแบบมารองรับผู้สูงอายุด้วย ทั้งพื้นห้องน้ำที่มีระดับเดียวกับพื้นห้องนอน พร้อมรางระบายน้ำแบบเรียบๆตรงประตูห้องน้ำจึงเดินหรือเข็นวีลแชร์เข้าใช้งานในห้องน้ำได้ไม่สะดุด รวมถึงมี SOS Button ปุ่มกดขอความช่วยเหลือสำหรับผู้สูงอายุอยู่ภายในห้องน้ำมาให้เรียบร้อยเลย
ทางโครงการออกแบบบริเวณกำแพงของห้องน้ำชั้นล่างบางส่วนเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูน เพื่อรองรับการทำห้องน้ำแบบ Double Access ทำให้สามารถเข้า-ออกห้องน้ำจากในห้องนอนชั้นล่างได้ค่ะ ดังนั้นเราสามารถติดตั้งเป็นประตูบานเลื่อน เพื่อเปิด-ปิดประตูได้ง่ายดี
ภายในห้องน้ำออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกได้เป็นสัดส่วน พร้อมเลือกใช้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดจาก KOHLER ที่มีความโค้งมน ไม่มีเหลี่ยมมุมที่อันตรายหรือเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.00×1.50 เมตร พร้อมติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower และเดินระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย รวมถึงมีก่อที่นั่งอาบน้ำพร้อมอุปกรณ์ราวจับช่วยพยุงเวลาลุก-นั่งมาให้ด้วย
โซนแม่บ้าน
สำหรับบ้านเดี่ยวจะมีห้องแม่บ้านมาให้ด้วยนะคะ โดยจะอยู่ถัดจากพื้นที่จอดรถเลยค่ะ โดยมีพื้นที่ภายในห้องแม่บ้านขนาดประมาณ 2.10×2.25 เมตร สามารถวางเตียงและตู้เสื้อผ้าเล็กๆได้ รวมถึงมีห้องน้ำในตัวใช้งานได้สะดวก นอกจากนั้นยังมีพื้นที่เฉลียงให้แม่บ้านมานั่งพักผ่อนตรงบริเวณนี้ได้ด้วย
บันได
โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำให้ไม่เกิดเสียงดังเวลาเดินขึ้น-ลงบันได และปิดผิวด้วยพื้น SPC ลายไม้ มีความกว้างบันไดประมาณ 1.00 เมตร มีราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็กและมือจับเป็นไม้สำเร็จรูปทำสีเหมือนตัวบันได
โดยปกติแล้วบริเวณโถงบันไดจะมีความมืดทึบ แต่ทางโครงการได้ออกแบบมีช่องหน้าต่าง ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในโถงบันได ซึ่งเราชอบตรงโถงบันไดชั้น 2-3 ที่มีหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับแสงได้เยอะดีค่ะ
เมื่อขึ้นมาชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ของ Master Bedroom และพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งพื้นที่อเนกประสงค์นี้สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นและทำงานของ Master Bedroom ได้
หากใครที่อยากให้ Master Bedroom มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็สามารถกั้นประตูแบ่งโซนบันไดและ Master Bedroom ได้เลย รวมถึงทำให้ Master Bedroom ได้พื้นที่อเนกประสงค์มาใช้งานได้แบบส่วนตัวด้วย
พื้นที่อเนกประสงค์ ชั้น 2
พื้นที่อเนกประสงค์อยู่ฝั่งด้านหน้าบ้านมีขนาดประมาณ 3.60×7.00 เมตร เหมาะใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นหรือนั่งทำงานของ Master Bedroom เหมือนที่ทางบ้านตัวอย่างตกแต่งได้เลยค่ะ หรือสำหรับใครที่อยากได้พื้นที่ออกกำลังกายในห้องก็สามารถปรับให้เหมาะกับการใช้งานได้เหมือนกัน โดยพื้นที่นี้ก็มีช่องแสงเยอะเหมือนกันนะ ทำให้ได้บรรยากาศที่โปร่งสบายดีค่ะ
เมื่อขึ้นมาชั้น 2-3 จะเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็น SPC ลายไม้ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นเหมาะแก่การพักผ่อนมากขึ้น มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานของชั้น 2 อยู่ที่ 2.70 เมตร ส่วนชั้น 3 มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.60 เมตร
บริเวณพื้นที่อเนกประสงค์นี้จะมีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน เปิดออกไปยังระเบียงส่วนตัวที่หันไปทางด้านหน้าบ้านได้ด้วยนะคะ
ระเบียงส่วนตัว
ระเบียงส่วนตัวขนาด 2.25×3.15 เมตร ปูพื้นกระเบื้องพอร์ซเลน สามารถดูแลและรักษาความสะอาดได้ง่าย เหมาะใช้เป็นมุมนั่งเล่นเหมือนที่ทางบ้านตัวอย่างตกแต่งให้เป็นไอเดียได้เลย รวมถึงสามารถเสริมด้วยต้นไม้ เพิ่มมุมสีเขียวภายในบ้านก็ดีเหมือนกัน นอกจากนั้นทางโครงการมีออกแบบหลังคาช่วยปกคลุมพื้นที่ระเบียงนี้ ทำให้สามารถช่วยกันแสงแดดได้บางส่วนเหมือนกัน รวมถึงมี Siren แจ้งเตือนที่เชื่อมต่อกับปุ่ม SOS ในห้องน้ําชั้นล่าง เพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉินด้วยค่ะ
ด้วยตำแหน่งของบ้านเดี่ยวที่ไม่มีบ้านอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้ลูกบ้านไม่ต้องกังวลสายตาของเพื่อนบ้านและสามารถมาใช้งานพื้นที่ระเบียงนี้ได้แบบสบายใจดี ทำให้เป็นอีกมุมที่เราชอบในโครงการนี้ค่ะ
Master Bedroom
ต่อมาเราพามาดู Master Bedroom ที่อยู่ติดกับพื้นที่อเนกประสงค์กัน ทำให้ลูกบ้านสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี โดย Master Bedroom มีขนาดประมาณ 3.95×5.40 เมตร พร้อมหน้าต่างหลายจุด เปิดรับวิวและแสงธรรมชาติ เราสามารถตกแต่งเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลยทั้งวางเตียง 6 ฟุต, โต๊ะข้างเตียง 2 ฝั่ง, ชั้นวางของด้านข้างและมีพื้นที่นั่งเล่นบริเวณปลายเตียง ซึ่งขนาดตกแต่งห้องแบบจัดเต็มแล้ว ยังมีพื้นที่เดินรอบเตียงได้กว้างอยู่เลยนะคะ
รวมถึงหากเราใช้พื้นที่อเนกประสงค์ด้านนอกเป็นมุมนั่งเล่นของ Master Bedroom แล้ว เราก็จะมีพื้นที่เหลือภายใน Master Bedroom อีกเยอะให้ปรับเปลี่ยนหรือรองรับกิจกรรมอื่นๆได้
ด้านข้างของพื้นที่เตียงนอนจะมีทางเดินไปยังโซน Walk-in Closet ขนาดใหญ่ ภายใน Master Bedroom ที่กั้นแบ่งพื้นที่มาเป็นสัดส่วนดีเลย ซึ่งเราแนะนำให้ติดตั้งบานประตูเพิ่มก็ดีเหมือนกัน โดยเฉพาะลูกบ้านที่มีอาการภูมิแพ้ เพราะนอกจากจะช่วยแบ่งโซนแล้ว ยังป้องกันไม่ให้ฝุ่นจากเสื้อผ้าหรือความชื้นลอยมายังบริเวณเตียงนอนค่ะ
Walk-in Closet ของ Master Bedroom
Walk-in Closet ของ Master Bedroom เป็นพื้นที่รูปตัว L ขนาดใหญ่ประมาณ 3.15×3.85 เมตร ออกแบบและตกแต่งเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย โดย Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็น 2 ฝั่ง แบ่งฝั่งชาย-หญิง พร้อมโต๊ะแต่งหน้า รวมถึงมีช่องหน้าต่างเล็กๆเปิดรับแสงและระบายอากาศได้ค่ะ
Master Bathroom
Master Bathroom มีขนาดประมาณ 1.70×3.90 เมตร ส่วนตัวประตูจะเป็นบานเลื่อนที่เปิด-ปิดได้ง่าย ภายในห้องออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกได้ชัดเจน พร้อมสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก KOHLER ทั้งหมด โดยเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเป็นแบบ His & Her รองรับการใช้งานพร้อมกัน พร้อมช่องเก็บด้านล่างสำหรับอุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำได้เยอะดี
ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะมี 2 จุดด้วยกัน โดยพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.95×1.60 เมตร ติดตั้งฝักบัวแบบ Hand และ Rain Shower พร้อมฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้เรียบร้อย ทำให้ยืนอาบน้ำได้สะดวกและน้ำไม่กระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นค่ะ ส่วนบริเวณด้านข้างห้องน้ำจะติดตั้งอ่างอาบน้ำแบบฝังที่มีระบบหัวพ่นน้ำเพื่อนวดผ่อนคลาย ความยาวอ่างประมาณ 1.30 เมตร จึงมานอนแช่น้ำผ่อนคลายได้สบายเลย
ต่อมาเราพาขึ้นมาชั้น 3 ที่ประกอบด้วยห้องนอนรอง 2 ห้องและพื้นที่อเนกประสงค์อีก 2 จุดกันค่ะ เมื่อเราเดินขึ้นมาจะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์จุดแรกอยู่ติดกับห้องนอนรอง 2 เลยนะคะ
พื้นที่อเนกประสงค์ชั้น 3
พื้นที่อเนกประสงค์จุดแรกของชั้น 3 จะอยู่ทางฝั่งด้านหลังบ้าน สามารถตกแต่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นสำหรับดูหนังและซีรีส์เหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย วางโซฟา 3 ที่นั่งและแขวนทีวีตรงผนัง ทำให้ได้พื้นที่ทางเดินกว้าง ซึ่งบริเวณนี้ก็จะเป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกันของห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง ส่วนด้านข้างจะมีประตูเปิดไปยังห้องน้ำที่แชร์การใช้งานร่วมกันกับห้องนอนรอง 2 ค่ะ
หลังจากเราขึ้นบันไดมาแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอกับโถงทางเดินแยกไปห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง โดยมีพื้นที่ตรงกลางทำ Built-in ชั้นวางของเหมือนบ้านตัวอย่างก็ดีเหมือนกัน ทำให้วางสิ่งของที่ใช้งานบ่อยๆได้ หรือตั้งเป็นชั้นวางหนังสือให้ลูกๆแชร์หนังสือร่วมกันได้ค่ะ โดยเราจะพาไปฝั่งด้านหน้าบ้านที่มีพื้นที่อเนกประสงค์อีกจุดและห้องนอนรอง 1 กันก่อนนะคะ
บริเวณด้านหน้าของห้องนอนรอง 1 จะมีพื้นที่อเนกประสงค์อยู่อีกจุด หากเป็นเราจะกั้นประตูเพิ่มระหว่างพื้นที่บันไดและพื้นที่อเนกประสงค์นี้ ทำให้พื้นที่อเนกประสงค์เป็นส่วนหนึ่งของห้องนอนรอง 1 เหมือนได้ Double Master Bedroom เลยนั่นเอง
พื้นที่อเนกประสงค์อีกจุดตรงชั้น 3
ลูกบ้านสามารถตกแต่งพื้นที่อเนกประสงค์ขนาด 3.10×5.40 เมตร ได้ตามการใช้งานเลย อย่างบ้านตัวอย่างก็ทำเป็นพื้นที่ออกกำลังกายนั่นเอง รวมถึงมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ทำให้เปิดรับแสงและวิว เวลาออกกำลังกายก็ได้วิวสีเขียวด้านนอกด้วย แต่สำหรับคนที่มีเสื้อผ้าเยอะก็สามารถใช้พื้นที่นี้เป็น Walk-in Closet ได้นะคะ
ห้องนอนรอง 1
ห้องนอนรอง 1 มีขนาด 3.60×5.15 เมตร สามารถออกแบบตกแต่งเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย โดยวางเตียง 6 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียง 2 ฝั่งได้สบายๆ ทำ Built-in ชั้นวางทีวีและโต๊ะทำงานตรงปลายเตียงได้ด้วย
ด้านข้างของพื้นที่เตียงนอนจะเป็นพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำในตัว ซึ่งพื้นที่แต่งตัวจะมีขนาดประมาณ 1.50×1.50 เมตร สามารถวางตู้เสื้อผ้าเล็กๆ พร้อมติดกระจกเงาได้ มีพื้นที่ยืนแต่งตัวกว้างประมาณ 1.10 เมตร ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่มีเสื้อผ้าไม่เยอะ หรือเลือกปรับพื้นที่อเนกประสงค์ด้านหน้าห้องนอนเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ตามที่เราแนะนำก็จะทำให้เก็บเสื้อผ้าได้เยอะและเป็นระเบียบดีค่ะ
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1 ขนาด 1.50×2.40 เมตร มีการแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้ชัดเจนดี ติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดจาก KOHLER ส่วนพื้นที่อาบน้ำกว้าง 0.90 เมตร ติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower พร้อมเดินระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ค่ะ ส่วนฉากกั้นกระจกอาบน้ำจะติดตั้งมาให้เฉพาะ Master Bedroom แต่เราก็สามารถหาซื้อมาติดตั้งเองได้นะคะ ช่วยทำให้น้ำไม่กระเด็นไปเลอะบริเวณอื่น
เราชอบที่ทางโครงการออกแบบหน้าต่างมาเกือบเต็มผนังห้องน้ำเลย ทำให้ดึงแสงแดดเข้ามาภายในห้องน้ำได้เยอะดี รวมถึงมีหน้าต่างบานกระทุ้งด้านบนเปิดระบายอากาศได้และเลือกใช้เป็นกระจกฝ้าด้วยค่ะ
ห้องนอนรอง 2
ห้องนอนรอง 2 จะอยู่ทางฝั่งด้านหลังบ้าน มีขนาดห้องประมาณ 4.00×5.00 เมตร ถือว่ามีพื้นที่ขนาดใหญ่ไม่แพ้ห้องนอนรอง 1 เลย สามารถวางเตียง 6 ฟุต โต๊ะข้างเตียง 2 ฝั่ง โต๊ะอ่านหนังสือหรือชั้นวางทีวีตรงปลายเตียงได้ รวมถึงมีพื้นที่ตั้งตู้เสื้อผ้าด้านข้างเตียงนอนด้วย ถึงแม้ห้องนอนนี้จะมีช่องแสงทางฝั่งเดียว แต่ก็ออกแบบเป็นช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ เปิดรับแสงและวิวได้กว้างดีค่ะ
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2 มีขนาด 1.60×2.50 เมตร ออกแบบคล้ายกับห้องน้ำอื่นๆเลยทั้งแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้เป็นสัดส่วน เลือกใช้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดจาก KOHLER ส่วนพื้นที่อาบน้ำกว้าง 0.90 เมตร ติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower พร้อมเดินระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย แต่ห้องน้ำนี้จะออกแบบเป็น Double Access สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางทั้งจากภายในห้องนอนและพื้นที่อเนกประสงค์นั่นเอง
VIRGINIA PINE (เวอจิเนียร์ ไพนน์)หลังจากเราพาไปดูบ้านเดี่ยวของโครงการกันมาแล้ว เราพามาดูแบบบ้าน VIRGINIA PINE (เวอจิเนียร์ ไพนน์) บ้านแฝด 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 39 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถกันค่ะ
ซึ่งสำหรับแบบบ้าน VIRGINIA PINE และ VIRGINIA PINE II ที่ถึงแม้จะมีจำนวนฟังก์ชันและการออกแบบคล้ายๆกัน รวมถึงโครงการก็ออกแบบฟังก์ชันชั้น 2-3 ที่ติดกับเพื่อนบ้านจะเป็นโซนบันได ห้องน้ำหรือพื้นที่อเนกประสงค์ที่ไม่ใช่ห้องนอน จึงทำให้พักผ่อน นอนหลับได้โดยไม่ได้ยินเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน แต่ก็มีการจัดวางฟังก์ชันตรงชั้น 2 ที่แตกต่างกันค่ะ
แบบบ้าน VIRGINIA PINE จะมี Master Bedroom อยู่ฝั่งด้านหลังบ้านและพื้นที่อเนกประสงค์อยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน เหมือนบ้านเดี่ยว MONTEREY PINE แต่ VIRGINIA PINE II จะจัดฟังก์ชันสลับกันเป็น Master Bedroom อยู่ฝั่งหน้าบ้านและพื้นที่อเนกประสงค์อยู่ฝั่งหลังบ้านเหมือนบ้านแฝดหลังเล็ก SCOTCH PINE ค่ะ
นอกจากนั้น VIRGINIA PINE เป็นแบบบ้านเดียวที่ Master Bedroom มีระเบียงส่วนตัวภายในห้องหันไปทางด้านหลังบ้าน ซึ่งนอกจากจะได้พื้นที่ใช้งานเพิ่มแล้ว ยังเป็นเพราะว่าแบบบ้านนี้จะมีสวนส่วนกลางอย่าง British Backyard อยู่ทางด้านหลังบ้าน ที่นอกจากจะกั้นเพื่อเพิ่มระยะห่างกับเพื่อนบ้านด้านหลังแล้ว ทำให้ลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นตรงระเบียงส่วนตัวนี้และมองลงมาชมวิวสีเขียวนี้ได้เลยนั่นเอง
VIRGINIA PINE
ชั้น 1
- ที่จอดรถ 3 คัน พร้อมห้องเก็บของ, Junction Box รองรับ EV Charger และทางลาดรองรับวีลแชร์
- Foyer พื้นที่ต้อนรับ สามารถตั้งชั้นวางรองเท้าและที่นั่งใส่รองเท้า
- ห้องเก็บของใต้บันได สามารถเก็บของได้เยอะ หรือเป็นห้องรองเท้าได้
- พื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่ เชื่อมพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร
- ห้องครัวแบบปิด มีประตูกั้นทำเป็นครัวไทยได้
- ลานซักล้าง สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากผ้า
- ห้องนอนชั้นล่าง รองรับผู้สูงอายุได้
- ห้องน้ำชั้น 1 ออกแบบรองรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
- พื้นที่สวนรอบบ้านขนาดใหญ่ รองรับกิจกรรมหลากหลาย
ชั้น 2
- พื้นที่อเนกประสงค์ สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นและทำงานของ Master Bedroom ได้
- ระเบียงเชื่อมต่อกับพื้นที่อเนกประสงค์ ทำมุมนั่งเล่นกลางแจ้งได้
- Master Bedroom ขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทำมุมนั่งเล่นในห้อง
- ระเบียงส่วนตัวของ Master Bedroom เปิดรับวิวสวนหลังบ้านและสวนส่วนกลางอย่าง British Backyard
- Walk – in Closet ของ Master Bedroom มีขนาดใหญ่และกั้นแบ่งเป็นสัดส่วน
- Master Bathroom มีเคาน์เตอร์แบบ His & Her, Rain Shower และอ่างอาบน้ำแบบฝัง
ชั้น 3
- พื้นที่อเนกประสงค์ สามารถรองรับกิจกรรมได้หลากหลาย
- ห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง วางเตียง 5-6 ฟุตได้สบาย มีพื้นที่ด้านข้างตั้งโต๊ะและตู้เสื้อผ้า พร้อมห้องน้ำในตัว
- ห้องนอนรอง 1 มีขนาดใหญ่ เหมือนได้ Double Master Bedroom
ประตูรั้วหน้าบ้านจะเหมือนกับบ้านก่อนหน้านี้เลยเป็นประตูโครงเหล็กบานเฟี้ยมทำสีดำ พร้อมเดินสายไฟรอระบบอัตโนมัติไว้ให้ด้วยและติดตั้งกริ่ง กล่องใส่พัสดุและถังขยะฝังกำแพงดูเรียบร้อยดี
บ้านแฝดนี้ก็สามารถจอดได้ 3 คันเลย โดยโครงสร้างที่จอดรถเป็นแบบ Slab on Beam ลงเสาเข็ม พื้นเป็นคอนกรีตแสตมป์ นอกจากนั้นจะต่อเติมหลังคากันสาดเพื่อช่วยให้รถยนต์ไม่ต้องโดนแดดและฝนได้ด้วยค่ะ
รวมถึงเตรียม Junction Box รองรับการติดตั้ง EV Charger มาให้ และติดตั้ง IP Camera 1 จุด พร้อม Siren (เสียงและไฟกะพริบ) แจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน 1 จุดตรงบริเวณที่จอดรถด้วย นอกจากนั้นบริเวณด้านหลังที่จอดรถมีพื้นที่เก็บของเล็กๆสำหรับเก็บอุปกรณ์รถยนต์หรือทำสวนได้สะดวกดี
ทางโครงการออกแบบพื้นยกระดับสูงขึ้นมานิดนึงเป็นกันชนเวลาจอดรถบริเวณด้านหน้าบ้าน รวมถึงมีทางลาดรองรับการใช้งานของคนทุกวัยทั้งรถเข็นเด็กหรือวีลแชร์ด้วย โดยมีความกว้างประมาณ 1.20 เมตร
ประตูทางเข้าบ้านเป็นประตูสีน้ำเงินขนาดใหญ่ พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock จำนวน 1 ตัว พร้อมรองรับการใช้งานได้มากถึง 5 ระบบเลย ได้แก่ Keycard, Password, Finger Scan, กุญแจ และ Bluetooth ผ่านแอปพลิเคชัน จึงทำให้ลูกบ้านสามารถใช้งานได้ง่ายดี
Foyer
เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะเจอกับ Foyer พื้นที่ต้อนรับที่ตกแต่งพื้นเป็น Pattern ดูสวยงามเหมือนบ้านตัวอย่างเลยค่ะ ส่วนด้านข้างมีพื้นที่เหมาะทำเป็นพื้นที่นั่งใส่รองเท้าหรือตั้งชั้นวางของ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ
บริเวณด้านข้างของ Foyer สามารถวางเป็นเก้าอี้นั่งใส่รองเท้าเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลยนะคะ รวมถึงติดราวแขวนต่างๆตรงกำแพงเพื่อแขวนร่ม หมวกหรือเสื้อคลุมที่ใช้งานบ่อยๆก็ดีเหมือนกันค่ะ
ห้องเก็บของใต้บันไดด้านข้าง Foyer จะมีเป็นพื้นที่รูปตัว L ขนาดประมาณ 1.700×2.25 เมตร ซึ่งบ้านตัวอย่างได้กั้นพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่เก็บรองเท้าและมีห้องเก็บของเล็กๆด้านใน ทำให้เราสามารถใช้เก็บทั้งรองเท้าและสิ่งของต่างๆได้เป็นระเบียบเรียบร้อยดี
Common Area
พื้นที่ Common Area ของแบบบ้านนี้จะคล้ายกับบ้านเดี่ยวเลยนะคะ โดยจัด Common Area อยู่โซนหลังบ้าน ทำให้เชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวหลังบ้านและได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น พร้อมออกแบบเป็น Open Plan ขนาดใหญ่ประมาณ 3.80×5.20 เมตร เชื่อมพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร มีประตูกระจกเกือบตลอดแนวผนังเป็นรูปตัว L เปิดรับแสงและวิวได้กว้าง ทำให้ได้บรรยากาศภายในบ้านที่โปร่งสบาย
สำหรับความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานของชั้น 1 อยู่ที่ 2.75 เมตร และเลือกปูพื้นชั้น 1 เป็นกระเบื้องพอร์ซเลน พร้อมผนังภายในบ้านที่ติด Wallpaper มาให้ทั้งหลัง (ยกเว้นห้องครัว,ห้องเก็บของ,ห้องแม่บ้าน เป็นผนังทาสีขาว) และติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ค่ะ
นอกจากนั้นได้ติดตั้งระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีต่างๆภายในบ้านมาจัดเต็มเหมือนบ้านเดี่ยว ได้แก่ IP Camera 2 จุด, Magnetic Sensor, Smart Switch, IR Controller, SOS Button และระบบ Home Automation ต่างๆภายในบ้านผ่าน Application MYHAUS ส่วน Solar Cell ในบ้านแฝดจะไม่ได้ติดตั้งมาให้เหมือนบ้านเดี่ยวนะคะ แต่ทางโครงการได้เตรียมระบบท่อมาให้เรียบร้อยเพื่อรองรับการติดตั้ง Solar Cell ในอนาคตค่ะ
พื้นที่นั่งเล่น
พื้นที่นั่งเล่นสามารถตกแต่งเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย ทั้งวางโซฟา 3 ที่นั่ง พร้อม Armchair ด้านข้าง มีพื้นที่ตั้งโต๊ะกลางและชั้นวางทีวีได้ ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารจะอยู่ถัดจากพื้นที่นั่งเล่น ตั้งโต๊ะยาวรองรับ 6 ที่นั่งสบายๆ รวมถึงทางโครงการออกแบบมีประตูกระจกหลายจุดกระจายอยู่ทั้งด้านข้าง-หลังบ้าน ทำให้ดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในบ้านและเปิดรับวิวสวนสีเขียวรอบบ้าน ทำให้ได้บรรยากาศสดชื่นดีเลยค่ะ
ห้องครัวแบบปิด
ห้องครัวแบบปิดขนาด 1.70×3.50 เมตร พร้อมประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน แบบแขวน ทำให้ตรงพื้นไม่มีรางประตูจึงเดินได้ไม่สะดุด รวมถึงสามารถใช้งานได้ยืดหยุ่นทั้งทำอาหารเบาๆหรือจริงจังได้ เวลาประกอบอาหารที่มีกลิ่นหรือควันเยอะก็เลื่อนประตูปิดเพื่อป้องกันไม่ให้ควันต่างๆลอยไปภายในบ้านได้ เวลาไม่ได้ใช้งานก็เปิดบานประตู ทำให้ได้บรรยากาศภายในบ้านที่กว้างมากขึ้น
ทางลูกบ้านสามารถ Built-in เคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว L เหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย อีกทั้งเลือกแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ตามความชอบค่ะ ซึ่งทางโครงการได้ทาผนังห้องครัวเป็นสีขาว พร้อมเตรียมงานระบบต่างๆมาเรียบร้อยแล้วด้วย
ลานซักล้าง
ลานซักล้างมีขนาดประมาณ 2.00×3.20 เมตร โครงสร้างแบบ Slab on Beam ลงเสาเข็ม ปูพื้นคอนกรีตขัดเรียบ โดยอยู่ติดกับห้องครัวมีประตูกระจกเปิดออกไปยังพื้นที่ลานซักล้าง โดยใช้เป็นพื้นที่สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากเสื้อผ้า ซึ่งทางโครงการได้ออกแบบระแนงอะลูมิเนียมสีดำบางส่วนตรงลานซักล้างเหมือนบ้านก่อนหน้านี้ ทำให้ช่วยพรางสายตาจากด้านนอกและซักผ้า-ตากผ้าได้สบายใจมากขึ้น
สวนด้านข้างบ้าน
สวนด้านข้างบ้านมีความกว้างประมาณ 2 เมตร สามารถตกแต่งเป็นมุมนั่งเล่นกลางแจ้งแบบนี้ได้เลย พร้อมปลูกต้นไม้ล้อมรอบเพิ่มบรรยากาศสดชื่น รวมถึงได้ร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ด้วย แต่เราสามารถหาร่มหรือต่อเติมหลังคากันสาดได้นะคะ ทำให้สามารถนั่งใช้งานได้นานขึ้นค่ะ
พื้นที่สวนหลังบ้าน
สำหรับพื้นที่สวนด้านหลังบ้านสามารถออกแบบเหมือนบ้านตัวอย่างทั้งตั้งโต๊ะ-เก้าอี้กลางแจ้ง พร้อมปลูกต้นไม้ล้อมรอบ เพิ่มวิวสีเขียวได้ นอกจากนั้นจะมีรั้วสีดำออกแบบเป็นซี่ๆ พร้อมประตูเปิดออกไปยังพื้นที่สวนส่วนกลางอย่าง British Backyard ได้
ซึ่งถือเป็นฟังก์ชันพิเศษของโครงการนี้ที่เราไม่เคยเห็นในโครงการอื่นมาก่อนเลยนะ นอกจากจะช่วยเพิ่มระยะห่างจากเพื่อนบ้านด้านหลังแล้ว ยังสามารถพาสัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่นหรือนั่งพักผ่อนภายในพื้นที่สวนส่วนกลางนี้ได้ง่ายๆเลย รวมถึงทางโครงการได้ติดตั้ง IP Camera เพิ่มมาให้อีก 1 จุด ที่ประตูออกสวน British Backyard ค่ะ
แต่แน่นอนว่าพอเป็นพื้นที่ส่วนกลางจึงมีลูกบ้านคนอื่นมาใช้งานได้เหมือนกัน ทำให้เราอาจจะใช้งานพื้นที่สวนหลังบ้านได้ไม่เป็นส่วนตัวมากนัก แต่ก็แลกมากับการการันตีว่าเราจะได้วิวสีเขียวที่สวยงามนี้ไปตลอดเพราะมีทางโครงการคอยดูแลรักษาให้ดูสวยงามและร่มรื่นค่ะ ซึ่งมีบ้านเพียง 4 โซนเท่านั้นที่มี British Backyard ด้านหลังบ้านนะคะ หากใครสนใจก็รีบจับจองกันได้เลย
ต่อมาเราพากลับเข้ามาด้านในบ้านกันจะเจอกับห้องนอนชั้นล่างและห้องน้ำที่แบบบ้านนี้จะไม่มีกำแพงกั้นบังสายตาจากประตูทางเข้าบ้านมายังห้องนอนเหมือนบ้านเดี่ยวนะคะ ทำให้อาจจะรู้สึกไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ แต่เราชอบที่ได้พื้นที่โล่งๆดีเหมือนกัน เพราะสามารถเข็นวีลแชร์เข้า-ออกห้องได้สบายเลย โดยเฉพาะเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถเข็นวีลแชร์ไปขึ้นรถยนต์ได้ทันที
สำหรับห้องนอนชั้นล่างจะไม่มีห้องน้ำในตัว แต่มีออกแบบกำแพงบางส่วนของห้องน้ำเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูน เพื่อรองรับการทำห้องน้ำแบบ Double Access จึงเข้า-ออกห้องน้ำจากภายในห้องนอนชั้นล่างได้ค่ะ
ห้องนอนชั้นล่าง
ห้องนอนชั้นล่างมีขนาด 2.60×3.50 เมตร เหมาะเป็นห้องนอนของผู้สูงอายุเพราะทางโครงการได้ปูพื้นเป็น Absorption Floor ช่วยลดแรงกระแทกเวลาเดินหรือล้มมาเรียบร้อยเลย ภายในห้องมีพื้นที่วางเตียง 5 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนบริเวณปลายเตียงก็มีพื้นที่ให้ตั้งตู้เสื้อผ้าหรือชั้นวางทีวีได้ค่ะ รวมถึงด้านข้างมีประตูบานเลื่อนที่เปิดไปยังพื้นที่สวนหลังบ้านและยังช่วยเปิดรับแสงและวิวสีเขียวให้ห้องนอน สร้างบรรยากาศสดชื่น ไม่อุดอู้
ห้องน้ำชั้นล่าง
ห้องน้ำชั้นล่างมีขนาด 1.60×2.20 เมตร ปูพื้นกระเบื้องพอร์ซเลน โดยออกแบบมารองรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะเลย เพราะพื้นห้องน้ำมีระดับเดียวกับพื้นห้องนอน พร้อมรางระบายน้ำแบบเรียบๆตรงประตูห้องน้ำจึงเดินหรือเข็นวีลแชร์เข้าใช้งานในห้องน้ำได้ไม่สะดุด รวมถึงติดตั้ง SOS Button ปุ่มกดขอความช่วยเหลือภายในห้องน้ำมาให้ด้วย
ทางโครงการออกแบบกำแพงบางส่วนของห้องน้ำเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูน จึงสามารถทุบกำแพง ทำเป็นห้องน้ำแบบ Double Access และติดตั้งเป็นประตูบานเลื่อนเปิด-ปิดได้ง่ายจากในห้องนอนเลยค่ะ โดยออกแบบห้องน้ำแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียก พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดจาก KOHLER ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีความกว้างประมาณ 1.00 เมตร พร้อมติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower และเดินระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ รวมถึงมีก่อที่นั่งอาบน้ำพร้อมอุปกรณ์ราวจับช่วยพยุงเวลาลุก-นั่งมาให้คุณปู่ คุณย่าใช้งานได้ง่ายด้วย
บันได
หลังจากเราพาชมชั้น 1 เรียบร้อยแล้ว เราจะพาขึ้นไปชั้น 2 กันต่อเลยค่ะ โดยโครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยพื้น SPC ลายไม้ มีความกว้างบันไดประมาณ 1.00 เมตร มีราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็กและมือจับเป็นไม้สำเร็จรูปทำสีเหมือนตัวบันได รวมถึงออกแบบมีช่องหน้าต่าง ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในโถงบันไดไม่ให้มืดทึบด้วย
เมื่อขึ้นมาชั้น 2 จะเจอกับโถงทางเดินแยกไปพื้นที่อเนกประสงค์ฝั่งด้านหน้าบ้านและ Master Bedroom ที่อยู่ฝั่งด้านหลังบ้าน ส่วนพื้นที่ตรงกลางจะเป็นห้องงานระบบค่ะ ซึ่งเราสามารถกั้นประตูแบ่งโซนบันไดและโซนพื้นที่อเนกประสงค์-Master Bedroom ได้นะคะ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น รวมถึงได้พื้นที่อเนกประสงค์นี้เป็นของ Master Bedroom เลย จึงเหมือนได้ Master Bedroom แบบ Penthouse นั่นเอง
สำหรับชั้น 2-3 จะเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็น SPC ลายไม้ ที่เหมาะแก่การพักผ่อนมากขึ้น มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานของชั้น 2 อยู่ที่ 2.70 เมตร ส่วนชั้น 3 มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.60 เมตรค่ะ
พื้นที่อเนกประสงค์ ชั้น 2
พื้นที่อเนกประสงค์จะตั้งอยู่ฝั่งด้านหน้าบ้านมีขนาดประมาณ 3.50×5.50 เมตร สามารถตกแต่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นหรือนั่งทำงานของ Master Bedroom เหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย ทั้งวางโซฟา 3-4 ที่นั่ง โต๊ะกลางและ Built-in ชั้นวางทีวี ส่วนด้านหลังพื้นที่นั่งเล่นก็ทำ Built-in ชั้นวางของและตั้งโต๊ะทำงานได้ พร้อมกั้นผนังเบาหรือกระจกที่ไม่กระทบต่อโครงสร้างบ้าน เพื่อแบ่งโซนการใช้งานได้ค่ะ รวมถึงยังคงออกแบบช่องแสงหลายจุด เพื่อเปิดรับแสงและวิวได้ดี
ระเบียงส่วนตัว
ระเบียงส่วนตัวมีขนาด 2.00×2.10 เมตร ปูพื้นกระเบื้องพอร์ซเลน สามารถใช้เป็นมุมนั่งเล่น พร้อมปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน รวมถึงทางโครงการออกแบบหลังคาช่วยบังแสงแดดได้บางส่วนเหมือนกัน ทำให้เรามาใช้งานพื้นที่นี้ในตอนกลางวันได้นานมากขึ้น นอกจากนั้นมี Siren แจ้งเตือนที่เชื่อมต่อกับปุ่ม SOS ในห้องน้ําชั้นล่าง เพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉินด้วย
Master Bedroom
Master Bedroom มีขนาดประมาณ 3.70×5.25 เมตร อยู่ติดกับพื้นที่อเนกประสงค์ ทำให้ลูกบ้านสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี ภายในห้องวางเตียง 6 ฟุต, โต๊ะข้างเตียง 2 ฝั่งและชั้นวางทีวีบริเวณปลายเตียงได้สบาย รวมถึงมีพื้นที่ด้านข้างทำเป็นมุมนั่งเล่น อ่านหนังสือได้เลยค่ะ
ระเบียงส่วนตัว
จากที่เราได้เกริ่นไปตั้งแต่ต้นนะคะว่าแบบบ้านนี้เป็นเพียงแบบเดียวที่มีระเบียงส่วนตัวภายใน Master Bedroom หันไปทางด้านหลังบ้าน โดยมีขนาด 0.90×3.70 เมตร เพราะทางโครงการตั้งใจออกแบบให้ลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นตรงระเบียงนี้และมองลงมาชมวิวสวนส่วนกลางด้านหลังบ้านอย่าง British Backyard ที่สวยงามได้นั่นเอง
Walk-in Closet ของ Master Bedroom
ถัดจาก Master Bedroom จะเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ขนาดประมาณ 1.60×4.55 เมตร ที่กั้นแบ่งโซนเป็นสัดส่วนเลย โดยเราสามารถทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งหน้าเหมือนทางบ้านตัวอย่างได้ จะมีพื้นที่ยืนแต่งตัวกว้าง 1.30 เมตรและเชื่อมต่อกับ Master Bathroom จึงใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี
Master Bathroom
Master Bathroom มีขนาดประมาณ 1.70×4.55 เมตร ติดตั้งเป็นประตูบานเลื่อน จึงเปิด-ปิดได้ง่าย ส่วนภายในห้องออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้ชัดเจน พร้อมเลือกใช้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทั้งหมดจาก KOHLER โดยเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเป็นแบบ His & Her รองรับการใช้งานพร้อมกัน ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีความกว้าง 0.85 เมตร ติดตั้งฝักบัวแบบ Hand และ Rain Shower พร้อมติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำ ทำให้น้ำไม่กระเด็นไปเลอะบริเวณอื่น รวมถึงบริเวณด้านข้างห้องน้ำจะติดตั้งอ่างอาบน้ำแบบฝังที่มีความยาวอ่างประมาณ 1.30 เมตร พร้อมระบบหัวพ่นน้ำเพื่อนวดผ่อนคลาย ทำให้ลูกบ้านมานอนแช่น้ำได้สบายเลย
พื้นที่อเนกประสงค์ ชั้น 3
ต่อมาเราพาขึ้นมาชั้น 3 กัน โดยจะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์ ขนาดประมาณ 2.00×4.50 เมตร ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามการใช้งานเลยนะคะ อย่างทางบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งเป็นพื้นที่ทำงาน อ่านหนังสือและเล่นเกม รวมถึงมีพื้นที่สำหรับตั้งโชว์ของสะสมด้วย ลูกบ้านสามารถใช้เป็นไอเดีย นำไปปรับใช้กันได้ค่ะ
หลังจากเราขึ้นบันไดมาแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอกับโถงทางเดินที่แยกไปห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง โดยมีพื้นที่ตรงกลางสามารถตั้งชั้นวางของได้นะคะ ซึ่งเราจะพาไปดูห้องนอนรอง 1 ที่อยู่ฝั่งด้านหน้าบ้านกันก่อน
ห้องนอนรอง 1
ห้องนอนรอง 1 มีขนาด 3.60×4.80 เมตร ถือว่ามีขนาดใหญ่ไม่แพ้ Master Bedroom เลยนะ ทำให้เหมือนได้ Double Master Bedroom นั่นเอง ส่วนพื้นที่ภายในห้องสามารถออกแบบตกแต่งเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย โดยวางเตียง 6 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียง 2 ฝั่ง มีพื้นที่ด้านข้างทำมุมนั่งเล่น ส่วนบริเวณปลายเตียงก็ทำ Built-in ชั้นวางทีวีได้สบายๆ
Walk-in Closet ของห้องนอนรอง 1
ทางโครงการได้ตกแต่งเป็นไอเดียให้ดูว่าขนาดทำ Built-in ชั้นวางทีวีแล้ว ยังมีพื้นที่เหลือให้ทำ Walk-in Closet แบบ Built-in ตู้เสื้อผ้าเต็มผนังเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย ซึ่งขนาดตกแต่งจัดเต็มแล้วยังมีพื้นที่ภายในห้องแบบเหลือๆเลยนะคะ
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1 ก็ออกแบบเหมือนห้องน้ำอื่นๆเลยนะ โดยมีขนาด 1.45×2.65 เมตร พร้อมออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้ชัดเจนและติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดจาก KOHLER ส่วนพื้นที่อาบน้ำกว้าง 0.85 เมตร และติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower พร้อมเดินระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อยค่ะ ส่วนฉากกั้นกระจกอาบน้ำก็สามารถหาซื้อมาติดตั้งเพิ่มเองได้ ทำให้น้ำไม่กระเด็นไปเลอะบริเวณอื่น
ห้องนอนรอง 2
ห้องนอนรอง 2 มีขนาดประมาณ 3.60×3.80 เมตร โดยอยู่ทางฝั่งด้านหลังบ้าน สามารถตกแต่งเหมือนบ้านตัวอย่างได้ทั้งวางเตียง 5-6 ฟุต โต๊ะข้างเตียง 2 ฝั่ง ทำ Built-in โต๊ะอ่านหนังสือและชั้นวางของตรงปลายเตียงได้ รวมถึงมีพื้นที่ด้านข้างทำมุมนั่งเล่นและเหมาะทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าเต็มผนังค่ะ
พื้นที่ด้านหน้าของห้องน้ำ
บริเวณด้านหน้าห้องน้ำของห้องนอนรอง 1 จะมีพื้นที่กว้างประมาณ 1.15 เมตร สามารถทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าเล็กๆ เหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย ดังนั้นเราจึงมองว่าให้ทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าตรงพื้นที่ด้านข้างเตียงนอนดีกว่า จะได้สามารถเก็บเสื้อผ้าได้เยอะดี มีพื้นที่ตั้งโต๊ะแต่งหน้าด้วย ส่วนพื้นที่บริเวณด้านหน้าห้องน้ำนี้ก็ตั้งเป็นชั้นวางของได้ค่ะ
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2 มีขนาด 1.50×2.30 เมตร ออกแบบคล้ายกับห้องน้ำอื่นๆเลย มีการแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้ชัดเจน เลือกใช้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดจาก KOHLER ส่วนพื้นที่อาบน้ำกว้าง 0.85 เมตร ติดตั้งฝักบัวแบบ Hand Shower พร้อมเดินระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ค่ะ ส่วนห้องน้ำนี้จะออกแบบหน้าต่างมาเกือบเต็มหนังห้องน้ำ ช่วยดึงแสงแดดเข้ามาภายในห้องน้ำได้เยอะและมีหน้าต่างบานกระทุ้งด้านบน เพื่อเปิดระบายอากาศได้และเลือกใช้เป็นกระจกแบบฝ้าค่ะ
SCOTCH PINE (สก๊อช ไพนน์)หลังจากเราพาไปเจาะลึก 2 แบบบ้านกันแล้ว เราได้เก็บภาพบรรยากาศของ SCOTCH PINE (สก๊อช ไพนน์) มาให้ชมกันด้วย ซึ่งเป็นบ้านแฝด 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 35.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 205 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ ถือเป็นแบบบ้านหลังเล็กสุดของโครงการเลยค่ะ มีจุดแตกต่างกับแบบบ้านอื่นๆ คือ ออกแบบ Master Bedroom อยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน ทำให้ได้ระเบียงส่วนตัวและมีพื้นที่อเนกประสงค์ชั้น 2 อยู่ทางฝั่งหลังบ้าน สำหรับ Master Bedroom และห้องนอนรอง 1 จะมีออกแบบเป็นพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำเป็นแนวยาว
ชั้น 1
- ที่จอดรถ 3 คัน พร้อมห้องเก็บของ, Junction Box รองรับ EV Charger และทางลาดรองรับวีลแชร์
- Foyer พื้นที่ต้อนรับ สามารถตั้งชั้นวางรองเท้าและที่นั่งใส่รองเท้า
- ห้องเก็บของใต้บันได สามารถเก็บของได้เยอะ หรือเป็นห้องรองเท้าได้
- พื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่ เชื่อมพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร
- ห้องครัวแบบปิด มีประตูกั้นทำเป็นครัวไทยได้
- ลานซักล้าง สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากผ้า
- ห้องนอนชั้นล่าง รองรับผู้สูงอายุได้
- ห้องน้ำชั้น 1 ออกแบบรองรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
- พื้นที่สวนรอบบ้านขนาดใหญ่ รองรับกิจกรรมหลากหลาย
ชั้น 2
- Master Bedroom ขนาดใหญ่อยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน มีพื้นที่ทำ Walk – in Closet และมุมนั่งเล่นในห้องได้
- ระเบียงส่วนตัวของ Master Bedroom เปิดรับวิวด้านหน้าบ้าน
- Master Bathroom มีเคาน์เตอร์แบบ His & Her, Rain Shower และอ่างอาบน้ำแบบฝัง
- พื้นที่อเนกประสงค์อยู่ฝั่งด้านหลังบ้าน ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นและทำงานของ Master Bedroom ได้
ชั้น 3
- มีพื้นที่ตั้งชั้นวางของหรือทำมุมหิ้งพระ
- ห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง วางเตียง 5-6 ฟุตได้สบาย พร้อมห้องน้ำในตัว
- ห้องนอนรอง 1 มีขนาดใหญ่ เหมือนได้ Double Master Bedroom มีพื้นที่ทำ Walk – in Closet และมุมนั่งเล่นในห้องได้
พื้นที่จอดรถ 3 คัน
ภาพบรรยากาศบริเวณชั้น 1 ของแบบบ้าน SCOTCH PINE
Master Bedroom
ภาพบรรยากาศบริเวณชั้น 2 ของแบบบ้าน SCOTCH PINE
ห้องนอนรอง 1
ภาพบรรยากาศบริเวณชั้น 3 ของแบบบ้าน SCOTCH PINE
ราคา
PINE WELLNESS RESIDENCE PRACHACHUEN (ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น) ราคา ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2567
- MONTEREY PINE (มอนเทอเร่ย์ ไพนน์) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 51.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 255 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 18 ล้านบาท - VIRGINIA PINE (เวอจิเนียร์ ไพนน์) บ้านแฝด 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 39 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท - VIRGINIA PINE II (เวอจิเนียร์ ไพนน์ ทู) บ้านแฝด 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 39.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 235 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท - SCOTCH PINE (สก๊อช ไพนน์) บ้านแฝด 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 35.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 205 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท - ค่าจอง 50,000-100,000 บาท
- ค่าทำสัญญา 150,000-200,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 78 บาท/ตร.วา/เดือน*
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
โครงการนี้ถือเป็นโครงการบ้านใกล้ทางด่วน รถไฟฟ้าและรร.นานาชาติ สามารถอยู่อาศัยและใช้ชีวิตได้สะดวกสบาย ไปทำงานหรือเรียนก็ง่าย โดยตั้งอยู่บนเส้นสามัคคี เชื่อมไปถนนติวานนท์ แจ้งวัฒนะและประชาชื่นได้สะดวก ใกล้ทางพิเศษศรีรัชและทางยกระดับอุตราภิมุขในระยะไม่เกิน 8 กิโลเมตร มีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีสามัคคีเป็นตัวเลือกในการเดินทาง
ตัวโครงการตั้งอยู่บนทำเลที่มีความเป็นชุมชนสูง สามารถหาซื้อของกินของใช้ได้สบาย พวกห้างหรือร้านใหญ่ๆจะอยู่บนเส้นถนนแจ้งวัฒนะและงามวงศ์วานทั้ง The Mall Lifestore งามวงศ์วาน, Pantip งามวงศ์วาน, Charn At The Avenue Chaengwattana, Central แจ้งวัฒนะ, Makro แจ้งวัฒนะและ Lotus’s แจ้งวัฒนะ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีโรงเรียนนานาชาติชื่อดังทั้ง ISB International School และ St.Andrews Samakee International School ในระยะไม่เกิน 2 กิโลเมตร ส่วนโรงพยาบาลจะมีทั้งโรงพยาบาลนนทเวช, โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลและโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่นในระยะไม่เกิน 10 กิโลเมตรค่ะ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
ทางเข้า-ออกเป็นรั้วกั้นไม้กระดกและรั้วเหล็กรางเลื่อน พร้อมระบบ Bluetooth ระยะไกล, ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 20 จุด รั้วทึบรอบโครงการสูง 3 เมตร ต่อด้วยเหล็กแหลมหรือระแนงสูง 0.60 เมตร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
ส่วนตัวบ้านติดตั้ง Digital Door Lock ที่ประตูทางเข้าของบ้านทุกหลัง, Magnetic Sensor บริเวณประตู-หน้าต่างชั้น 1, IP Camera บริเวณที่จอดรถและ Common Area (แบบบ้าน VIRGINIA PINE มีกล้องเพิ่มอีก 1 จุด ที่ประตูออกสวน British Backyard), Siren (เสียงและไฟกะพริบ) แจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน 1 จุด บริเวณที่จอดรถ และ SOS Button ปุ่มกดขอความช่วยเหลือสำหรับผู้สูงอายุ บริเวณห้องน้ำชั้นล่างค่ะ
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
ถึงแม้บรรยากาศโดยรอบโครงการจะมีความคึกคักสูง แต่ออกแบบให้ตัวโครงการอยู่ด้านใน มีระยะห่างจากถนน ทำให้ได้บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การอยู่อาศัยมากขึ้น สำหรับพื้นที่ส่วนกลางอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ นอกจากจะเป็นมุมต้อนรับที่สวยงามแล้ว ยังเป็นการแยกการใช้งาน ทำให้โซนบ้านพักอาศัยได้ความเป็นส่วนตัว อีกทั้งบ้านส่วนใหญ่หันไปทางทิศเหนือ-ใต้ ไม่โดนแดดโดยตรงและได้ลมดี
ส่วนตัวบ้าน สามารถจัดฟังก์ชันได้ลงตัว มี 4 ห้องนอนทุกหลัง รองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวขนาดใหญ่พร้อมผู้สูงอายุได้สบายๆ เพราะออกแบบมีทางลาด ห้องนอนชั้นล่างพร้อมห้องน้ำมีราวจับและที่นั่งอาบน้ำ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่อเนกประสงค์อยู่หลายจุดรองรับกิจกรรมและการใช้งานที่หลากหลายได้
วัสดุ :
โครงสร้างแบบ Precast จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ลงตัว พร้อมผนังภายในติด Wallpaper มาให้ทั้งหลัง ส่วนบริเวณกำแพงของห้องน้ำชั้นล่างบางส่วนเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูน รองรับการทำห้องน้ำแบบ Double Access ได้ ที่จอดรถและลานซักล้างเป็นแบบ Slab on Beam ไม่ต้องกลัวพื้นทรุด ส่วนวัสดุปูพื้นชั้น 1 เป็นกระเบื้องพอร์ซเลน และวัสดุลดแรงกระแทก (Absorption Floor) ในห้องนอนล่าง ส่วนชั้น 2-3 เป็น SPC ลายไม้ สำหรับสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก KOHLER ทั้งหมดค่ะ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
ทางโครงการจัดสวนและปลูกต้นไม้ทั้งเล็ก-ใหญ่ตลอดแนวถนนตั้งแต่ซุ้มประตูโครงการมายังด้านในโครงการ ทำให้ได้บรรยากาศร่มรื่นเวลาเข้า-ออกโครงการ ส่วนพื้นที่สวนสีเขียวอยู่บริเวณตรงกลางโครงการ พร้อมปลูกต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบสวน เพื่อเป็นร่มเงาภายในสวนและเพิ่มบรรยากาศน่าอยู่อาศัยภายในโครงการค่ะ
สาธารณูปโภค :
นอกจากส่วนกลางมาตรฐานทั่วไปแล้ว ยังมีฟังก์ชันส่วนกลางที่น่าสนใจที่เราไม่ค่อยเห็นในบ้านแนวราบ ได้แก่ Concierge Service คอยอำนวยความสะดวก, Wellness Room ห้องรองรับการบริการให้คําปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ* จาก รพ.วิมุต และ British Backyard สวนหลังบ้านพักอาศัย นอกจากนั้นทางโครงการออกแบบโครงการเพื่อรองรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ มีทั้งทางลาดทั่วทั้งส่วนกลาง, ลิฟต์โดยสาร, ห้องน้ำพร้อมพื้นที่อาบน้ำ ติดตั้งอุปกรณ์ราวจับ-เก้าอี้อาบน้ำมาเรียบร้อย และ Senior Zone
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 12-20 ล้านบาท*, 7 ตุลาคม 2567
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ติดถนนสามัคคี ขึ้นทางด่วนได้ง่าย มี MRT สีชมพูให้ใช้งาน ทำเลคึกคัก สามารถหาซื้อของกินของใช้ได้ง่าย
- ความปลอดภัย 7.75/10 – รั้วกั้นไม้กระดกและรั้วเหล็กรางเลื่อน, Bluetooth ระยะไกล, CCTV 20 จุด, รั้วทึบ 3 เมตร ต่อด้วยเหล็กแหลมหรือระแนงสูง 0.60 เมตร, รปภ. 24 ชั่วโมง, Digital Door Lock, Magnetic Sensor, IP Camera, Siren และ SOS Button
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 3 ชั้น รองรับ 4 ห้องนอน มีห้องนอนชั้นล่างทุกหลังและมีพื้นที่อเนกประสงค์หลายจุด
- วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้ เหมาะสมการใช้งาน
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – สวนสีเขียวบริเวณด้านหน้าโครงการ พร้อมจัดสวนตลอดแนวถนนภายในโครงการ ได้บรรยากาศร่มรื่นดี
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – มีฟังก์ชันหลักๆครบ แต่ออกแบบรองรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ รวมถึงมีฟังก์ชันที่ไม่เคยเห็นในบ้านแนวราบ ได้แก่ Concierge Service, Wellness Room ห้องรองรับการบริการให้คําปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ* จาก รพ.วิมุต และ British Backyard สวนหลังบ้านพักอาศัย
- 7.94 / 10.00
PINE WELLNESS RESIDENCE PRACHACHUEN (ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น) เหมาะกับใคร
โครงการ PINE WELLNESS RESIDENCE PRACHACHUEN (ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น) เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย ชอบทำเลคึกคัก ใกล้ทางด่วนและรถไฟฟ้า ส่วนตัวบ้านมีห้องชั้นล่างและส่วนกลางรองรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ รวมถึงน่าสนใจที่มีฟังก์ชันส่วนกลางที่ไม่ค่อยเห็นในบ้านแนวราบ ได้แก่ Concierge Service, Wellness Room และ British Backyard นอกจากนั้นยังมี Health & Wellness Service จาก รพ.วิมุต ทำให้ลูกบ้านวางใจในเรื่องสุขภาพได้เลย มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 12-20 ล้านบาท* หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 72,000-140,000 บาท*
ตัวอย่างโครงการโดยรอบบนทำเลเดียวกัน
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่