วันนี้เรามาดูหนึ่งใน Rare Project ที่ไม่ค่อยมีมาให้เห็นกันบ่อยๆ อย่าง.. Malton Private Residence อารีย์ บ้านเดี่ยว 5 ชั้นระดับ Super Luxury ในย่านอารีย์ ที่มีเพียง 8 ยูนิตเท่านั้น เป็นบ้านขายพร้อมตกแต่งที่ออกแบบมา 2 แบบ 2 สไตล์ โดยบริษัทออกแบบชั้นนำ ภายในมีสวน ลิฟต์โดยสาร และสระว่ายน้ำที่ชั้นดาดฟ้ามาให้ ในราคาเริ่มต้นที่ 62 ล้านบาท ลองเข้าไปชมรายละเอียดกันเลยครับ

ข้อมูลโครงการ

9 December 2020

  • Malton Private Residence Ari (มอลตัน ไพรเวท เรสซิเดนซ์ อารีย์)
  • บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)
  • SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซอยพหลโยธิน 8 (ซอยสายลม) เขตพญาไท
  • เนื้อที่โครงการ 1-1-97.7 ไร่ จำนวน 8 ยูนิต
  • บ้านเดี่ยว 5 ชั้น ขนาดที่ดิน 50.1 – 64 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 489.31 – 525.39 ตร.ม.
  • ราคาเริ่มต้น 62 ล้านบาท
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 02-116-1111

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.778506, 100.548155
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ

ทำเลที่ตั้งของโครงการเรียกว่าเป็น “บ้านเดี่ยวกลางเมือง” ก็คงไม่ผิด เพราะอารีย์เป็นหนึ่งในทำเลที่อยู่อาศัยที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก และมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว โดยจะมีทั้งแหล่งงานสำคัญ อาหารการกิน และความเงียบสงบใน Area เดียวกัน โดยโครงการของเราตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 8 หรือที่เรียกกันว่าซอยสายลม เชื่อมต่อกันตั้งแต่ซอยพหลโยธิน 2, 4, 6 ทำให้สามารถเข้าออกได้ทั้งถนนพหลโยธิน, สุทธิสารวินิจฉัย และถนนวิภาวดีรังสิต และข้อดีของการเป็นซอยพหลโยธินฝั่งเลขคู่คือจะมีบริบทที่เป็นบ้านพักอาศัยรายล้อม มีความเงียบสงบ เหมาะกับการอยู่อาศัย แต่ก็ไม่ห่างไกลความเจริญทางฝั่งเลขคู่ โดยจะมีระยะห่างจากถนนพหลโยธินประมาณ 850 เมตร มี La Villa อารีย์ และรถไฟฟ้า BTS อารีย์ใกล้ๆ

ถ้ามองรวมๆทำเลนี้ การเดินทางถือว่าสะดวกเพราะมีถนนใหญ่ขนาบข้างหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนพหลโยธิน, ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งมีทางยกระดับอุตราภิมุขเข้าเมืองไปทางดินแดง-อโศก, ดาวคะนอง และบางนา หรือว่าจะออกนอกเมืองไปยังแถบรังสิตก็ได้ ส่วนทำเลฝั่งตรงข้ามของซอยฝั่งเลขคี่ก็สามารถใช้ซอยพหลโยธิน 5 หรือซอยราชครู เชื่อมต่อกับพระราม 6 ซอย 30 ไปขึ้นทางพิเศษศรีรัชที่ถนนพระราม 6 เพื่อเข้า-ออกเมือง และสามารถไปฝั่งธนได้จากถนนเทอดดำริที่ขนานกับเส้นทางรถไฟบนดิน ที่ไปได้ทั้งวังพญาไท เกาะรัตนโกสินทร์และข้ามสะพานไปฝั่งธนได้ง่ายอีกด้วย

ความอุดมสมบูรณ์ภายในซอยพหลโยธินจะค่อนข้างเงียบสงบเพราะเป็นชุมชนอยู่อาศัยและคนส่วนใหญ่ก็มักใช้เป็นทางผ่านทางลัดซะส่วนใหญ่ แต่จุดเด่นจริงๆของทำเลย่านพหล – อารีย์ จะอยู่ตามริมถนนพหลโยธินตลอดสองข้างทาง คือมีความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่สูงมาก ทั้ง Community Mall ขนาดใหญ่คือ La Villa อารีย์ ที่มี Villa Market อยู่ชั้นล่าง ด้านบนเป็นร้านอาหารและบริการต่างๆ ร้านค้าร้านอาหารต่าง ๆ ภายในซอยอารีย์สัมพันธ์ที่มีหลากสไตล์หลายสัญชาติให้เลือกกันเลย นอกจากนั้นก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อย่าง โรงพยาบาลพญาไท 2 แถวสนามเป้า และโรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลพระมุงกุฏเกล้า หรือโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่อยู่แถวอนุสาวรีย์ มีสถานศึกษาชื่อดังทั้งโรงเรียนมัธยมสามเสนวิทยาลัย, โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

และหากพูดถึง “อารีย์” แล้ว ก็คงจะไม่พูดหัวข้อนี้ไม่ได้ ย่านอารีย์นั้นเป็นพื้นที่แหล่งงานที่สำคัญย่านนึงในกรุงเทพก็ว่าได้ โดยพื้นที่ริมถนนพหลฯมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน มีอาคารสำนักงานค่อนข้างเยอะที่รายล้อมอยู่บริเวณรถไฟฟ้า หรือเรียงตามแนวถนนพหลโยธินยังไม่ได้นับสถานที่ทำงานที่ไม่ใช่อาคารสูงอื่นๆในย่านนี้อีกนะครับ ส่วนใหญ่มักจะเป็นราชการและรัฐวิสาหกิจ อาทิเช่น กรมสรรพากร, กรมควบคุมมลพิษ, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กรมทรัพยากรน้ำ, กรมประชาสัมพันธ์, กรมธนารักษ์ และกระทรวงการคลัง เป็นต้น เห็นได้ชัดเลยว่าที่นี่เป็น “ย่านมนุษย์เงินเดือน” อย่างแท้จริง  จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพื้นที่บริเวณอารีย์-พหลโยธิน จึงมีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์ที่ค่อนข้างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินที่หลากหลายประเภท คาเฟ่เก๋ๆ ชิคๆ มากมาย ตลอดจนร้านนั่งชิลยามค่ำคืน ที่มาเพื่อตอบสนองกลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งทำเลของโครงการก็ค่อนข้างสะดวกสำหรับการเข้าออกที่ทำงานในย่านนี้ พร้อมทั้งยังได้รับความเจริญทั้งจากทางฝั่งซอยอารีย์และตลอดแนวถนนพหลโยธินในช่วงนี้ด้วยครับ

วันนี้ผมจะเดินทางไปโครงการจาก BTS อารีย์ หรือถนนพหลโยธินนั่นเอง โดยจะมีระยะรวมทั้งหมดประมาณ 850 เมตร (วัดจาก Google Map) เริ่มที่เข้าซอยพหลโยธิน 6 ซึ่งจะอยู่ใกล้กับ La Villa อารีย์ และทางขึ้นลง BTS อารีย์เลย เดินเข้ามาประมาณ 220 เมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายอีกประมาณ 160 เมตร และเลี้ยวขวาอีก 100 เมตร เพื่อเข้าซอยพหลโยธิน 2 เดินไปอีก 230 เมตร เลี้ยวซ้ายอีกที จากนั้นเดินต่อไป 140 เมตร ก็จะเห็นแนวรั้วโครงการ ที่ซอยพหลโยธิน 8 หรือซอยสายลม เลี้ยวขวานิดนึง ก็เจอทางเข้าโครงการแล้วครับ ไปดูภาพบรรยากาศกัน

Image 1/8
ลง BTS อารีย์มาก็เจอ La Villa อารีย์เลย

ลง BTS อารีย์มาก็เจอ La Villa อารีย์เลย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

พื้นที่โครงการขนาดประมาณไร่กว่าๆ และมีเพียง 8 ยูนิตเท่านั้น จุดเด่นของพื้นที่ตั้งตรงนี้นอกจากจะใกล้ถนนพหลโยธิน ใกล้ La Villa อารีย์ และ รถไฟฟ้า BTS แล้วนั้น คือการเข้าออกได้หลายทาง มีซอยลัดเลาะให้เลือกใช้ และบริบทโดยรอบก็เงียบสงบ เหมาะกับการเป็นที่อยู่อาศัยครับ เพราะจากภาพจะสังเกตได้ว่ามีแต่บ้านพักอาศัยแนวราบอยู่รอบพื้นที่โครงการ ตัวโครงการติดถนน 2 ฝั่งก็จริง แต่เป็นถนน 2 เลนที่ไม่สามารถขับได้เร็วนัก จึงไม่มีผลเรื่องเสียงอยู่แล้ว อีกทั้งรั้วโครงการก็ค่อนข้างสูงเลย จึงทำให้ภายในได้ความเป็นส่วนตัวสูงครับ ฝั่งตรงข้ามโครงการจะมีอาคารพักอาศัย 6 ชั้น ซึ่งอาจจะรบกวนเรื่องวิวของบ้านฝั่งนี้เล็กน้อย และเยื้องๆกันก็จะมีอาคารพักอาศัย 5 ชั้น แต่มีระยะค่อนข้างห่างจึงไม่มีผลกระทบอะไรมากนัก ลองไปชมบรรยากาศกันครับ

Image 1/5
หน้าโครงการมีอาคารพักอาศัย 6 ชั้นครับ

หน้าโครงการมีอาคารพักอาศัย 6 ชั้นครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • La Villa ~ 850 m.
  • BTS อารีย์ ~ 1 km.
  • อาคาร Exim bank ~ 1.1 km.
  • Ari Hills ~ 1.1 km.
  • ททบ.5 ~ 1.3 km.
  • SM Tower ~ 1.4 km.
  • โรงพยาบาลพญาไท 2 ~ 1.4 km.
  • ธนาคารออมสิน สาขาใหญ่ ~ 1.5 km.
  • โรงเรียนสวนบัว ~ 1.5 km.
  • สนามฝึกซ้อมกอล์ฟ พล.ม.2 รอ. ~ 1.6 km.
  • กรมประชาสัมพันธ์ ~ 1.9 km.
  • Aree Garden ~ 2.2 km.
  • กระทรวงการคลัง ~ 2.4 km.
  • โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ~ 2.6 km.
  • โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ~ 2.7 km.
  • สวนจตุจักร ~ 3.7 km.

รายละเอียดโครงการ

ด้านหน้าโครงการมีทางเข้าออกกว้าง 8.5 เมตร มาพร้อมประตูรั้วเลื่อนอัตโนมัติ แยกทางเดินด้านข้าง ภายในโครงการด้วยความที่มีเพียง 8 ยูนิต ทำให้การวางผังของที่นี่ค่อนข้างลงตัวครับ เริ่มที่วางแนวบ้านหันหน้าไปทางฝั่งทิศตะวันออก-ตก เป็นหลัก ได้แสงและรับลมได้ดี โดยตัวบ้านเขาแบ่งออกเป็น 2 สไตล์ French Colonial และ Tropical Loft ติดกันเป็นคู่ๆ มีถนนของโครงการตรงกลางกว้าง 8 เมตร ทำให้แยกออกเป็น 4 หลังใหญ่ที่มีหน้ากว้าง 8 เมตรทางฝั่งทิศตะวันตก (ด้านบน) และ 4 หลังที่มีขนาดเล็กลงมา หน้ากว้าง 7.4 เมตร ทางฝั่งทิศตะวันออก (ด้านล่าง) ซึ่งตัวบ้านทั้งสองแบบมีลักษณะภายในแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ใช้สอยในแต่ละส่วนซะมากกว่า การวางผังลักษณะนี้ทำให้ตัวบ้านได้ความเป็นส่วนตัวสูง เพราะมีบ้านหลังมุมหลายยูนิต และเกิดการ Ventilation ของลมภายในโครงการได้ดี

Image 1/4
ด้านหน้าจะมีป้ายโครงการขนาดใหญ่ให้สังเกตได้ง่ายครับ

ด้านหน้าจะมีป้ายโครงการขนาดใหญ่ให้สังเกตได้ง่ายครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 4 เมตร
  • ถนนทางเข้ากว้าง 8.5 เมตร ถนนหลักกว้าง 8 ม.
  • Key Card Access ระยะใกล้/ ระยะไกล/ รีโมท
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบเลื่อนไฟฟ้า

แบบบ้าน

สำหรับโครงการนี้จะมียูนิตบ้านอยู่เพียง 8 ยูนิตเท่านั้นนะครับ ซึ่งความพิเศษของแต่ละยูนิตก็คือการออกแบบด้านในที่มีความแตกต่างกันไป หากดูจากตารางจะเห็นว่า มี Unit Style บอกไว้เลย ซึ่งทำมาแบบนี้ก็เพื่อตอบโจทย์ความชอบของลูกค้าระดับนี้ที่มักเลือกบ้านตามสไตล์และความชอบของตัวเอง และแต่ละคนก็มักจะมีความชอบที่แตกต่างกันไปครับ ที่สำคัญคือตกแต่งภายในมาให้เป็นแบบ Fully Fitted เลย เพราะจะให้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่เข้ากับสไตล์ของบ้านหลังนั้น ๆ มาให้ด้วย แถมยังมีบ้านตัวอย่าง 2 ยูนิต ที่ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งแบบพร้อมเข้าอยู่ได้เลย ส่วนยูนิตท่ีเหลือก็เพียงแค่ซื้อเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวก็สามารถเข้าอยู่ได้เลยเช่นกันครับ

อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการนี้คือเขาค่อนข้างให้น้ำหนักความสำคัญกับงานออกแบบมากเลยทีเดียว โดยการเลือกใช้บริษัทออกแบบชั้นนำในการออกแบบส่วนต่างๆของตัวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นภายนอก ภายในในแต่ละสไตล์ และ Landscape ครับ

  • ออกแบบอาคารโดยบริษัท I Will Design Studio (ผลงานที่ผ่านมา เช่น The Diplomate 39 – BKK)
  • แบบบ้าน French Colonial ออกแบบภายในโดยบริษัท DWP (ผลงานที่ผ่านมา เช่น 98 Wireless – BKK, Marriott Hotel – Saudi Arabia)
  • แบบบ้าน Tropical Loft ออกแบบภายในโดยบริษัท N7A (ผลงานที่ผ่านมา เช่น Agaligo – Huahin, Guggenheim Helsinki Design Competition)
  • ออกแบบ Landscape โดยบริษัท Redland-Scape (ผลงานที่ผ่านมา เช่น Marriott Hotel – Phuket)

เริ่มกันที่บ้านหลังใหญ่ที่ตกแต่งในสไตล์ French Colonial นะครับ ก่อนอื่นเลยขอขยายความสไตล์การออกแบบกันก่อนเล็กน้อย สไตล์ French Colonial เดิมทีเป็นสถาปัตยกรรมที่เกิดมาจากการยึดครองอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศษผสมผสมผสานกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งถึงแม้ประเทศเราจะไม่ได้ตกเป็นอาณานิคมก็จริง แต่ก็ได้รับอิทธิพลมาไม่น้อยเหมือนกัน รูปแบบการออกแบบลักษณะนี้จะมีกลิ่นไอของความ Classic ผสมอยู่เยอะทีเดียว เช่น รูปทรงอาคารที่เป็นลักษณะสี่เหลี่ยมแบบสมมาตร (Square and Symmetrical Shape), หน้าต่างวงโค้งเกือกม้า และการย่อมุมที่เสา เป็นต้น เน้นใช้วัสดุที่ดูแข็งแรง เช่น คอนกรีต และ หินอ่อน แต่ยังผสมผสานความ Modern ของยุคปัจจุบันและแทรกด้วยธรรมชาติที่รายล้อมอยู่ตามจุดต่างๆของตัวบ้าน  ซึ่งทำให้ดูหรูหรา และ ดูไม่เก่าไม่ว่าจะผ่านไปอีกหลายปีก็ยังคงดู Timeless อยู่เสมอ

สำหรับบ้านตัวอย่างหลังนี้มีขนาด 525.39 ตร.ม. บนพื้นที่ 62.1 ตร.วา ราคาอยู่ที่ 90.5 ล้านบาท อาจจะดูแพงนะครับ แต่เขาให้ทุกอย่างพร้อมเฟอร์นิเจอร์แบบที่จะพาไปชมเลย วัสดุภายในและเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ไปชมกันครับ

สำหรับผังชั้นหนึ่ง ภายนอกบ้านจะเป็นส่วนพื้นที่จอดรถที่ปูพื้นด้วยคอนกรีตพิมพ์ลาย มีสวนด้านข้างที่จัดเป็นมุมพักผ่อนไว้ให้ แต่ละหลังไม่เหมือนกัน และพื้นที่ Back of house ที่ประกอบไปด้วย ครัว ห้องซักล้างที่มีลานซักล้างด้านหลัง และห้องพักแม่บ้านที่มีห้องน้ำภายในตัวครับ ส่วนภายในบ้านจะเป็นพื้นที่ Foyer หน้าโถงลิฟต์และโถงบันได Built-in ตู้เก็บรองเท้ามาให้เรียบร้อยเลย

เป็นบ้านหน้ากว้าง 8 เมตร จอดรถได้ 3 คันครับ พื้นปูด้วยคอนกรีตพิมพ์ลายเหมือนกับส่วนด้านนอกของโครงการเลย ด้านข้างมีประตูทางเข้าบ้านสำหรับทางเดินเข้าออกแยกให้ครับ รั้วประตูจะเป็นไฟฟ้า 2 ฝั่งครับ เก็บเรียบไปกับแนวผนังบ้าน

เข้ามาด้านในพื้นที่จอดรถ จะมีพื้นที่สวนด้านข้าง ตรงกลางมีประตู 3 บาน ไล่ตั้งแต่ห้องแม่บ้านที่มีห้องน้ำภายในตัว ห้องครัวไทย และห้องซักรีด ที่สำคัญคือเขาแต่งมาให้เลยนะ

มาดูสวนด้านข้างกันก่อน จะเชื่อมต่อกับประตูทางเข้าสำหรับทางเดินครับ

พื้นที่สวนจะจัดมาให้แบบนี้เลยนะครับ พื้นที่รองรับการใช้งานได้หลายคนเลย จัดปาร์ตี้ในสวนกันได้สบายๆ

ด้านในเป็นสวนที่ออกแบบ Landscape มาให้พร้อมจัดสวนครับ ที่นี่จะออกแบบสวนมาให้เป็น Private Garden แทรกอยู่ในชั้นต่างๆ สำหรับการใช้งานที่หลากหลายอย่างได้ความเป็นส่วนตัว

ส่วนของด้านข้างนี้จะได้พื้นที่ที่เป็นมุมส่วนตัว พักผ่อนได้ดีทีเดียว ด้วยความที่ติดรั้วโครงการสูง ทำให้ได้ร่มเงาในช่วงบ่ายด้วย ด้านในจะปลูกต้นซิลเวอร์โอ๊คไว้ให้ เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ใบเขียวตลอดทั้งปี ความสูงประมาณ 18-35 เมตร

กลับเข้ามาที่พื้นที่จอดรถ จะได้ครัวที่ Built-in มาให้ครบเลยครับ

ได้เคาน์เตอร์ด้วย เป็นอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันจาก MEX

อีกห้องข้างๆเป็น Laundry Room ครับ มีประตูเชื่อมต่อออกพื้นที่ลานซักล้างด้านหลัง

เข้ามาในตัวบ้านกัน สำหรับชั้น 1 ภายในตัวบ้านจะมีแค่ส่วนของ Foyer ครับ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพื้นที่สำหรับเตรียมตัวในการเข้าและออกบ้าน จะมีส่วนของลิฟต์โดยสารให้ พื้นปิดผิวด้วย Cotto Italia ครับ ระดับความสูงอยู่ที่ 2.45 เมตรครับ

ตู้ชั้นวางรองเท้าก็ Built-in มาให้ และด้านในเป็นบันไดเชื่อมต่อขึ้นด้านบน

สำหรับชั้น 2 จะเป็นพื้นที่สำหรับต้อนรับของตัวบ้านครับ จะรวมพื้นที่ Common Area หลักๆ ไว้ ทั้งส่วน Living Room, พื้นที่รับประทานอาหาร ครัวฝรั่ง และห้องน้ำแบบ Powder Room  และพื้นที่ระเบียงภายนอก โดยจะมีไฮไลท์อยู่ที่พื้นที่ Double Volume ที่ยกเพดานขึ้นสูง 6.45 เมตร และเปิดแนวกระจกสูงถึงฝ้าเลย ทำให้พื้นที่ภายในชั้นนี้ และชั้น 3 ได้รับแสงที่เพียงพอเลยครับ ไปชมกัน

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเปลี่ยนเป็นพื้น Engineering Wood ปูแบบ Hexagon Pattern เป็นพื้นที่ Living Room หลักของบ้านนี้ ซึ่งจะได้โถงยาวขนาดใหญ่ แบ่งพื้นที่การใช้งานได้หลากหลายเลย (สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่จะได้พร้อมบ้านหลังนี้รายละเอียดจะอยู่ด้านล่างนะครับ)

การตกแต่งที่ Fixed กับตัวบ้านเราจะได้มาแบบนี้เลยนะครับ จะเห็นว่าภายในก็ออกแบบมาในแนว French Colonial ใช้โทนสีที่เป็นธรรมชาติ ดู Timeless ซึ่งถ้าใครที่ชอบกลิ่นอายของยุโรป Classic ก็คงจะถูกใจไม่น้อยเลย

เริ่มที่ส่วนแรกเป็นพื้นที่รับแขกที่ยกเพดานขึ้นสูง เชื่อมต่อกับแนวกระจกที่ออกไประเบียงหลังบ้านได้

ระเบียงหลังบ้านสำหรับชมสวน จะเชื่อมต่อกับพื้นที่ด้านข้างบ้านได้ด้วย

ด้านในเหมาะกับการจัดเป็นพื้นที่รับประทานอาหารครับ จะได้ฝ้าเพดาน เครื่องปรับอากาศ และการตกแต่งผนังและแนวกระจกแบบนี้เลย ส่วนนี้จะสูง 2.75 เมตรนะครับ

ห้องน้ำของชั้นนี้จะเป็นแบบ Powder Room นะครับ แต่มีขนาดค่อนข้างกว้างเลย เข้าออกและใช้งานได้สบายๆ เป็นสุขภัณฑ์ของ Kohler และอุปกรณ์ต่าง ๆ จาก Kohler, Hansgrohe ครับ

ด้านข้างจะมีครัวอีกจุดครับ เป็นลักษณะ Pantry ที่จัดมาให้แบบนี้เลย ได้อุปกรณ์ครัวจาก Siemens

ด้านในจะมีประตูที่เชื่อมต่อกับระเบียงหน้าบ้านครับ มีพื้นที่นั่งเล่นรองรับ และจัดสวนตกแต่งมาให้แบบนี้เลย

ชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ของ Master Bedroom ทั้งชั้นเลย ซึ่งจะมีจุดเด่นตรงที่เปิดรับช่องแสงจากส่วน Double Volume ของชั้น 2 และอีกฝั่งก็เปิดช่องแสงอีกหลายจุดเลย ทำให้ได้แสงภายนอกค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ ภายในห้องนอนมีขนาดพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้จัดได้หลากหลาย มี Built-in ส่วน Walk-in Closet มาให้พร้อม และห้องน้ำ Master Bathroom ก็มีขนาดใหญ่ และจัดสุขภัณฑ์มาให้แบบจัดเต็ม ไปชมกันเลย

ขึ้นมาที่ชั้น 3 ครับ จะมีแนวระเบียงก่อนเข้าห้องนอนหลักเล็กน้อย สำหรับออกมาเชื่อมต่อกันได้ ความสูงชั้นนี้จะอยู่ที่ 3 เมตรครับ

ส่วนนี้จะช่วยให้ด้านบนได้แสงถึงภายในค่อนข้างเยอะ เพราะมีลักษณะเพดานสูงที่ได้แนวกระจกเต็มพื้นที่จากห้องนั่งเล่นชั้น 2 เลย มองลงไปก็สวยงามทีเดียว

ห้องนอนหลักมีขนาดค่อนข้างกว้าง จึงสามารถแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็นหลายส่วนได้สบายๆ พื้นเป็น Engineering Wood ครับ ผนังเป็น Fabric Terxture และ Decorative Wood Panel ครับ

ส่วนแรกจะมีแนวกระจกเชื่อมต่อกับพื้นที่ยกเพดานสูง ทำให้ได้ช่องแสงสำหรับการจัดเป็นโต๊ะทำงานหรือนั่งอ่านหนังสือได้

ส่วนตรงกลางของห้องจะเป็นพื้นที่พักผ่อนครับ ขนาดกว้างและมีช่องแสงให้ 2 ฝั่ง เยอะทีเดียว

ด้านในเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ก่อนเข้าห้องน้ำ ซึ่งเขาก็จัดมาให้แบบนี้เลย

เป็นห้องน้ำที่มีประตูอยู่ตรงกลาง ทำให้แยกสัดส่วนภายในห้องน้ำได้ดีเลย

เปิดมาจะพบกับส่วนอ่างล้างมือก่อน ซึ่งแยกเป็น His And Her ให้  จาก Lavenz ครับ

ด้านข้างเป็นโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก TOTO Washlet ครับ พร้อมฉากกั้นเล็กน้อย

ส่วนอาบน้ำจะอยู่อีกฝั่ง ซึ่งจัดมาให้ครบทั้ง Hand Shower, Rain Shower จาก Hansgrohe และอ่างอาบน้ำจาก Kohler แบบวางบนพื้นเลย ได้ช่องแสงด้านข้างด้วยนะ

ชั้น 4 จะเป็นส่วนของห้องนอนรองอีก 2 ห้องครับ ทางฝั่งหน้าบ้านและหลังบ้าน ซึ่งมีขนาดภายในห้องค่อนข้างกว้าง ชนิดที่ถ้าไม่เจอ Master Bedroom มาก่อน ก็คงคิดว่าเป็นห้อง Master Bedroom ได้เลย ภายในห้องนอนทั้งสองจะได้ห้องน้ำมาให้ในตัว ขนาดกว้างและดูดีทีเดียว ไปชมกันครับ

ขึ้นมาต่อกันที่ชั้น 4 จะเป็นแนวทางเดินที่แยกออกเป็น 2 ห้องนอน หลักๆครับ เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ไม่แพ้ห้องนอนใหญ่เลย แถมยังมีห้องน้ำในตัวให้ทั้งสองห้อง ความสูงชั้นนี้จะอยู่ที่ 2.75 เมตรครับ

เป็นห้องนอนที่ได้ช่องแสงเยอะเหมือนกันครับ ขนาดพื้นที่วางเตียง King Size ได้สบายๆ หรือจะจัดเป็นแบบอื่นก็สามารถทำได้หลากหลายเลย

ด้านในมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้หน้าห้องน้ำ

ภายในห้องน้ำแยกส่วนแห้งส่วนเปียกไว้ได้ดีทีเดียว และขนาดค่อนข้างกว้าง ได้เป็นอ่างล้างหน้าแบบเคาน์เตอร์ โถสุขภัณฑ์ และส่วนอาบน้ำที่ได้ทั้ง Hand Shower และ Rain Shower มาพร้อมฉากกั้นอาบน้ำตามนี้เลยครับ

ห้องนอนอีกห้องก็มีความกว้างพอๆกันครับ ได้ช่องแสง 2 ฝั่ง หลายบานเลย

ด้านใน Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้เช่นเดิมครับ

ห้องน้ำก็มีลักษณะคล้ายกันกับห้องก่อนหน้านี้เลย ของจริงก็ได้ตามนี้ทุกอย่าง

ขึ้นมาที่ชั้นบนสุด จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ มีแนวกระจกกั้นไว้ให้เป็นสัดส่วน

ออกมาภายนอกเป็นสระว่ายน้ำขนาด 20.25 ตร.ม. แช่น้ำดูดาวรับลม หรือจะจัดเป็น Party ก็ทำได้สบายๆเลย

ด้านในมีพื้นที่รองรับสำหรับมานั่งเล่น และใช้งานริมสระได้เยอะพอสมควรเลยครับ ของจริงที่จะได้ก็ Built-in มาให้ลักษณะนี้เลยครับ มีความสูงอยู่ที่ 2.35 เมตรครับ

Image 1/4
รายละเอียดเฟอร์นิเจอร์ชั้น 2

รายละเอียดเฟอร์นิเจอร์ชั้น 2

รายละเอียดเฟอร์นิเจอร์ที่จะให้มาพร้อมบ้าน (เฉพาะบ้านตัวอย่าง) ในแต่ละชั้น


Image 1/22
พื้นที่ส่วนโรงจอดรถจะคล้ายกันครับ

พื้นที่ส่วนโรงจอดรถจะคล้ายกันครับ

ถัดมาเป็นบ้านตัวอย่างอีกหลังที่ตกแต่งในสไตล์ Tropical Loft ครับ จะได้เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างเหมือนบ้านที่พาไปชมหลังแรกเลย หลังนี้จะ มีพื้นที่ใช้สอยย 512.47 ตร.ม. บนพื้นที่ดิน 59.9 ตร.วา ราคา 88.5 ล้านบาท โดยภายในจะมีรูปแบบผังเหมือนเดิมเลย แตกต่างกันที่การตกแต่งโดยเน้นความเรียบง่าย ไม่ต้องหวือหวา แต่ดูทันสมัย และมีความเท่ ได้ความสดชื่นจากการผสมผสานของต้นไม้สีเขียวที่แทรกอยู่ในหลายๆส่วนของตัวบ้าน และเลือกใช้โทนสีที่ดูเรียบง่าย เช่น สีเทา, สีขาว, สีดำ หรือสำน้ำตาล จากการใช้สัจจะวัสดุ หรือสีจริงของวัสดุนั่นเอง เน้นไปที่ ไม้ เหล็ก กระจก จะให้ความรู้สึกอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหลังนี้เราจะไปกันเร็วหน่อยนะครับ ลองไปชมกัน


Image 1/14
สวนด้านข้างจะได้ตามนี้เลย หลังเล็กจะมีแนวทางเดินเชื่อมต่อกับห้องรับแขกที่ด้านหลังด้วย

สวนด้านข้างจะได้ตามนี้เลย หลังเล็กจะมีแนวทางเดินเชื่อมต่อกับห้องรับแขกที่ด้านหลังด้วย

มาดูบ้านเปล่าแบบ French Colonial กันบ้างครับ จะเป็นหลังที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อย หน้ากว้างจะเหลือ 7.6 เมตร แต่ยังจอดรถได้ 3 คันเหมือนเดิม พื้นที่ภายในต่างจากเดิมเล็กน้อย และจะได้การตกแต่งภายในบ้านจริงตามนี้เลยครับ


Image 1/18
พื้นที่จอดรถจะเหมือนเดิมนะ มาดูสวนด้านข้างกันเลย จะได้ตามนี้เลยครับ

พื้นที่จอดรถจะเหมือนเดิมนะ มาดูสวนด้านข้างกันเลย จะได้ตามนี้เลยครับ

เสร็จแล้วก็มาดูบ้านเปล่าหลังเล็กอีกหลัง ที่ตกแต่งภายในมาในแบบ Tropical Loft ซึ่งเราจะได้ Built-in ในส่วนต่างๆตามนี้เลยครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

9 December 2020

  • บ้านตัวอย่าง 5 ชั้น สไตล์ French Colonial ขายพร้อมตกแต่ง หน้ากว้าง 8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 62.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 525.39 ตร.ม.
    – ราคา 90.5 ล้านบาท
  • บ้านตัวอย่าง 5 ชั้น สไตล์ Tropical Loft ขายพร้อมตกแต่ง หน้ากว้าง 8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 59.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 512.47 ตร.ม.
    – ราคา 88.5 ล้านบาท
  • บ้านหน้ากว้าง 7.4 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 50.1-53.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 489.31-490.55 ตร.ม.
    – ราคา 62-74 ล้านบาท
  • จองและทำสัญญา 500,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 450 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

Malton Private Residence อารีย์ : จัดเป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่เปิดขายโครงการเดียวในย่านอารีย์เลยก็ว่าได้ และเป็นไม่กี่โครงการที่มีทำเลตั้งอยู่ภายในเมืองขนาดนี้ ซึ่งนี่ก็เป็นจุดเด่นแรกของโครงการนี้เลยครับ และเมื่อถ้าจะเทียบกับโครงการที่ใกล้เคียงในลักษณะเดียวกัน ก็คงต้องขยับออกไปแถวถนนสุทธิสารเลย อย่างโครงการ ATRIA อารีย์-อินทามระ (บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 4 ชั้น) และ ARTHA พหล-อารีย์ (บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น) ที่ทั้งคู่จะมีราคาเบากว่าของ Malton Private Residence อารีย์ ก็จริง.. แต่ก็อย่าลืมนะครับ ว่าทำเลสุทธิสารกับอารีย์ก็มีราคาที่ต่างกันพอสมควรเช่นกัน แถมในส่วนของโครงการเราที่จะขายแบบบ้านพร้อมตกแต่ง และเน้นในสไตล์การออกแบบที่ชัดเจน (เป็นอีกหนึ่งในจุดเด่นของโครงการเลย) รวมไปถึงขนาดของตัวบ้าน, จำนวนชั้น, ลิฟต์โดยสาร, สระว่ายน้ำ, สวน และส่วนอื่นๆ จึงทำให้ไม่สามารถเรียกว่าเป็นคู่แข่งได้ซะทีเดียว แต่ก็สามารถนำมาเทียบให้เห็นภาพได้

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเราจะมีจุดเด่นที่จะดูดีกว่าในเรื่องของทำเล (ติดพหลโยธิน) สไตล์การออกแบบและตกแต่งที่ชัดเจน แต่ก็จะมีข้อจำกัดในส่วนของห้องนอนที่มีเพียง 3 ห้องเท่านั้น ลองเข้าไปดูรายละเอียดของจุดเด่นที่ผมเลือกมาให้ชมกันครับ

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : เป็นจุดเด่นแรกที่ต้องพูดถึงของโครงการนี้เลย เพราะเป็นโครงการแนวราบที่มีทำเลอยู่ในเมืองเหมือนกับพวก Vertical Living อย่างคอนโด High Rise และ Low Rise ในย่านนี้เลยครับ การสัญจรจึงจัดว่าสะดวกสุดๆ เพราะไม่ใช่แค่เข้าเมืองง่าย แต่ต้องเรียกว่าอยู่ภายในเมืองอยู่แล้วเลยดีกว่า ดังนั้นความอุดมสมบูรณ์จึงมีให้ครบครันเลย เอาใกล้ที่สุดก็มีทั้ง La Villa อารีย์ ที่มี Villa Market ภายใน หรือจะอยากทานร้านอาหารและคาเฟ่เก๋ๆ ก็มีให้เลือกกันเยอะแยะในซอยอารีย์ ส่วนการสัญจรก็มีซอยลัดเลาะเข้าออกได้หลายทาง เข้าได้จากทั้งถนนพหลโยธิน ถนนสุทธิสารวินิจฉัย และถนนวิภาวดีรังสิต ใช้งานทางด่วนง่าย ออกเมืองสะดวก นอกจากนั้นยังมีรถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกสำหรับการสัญจรเลี่ยงรถติดกันได้ด้วย ในระยะประมาณ 900 เมตร

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย : อย่างต่อมาที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือหัวข้อนี้เลยครับ เพราะการออกแบบเป็นสิ่งที่ทางโครงการค่อนข้างเน้นและให้ความสำคัญสูงเลยทีเดียว เพราะต้องการให้มีสไตล์ ฟังก์ชัน และความสวยงามที่เข้าถึงลูกบ้านได้จริงโดยทางโครงการมุ่งเน้นให้เป็นบ้านที่ขายพร้อมตกแต่ง (Fully Fitted ได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in / ในบ้านตัวอย่างได้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งด้วย) ดังนั้นจึงเลือกบริษัทออกแบบชั้นนำที่มีผลงานที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมาดูแลงานออกแบบในส่วนต่างๆ รวมไปถึงการออกแบบให้มีแบบบ้าน 2 สไตล์ สำหรับกลุ่มลูกบ้านที่หลากหลาย (French Colonial, Tropical Loft) แถมยังมีเพียงแค่ 8 ยูนิต ได้ความเป็นส่วนตัวสุดๆ

ตัวอาคารเน้นการใช้พื้นที่ภายในที่สอดคล้องไปกับสวนภายนอก โดยจะกระจายพื้นที่ภายนอกออกเป็นหลาย ๆ ส่วน มีการเชื่อมต่อกับภายในได้ในหลายๆจุด เน้นการรับลมและแสงจากธรรมชาติ มีความหลากหลายและแยกประเภทพื้นที่การใช้งานในแต่ละชั้นได้ชัดเจนดีครับ ส่วนตัวผมชอบที่มีสวนที่ชั้น 1 และการยกสระว่ายน้ำไปไว้ที่ชั้นดาดฟ้าให้ครบเลย เหมือนเรามี Facilities ของโครงการภายในบ้านตัวเอง ได้ความเป็นส่วนตัว ส่วนห้องนอนจะเน้นเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ 3 ห้อง ซึ่งทำให้ดูจะเหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง ข้อดีคือได้ห้องนอนใหญ่เหมือนเป็น Master Bedroom ได้ทุกห้องเลย แต่ก็อาจจะดูน้อยไปหน่อยสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกเยอะครับ

วัสดุ : อีกหัวข้อที่อยากจะพูดถึง เพราะอย่างที่บอกไปว่าเขาขายพร้อมตกแต่งภายในในส่วนเฟอร์นิเจอร์ Built-in ทั้งหลาย (บ้านตัวอย่างได้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวด้วย) ซึ่งในแต่ละส่วนจะเป็นวัสดุที่มีคุณภาพสูง โดยส่วนมากจะเป็นวัสดุนำเข้าจากต่างประเทศ เช่นพื้น Italian Porcelain, Calacutta Cotto Italia, Engineering Wood (Hexagon Pattern), Atlantic Grey Stone, Azulej Bianco Cotto Italia และพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายที่ชั้นจอดรถ ส่วนผนังใช้เป็นทั้งส่วนของ Fabric Texture, White Venus Stone, กระจก, สเตนเลส, ปูนเปลือย และไม้ในการตกแต่ง ชุดครัวจะเป็นของ MEX, Siements, Franke, Dornbracht จาก German และ Switzerland ท็อปครัวจะเป็น Marble Dionysos Polished จาก Greece ส่วนภายในห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์จาก Lavenz, Kohler, TOTO, Hansgrohe ยิ่งไปกว่านั้นในส่วนของบ้านตัวอย่างที่ขายพร้อมตกแต่งก็จะได้เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ชั้นนำระดับโลกอีกหลายชิ้นเลยครับ

สำหรับใครที่สนใจโครงการก็ลองแวะเข้าไปชมบ้านตัวอย่างกันที่โครงการอีกทีนะครับ จะได้ลองไปสัมผัสบรรยากาศจริง และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอื่นประกอบการพิจารณาได้ครับ

BOTTOM LINE

โครงการ Malton Private Residence อารีย์ เหมาะกับครอบครัวขนาดกลางที่มองหาบ้านเดี่ยวทำเลในเมือง มีความอุดมสมบูรณ์รายล้อม เดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วน จำนวนยูนิตน้อย เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน มีการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นดีไซน์และรายละเอียดที่เหมาะกับการอยู่อาศัย ไม่ต้องแต่งเพิ่มเยอะ และไม่ต้องมีส่วนกลางก็ได้ (เพราะมีให้ในบ้านหมดแล้ว) มีงบประมาณ 62-90.5 ล้านบาท ยังไงก็ลองพิจารณากันดูนะครับ


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะครับ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc