รีวิวฉบับที่ 821… สวัสดีแฟนๆ Think of Living ทุกท่านค่ะ ใครกำลังเริ่มต้นธุรกิจ แล้วคิดจะมองหาโฮมออฟฟิศกันอยู่บ้าง วันนี้เรามีโครงการ Motown Brio แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนเลียบคลองประปา หลัง Impact Arena เมืองทองธานี ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน เข้า-ออกเมืองได้ง่าย เพราะอยู่ห่างจากจุดขึ้นทางด่วนเพียง 3.1 กิโลเมตร
โดยตัวโครงการเป็นบ้านแฝดสไตล์โฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง จำนวน 6 ยูนิต ซึ่งจริงๆแล้วในโครงการมีทาวน์โฮมอยู่ด้วยแต่ตอนนี้ขายใกล้หมดแล้วเหลือเพียง 1 ยูนิต เราจึงนำแต่โฮมออฟฟิศมาให้ดูกัน ว่าแล้วก็ไปดูโครงการพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่าา ^^
Fact @ 16 April 2015
- Motown Brio แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น (โมทาวน์ บริโอ้ แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น)
- บริษัท ภัทรเฮ้าส์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
- Segment : UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : ถ.เลียบคลองประปา อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
- เนื้อที่โครงการ 5 -3 -36 ไร่
- บ้านแฝด สไตล์ Home office 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 7.4 เมตร จำนวน 6 ยูนิต
- แบบ 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 300 ตร.ม.
- ที่ดินแปลงมาตรฐาน 38 ตร.วา
- ราคาเริ่มต้น 9.89 ล้านบาทหรือ 260,263 บาท/ตร.วา
- http://www.motown-brio.com/index.php
- สำนักงานขาย : 02-573-0300
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ
NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ
พิกัด : 13.908519, 100.557217
แผนที่จากทางโครงการ จะเห็นว่าตัวโครงการอยู่บนถนนเลียบคลองประปา ซึ่งทางโครงการได้แสดงถนนเส้นทางหลักในการเข้าโครงการ คือทางถนนแจ้งวัฒนะ ที่มีทางด่วนวิ่งตัดผ่านหลักๆ 2 เส้นคือ ทางด่วนขั้นที่ 2-แจ้งวัฒนะ และทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ และนอกจากนี้โครงการยังแสดงสถานที่สำคัญๆรอบๆโครงการทั้งห้างสรรพสินค้า, Community Mall, ศูนย์ราชการ, โรงพยาบาล และร้านอาหาร ทำให้เห็นว่ารอบๆโครงการมีความอุดมสมบูรณ์
ซึ่งหากเทียบกับแผนที่จริงที่กว้างขึ้นมาหน่อย จะเห็นว่าตัวโครงการอยู่บนถนนเลียบคลองประปาระหว่างถนนแจ้งวัฒนะ และถนนสรงประภา ซึ่งทำเลบริเวณนี้หากมองจริงๆความเจริญจะเกาะที่เส้นถนนแจ้งวัฒนะซะส่วนใหญ่ ซึ่งมีทั้งห้างสรรพสินค้า อย่าง Central แจ้งวัฒนะ,BigC, Homepro, Tesco Lotus, Avenue, ไอทีสแควร์ มีสถานพยาบาลอย่าง KH Intermational Hospital, โรงพยาบาลพระมงกุฏ ไกลออกมาหน่อยก็มีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชบนเส้นพหลโยธิน ใกล้สถานศึกษาซึ่งบริเวณโดยรอบจะกระจายอยู่มากเช่น โรงเรียนพระหฤทัย,โรงเรียนเซนฟรังต์ซิสเซเวียร์, โรงเรียนวัดผาสุกมณีจักร เป็นต้น รวมทั้งสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.)ที่อยู่ในเมืองทองและ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครก็เป็นสถานศึกษาที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการมากนัก
โดยตัวโครงการจะติดกับ IMPACT Arena เมืองทองธานี ซึ่งสถานที่นี้คงจะไม่พูดถึงคงไม่ได้เพราะอยู่ใกล้ๆโครงการเลย ซึ่งที่นี่จะเป็นศูนย์จัดแสดงสินค้าและการประชุมโดยในแต่ละปีจะมีการจัดงานอีเวนท์ต่างๆ มากกว่า 400 งาน และมีผู้เยี่ยมชมมากกว่า 15 ล้านรายต่อปี เช่นงานมอเตอร์โชว์, งานเกี่ยวกับบ้านและสวน, งานแสดงสินค้าต่างๆ ที่หลายๆคนคงเคยมาและน่าจะพอรู้ว่าเมื่อที่นี่มีงานปุ๊บจะ # รถติดหนักมากกกกกกกกกกกก ขนาดไหน
ซึ่ง Impact Arena เมืองทองธานี นี้ตั้งอยู่ใน เมืองทองธานี ที่เป็นหมู่บ้านจัดสรรและโครงการอาคารชุดขนาดใหญ่ในเครือบริษัทบางกอกแลนด์ ค่อนข้างที่จะอุดมสมบูรณ์มีอาหาร และเครื่องสาธารณูปโภคครบ แต่ก็จะเป็นชุมชนที่ค่อนข้างแออัด อาศัยกันเป็นอาคารชุดที่อยู่ติดกันหลายๆยูนิต และนอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, สถานกีฬาเมืองทองธานี (ธันเดอร์โดม), การกีฬาแห่งประเทศไทยอีกด้วย เรียกได้ว่ายกสถานที่ใหญ่ๆ สำคัญๆ มาไว้ที่นี่เลย
ส่วนถ้าไปทางถนนสรงประภาก็ไม่ค่อยมีอะไรมากเท่าไหร่ แต่ถ้าขับทะลุไปถนนวิภาวดีรังสิต จะสามารถไปสนามบินดอนเมือง ซึ่งทางนั้นจะมีทั้งวัดดอนเมือง, สถานีรถไฟดอนเมือง, และตลาดดอนเมืองให้ไปจับจ่ายซื้อของกันได้
โครงการ Motown Brio แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น อยู่ติด Impact Arena เมืองทองธานี ด้านถนนทางเข้าเลียบคลองประปา จากถนนแจ้งวัฒนะประมาณ 1.5 กม และอยู่ห่างจากถนนสรงประภา 2.9 กิโลเมตร การเดินทางหลักๆที่สะดวกที่สุดก็ต้องเป็นการใช้รถยนต์ส่วนตัวโดย
หากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว : หากจะไปถนนวิภาวดี ใกล้สุดก็ไปทางถนนแจ้งวัฒนะห่างจากโครงการประมาณ 4.5 กิโลเมตร แต่รถจะติดหน่อยในช่วงเช้าและช่วงเย็นและโดยเฉพาะช่วงที่ Impact มีงานเทศกาลก็ติดโหด แต่หากจะไปทางถนนสรงประภาก็ได้ค่ะ ติดน้อยลงมาหน่อย แต่จะไกลกว่าใช้ระะทางประมาณ 7.3 กิโลเมตร
ส่วนใครอยากจะไปประชาชื่น,งามวงศ์วาน ก็ขับรถเลียบถนนคลองประปามาเรื่อย ผ่านแยกแจ้งวัฒนะ-ประชาชื่นตรงไปทางแยกพงษ์เพชรก็ถึงงามวงศ์วาน เดินเล่น Tha Mall งามวงศ์วานสบายๆ
แต่ถ้าใครไม่อยากไปเดินเล่นถึง Tha Mall งามวงศ์วานก็ขับไปเดินเล่น Central แจ้งวัฒนะได้โดยมี 2 ทางให้เลือกคือ เส้นทางที่ 1 สามารถขับผ่านถนนเลียบคลองประปามาทางแจ้งวัฒนะ แล้วเลี้ยวไปทางห้าแยกปากเกร็ด ตัว Central แจ้งวัฒนะ จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 4.6 กิโลเมตร ถ้าขับไปห้าแยกปากเกร็ดจะสามารถเลี้ยวเข้าถนนติวานนท์ หรือจะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางบางกรวย-ไทรน้อยได้ และเส้นทางที่ 2 คือ ใช้เส้นทางทะลุเมืองทองธานีไปก็ได้เหมือนกัน
การเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ : วินมอร์เตอร์ไซค์หน้าถนนเลียบคลองประปา(ด้านตัดกับถนนแจังวัฒนะ), ไปขึ้นรถตู้ในเมืองทองธานีซึ่งสามารถไปได้หลายที่ ทั้งอนุเสารีย์ชัยสมรภูมิ, จตุจักร, รังสิต หน้าโครงการมีแท๊กซี่ที่มีผ่านเรื่อยๆ และรถเมล์สาย 52 ปากเกร็ด-สถานีรถไฟบางซื่อ
เส้นทางในอนาคต : ในอนาคตถนนใกล้เคียงกับโครงการจะมีรถไฟฟ้าเกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้ได้ใช้กันในปี พ.ศ. 2563 ค่ะ โดยรถไฟฟ้าสายอนาคตนี้ คือ รถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ซึ่งจากแผนที่ด้านบนจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าอัพเดทล่าสุดจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในบางสถานีค่ะ อย่างในแผนที่จุดสีเขียวๆจะเป็นสถานีใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนจุดสีแดง คือสถานีเดิม ซึ่งสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้โครงการมากที่สุด คือ สถานีที่ 10 สีแดง นั้นคือ สถานีศรีรัช ค่ะ
แผนผังเส้นทางรถไฟฟ้าในแผนที่ ซึ่งสถานีศรีรัชจะอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ ไม่ไกลจากโครงการค่ะ
ส่วนการเดินทางโดยใช้ทางด่วน ใครที่ต้องการเข้า-ออกเมืองง่ายๆใกล้ที่สุด จากโครงการสามารถไปถึงจุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีสมาน ที่ห่างจากโครงการเพียง 3.1 กิโลเมตร
หรืออีกทางหนึ่งใครจะถนัดลงทางด่วนแจ้งวัฒนะก็ได้ อย่างเส้นทางที่เราจะพาไปกันในวันนี้เราจะเริ่มลงทางด่วนกันที่แจ้งวัฒนะ ขับบนถนนแจ้งวัฒนะแล้วเลี้ยวเข้าถนนเลียบคลองประปา จนผ่านหน้าโครงการ แต่จะพาไปดูสภาพแวดล้อมเลียบถนนเลียบคลองประปาจนถึงแยกศรีสมานแล้วเลี้ยวเข้าถนนประชาชื่น-ปากเกร็ด(ศรีสมาน) เพื่อไปดูที่จุดขึ้นทางด่วนถนนศรีสมาน
เริ่มลงทางด่วนกันเลย พอเราลงทางด่วนมาจะเห็นว่ามีป้ายให้เราไปทางถนนแจ้งวัฒนะได้ 2 ทาง คือ แยกซ้ายกับตรงไป
ซึ่งถ้าแยกซ้ายไปจะไปถนนแจ้งวัฒนะเหมือนกันแต่ไปออกทางปากเกร็ด ซึ่งเราจะขับตรงไปถนนแจ้งวัฒนะอีกทางเพื่อไปถนนเลียบคลองประปากันค่ะ
ตรงมา เราก็จะขึ้นวงแหวนแบบนี้
ว๊าบบบ.. ลงมาจากวงแหวน มองไปข้างหน้าก็จะเห็นร้านไทวัสดุ เป็นสิ่งแรก
ตอนนี้เราก็ลงมาอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะกันแล้ว ข้างหน้าที่เห็นเป็นสะพานใหญ่ๆนั้นคือทางด่วนที่เราเพิ่งลงมาค่ะ มองไปทางซ้ายมือจะเห็นป้ายบอกทางไป อิมแพ็คเมืองทองธานี
ซึ่งพอขับเลยมานิดเราก็จะเจอทางเข้าเมืองทองธานี ที่มีป้ายทางเข้าขนาดใหญ่สังเกตได้ง่ายทีเดียว
ถัดมาจะเจอสำนักเครื่องกลและสื่อสารกรมทางหลวง ที่มองไปทางขวามือจะเห็น Makro อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกัน
เลยมาอีกนิดจะเจอ ICI Dulux Thailand ซึ่งเป็นบริษัทผลิตสีและบริการออกแบบสีบ้าน
เลยมาอีกหน่อยจะเจอ โชว์รูม Honda และ Toyota อยู่ตรงข้ามกัน ซึ่งซอยข้างๆโชว์รูม Honda ที่หน้าซอยมี 7 Elaven อยู่ด้วยคือ ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 43 ซึ่งเป็นซอยที่เป็นทางลัดสามารถไปถนนเลียบคลองประปาได้ มองไปข้างหน้าเราจะเห็นว่ามีทางแยกขึ้นสะพาน ให้เราชิดซ้ายไว้อย่าหลงขึ้นสะพานนะคะไม่งั้นยาววว
ขับต่อไป เราจะเจอปั๊มแก๊ส ที่มีร้านบริการตรวจเช็คแบตเตอรี่ด้วย มองไปข้างหน้าจะเห็นป้ายบอกทาง เดี๋ยวเราจะเตรียมชิดซ้ายเพื่อเข้าถนนเลียบคลองประปา ซึ่งสามารถไปถนนสรงประภาได้ค่ะ
เลยมาอีกหน่อยจะเจอ The Base Condo ของ แสนสิริ
ซึ่งมองไปข้างหน้าเราก็จะเห็นแยกเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบคลองประปาแล้วว
ซึ่งตรงนี้ถ้าตรงไปจะสามารถไปทะลุถนนวิภาวดี เพื่อไปดอนเมือง ไปดินแดงได้ค่ะ ส่วนเราจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบคลองประปา
เข้ามาอยู่บนถนนเลียบคลองประปากันแล้วว มองไปทางซ้ายมือจะเห็นพี่วินแก๊งค์ใหญ่
บริบทในถนนเลียบคลองประปา ด้านขวามือจะเป็นคลองประปาซึ่งที่ต้องทำกำแพงสูงแบบนี้เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมค่ะ เพราะจากวิกฤตในปี 2554 ทำให้น้ำจากคลองประปาไหลทะลักออกมาโชคดีที่ฝั่งนี้ซึ่งเป็นฝั่งตะวันตกรอด แต่ทางฝั่งตะวันออก(ขวามือ)ไม่รอดค่ะ เพราะอย่างในภาวะน้ำท่วมปกติ คลองประปาฝั่งตะวันตก จะมีปัญหาน้อยกว่าฝั่งตะวันออกมาก เนื่องจากคันคลองประปาค่อนข้างสูง จึงไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมเข้าคลองประปา เพียงแค่เฝ้าระวังเท่านั้น ปัญหาส่วนใหญ่จะเกิดกับคลองประปาฝั่งตะวันออกโดยเฉพาะช่วงที่เป็นจุดตัดคลองธรรมชาติ 2 จุด คือ ท่อลอดคลอง(ไซฟ่อน) รังสิต และ บางหลวง ที่ กปน.วางท่อน้ำดิบลอดคลองธรรมชาติเหล่านั้น โดยสร้างผนังคอนกรีตขึ้นมาเป็นแนวคลอง รวมทั้งทางถนนเลียบคลองประปานี้ก็ได้ดำเนินการก่อสร้างแนวผนังคอนกรีตที่มีความแข็งแรงและมีความสูงมากพอที่จะรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมได้
ซึ่งคลองประปาเป็นจุดหัวใจหลักในการแจกน้ำดื่มน้ำใช้ไปให้คนกรุงเทพ หากน้ำท่วมจะไม่สามารถรักษาความมั่นคงของระบบผลิตน้ำประปาได้ ฉะนั้นจึงต้องป้องกันและเฝ้าระวังให้น้ำท่วมไม่ได้เด็ดขาดค่ะ
ส่วนทางด้านซ้ายมือจะเป็นคลองเหมือนกัน ซึ่งลักษณะของสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ฝั่งนี้ ทางเข้าจะเป็นลักษณะสะพานข้ามคลองแบบนี้ทั้งหมดค่ะ ซึ่งร้านที่เราเห็นข้างหน้าคือร้านล้างรถ
ถัดมาจะมี โบตานิก บริการห้องพัก และ H B cafe Hang out ส่วนถัดไปที่เห็นเป็นอาคารสูงๆนั้นคืออาคารกฤติธฤต
ระหว่างทางก็จะมีบ้านพักอาศัยสลับกับอพาร์ทเม้นท์อยู่เรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะมีความสูง 1-3 ชั้น
ถัดมาอีกหน่อยก็เจอร้าน Pro car wash อีกที่ รับรองอยู่แถวนี้รถสะอาดเพราะมีที่ให้ไปใช้บริการล้างรถหลากหลาย ซึ่งใกล้ๆกันก็มีร้านอาหารหลายร้าน
ขับมาอีกนิดก็จะเจอโครงการ Motown Brio แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น แล้ว โครงการอยู่ติดกับถนนเลียบคลองประปานี้เลยค่ะ โดยฝั่งนี้ของโครงการจะติดกับที่ดินว่างเปล่า และบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
มาดูโครงการกันชัดๆ ตัวโฮมออฟฟิศจะอยู่ด้านหน้านี้เลย มีจำนวนทั้งสิ้น 6 ยูนิตค่ะ ส่วนตัวทาวน์โฮมจะอยู่ด้านหลัง ซึ่งสะพานข้ามคลองเห็นข้างหน้านี้ไม่ใช่ทางเข้าโครงการนะคะ แต่เป็นทางเข้าของบ้านพักอาศัย 2 ชั้นที่อยู่ข้างๆ
หน้าโครงการจะมีป้าย Motown Brio เด่นชัด ส่วนทางเข้าโครงการตามลูกศรชี้เลยค่ะ
เลยมาจากทางเข้าโครงการประมาณ 75 เมตร จะเป็นทางเข้า Impact Arena เมืองทองธานี
ถัดมาอีกประมาณ 270 เมตร ก็เป็นทางเข้า Impact Arena เมืองทองธานี อีกทางหนึ่ง ซึ่งหัวมุมจะเป็นโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์
ด้านหน้าโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ ด้านที่ติดกับถนนเลียบคลองประปา
ถัดมาก็มีโรงเรียน บี เอฟ เอส ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติ
ขับตรงมาเราจะเห็นถนนฝั่งตรงข้ามก็เมีบ้านพักอาศัย 2 ชั้นเช่นกัน
ขับมาเรื่อยๆจะเจอโครงการเศรษฐสิริ แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น ของแสนสิริ
ที่ติดกับโครงการเศรษฐสิริมา จะเป็น Surely Pub & Restaurant
เลยมาอีกหน่อยจะมีร้านอาหารเรือนอีสาน พาครอบครัวมารับประทานกันได้
ขับตรงมา เราจะมาเจอกับสี่แยกศรีสมาน ซึ่งถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นถนนสรงประภา ซึ่งสามารถไปดอนเมืองได้ ส่วนถ้าตรงไปจะไปบางพูน ส่วนเราจะเลี้ยวซ้ายเพื่อไปดูตรงทางขึ้นทางด่วนศรีสมานกัน จะเห็นว่าตรงต้นซอยมีร้านอาหารระเบียงบัวด้วย
เข้าถนนประชาชื่น-ปากเกร็ดหรือถนนศรีสมานมา เราจะเห็นป้ายบอกทาง ซึ่งถ้าเราตรงไปจะสามารถไปถนนติวานนท์ ผ่านแยกสวนสมเด็จได้ แต่ถ้าเราขึ้นทางด่วนไปจะสามารถไปลงรังสิต, ม.ธรรมศาสตร์, บางปะอินได้ หรือจะวิ่งไปทางแจ้งวัฒนะ-ดินแดง หรือไปบางนา-ดาวคะนองก็ได้
เลยป้ายมาเราจะเห็นทางแยก ซึ่งแยกซ้ายมือสุดจะเป็นถนนศรีสมาน 8 ส่วนเลนขวามือสุดจะตรงไปเพื่อไปถนนติวานนท์และแยกสวนสมเด็จ ส่วนถ้าจะขึ้นทางด่วนก็ให้เข้าเลนกลางแต่ชิดซ้ายไว้ ก็จะสามารถไปขึ้นทางด่วนได้ค่ะ
บริบทโดยรอบโครงการ ทิศเหนือ ติดกับที่ดินว่างเปล่าของโครงการซึ่งรอการพัฒนาในอนาคต และถนนทางเข้าเมืองทองธานี ทิศตะวันออก ติดกับถนนเลียบคลองประปา ซึ่งเป็นถนนทางเข้าหลักของโครงการ ทิศใต้ ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ทิศตะวันตก ติดกับทาวน์โฮม 3 ชั้นของโครงการ และที่ดินว่างเปล่า ซึ่งมีเสาไฟฟ้าแรงสูงตั้งอยู่ ห่างจากรั้วของโครงการที่เป็นทาวน์โฮมประมาณ 30 เมตร และห่างจากตัวโฮมออฟฟิศประมาณ 90 เมตร (วัดจากเครื่องมือไม้บรรทัดใน Google ระยะอาจจะมีการคลาดเคลื่อนได้)
ซึ่งบ้านที่อยู่ใกล้แนวเสาไฟฟ้าแรงสูง จะมีข้อควรระวังหลายอย่างค่ะ เช่น ไม่ควรติดตั้งเสาอากาศโทรทัศน์ใกล้แนวสายไฟฟ้าแรงสูง เพราะนอกจากจะทำให้รับสัญญาณได้ไม่ชัดเจนเนื่องจากมีสัญญาณรบกวนแล้ว ยังเกิดอุบัติเหตุถูกไฟฟ้าแรงสูงดูดในระหว่างทำการติดตั้งอีกด้วย ซึ่งหลังที่ดินและแนวเสาไฟฟ้าแรงสูงไปจะเป็นคอนโดเมืองทองธานี ซึ่งเป็นหมู่ตึกที่ค่อนข้างหนาแน่น
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ ~600 เมตร
- สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ~7.1 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ ~2.3 กิโลเมตร
- ห้างเซ็นทรัล(แจ้งวัฒนะ) ~4.4กิโลเมตร
- บิ๊กซี(แจ้งวัฒนะ) ~2.2 กิโลเมตร
- The Avenue(แจ้งวัฒนะ) ~2 กิโลเมตร
- ศูนย์ราชการ ~4.7 กิโลเมตร
- Impact Arena เมืองทองธานี ~1.2 กิโลเมตร
- สนามบินดอนเมือง ~7.2 กิโลเมตร
โครงการ Motown Brio แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น เป็นโครงการที่ประกอบด้วยทาวน์โฮม 3 ชั้น และ บ้านแฝดสไตล์โฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง ซึ่งโครงการที่เราจะพาไปดูในวันนี้ เป็นโครงการโฮมออฟฟิศซึ่งจะอยู่ข้างหน้าติดกับทางเข้าทาวน์โฮมในโครงการเดียวกัน
โดยตัวโครงการจะอยู่ติดถนนเลียบคลองประปา ซึ่งทางเข้าโครงการจะเป็นสะพานข้ามคลองเล็กๆ ถนนทางเข้าโครงการกว้าง 10 เมตร เข้ามาจะเจอโครงการอยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งถนนหน้าอาคารกว้าง 8 เมตร ข้างๆกันเป็นซุ้มทางเข้าโครงการทาวน์โฮม ที่มีสวนหย่อม 2 จุด และแบ่งที่พักอาศัยเป็น 3 ซอย ซึ่งถนนหลักของทาวน์โฮมจะกว้างประมาณ 9 เมตร
เริ่มกันที่ทางเข้าโครงการซึ่งจะเป็นสะพานข้ามคลองนะคะ ถนนทางเข้าโครงการกว้าง 12 เมตร มองไปจะเจอซุ้มประตูซึ่งเป็นทางเข้าของทาวน์โฮมในโครงการซึ่งตอนนี้ขายใกล้หมดแล้ว
มองไปทางซ้ายมือจะเป็นซอยแยกออกไปเป็นโฮมออฟฟิศ ซึ่งมีจำนวน 6 หลัง
ทางเข้าถนนในซอยกว้าง 8 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่กว้างพอดีๆ ทัศนียภาพรอบๆโครงการค่อนข้างโล่ง เพราะไม่ค่อยมีอาคารสูง แต่ที่จะมีสูงก็คงเป็นเสาไฟฟ้าที่สูงแข่งกับอาคารเลยทีเดียว
ซูมให้เห็นกันชัดๆกำแพงน้ำตกแบ่ง 3 ตอน ลักษณะนี้ค่ะ
ถ้าอยู่ที่อาคารมองไปข้างหน้าก็จะได้วิวนี้ เห็นถนนเลียบคลองประปา และอาคารฝั่งตรงข้ามคลอง
มองกลับไปที่ทางเข้าโครงการ ซึ่งอาคารกำแพงสีส้มๆที่เห็นนั้นคือ Sale Office ซึ่งจะถูกรื้อออกในอนาคตเมื่อปิดการขายค่ะ
ถึงตัวทาวน์โฮมจะขายเกือบหมดแล้ว แต่ไหนๆก็มากันแล้วทั้งที ไปเดินดูรอบๆโครงการกันดีกว่าค่ะจะได้รู้ว่าทั้งโครงการเรามีอะไรบ้าง ในส่วนของซุ้มประตูเข้าทาวน์โฮมจะเป็นไม้กระดก มีกล้อง CCTV 6 ตัว จำนวน 5 จุด (ทางเข้า-ออก มี 2 ตัว) และมีป้อมยามรักษาความปลอดภัย
เข้ามาจะเจอทาวน์โฮมซอย 2 ที่ตอนนี้มีลูกบ้านเข้าอยู่เรียบร้อยแล้ว ตึกแรกทางขวามือที่ติดป้ายสีเขียวๆนั้นเป็นร้านนวดและสปา ใครเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวอยากมานวดก็สามารถมาใช้บริการได้ค่ะ มองไปที่สุดซอยเราจะเห็นเสาไฟฟ้าแรงสูงและตึกของคอนโดเมืองทองธานี
มองไปทางซ้ายมือ สุดทางมีศาลาเล็กๆ
ซึ่งดีไซน์เป็นลักษณะนี้ค่ะ มีการจัดสวนหย่อมเล็กๆให้พอนั่งคุยกันได้เล็กน้อย หลังศาลานั้นจะเห็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นที่อยู่ติดกับโครงการ
ข้างๆศาลาก็จะเป็นทางเข้าไปทาวน์โฮมซอย 1 มองไปสุดทางก็ยังเป็นเสาไฟฟ้าแรงสูงและคอนโดเมืองทองธานีเหมือนซอย 2
ข้างๆสวนหย่อมจะเป็นทาวน์โฮมซอย 3 ซึ่งซอยนี้ยูนิตจะน้อยกว่าซอยแรก มองไปสุดซอยก็ยังเป็นตึกของคอนโดเมืองทองธานีค่ะ แต่ซอยนี้โล่งสายตากว่าซอยอื่น เพราะไม่มีเสาไฟฟ้าแรงสูง
โดยตั้งแต่ซุ้มทางเข้ามาจนถึงทาวน์โฮมนี้จะเป็นโครงการ Motown Brio แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น เหมือนกัน แต่จะถูกแยกส่วนกันนะคะ โดยที่ผู้ใช้โฮมออฟฟิศจะไม่สามารถใช้ส่วนกลางของทาวน์โฮม เช่นสวนหย่อม และซุ้มประตูทางเข้านี้ได้ จะใช้พื้นที่ได้แค่บริเวณส่วนหน้าโครงการเท่านั้นค่ะ
Motown Brio แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น เป็นโครงการทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ ซึ่งส่วนที่เราจะพากันไปดูในวันนี้คือส่วนของโฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง โดยชั้น 1,2 และ 4 จะจัดพื้นที่เต็มชั้น แต่ชั้น 3 จะจัดพื้นที่เป็นชั้นลอย จึงทำให้เกิด Double Space เป็นโถงใหญ่ที่ชั้น 2 ตัวบ้านมีขนาด 38 ตร.วาพื้นที่ใช้สอย 300 ตร.ม. หน้ากว้าง 7.4 เมตร จำนวน6 ยูนิต
โดยตัวโครงการจะเป็นบ้านแฝดสไตล์โฮมออฟฟิศ ซึ่งจะมียูนิตที่ติดกัน 2 หลัง แต่ละหลังจะมีช่องว่างระหว่างอาคาร ทำให้สามารถทำช่องเปิดได้รอบ วิธีการก่อสร้างใช้ระบบการก่อสร้างแบบก่ออิฐทั้งหลัง ตัว Facade ของอาคารเล่นเส้นสายที่ต่อเนื่องกันโดยใช้โทนสีดำ-ขาว-น้ำตาลเป็นหลัก ทางโครงการบอกว่าเส้นสายภายนอกที่ต่อเนื่องกันนี้ได้ถูกพัฒนาเป็นแนวคิดในการออกแบบที่ว่างภายในตัวบ้าน (Space Organization) เพื่อให้พื้นที่ที่ต่อเนื่องสามารถใช้งานได้หลากหลายรองรับทุกความต้องการในอนาคต ว่ามาแบบนี้ต้องไปดูฟังก์ชั่นภายในแล้วละคะ
มาเริ่มกันที่แปลนชั้นแรก ตัวบ้านขนาด 7.4 x 10 เมตร หน้ากว้างส่วนที่จอดรถ 5 เมตร สามารถจอดรถได้ประมาณ 2 คันพอดีๆ ทางเข้าบ้านจะเป็นบันไดไม่มีทางลาด ซึ่งตรงนี้ถ้าอนาคตออฟฟิศเรามีผู้ป่วยที่ต้องนั่งรถเข็น หรือคนที่เดินไม่สะดวกเข้ามาติดต่อ อาจจะลำบากนิดนึง อาจจะต้องหาพื้นลาดหรือเทปูนทำทางลาดต่อเติมนะคะ ขึ้นบันไดเข้ามาจะมีประตูที่เป็นห้องเก็บของเล็กๆเปิดได้จากด้านนอก ส่วนซ้ายมือจะเป็นประตูทางเข้า เปิดประตูเข้ามาจะเจอโถงที่จัดให้เป็นล็อบบี้ต้อนรับและที่นั่งพักคอย ส่วนด้านหลังสามารถกั้นเป็นห้องประชุมได้ ที่ติดกันเป็นห้องครัว เชื่อมต่อกับห้องน้ำ และมีประตูไปสู่ส่วนซักล้างที่อยู่ด้านหลัง
จุดสังเกตอย่างหนึ่งคือโครงการจะออกแบบฟังก์ชั่นมาให้ส่วน Service อย่างเช่นส่วนห้องน้ำ, บันได, ห้องครัว, ห้องเก็บของ อยู่ทางฝั่งเดียวกันที่ไม่มีช่องเปิดทั้งหมด และส่วนที่ใช้งานหลักอย่างห้องประชุม ห้องทำงานจะอยู่อีกด้าน ซึ่งเป็นด้านที่เห็นว่ามีการจัดสนามหญ้าจัดสวนไว้และมีช่องว่างระหว่างอาคาร ทำให้คนทำงานที่ใช้งานหลักในด้านนี้สามารถรับแสงธรรมชาติ รับวิวสวนได้เป็นอย่างดี ไม่รู้สึกอึดอัด
ขึ้นบันไดมาที่ชั้น 2 จะเจอห้องน้ำที่มีส่วนปัสสาวะชายและหญิง รองรับการใช้งานของทั้งสองเพศ อีกด้านจัดเป็นห้องทำงาน ซึ่งส่วนนี้จะเป็นห้องที่มีโถงขนาดใหญ่มาก เพราะชั้นข้างบนเป็นชั้นลอย โครงการจึงจัดให้เป็นห้องทำงานแบบเปิดเต็มพื้นที่ ส่วนห้องทำงานที่เห็นกั้นเป็น 2 ล็อกนั้นคือส่วนใต้ชั้นลอย ที่ความสูงฝ้าเพดานปกติ สามารถทำเป็นโต๊ะหัวหน้าหรือโต๊ะของแผนกที่ต้องการความเป็นส่วนตัวได้ หรือพื้นที่ตรงนี้จะทำเป็น Pantry เล็กๆเผื่อวางชากาแฟไว้ให้พนักงานได้ชงกินยามบ่ายได้
ขึ้นมาที่ชั้นลอยมา จะเจอห้องน้ำซึ่งฟังก์ชั่นเหมือนชั้น 2 ส่วนของชั้นลอยถูกจัดให้เป็นห้องทำงานใหญ่ ที่มีโซฟารับแขกด้วย รองรับการใช้งานของเจ้าของออฟฟิศ ซึ่งมีหน้าต่างของชั้นลอยสามารถมองลงไปดูการทำงานข้างล่าง หรือถ้าใครฮาร์ดคอร์หน่อยก็สามารถตะโกนลงไปสั่งงานพนักงานได้เลยทีเดียว (= o=)>
มาถึงชั้น 3 พื้นที่ชั้นนี้ถูกจัดให้เป็นส่วนพักอาศัย โดยมีห้องนอนเล็ก 2 ห้อง และมีห้องน้ำตรงโถงที่มีพื้นที่อาบน้ำให้ ส่วนอีกห้องเป็นห้องนอนใหญ่ ที่มีห้องน้ำในตัว
มาดูตัวบ้านกันบ้างค่ะ ตัวบ้านจริง 1 หลังจะได้แบบนี้ หากมองใกล้ๆจะเห็นว่าส่วนที่เป็นพื้นที่ชั้น 2 และชั้น 3 ที่เป็น Double Space มีการตกแต่งอาคารภายนอกให้ดูโดดเด่นสูงโปร่งขึ้นมา หน้าอาคารจะเห็นสายไฟฟ้าพาดผ่านแบบนี้เพราะโครงการตั้งเสาไฟฟ้าติดกับหน้าอาคาร และดึงไฟฟ้ามาใช้ให้แต่ละหลังโดยตรงเลยค่ะ จึงอาจจะมีเกะกะสายตาไปบ้าง
ซึ่งโครงการทำประตูเข้า-ออก ไว้ให้ 2 ทาง คือ ประตูใหญ่เป็นทางเข้าที่จอดรถ สูง 1.7 เมตร เป็นอลูมิเนียมทาสีดำแบบพับเก็บ และประตูเล็กเป็นซุ้มประตูคนเดินเข้า
โดยซุ้มประตูเป็นก่ออิฐฉาบปูนทาสีขาวสลับกับทรายล้าง ตัวประตูเป็นกรอบอลูมิเนียมทาสีดำ ที่พื้นเป็นทางลาดเพื่อระบายให้น้ำไหลลงที่ต่ำได้ง่าย ใช้วัสดุปูพื้นเป็นทรายล้างล้อมรอบด้วยพื้นปูนขัดมันเพื่อป้องกันการลื่น ที่ซุ้มประตูมีกริ่งกดเรียก และมีที่ติดป้ายชื่อสำนักงานไว้ให้ด้วย ส่วนถังขยะสีน้ำเงินโครงการให้มาจะมีลักษณะแบบนี้ทุกหลังค่ะ
เมื่อเปิดประตูเข้ามา จะเจอที่จอดรถขนาด 5 x 5 เมตร พอจะจอดรถได้ 2 คันพอดีๆ วัสดุปูพื้นเป็นทรายล้าง ล้อมรอบด้วยพื้นปูนขัดมัน และโรยหินรอบๆ โดยในส่วนที่จอดรถโครงการจะให้โคมไฟซาลาเปามา 1 ตัว
ทางเข้าบ้านหลักเมื่อเราหันหน้าเข้าสู่ตัวบ้านจะอยู่ทางซ้ายมือ พื้นทางขี้นเป็นบันได 4 ขั้น ฝ้าเพดานค่อนข้างสูง มีโคมไฟ 1 ดวงซึ่งบ้านมาตรฐานของจริงโครงการจะติดโคมไฟแบบนี้มาให้เลยค่ะ
ส่วนทางด้านขวามือจะเป็นส่วนของช่องว่างระหว่างอาคาร รั้วปูนรอบอาคารจะสูง 1.7 เมตร บ้านตัวอย่างโครงการจัดสวนไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ส่วนของเสาบ้านส่วนจอดรถมีการก่อ Low Wall ขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งตรงนี้เราสามารถต่อเติมทำระแนงตกแต่ง หรือจริงๆแล้วเจ้าตัว Low Wall นี้มีประโยชน์เวลาล้างรถหน้าบ้านนะคะ สามารถวางอุปกรณ์ได้ ไม่ต้องก้มๆเงยๆ
เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (ตัวบ้านจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ 😀 ) โดยโครงการจะปูสนามหญ้าไว้ให้ทุกหลัง และติดตั้งก็อกน้ำไว้ให้เผื่อรดน้ำต้นไม้หรือล้างรถ
เดี๋ยวเราจะพาเดินดูรอบๆบ้านกันก่อนนะคะ เดินมาดูข้างๆบ้านจะเห็นมีต้นไม้ที่เพิ่งเอามาลง ซึ่งตัวบ้านจริงจะมีแต่สนามหญ้าไม่มีต้นไม้ลงให้ ระยะทางเดินข้างบ้านนี้ประมาณ 2 เมตร ส่วนหน้าต่างแบบ Bay Window ที่เราเห็นข้างหน้านี้คือส่วนของห้องโถงรับแขกค่ะ
ถัดมาเป็นหน้าต่างของส่วนห้องหลังบ้าน ซึ่งในบ้านตัวอย่างโครงการจัดไว้เป้นห้องประชุมหรือห้องรับประทานอาหารก็ได้ ช่องเปิดค่อนข้างกว้างและโปร่งค่ะ มองไปตรงหัวมุมข้างหน้านั้นคือส่วนของทาวน์โฮมที่เป็นโครงการเดียวกันค่ะ
เดินมาที่หลังบ้าน จะเห็นหน้าต่างอีกด้านของห้องประชุม หรือห้องรับประทานอาหาร มองตรงไปจะเห็นว่าพื้นมีการยกธรณีขึ้นมาเล็กน้อย และเป็นพื้นปูกระเบื้องนั้นคือลานซักล้าง
ซึ่งในส่วนลานซักล้างนี้จะมีขนาด 4.3 x 2.0 เมตร พื้นปูกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีประตูทางเข้าไปสู่ห้องครัว ซึ่งประตูที่ใช้เป็นประตู UPVC สีขาว ในส่วนของลานซักล้างจะมีก็อกน้ำ, เครื่องปั๊มน้ำให้ 1 ตัว และมีเต้ารับแบบมีฝาครอบให้
เต้ารับแบบมีฝาครอบที่โครงการให้มาค่ะ
มองขึ้นไปด้านบน จะมีบันไดลิงที่ติดกับตัวอาคาร เพื่อใช้เป็นบันไดหนีไฟในยามฉุกเฉิน
ทางเข้าบ้านจะเป็นบันได 4 ขั้น ปูพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำ มองตรงไปขวามือจะเป็นทางเข้าหลักของบ้าน ส่วนบานประตูสีขาวตรงจักรยานนั้นคือประตูห้องเก็บของ
ซึ่งตัวห้องเก็บของเป็นรูปตัว L มีพื้นที่ประมาณ 2.2 x 1.4 เมตร
ส่วนประตูหน้าบ้านเป็นอลูมิเนียมสีพิเศษ SAHARA เป็นกระจกใสเขียวตัดแสง ขนาดหน้ากว้าง 1 เมตร มือจับเป็นแบบก้านโยกสแตนเลส
พื้นมีการยกระดับขึ้นเล็กน้อย และใช้การปิดรอยต่อแบบ Slope จึงค่อนข้างเนียน ส่วนพื้นห้องรับแขกปูกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีมขนาด 60×60 ซม.
เขามาในห้อง จะเจอส่วนของห้องรับแขกที่เชื่อมต่อกับห้องประชุมหรือห้องรับประทานอาหาร
เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (ตัวบ้านจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ ) ที่เห็นมีการกั้นห้องนี้เนื่องจากบ้านเปล่าที่มาถ่ายเป็นแปลงที่มีคนแล้วกำลังต่อเติม ซึ่งส่วนที่เห็นกำลังต่อเติมกั้นห้องนี้เป็นส่วนที่โครงการแถมให้ด้วยค่ะ สำหรับคนที่ซื้อโฮมออฟฟิศ จะแถมกั้นห้องให้ขนาด 25 ตร.ม. ฟรี! แต่เฉพาะกั้นชั้น 1 เท่านั้นนะคะ
ในส่วนของช่องเปิดจะได้จะเป็นหน้าต่างบานเลื่อน อลูมิเนียมสีพิเศษ SAHARA กระจกใสเขียวตัดแสง ลักษณะเแบบนี้เลยค่ะ
ลองมองย้อนกลับไปที่ส่วนรับแขก ขนาด 4.30 x 4.90 เมตร จะเห็นว่าพื้นที่ค่อนข้างกว้างทีเดียว โครงการวางโต๊ะวางทีวีและโซฟามาให้ดูเป็นไอเดียตัวอย่าง โดยระยะดูทีวีจะอยู่ที่ประมาณ 3 เมตร ซึ่งระยะการดูที่กว้างขนาดนี้ หากจะจัดให้ห้องนี้เป็นห้องนั่งเล่นและรับแขก ก็สามารถวางทีวีจอใหญ่ได้สบายๆเลยค่ะ
มองไปที่ประตู จะเห็นว่ามีการร่นระยะเป็นโถงเล็กๆที่หน้าประตู ซึ่งตรงนั้นโครงการติดกระจกเงามาให้ดูเป็นตัวอย่างถือว่าเป็นไอเดียที่ดีค่ะ ซึ่งหากข้างๆกันเราจะทำตู้วางของหรือมีเก้าอี้เล็กๆสักอันไว้ใส่หรือถอดเปลี่ยนรองเท้าและตรวจความเรียบร้อยเป็นการเช็คลุคไปในตัวก่อนออกไปข้างนอกได้
เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (ตัวบ้านจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ )ในส่วนของช่องเปิดด้านนี้จะได้จะเป็นหน้าต่างบานเลื่อน อลูมิเนียมสีพิเศษ SAHARA กระจกใสเขียวตัดแสงเช่นกัน แต่ที่พิเศษคือจะเป็นกระจกแบบ Bay Window บาน Fix เข้ามุม ทำให้มุมนี้ค่อนข้างจะโปร่ง หากมีการจัดสวนสวยๆข้างบ้านคงเป็นมุมที่น่านั่งมากทีเดียว
หน้าต่างที่บานเปิดต่ำถึงพื้น เวลาเราเปิดบานเลื่อนออกมาจะเป้นแบบนี้นะคะ ช่องเปิดค่อนข้างกว้างเกือบจะเป็นประตูได้เลยทีเดียว
ซึ่งตัวล็อกของหน้าต่างบานเลื่อนทุกบานจะใช้แบบนี้ และมีสักหลาดกับปุ่มกันกระแทกให้ทั้งหมดค่ะ
เพิ่มเติมนิดนึง ตรงนี้ถ่ายจากโซฟาห้องรับแขกค่ะ ซึ่งจะเห็นว่าหากนั่งดูทีวีจากโซฟาจะเอียงๆหน่อยไม่พอดีตา ดังนั้นสามารถจัดวางโซฟาและโต๊ะวางทีวีให้อยู่ในระดับที่ตรงกับสายตาดีกว่านะคะ จะได้ดูทีวีสบายๆ
ต่อไปเป็นพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารหรือห้องประชุม ซึ่งที่ติดกันจะเป็นประตูห้องครัวและทางซ้ายมือเป็นประตูจะเปิดไปโถงบันได
มาดูที่ส่วนห้องรับประทานอาหาร หรือห้องประชุมกัน พื้นที่ของห้องนี้มีขนาด 3.6 x 3 เมตร ในส่วนนี้จะมีหน้าต่างบานเลื่อนกระจก ถึงพื้นเหมือนส่วนห้องรับแขก เป็นห้องที่มีแสงและลมเข้าค่อนข้างดีทีเดียว ที่ฝ้าเพดานจะติดหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์มาให้ 2 ดวง มีตัวครอบลักษณะตามภาพเลยค่ะ
ถ้าห้องนี้วางชุดโต๊ะเก้าอี้ 6 ที่นั่ง ลักษณะแบบนี้ จะเหลือระยะเดินรอบโต๊ะประมาณด้านละ 1.05 เมตร
หากเรานั่งอยู่ในมุมนี้ก็จะสามารถนั่งดูทีวีและพูดคุยไปพร้อมๆกับคนที่นั่งอยู่ที่โซฟารับแขกได้ค่ะ เป็นการใช้พื้นที่เปิดที่คุ้มค่า ไม่เปลืองไฟในกรณีที่จัดฟังก์ชั่นตามนี้นะคะ
ต่อไปเป็นประตุไปสู่ห้องครัวและโถงบันได ซึ่งโครงการให้ประตูมาแบบนี้เลยค่ะ โตยตรงไปเป็นประตูห้องครัวจะใช้ประตูบานเปิดเดี่ยว ซึ่งสามารถเปิดได้ 2 ทาง และซ้ายมือที่เป็นประตูโถงบันไดจะใช้เป็นประตูบานเลื่อน
เรามาดูที่ห้องครัวกันก่อน เปิดประตูออกไปจะเจอห้องครัวขนาด 2.6 x 2.4 เมตร มองตรงไปจะเป็นประตูเปิดไปสู่ส่วนซักล้าง ที่พื้นมีธรณีประตูเล็กน้อยเนื่องจากกรอบของประตูบานเปิด อาจไม่ทำให้สะดุดล้ม แต่เผลอเตะก็เจ็บ.. ในส่วนของพื้นห้องครัวปูกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม.ค่ะ
เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (ตัวบ้านเปล่าจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ ) โครงการจะมีเต้ารับและท่อไว้ให้สำหรับเผื่อวางเครื่องซักผ้า หรือติดตั้งอ่างล้างจาน ส่วนทางขวามือจะเป็นเมนบอร์ดไฟ
ซึ่งในส่วนใต้เมนบอร์ดไฟ หากวางตู้เย็นขนาดนี้ก็จะได้พอดีเลยค่ะ ถัดจากห้องครัวไปข้างๆกันจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ
เข้าห้องน้ำมาสิ่งแรกที่จะเห็นคือ ราวแขวนผ้า และก็อกน้ำที่ติดตั้งอยู่ต่ำ สามารถใช้ซักผ้า, ล้างเท้า หรือใช้ล้างห้องน้ำจะสะดวกมาก ผนังห้องน้ำเป็นแบบก่ออิฐฉาบปูน ปูกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม.
ห้องน้ำมีการลดระดับเล็กน้อย พื้นปูกระเบื้องกันลื่น COTTO ขนาด 30 x 30 ซม.
มองไปทางขวามือจะเป็นอ่างล้างหน้าวางบนท็อปกระเบื้องหินแกรนิต กระจกเงาติดผนังแบบธรรมดา และผนังด้านบนมีช่องเปิดกระจกบานกระทุ้ง ช่วยระบายอากาศและให้แสงธรรมชาติเข้าได้
อ่างล้างหน้าทรงกลม และก็อกน้ำของ COTTO
ส่วนอีกด้านเป็นส่วนของโถสุขภัณฑ์ของ Cotto ด้านหลังมีการทำ Low wall ไว้ให้สามารถวางของได้
กระดาษชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ของ Cotto เช่นกัน
ไฟในห้องน้ำเป็นไฟดาวน์ไลท์ มีให้ 2 ดวง เมื่อรวมกับช่องเปิดบานกระจก ทำให้ห้องนี้ค่อนข้างสว่างดีค่ะ
ต่อไปเป็นส่วนของโถงบันได จะเห้นว่ารางเลื่อนประตูเป็นรางเลื่อนติดด้านบน ทำให้พื้นตรงนี้ราบเรียบ ไม่มีธรณีขึ้นมาให้เกะกะ
ตรงส่วนของบันไดโครงการจะติดโคมไฟมาให้เลย 2 จุด คือตรงโถงทางขึ้นบันได และจุดตรงชานพักบันได ซึ่งไม่ได้ช่วยเรื่องแสงมากเท่าไหร่ เพราะตรงบันไดนี้ไม่มีแสงธรรมชาติเข้าเลยค่อนข้างมืด โคมไฟ 2 ดวงจึงไม่ค่อยช่วยมาก แนะนำให้ติดไฟดาวน์ไลท์ หรือหาโคมไฟมาติดเพิ่มค่ะ
มองลงไปข้างล่าง ลักษณะชานพักบันไดจะเป็น 2 ระดับแบบนี้ค่ะ
ขึ้นบันไดมา จะเจอห้องน้ำ และมองไปทางซ้ายมือจะเป็นห้องทำงาน
เปิดเข้ามาจะเจอส่วนของทางเดินระหว่างห้องประชุมเล็ก กับห้องทำงาน ขนาดพื้นที่ตรงนี้กว้างประมาณ 3 เมตร พื้นปูลามิเนตหนา 8 มม.ตรงหน้าต่างโครงการจัดห้องตัวอย่างโดยการใส่ผ้าม่านโปร่งแสงเป็นไอเดีย เพราะของจริงควรต้องใส่อย่างมากค่ะ เพราะห้องนี้แสงเข้าค่อนข้างดีมาก นอกจากแสงแล้วความร้อนก็เข้าดีมากเช่นกัน อาจทำให้แอร์ทำงานหนักมากเกินไป
เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (ตัวบ้านจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ ) จะเห็นว่าบ้านจริงแสงเข้าดีมากก เพราะหน้าต่างเป็นกระจกเต็มบานและมีรอบห้อง ซึ่งตัวหน้าต่างด้านล่างจะเป็นกระจกบาน Fix และส่วนด้านบนจะเป็นกระจกบานเลื่อน นอกจากเรื่องของแสงแล้ว เรื่องของมุมมองก็เช่นกัน พอเราไม่มีม่านปิดปุ๊บ เราจะจ๊ะเอ๋กับโฮมออฟฟิศหลังข้างๆทันที ส่วนมุมนี้โครงการมีเต้ารับไว้ให้ เผื่อใช้ในสำนักงานตรงจุดนี้ค่ะ
เข้าประตูมามองไปทางซ้าย โครงการจัดไว้ให้เป็นห้องประชุม และนั่งคุยงาน
ที่พอเปิดม่านมาแล้วก็จะได้แสงที่ดีมากกก แทบไม่ต้องเปิดไฟเลยค่ะ แต่ร้อนนะบอกไว้ก่อน
ในส่วนนี้จะติดไฟฟลูออเรสเซนต์มาให้ 4 ดวง ตัวครอบตามภาพเลยค่ะ
จากส่วนประชุมคุยงานมองไปจะเห็นพื้นที่ของห้องทำงานทั้งหมด ซึ่งขนาดของห้องนี้โดยรวมคือ 10 x 5 เมตร ซึ่งจริงๆแล้วเราสามารถจัดพื้นที่ได้หลากหลายตามใจชอบเพราะเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างเปิดโล่ง มองไปจะเป็นส่วนของโต๊ะทำงาน ซึ่งโครงการ นำโต๊ะยาวมาวางไว้ ด้านหลังวางตู้เก็บเอกสาร
ซึ่งในส่วนนี้หากวางโต๊ะยาวเป็นโต๊ะทำงาน โดยจัดที่นั่งประมาณ 8 ที่ ก็จะเหลือพื้นที่ทางเดินรอบโต๊ะสบายๆ หน้าต่างด้านนี้ก็มีช่องเปิดเยอะไม่แพ้กันค่ะ ตัวหน้าต่างทางซ้ายมือจะเป้นบานเลื่อน ด้านนอกมีระแนงที่เป็น Facade ตกแต่งอาคาร
ซึ่งตัวระแนงจะไม่ได้ชิดกับหน้าต่าง แต่จะติดกับผนังด้านนอกในลักษณะนี้ค่ะ
เรามาอยู่ตรงกลางห้องในส่วนของ Double space จะรู้สึกได้เลยว่าห้องสูงชะลูดมาก โครงการใส่โคมไฟตกแต่งที่ห้อยลงมาค่อนข้างต่ำ เพราะการใช้โคมไฟที่ห้อยอยู่สูงเกินไป แสงที่ส่องลงมาก็จะเข้าไม่ถึงคนที่ใช้พื้นที่ตรงนี้ ซึ่งพื้นที่ Double space นั้นทำให้ห้องโปร่งโล่ง ไม่ดูอึดอัด แต่ในการใช้งานจริงห้องที่ติดกับหน้าต่างรับแสงธรรมชาติเยอะๆแบบนี้ คาดว่าจะต้องเปิดแอร์ตลอดเวลาเช่นกัน
เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (ตัวบ้านจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ ) จะเห็นว่าห้องจริงไม่มีไฟเลย แต่แสงก็ยังเข้าค่อนข้างดีมาก เพราะมีช่องเปิดทั้งผนังชั้น 2 และชั้นลอย ซึ่งช่องเปิดในด้านนี้ส่วนด้านบนจะเป็นหน้าต่างบาน fix ทั้งหมด ส่วนด้านล่างจะผสมกันระหว่างบาน Fix และบานกระทุ้ง ส่วนด้านที่ติดมุมจะเป็น Bay window
เปิดหน้าต่างบานกระทุ้งในห้องทำงานให้ดูกัน ลักษณะมือจับจะเป็นแบบก้านโยกค่ะ
ส่วนหน้าต่างกระจกห้องทำงานด้านที่ติดมุม จะเป็นแบบ Bay window แบบนี้
จากกลางห้องมองขึ้นไปที่ชั้นลอย จะเห็นว่ามีหน้าต่างบานเลื่อนคู่ สามารถมองลงมาได้
เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (ตัวบ้านจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ ) ช่องเปิดของทั้งห้องจะเป็นลักษณะนี้ค่ะ ห้องด้านนี้จะแสงเข้าดีมากในช่วงบ่ายเพราะเป็นด้านทิศตะวันตก ในช่วงบ่าย คนที่อยู่บนชั้นลอยกับใต้ชั้นลอยนี้ อาจได้แสงที่ดีแต่คงต้องปิดม่านแล้วเปิดแอร์น่าจะสบายกว่าค่ะ
จากบ้านมาตรฐานของโครงการ มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานบนชั้นลอย จะให้ไฟดาวน์ไลท์มา 4 ดวง และโคมไฟอีก 1 ดวง
หากนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานมองไปในห้องก็จะได้มุมมององศาประมาณนี้ แม้ว่าเมื่อมองออกไปที่ห้องใต้ชั้นลอยจะรู้สึกว่าฝ้าเดานเตี้ย แต่การยกฝ้าเพดานสูงตรงบริเวณที่นั่งทำงานตรงนี้จะทำให้ความรู้สึกโอ่โถงขึ้นมาก ซ้ายมือจะเป็นประตูเดี๋ยวเราออกไปดูห้องน้ำกันต่อค่ะ
ห้องน้ำชั้น 2 ขนาด 2.3 x 2.4 เมตร เป็นห้องน้ำแบบแห้ง มีส่วนของอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ ซึ่งมีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดออก 2 บาน ผนังปูกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม. ลายสีส้มจัดจ้าน
อ่างล้างหน้าวางบนท็อปกระเบื้องหินแกรนิต ใช้สุขภัณฑ์ของ Cotto กระจกเงาติดผนังแบบธรรมดา
ข้างอ่างล้างมือมีก็อกน้ำ และที่แขวนผ้าให้เหมือนกับห้องน้ำชั้น 1
โถสุขภัณฑ์ของ Cotto ของมีให้ทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย
ออกจากห้องน้ำชั้น 2 เราขึ้นบันไดไปดูกันต่อที่ห้องชั้นลอยค่ะ
ขั้นมาที่ชั้นลอย เราจะเจอห้องน้ำ และห้องทำงานชั้นลอย
เข้ามาที่ห้องทำงาน ขนาด 4.9 x 5.0 เมตร พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มม. โครงการจัดห้องนี้ให้เป็นพื้นที่ห้องประชุม โดยการจัดโต๊ะประชุมไว้ตรงกลาง และวางกระดานไวท์บอร์ดไว้มุมห้อง แต่เป็นด้านมุมห้องที่บังช่องแสงที่อุตสาห์มีแล้ว ทำให้ต้องเปลืองไฟเพื่อเปิดให้แสงสว่างเพิ่มขึ้นอีก จึงขอแนะนำว่าถ้าต้องการให้มีกระดานแบบนี้ ลองเปลี่ยนที่วางกระดานมาวางด้านชิดผนังจะดีกว่าค่ะ
หรือถ้าใครจะเปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้เป็นโต๊ะทำงานก็สามารถวางโต๊ะทำงานชิดผนัง เพื่อให้ 1. เราสามารถรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่(ใช้แสงธรรมชาติไม่ต้องเปิดไฟ) 2. การวางโต๊ะชิดมุมหรือมาอยู่กลางห้องจะช่วยหลบแดด ไม่ร้อนและไม่บังช่องแสงที่มีอยู่แล้วด้วย
เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (ตัวบ้านจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ ) หน้าต่างในห้องนี้จะใช้บานกระจกกรอบอลูมิเนียมสีพิเศษ SAHARA ทั้งหมด โดยประกอบด้วยฐานกระจกบาน Fix ช่องเปิดเป็นบานเลื่อน 2 บาน รวมทั้งฐานเป็นบาน Fix และช่องเปิดเป็นบานกระทุ้งอีก 1 บาน
จากมุมนี้มองไปที่ประตูจะเห็นบันไดทางขึ้นชั้น 4 ส่วนผนังด้านข้างๆกันจะมีหน้าต่างบานเลื่อนคู่
ซึ่งเมื่อมองออกไปจากหน้าต่าง จะเห็นพื้นที่ทำงานชั้น 2
เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการก็จะได้มุมมองประมาณนี้(ตัวบ้านจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ ) ซึ่งพื้นที่ระหว่างชั้น 2 กับชั้น 3 จะมีคานที่เป็นโครงสร้างของบ้านอยู่แล้ว หากต้องการต่อเติมเพื่อทำเป็นพื้นเต็มชั้นก็สามารถทำได้ค่ะ
ต่อไปเป็นส่วนของห้องน้ำชั้นลอยขนาด 2.3 x 2.4 เมตร ที่มีฟังก์ชั่นเหมือนกับห้องน้ำชั้น 2 คือมีส่วนของอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ราวแขวนผ้าและก็อกน้ำอเนกประสงค์ รวมทั้งมีช่องเปิดบานกระทุ้งแบบผลักออก 2 บาน ผนังห้องน้ำปูกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม.เหมือนกันแต่ลายต่างกัน
อ่างล้างหน้าวางบนท็อปกระเบื้องหินแกรนิต ใช้สุขภัณฑ์ของ Cotto กระจกเงาติดผนังแบบธรรมดา
โถสุขภัณฑ์ของ Cotto ของมีให้ทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย มีการก่อ Low wall ด้านหลังโถสุขภัณฑ์ผู้ชายเพื่อวางของได้อีกด้วย
ออกจากห้องน้ำ เราจะขึ้นไปดูที่ชั้น 3 กันต่อค่ะ จะเห็นว่ามองขึ้นไปตรงชานพักเราไม่เห็นโคมไฟ แต่ ข้างบนกลับดูสว่าง
ซึ่งพอมองขึ้นไปบนเพดานก็ถึงบางอ้อ ตรงนี้โครงการได้ใช้หลังคาโพลีคาร์บอเนตสีใส ทำให้แสงลงตรงโถงบันไดสว่างดีเลยค่ะ
มองขึ้นไปด้านบน ตรงนี้ไม่มีห้องน้ำแล้ว แต่จะเป็นผนังห้อง ที่ติดโคมไฟไว้ให้ 1 ดวง ซึ่งข้างๆกันเป็นประตูกระจกที่เป็นทางเข้าของโถงห้องชั้น 3 ค่ะ
เราขึ้นมาชั้น 3 มองลงไปจะเห็นว่าบันไดที่เราขึ้นมาเป็นบันไดชานพัก 3 ตอน ส่วนพื้นลูกนอนบันไดเป็นไม้สำเร็จรูปสีเข้ม ส่วนพื้นห้องชั้น 3 เป็นพื้นไม้ลามิเนตลายไม้สีอ่อน สีของพื้นบันไดกับพื้นห้องจึงค่อนข้างจะตัดกันมากทีเดียว
เราเดินเข้ามาที่โถงชั้น 3 จะเป็นโถงที่จ่ายออกไปยังห้อง 4 ห้อง คือห้องแต่งตัว ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ และห้องนอนตามลำดับ ซึ่งหากดูตามในแปลนที่โครงการจัดมาตอนแรก จะจัดให้ชั้น 3 นี้เป็นห้องนอนทั้ง 3 ห้อง ซึ่งเมื่อใช้งานจริงแล้วก็คงแล้วแต่ฟังก์ชั่นการใช้งานของแต่ละคนนะคะ (^^) ส่วนประตูของทั้ง 4 ห้องจะเป็นประตู ไม้ MDF ทาสีขาวเหมือนกันหมดค่ะ
เรามาเริ่มกันที่ห้องขนาด 4.0 x 3.1 เมตร ซึ่งด้วยขนาดพื้นที่ของห้องนี้สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนได้สบายๆค่ะ แต่คนที่อยู่ในห้องนี้อาจจะต้องเปิดแอร์และเปิดไฟบ่อยหน่อย เพราะมีช่องเปิดแค่บานเดียว และห้องอยู่ทางทิศตะวันตกที่ค่อนข้างร้อนในตอนบ่าย
โครงการจัดฟังก์ชั่นให้เป็นห้องแต่งตัวมีชั้นวางของด้านบน และใช้ราวแขวนผ้าแทนการใส่ในตู้อย่างที่เห็นทั่วไป ที่ผนังใส่วอลเปเปอร์ลายอิฐสีขาวมาให้เหมือนโชว์รูมร้านขายเสื้อผ้า ซึ่งเป็นแค่ไอเดียจัดมาให้ดูของจริงไม่มีให้นะคะ
มองไปอีกด้านหนึ่งของห้องจะจัดเป็นโต๊ะแต่งหน้าและวางเครื่องประดับมาให้ดูเป็นไอเดีย ที่ผนังห้องด้านนี้จะมีหน้าต่างให้ 1 บาน ซึ่งเป็นบานเดียวในห้องด้วย
เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (ตัวบ้านจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ ) หน้าต่างด้านนี้จะเป็นกรอบอลูมิเนียมสีพิเศษ SAHARA กระจกใสเขียวตัดแสง เป็นบานกระทุ้งเปิดออก มือจับแบบก้านโยก ผนังห้องฉาบปูนทาสีขาว
ส่วนอีกด้านของห้องแต่งตัวก็สามารถวางราวแขวนผ้าและวางตู้ใส่ของอเนกประสงค์ได้ มองออกไปจากประตูห้องนี้จะเห็นห้องนอนใหญ่และโถงบันได
ห้องนี้มีไฟดาวน์ไลท์ให้ 4 ดวง มีระยะห่างกันพอสมควร สามารถจะหาโคมสวยๆมาติดเพิ่มตรงกลางก็ได้ค่ะ
ถัดมาเป็นห้องขนาด 3.2 x 3.3 เมตร ห้องเล็กที่สุดของบ้าน ซึ่งห้องนี้สามารถดัดแปลงเป็นห้องนอนลูกคนเล็กได้ ซึ่งโครงการได้จัดพื้นที่ให้เป็นห้องนั่งเล่น
เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (ตัวบ้านจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ ) ซึ่งผนังด้านนี้จะมีเต้ารับสำหรับเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้า เสียบทีวี และสายเคเบิลได้ มองออกไปด้านนอกจะเป็นระเบียง ที่ใช้ประตูกระจกบานเลื่อนในการปิด-เปิด
ในส่วนของพื้นระเบียงกับพื้นห้องจะถูกกั้นด้วยธรณีประตูที่เป็นกรอบประตูบานเลื่อน ด้านนอกเป็นพื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 ซม.
พื้นที่ระเบียงขนาด 3.2 x 0.9 เมตร ราวระเบียงสูง 90 ซม. ออกมาที่ระเบียงมองไปทางขวามือจะเห็นหน้าต่างของห้องแต่งตัวที่เราเข้าไปดูมาเมื่อกี้ ถ้าสังเกตตรงพื้นจะมีรูระบายน้ำไว้ให้ด้วย
วิวจากระเบียง หากมองไปทางซ้ายมือจะเห็นทาวน์โฮมซอย 1 ของโครงการ ด้านหลังเป็นอาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัยและเสาไฟฟ้าแรงสูง
วิวมองไปข้างหน้า จะเห็นทาวน์โฮมซอย 2 ของโครงการ ด้านหลังเป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง และคอนโดเมืองทองธานี
ส่วนมองไปทางขวามือจะเห็น ถนนหลังโครงการและทาวน์โฮม มองตรงไปไกลๆเป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง พื้นที่ว่างเปล่า และตึกของคอนโดเมืองทองธานี
จากระเบียงมองกลับไปที่หน้าห้อง ซึ่งจากตรงนี้จะเห็นระยะวางทีวี ประมาณ 2.1 เมตร
ต่อมาเป็นห้องน้ำขนาด 3.2 x 1.8 เมตร จัดพื้นที่ให้แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน โดยมีอ่างล้างหน้าที่มีท็อปเคาท์เตอร์กระเบื้องหินแกรนิตยาวต่อเนื่องไปถึง Low wall ของส่วนที่ติดกับโถสุขภัณฑ์ สามารถวางของเครื่องใช้ในห้องน้ำได้
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับประมาณ 5 ซม.ปูกระเบื้องกันลื่น COTTO ขนาด 30 x 30 ซม.
อ่างล้างหน้าวางบนท็อปกระเบื้องหินแกรนิต ใช้สุขภัณฑ์ของ Cotto กระจกเงาติดผนังแบบธรรมดา
โถสุขภัณฑ์ สายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ของ Cotto
พื้นที่อาบน้ำขนาด 1.8 x 0.9 เมตร โครงการได้กั้นห้องอาบน้ำบานเลื่อน 3 ตอนไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ของจริงไม่มีให้นะคะ
ส่วนอาบน้ำมีที่วางสบู่ และชุดฝักบัวเป็นของ Cotto
ฝักบัวขนาดพอดีมือ
มาถึงห้องนอนใหญ่ของบ้านกันแล้ว ห้องมีขนาด 4 x 4 เมตร โครงการวางเตียงขนาด King size ขนาด 6 ฟุต มาให้ดูเป็นตัวอย่าง ปลายเตียงวางที่นั่งปลายเตียงมาเป็นไอเดีย ที่หัวเตียงมีเต้ารับให้เสียบไฟได้ทั้งสองด้าน
พื้นที่ปลายเตียงเหลือระยะทางเดินประมาณ 2.45 เมตร
ข้างเตียงมีเต้ารับและที่เสียบสายเคเบิลให้ติดตั้งทีวีตรงนี้ได้
ส่วนข้างเตียงอีกด้านก็เหลือพื้นที่เดินให้ไปเปิด-ปิดม่านได้สบายๆ
บ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (ตัวบ้านจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ ) ในส่วนของหน้าต่างห้องนอนจะได้หน้าต่างกระจกบานกระทุ้ง 1 บาน และบานเลื่อนคู่ 1 บาน ลักษณะประมาณนี้
ซึ่งวิวจากหน้าต่างเมื่อมองออกไปจะเห็นถนนทางเข้าโครงการ ถนนเลียบคลองประปา และตัวคลองประปา ที่ปกติถ้าเราเดินอยุ่ที่พื้นถนนธรรมดาจะมองไม่เห็น
วิวทางขวามือ จะเห็นถนนหน้าโครงการ ถนนเลียบคลองประปา และวิวคลองประปายาวไป
ส่วนถ้ามองไปทางซ้ายมือจะเห็นพื้นที่ดินว่างเปล่าที่ติดกับทางเข้าโครงการ ซึ่งตอนนี้มีการกั้นพื้นที่รอพัฒนาในอนาคต ถัดไปเป็นถนนทางเข้า-ออก เมืองทองธานี และด้านนี้ก็ยังเห็นวิวคลองประปายาววไป
กลับมาที่ห้องนอน เรามองไปที่ปลายเตียง จะมีพื้นที่ข้างประตูที่สามารถวางตู้ใส่ของได้ ข้างๆกันจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ
เปรียบเทียบกับบ้านขนาดมาตรฐานจากทางโครงการ (ตัวบ้านจะกลับด้านกันกับบ้านตัวอย่างนะคะ )
ซึ่งห้องนอนใหญ่นี้จะมีไฟดาวน์ไลท์ให้ทั้งหมด 4 ดวง
ต่อมาเป็นห้องน้ำขนาด 2.3 x 3.0 เมตร มีอ่างล้างหน้าที่มีท็อปเคาท์เตอร์หินแกรนิตยาวต่อเนื่องไปถึง Low wall ของส่วนที่ติดกับโถสุขภัณฑ์ สามารถวางของเครื่องใช้ในห้องน้ำได้ ด้านบน Low wall หลังโถสุขภัณฑ์มีหน้าต่างสูงถึงเพดาน ซึ่งช่วยให้แสงเข้าห้องนี้ได้ดีทีเดียว แต่ก็ค่อนข้างจะหวิวมากทีเดียว นอกจากนี้ยังมีราวแขวนผ้าและก็อกน้ำติดตั้งในระดับต่ำ สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์
อ่างล้างหน้าวางบนท็อปกระเบื้องหินแกรนิต ใช้สุขภัณฑ์ของ Cotto กระจกเงาติดผนังแบบธรรมดา
โถสุขภัณฑ์ สายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ของ Cotto ด้านหลังโถสุขภัณฑ์เป็นหน้าต่างบานเลื่อนที่ด้านนอกเป็นมีระแนงตกแต่ง Facade อาคารอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยกันหวิวอยู่ดี ทางที่ดีหาม่านมาติดไว้จะปลอดภัยกว่านะคะ
ส่วนอาบน้ำมีขนาด 2.3 x 1.2 เมตร พื้นที่กว้างดี ฉากกั้นอาบน้ำนี้ของจริงไม่ได้มีให้นะคะ
ชุดฝักบัว ก็อกน้ำ และที่วางสบู่ ของ Cotto ส่วนบริเวณข้างฝักบัวผนังมีการทำช่องแปลกๆไว้
ฝักบัวขนาดพอดีมือ
ในห้องน้ำมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวง ซึ่งเพียงพอกับห้องที่มีบานหน้าต่างกว้างๆแสงธรรมชาติเข้าแบบนี้อยู่แล้ว
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 16 April 2015
- แปลง KT1(SOLD) ที่ดิน 39 ตร.วา ราคา 10,290,000 บาท หรือ 263,846 บาท/ตร.วา
- แปลง KT2 ที่ดิน 38 ตร.วา ราคา 9,890,000 บาท หรือ 260,263 บาท/ตร.วา
- แปลง KT3 ที่ดิน 38 ตร.วา ราคา 9,890,000 บาท หรือ 260,263 บาท/ตร.วา
- แปลง KT4 ที่ดิน 38 ตร.วา ราคา 9,890,000 บาท หรือ 260,263 บาท/ตร.วา
- แปลง KT5 ที่ดิน 38 ตร.วา ราคา 9,890,000 บาท หรือ 260,263 บาท/ตร.วา
*****โปรโมชั่น : ส่วนลดเงินสด 150,000 บาท , แอร์ 24,000 BTU 1 เครื่อง, แอร์ 18,000 BTU 1 เครื่อง, แอร์ 12,000 BTU 2 เครื่อง และกั้นห้องขนาด 25 ตร.ม. ฟรี (ตามตำแหน่งที่ลูกค้ากำหนด)
- จองและทำสัญญา 50,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 100,000 บาท
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ 2% ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
Motown Brio แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น เป็นโครงการที่อยู่บนถนนเลียบคลองประปาระหว่างถนนแจ้งวัฒนะ และถนนสรงประภา ซึ่งทำเลบริเวณนี้หากมองจริงๆความเจริญจะเกาะที่เส้นถนนแจ้งวัฒนะซะส่วนใหญ่ ซึ่งมีทั้งห้างสรรพสินค้า อย่าง Central แจ้งวัฒนะ,BigC, Homepro, Tesco Lotus, Avenue, ไอทีสแควร์ มีสถานพยาบาล, โรงเรียน ใกล้ๆที่ติดกันเลยคือเมืองทองธานีที่มีตลาดเมืองทองให้ไปหาของกินได้ง่ายๆ
การใช้รถ เด่นๆคือโครงการอยู่ใกล้ทางขึ้นทางด่วนมาก ห่างจากทางขึ้นทางด่วนศรีสมานแค่ 3.1 กิโลเมตร ส่วนเส้นทางอื่นอย่างใครอยากไปถนนวิภาวดี ไปดอนเมือง ใกล้สุดก็ไปทางถนนแจ้งวัฒนะห่างจากโครงการประมาณ 4.5 กิโลเมตร แต่รถจะติดหน่อยในช่วงเช้าและช่วงเย็นและโดยเฉพาะช่วงที่ Impact มีงานเทศกาลก็ติดโหด แต่หากจะไปทางถนนสรงประภาก็ได้เหมือนกันค่ะระยะทางไกลกว่า แต่รถติดน้อยลงมาหน่อย ส่วนใครอยากจะไปประชาชื่น,งามวงศ์วาน ก็ขับรถเลียบถนนคลองประปามาเรื่อย ผ่านแยกแจ้งวัฒนะ-ประชาชื่นตรงไปทางแยกพงษ์เพชรก็ถึงงามวงศ์วานได้
ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถ มีวินมอร์เตอร์ไซค์หน้าถนนเลียบคลองประปา(ด้านตัดกับถนนแจังวัฒนะ), ไปขึ้นรถตู้ในเมืองทองธานีซึ่งสามารถไปได้หลายที่ ทั้งอนุเสารีย์ชัยสมรภูมิ, จตุจักร, รังสิต หน้าโครงการมีแท๊กซี่ที่มีผ่านเรื่อยๆ และรถเมล์สาย 52 ปากเกร็ด-สถานีรถไฟบางซื่อ แต่เอาจริงๆ การจะไปขึ้นรถในแต่ละจุดก็ต้องขึ้นแท๊กซี่ไม่ก็ต้องหาทางออกไปจากโครงการอยู่ดี ดังนั้น แนะนำให้ใช้รถดีกว่าค่ะ แล้วชีวิตจะดี๊ดีขึ้น ส่วนในอนาคตตรงถนนแจ้งวัฒนะซึ่งไม่ไกลจากโครงการ จะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ที่คาดว่าจะได้เปิดใช้ในปี 2563 ซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ คือ สถานีศรีรัช ก็คงต้องรอข่าวคราวความคืบหน้าว่ารถไฟฟ้าจะมาเมื่อไหร่นะคะ
วัสดุให้มาแบบมาตรฐาน ผนังภายในและผนังภายนอก ใช้แผ่นคอนกรีตสำเร็จ ทาสี TOA พื้นลานซักล้างปูกระเบื้องขนาด 30×30 ซม.พื้นห้องรับแขก ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 ซม.พื้นห้องน้ำปูกระเบื้องกันลื่น COTTO ขนาด 30×30 ซม ผนังห้องน้ำก่ออิฐฉาบปูน ปูกระเบื้องขนาด 30×30 ซม.Built-in ห้องน้ำมีเคาท์เตอร์ล่างและสุขภัณฑ์ COTTO, โคมไฟภายในใช้ไฟดาวน์ำไลท์และโคมไฟซาลาเปา ยี่ห้อซีเมนต์, โครงสร้างบันไดเป็นโครงสร้างเหล็ก, วัสดุปิดผิวบันไดลูกตั้งและลูกนอนใช้ไม้บันไดสำเร็จรูป (ไม้ joint) พื้นห้องนอนเป็นพื้นปูลามิเนตลายไม้,หลังคาใช้หลังคาเมทัลชีท, ฉนวนกันความร้อน รีดกับแผ่นเมทัลชีท, ประตูซักล้าง ใช้บาน UPVC สีขาว, ประตูห้องน้ำและประตูห้องทั่วไปใช้ประตูไม้ MDF สีขาว, หน้าต่างใช้กรอบอลูมิเนียมสีพิเศษ SAHARA กระจกใสเขียวตัดแสง
แบบบ้านเป็นบ้านแฝดสไตล์โฮมออฟฟิศ จึงมีพื้นที่ที่ให้ทั้งความเป็น”บ้าน”และ “ออฟฟิศ”ด้วยความที่ออกแบบอาคารมาค่อนข้างเป็นฟังก์ชั่นเปิด สามารถลื่นไหลปรับเปลี่ยนดัดแปลงการใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน ซึ่งจัดพื้นที่มาให้วางฟังก์ชั่นได้ครบ ทั้งพื้นที่ส่วนต้อนรับ, พื้นที่สำนักงาน, ห้องประชุม มีครัวเล็กๆให้เผื่อทำอาหารได้บ้าง และฟังก์ชั่นด้านบนสุดที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้สำหรับ 1 ครอบครัว
จุดเด่นที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้คือ การทำ Double space ให้ส่วนที่ตั้งใจให้เป้นสำนักงาน แสดงถึงการให้ความสำคัญกับส่วนนี้เป็นพิเศษ ซึ่งสิ่งที่จะมาเกื้อหนุนให้ Double space น่าใช้งานคือการออกแบบช่องเปิดซึ่งถือว่าทำได้ดี เพราะพื้นที่ส่วนที่เป็น Double ขึ้นไปชั้นบนก็มีการใช้ช่องเปิดที่เป็นกระจกบาน Fix ซึ่งเป็นการตั้งใจให้แสงเข้า โดยไม่ได้ต้องการลม รวมทั้งการใช้ Bay window ในส่วนของกระจกเข้ามุมห้องเป็นจุดที่ทำให้ห้องดูโปร่ง และกว้างดี รวมทั้งการเลือกใช้ช่องเปิดกระจกแบบสูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดาน เรียกได้ว่าให้ช่องเปิดจัดเต็ม ซึ่งการใช้ช่องเปิดเยอะๆแบบนี้ก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีคือช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าห้อง รู้สึกโปร่ง โล่ง สบาย ไม่อึดอัด แต่ข้อเสียคือ อากาศร้อนอย่างเมืองไทยในห้องกระจกนี่ก็ร้อนเอาเรื่อง ถ้าไม่ติดม่านกรองความร้อนไว้บ้างก็สงสารแอร์เหมือนกัน เพราะจะทำงานหนักมาก
สาธารณูปโภค นอกจากกำแพงน้ำตกเล็กๆแล้วก็ไม่มีอะไรเลย เรื่องความปลอดภัย ไม่มี CCTV ไม่มีป้อมยามหน้าโครงการให้ มีแต่ป้อมยามของทาวน์โฮมในโครงการเดียวกัน ค่อนข้างจะเป็นการปล่อยให้ดูแลตัวเองซะมากกว่า
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 9.89 – 10.89 ล้านบาท, 16 April, 2015
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – เข้าออกได้หลายทาง ใกล้ทางด่วน เข้า-ออกเมืองสะดวก แต่บริเวณเลียบคลองประปาไม่มีสาธารณูปโภคอะไรมากค่ะ
- ความปลอดภัย 6/10 – เนื่องจากเป็นโครงการโฮมออฟฟืศเล็กๆ 6 ยูนิต ที่มีซุ้มทางเข้าแยกกันกับทาวน์โฮมโครงการเดียวกันที่อยู่ข้างๆ จึงไม่มีการรักษาความปลอดภัยใดๆให้ แต่พี่ยามอาจจะมาแวะมาดูแลบ้าง
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ออกแบบฟังก์ชั่นโอเคมากสำหรับการเป็นโฮมออฟฟิศ ครบครัน น่าใช้งาน
- วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 6.5/10 – มีการจัดสวนที่ถนนรอบๆให้บ้างแต่ไม่ได้มากนัก ซึ่งโครงการทดแทนให้ด้วยการปูสนามหญ้าให้โฮมออฟฟิศทุกหลังค่ะ
- สาธารณูปโภค 0/0 –เนื่องจากเป็นโครงการโฮมออฟฟิศเพียง 6 ยูนิต จึงไม่มี Facility ส่วนกลางที่ต้องแชร์กันระหว่างลูกบ้านเลย ดังนั้นโครงการนี้จึงไม่มีคะแนนสาธารณูปโภคค่ะ
- 7.23 / 10.00
BOTTOM LINE
Motown Brio แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหาบ้านแฝดสไตล์ Home Officeในย่านเมืองทองธานี แจ้งวัฒนะ ประชาชื่น เดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว ไม่เน้นแบรนด์ ไม่เน้นส่วนกลาง แต่ชอบการใช้งานภายในอาคารได้จริง มีงบประมาณ 9.89 -10.29 ล้านบาท
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ
สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/