..ใครกำลังมองหาบ้านเดี่ยวที่เน้นความเป็นส่วนตัวไม่เหมือนใครในย่านกรุงเทพกรีฑา วันนี้ผมจะพาไปชมโครงการ Noble Norse กรุงเทพกรีฑา แบบบ้านดีไซน์ใหม่จาก Noble ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้รีวิวทาวน์โฮมโครงการฝาแฝดอย่าง Nue Verse Krungthep Kreetha ที่อยู่ติดกันเมื่อตอนต้นปีไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงคิวของ Noble Norse ที่บ้านตัวอย่างและส่วนกลางเพิ่งจะสร้างเสร็จหมาดๆ พร้อมให้เข้าชมกันแล้ววันนี้ โดยจะมีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้
- ดีไซน์เน้นความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ว่าจะเป็น Facade ด้านหน้าบ้าน / ช่องแสง และการจัดฟังก์ชันสำคัญๆให้ไปอยู่ทางโซนด้านหลังบ้าน
- มี Courtyard ตรงกลางบ้าน ช่วยเรื่องแสงสว่าง / Ventilation และสามารถปลูกต้นไม้เพิ่มเติม เพื่อให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติได้มากขึ้น
- ฟังก์ชันมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามต้องการ
- ส่วนกลางจัดสระว่ายน้ำไว้บนชั้น 2 ของ Clubhouse ไม่เหมือนใครในย่าน
- ทำเลติดถนนใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์ ใกล้ทางด่วนและโรงเรียนนานาชาติ
ข้อมูลโครงการ
Noble Norse Krungthep Kreetha (โนเบิล นอร์ส กรุงเทพกรีฑา) ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2567
ชื่อโครงการ | Noble Norse Krungthep Kreetha (โนเบิล นอร์ส กรุงเทพกรีฑา) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนน ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า เขต สะพานสูง |
ที่ดิน | 18-1-92.1 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 73 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.8 – 3 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | 177,500 บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2566 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี n/a |
เว็บไซต์โครงการ | https://pxl.to/NobleNorseKrungthepKreetha |
โทร | 02-251-9955 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ติดถนนใหญ่ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า สามารถกลับรถเข้าเมืองหน้าโครงการได้ง่าย
- ทำเลมีความอุดมสมบูรณ์ หาของกินง่าย มีทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และโรงเรียนนานาชาติ
- มีตัวเลือกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทางด่วนศรีรัช ถนนกาญจนาภิเษก และมอเตอร์เวย์
พิกัด Google Maps : 13.753823, 100.697822
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
‘ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า’ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อย่าน ‘กรุงเทพกรีฑา’ ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อประมาณ 5 – 6 ปีก่อน และหลังจากนั้นถนนเส้นนี้ก็บูมหนักขึ้นอย่างมาก เพราะเป็นทำเลที่ยังสามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 9 – ห้วยขวางได้ง่าย อีกทั้งยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่บนถนนของตัวเองด้วย ไม่ว่าจะเป็น Little Walk / Market Place และตลาดเดินเล่น รวมถึงยังมีโรงเรียนนานาชาติชื่อดังอีกหลายแห่งด้วยครับ จึงทำให้ช่วงหลายๆปีที่ผ่านมามีโครงการเปิดใหม่ในย่านนี้เยอะมาก โดยเฉพาะโครงการระดับ Luxury ที่เป็นบ้านหรูทั้งหลาย
Noble Norse กรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ตรงบริเวณช่วงตอนปลายก่อนจะถึงวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งด้านหน้าจะมีทางให้กลับรถเข้าเมืองได้ง่ายเลย หรือจะเลี้ยวไปทางมอเตอร์เวย์-กาญจนาภิเษกก็ได้ โดยผมมองว่าโครงการที่ตั้งอยู่ในช่วงไม่เกินวงแหวนฯแบบนี้ ไม่ว่าจะอยู่ตรงตำแหน่งไหนหรือฝั่งไหน ก็มีความสะดวกไม่แพ้กัน เพราะถนนเส้นนี้รถไม่ค่อยติดเลยครับ เป็นถนนเส้นใหญ่ 6 – 8 เลน แถมเรายังสามารถเลือกแวะซื้อของ/ทานอาหารก่อนกลับบ้านได้อีกด้วย
ตัวอย่างความอุดมสมบูรณ์ใกล้โครงการอย่าง Little Walk ที่จะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ ภายในมีร้านอาหารชื่อดังและสิ่งอำนวยความสะดวกครบ รวมถึงยังมี Villa Market ให้เราได้เดินช้อปปิ้งซื้อของเข้าบ้านได้ด้วยครับ
ภายใน Villa Market ก็จะเหมือนซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆเลย มีทั้งของกินของใช้ ของสด และอาหารแช่แข็งครบ แต่ที่ต่างจากห้างทั่วไปก็คือ เค้าจะมีผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศขายด้วย โดยเฉพาะขนมขบเคี้ยวพวกเลย์ ชีโตส ที่ปกติมักจะหาซื้อได้ยากมากๆ แต่สามารถซื้อได้ที่นี่สบายๆเลยครับ
ทางพิเศษศรีรัช :
เป็นทางด่วนที่น่าจะมีโอกาสได้ใช้งานบ่อยที่สุด ซึ่งจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 8 km. ใช้เวลาประมาณ 8 – 10 นาทีก็ถึงครับ แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนอาจมีการจราจรที่ติดขัดตรงถนนศรีนครินทร์ ก็อาจต้องเผื่อเวลาเพิ่มสัก 15 นาที สามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 9 – ห้วยขวางได้สะดวก
มอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่ :
บริเวณด้านหน้าโครงการจะมีทางให้เชื่อมต่อเข้าสู่ทางคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษกได้เลยครับ ซึ่งเราก็สามารถลัดมาเข้ามอเตอร์เวย์เพื่อไปทางชลบุรี-พัทยาได้สะดวกเลย
วงแหวนกาญจนาภิเษก :
เป็นอีกทางพิเศษหนึ่งที่เราสามารถไปใช้ได้ครับ เพียงแต่อาจมีเส้นทางที่ต้องวนอ้อมสักหน่อย คือถ้าเป็นทางแรกก็จะไปขึ้นตรงถนนรามคำแหงตามภาพ โดยใช้ทางคู่ขนานกาญจนาภิเษกลัดเลาะไปเรื่อยๆ มีระยะทางประมาณ 5.7 km.
ส่วนอีกทางก็จะออกไปทางถนนศรีนครินทร์ตามปกติ แล้วจะไปขึ้นวงแหวนจากทางคู่ขนานมอเตอร์เวย์แทนครับ (ขากลับก็จะต้องใช้ทางนี้ด้วยเหมือนกัน) ซึ่งถนนกาญจนาภิเษกสามารถใช้เดินทางไปยังบางนา พระราม 2 หรือรามอินทราได้นั่นเอง
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบของโครงการส่วนใหญ่ก็จะเป็นโครงการแนวราบครับ จึงมีความเงียบสงบเหมาะแก่การอยู่อาศัยดี แถมบริเวณด้านหน้าก็ยังอยู่ติดกับถนนใหญ่ศรีนครินทร์-ร่มเกล้าอีกด้วย และมีจุดให้กลับรถอยู่ทางด้านหน้าเลย จึงสามารถเดินทางได้สะดวกมากๆเลยทีเดียว
- ทิศเหนือ : ติดกับ Nue Verse Krungthep Kreetha และคลองสาธารณะ
- ทิศใต้ : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า
- ทิศตะวันออก : ติดกับ ชุมชนแนวราบ
- ทิศตะวันตก : ติดกับ ชุมชนแนวราบ
และนี่คือบรรยากาศบริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการครับ ซึ่งตรงวงเวียนนี้จะเป็นถนนภาระจำยอมร่วมกันระหว่าง Nue Verse Krungthep Kreetha และ Noble Norse Krungthep Kreetha 2 โครงการ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยในการเข้า-ออก อีกทั้งยังดูสวยงามดีอีกด้วยครับ
ด้านซ้ายของโครงการจะเป็นทางที่มาจากฝั่งถนนศรีนครินทร์-พระราม 9 ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ต่างๆก็จะอยู่ทางด้านนี้แหละครับ ไม่ว่าจะเป็น Little Walk และ Market Place ที่สามารถแวะจับจ่ายใช้สอยกันก่อนกลับเข้าบ้านได้
ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นทางที่มุ่งหน้าไปยังทางคู่ขนานกาญจนาภิเษก ที่เราสามารถเลี้ยวซ้ายหรือขวาก็ได้ รวมถึงยังมีจุดให้กลับรถใต้สะพานเพื่อเข้าเมืองไปทางศรีนครินทร์-พระราม 9 ได้อีกด้วยครับ
และสำหรับโครงการ Noble Norse กรุงเทพกรีฑา จะเป็นซุ้มประตูที่อยู่แยกออกไปทางซ้ายมือแบบนี้ครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Little Walk กรุงเทพกรีฑา ~ 3.1 กม.
- The Park กรุงเทพกรีฑา ~ 4.4 กม.
- สัมมากรเพลส รามคำแหง ~ 4.8 กม.
- Lotus’s Go Fresh กรุงเทพกรีฑา ~ 5.1 กม.
- Market Place สุขาภิบาล 3 ~ 5.7 กม.
- Market Place กรุงเทพกรีฑา ~ 5.9 กม.
- The Paseo Town รามคำแหง ~ 6.4 กม.
- The Mall บางกะปิ ~ 8.4 กม.
- Thanya Park ~ 9 กม.
- The Nine Center, ตลาดเสรีมาร์เก็ต พระราม 9 ~ 10.1 กม.
- The Mall รามคำแหง ~ 10.4 กม.
- Lotus’s, London Street พัฒนาการ ~ 10.9 กม.
- The Paseo Mall ลาดกระบัง ~ 10.9 กม.
- Robinson ลาดกระบัง ~ 11.2 กม.
- Little Walk ลาดกระบัง ~ 11.6 กม.
- Seacon Square ศรีนครินทร์, ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ ~ 12.3 กม.
โรงพยาบาล
- รพ.เกษมราษฎร์ รามคำแหง ~ 5.2 กม.
- รพ.ศิริน ~ 6.2 กม.
- รพ.รามคำแหง 2 ~ 6.9 กม.
- รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 8 กม.
- รพ.วิภาราม พัฒนาการ ~ 8.3 กม.
- รพ.รามคำแหง ~ 8.7 กม.
- รพ.สิรินธร ~ 13.5 กม.
โรงเรียน
- Ascot International School ~ 3.4 กม.
- Wellington College International School ~ 4 กม.
- Heathfield International School ~ 4.7 กม.
- Brighton College Bangkok ~ 6.6 กม.
- รร.เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ~ 6.9 กม.
- รร.นวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ~ 7.5 กม.
- Ramkhamhaeng Advent International School (RAIS) ~ 7.6 กม.
- สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ~ 7.7 กม.
- International Montessori Center (IMC) ~ 7.8 กม.
- Mandarin International School (MIS) ~ 7.9 กม.
- Pensmith STEM International ~ 8 กม.
- Stamford International University ~ 8 กม.
- Assumption University Huamak Campus (ABAC) ~ 8.1 กม.
- ม.รามคำแหง (RU) ~ 8.4 กม.
- Bromsgrove International School ~ 8.6 กม.
- รร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ~ 9 กม.
- รร.สารสาสน์วิเทศร่มเกล้า อินเตอร์ ~ 9.9 กม.
- Ruamrudee International School (RISM) ~ 10 กม.
- RIS Swiss Section Deutschsprachige Schule Bangkok ~ 10 กม.
- Traill International School ~ 10.5 กม.
- Beaconhouse Yamsaard International School (BYIS) ~ 10.5 กม.
- Kincaid International School ~ 10.9 กม.
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) ~ 14.3 กม.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- จำนวนยูนิตน้อยเพียง 73 หลัง มีความเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวาย
- อาคาร Clubhouse มีบรรยากาศที่สวยงามน่าใช้งาน
- สระว่ายน้ำอยู่บนชั้น 2 ของ Clubhouse ถือว่าหาได้ยาก ไม่ค่อยเห็นกันบ่อยๆ ซึ่งจะได้วิวและมีความเป็นส่วนตัวในการใช้งานที่สูงขึ้น
- บ้านในโซนทางทิศใต้น่าสนใจ เพราะจะไม่หันหน้าชนกันใคร และมีความเป็นส่วนตัว
..หากใครเป็นแฟนคลับตัวยงของ Noble ก็คงจะทราบกันดีว่าแต่ละโครงการของ Developer เจ้านี้เค้ามักจะมีคอนเซ็ปต์และ Gimmick เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่เสมอๆ ซึ่งโครงการ Noble Norse กรุงเทพกรีฑา แห่งนี้ก็เช่นกันครับ
โดยเริ่มจากแนวคิด Work Life Harmony คือให้ความสำคัญกับคุณค่าของเวลา สุขภาพ และสภาพแวดล้อมเป็นหลัก เนื่องจากทุกวันนี้คนเรามี Lifestyle ที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตหรือการทำงาน รวมถึงคนเรายังให้ความสำคัญกับงานอดิเรกหรือสิ่งที่ตัวเองชอบมากขึ้นด้วย
ดังนั้น Noble จึงอยากสร้างบ้านที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่อยากให้เป็นสถานที่ที่อยู่แล้วรู้สึกดีทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ด้วยการนำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้ผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด และส่งผลต่อสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัย นั่นแหละคือที่มาของแนวคิด Work Life Harmony ของโครงการแห่งนี้นั่นเองครับ
Master Plan ของโครงการจะมีลักษณะเป็นตอนลึก มีเพื่อนบ้านเพียง 73 ยูนิต ถือว่ามีความเป็นส่วนตัวมากๆ และจัดพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดเอาไว้ด้านหน้า เพื่อเป็นส่วนต้อนรับและทุกคนก็สามารถจอดแวะใช้งานได้สะดวก โดยบ้านในเฟสด้านหน้าสุดจะมีความพิเศษตรงที่ จะเป็นโซนที่อยู่ติดหน้าสวนเลยครับ ทำให้นอกจากจะเดินมาใช้งาน Facilities ได้ง่ายมากๆแล้ว เรายังจะได้วิวธรรมชาติสวยๆจากในบ้านได้อีกด้วย
ส่วนบ้านที่อยู่โซนด้านในเกือบทั้งหมดจะอยู่ติดกับถนน Main ซึ่งจะมีระยะห่างจากเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามมากกว่า 10 m. นอกจากนี้เรายังไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวจากรถที่ผ่านไป-มา เพราะบ้านแต่ละหลังของโครงการถูกออกแบบมาให้ Facade ด้านหน้ามีความเป็นส่วนตัวที่สูงมากๆอยู่แล้วนั่นเอง
แต่ถ้าใครอยากได้บ้านที่ไม่ต้องหันหน้าชนกับใครเลย ก็จะมีบ้านซอยที่ 2 ทางทิศใต้ให้เลือกครับ ซึ่งตัวบ้านจะหันหน้าออกไปทางรั้วโครงการ และด้านหน้าจะเป็นถนน+แนวต้นไม้สีเขียวอยู่ริมรั้ว จึงเป็นโซนปกติที่น่าจะมีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดแล้วนั่นเอง อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนจากแสงแดดมากนักอีกด้วย เพราะ Facade หน้าบ้านที่เป็นผนังทึบจะช่วยป้องกันเอาไว้ให้อยู่แล้วครับ
โดยบ้านหลังใหญ่สุดอย่าง SOL ส่วนมากจะเป็นแปลงมุมที่ได้ที่ดินเยอะหน่อย เหมาะกับคนชอบทำสวนข้างบ้าน แต่ก็มีเพียง 14 ยูนิตเท่านั้น รองลงมาคือแบบ LUFT ไซส์เล็กสุดจะมี 22 ยูนิต และแบบ VIN ไซส์กลางจะมีเยอะสุดอยู่ที่ 36 ยูนิตตามลำดับ (จะมีบ้านแบบพิเศษในอนาคตอีก 1 หลังด้านในสุด ใครสนใจรอติดตามได้ครับ)
ซุ้มประตูทางเข้าโครงการจะเป็นสไตล์ Modern และปิดผิวด้วยลวดลายวัสดุธรรมชาติสวยงาม แบ่งทางเข้า-ออกชัดเจน และกั้นด้วยประตูเหล็กรางเลื่อนที่มีความแข็งแรงปลอดภัย
ระบบเข้า-ออกเป็น RFID ใช้สัญญาณ Bluetooth แบบ Easy Pass บนทางด่วนเลยครับ ส่วนถ้าเป็นแขกหรือ Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับ รปภ. ก่อนตามปกติ
ผ่านเข้ามาด้านในเราจะเจอกับถนนที่เป็นทางเลี้ยวไปด้านซ้าย และมีแนวต้นไม้สีเขียวสดชื่นๆเป็นโซนต้อนรับ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้เป็นอย่างดีครับ เพราะถึงแม้ประตูเหล็กจะเปิดออก คนภายนอกก็จะไม่สามารถมองเข้าไปเห็นด้านในได้เลย
เมื่อเลี้ยวเข้ามาด้านในเราจะเจอกับอาคาร Clubhouse ที่อยู่ด้านซ้ายมือ เป็นสไตล์ Modern ที่ตัดกับธรรมชาติของต้นไม้สวยงาม
บริเวณด้านหน้าอาคารจะมีที่จอดรถของ Visitor ได้ 3 ช่องจอดแบบในร่ม และเราก็สามารถเดินเชื่อมต่อเข้าสู่อาคารได้เลย
เข้ามาภายในเราจะเจอกับโถงต้อนรับที่เป็นแบบ Semi-Outdoor พร้อมปลูกต้นไม้ตรงกลาง และด้านข้างก็จะมีม่านน้ำตกที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศความสวยงามด้วยครับ
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาคาร Clubhouse แห่งนี้ถูกออกแบบมาให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากๆ โดยเราจะสามารถสัมผัสได้ถึงสายลม แสงธรรมชาติ และเสียงน้ำไหลได้ตลอดเวลานั่นเอง
ซ้ายมือจะเป็นทางไป Co-Working Space ซึ่งระหว่างทางก็จะมีชิงช้าให้นั่งเล่นชิลๆ รวมถึงจะมีห้องของนิติบุคคลให้ติดต่อธุระต่างๆด้านข้างได้ด้วย
ภายใน Co-Working Space จะมีที่นั่งให้เลือกทั้งแบบโซฟาและโต๊ะจริงจัง ซึ่งเราสามารถมานั่งพักผ่อน นั่งทำงาน หรือจะใช้เป็น Lounge สำหรับรับรองแขกภายนอกก็ได้
ส่วนอีกด้านหนึ่งของอาคาร Clubhouse จะมีทางแยกออกไปยังห้องน้ำ ซึ่งจะสะดวกสำหรับการใช้งานของคนที่มาใช้ Facilities ที่อยู่ชั้นล่างแบบนี้
ในส่วนของบันไดทางขึ้นชั้น 2 จะถูกออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจาก Cave หรือทางเดินของถ้ำตามธรรมชาติครับ
ขึ้นมาด้านบนเราจะเจอกับห้องน้ำอีกจุดหนึ่ง ซึ่งเอาไว้ใช้สำหรับคนที่มาออกกำลังกาย + ว่ายน้ำที่ชั้นบนได้สะดวก โดยด้านหน้าก็จะมีตู้ล็อคเกอร์ไว้ให้เก็บของได้ด้วย
ภายในห้องน้ำนอกจากจะมีโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าตามปกติแล้ว ยังมีห้องอาบน้ำให้เราได้ใช้งานด้วย ซึ่งก็สามารถอาบน้ำล้างตัวให้เรียบร้อยก่อนกลับบ้านกันได้เลย
ติดกันคือ Fitness จะอยู่บริเวณด้านหน้าสุดของอาคารเลยครับ ภายในโซนแรกจะเป็น Weight Training ซึ่งจะมีอุปกรณ์ให้ใช้งานครบครัน
ส่วนด้านในสุดจะเป็นโซนของ Cardio มีทั้งลู่วิ่งและเครื่องปั่นจักรยานอยู่ติดกับช่องแสงขนาดใหญ่ และจะ Take View ออกไปทางด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะมีสวนและต้นไม้สีเขียวอยู่ตรงแถวๆซุ้มประตูด้านหน้าให้มองดูเพลินๆได้ครับ
ต่อมาจะเป็นโถงทางเดินเชื่อมต่อไปยังสระว่ายน้ำที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของอาคาร
โดยระหว่างทางด้านซ้ายมือจะมีพื้นที่อเนกประสงค์ ให้เราได้มานั่งเล่นพักผ่อน หรือพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆได้ ซึ่งความพิเศษของพื้นที่นี้ก็คือ จะอยู่ตรงกลางระหว่างช่อง Double Volume ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้น 1 ก่อนหน้านี้ได้ด้วย เลยเหมือนกับว่าเป็นพื้นที่ที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศนั่นเอง
ถัดมาจะเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำ และรอบๆก็จะเป็นที่นั่งเล่นทั้งหมด ซึ่งให้มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวครับ
เริ่มจากทางซ้ายมือจะเป็นโซน Day Bed ซึ่งจะอยู่แยกออกมาจากตัวสระว่ายน้ำ และเป็นลักษณะเหมือนโซฟา Bean Bag แต่จะไม่ได้อยู่ติดกับสระ หรือเป็นเตียงนอนแบบโครงการทั่วไป
โดยเราจะสามารถนอนเล่นรับลมเย็นๆ และชมวิวต้นไม้ + ม่านน้ำตกได้ อีกทั้งยังช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวแยกจากคนที่กำลังใช้สระว่ายน้ำได้ด้วยครับ
ส่วนสระว่ายน้ำจะเป็นแบบ Semi-Outdoor ทำให้เราสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกลัวแดดร้อนเลยครับ โดยสระจะมีขนาด 5.1 x 20 m. สามารถออกกำลังกายได้เต็มที่
และด้านข้างสระก็จะมีแบ่งพื้นที่เป็น Kid’s Pool สำหรับเด็กเล็กๆเอาไว้แบบนี้ด้วย
ติดกับสระจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่ให้มาเยอะมาก ซึ่งเราสามารถนั่งพักผ่อนริมสระ หรือใครที่มาว่ายน้ำก็มานั่งได้เหมือนกัน เพราะเบาะรองนั่งตรงนี้จะเป็นแบบที่ใช้กลางแจ้งอยู่แล้วนั่นเอง
อีกหนึ่งความน่าสนใจในการออกแบบคือ ช่องแสงที่อยู่ด้านบน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสว่างให้กับพื้นที่ Clubhouse ทั้งหมด แถมยังได้แสงเงาตอนกลางวันสวยๆด้วย
โดยจะเป็นแสงแบบ Indirect Light ที่ตกกระทบกับผนังแล้วกระจายแสงไปรอบๆ เราจึงไม่ได้โดนแสงหรือความร้อนตรงๆนั่นเอง
บริเวณปลายสระจะเป็นส่วนที่ยื่นออกไปยังโซน Outdoor ให้เราได้ว่ายออกมาชมวิวสวนรอบๆได้ด้วย ซึ่งสระว่ายน้ำที่อยู่บนชั้น 2 แบบนี้ ปกติเราไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก เพราะมีค่าลงทุนที่สูงมากๆ แต่ข้อดีคือจะได้ความเป็นส่วนตัวและวิวที่ดีมากๆด้วยเช่นกัน
อีกหนึ่งสิ่งที่ผมสังเกตเห็นอีกอย่างก็คือ สระนี้จะเป็นแบบระบบน้ำล้น และด้านข้างจะมีน้ำไหลลงสู่เบื้องล่าง ซึ่งเสียงของน้ำตกจะช่วยลดเสียงรบกวนของรถบนถนนใหญ่ ที่อยู่ด้านหน้าโครงการได้พอสมควรเลยทีเดียว (พอดีวันที่ถ่ายรีวิวสระยังไม่เสร็จดี เลยยังไม่ได้เปิดน้ำตกให้เห็นนะครับ)
ด้านข้างจะเป็นบันไดที่เดินเชื่อมต่อลงไปยังสวนที่อยู่ด้านล่างได้โดยตรงครับ
เมื่อลงมาเราจะเจอกับพื้นที่เดินเล่นรอบๆ และมีเครื่องเล่นเด็กตั้งอยู่ด้วย โดยสวนแห่งนี้จะเน้นเป็นพื้นปูน+ทรายล้างที่ดูแลรักษาได้ง่าย พร้อมกับปลูกต้นไม้ประดับเอาไว้สวยงาม มีขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่ก็พอจะมาเดินเล่นได้ครับ
และตัวบันไดที่เห็นจะเป็นทางขึ้นของ Slider ให้น้องๆจะได้เล่นสนุกกันครับ โดยด้านล่างก็จะมีม้าโยกให้เล่นนิดๆหน่อยๆ พร้อมกับปูพื้นยางเอาไว้เพื่อลดอาการบาดเจ็บของเด็กๆเวลาเกิดหกล้ม ส่วนรอบๆก็จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นใต้ร่มไม้ ที่พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถมานั่งดูแลได้อย่างใกล้ชิดเลย
ส่วนบรรยากาศของโครงการที่อยู่ภายในก็จะเป็นประมาณนี้ ซึ่งอย่างที่บอกครับว่าบ้านเกือบทั้งหมดจะอยู่ติดกับถนน Main และเป็นถนนตรงยาวที่จะมีคนสัญจรผ่านไป-มาเยอะหน่อย
แต่ด้วยความที่หน้าบ้านถูกออกแบบมาให้มีความ Privacy สูงอยู่แล้ว ทำให้คนที่อาศัยหรือใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านก็จะไม่ค่อยเสียความเป็นส่วนตัวมากนักนั่นเอง
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse
- Lounge & Co-Working Space
- Fitness
- Swimming Pool บนชั้น 2 แบบ Semi-Outdoor ระบบเกลือ ขนาด 5.1 x 20 m.
- Kid’s Pool
- Playground
- พื้นที่สวนสาธารณะภายในโครงการ 1 จุด พร้อม Waterfall, Gravel Court และ Skywalk with Slider
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 1.5 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
- Key Card Access ระยะไกล ระบบ RFID ใช้สัญญาณ Bluetooth
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วเหล็กรางเลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน
แบบบ้าน
Highlights :
- ดีไซน์เน้นความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ว่าจะเป็น Facade ด้านหน้าบ้าน / ช่องแสง และการจัดฟังก์ชันสำคัญๆให้ไปอยู่ทางโซนด้านหลังบ้าน
- มี Courtyard ตรงกลางบ้าน ช่วยเพิ่มแสงสว่างและ Ventilation ของตัวบ้านได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีการปลูกต้นไม้เพิ่มความสดชื่น และทำให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นอีกด้วย
- ฟังก์ชันบ้านมีความ Flexible สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามต้องการ โดยเฉพาะพื้นที่อเนกประสงค์ต่างๆ ที่เราสามารถกั้นห้องใหม่ หรือทุบเชื่อมต่อกับห้องนอนข้างๆ เพื่อขยายพื้นที่ใช้สอยภายในให้กว้างขวางมากขึ้นได้
- แบบบ้านไซส์เล็กสุดจะมีฟังก์ชันเหมือนกับหลังใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นที่จอดรถ 3 คัน / ห้องนอนชั้นล่าง / พื้นที่อเนกประสงค์ และห้องแม่บ้าน เหมาะกับคนที่มีงบจำกัด แต่ก็ชอบแบบบ้านนี้ของโครงการ และต้องการฟังก์ชันบ้านครบครันแบบนี้
..แบบบ้านของโครงการ Noble Norse กรุงเทพกรีฑา จะเป็นสไตล์ “Modern Barn House” ในรูปแบบของหลังคาโรงนาสูงชันของเมืองนอก ที่ถูกลดทอนทำให้เรียบง่ายทันสมัย และยังเน้นเรื่องความ Privacy ของตัวบ้านมากๆอีกด้วยครับ เพราะถ้าเราดูจากด้านหน้าบ้านก็แทบจะมองไม่เห็นเลยว่าคนด้านในกำลังทำอะไรกันอยู่นั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีแนวคิด “BIOPHILIC DESIGN” สอดแทรกธรรมชาติอย่างต้นไม้ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตัวบ้าน ด้วยการเพิ่มพื้นที่ Courtyard กลางบ้าน และมีกระบะปลูกต้นไม้ตามระเบียงต่างๆ ทำให้สามารถมองเห็นธรรมชาติสีเขียวได้จากทุกมุมบ้าน อีกทั้งยังช่วยเรื่องช่องแสงและ Ventilation ให้สามารถระบายอากาศได้ดีอีกด้วย
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือ โครงการนี้ได้รับรางวัล “บ้านประหยัดพลังงาน REED awards 2023” หนึ่งเดียวในย่านกรุงเทพกรีฑา ซึ่งเกิดจากการออกแบบช่องแสงต่างๆ และมีการติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อช่วยอำนวยความสะดวก + ประหยัดพลังงานเข้ามาในบ้านอีกด้วยครับ โดยบ้านจะมีทั้งหมด 4 แบบประกอบด้วย
- LUFT บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 52.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 244 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ - VIN บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 56.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 262 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ - SOL บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 64.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 343 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / Rooftop
สเปควัสดุและโครงสร้างหลักของบ้าน :
- โครงสร้างบ้าน : ก่ออิฐมวลเบาทั้งหลัง สามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย
- พื้นที่จอดรถ : ลงเข็มลึกเท่ากับตัวบ้าน พื้นเป็นปูนขัดเรียบ
- พื้นที่ซักล้าง : จุดวางแท้งค์น้ำหลังบ้านลงเข็มสั้นลึก 6 m. / ซักล้างตรงห้องแม่บ้านจะอยู่ใต้ชายคาโครงสร้างเดียวกับตัวบ้าน
- โครงสร้างบันได : โครงสร้างเหล็ก ปิดผิวไม้ยางพารา พร้อมราวจับ
- พื้นชั้น 1 : กระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 cm. / ห้องนอนชั้นล่างเป็นไม้ Absorption Floor กันกระแทก
- พื้นชั้น 2 : กระเบื้องยาง SPC ลายไม้
- ชุดครัว : Built-in พร้อมหน้าบานตู้ + ซิงค์ล้างจาน + เครื่องดูดควันจาก TEKA
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ : American Standard
- ประตูรั้วบ้าน : เหล็กรางเลื่อนสีดำ + ติดตั้งมอเตอร์เปิด-ปิดประตูอัตโนมัติทุกหลัง
- สัญญาณกันขโมย : ระบบ Magnetic Sensor ชั้น 1 และกล้อง CCTV 1 จุดทุกหลัง
- รองรับ Junction EV Charger ทุกหลัง
- ระบบไฟฟ้า : แบบบ้าน LUFT และ VIN = 1 เฟส 30/100 , แบบบ้าน SOL = 3 เฟส 30/100
- ติดตั้งระบบ Solar Roof Top บนหลังคาบ้านทุกหลัง : เป็นแบบ On Grid ขนาด 2.20 Kw.
- ปลูกต้นไม้บริเวณ Courtyard เป็นมาตรฐานทุกหลัง : LUFT : เกล็ดกระโห้เขียว / VIN : จิกเศรษฐี / SOL : หมากสง
- ติดตั้งระบบ Active AIR Quality System จาก SCG : ช่วยทำให้อากาศภายในบ้านมีการถ่ายเทที่ดี อีกทั้งช่วยกรองฝุ่น PM 2.5 และยังช่วยเพิ่ม Oxygen ภายในบ้าน
- SOL บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 64.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 343 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / Rooftop
เป็นบ้านไซส์ L หลังใหญ่สุดของโครงการ และเป็นหลังเดียวที่มีพื้นที่ใช้สอยถึง 3 ชั้น เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ คนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยเยอะๆ หรือสายปาร์ตี้ที่ต้องการพื้นที่ไว้สังสรรค์กับคนสนิทก็ได้ครับ ซึ่งบ้านทุกหลังของโครงการนี้จะเป็นบ้านค่อนข้างสร้างเต็มพื้นที่ดิน เพื่อที่จะได้เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในให้ใช้งานเต็มที่นั่นเอง
โดยแปลนบ้านจะมีลักษณะเป็นรูปตัว C ที่มี Courtyard อยู่ตรงกลางบ้าน พร้อมมีการปลูกต้นไม้ให้ความสดชื่นด้วย ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ช่วยทำให้มีแสงสว่างส่องเข้าถึงทั่วทุกฟังก์ชันในบ้าน จึงมีความสว่างโปร่งโล่ง และยังช่วยเรื่อง Ventilation หรือการระบายอากาศได้ดีอีกด้วยนะ
ชั้น 1 ด้านหน้าสามารถจอดรถได้ 3 คันสบายๆ ส่วนฟังก์ชันภายในจะเน้น Common Area ขนาดใหญ่ทางโซนหลังบ้าน ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวจากทางด้านหน้า และเปิดช่องแสงรับวิวสวนได้เต็มที่ทั้ง 2 ด้าน นอกจากนี้ยังมีห้องนอนชั้นล่างที่มีห้องน้ำในตัว สามารถใช้เป็นห้องผู้สูงอายุได้สบายๆ และยังมีครัวปิดที่ทำอาหารได้จริงจังเลยครับ ส่วนห้องแม่บ้านกับพื้นที่ซักล้างจะอยู่แยกออกไปทางด้านข้าง ทำให้ไม่รบกวนพื้นที่พักผ่อนของเจ้าของบ้านที่อยู่ด้านในเลยนั่นเอง
ชั้น 2 จะเป็นห้องนอนหลัก 3 ห้อง มาพร้อมกับพื้นที่อเนกประสงค์ + ห้องอเนกประสงค์อีก 1 ห้อง แต่จุดเด่นของชั้นนี้จริงๆก็คือ ระเบียงด้านหน้าบ้านที่มีขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีช่องแสงเชื่อมต่อกับโถงกลางบ้าน และมีห้องนอนที่อยู่ข้างๆกันได้ด้วย ซึ่งจะช่วยในเรื่องแสงสว่างและเปิดระบายเชื่อมต่อกันระหว่างหน้าต่างแต่ละห้องได้ดีเลยทีเดียว รวมถึงเรายังสามารถปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มความสดชื่นได้อีกด้วย
ชั้น 3 ถือเป็น Highlight หลักของบ้านหลังนี้เลยก็ว่าได้ครับ โดยจะเป็น Rooftop ที่มีขนาดใหญ่ และแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็น Indoor + Outdoor ซึ่งเราสามารถใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ไว้เป็นห้องทำงาน ห้องดูหนัง หรือห้องจัดปาร์ตี้ก็ได้ ส่วนด้านนอกก็ยังสามารถปลูกต้นไม้กระถาง และทำเป็นสวนเล็กๆไว้ปาร์ตี้ได้ด้วยเช่นกัน
เริ่มจากพามาดูบ้านเปล่ามาตรฐานกันก่อนนะครับ โดยประตูรั้วจะได้เป็นเหล็กรางเลื่อนสีดำ และติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับเปิด-ปิดประตูอัตโนมัติ มาให้พร้อมใช้งานแบบนี้เลยด้วย
ซึ่งถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี และประหยัดเวลาไปติดตั้งเองลงได้เยอะเลยครับ ส่วนประตูก็จะเลื่อนเก็บเป็นลักษณะโค้งมาที่รั้วข้างบ้าน จึงช่วยประหยัดพื้นที่ใช้งานไปได้เยอะเลยทีเดียว
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ รั้วของบ้านจะมีการกรุผนังกระเบื้องสีขาวมาให้แบบนี้ ซึ่งปกติเราไม่ค่อยเห็นโครงการทั่วไปให้มาสักเท่าไหร่นัก จึงทำให้ดูสวยงามและเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่ายมากๆครับ
ส่วนด้านในบ้านก็จะมี Mail Box และถังขยะติดตั้งให้เป็นมาตรฐานพร้อมใช้งานแบบนี้ รวมถึงพื้นที่สวนในบ้านก็จะเป็นการปูหญ้ามาให้ทั้งหมดครับ
พื้นที่จอดรถกว้าง 7.7 m. สามารถจอดรถ 3 คันได้สบายๆ โดยพื้นจะลงเสาเข็มมาให้ลึกเท่ากับตัวบ้านทั้งผืน จึงช่วยป้องกันเรื่องการทรุดตัวในอนาคตได้ดี และเป็นพื้นแบบปูนขัดมันครับ
แต่ที่น่าสนใจจริงๆก็คือ ชายคาด้านบนของบ้านจะยื่นออกมาจนเกือบถึงแนวประตูรั้วบ้าน (วัดได้ลึกประมาณ 7 m.) ซึ่งก็พอจะครอบคลุมรถที่จอดอยู่แบบทั้งคันได้พอดีๆ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องทำหลังคาเพิ่มเองทีหลังเลยครับ
บริเวณที่จอดรถจะมีการติดตั้งกล้อง CCTV ที่มี Motion Sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหวหน้าบ้าน 1 จุด และยังมี Junction EV Charger รองรับการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานอีกด้วย
บริเวณตรงกลางบ้านจะเป็น Courtyard ขนาดกว้างประมาณ 1.65 m. โดยของจริงจะมีต้นหมากสงปลูกให้เรียงกันอยู่ 3 ต้นครับ (บ้านแต่ละแบบจะให้พันธุ์ไม้แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะเป็นชนิดที่รากจะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างบ้านในอนาคต)
แต่ถ้าใครอยากจะปลูกเป็นต้นไม้ชนิดอื่น ผมแนะนำให้ศึกษาลักษณะของรากให้ดีๆก่อน เพราะถ้ารากเกิดไปทำให้โครงสร้างบ้านเสียหาย ก็จะทำให้ตัวบ้านหมดประกันลงได้ (เซลล์บอกว่าให้ลองมาปรึกษากับทางโครงการดูก่อนได้นะครับ เผื่อจะได้ช่วยแนะนำให้)
ประตูทางเข้าบ้านหลักจะเป็นไม้บานทึบ พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เป็นมาตรฐาน ส่วนด้านบนจะมีโช้คกันกระแทก และระบบรักษาความปลอดภัย Magnetic Sensor ที่จะติดตั้งตามประตูหน้าต่างชั้น 1 ทุกจุดของตัวบ้านเลยครับ
เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับ Foyer กว้าง 1.9 m. สามารถ Built-in ตู้เก็บรองเท้าและที่นั่งให้ใช้งานได้สะดวกๆ อีกทั้งยังมีช่องแสงขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับ Courtyard ทำให้มีความสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้นครับ
ถัดเข้ามาเราจะเจอกับ Comon Area ขนาด 7.2 x 4.25 m. สามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็นสัดส่วนได้ตามต้องการ โดยพื้นจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ และได้ฝ้าเพดานสูง 3 m. เป็นมาตรฐาน
ด้านบนเราจะสังเกตเห็นว่ามีช่องบนเพดานเป็น Double Volume สูงประมาณ 6 m. โดยจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก (ประมาณ 1.2 x 3.1 m.) ซึ่งจะเน้นเรื่องฟังก์ชันการใช้งานให้แสงสว่างส่องลงมาจากด้านบน เพื่อเพิ่มความสว่างในบ้านให้มากขึ้นนั่นเอง
ขวามือจะเป็นโซน Living Area ที่เราสามารถวางโซฟาและทีวีได้ จุดเด่นคือเราจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ 2 ด้าน จึงมีความสว่างโปร่งโล่งมากๆ (ให้ความรู้สึกต่างจากที่เห็นภายนอก ที่หลายๆคนอาจคิดว่าจะต้องทึบตันแน่ๆเลยใช่มั้ยครับ)
อีกทั้งยังคงมีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะเป็นโซนที่อยู่ด้านหลังของบ้าน โดยประตูหน้าต่างทั้งหมดจะเป็นกรอบอลูมิเนียม Powder Coat สีดำ และใช้กระจกใสธรรมดา สามารถชมวิวสวนด้านนอกได้อย่างเต็มที่
พื้นที่หลังบ้านของจริงจะเป็นพื้นหญ้าทั้งหมด ความกว้างมาตรฐานอยู่ที่ 2 m. ซึ่งเราสามารถจัดเป็นสวนสวยๆได้ตามต้องการ เพื่อเอาไว้ชมวิวจากในบ้าน หรือจะออกมานั่งเล่นด้านนอกก็ได้ครับ
ถัดมาจะเป็นห้องนอนชั้นล่างที่มีประตูกั้นปิดเป็นสัดส่วน ภายในกว้าง 3.6 x 2.6 m. สามารถจัดเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้สบาย หรือใครจะทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ครับ โดยพื้นจะเป็น Absorption Floor ช่วยกันกระแทกได้ระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีช่องแสงขนาดใหญ่ให้มองเห็นสวนหลังบ้านได้ด้วย (หรือถ้าใครอยากขยายช่องให้กว้าง และทำเป็นประตูให้เดินออกไปใช้งานก็ได้นะ) ส่วนอีกด้านหนึ่งก็จะมีห้องน้ำในตัวให้ใช้งานด้วยครับ
โดยห้องน้ำนี้จะถูกออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่และกว้างเป็นพิเศษ เพื่อให้รองรับการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุได้ด้วยนั่นเอง
จุดเด่นคือ พื้นห้องจะไม่มีการลด Step แต่จะใช้เป็นรางน้ำแบบฝังพื้นแทน เพื่อให้เราสามารถเข็นรถวีลแชร์เข้ามาได้สะดวก รวมถึงยังช่วยลดอุบัติเหตุจากการเดินสะดุดล้มได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งราวจับที่ผนังตรงโถสุขภัณฑ์ และพื้นที่ในแต่ละส่วนของห้องก็จะกว้างมากกว่า 1 m. เพื่อให้เข็นรถวีลแชร์ได้สะดวก (ประตูห้องจะเป็นไม้บานเปิดแบบปกติ สามารถเปลี่ยนเป็นบานเลื่อนด้วยตัวเองได้ เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น)
สำหรับพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1 x 1 m. มาพร้อมกับที่นั่งอาบและช่องแสงขนาดใหญ่ ที่นอกจากช่วยในเรื่องความสว่างโปร่งโล่งแล้ว ยังช่วยระบายอากาศได้ดีอีกด้วย ส่วนสุขภัณฑ์ทั้งหมดจะเป็นของ American Standard ครับ
อีกด้านหนึ่งของตัวบ้านจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งจะอยู่ติดกับทั้งช่องแสงและครัวเลยครับ
โดยของจริงเราจะได้ครัวปิดที่เป็นผนังทึบแบบนี้นะครับ จึงสามารถทำอาหารได้จริงจังเลย และอีกสิ่งหนึ่งที่เราชอบมากๆคือ บ้านมาตรฐานจะมีการซีลหน้าต่างและพื้นมาให้เรียบร้อยก่อนส่งมอบ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยความเสียหายได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
โดยบ้านตัวอย่างได้นำผนังออก และกั้นด้วยกระจกใสมาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งจะทำให้ภายในบ้านดูกว้างขวางมากขึ้น หากใครสนใจก็สามารถนำไปปรับใช้กันได้นะครับ
ครัวของจริงจะมีการ Built-in มาให้พร้อมใช้งานเลย ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว Top หินสังเคราะห์ กรุงผนังกระเบื้องมาให้ มีซิงค์ล้างจานแบบ 1 หลุม พร้อมหน้าบานตู้เก็บของปิดผิวลามิเนต พิเศษหน่อยคือจะมีที่ดูดควันจาก TEKA ติดตั้งมาให้เลยครับ ส่วนขนาดพื้นที่ใช้สอยจะกว้าง 2.5 x 3.2 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ
ประตูหลังบ้านจะเปิดเชื่อมต่อมายังโซนวางแท้งค์น้ำ และสวนหลังบ้าน รวมถึงยังเดินเชื่อมต่อมายังข้างบ้านได้ด้วยครับ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็สามารถใช้เป็นโซนทำงานของแม่บ้านไปได้เลย
สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้อีกอย่างคือ ผนังบ้านฝั่งนี้จะไม่มีช่องเปิดเลยครับ จึงทำให้สามารถสร้างบ้านได้ชิดรั้วบ้านได้มากกว่าปกติ (จากเดิมที่กฎหมายกำหนดมาตรฐานคือ 2 m.) เหตุเพราะเป็นบ้านที่สร้างเกือบเต็มที่ดิน เพื่อเน้นพื้นที่ใช้สอยในบ้านเป็นหลัก
ดังนั้นพื้นที่ส่วนนี้ก็อาจเหมาะกับทำเป็นจุดตากผ้าของแม่บ้านก็ได้ครับ เพราะจะไม่รบกวนสายตาของทั้งบ้านเราและบ้านข้างๆเลยนั่นเอง หรือถ้าใครมีไอเดียอื่นที่น่าสนใจที่จะทำในพื้นที่แบบนี้ได้ ก็ลองคอมเม้นต์แบ่งปันกันได้ที่ด้านล่างนะครับ
ห้องแม่บ้านจะอยู่ทางด้านข้างบริเวณโซนด้านหน้า ซึ่งจะอยู่แยกออกมาจากโซนของเจ้าของบ้าน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวไม่รบกวนกัน
ภายในจะมีห้องนอนแม่บ้าน 1 ห้อง พร้อมห้องน้ำให้ใช้งานครบ ส่วนบริเวณด้านหน้าจะเป็นโซน Lundry ที่เราสามารถวางเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าต่างๆได้ ซึ่งจะมีงานระบบเตรียมเอาไว้ให้พร้อมใช้งาน
กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง ซึ่งก่อนจะขึ้นบันไดไปชั้น 2 บริเวณด้านซ้ายมือจะมีห้องน้ำเล็กๆให้ใช้งานด้วยอีกฟังก์ชันหนึ่ง
ภายในเป็น Powder Room ขนาด 1.2 x 2.5 m. พร้อมสุขภัณฑ์จาก Amreican Standard ครบ โดยที่ห้องนี้จะใช้งานร่วมกันในชั้นล่างทั้งหมด และติดตั้งพัดลมดูดอากาศไว้ด้านบน เพื่อช่วยระบายอากาศแทนช่องหน้าต่างครับ
บันไดทางขึ้นเป็นโครงสร้างเหล็ก เวลาเดินขึ้น-ลงอาจมีเสียงอยู่บ้างนิดหน่อย ปิดผิวด้วยไม้ยางพารา และมีราวจับตลอดทาง (แต่ของจริงอาจไม่ได้เป็นแบบบ้านตัวอย่างนะครับ)
นอกจากนี้ผมแนะนำให้ติดไฟส่องสว่างเพิ่มเติมด้วยจะดี เพราะจุดนี้ไม่ได้อยู่ติดกับช่องแสงใดๆเลย จะได้มีความปลอดภัยเวลาใช้งานมากขึ้นครับ
พื้นชั้นบนเป็นกระเบื้อง SPC ลายไม้ และมีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.8 m. โดยซ้ายมือจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ขนาด 3.2 x 1.8 m. เหมาะที่จะทำเป็นมุมหิ้งพระได้พอดีเลยครับ
ติดกับบันไดขวามือจะเป็นห้องนอนแรกที่มีขนาด 2.8 x 4 m. สามารถจัดเป็นห้องนอนลูกได้พอดีๆ โดยถ้าเราใช้เป็นเตียง 3.5 ฟุต ก็จะมีพื้นที่เหลือให้ใช้งานได้สะดวกหน่อย แต่ถ้าเป็นเตียง 5 ฟุตก็อาจพอดีกับระยะห้องอยู่สักนิดนึง
สิ่งที่น่าสนใจของห้องนี้คือ ‘ช่องแสง’ ที่จะเปิดเชื่อมต่อกับระเบียงหน้าบ้าน ซึ่งเป็นการดีไซน์ให้เราไม่เสียความเป็นส่วนตัวจากด้านหน้าบ้าน
แต่ยังคงได้รับแสงสว่างแบบ Indirect light ที่ส่องเข้ามาในห้องพอใช้งานได้อยู่ อีกทั้งยังสามารถมองเห็นต้นไม้สีเขียวสดชื่นๆได้อีกด้วย
และอีกด้านหนึ่งจะเป็นโซนของห้องน้ำส่วนตัวครับ
ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนชัดเจน ได้สุขภัณฑ์จาก American Standard ครบเป็นมาตรฐาน แต่จุดเด่นจริงๆคือ ช่องแสงด้านข้างที่มีขนาดใหญ่มาก จึงทำให้ภายในห้องสว่างโปร่งโล่ง และยังสามารถเปิดระบายอากาศได้อีกด้วย
ภายนอกหน้าต่างจะมีการทำกระบะปลูกต้นไม้ ให้เราได้มองเห็นธรรมชาติสดชื่นๆแบบนี้ได้ด้วยนะ ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะมีขนาด 1.45 x 0.9 m. ให้ใช้งานได้พอดีๆ แต่อาจต้องติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเองนะครับ
บริเวณกลางบ้านถือว่าเป็น Highlight ที่สำคัญที่สุดเลยครับ เพราะมีช่องแสงขนาดใหญ่จากทั้งฝั่งระเบียงหน้าบ้าน และพื้นที่ Courtyard ตรงกลาง ซึ่งช่วยกระจายแสงสว่างให้ส่องไปได้ทั่วถึงทุกฟังก์ชัน และยังสามารถเปิดระบายอากาศได้ดีอีกด้วย
ตัวระเบียงมีขนาด 2.2 x 1.65 m. มาพร้อมกับกระบะให้ปลูกต้นไม้ได้เช่นเคย ซึ่งภายในจะมีท่องานระบบต่างๆเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อย โดยนอกจากความสดชื่นแล้ว ต้นไม้ยังช่วยพรางสายตา และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนในบ้านได้มากขึ้นอีกด้วยครับ
ถัดมาจะเป็นห้องนอนเล็กอีกห้องที่อยู่ฝั่งหน้าบ้านเหมือนกัน แต่คราวนี้จะมีจุดเด่นตรงที่มีช่องแสงขนาดใหญ่รูปตัว L พร้อมกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window เลยทำให้ห้องนี้มีความสว่างโปร่งโล่งมากๆครับ
ขนาดของห้องกว้าง3.6 x 3.9 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุตแล้วยังมีพื้นที่รอบๆเหลือให้ใช้งานได้สะดวก แถมยังมีห้องน้ำภายในให้ใช้แบบส่วนตัวด้วย ซึ่งห้องนี้ก็จะเหมาะกับทำเป็นห้องนอนลูกคนโตได้นั่นเอง
ภายในห้องน้ำมีขนาดและฟังก์ชัน เท่ากับห้องน้ำของห้องนอนก่อนหน้านี้เลยครับ สามารถใช้งานได้สบายๆ
และแน่นอนว่าตรงหน้าต่างจะสามารถปลูกต้นไม้เพิ่มได้แบบนี้เลย รวมถึงเราอาจติดตั้งเป็นม่านไว้ช่วยพรางสายตาอีกชั้นหนึ่งด้วยก็ได้
ถัดมาเราจะไปดูทางโซนหลังบ้านกันต่อเลยครับ ซึ่งพื้นที่ Courtyard จะมีช่องแสงเชื่อมต่อกับทุกๆด้านเลย จึงช่วยในเรื่องแสงสว่างและ Ventilation ของบ้านได้เป็นอย่างดี
ภายนอกของจริงจะมีต้นหมากสงปลูกเอาไว้ให้เป็นมาตรฐาน โดยระดับความสูงก็น่าจะถึงประมาณยอดต้นไม้พอดีๆ เป็นการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตัวบ้าน ซึ่งเราก็จะได้ความสดชื่นไปด้วยครับ (ขนาดของช่องกว้างประมาณ 1.65 m.)
ด้านหลังบ้านจะมีการเล่นระดับของพื้นให้สูงขึ้นมา แต่ยังคงได้ความสูงฝ้าเท่าเดิม 2.8 m. และตรงกลางเราจะเจอกับช่อง Void ที่เห็นกันในตอนแรก
ซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่างและมองเห็นได้ว่าใครทำอะไรกันอยู่ จึงช่วยให้คนในครอบครัวมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น แต่ที่แน่ๆก็คือ ช่องแสงด้านบนจะช่วยทำให้โถงทางเดินบนชั้น 2 มีความสว่างโปร่งโล่งมากขึ้นครับ
ด้านซ้ายมือจะเป็นห้องอเนกประสงค์ ซึ่งของจริงผนังส่วนนี้จะเป็นแบบทึบ ทำให้เป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัวสูง โดยทางโครงการได้ทุบผนังออกเป็นไอเดีย เพื่อทำให้ฟังก์ชันดูกว้างขวางและโปร่งโล่งมากขึ้นครับ ซึ่งถ้าใครสนใจก็สามารถทำตามได้เช่นกัน เพราะโครงสร้างบ้านเป็นผนังก่ออิฐมวลเบา สามารถทุบ /เจาะ/ต่อเติมได้สบายๆ
พื้นที่อเนกประสงค์กว้าง 3.2 x 3.2 m. สามารถทำเป็นห้องทำงาน ดูหนังเล่นเกมส์ หรือใช้เป็น Family Area สำหรับครอบครัวก็ได้
ส่วนขวามือจะเป็น Master Bedroom ภายในมีขนาด 3.4 x 4.3 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่รอบๆเหลือให้ใช้งานได้สบายๆ
จุดเด่นของห้องนี้ที่ผมชอบมากๆคือ จะได้ช่องแสงถึง 3 ด้าน และเปิดหน้าต่างบานกระทุ้งได้ 2 ฝั่ง ซึ่งนอกจากจะมีความสว่างโปร่งโล่งแล้ว ยังช่วยในเรื่องการระบายอากาศได้ดีมากๆอีกด้วย
ถัดมาเข้ามาจะเป็น Walk-in Closet ซึ่งจะมีการกั้นผนังแยกจากโซนห้องนอนมาให้เป็นสัดส่วนแบบนี้เลย กว้างประมาณ 2.5 m. สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ทั้ง 3 ด้าน น่าจะถูกใจสาวๆที่มีเสื้อผ้าเยอะๆแน่นอนครับ
ห้องน้ำมีขนาดใหญ่ และเพิ่มฟังก์ชันของอ่างล้างหน้าแบบ His and Her ทำให้สามารถใช้งานพร้อมกับ 2 คนได้สบายๆ รวมถึงยังมีอ่างอาบน้ำมาให้ด้วยครับ
ตัวอ่างจะอยู่ใกล้กับช่องหน้าต่างบานกระทุ้ง ที่สามารถเปิดเชื่อมต่อกับ Courtyard กลางบ้านได้แบบนี้ ซึ่งเราสามารถเปิดระบายอากาศได้สบายๆ และติดฟิล์มหรือม่านเพื่อช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ครับ
อีกด้านหนึ่งจะเป็นพื้นที่ยืนอาบน้ำและมีโถสุขภัณฑ์ให้ใช้งาน ซึ่งเราจะได้เป็นโถแบบอัติโนมัติเฉพาะ Master Bedroom ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้นครับ แต่ช่องประตูจะไม่ได้เป็นทรงโค้งแบบนี้นะ (เป็นการตกแต่งเท่านั้น)
พื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.65 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มาพร้อมกับ Hand Shower + Rain Shower ให้เลือกใช้งานได้ตามอัธยาศัย
โดยห้องนี้จะไม่ได้มี Junction ติดเครื่องทำน้ำอุ่นเหมือนกับห้องอื่นๆนะครับ แต่เราสามารถติดเครื่องทำน้ำร้อนที่ใต้อ่างล้างหน้าได้ ซึ่งจะส่งน้ำร้อนไปยังฟังก์ชันต่างๆตามท่อที่ฝังอยู่ในผนังได้
จุดเด่นอีกอย่างคือ ช่องหน้าต่างที่จะมีอยู่ถึง 2 ด้านแบบนี้ ซึ่งหากเราเปิดพร้อมๆกับก็จะช่วยทำให้เกิด Ventilation การหมุนเวียนของอากาศได้ดีมากๆเลยทีเดียว โดยห้องน้ำก็จะไม่มีกลิ่นอับและถูกสุขอนามัยมากขึ้นด้วย
อีกด้านหนึ่งของบ้านจะมีบันไดให้เดินเชื่อมต่อไปยังชั้น 3 ได้ครับ
ซึ่งโถงบันไดนี้ของจริงจะเป็นผนังทึบทั้งหมด ทำให้เราอาจต้องเพิ่มดวงไฟ หรือจะเปิดผนังให้เป็นช่องแสงแบบบ้านตัวอย่าง เพื่อช่วยเพิ่มแสงสว่างและความโปร่งโล่งของพื้นที่ส่วนนี้ก็ได้ จะได้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นครับ
ด้านบนจะเป็นห้องแบบ Indoor ขนาด 5.5 x 4.3 m. ถือว่ามีค่อนข้างใหญ่มากๆ เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่เราสามารถจัดฟังก์ชันให้ตรงกับ Lifestyle ของเราได้เลย เช่น ทำเป็นห้องทำงาน ห้องดูหนังเล่นเกมส์ หรือห้องจัดปาร์ตี้ส่วนตัวก็ได้
หนึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงคือ เนื่องจากเป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุด และติดกับหลังคาที่เป็น Flat Slab ทำให้ในช่วงกลางวันห้องนี้จะมีความร้อน ที่แผ่ลงมาจากฝ้าเพดานได้ง่ายกว่าชั้นอื่นๆอยู่สักหน่อยครับ ดังนั้นจึงแนะนำให้มาใช้งานตอนกลางคืนหรือจะเปิดแอร์ไปเลยจะดีกว่า
อีกส่วนหนึ่งจะเป็นพื้นที่ Outdoor แบบกลางแจ้ง ซึ่งของจริงจะปูกระเบื้องมาให้เหมือนบ้านเปล่าที่ผมถ่ายมาฝากเลย แต่เราก็สามารถจัดเป็นพื้นที่ใช้งานแบบที่เราชอบได้
เช่น ทำเป็นสวนสีเขียวแบบปลูกต้นไม้ในกระถางเพิ่ม หรือจะใช้เป็นลาน Diner จัดเป็นปาร์ตี้ BBQ. ก็น่าสนใจครับ
อีกด้านหนึ่งของระเบียงจะมีการเตรียมกระบะปลูกต้นไม้ ที่ด้านในก็จะมีท่อน้ำเตรียมไว้ให้พร้อมใช้งาน โดยเราสามารถใส่ดินและปลูกเป็นต้นอะไรก็ได้ตามต้องการ
ส่วนด้านหลังผนังทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่สำหรับวาง Condensing Unit ของเครื่องปรับอากาศทั้งหมดภายในบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องความสวยงามของตัวบ้าน และดูเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว
ยังช่วยทำให้ช่างสามารถมา Maintenance ได้ง่ายอีกด้วย เพียงแต่ห้องที่อยู่โซนหน้าบ้าน ก็อาจต้องมีการต่อท่อแอร์มายาวกันสักนิดนึงนะครับ
- VIN บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 56.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 262 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์
เป็นแบบบ้านไซส์ M ของโครงการ ซึ่งฟังก์ชันจะคล้ายๆกับบ้านหลังใหญ่สุดก่อนหน้านี้เลยครับ คือชั้น 1 จะเน้นให้ Common Area อยู่โซนหลังบ้าน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน แน่นอนว่ายังคงมี Courtyard กลางบ้านเหมือนเดิม จึงช่วยในเรื่องความสว่างและโปร่งโล่งได้เป็นอย่างดี แต่ห้องนอนชั้นล่างก็อาจต้องมาแชร์ห้องน้ำร่วมกับแขกที่ด้านนอก ซึ่งตำแหน่งก็ยังอยู่ติดๆกัน ทำให้การใช้งานยังคงมีความสะดวกอยู่ไม่น้อยเลยครับ
ชั้น 2 จะเห็นได้ว่านอกจากช่องแสงตรงกลางจะช่วยเพิ่มความสว่าง และเกิด Ventilation ที่ดีในฟังก์ชันต่างๆทั่วทั้งบ้านแล้ว ยังมีห้องอเนกประสงค์ และพื้นที่อเนกประสงค์แยกตัวออกมาจากห้องนอน ซึ่งจุดนี้แหละครับที่เป็นจุดเด่นของบ้านหลังนี้ เพราะนอกจากเราจะมีฟังก์ชันให้จัดเพิ่มขึ้นหลากหลาย ตอบโจทย์ Lifestyle ที่แตกต่างกันของแต่ละครอบครัวได้ดีแล้ว ยังช่วยทำให้เกิดความ Flexible ของฟังก์ชันแต่ละโซนอีกด้วยครับ
เช่น ห้องอเนกประสงค์ด้านหน้าเราสามารถกั้นผนังกลางบ้าน และรวมพื้นที่ระเบียงเข้ากับห้องนอนด้านหน้า ทำให้กลายเป็น Double Master Bedroom อีกห้องไปเลยก็ได้ รวมถึงพื้นที่อเนกประสงค์ด้านหลังบ้านเราก็สามารถกั้นผนังแยกเป็นอีกห้องหนึ่ง หรือจะรวมพื้นที่กับ Master Bedroom ให้มีขนาดใหญ่และกว้างขวางมากขึ้นก็ได้ครับ
เริ่มกันจากพื้นที่จอดรถหน้าบ้านจะมีความกว้าง 7.35 m. สามารถจอดรถ 3 คันในร่มได้สบายๆ โดยวัสดุและโครงสร้างก็จะลงเสาเข็มลึกเหมือนบ้านหลังก่อนหน้านี้ทั้งหมด
แต่จุดที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ จะมีตู้เก็บของเล็กๆไว้ให้ใช้งานด้วย ซึ่งเราก็สามารถเก็บพวกอุปกรณ์ล้างรถ/ทำสวน เพื่อให้หยิบใช้งานได้สะดวกจากตรงนี้ได้เลย
ส่วนบริเวณ Courtyard ตรงกลางบ้านจะถูกล้อมรอบเป็นรูปตัว O ซึ่งต่างจากบ้านหลังใหญ่ที่เป็นตัว C แต่จะมีช่องแสงเชื่อมต่อกับท้องฟ้าเหมือนกัน ทำให้แสงและลมสามารถพัดผ่านได้เต็มที่ มาพร้อมกับปลูกต้นจิกเศรษฐีเป็นมาตรฐานอีก 1 ต้น
เมื่อเข้ามาในบ้านเราจะเจอกับ Foyer ขนาด 1.7 m. ที่สามารถ Built-in ตู้เก็บรองเท้าด้านข้างเพิ่มเติม เพื่อเก็บให้เป็นระเบียบ และหยิบใช้งานก่อนออกจากบ้านได้สะดวก
ถัดเข้ามาด้านในเราจะเจอกับ Common Area ขนาด 3.8 x 6.9 m. ซึ่งอยู่ทางโซนหลังบ้านเช่นเดียวกับแบบบ้านอื่นๆ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวจากคนที่ผ่านไป-มาหน้าบ้าน และเราสามารถเปิดช่องแสงรับวิวและแสงสว่างได้เต็มที่เลยครับ
ขวามือจะเป็นโซนของ Living Area ซึ่งจะขนาบข้างด้วยช่องแสงขนาดใหญ่ 2 ฝั่งเลย จึงทำให้มีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่งมากๆ โดยเฉพาะถ้าวันไหนที่มีอากาศดีๆไม่ร้อน เราก็สามารถเปิดกระจก 2 ฝั่ง เพื่อให้มีลมพัดผ่านบริเวณนี้ได้แบบเย็นสบายเลยนั่นเองครับ
นอกจากนี้เรายังสามารถเปิดประตูเชื่อมต่อกับพื้นที่สวนหลังบ้าน เพื่อขยายเป็นพื้นที่ Semi-Outdoor รองรับแขกปาร์ตี้หลายๆคน หรือจะเปิดรับลมชมวิว และออกไปเดินเล่นที่สวนก็ได้ โดยของจริงเราจะได้เป็นพื้นหญ้าปกติ สามารถจัดเพิ่มเองในแบบที่ชอบได้เลย
ติดกับ Living Area จะเป็นห้องนอนชั้นล่าง ภายในมีขนาด 2.8 x 3.15 m. สามารถจัดเป็นห้องนอนและวางเตียง 5 ฟุตได้พอดีๆ หรือจะทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆ เช่น ห้องทำงาน ห้องดูหนังเล่นเกมส์ เป็นต้น
ส่วนห้องน้ำจะอยู่แยกออกมาด้านนอก และใช้งานร่วมกับแขกนะครับ โดยตำแหน่งจะอยู่ติดกับห้องนอนเลย จึงทำให้สามารถมาใช้งานได้ไม่ยาก และฟังก์ชันภายในจะถูกออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานของผู้สูงอายุเหมือนบ้านหลังใหญ่เลยครับ
และติดกันจะมีห้องเก็บของขนาด 1.2 x 1.3 m. ให้ใช้งานด้วยครับ ซึ่งด้านหน้าก็จะมีประตูปิดให้เรียบร้อยแบบนี้เลย ด้านในเราสามารถทำเป็นชั้นวางของเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของให้เยอะๆได้นะ
อีกด้านหนึ่งของบ้านจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งอยู่ติดกับห้องครัวเหมือนเดิม โดยที่ครัวของจริงจะกั้นด้วยผนังทึบนะครับ แต่ถ้าใครอยากให้บ้านดูโปร่งโล่ง ก็สามารถทำเป็นผนังกระจกเหมือนบ้านตัวอย่างนี้ก็ได้เลย
ภายในครัวมีขนาด 2.4 x 3.9 m. มาพร้อมกับ Built-in เคาน์เตอร์เป็นมาตรฐานให้ 2 ฝั่งเหมือนเดิม สามารถใช้งานได้สบายๆ
และถ้าเป็นโซนของห้องแม่บ้านกับ Lundry ก็จะอยู่แยกออกมาด้านข้างของตัวบ้าน ทำให้ไม่รบกวนพื้นที่พักผ่อนด้านใน หรือถ้าใครไม่มีแม่บ้านก็สามารถปรับเป็นห้องเก็บของได้นะ
บันไดเป็นโครงสร้างเหล็ก ปิดผิวไม้ยางพาราปกติ และของจริงจะกั้นด้วยผนังทึบทั้งหมด แต่เราก็สามารถทุบผนังออกเพื่อทำให้บ้านดูโปร่งโล่งแบบนี้ก็ได้เหมือนกัน
จุดเด่นของโถงบันไดนี้จะมีความแตกต่างจากบ้านหลังอื่น คือด้านบนจะมีช่องแสง Sky Light ให้แสงสว่างภายนอกส่องเข้ามาได้ด้วย จึงทำให้มีความสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้น ตอนกลางวันคือไม่ต้องเปิดไฟก็ใช้งานได้สบายๆเลยครับ
ขึ้นมาด้านบนเราจะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์เล็กๆข้างบันได ขนาดกว้าง 1.4 m. สามารถทำเป็นมุมหิ้งพระได้นะครับ
ส่วนตรงกลางบ้านจะเป็น Courtyard ขนาด 2 x 2.5 m. ซึ่งจะช่วยทำให้โถงบันไดและห้องต่างๆของชั้น 2 มีความสว่างโปร่งโล่งมากขึ้น แถมยังสามารถเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศได้อีกด้วย
ขวามือจะเป็นโซนด้านหน้าบ้าน ประกอบด้วยห้องนอน ระเบียง และห้องอเนกประสงค์ โดยพื้นที่ส่วนนี้มีความ Flexible อยู่พอสมควร ซึ่งหากเรากั้นผนังห้องใหม่และทุบผนังเชื่อมต่อกัน ก็จะได้เป็น Double Master Bedroom ขนาดใหญ่เพิ่มอีกห้องหนึ่งได้สบายๆเลยครับ
ระเบียงตรงกลางมีขนาด 1.5 x 1.55 m. สามารถออกไปใช้งานยืนสูดอากาศได้สบาย รวมถึงยังช่วยทำให้บรรยากาศในบ้านสว่างโปร่งโล่ง และเราสามารถปลูกต้นไม้กระถางเพื่อเพิ่มความสดชื่น + ช่วยพรางสายตาจากภายนอกได้ด้วยนะครับ
ขวามือเป็นห้องนอนขนาด 3.2 x 3.4 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่รอบเตียงให้ใช้งานเหลือเฟือ ซึ่งเป็นห้องที่เหมาะกับลูกคนโตเพราะมีขนาดใหญ่ครับ
โดยห้องนี้จะมีช่องแสงเพียงหนึ่งเดียวก็คือจากระเบียงด้านข้าง ซึ่งทำให้มีความเป็นส่วนตัวจากบริเวณหน้าบ้าน และมีแสงพอใช้งานได้เท่านั้น
นอกจากนี้ภายในห้องน้ำก็จะมีช่องแสงขนาดใหญ่ มาพร้อมกับกระบะปลูกต้นไม้ให้เหมือนเดิมเลย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสดชื่นและพรางสายตาได้ดี รวมถึงยังทำให้ห้องนี้สว่างและระบายอากาศได้ดีด้วยนะ
สุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นของ American Standard และมีพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.5 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ แต่อาจต้องติดฉากกั้นเพิ่มเติมเองนะครับ
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องอเนกประสงค์ขนาด 1.7 x 3.8 m. สามารถทำเป็นห้องดูหนังฟังเพลง ห้องเล่นเกมส์ หรือห้องทำงานได้ รวมถึงเรายังสามารถเชื่อมต่อพื้นที่กับห้องนอน แบบไอเดียที่บอกไปก่อนหน้านี้ก็ได้ครับ
โซนด้านหลังของบ้านจะมีการเล่นระดับของพื้นยกสูงขึ้นไปหน่อย แต่จะได้ฝ้าเพดานเท่าเดิมอยู่ที่ 2.8 m. ซึ่งจะประกอบด้วยระเบียง ห้องนอนใหญ่ พื้นที่อเนกประสงค์ และห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่ง
เริ่มที่ระเบียงขนาด 1.5 x 2 m. สามารถออกไปใช้งานและปลูกไม้กระถางได้เหมือนเดิม แน่นอนว่าจุดเด่นยังคงช่วยในเรื่องแสงสว่าง + Ventilation ของบ้านได้เป็นอย่างดีครับ
ซ้ายมือจะเป็นห้องนอนเล็กขนาด 3.2 x 3.7 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่เหลือรอบเตียงให้ใช้งานได้สะดวก โดยจะเป็นห้องที่เหมาะกับลูกคนเล็ก หรือถ้าใครมีลูกคนเดียวและจะอยู่บ้านเดียวกันไปยาวๆ ก็อาจกลายเป็นห้องของรุ่นหลานในอนาคตก็ได้
ภายในห้องนอนจะมีห้องน้ำส่วนตัวให้ใช้งานด้วย ซึ่งขนาดและฟังก์ชันก็จะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลย สามารถใช้งานได้สะดวกและเป็นส่วนตัว
ติดกับระเบียงอีกด้านหนึ่งก่อนหน้านี้จะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆเชื่อมต่อกับโถงทางเดินเลยครับ
แต่ถ้าเป็นบ้านตัวอย่างเค้าจะมีไอเดียกั้นผนังทึบเพิ่มเติม เพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ภายในมีขนาด 2.4 x 2.7 m. สามารถจัดเป็นห้องทำงานหรือห้องอื่นๆได้ตามต้องการ
ถัดมาจะเป็น Master Bedroom ที่ภายในมีขนาด 3.3 x 3.9 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ อีกทั้งยังมีช่องแสงขนาดใหญ่ที่เปิดออกไปด้านหลังบ้าน ทำให้ภายในมีความสว่างโปร่งโล่งดีทีเดียว
อีกหนึ่งไอเดียที่บ้านตัวอย่างทำมาให้ดูก็คือ เค้าจะทุบผนังออกบางส่วนเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ห้องนอน กับพื้นที่อเนกประสงค์ก่อนหน้านี้ ให้สามารถใช้งานต่อเนื่องกันได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันของ Master Bedroom ได้เป็นอย่างดี
หรือถ้าใครที่ต้องการความกว้างขวางโปร่งโล่งแบบสุดๆ ก็สามารถทุบผนังออกทั้งหมด เพื่อเชื่อมต่อเป็นพื้นที่รูปตัว L ขนาดใหญ่ไปเลยก็ได้ครับ และโซนนี้ก็เหมาะที่จะทำเป็นมุมโซฟาไว้พักผ่อนดูทีวีได้นั่นเอง
ถัดเข้ามาด้านในของ Master Bedroom จะมีการกั้นโซน Walk-in Closet มาให้เป็นสัดส่วนครับ ขนาด 2.5 x 2.9 m. สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้เต็มที่เลย โดยจะอยู่ติดกับห้องน้ำให้ใช้งานต่อเนื่องกันได้สะดวกและเป็นส่วนตัวแบบนี้
ภายในห้องน้ำมีขนาดใหญ่ และมีฟังก์ชันอ่างอาบน้ำเพิ่มเข้ามา ซึ่งห้องนี้มีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่งเป็นพิเศษ เพราะมีช่องแสงขนาดใหญ่ทางหน้าบ้านด้วยนั่นเองครับ
สุขภัณฑ์ยังคงเป็นของ American Standard ได้อ่างล้างหน้าแบบ His and Her ทำให้ใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้สบายๆ ส่วนอ่างอาบน้ำจะอยู่ติดกับช่องแสงเลยครับ
ซึ่งด้านนอกจะมีกระบะปลูกต้นไม้เพิ่มความสดชื่น แถมยังช่วยพรางสายตาได้อีกด้วย หรือเราอาจติดม่านเพิ่มเติมได้นะครับ
อีกด้านหนึ่งจะมีโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ และ Shower Box ให้เลือกใช้งาน ภายในมีขนาด 1.1 x 1.7 m. กว้างขวางใช้งานได้สบายๆ
- LUFT บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 52.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 244 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์
แบบบ้านไซส์ S ที่เป็นขนาดเริ่มต้นของโครงการ แต่ก็จัดฟังก์ชันการใช้งานมาให้ครบครันเหมือนรุ่นพี่ก่อนหน้านี้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการจอดรถ 3 คัน ห้องนอนชั้นล่าง และห้องแม่บ้านยังอยู่ครบ ต่างจากหลายๆโครงการที่บ้านเล็กสุดมักจะลดทอนบางฟังก์ชันเหล่านี้ออกไป ตอบโจทย์คนที่มีงบค่อนข้างจำกัด แต่ก็ชื่นชอบฟังก์ชันของบ้านที่มี Courtyard ตรงกลาง และมีความเป็นส่วนตัวแบบนี้ครับ โดยแลกกับขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ลดลงไปบ้าง
ชั้น 2 จุดเด่นคือห้องนอนที่ 2 ทางด้านหน้าบ้าน ซึ่งจะมีประตูกระจกเชื่อมต่อกับระเบียงขนาดใหญ่ ที่เป็นช่องแสงหลักของหน้าบ้านโดยตรง อีกทั้งยังเป็นช่องแสงเดียวของห้องนอนนี้ด้วยครับ ถือว่ามีความแตกต่างจากห้องนอนปกติทั่วไป แต่บรรยากาศและการใช้งานจริงผมคิดว่าไม่เลวเลย หรือเราสามารถกั้นผนังตรงโถงบันได ให้กลายเป็นระเบียงส่วนตัวของห้องนอนด้านหน้าไปเลยก็ยังได้ ส่วนพื้นที่อเนกประสงค์ด้านหลังก็สามารถกั้นผนังเพิ่ม หรือจะทุบเชื่อมต่อกับ Master Bedroom ไปเลยก็ได้ครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะ
ราคา
Noble Norse กรุงเทพกรีฑา ราคา ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2567
- LUFT บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 52.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 244 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์
– ราคาเริ่มต้น 19 ล้านบาท - VIN บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 56.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 262 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์
– ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท - SOL บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 64.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 343 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / Rooftop
– ราคาเริ่มต้น 26 ล้านบาท - ค่าจอง 100,000 บาท
- ค่าทำสัญญา 200,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 177,500 บาท
- ค่าส่วนกลาง 72 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ศรีนคริทร์-ร่มเกล้า สามารถกลับรถเข้าเมืองไปทางพระราม 9 – ห้วยขวางได้ง่าย รวมถึงยังมีทางพิเศษให้ใช้เข้า-ออกเมืองได้ถึง 3 สาย และยังมีความอุดมสมบูรณ์สูง ไม่ว่าจะเป็น Little Walk / Market Place และตลาดต่างๆ จึงทำให้สามารถหาของกินได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนนานาชาติอีกหลายแห่งในย่านอีกด้วยครับ
และหากพูดถึงโปรดักส์บ้านเดี่ยว ทำเลนี้จะมีบ้านระดับตั้งแต่ 20 – 100 ล้านให้เลือกเยอะมาก แต่ถ้าเป็น Segment เดียวกับ Noble Norse กรุงเทพกรีฑา คือประมาณ 19 – 26 ล้าน ปัจจุบันก็จะมีอยู่สัก 3 – 4 แห่ง ซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกันชัดเจนในเรื่อง Design ของตัวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ Modern แบบสุดๆ หรือจะเรียบหรูสวยงามแบบ Classic ก็มีให้เลือกหมด เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่แข่งกันด้วย Design กันอย่างดุเดือดเลยจริงๆ ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนแล้วล่ะครับ ว่าโครงการไหนจะโดนใจมากกว่ากัน
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ด้านหน้ามีซุ้มประตูเข้า-ออกด้วยระบบ RFID หรือสัญญาณ Bluetooth แบบอัตโนมัติ พร้อมกล้อง CCTV และ รปภ. ดูแลตลอด 24 ชม. ส่วนภายในบ้านก็จะมี CCTV + Motion Sensor ติดตั้ง Digital Door Lock และมี Magnetic Sensor ชั้น 1 ให้ทุกหลัง ถือว่าจัดมาเป็นมาตรฐานตามระดับราคา
การออกแบบโครงการ : มียูนิตน้อยเพียง 73 หลัง ถือว่ามีความเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวายเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านย่านเดียวกัน ที่ส่วนใหญ่ก็มักจะมี 100 หลังขึ้นไป โดยบ้านเกือบทั้งหมดจะอยู่ติดกับถนน Main ซึ่งอาจมีรถผ่านไป-มาหน้าบ้านเยอะอยู่บ้าง แต่ด้วยดีไซน์ของแบบบ้านก็จะช่วยทำให้ไม่เสียความเป็นส่วนตัวมากนัก
และถ้าใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็จะมีบ้านซอยที่ 2 ทางทิศใต้ให้เลือก ซึ่งฝั่งตรงข้ามจะไม่ต้องหันหน้าบ้านชนกันใครเลย แต่จะมีถนนกับรั้วต้นไม้คั่นกลางแทน และหมดกังวลเรื่องอันตรายจากภายนอกโครงการไปได้ด้วย ส่วนพื้นที่ส่วนกลางจะอยู่บริเวณด้านหน้าเป็นส่วนต้อนรับ ใครผ่านไป-มาก็สามารถแวะใช้งานได้สะดวกเลยครับ
การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : เน้นความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ Facade / ช่องแสง และการวางตำแหน่งของฟังก์ชันพักผ่อน ที่ส่วนใหญ่จะเน้นช่องเปิดไปทางหลังบ้าน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความโปร่งโล่งมากๆด้วยเช่นกัน แตกต่างจากรูปลักษณ์ที่เราเห็นภายนอกเลยครับ นั่นเพราะเค้ามีการทำ Courtyard ไว้ตรงกลางบ้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องแสงของฟังก์ชันต่างๆ และยังช่วยในเรื่อง Ventilation ได้ดีมากๆอีกด้วย รวมถึงเรายังสามารถปลูกต้นไม้กลางบ้าน ตรงระเบียง หรือตรงกระบะต้นไม้ข้างหน้าต่างได้ด้วย จึงช่วยเพิ่มความสดชื่น ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และยังมีส่วนในการช่วยพรางสายตาจากภายนอกตัวบ้านได้ด้วยครับ
นอกจากนี้ยังมีความ Flexible ของฟังก์ชัน ที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามต้องการ โดยเฉพาะพื้นที่อเนกประสงค์ต่างๆบนชั้น 2 ที่เราสามารถกั้นห้องเป็นสัดส่วนเพิ่มเติม หรือจะทุบผนังเพื่อเชื่อมต่อขยายพื้นที่ใช้สอยของห้องนอนข้างๆกันก็ได้ และอีกหนึ่งสิ่งที่ผมมองว่าดีก็คือ บ้านไซส์เล็กสุดจะมีจำนวนฟังก์ชันพื้นฐานครบเหมือนบ้านหลังใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นที่จอดรถ 3 คัน / ห้องนอนชั้นล่าง / ห้องแม่บ้าน และห้องอเนกประสงค์ ซึ่งต่างจากโครงการอื่นๆที่แบบบ้านเล็กสุดมักจะลดทอนบางฟังก์ชันออกไป จึงตอบโจทย์สำหรับคนที่อาจมีงบจำกัดอยู่สักหน่อย แต่ก็ชื่นชอบการดีไซน์บ้านของโครงการที่เป็นเอกลักษณ์แบบนี้ โดยเฉพาะเรื่องความเป็นส่วนตัวและฟังก์ชันที่ยืดหยุ่น เหมาะกับครอบครัวเล็ก-ใหญ่สบายๆ
วัสดุ : ให้มาดีเหมาะสมกับราคา ที่ชอบเลยก็คือพื้นที่จอดรถจะลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้าน อีกทั้งยังมีชายคายื่นออกมาจนเกือบถึงรั้วบ้าน ประตูติดตั้งระบบอัตโนมัติมาให้พร้อมใช้งาน Built-in ครัวแบบตู้มีหน้าบานปิดมาให้เรียบร้อย ส่วนบริเวณกระบะต้นไม้ก็จะมีท่องานระบบต่างๆ และปลูกต้นไม้เอาไว้ให้ด้วย
เรียกได้ว่าทางโครงการได้เตรียมสิ่งที่จำเป็นมาให้ครบแล้ว ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลามาทำเพิ่มเอง อีกทั้งยังใช้เป็นโครงสร้างก่ออิฐมวลเบา ซึ่งเหมาะกับการออกแบบบ้านที่มีความ Flexible สามารถทุบ/เจาะ/ต่อเติมได้หลากหลายจุดสบายๆเลยนั่นเอง แต่จะมีหลังคาบางส่วนที่เป็น Flat Slab ซึ่งอาจต้องคอยดูแลเรื่องน้ำขังหรือการรั่วซึม ที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าหลังคาทรงจั่วสักหน่อยนะครับ
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มระบบ Solar Roof Top ที่ช่วยประหยัดพลังงานในตอนกลางวัน ติดตั้งสัญญาณกันขโมยครบชุด และมีระบบ Active AIR Quality System จาก SCG ที่ช่วยระบายอากาศภายในบ้านมาให้ด้วยครับ ส่วนจุดที่ผมคิดว่าอาจให้มาได้ดีเพิ่มขึ้นได้อีกก็คือบันได ที่ตอนนี้ยังคงเป็นโครงเหล็กอยู่ ถ้าใช้เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กจะมีความแข็งแรงมากขึ้นกว่านี้ครับ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ภาพรวมผมมองว่าให้มีค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าสวนสาธารณะหลักจะไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก และต้นไม้ก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่ฟุตบาทที่อยู่สองข้างทางของถนนโครงการด้านใน จะมีการปลูกต้นไม้เอาไว้ให้เป็นระยะๆ รวมถึงในตัวบ้านก็จะมีการให้ต้นไม้มาเป็นมาตรฐานทุกหลังอีกด้วย ดังนั้นบรรยากาศในตอนที่ผมลองเดินดูในโครงการ ก็จะสามารถมองเห็นต้นไม้ได้ตลอดเวลา ดูแล้วก็สดชื่นดีไม่น้อยเลย
สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ และด้วยเพื่อนบ้านที่จะช่วยแชร์ค่าส่วนกลางนั้นมีไม่เยอะนัก ก็เลยทำให้ค่าส่วนกลางอาจสูงสักหน่อยเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านโครงการอื่นๆนะครับ แต่เราก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเวลามาใช้งาน Facilities แทนด้วยนั่นเอง เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายมากนัก
จุดเด่นจริงๆผมมองว่าเป็นบรรยากาศของ Clubhouse ที่ทำออกมาได้ดีและสวยงาม เป็นสไตล์ Cozy เน้นความผ่อนคลายและการพักผ่อนเหมือนอยู่ตากอากาศ รวมถึงยังมีการจัดให้สระว่ายน้ำเป็นแบบ Semi-Outdoor ทำให้ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน และยังตั้งอยู่บนชั้น 2 เลยมีความเป็นส่วนตัวและว่ายชมวิวสวนในมุมสูงได้ด้วย ถือว่าหายากและแทบจะไม่ค่อยเห็นโครงการไหนเลยที่จัดสระว่ายน้ำไว้ชั้น 2 แบบนี้
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 19 – 26 ล้านบาท, 30 พฤษภาคม 2567
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วนเข้า-ออกเมืองง่าย มีความอุดมสมบูรณ์ โรงเรียนนานาชาติเยอะ
- ความปลอดภัย 7.5/10 – รปภ. 24 ชม. / RFID / CCTV / Magnetic Sensor เป็นมาตรฐาน
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – ยูนิตน้อย เน้นความเป็นส่วนตัวสูง มี Courtyard กลางบ้าน และฟังก์ชันมีความยืดหยุ่น
- วัสดุ 8/10 – ให้มาค่อนข้างดีเป็นมาตรฐาน โครงสร้างก่ออิฐมวลเบา เตรียมงานระบบหรือโครงสร้างที่จำเป็นมาให้พร้อม ไม่ต้องเสียเวลาทำเพิ่มเอง
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – สวนขนาดไม่ได้ใหญ่มาก แต่ปลูกต้นไม้ริมถนนทั้งโครงการ และมีในบ้านทุกหลังด้วย บรรยากาศรวมๆสดชื่นดี
- สาธารณูปโภค 8/10 – ฟังก์ชันหลักๆครบ บรรยากาศสวย สระว่ายน้ำชั้น 2 คนแชร์ร่วมกันน้อย
- 7.98 / 10.00
Noble Norse กรุงเทพกรีฑา เหมาะกับใคร
โครงการ Noble Norse กรุงเทพกรีฑา เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยวติดถนนใหญ่ย่านกรุงเทพกรีฑา ทำเลอุดมสมบูรณ์ ใกล้โรงเรียนนานาชาติและทางด่วน เน้นความเป็นส่วนตัวสูง ยูนิตน้อยเพียง 73 หลัง ออกแบบ Facade ให้มองไม่เห็นภายใน แต่มีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่งจาก Courtyard ที่ช่วยเพิ่มช่องแสง และ Ventilation ได้ดี อีกทั้งยังมีความ Flexible ของฟังก์ชัน ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามต้องการ แถมส่วนกลางยังมีบรรยากาศที่สวยงาม และจัดสระว่ายน้ำไว้บนชั้น 2 ไม่เหมือนใครด้วย โดยจะต้องมีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 19 – 26 ล้านบาท
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่