

รีวิวโครงการ
The Sneak EP.230 : MANTANA Bangna km 15 | บ้านตัวอย่างสร้างใหม่พร้อมขาย
19 พฤษภาคม 2024
วันนี้จะพาไปชมบ้านเดี่ยว MANTANA Bangna km 15 โครงการแรกในแบรนด์ MANTANA ที่มีการปรับโฉม “ครั้งใหญ่” ทั้งภาพลักษณ์ของหน้าตาตัวบ้าน… ที่เป็นบ้านหน้ากว้าง โทนสีขาวสะอาดตา การเพิ่มขนาดที่ดินและพื้นที่ใช้สอยให้ใหญ่ขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีและวัสดุในหลายส่วนก็มีการอัพเกรดให้เข้ากับการใช้งานในยุคปัจจุบัน ซึ่งการปรับโฉมนี้ได้ทำให้ราคาโครงการพุ่งขึ้นไปด้วยเช่นกันนะคะ เริ่มต้นที่ 14-30 ล้านบาท
เทียบกับเพื่อนบ้านแล้วโครงการมีส่วนที่น่าสนใจ ดังนี้ค่ะ
- ทำเล : ติดถนนใหญ่บางนา-ตราด ไม่ไกลจาก Mega บางนา
- ส่วนกลางขนาดใหญ่ : ให้พื้นที่ส่วนกลาง พร้อมผืนน้ำและพื้นที่สีเขียวที่เสริมความร่มรื่นบริเวณใจกลางโครงการ ซึ่งมีขนาดใหญ่รวมๆ แล้วเกือบ 8 ไร่
- ตัวบ้าน : แปลงที่ดินขนาดใหญ่บางแปลง 100+ ตร.วาเลยนะคะ, มีห้องนอนชั้นล่างทุกแบบบ้าน, จอดรถได้ 3-4 คัน, ออกแบบให้ Living Arae อยู่โซนด้านในเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว, มีพื้นที่ตอบโจทย์การ Work From Home และมี Green Oasis ปลูกต้นไม้ใหญ่บนชั้น 2 มาให้ด้วยค่ะ
- วัสดุ : Built-in ชุดครัวและ Walk-in Closet ในห้องนอนใหญ่ , เทคโนโลยีกรองฝุ่น pm 2.5, ระบบไฟในตัวบ้านรองรับการติดตั้ง EV Charger
รายละเอียดทั้งหมดจะเป็นอย่างไรตามไปชมกันค่ะ
ข้อมูลโครงการ
MANTANA Bangna km 15 (มัณฑนา บางนา กม. 15) ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565
ชื่อโครงการ | MANTANA Bangna km 15 (มัณฑนา บางนา กม. 15) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท แอลเอช แอสเซท จำกัด |
SEGMENT CLASS | UPPER – HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนบางนา-ตราด กม.15 อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ |
ที่ดิน | 90 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 243 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.7-2.8 เมตร |
ช่วงราคา | 14-30 ล้านบาท |
เริ่มก่อสร้าง | ตุลาคม ปี 2564 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ตุลาคม ปี 2569 |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.lh.co.th/landing/mantana-bangna-km15/ |
โทร | 1198 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.620508, 100.731748
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการ MANTANA Bangna km 15 ค่ะ
MANTANA Bangna km 15 เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่ได้ทำเลติดถนนใหญ่บางนา-ตราด ไม่ต้องเข้าซอย เป็นทำเลที่สามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่ายด้วยทางด่วน ซึ่งมีตัวเลือกให้ใช้หลากหลายทั้ง…
- ทางพิเศษบูรพาวิถี เชื่อมต่อ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร – ทางพิเศษสาย S1
- ทางด่วนพระราม 9 – มอเตอร์เวย์
- ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก – วงแหวนใต้)
และจากที่ตั้งโครงการสามารถเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้สะดวก โดยขับรถไปประมาณ 19 กิโลเมตรค่ะ
ปัจจุบันความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ถือว่าค่อนข้างสูงทีเดียว โครงการ MANTANA Bangna km 15 จะอยู่ใกล้กับ Market Village ในระยะประมาณ 3 km. และฝั่งตรงข้ามยังมีทั้งตลาดกิ่งแก้ว แม็คโคร และคอมมูนิตี้มอลล์เปิดใหม่อย่าง Att U Park Bangna ที่รวมร้านอาหาร ร้านค้า ร้านล้างรถ-ซ่อมรถยนต์ ไปรษณีย์ ฯลฯ หรือจะไปช้อปปิ้งที่ Mega Bangna ซึ่งนอกจากจะเป็นห้างสรรพสินค้า, โรงภาพยนตร์แล้ว ก็ยังมี IKEA ศูนย์รวมเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านด้วย
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทรอบๆโครงการส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ว่างรอการพัฒนา และชุมชนแนวราบดั้งเดิม โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
ทิศเหนือ : ติดกับ Land & Houses Park และถนนบางนา-ตราด
ทิศใต้ : ติดกับ คลองบางขวาง
ทิศตะวันออก : ติดกับ หมู่บ้าน CHAIYAPRUEK Bangna km 15
ทิศตะวันตก : ติดกับ หมู่บ้าน NANTAWAN ซึ่งเป็นโปรเจคในอนาคตค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Market Village สุวรรณภูมิ / SB Design Square ~ 3.4 km.
- Mega Bangna / Ikea ~ 7.1 km.
- Central Village ~ 12 km.
- Chic Republic Bangna ~ 13.9 km.
- Index Living Mall ~ 14 km.
- Seacon Square ~ 15.1 km.
- Paradise Park ~ 15.2 km.
- King Power Srivaree ~ 17.1 km.
- Siam Premium Outlet ~ 26.6 km.
โรงพยาบาล
- Bangna 5 Hospital ~ 7.9 km.
- Piyamin Hospital ~ 8.4 km.
- Prince Hospital Suvarnabhumi ~ 8.4 km.
- Chularat 9 Airport ~ 10 km.
- Sikarin Hospital ~ 12.3 km.
- Thainakarin Hospital ~ 14.7 km.
- Siridhorn Hospital ~ 16.6 km.
- Paolo Hospital Samutprakarn ~ 18.1 km.
- Samitivej Srinakarin Hospital ~ 25 km.
โรงเรียน
- Concordian International School ~ 8.5 km.
- Huachiew Chalermprakiet University ~ 11.3 km.
- Thai – Singapore International School ~ 13.2 km.
- International Community School ~ 14.2 km.
- Bangkok Pattana School ~ 15 km.
- Ras Raffles American School ~ 15.1 km.
- Berkeley International School ~ 15.7 km.
- Pan – Asia International School ~ 17.6 km.
- KMITL ~ 20.2 km.
- ABAC ~ 24.4 km.
- Stamford International School ~ 25 km.
- Wellington College International ~ 27.6 km.
- Brighton College Bangkok ~ 28.4 km.
สถานที่ราชการและอื่นๆ
- Suan Luang Rama 9 ~ 15.6 km.
- Metro Forest (PTT) ~ 16.7 km.
- Suvarnabhumi Airport ~ 19.4 km.
- Sky Lane ~ 20.7 km.
รายละเอียดโครงการ
ปรับโฉมแบรนด์ MANTANA มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง?
การปรับโฉมแบรนด์ MANTANA (มัณฑนา) ครั้งใหญ่ จากเดิมที่เป็นบ้านระดับกลางของ Land and Houses ในระดับราคา 6-10 ล้านกว่า ตอนนี้ได้ขยับราคาขึ้นไปแล้วนะคะ โดยเริ่มต้นที่โครงการ MANTANA Bangna km 15 ทำราคาออกมาในช่วง 14-30 ล้านบาทค่ะ
ราคาที่เพิ่มขึ้นก็มีที่มาที่ไปจากโปรดักส์ที่เปลี่ยนไปจากที่เคยใช้บ้าน Rebel Series ที่นี่เป็นที่แรกที่เปลี่ยนเป็นThe Pride Series ทั้งภาพลักษณ์ของหน้าตาตัวบ้าน.. ที่เป็นบ้านหน้ากว้าง โทนสีขาว เส้นสายสะอาดตา ตัวบ้านไซส์ใหญ่ให้พื้นที่มาเยอะขึ้น รองรับการอยู่อาศัยในระยะยาว มีห้องนอนชั้นล่างจึงอยู่กันได้แบบ 3 Generations ในทุกๆแบบบ้าน จอดรถได้ 3-4 คัน
ที่สำคัญยังเก็บตัวชูโรงอย่าง “บรรยากาศที่ร่มรื่นพร้อมผืนน้ำขนาดใหญ่” เอาไว้ เพราะแม้ว่าโครงการส่วนใหญ่ในละแวกนี้จะมี Facility ครบครันเหมือนกันแต่เรื่องบรรยากาศส่วนกลางจะไม่ได้ทั้งน้ำและสวนเขียวๆ ค่ะ โดยพื้นที่บริเวณสวนหย่อม ผืนน้ำและ Clubhouse รวมๆ กันแล้วมีขนาดประมาณ 8 ไร่ ถ้าเทียบกับที่ดินทั้งหมดประมาณ 90 ไร่ เยอะกว่าโครงการอื่นในละแวกนี้นะคะ วางตำแหน่งไว้กลางโครงการ จึงกลายเป็นมุมพักสายตาหลักๆ ที่เราจะได้เห็นทุกเช้าเย็นเลยค่ะ
มาดูที่ตัวโครงการ MANTANA Bangna km 15 เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้นจำนวน 243 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการประมาณ 90 ไร่ ถือว่าเป็นโครงการที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตนะคะ ส่งผลดีในเรื่องความเป็นส่วนตัวของการพักอาศัย และพื้นที่ส่วนกลางรวมผืนน้ำที่ให้มามีขนาดใหญ่เกือบ 8 ไร่ทีเดียว วางตำแหน่ง Clubhouse-ผืนน้ำ-สวนไว้บริเวณกลางโครงการ ทำให้เข้าถึงง่าย ลูกบ้านมาใช้งานได้สะดวก
โดยตำแหน่งบ้านที่เราคิดว่าได้ Value พิเศษคือกลุ่มบ้านในโซนรอบผืนน้ำและสวน เพราะได้วิวผืนน้ำและสวนส่วนกลางนั่นเอง การวางทิศทางบ้านจะหันทางทิศเหนือใต้เป็นหลัก ซึ่งเป็นทิศยอดนิยมสำหรับคนหาบ้านเลยนะคะ เพราะบ้านที่หันไปทางเหนือแน่นอนว่าก็จะได้แสงที่ไม่ค่อยแรงมาก ธรรมชาติหน่อย ส่วนบ้านที่หันไปทางใต้จะได้แสงและลมที่แรงกว่า
Land and Houses Park
ถนนทางเข้าด้านหน้าตั้งแต่บางนาตราด ไปจนถึงซุ้มโครงการมีระยะประมาณ 300 เมตร มีชื่อเรียกว่า Land and Houses Park ซึ่งเป็นถนนภารจำยอมที่จะใช้ร่วมกันแค่โครงการของ L&H เท่านั้นทั้งหมด 3 โครงการ คือ CHAIYAPRUEK และก็บ้านเดี่ยวไซส์ใหญ่อย่าง MANTANA ที่พามาดูวันนี้ และก็ NANTAWAN ซึ่งเป็นโปรเจคในอนาคตค่ะ
โดยถนนเส้นนี้เค้ามีคอนเซปต์การออกแบบถอดมาจากหุบเขา ที่จะมีการทำเป็นทรงคดเคี้ยวเล็กน้อย ขึ้นเนินบ้าง ลงเนินบ้าง ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถผ่านท่ามกลางธรรมชาติ เป็นการปรับอารมณ์ก่อนจะเข้าหรือออกจากตัวบ้านค่ะ
ผ่าน Land & Houses Park มาแล้วก็จะเจอกับวงเวียนต้นไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งซุ้มประตูทั้ง 3 โครงการจะอยู่รายรอบวงเวียนต้นไม้นี้
โครงการคลุมธีมสีซุ้มประตูให้ดูขาวสะอาดตาทั้งหมด ทางซ้ายมือเป็นทางเข้าโครงการ CHAIYAPRUEK และขวามือเป็นของโครงการ MANTANA
ตัวซุ้มประตูทางเข้าใช้โทนสีขาวเป็นหลักแบบเดียวกับตัวบ้าน เน้นเส้นสายที่ดูเรียบง่าย สะอาดสบายตา
รักษาความปลอดภัยด้วยรั้วไม้กั้นกระดก ซึ่งลูกบ้านจะเข้าออกด้วยระบบ Bluetooth ระยะไกล แบบเดียวกับ Easypass บนทางด่วน ซึ่งแยกช่องทางเข้าไว้เป็น 2 ทาง ถ้าเป็นรถลูกบ้านก็เข้าเลนซ้าย เจ้าไม้กระดกก็จะเปิดออกให้อัตโนมัติ ส่วนแขกของลูกบ้านก็เข้าเลนขวาไปเพื่อติดต่อแลกบัตร แบบนี้ดีนะคะ ลูกบ้านก็สามารถเข้าโครงการได้ทันที ไม่ต้องมาต่อคิวรถที่รอแลกบัตรค่ะ
มีกล้องวงจรปิด CCTV ในโครงการทั้งหมดถึง 25 จุดด้วยกันและรั้วรอบโครงการ เป็นลักษณะรั้วคอนกรีตทึบสูง 2.8-3.6 เมตร (และต่อเหล็กแหลมเพิ่มอีกเล็กน้อย)
ถนนหลักภายในโครงการมีขนาดได้มาตรฐานเริ่มต้นที่ 16 เมตร และถัดเข้าไปจะมีขนาด 12 และ 9 เมตร รอบข้างก็จะปลูกต้นไม้ใหญ่ช่วยให้บรรยากาศร่มรื่นขึ้น
จากซุ้มประตูเข้ามาอีกประมาณ 250 เมตร จะเริ่มเจอกับพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่จัดภูมิทัศน์ของโครงการนี้ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักของที่โครงการนี้เลย เพราะ Approach มุมแรกที่เราจะเห็นก่อนเลยก็คือ ผืนน้ำขนาดใหญ่
ผืนน้ำขนาดใหญ่และทางเดินกลางผืนน้ำ
ข้อดีของการมีผืนน้ำ คือ ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศในโครงการให้ดูร่มรื่น เวลาที่มีลมพัดผ่านมาจะทำให้อากาศรอบๆ ตรงนี้เย็นขึ้นเล็กน้อยด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังมีเจ้าน้ำพุ ส่งเสียงน้ำซู่ซ่า ทำให้เวลามาเดินเล่นรอบๆ ก็จะได้ยินเสียงน้ำ ช่วยให้ผ่อนคลายขึ้นด้วย ส่วนตัวชอบตรงที่เค้ามีการทำทางเดินที่ตัดผ่านใจกลางผืนน้ำตรงนี้นะ มันดูเก๋มีลูกเล่นดี
ภายในสวนจัดมุมนั่งเล่นไว้เยอะทีเดียว แถมได้เป็นมุมริมน้ำด้วย เราชอบส่วนกลางที่ใช้งานได้จริงแบบนี้นะคะเพราะเป็นพื้นที่สำคัญในโครงการที่เราจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านค่ะ
ติดกับผืนน้ำจะมีอาคาร Club House 2 ชั้น แบ่งออกเป็น 2 อาคาร ดูโอ่อ่า ดีไซน์ของอาคารมีการปรับแบบจากเดิมที่มักจะตกแต่งด้วยระแนงไม้แบบอบอุ่น มาเป็นสีขาวเทาให้ทันสมัยขึ้น ดูโมเดิร์นเรียบหรูค่ะ
ช่องลมระหว่างอาคาร
ระหว่างอาคารทั้ง 2 จะมี “ช่องลมระหว่างอาคาร” ทำให้มีลมพัดผ่านให้ได้สัมผัสลมเย็นๆ อยู่ตลอด และมีต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงกลางเพื่อนำสายตาขึ้นไปรับแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านมาจากช่องเปิดของหลังคา จากมุมนี้จะได้เห็นทั้งสระและสวนเลยนะคะ (แต่สวนกำลังก่อสร้างอยู่ ยังพาไปชมไม่ได้ค่ะ)
สระว่ายน้ำ
สระว่ายน้ำที่นี่เป็นสระกลางแจ้งระบบเกลือ ขนาดของสระผู้ใหญ่อยู่ที่ 33×8 เมตร ถือว่าใหญ่พอตัวใช้ว่ายออกกำลังกายได้ดีเลย และแยกสระเด็กไว้ต่างหาก มีขนาด 14×6 เมตร พร้อม Jacuzzi ให้แช่น้ำสบายๆ กันอีก 1 บ่อ ทั้งหมดนี้ Take วิวผืนน้ำกว้างๆ ใครชอบว่ายน้ำต้องฟินแน่ๆ
มาดู Facilities ในอาคารแรกกันค่ะ ชั้นล่างเป็น Kid’s Room สำหรับเด็กน้อย ส่วนชั้นบนเป็น Lobby + Co-Working Space + Meeting Room ค่ะ
Kid's Room
ภายใน Kid’s Room ค่อนข้างกว้างทีเดียว มีพื้นที่ไว้ให้คุณหนูๆ ได้เล่นสนุก ปีนปาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และมีโต๊ะขนาดเล็กจัดเป็นกลุ่มๆ ให้นั่งคุยนั่งเล่นกับเพื่อนๆ วัยเดียวกัน ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถนั่งรอที่โซฟาได้สะดวก
Lobby + Co-Working Space + Meeting Room
ในส่วนของ Lobby ปัจจุบันทางโครงการจัดให้เป็น Sale Gallery อยู่นะคะ ซึ่งในอนาคตก็จะกลายเป็นพื้นที่ของลูกบ้านอยู่ดีค่ะ ภายในมีชุดที่นั่ง ชุดโซฟาเอาไว้สำหรับมานั่งเล่นหรือใช้รับรองแขกได้ รวมถึงมีพื้นที่ Co-Working Space และแยก Meeting Room ไว้เป็นสัดส่วน เผื่ออยากนัดประชุมคุยงานแต่ไม่อยากพาแขกเข้าบ้าน ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ
Clubhouse อีกอาคารจะมี 2 ชั้นเช่นเดียวกัน ชั้นล่างเป็นห้องน้ำ/ห้องอาบน้ำ ส่วนชั้นบนเป็น Fitness ค่ะ
ห้องน้ำ/ห้องอาบน้ำ
ห้องน้ำแยกชายหญิงและผู้สูงอายุไว้เรียร้อย เราชอบที่สุขภัณฑ์เป็นระบบอัตโนมัติสะดวกสบายเลยค่ะ
Fitness
ภายใน Fitness มีเครื่องเล่นอยู่ประมาณ 10 เครื่องนะคะ มีทั้งลู่วิ่ง, เครื่องปั่นจักรยาน, Weight Trainning และมุมดัมเบล ถือว่าครบครันค่ะ วิวจากฟิตเนสก็สามารถมองออกไปเห็นสระและสวนได้พอดิบพอดี วิวดีมากๆ เลย
สำหรับสนามเด็กเล่นจะมีอยู่ทั้งหมด 2 โซนะคะ คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงต้นปี 66 วันนี้เราจึงนำรูปจำลองบรรยากาศมาฝากกันก่อน ในรูปเป็นส่วนของ Park 1 ซึ่งอยู่ติดกับ Clubhouse เลย เน้นออกแบบให้เสริมพัฒนาการของเด็กเล็ก มีสนามเด็กเล่นและเครื่องเล่นที่เหมาะสมตามอายุ และมีสะพานเชื่อมไปยัง Park 2 (ยังไม่มีรูปให้ชมกันนะคะ) ออกแบบให้เป็น Challenging Park รองรับกิจกรรมท้าทายสำหรับเด็กโต เช่น ลานสเก็ต เป็นต้น
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- พื้นที่ส่วนกลางและผืนน้ำรวมๆ กันเกือบ 8 ไร่ ประกอบด้วย
- อาคาร Clubhouse 2 ชั้น 2 อาคาร
- อาคาร 1
- ชั้น 1 – Kid Room
- ชั้น 2 – Lobby/ Co-Working Space/ Meeting Room
- ชั้น 1 – ห้องน้ำแยกชาย/หญิง
- ห้องออกกำลังกาย ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง
- สวนหย่อม 2 โซน
- Park 1 : Kid Park ออกแบบให้เสริมพัฒนาการเด็กเล็ก
- Park 2 : Challenging Park รองรับกิจกรรมท้าทายสำหรับเด็กโต
แบบบ้าน
แบบบ้านของ MANTANA Bangna km 15 ได้สลัดภาพบ้านทรงหลังคาปั้นหยาแบบเดิมๆทิ้ง ปรับโฉมให้ดู Modern และ Minimal ขึ้นนะคะ โดยมีบ้านให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ เป็นบ้านขนาดใหญ่ทั้งหมด สามารถอยู่กันได้ยาวๆ แบบ 3 Generations เพราะมีห้องนอนที่ชั้นล่างในทุกแบบบ้าน รองรับผู้สูงอายุหรือหากในอนาคตคุณพ่อคุณแม่สูงวัยขึ้นก็สามารถย้ายลงมานอนข้างล่างได้ ซึ่งทุกห้องเป็นห้องขนาดใหญ่ และทุกแบบมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้จัดเป็นพื้นที่ทำงานตอบโจทย์ยุค Work From Home ด้วยค่ะ
สำหรับจุดเด่นในตัวบ้านและ spec วัสดุที่อัพเกรดขึ้นมาจากแบบเดิม เช่น
- Green Oasis พื้นที่สีเขียวบนชั้น 2 ของบ้าน ทำให้พื้นที่ชั้นบนใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
- สำหรับบ้าน Type ใหญ่สุดจะมีทางลาดที่เชื่อมต่อโรงรถกับตัวบ้าน
- ห้องนอนขั้นล่างปรับพื้นให้เป็นระดับเท่ากันทั้งห้อง ปูพื้นด้วย Soft Floor รองรับผู้สูงอายุอย่างจริงจัง
- อ่างล้างมือหน้าบ้าน (ทุกแบบบ้าน)
- ปลั๊กชาร์จในบ้าน TypeA , TypeC
- ปลั๊กกล้องวงจรปิด
- ระบบไฟในโครงการ 30/100 3เฟส และ 50/150 3 เฟส (2 Type ใหญ่)
- Built-in ครัวในบ้านพร้อมติดตั้ง Super Hood + Wireless Charge + ปลั๊กซ่อนในเคาน์เตอร์
- Built-in ครัวไทยพร้อมติดหน้าบานและเดินระบบไฟรอติดตั้ง Hood
- Walk-in Closet ห้องนอนใหญ่ ติดตั้งและออกแบบโดยมัณฑนากรมืออาชีพ พร้อมตู้นิรภัย
สรุปวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่ให้
- หลังคาทรง Lean to วัสดุ metal sheet ยี่ห้อ bluescope รุ่น Lysaght
- ที่จอดรถด้านหน้าบ้านกลางแจ้งลงเสาเข็ม 6 เมตร+Approach Slab / ในร่มลงเสาเข็มเท่าตัวบ้าน
- ลานซักล้างหลังบ้านเสาเข็ม 4 เมตร
- ระบบไฟในโครงการ 30/100 3เฟส และ 50/150 3 เฟส (2 Type ใหญ่)
- รองรับ EV Charger แยกเบรคเกอร์ไฟให้เลย
- โครงสร้างบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวบันไดด้วยไม้สังเคราะห์ SPC
- วัสดุพื้น
- ชั้น 1 – กระเบื้องเซรามิค+Soft Floor
- ชั้น 2 – ไม้พื้นสำเร็จรูป SPC
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
เนื่องจากวันที่เราเข้าถ่ายรีวิวการตกแต่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดีนะคะ มีเพียงบ้าน Type ใหญ่สุดแบบ Remarkable ที่ดูเสร็จสมบูรณ์ที่สุด เราจึงจะพาไปชมบ้านนี้โดยละเอียด ส่วนบ้านแบบอื่นๆ เราเก็บภาพมาฝากเช่นกัน อาจจะไม่ครบถ้วนทั้งหมด แต่ก็เก็บภาพมาฝากให้มากที่สุดค่ะ
Remarkable
แบบบ้าน Type ใหญ่สุดในโครงการมีราคาเริ่มต้น 29 ล้านบาท ตัวบ้านเปลี่ยนมาออกแบบเป็นบ้านหน้ากว้างทุกๆแบบเลยและเลือกใช้เป็น สไตล์ Modern Minimal ที่เน้นโทนอาคารสีขาวเกือบทั้งหมด และเส้นสายที่ดูเรียบง่ายสะอาดตาแบบมินิมอล ให้กลิ่นอายแบบแบรนด์รุ่นพี่ที่ราคา 20-30 ล้านบาทอย่าง VIVE เหมือนกันนะคะ ไฮไลต์อีกอย่างคือ Green Oasis พื้นที่สีเขียวบริเวณชั้น 2 ของบ้าน ทำให้พื้นที่บนชั้น 2 ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นค่ะ
- Remarkable ที่ดินเริ่มต้น 120 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 361 ตร.ม.
- 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, 1ห้องพระ, 1ห้องแม่บ้าน, 1 พื้นที่พักผ่อนชั้นบน, 4 ที่จอดรถ
ชั้น 1 – มีห้องนอนผู้สูงอายุฝั่งด้านหน้าบ้านพร้อมห้องน้ำในตัว, โถงกลางเป็นพื้นที่ Workspace แบบกึ่งอเนกประสงค์ จัดวางพื้นที่ผักผ่อนหลักๆ ทั้งมุมนั่งเล่นพักผ่อนมุมโต๊ะทานอาหารและครัวเปิดไว้ด้านใน เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากที่สุด ถัดเข้าไปยังมีครัวไทยแยกมาให้เหมือนกัน ฝั่งนึงแยกไปทางลานซักล้างหลังบ้าน และอีกฝั่งแยกไปทางโซน Laundry และห้องแม่บ้านที่มีห้องน้ำของเค้าในตัวค่ะ
ชั้น 2 – บริเวณโถงบันไดจะตรงกับห้องพระพอดี ติดกันเป็น Living Area ซึ่งบริเวณนี้ติดกับ Double Volume จึงสามารถมองลงไปเห็นพื้นที่รับแขกที่ชั้นล่างได้ ส่วนห้องนอนลูกทั้ง 2 มีขนาดใหญ่พร้อมห้องน้ำในตัว สำหรับ Master Bedroom มีขนาดใหญ่มากมีระเบียงส่วนตัวพร้อมต้นไม้ใหญ่ด้วยนะคะ แยกโซนห้องแต่งตัวเป็นสัดเป็นส่วนพร้อมห้องน้ำขนาดใหญ่ที่ได้ความเป็นส่วนตัวจากสายตาภายนอก, ได้ช่องแสงและมีอ่างอาบน้ำมาให้
จากการออกแบบให้หน้าตาบ้านดู Modern จ๋าๆ ทำให้รูปทรงหลังคาของบ้าน The Pride Series ใช้เป็นแบบ Lean to นะคะ โดยวัสดุเป็น Metal Sheet ที่มีความหนาพิเศษของ bluescope รุ่น ไลสาจ ช่วยลดความดังของเสียงฝน
ที่จอดรถหน้าบ้านจอดรถในร่มได้ 4 คัน โดยพื้นที่ในร่มจะลงเสาเข็มยาวเท่ากับตัวบ้าน หมายความว่าตรงส่วนนี้การทรุดตัวจะน้อยหรือแทบไม่ทรุดเลยนะคะ ดังนั้นก็น่าจะเหมาะกับการรับน้ำหนักรถมากที่สุดแล้ว
ส่วนที่เกินหลังคาออกมาจะลงเสาเข็ม 6 เมตรไว้เพื่อช่วยลดการทรุดตัวของดิน จุดที่สำคัญคือบริเวณที่เชื่อมต่อกันของเสาเข็มยาวเท่าตัวบ้านและเสาเข็ม 6 เมตร จะใช้โครงสร้างแบบ Approach Slab ซึ่งเป็นการช่วยทำให้ไม่เกิดการยึดรั้งกันระหว่างพื้นที่ที่ลงเสาเข็มไม่เท่ากันค่ะ และบ้านจริงที่ส่งมอบจะปูกระเบื้องที่จอดรถไว้ให้ตามในรูปวงกลมนะคะ
ความพิเศษของระบบไฟของบ้าน Type นี้จะได้เป็นมิเตอร์ไฟฟ้า 50/150 ระบบไฟฟ้า 3 เฟส รองรับการติดตั้ง EV Charger ได้ มีบล็อคไฟและแยกเบรคเกอร์ไฟไว้ต่างหาก เอื้ออำนวยให้ติดตั้ง EV Charger ได้ง่ายไม่ต้องเดินสายใหม่ค่ะ
ตัวบ้านออกแบบให้เป็น Universal Design จากโรงจอดรถจึงมีทางลาดเพื่อรองรับการใช้งานของผู้สูงอายุค่ะ
สวนในบ้านจะได้มาทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม และสนามหญ้าเป็นมาตรฐานเลย ซึ่งเป็น Identity ของทาง LH อยู่แล้วที่มักจะมีสวนให้ และจัดสวนแบบจัดเต็มเสมอไม่ใช่แค่ปูหญ้าธรรมดา
สำหรับทางเข้าหน้าบ้านจะมีทางเข้าหลักๆ 2 ทาง คือประตูหลักที่อยู่บริเวณกลางบ้านและประตูที่เชื่อมจากโรงจอดรถ ซึ่งทั้ง 2 ทางจะมีหลังคาคลุมกันแดดกันฝน ทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวก
ประตูหน้าบ้านตามแบบฉบับโครงการของ LH คือใช้ประตูจาก LIXIL ประตูนี้มีความน่าสนใจดีนะ อย่างแรกคือช่วยกันเสียงได้ น้ำหนักเบา ตำแหน่งมือจับและการใช้งาน เป็น Universal Design ใช้งานได้ง่าย
เข้ามาในบ้านจะเป็นโถงโล่งๆ เราสามารถวางของตกแต่งที่บ่งบอกความเป็นตัวตน ตามสไตล์ที่ชื่นชอบได้
อีกสิ่งหนึ่งที่เราเห็นเมื่อเข้าบ้านมาคือ ระบบ AirPlus Square เป็นเทคโนโลยีที่เป็นสิทธิบัตรของทาง Land & Houses เองเลย เจ้านี่เป็นระบบที่จะควบคุมคุณภาพอากาศภายในบ้านให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยการหมุนเวียนและระบายอากาศเสียออก และเติมอากาศใหม่ที่ผ่านตัวกรอง pm 2.5 แล้ว จึงเป็นระบบที่ช่วยควบคุมคุณภาพอากาศที่ดีภายในบ้านค่ะ
ฟังก์ชันที่อยู่โซนด้านหน้าทางเข้าคือ Working Space เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถจัดเป็นมุมนั่งทำงานแบบจริงจัง หรือปรับเปลี่ยนเป็นฟังก์ชันอื่นๆ เช่น ใช้เป็นมุมทำงานอดิเรกก็ได้ค่ะ แต่ใดๆคือ เป็นโซนที่เหมาะกับกิจกรรมใช้เสียงน้อยเพราะอยู่ติดกับห้องนอนผู้สูงอายุนะคะ
ติดกันเป็นประตูทางเข้าห้องนอนผู้สูงอายุ สังเกตอย่างนึงว่าบานประตูห้องนอนจะใส่ระบบ Air Intake เข้าไปด้วยนะคะ
“Air Intake” หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นช่องระบายอากาศ ซึ่งก็เป็นอีกนวัตกรรมที่เป็นของ Land & Houses โดยเฉพาะ ตรงนี้ตอบโจทย์มากสำหรับใครที่ไม่ได้อยู่บ้านนานๆ เช่น บางโอกาสไปเที่ยวเป็นเดือน ก็สามารถเปิดช่อง Air Intake ไว้ให้ลม+อากาศได้ระบายเข้าภายในบ้าน ช่วยให้บ้านไม่อับ โดยไม่ต้องเปิดหน้าต่างไว้เลยค่ะ
ห้องนอนชั้นล่าง
ห้องนอนชั้นล่างกว้างพอสมควรนะคะ สามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายๆ พื้นของห้องนี้จะเป็นห้องเดียวที่ปูด้วย Soft Floor ช่วยลดแรงกระแทก ซึ่งเหมาะต่อการใช้งานของผู้สูงอายุ บรรยากาศภายในดูโปร่งด้วยหน้าต่างจะเป็นแบบเข้ามุม เปิดออกไป Take View สวนหน้าบ้านได้พอดี
ภายในห้องนอนทุกห้องก็จะติดตั้งระบบ Air Plus Square ไว้ด้วยเช่นกัน
ห้องน้ำในห้องนอนชั้นล่าง
สำหรับห้องนอนผู้สูงอายุจะมีห้องน้ำในตัวเลยนะคะ เราชอบที่บริเวณทางเข้าจะไม่มีธรณีกั้น โครงการฝังท่อระบายน้ำไว้ใต้พื้นแทน ทำให้พื้นห้องนอนและห้องน้ำเรียบเสมอกัน หากใครใช้วีลแชร์ก็เข้าออกได้สะดวก
ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะมีฉากกั้นกระจกมาให้เพื่อแยกโซนเปียกแห้งไว้เป็นสัดส่วนมีขนาด 1.5×0.9 เมตร ด้านในที่อาบน้ำสังเกตว่าจะมีทำที่นั่งให้เรานั่งอาบน้ำได้ด้วย สุขภัณฑ์ของที่นี่จะให้เป็นยี่ห้อ COTTO, American Standard เป็นหลักค่ะ
เข้ามาด้านในตัวบ้านจะเห็นโถงยาวเชื่อมพื้นที่จากซ้ายสุดไปขวาสุด จัดฟังก์ชันการใช้งานต่อเนื่องกันตั้งแต่พื้นที่นั่งเล่น -> พื้นที่รับประทานอาหาร -> Pantry ครัว ช่วยทำให้บ้านดูโปร่งดีค่ะ
ห้องนั่งเล่น
บริเวณพื้นที่นั่งเล่นค่อนข้างโปร่งจากการที่เป็นพื้นที่แบบ Double Volume และมีชุดหน้าต่าง ประตู เชื่อมต่อกันสูงถึง 6.1 เมตร จึงได้แสงธรรมชาติเข้ามาค่อนข้างเยอะ โดยพื้นที่โซนนี้สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ 5-6 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางได้ มีระยะดูทีวีที่ติดตั้งที่วีขนาดใหญ่ได้สบายๆ
ติดกันเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ขนาดพื้นที่สามารถรองรับโต๊ะกินข้าว+เก้าอี้ได้ประมาณ 6-8 ที่นั่ง
ด้านข้างโต๊ะทานอาหารจะมีประตูบานเลื่อนกระจกสำหรับเปิดออกไปที่สวนหลังบ้าน เปิดออกได้กว้างๆ ข้อดีคือเป็นการเพิ่มช่องแสงให้เข้าถึงตัวบ้านได้ดี และหากมีการจัดปาร์ตี้ก็สามารถออกไปปิ้งบาร์บีคิวข้างนอกต่อได้ด้วย พื้นที่ด้านนอกและในบ้านจึงไม่ได้ถูกตัดขาดออกจากกัน
Pantry ครัวในบ้าน
ถัดมาที่ Pantry ครัวในบ้านจะ Built-in ชุดครัวมาให้ตามแบบในบ้านตัวอย่างเลยค่ะ ของยี่ห้อ Starmark ตู้ส่วนใหญ่จะมีบานปิดทำให้ดูเรียบร้อย และถือว่าให้ตู้เก็บของมาเยอะมาก มีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นด้วยนะคะ โดยเว้นเป็นช่องโล่งไว้สำหรับวางตู้เย็นแบบ 2 ประตูได้เลยค่ะ
Wireless Charger บนเคาน์เตอร์ครัว
สำหรับเคาน์เตอร์ครัวจะมีการใส่เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ทั้งเจ้า Wireless Charger และปลั๊กไฟที่ซ่อนไว้ในเคาน์เตอร์อย่างแนบเนียน เป็นแบบ Push to Open หากยังไม่ได้ใช้ก็สามารถดันปิดลงไปได้ ไม่เกะกะ
Highlight จะเป็นเจ้า Super Hood พลังแรงดูด 2400 ลบ.ม./ชม. แรงกว่าเครื่องดูดควันปกติถึง 3 เท่า บำบัดควันด้วยระบบผ่านน้ำทำให้เสียงการทำงานไม่รบกวนเพื่อนบ้านค่ะ
ถัดจาก Pantry ครัวจะมีประตูบานบานเลื่อนกั้นแยกครัวไทย + Laundry ไว้อีกห้องหนึ่ง
ห้องครัวไทย
ห้องครัวไทยของบ้าน Type นี้จะรวมพื้นที่ Laundry และห้องแม่บ้านเข้ามาอยู่ในโซนเดียวกันเลยนะคะ ทำให้การทำงานและการอยู่อาศัยของแม่บ้านคงจะสะดวกมากๆ ซึ่งห้องแม่บ้านก็จะมีห้องน้ำเป็นของตัวเองอยู่ในโซนนี้ด้วยเช่นกัน
ตามปกติบ้านในแบรนด์ MANTANA จะมีการ Built-in เคาน์เตอร์ครัวไทยมาให้อยู่แล้วนะคะ แต่สำหรับบ้าน Series นี้จะได้บานปิดหน้าตู้มาด้วยค่ะ จึงไม่ต้องต่อเติมเพิ่มเลย ส่วนที่ต้องทำเพิ่มก็คือการติดตั้งเตาแก๊สและที่ดูดควัน ซึ่งทางโครงการเตรียมเดินสายไฟมารอให้แล้วค่ะ
มาดูทางเข้าบ้านฝั่งโรงจอดรถกันบ้าง จะมีมุมให้ล้างมือก่อนเข้าบ้านที่เตรียมไว้ให้เหมาะกับยุคโควิด
ทางโครงการจะ Built-in ตู้เก็บของมาให้ด้วย มีทั้งตู้เก็บของใช้ ช่องแขวนร่ม ให้ใช้งานได้สะดวก
จากโซนล้างมือจะมีประตูกั้นอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งพื้นบ้านจะยกระดับให้สูงขึ้นอีกหน่อย ช่วยกันฝุ่นเข้าตัวบ้านได้
ติดกับประตูโรงจอดรถจะมีพื้นที่แเนกประสงค์อยู่หน้าห้องเก็บของ ดูจะเหมาะกับการจัดฟังก์ชันเป็นมุมใส่รองเท้า เพราะมีผนังฝั่งหนึ่งให้ Built-in เป็นตู้เก็บรองเท้าได้ตลอดแนว หากไม่พอก็สามารถเก็บเข้าไปในห้องเก็บของได้อีกนะคะ
ถัดเข้ามาจะมีตู้ไฟที่โครงการ Built-in ไว้ให้ ดูเป็นสัดส่วนสวยงามดี สำหรับห้องน้ำส่วนกลางก็จะอยู่ในโซนนี้ค่ะ
ห้องน้ำส่วนกลาง
ห้องน้ำส่วนกลางจะเป็นแบบ Powder Room คือไม่มีพื้นที่อาบน้ำนะคะ แต่พื้นที่ก็ให้มากว้างพอสมควร ที่ชอบคือมีให้ทั้งโถสุขภัณฑ์และโถปัสสาวะของผู้ชายแยกมาให้ (แต่บ้านตัวอย่างตอนนี้ยังไม่ได้ติดตั้งโถปัสสาวะนะคะ)
บันได
ในส่วนของบันไดจะใช้โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กและปิดผิวด้วยพื้น SPC เป็นกระเบื้องยางที่พิเศษกว่าแบบทั่วไปตรงที่ผสมผงหินมาด้วย ทำให้โครงสร้างพื้นแข็งแรงขึ้น อัตราการยืดหดตัวน้อยกว่าพื้นไวนิลธรรมดา จึงใช้งานได้ทนทานกว่านั่นเอง ราวกันตกเป็นกระจกทำให้ตัวบ้านดูโมเดิร์นและโปร่งดีค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นบนชั้น 2
บนชั้น 2 จะมีพื้นที่นั่งเล่นอีกตำแหน่งหนึ่ง หากว่าชั้นล่างมีแขกมา สมาชิกคนอื่นๆ ก็สามารถมานั่งเล่นดูทีวีที่ชั้นบนได้ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะติดกับ Double Volume พอดี บรรยากาศจึงดูโปร่งและสามารถมองลงไปเห็นพื้นที่ข้างล่างได้
ห้องนอนใหญ่
สำหรับห้องนอนใหญ่จะอยู่ติดกับพื้นที่นั่งเล่นนี่แหละค่ะ เป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่มาก มีห้องน้ำ, Walk-in Closet และระเบียงในตัวครบครัน ซึ่งแต่ละฟังก์ชันจัดมาให้ใช้งานได้แบบเต็มที่ …โซนแรกที่เข้ามาจะเป็นพื้นที่พักผ่อน วางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตได้สบายและยังเหลือพื้นที่วางโซฟานั่งเล่นหรือโต๊ะเขียนหนังสือได้ค่ะ
Walk-in Closet ในห้องนอนใหญ่
ถัดเข้ามาด้านในจัดเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ซึ่งโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าและลิ้นชักเก็บของมาให้ ตามแบบในห้องตัวอย่าง แต่โต๊ะเครื่องแป้งไม่แน่ใจนะคะว่าให้รึเปล่า ต้องคอนเฟิร์มกับโครงการอีกทีนะ …เมื่อ Built-in ตู้เสื้อผ้าเต็มผนัง 2 ฝั่งแล้วจะมีพื้นที่ให้ยืนเลือกเสื้อผ้าสบายๆ กว้างประมาณ 2.7 เมตรเลยค่ะ
ขยับเข้ามาที่ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ซึ่งให้พื้นที่ใช้สอยมาใหญ่สมชื่อ มี Gimmick อย่างระเบียงในห้องน้ำที่เป็นจุดเด่นเดิมของแบรนด์นี้ด้วย ส่วนวัสดุอุปกรณ์หลักๆ จะได้เหมือนห้องนอนชั้นล่าง ยกเว้นสุขภัณฑ์จะถูกอัพเกรดขึ้นมาเป็นสุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก COTTO และมีอ่างอาบน้ำของ KASCH ค่ะ
ทางเข้าห้องน้ำเป็นแบบ Universal Design ผู้สูงอายุก็สามารถใช้งานได้ง่ายไม่มีธรณีประตูให้ต้องระวัง
อ่างอาบน้ำของ KASCH
ตัวอ่างอาบน้ำเป็นอ่างลอยของ KASCH มีขนาด 1.7 x 0.7 เมตร วางไว้ในตำแหน่งที่ติดกับระเบียงพอดี โดยระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตรเหมาะกับการวางกระถางต้นไม้ช่วยสร้างบรรยากาศร่มรื่นในห้องน้ำค่ะ
สำหรับห้องอาบน้ำและโถสุขภัณฑ์จะมีฉากกระจกกั้นห้องไว้เป็นสัดส่วน คุณผู้หญิงคุณผู้ชายจึงใช้งานพร้อมกันได้เลย
โถสุขภัณฑ์ได้แบบอัตโนมัติของ COTTO พื้นที่รอบๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ใช้งานได้สะดวกอยู่นะคะ
Shower Box
ภายใน Shower Box ติดอุปกรณ์อาบน้ำมาให้แล้ว รวมถึงเก้าอี้นั่งที่เป็นแบบพับได้ด้วยค่ะ
โซนสุดท้ายที่จะพาไปชมในห้องนอนใหญ่คือระเบียง เข้า-ออกผ่านประตูกระจกเราจึงมองเห็นสวนบนระเบียงได้แม้ไม่เปิดประตูออกไปนะคะ
ระเบียงบนชั้น 2
ระเบียงหน้าบ้านของบ้าน Series นี้เป็นอีก Gimmick หนึ่งของตัวบ้าน เพราะเค้าจะให้กระถางพร้อมไม้ยืนต้นมาให้ เป็นต้นมักเม่าหรือน้ำเต้า Random กันไปนะคะ ทำให้ระเบียงชั้น 2 จะมีพื้นที่ใต้ร่มไม้ ซึ่งโครงการเตรียมพื้นที่ส่วนนี้ไว้ให้เหมาะกับการวางชุดโซฟานั่งเล่น มีพื้นที่ประมาณ 2×2.3 เมตร
อีกฝั่งหนึ่งของชั้น 2 จัดพื้นที่เป็นห้องพระ และห้องนอนลูกๆ อีก 2 ห้อง
ห้องพระ
ห้องพระของบ้านนี้จะได้มาเป็นห้องแบบเป็นกิจจะลักษณะเลย ภายในมีพื้นที่ประมาณ 2.5×2.5 เมตร เพียงพอให้ตั้งโต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่หรือจะ Built-in แบบในบ้านตัวอย่างก็ได้ ภายในห้องมีหน้าต่างคอยรับแสงธรรมชาติทำให้ห้องดูโปร่งไม่อึดอัด
ห้องนอน 2
มาที่ห้องนอน 2 กันต่อ แม้ว่าจะเป็นห้องนอนลูกแต่ก็มีขนาดใหญ่พอสมควรเลยนะคะ มีห้องน้ำในตัวและพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ด้วยค่ะ ขาดแค่ระเบียงเท่านั้น ภายในห้องสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ และมีพื้นที่รอบๆ สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้าได้ครบถ้วน
ห้องน้ำในห้องนอน 2
ส่วนในห้องน้ำนั้นมีการจัดฟังก์ชันที่เหมือนๆ กับห้องน้ำในห้องนอนชั้นล่าง แบ่งโซนเปียกแห้งเรียบร้อย รวมถึงยี่ห้อสุขภัณฑ์และวัสดุต่างๆ ในห้องน้ำด้วย
ห้องนอน 3
สำหรับห้องนอน 3 เป็นห้องนอนลูกอีกห้องหนึ่งพื้นที่ใช้สอยพอกับห้องนอน 2 เลยค่ะ แต่ห้องนี้จะได้ตำแหน่งหน้าบ้าน และได้วิวต้นไม้ที่อยู่บนระเบียงของห้องนอนใหญ่นะคะ
ห้องน้ำในห้องนอน 3
การออกแบบพื้นที่ใช้สอยและวัสดุภายในห้องน้ำเป็นสัดส่วนดีเช่นกัน และใช้สุขภัณฑ์หลักๆ ของ COTTO และ American Standard ค่ะ
Glorious
ใครที่อยากได้บ้านที่มีจำนวนฟังก์ชัน แบบเดียวกับบ้าน Type ใหญ่สุดแบบเป๊ะๆ แต่ไซส์ที่ดินกับพื้นที่ในบ้านลดลงมาเล็กน้อย และได้ราคาที่ถูกลงมาหลักล้านบาท ให้ลองพิจารณา Type นี้ดูนะคะ
- Glorious ที่ดินเริ่มต้น 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 325 ตร.ม.
- 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, 1ห้องพระ, 1ห้องแม่บ้าน, 1 พื้นที่พักผ่อนชั้นบน, 4 ที่จอดรถ
ชั้น 1 – ภาพรวมจะคล้ายๆกับบ้านหลังใหญ่สุดนะคะ ฟังก์ชันเดียวกันต่างกันเพียงประตูเข้าบ้านจะมีทางหลักทางเดียวไม่ได้มีทางเข้าจากโรงรถนะคะ และห้องแม่บ้านจะไม่ได้อยู่ติดกับห้องครัวไทย จะขยับออกมาอีกนิดนึงค่ะ
ชั้น 2 – พื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 2 แยกฝั่งนึงเป็นโซนชั้นวางหิ้งพระและอีกฝั่งเป็น Family Area
ส่วนห้องนอนลูกทั้ง 2 มีขนาดใหญ่พร้อมห้องน้ำในตัว สำหรับ Master Bedroom จะเน้นความเป็นส่วนตัวเอาไปวางไว้ฝั่งด้านหลังบ้าน เป็นห้องไซส์ใหญ่เลยค่ะ มีระเบียง, แยกโซนห้องแต่งตัวเป็นสัดเป็นส่วน และมีห้องน้ำขนาดใหญ่ที่ได้ความเป็นส่วนตัวจากสายตาภายนอก ได้ช่องแสง และมีอ่างอาบน้ำมาให้
แบบบ้าน Glorious
Elite
หากยังคงต้องการฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ จอดรถได้ 4 คัน แต่ไซส์ที่ดินกับพื้นที่ในบ้านลดลงอีกนิดนึงก็แนะนำบ้าน Type นี้ค่ะ
- Elite ที่ดินเริ่มต้น 85 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 283 ตร.ม.
- 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, 1ห้องพระ, 1ห้องแม่บ้าน, 4 ที่จอดรถ
ชั้น 1 – ยังคงมีห้องนอนผู้สูงอายุพร้อมห้องน้ำในตัวอยู่ฝั่งด้านหน้าบ้านได้วิวสวน และจัดวางพื้นที่ผักผ่อนหลักๆ ทั้งมุมนั่งเล่นพักผ่อนมุมโต๊ะทานอาหารและครัวเปิดไว้ด้านใน เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย มีการแยกครัวไทยออกมาให้เป็นสัดส่วน อยู่ใกล้กับห้องแม่บ้านที่มาพร้อมห้องน้ำในตัวค่ะ
ชั้น 2 – พอลดขนาดพื้นที่ลงมาจากแบบ Glorious ทำให้ Working space ถูกขยับขึ้นมาชั้นบน ซึ่งจะใช้พื้นที่ตรงนี้เป็น Living Area อีกตำแหน่งหรือจะใช้เป็นพื้นที่ทำงานก็ได้ค่ะ และแยกฝั่งนึงเป็นโซนชั้นวางหิ้งพระ ส่วนห้องนอนลูกทั้ง 2 มีขนาดใหญ่พร้อมห้องน้ำในตัว สำหรับ Master Bedroom จะเน้นความเป็นส่วนตัวเอาไปวางไว้ปีกหนึ่งของบ้านเลย เป็นห้องไซส์ใหญ่เลยค่ะ มีระเบียงภายนอก, แยกโซนห้องแต่งตัวเป็นสัดเป็นส่วน
แบบบ้าน Elite
Premier
ปิดท้ายด้วยบ้าน Type เริ่มต้นของโครงการ ซึ่งบ้านเดี่ยว Type เริ่มต้นของโครงการทั่วๆไป มักจะอยู่ที่ 150-180 ตร.ม. แต่ Type เริ่มต้นของที่นี่เค้ามีพื้นที่ใช้สอยเยอะถึง 240 ตร.ม.เลยค่ะ
- Premier ที่ดินเริ่มต้น 70 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 240 ตร.ม.
- 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, 3 ที่จอดรถ
ชั้น 1 – บ้านtype นี้จะมี 1 ห้องนอนที่ชั้นล่างพร้อมห้องน้ำในตัว ขนาดห้องใหญ่พอให้วางเตียง 5 ฟุตได้เลยจึงรองรับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุได้ หรือจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องอเนกประสงค์สำหรับใช้งานในรูปแบบอื่นๆก็ได้ค่ะ นอกจากนี้ฝั่งหน้าบ้านยังมีมุมนั่งทำงานที่ได้วิวดี เพราะมองออกไปเห็นสวนหน้าบ้านได้ ส่วนนั่งเล่นรับแขกและรับประทานอาหารจะถูกวางเอาไว้ฝั่งด้านหลัง รับวิวสวนหลังบ้าน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และยังได้ครัว 2 จุดเช่นเดียวกัน คือ ครัวฝรั่งภายในบ้าน 1 จุด และ ครัวไทยที่อยู่ติดๆ กันอีก 1จุด
ชั้น 2 – จะมี 3 ห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง มีห้องนอนลูกฝั่งหน้าบ้านที่ใหญ่พอให้วางเตียงไซส์ใหญ่ได้ ส่วนอีกห้องจะเหมาะกับวางเตียงประมาณ 3.5 ฟุต ส่วน Master Bedroom จะมีระเบียงขนาดใหญ่ที่สามารถเชื่อมโยงออกไปยังพื้นที่ปลูกต้นไม้ที่ชั้น 2 ได้ค่ะ
แบบบ้าน Premier
ราคา
MANTANA Bangna km 15 ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565
- Remarkable บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 120 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 361 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 พักผ่อนบน / พื้นที่ทำงาน / ห้องพระ / ห้องแม่บ้าน เริ่มประมาณ 29 ล้านบาท - จอง 100,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 34 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
จุดเด่นของทำเล MANTANA Bangna km 15 คือได้ทำเลติดถนนใหญ่บางนา-ตราด ไม่ต้องเข้าซอย เป็นทำเลที่สามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่ายด้วยทางด่วน ซึ่งมีตัวเลือกให้ใช้หลากหลายและปัจจุบันความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ถือว่าค่อนข้างสูงทีเดียวค่ะ แต่ต้องขับรถออกไปจากโครงการราวๆ 3-10 km. นะคะ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
ได้ตามมาตรฐาน ซุ้มประตูโครงการเป็นระบบ Bluetooth ระยะไกล ใช้งานง่ายเหมือน Easy Pass บนทางด่วน ประตูรั้วไม้กั้นกระดก พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และกล้องวงจรปิด CCTV ภายในโครงการ ตัวบ้านยังมีระบบ Magnetic Sensor ทั้ง 2 ชั้น ติดตั้งมาให้ในบ้านทุกหลัง
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
โครงการนี้เป็นครั้งแรกที่มีการปรับโฉมแบรนด์ MANTANA ครั้งใหญ่ ซึ่งโครงการได้ขยับราคาขึ้นจากเดิม 6-10 ล้าน ในขณะที่ MANTANA Bangna km 15 ทำราคาเริ่มต้น 14-30 ล้านบาท แน่นอนว่าการออกแบบนั้นเปลี่ยนไป…อย่างเห็นได้ชัด
ตัวบ้าน – จากที่เคยใช้บ้าน Rebel Series ที่นี่เป็นที่แรกที่เปลี่ยนเป็นThe Pride Series สลัดภาพบ้านทรงหลังคาปั้นหยาแบบเดิมๆทิ้ง ปรับโฉมให้ดู Modern และ Minimal ขึ้น เป็นบ้านหน้ากว้าง โทนสีขาว เส้นสายสะอาดตา บ้านไซส์ใหญ่ให้พื้นที่มาเยอะขึ้น รองรับการอยู่อาศัยในระยะยาว มีห้องนอนชั้นล่างจึงอยู่กันได้แบบ 3 Generations ในทุกๆแบบบ้าน จอดรถได้ 3-4 คัน และทุกแบบมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้จัดเป็นพื้นที่ทำงานตอบโจทย์ยุค Work From Home อีกทั้งการจัดแปลนบ้านยังน้ำเอา Living Area ไปหลบไว้ด้านในเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และมีการปลูกต้นไม้ใหญ่บนระเบียงชั้น 2 มาให้ในบ้านทุกแบบด้วยค่ะ
ตัวโครงการ – เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้นจำนวน 243 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการประมาณ 90 ไร่ ถือว่าเป็นโครงการที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตนะคะ ส่งผลดีในเรื่องความเป็นส่วนตัวของการพักอาศัย และวางตำแหน่ง Clubhouse-ผืนน้ำ-สวนไว้บริเวณกลางโครงการ ทำให้เข้าถึงง่าย ลูกบ้านมาใช้งานได้สะดวก การวางทิศทางบ้านจะหันทางทิศเหนือใต้เป็นหลัก ซึ่งเป็นทิศยอดนิยมสำหรับคนหาบ้านเลยนะคะ
วัสดุ :
จากเดิมแบรนด์ MANTANA ก็ถือว่าให้ spec วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ มาดีอยู่แล้วนะคะ และสำหรับบ้าน The Pride Series ก็มีการอัพเกรดขึ้นมาจากแบบเดิมในหลายส่วน เช่น
- อ่างล้างมือหน้าบ้าน ตอบโจทย์ยุคโควิด
- ปลั๊กชาร์จในบ้าน TypeA , TypeC
- ปลั๊กสำหรับติดตั้งกล้องวงจรปิด
- ระบบไฟในโครงการ 30/100 3เฟส และ 50/150 3 เฟส (2 Type ใหญ่) รองรับการติดตั้ง EV Charger
- Built-in ครัวในบ้านพร้อมติดตั้ง Super Hood + Wireless Charge + ปลั๊กซ่อนในเคาน์เตอร์
- Built-in ครัวไทยพร้อมติดหน้าบานและเดินระบบไฟรอติดตั้ง Hood
- Walk-in Closet ห้องนอนใหญ่ ติดตั้งและออกแบบโดยมัณฑนากรมืออาชีพ พร้อมตู้นิรภัย
- ห้องนอนนั้นล่างปรับพื้นให้เป็นระดับเท่ากันทั้งห้อง ปูพื้นด้วย Soft Floor รองรับผู้สูงอายุอย่างจริงจัง
แต่สเปคเดิมๆ ที่เป็นจุดเด่นของแบรนด์นี้ยังคงอยู่เช่น ประตู Lixil และ ระบบ Air Plus Square นะคะ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
บรรยากาศภายในโครงการมีการตกแต่งด้วยต้นไม้ใหญ่และผืนน้ำ ทำให้บรรยากาศดูดี โดยเฉพาะบริเวณสระว่ายน้ำจะได้วิวดีมาก ถนนของโครงการกว้าง 9-12 เมตร ใช้งานได้ดีตามมาตรฐาน
สาธารณูปโภค :
ยังเก็บตัวชูโรงอย่าง “บรรยากาศที่ร่มรื่นพร้อมผืนน้ำขนาดใหญ่” เอาไว้ เพราะแม้ว่าโครงการส่วนใหญ่ในละแวกนี้จะมี Facility ครบครันเหมือนกันแต่เรื่องบรรยากาศส่วนกลางจะไม่ได้ทั้งน้ำและสวนเขียวๆ ค่ะ โดยพื้นที่บริเวณสวนหย่อม ผืนน้ำและ Clubhouse รวมๆ กันแล้วมีขนาดประมาณ 8 ไร่เลยนะคะ ถ้าเทียบกับที่ดินทั้งหมดประมาณ 90 ไร่ เยอะกว่าโครงการอื่นในละแวกนี้นะคะ และวางตำแหน่งไว้กลางโครงการ จึงกลายเป็นมุมพักสายตาหลักๆ ที่เราจะได้เห็นทุกเช้าเย็นเลยค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 14 – 30 ล้านบาท, 29 พฤศจิกายน 2565
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ติดถนนใหญ่บางนา-ตราด ใกล้ Mega บางนา
- ความปลอดภัย 7.5/10 – Magnetic sensor ทั้ง 2 ชั้น, ไม้กระดกกั้น, รปภ. 24 ชั่วโมง
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – แบบสวยคล้ายบ้านในแบรนด์ VIVE ดูขาวสะอาดตา มี Green Oasis บนชั้น 2
- วัสดุ 8.5/10 – ให้มาดี มีการอัพเกรดขึ้นในหลายส่วนทั้งเฟอร์ฯและเทคโนโลยีในบ้าน
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 9/10 – โครงการใหญ่มีพื้นที่สีเขียวมาก มีผืนน้ำขนาดใหญ่ บรรยากาศดี
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – Clubhouse และพื้นที่ส่วนกลางมีขนาดใหญ่ ให้มาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต
- 8.2 / 10.00
MANTANA Bangna km 15 เหมาะกับใคร
MANTANA Bangna km 15 เหมาะกับครอบครัวใหญ่ 4-6 คนที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวในย่านบางนา-บางพลีที่เป็นโครงการติดถนนใหญ่ เดินทางง่าย ให้ความสำคัญกับบรรยากาศในโครงการที่ร่มรื่นมีผืนน้ำขนาดใหญ่ อยากได้บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นที่ออกแบบมารองรับการใช้งานในยุคโควิด ยุค pm 2.5 และรองรับเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต มีห้องนอนชั้นล่างเผื่อการขยับขยายในอนาคต มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 14-30 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 98,000-210,000 บาท
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc