รีวิวฉบับที่ 924 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ Life Bangkok Boulevard รามอินทรา 65 โครงการบ้านเดี่ยว Series ใหม่ จาก SC Asset ตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 65 แยก 2 ใกล้ทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ เดินทางไปถนนสายหลักต่างๆได้สะดวก ตัวโครงการเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มี 5 แบบ บนที่ดินเริ่มต้น 50 ตร.วา ในราคาเริ่มต้นที่ 6.59 ล้านบาท เราไปดูกันว่าที่นี่บ้านเค้าจะทำออกมาเป็นแบบไหนกันค่ะ
Fact @ 16 September 2015
- Life Bangkok Boulevard Ramintra 65 (ไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา 65)
- บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางเขน
- เนื้อที่โครงการประมาณ 43 ไร่ จำนวน 152 ยูนิต
- บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 5 แบบ
- แบบ Escape ที่ดิน 50.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 183 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 2 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อนชั้นบน 1 ส่วนทานอาหาร 1 ครัวไทย
- แบบ Compass ที่ดิน 52.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 191 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องนอน 2 ที่จอดรถ 2 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อนชั้นบน 1 ส่วนทานอาหาร 1 ครัวไทย
- แบบ Quarter ที่ดิน 52.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 207 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 2 ห้องพักผ่อน 1 ส่วนพักผ่อนชั้นบน 1 ส่วนทานอาหาร 1 ครัวไทย 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมห้องน้ำ
- แบบ Theater ที่ดิน 67 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 213 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 2 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อนชั้นบน 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ส่วนทานอาหาร 1 ครัวไทย
- แบบ Courtyard ที่ดิน 70.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 232 ตร.ม. 5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 2 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อนชั้นบน 1 ส่วนทานอาหาร 1 ครัวไทย 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมห้องน้ำ
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.851916, 100.655972
จากแผนที่โครงการ ที่ตั้งของโครงการ Life Bangkok Boulevard รามอินทรา 65 ตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 65 แยก 2 จากถนนรามอินทราเข้าซอยลึกมาประมาณ 1.2 กิโลเมตร ทางเข้าโครงการจะอยู่ทางด้านขวามือ ในอนาคตบนถนนรามอินทรามีแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดกับโครงการ คือ สถานีวัชรพล ที่ตั้งอยู่ในช่วงรามอินทราซอย 59 กับซอยรามอินทรา 61 โดยอนาคตจะเป็นจุดเชื่อมต่อ (Interchange) กับรถไฟฟ้าสายสีเทา สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพูนี้ ยังต้องรอกันอีกหลายปีอยู่ถึงจะสร้างเสร็จ ซึ่งตามกำหนดการจะสร้างเสร็จปี 2563 แต่ถ้ามีความไม่แน่นอนทางการเมืองหรือเหตุปัจจัยอื่นๆมากระทบตัวโครงการก็อาจต้องเลื่อนไปอีก คนย่านนี้คงต้องอดใจรอกันไปก่อนนะคะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นค่อนข้างสะดวกทีเดียวค่ะ เพราะสามารถเลือกใช้เส้นทางในการเดินทางได้หลากหลาย โดยถนนรามอินทราที่เป็นถนนเส้นหลักในการเข้าถึงของโครงการนั้นเชื่อมกับถนนสำคัญๆได้หลายสาย เช่น ถนนวิภาวดี – รังสิต, ถนนพหลโยธิน, ถนนลาดปลาเค้า, ถนนวัชรพล, ถนนนวมินทร์ รวมทั้งทางด่วนทั้ง 2 สายอย่างรามอินทรา – อาจณรงค์ และถนนกาญจนภิเษก
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวนั้นจะลำบากสักหน่อย เนื่องด้วยในปัจจุบันยังไม่มีโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดให้ใช้บริการ จึงจำเป็นต้องพึ่งรถโดยสารประจำทาง, พี่วินมอเตอร์ไซค์ หรือ Taxi กันไปก่อน รวมทั้งการเข้าถึงโครงการอาจจะค่อนข้างลำบากด้วยระยะที่ไกลไปหน่อยและไม่มีทางเท้าสำหรับเดิน ดังนั้นการจะเข้าซอยคงจะต้องพึ่งพี่วินจะสะดวกที่สุดค่ะ
ทำเลโครงการนี้จะสะดวกมาก สำหรับคนที่เดินทางด้วยทางด่วนเป็นหลัก เพราอยู่ระหว่างทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ และทางด่วนรามอินทรา – กาญจนาภิเษก หรือวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออกค่ะ
- จุดขึ้นทางด่วน A สำหรับเดินทางขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ที่จะออกไปฝั่งนอกเมือง บริเวณถนนวัชรพล
- จุดขึ้นทางด่วน B สำหรับเดินทางขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ที่จะเข้าเมือง บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม
- จุดลงทางด่วน C สำหรับเดินทางขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ที่จะออกไปฝั่งนอกเมือง บริเวณถนนวัชรพล
- จุดลงทางด่วน D สำหรับเดินทางขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ที่จะเข้าเมือง บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม
- จุดขึ้นทางด่วน E สำหรับเดินทางขึ้นทางด่วนรามอินทรา – กาญจนาภิเษกทั้งขาเข้าเมืองและออกเมือง
ทำเลของโครงการในย่านนี้ เรียกได้ว่าเป็นทำเลยอดฮิตของโครงการแนวราบ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ตอนบนฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร โครงการส่วนใหญ่จะเป็นหมู่บ้านเดี่ยวจัดสรร, ไม่จัดสรร และทาวน์โฮม ซึ่งในระยะหลังๆ มานี้จึงเริ่มเห็นคอนโด Low Rise มาขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูบ้าง โดยการมาของรถไฟฟ้าสายสีชมพูนี้ทำให้พื้นที่ในย่านรามอินทรามีความอุดมสมบูรณ์และความเจริญมากขึ้นตามไปด้วย ถ้าจะหาของกินของใช้ในย่านนี้นั้นมีความสะดวกสบาย และอุดมสมบูรณ์มากๆ เพราะมีทั้งตลาดและร้านค้าต่างๆมากมาย มี Hyper market อย่าง Big C, Tesco Lotus, Food Land คอมมูนิตี้ มอลล์อย่าง The Walk และศูนย์การค้าอย่าง Fashion Island, The Promenade และเซ็นทรัล รามอินทรา ให้คนย่านนี้ได้เดินเล่นช้อปปิ้งกัน นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลสินแพทย์, โรงพยาบาลพญาไทนวมินทร์, โรงเรียนอยู่ในละแวกนี้ด้วยค่ะ
การเดินทางในวันนี้ จะเริ่มต้นจากวงเวียนหลักสี่บนถนนรามอินทรา มุ่งหน้าไปทางมีนบุรี ผ่านแยกรามอินทรา – วัชรพล เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรามอินทรา 65 ประมาณ 1.2 กิโลเมตร จะถึงหน้าทางเข้าโครงการค่ะ
เมื่อลงสะพานข้ามแยกหลักสี่มาจะเข้าสู่ถนนรามอินทรา ขับตรงไปตามทางจะผ่านเซ็นทรัลพลาซ่า รามอินทรา
ตรงมาอีกซักระยะจะผ่านศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบกและสนามมวยลุมพินี รามอินทรา
ขับมาเรื่อยๆ ทางขวามือจะมีทางไปถนนลาดปลาเค้า เส้นนี้จะออกไปยังถนนลาดพร้าวได้
ตรงต่อไปจะผ่าน Big C Extra
ขับมาเรื่อยๆจะถึงทางแยก ซ้ายมือจะเป็นทางเบี่ยงเพื่อเข้าถนนวัชรพล ส่วนเราจะตรงไปตามถนนรามอินทรา
ถัดจากทางเบี่ยงเข้าถนนวัชรพลมา ทางซ้ายมือจะเจอกับทางขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ แต่เราจะตรงต่อไปก่อนนะคะ
ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงปากซอยรามอินทรา 65 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยค่ะ
การเข้าถึงโครงการสามารถเข้าถึงได้ 2 ทาง คือจากซ.รามอินทรา 65 และ 67 โดยทั้ง 2 ซอยสามารถเดินทางเข้า – ออกได้สะดวกเลยค่ะ แต่ด้วยซ.รามอินทรา 65 นั้นมีขนาดถนนกว้าง 4 เลนจึงเป็นถนนสายหลัก รวมทั้งซอยนี้ยังสามารถทะลุออกไปยังห้าแยกวัชรพลได้ง่ายด้วย
การเดินทางในวันนี้เราจะใช้เส้นทางซอยรามอินทรา 65 กันนะคะ ซึ่งจากหน้าปากซอยถึงโครงการมีระยะทางอยู่ที่ 1.2 กิโลเมตร สภาพภายในแยกจะคดเคี้ยวไปสักหน่อยและมีระยะไกล ดังนั้นการเข้าถึงโครงการด้วยพี่วินมอเตอร์ไซต์ที่คอยให้บริการอยู่หน้าปากซอยหรือรถยนต์ส่วนตัวจะสะดวกที่สุดค่ะ
ภายในซอย รามอินทรา 65 ค่อนข้างกว้างและเข้า – ออกสะดวกด้วยถนน 4 เลน ซึ่งจะเห็นว่ารอบข้างถนนมีรถจอดกันเรียงราย และตึกราบ้านช่องในซอยนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์และตึกแถว ในตอนเย็นๆจะมีร้านอาหารมาเปิดข้างถนน และด้านล่างตึกแถวด้วยค่ะ
ตรงเข้าประมาณ 300 เมตร ให้เลี้ยวขวาเข้าซ.รามอินทรา 65 แยก 2
ภายในแยก 2 เป็นถนน 2 เลน ไม่มีฟุตบาทให้เดิน ภายในซอยนี้มีโรงเรียนสุขฤทัย เปิดสอนตั้งแต่อนุบาล – ประถมศึกษา
ขับตรงมาจนถึงทางแยกให้เลี้ยวซ้าย บริเวณแยกนี้จะสังเกตเห็นว่าวงเลี้ยวของรถที่สวนมานั้นค่อนข้างประชิดมากๆ ต้องระมัดระวังในการขับนิดนึงนะคะ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ^^
ตรงมาอีกนิดหน่อยแล้วเลี้ยวขวาเลยค่ะ
ขับตรงมาประมาณ 450 เมตร โดยรอบข้างทางจะมีที่ดินว่างเปล่า และบ้านเดี่ยวไม่จัดสรร จะเห็นว่าถนนในแยกค่อนข้างแคบสำหรับรถสวนกัน แต่ไฟตามท้องถนนก็ยังพอเห็นว่ามีตลอดทาง ช่วยทำให้ถนนไม่เปลี่ยวจนเกินไปในช่วงเวลากลางคืน
เมื่อถึงสามแยกแล้วให้เลี้ยวซ้าย
เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้ว ด้านซ้ายเป็นซอยรามอินทรา 65 แยก 2 – 4 ซึ่งเป็นอีกซอยที่สามารถวิ่งทะลุออกรามอินทรา 65 ได้เช่นกัน แต่เราจะตรงไปก่อนนะคะ
ตรงมาอีกประมาณ 85 เมตร จะเห็นทางเข้าโครงการอยู่ทางด้านขวาแล้วค่ะ
ก่อนที่จะเข้าไปดูโครงการจะพาไปดูรอบๆโครงการกันเล็กน้อยนะคะ ^^ เมื่อหันหลังกลับมาเป็นโครงการหมู่บ้านสวนผึ้ง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดี่ยว 2 ชั้นเก่า ที่อยู่ติดกับโครงการเลยค่ะ
เดินผ่านโครงการมาอีกหน่อย จะเป็นที่ดินว่างเปล่า มีป้ายประกาศขายที่ดินอยู่ด้วย ซึ่งในอนาคตก็อาจจะไม่แน่นอนว่าที่ดินข้างเคียงนี้จะถูกพัฒนาไปแบบไหนนะ
ส่วนฝั่งตรงข้างโครงการนั้นเป็นบ้านสังกะสี มีร้านขายข้าวแกงอาหารตามสั่งเล็กๆอยู่ และจะเห็นว่ามีการกั้นฉากรูปต้นไม้ของโครงการเพื่อบังสายตาสภาพแวดล้อมฝั่งตรงข้ามอยู่
สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ ทางเข้า – ออกจะอยู่บนในซอยรามอินทรา 65 แยก 2 ทะลุออกได้เพียงถนนรามอินทรา รอบๆโครงการจะเป็นหมู่บ้านทั้งจัดสรรและไม่จัดสรร รวมทั้งที่ดินเปล่าที่ในอนาคตอาจมีการพัฒนาขึ้น บริเวณตอนกลางของที่ดินในโครงการมีคลองเล็กๆ 2 คลองไหลผ่าน ที่ไม่มีการสัญจรทางเรือและไม่ส่งกลิ่นเหม็น
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Plearnary Mall ~ 2.3 กิโลเมตร
- ตลาดสดถนอมมิตร ~ 2.5 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสินแพทย์ ~ 3.7 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ ~ 4 กิโลเมตร
- Fashion Island ~ 4.4 กิโลเมตร
- Foodland ~ 4.3 กิโลเมตร
- เดอะ พรอมานาด ~ 4.6 กิโลเมตร
- Big C Extra ~ 5.2 กิโลเมตร
- The Walk ~ 6.8 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลรามอินทรา ~ 7 กิโลเมตร
โครงการ Life Bangkok Boulevard รามอินทรา 65 เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 152 ยูนิต แบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยเฟส 1 มีจำนวน 30 หลัง และเฟส 2 มีจำนวน 122 หลัง บนเนื้อที่โครงการทั้งหมดประมาณ 43 ไร่ ทั้งสองเฟสมีทางเข้า-ออกทางเดียวที่เข้าได้จากซอยรามอินทรา 65, ซอยรามอินทรา 67 และถนนวัชรพล เป็นโครงการที่อยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 10% ที่เสร็จแล้วก็จะเป็นในส่วน Club House,บ้านตัวอย่าง และบ้านในเฟสแรกประมาณ 7 หลัง โดยไล่ก่อสร้างจากส่วนหน้าทางเข้าโครงการเข้าไปด้านใน ในส่วนของถนนหลักของโครงการมีความกว้าง 12 เมตร และถนนในซอยกว้าง 9 เมตร ทำให้การสัญจรในโครงการสะดวกดีค่ะ
ระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการให้มาครบครัน ด้วย Double GateSecurity เป็นประตูบานเลื่อนเหล็กอัตโนมัติใช้ระบบ Key Card Access ระยะใกล้ หลังจากผ่านประตูที่ 1 มาจะเจอกับ Club House อยู่ทางซ้ายมือ ถ้าจะเข้าไปในส่วนพักอาศัยก็ต้องผ่านประตูที่ 2 ไปก่อน ใช้ระบบแบบ Key Card ระยะใกล้ คือต้องใช้บัตรแตะเข้ากับเครื่องสแกน ส่วนกล้องวงจรปิดในโครงการมีมาให้ 41 จุด ทั้งหน้า Main Gate, ถนนหลักและในซอยย่อย เรียกว่าครบทั้งโครงการ และสำหรับรั้วรอบโครงการนั้นมีสูง 2.8 เมตรและต่อเหล็กแหลมไปอีก 0.2 เมตร
การวางผังโครงการ จะแบ่งออกเป็น 2 เฟส ฝั่งด้านหน้าโครงการ (Phase 1) กับ ฝั่งด้านหลังโครงการ (Phase 2) และเส้นทางถนนหลักโครงการอยู่ตรงกลางแบ่งบ้านออกเป็น 2 ฝั่ง สำหรับบ้านใน Phase 1 นั้นวางทิศทางบ้านในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีจำนวนยูนิตที่น้อยกว่า Phase 2 และอยู่ใกล้กับ Club House ที่มีเพียงจุดเดียวและสวนสาธารณะมากกว่า ทำให้บ้านใน Phase 1 นั้นสามารถใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้สะดวกมากกว่า Phase 2
ส่วน Phase 2 นั้นจะมีความหนาแน่นสูงกว่าบ้านใน Phase 1 เพราะจำนวนยูนิตที่เยอะกว่า ซึ่งทางโครงการจะแบ่งออกเป็นซอยเล็กๆ 2 ฝั่งถนน โดยซอยในฝั่งซ้ายจะมียูนิตในแต่ละซอยสูงสุดที่ 4 หลัง ดังนั้นจึงมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าซอยในฝั่งขวาที่มีจำนวนยูนิตสูงสุดที่ 10 หลัง ในส่วนของการหันทิศทางบ้านของ Phase 2 จะหันไปทางทิศเหนือ – ใต้ ทั้ง 2 ทิศนี้ก็เป็นทิศในการวางหน้าบ้านที่ดีทั้ง 2 ทิศ สำหรับทิศเหนือในตอนเช้าก็จะได้แสงแดดอ่อนๆ และไม่อมแดดของช่วงบ่าย ส่วนของทิศใต้นั้นก็เด่นในเรื่องของทิศทางลมที่พัดผ่านจากหน้าบ้านเข้ามาภายในบ้านค่ะ
ทางเข้าโครงการเป็นทางลาดขึ้น มีระดับความสูงที่สูงกว่าพื้นถนนด้านนอก และซุ้มประตูทางเข้าโครงการเป็นสไตล์เรียบๆ เน้นความ Modern มีหลังคาคลุมกันฝนเวลาเข้า – ออก ด้วย Key card ระยะใกล้ โดยป้อมพี่ยามจะอยู่ตรงกลาง
ด้านข้างมีทางเท้าและมีประตูเล็กๆสำหรับคนเดินเข้า – ออก ได้ ส่วนประตูเลื่อนตรงกลางจะเป็นบานเลื่อนแบบ 2 ตอน เวลาเลื่อนจะเลื่อนเก็บไปอยู่ด้านหลังของป้อมยามเพื่อให้รถเข้า-ออกได้สะดวก
ระบบรักษาความปลอดภัยทางเข้าโครงการจะมีกล้อง CCTV ส่องทั้งหน้าผู้ขับขี่และป้ายทะเบียน ส่วนระบบ Key Card เป็นแบบระยะใกล้ โดยต้องใช้บัตรทาบเข้ากับตัวเครื่องรับสัญญาณ
เมื่อเข้ามาภายในโครงการ จะเห็นว่าถนนเป็นทางลาดลงมา ซึ่งจริงๆแล้วระดับถนนโครงการนั้นมีระดับที่ใกล้เคียงกับถนนภายนอกเลย
บริเวณโซนที่ผ่านซุ้มประตูทางเข้าแรก เป็นส่วนของ Club House สูง 2 ชั้น อยู่ทางซ้ายมือ ภายในจะมีสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, สำนักงานขาย และที่จอดรถสำหรับผู้เข้ามาติดต่อที่จอดได้ทั้งสองฝั่งรวมๆกันแล้วทั้งหมด 8 คัน
ด้านหลังเป็นรั้วทึบ ความสูง 2.8 เมตร กั้นแผงขึ้นมาอีกสูง 2.8 เมตร แต่ไม่เป็นแบบนี้ตลอดความยาวของกำแพงโครงการนะคะ มีแค่ในด้านหน้าโครงการเท่านั้นเอง ช่วยบังสายตาจากหมู่บ้านข้างเคียง
Club House ของโครงการ เป็นอาคาร 2 ชั้น สไตล์ Modern รูปตัว L มีสระว่ายน้ำกลางแจ้งอยู่ตรงกลางเลย
บริเวณรอบข้าง Club House มีกล้อง CCTV ด้วยนะ
ทางเดินเป็นทรายล้าง ยกระดับขึ้นมาเป็นขั้นบันไดเล็กน้อย เชื่อมไปถึงพื้นที่สระว่ายน้ำกลางแจ้ง
สระว่ายน้ำโครงการมีขนาดประมาณ 6 x 15 เมตร ระบบเกลือ แบ่งเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ ในสระว่ายน้ำรอบข้างก่อเป็นที่นั่งสำหรับนั่งแช่น้ำกันได้ แต่อาจจะลำบากเวลาขึ้น – ลง ไปหน่อยเพราะไม่มีบันไดสระว่ายน้ำให้
เดินมาด้านข้างได้จัดพื้นที่สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนได้ และด้านในมี Day bed ไว้ให้สำหรับนอนอาบแดด
ในส่วนของสระเด็กมีความลึกประมาณ 0.6 เมตร มีการก่อกำแพงและปูเซรามิกขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อกั้นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ ซึ่งเด็กๆเวลาเล่นน้ำก็อาจจะทำให้พลัดออกไปทางสระผู้ใหญ่ได้เหมือนกันนะ
ซุ้มที่อยู่ถัดมา มี Shower สำหรับล้างตัว 1 จุด และ Deck นั่งเล่นได้ แต่ไม่สามารถกันแดดกันฝนได้นะคะ เพราะไม่มีหลังคาคลุม เป็นพื้นที่ว่างๆ อาจจะใส่ชุดเก้าอี้มาเพิ่มซัก 2 ชุดจะทำให้น่านั่งมากกว่าปล่อยพื้นที่ว่างๆไว้
ระเบียบการใช้สระว่ายน้ำแปะไว้ข้างๆสระ เช่น เวลาเปิด-ปิด 09.00-19.00 และปิดในวันจันทร์ รวมถึงก่อนที่จะใช้บริการสระว่ายน้ำในแต่ละครั้งต้องเสียค่าใช้จ่าย 50 บาทก่อน เพราะไม่รวมในค่าส่วนกลาง ซึ่งทางโครงการจะให้คูปองใช้สโมสรและสระว่ายน้ำฟรีมูลค่า 20,000 บาท ให้กับลูกค้าไว้ใช้ ระเบียบนี้เป็นระเบียบทั่วไปจนกว่าจะมีการตั้งนิติบุคคลและมีการเปลี่ยนแปลงต่อไป
ด้านข้างสระมีห้องน้ำแยกชาย – หญิง ไว้สำหรับลูกบ้านใช้บริการ
ภายในห้องน้ำแบ่งออกเป็นพื้นที่อ่างล้างมืออยู่ริมผนังฝั่งหนึ่งพร้อมกระจก ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำ ตรงกลางเป็นช่องแสงบานใหญ่เพื่อช่วยให้แสงธรรมชาติในช่วงกลางวันผ่านเข้ามาได้ จะได้ประหยัดไฟฟ้าในการเปิดไฟ ประหยัดค่าส่วนกลางด้วยนะ
อีกฝั่งหนึ่งเป็นส่วนของห้องน้ำและห้องอาบน้ำ
บันไดขึ้นชั้น 2 ของ Club House ถ้ามองจากด้านนอกจากอยู่ซ้ายมือของสระว่ายน้ำ พื้นเป็นทรายล้าง
ที่ชั้น 2 จะแบ่งเป็นห้อง Sales Office และ Fitness
ภายในห้อง Fitness ไม่ใหญ่นัก มีเครื่องเล่นทั้งหมด 5 เครื่องเล่น ผนัง 2 ด้านเป็นกระจกเงา อีกด้านเป็นกระจกมองเห็นสระว่ายน้ำด้านล่าง
ป้ายระเบียบการใช้งานในห้องฟิตเนส เปิด – ปิด เวลาเดียวกันกับสระว่ายน้ำ และต้องเสียค่าใช้จ่ายครั้งละ 50 บาท เช่นเดียวกันด้วยนะคะ
ในส่วนของ Sale Office บนชั้น 2 ในอนาคตจะเป็นพื้นที่ของนิติบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อ
ออกมาจาก Club House จะเจอกับด่านพี่ยามชั้นที่ 2 การเข้าพื้นที่โครงการด้านในจะเหมือนกันกับด่านที่แล้วคือ Key Card Access ระยะใกล้ แต่ไม่มีหลังคาคลุมแล้วนะคะ ฝนตกแขนก็คงเปียกหน่อย
มีกล้อง CCTV ส่องทะเบียนรถเช่นกันกับป้อมแรก
ถนนหลักภายในโครงการมีความกว้าง 12 ม. รถวิ่งสวนกันได้สะดวก จากตรงนี้บ้านในเฟสแรกจะเป็นสองฝั่งหันหน้าเข้าหากันแบบนี้
ฝั่งซ้ายของถนนหลักโครงการก็จะมีกล้อง CCTV ตั้งอยู่เพื่อจับภาพภายในโครงการ
ระหว่างบ้านทุกๆ 5 หลังถึงจะมีบริเวณจุดถอยเพื่อกลับรถ ด้านหลังมีการปลูกต้นไม้จัดสวนให้
เดินลึกเข้ามาจะเจอคลองที่ไหลผ่านบริเวณกลางโครงการ ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างสะพานข้ามคลองและสวนสาธารณะ 1 รอบๆ คลองที่ไหลผ่านโครงการนั้นเป็นคลองที่ไม่มีใช้ในการสัญจรแต่อย่างใด โดยสภาพน้ำคลองค่อนข้างสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็นค่ะ
อีกฝั่งนึงของคลองมีแหจับปลา และเรือพลาสติกของชาวบ้านประปรายค่ะ จะเห็นว่ามีชาวบ้านอยู่ใกล้เคียงด้วยค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6 x 15 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ขนาด 35 ตร.ม. ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 5 เครื่อง
- สวนสาธารณะประมาณ 1 ไร่ รวมกัน 2 จุด
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 41 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 2.8 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 0.2 เมตร
- Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
- Key Card Access ระยะใกล้
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ เลื่อนไฟฟ้า 2 ชั้น Double Gate Security
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor ทุกหลัง
- ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในซอยกว้าง 9 ม.
บ้านเดี่ยวของโครงการนั้นมีทั้งหมด 5 แบบ โดยบ้านตัวอย่างที่นำมาให้ดูกัน คือแบบ Courtyard และแบบ Theater นะคะ สำหรับแบบแรกคือแบบ Courtyard เป็นแบบบ้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีที่ดินเริ่มต้นที่ 70.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 232 ตร.ม. มี 5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อนชั้นบน ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ 2 ที่จอดรถรูปแบบการขายเป็นแบบ Bare Shell โดยโครงการให้ Wallpaper, สุขภัณฑ์ห้องน้ำ, เคาน์เตอร์ครัว และสัญญาณกันขโมยแบบ Shock Censer และ Magnetic Censor ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 9.19 ล้านบาทค่ะ
ตัวบ้านมีทางเข้าได้ 3 ทางคือจากหน้าบ้านบริเวณห้องรับแขก, พื้นที่รับประทานอาหาร และห้องครัว การออกแบบตัวบ้านเป็นลักษณะหน้ากว้างเพื่อให้ตัวบ้านดูโอ่อ่ากว้างขวางมากขึ้น สำหรับความแปลกใหม่ของแบบบ้านในซีรีย์นี้คือ ฟังก์ชันของห้องนอน 5 ที่อยู่ติดกับบริเวณที่จอดรถ ทำให้ลักษณะหน้าบ้านดูโปร่งโล่งเพราะมีช่องเปิดที่มากขึ้น แต่ข้อเสียคือห้องนอน 5 นั้นจะขาดความเป็นส่วนตัวไปหน่อย เพราะเพื่อนบ้านสามารถมองเห็นจากด้านนอกได้ง่ายทีเดียวค่ะ และสำหรับห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำนั้นออกแบบให้เข้า – ออกจากภายนอกบ้าน ดังนั้นแม่บ้านอยู่ด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องเข้ามาในบ้านหลักเวลาเราไม่อยู่บ้าน
บนชั้น 2 แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งห้องนอนใหญ่มีระเบียงหรือมีห้องน้ำเป็นของตัวเอง และห้องนอนกลางกับห้องนอนเล็ก โดยห้องนอนกลางจะอยู่หน้าบ้าน และห้องนอนเล็กจะอยู่หลังบ้าน แต่ทั้งคู่ไม่มีห้องน้ำในตัว เลยต้องมาอาศัยใช่ร่วมกันด้านนอกใกล้กับพื้นที่อเนกประสงค์อยู่ตรงกลาง สามารถทำเป็นห้องทำงาน หรือพื้นที่โชว์ของสะสมต่างๆก็ได้เช่นกันค่ะ
ลักษณะภายนอกของบ้านแบบ Courtyard ผนังสีเทา และตกแต่งด้วยวัสดุไม้บน Facade บ้านชั้น 2 หน้าบ้านมีกระจกเยอะ ข้อดีคือทำให้บ้านดูโปร่งไม่ทึบ แต่ก็มีข้อเสียคือคือจะมองเห็นได้ง่ายจากภายนอก ทำให้อาจจะต้องติดม่านเยอะหน่อยเพื่อทั้งบังแดดและบังสายตา สำหรับหลังคาจอดรถนี่ ทางโครงการให้มาด้วยนะคะ
พื้นที่จอดรถมีขนาดความกว้าง 5 ม. ลึก 5.5 ม. สามารถจอดรถได้ 2 คัน ด้วยความลึกเท่านี้สามารถจอดรถกระบะได้สบายค่ะ ด้านบนมีหลังคาคลุมด้วยวัสดุอะคริลิควางบนระแนง ที่มีน้ำหนักเบากว่ากระจกแต่แข็งแรงกว่ากระจก ทนแรงกระแทกได้ดีกว่ากระจก แต่ก็อาจจะมีปัญหาเมื่อใช้งานได้หลายปีแล้ว ก็จะกรอบและแตก จนมีน้ำเข้าไปขังตามร่องได้เช่นกันค่ะ
ต่อไปเราจะพาไปดูรอบๆบ้านกันนะคะ เร่ิมจากหันไปทางขวา ที่เป็นส่วนหน้าบ้านตรงทางเข้าห้องรับแขก บ้านมาตรฐานที่ขายจริงจะมีการจัดสวนปูหญ้าและทางเดินให้เรียบร้อยนะคะ
บริเวณด้านข้างในบ้านตัวอย่างมีการทำเฉลียงไม้ยกระดับเพิ่มขึ้นมาไว้นั่งเล่นได้ ซึ่งในบ้านจริงจะไม่มีเฉลียงให้นะคะ
ด้านหลังบ้านปลูกหญ้าพร้อมปูทางเดินเป็นแผ่นหินวางลงบนหญ้าไปยังพื้นที่ซักล้างใกล้ห้องครัวให้แบบนี้เลยค่ะ
หันขึ้นมาดูรั้วรอบโครงการที่มีความสูง 2.8 เมตร และเหล็กแหลมต่อขึ้นไปอีก 20 เซนติเมตร
ตรงเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ลานซักล้างหลังบ้าน ด้วยตัวโครงสร้างของลานซักล้างที่แยกออกจากตัวบ้าน ในอนาคตอาจจะมีการทรุดตัวลงเรื่อยๆตามความแข็งแรงของหน้าดิน ซึ่งข้อดีคือไม่ดึงโครงสร้างหลักของตัวบ้านลงไปด้วยค่ะ ส่วนมุมด้านในจะเป็นแท็งค์น้ำตั้งบนพื้นดิน
บริเวณพื้นที่ลานซักล้างปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ทำความสะอาดง่ายแต่ก็ลื่นได้ง่ายเช่นกันนะ มีการต่อท่อน้ำดี น้ำทิ้ง และปลั๊กไฟกันน้ำสำหรับวางเครื่องซักผ้าเรียบร้อย มีขั้นบันได 1 ขั้นก่อนที่จะก้าวเข้าประตูหลังบ้านไปยังห้องครัวได้ ระดับพื้นที่ซักล้างและระดับพื้นที่ให้บ้านต่างกันประมาณ 30 เซนติเมตร
เงยหน้ามาด้านบนมีพื้นที่สำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์ให้เรียบร้อย
ถัดมาเป็นส่วนห้องแม่บ้านที่อยู่บริเวณด้านขวาของหลังบ้าน มีประตูเปิดเข้า – ออกห้องจะอยู่ภายนอกบ้าน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวของเจ้าของบ้านด้วย
ภายในห้องขนาดไม่ใหญ่มากนัก ได้เป็นห้องโล่งๆ
มีห้องน้ำภายในตัว ขนาดพอใช้ได้ ไม่มีอ่างล้างหน้า พื้นมีลดระดับลงมานิดหน่อย
ข้างบ้านอีกฝั่งหนึ่งปูพื้นหญ้าและแผ่นอิฐทางเดินเช่นเดียวกันค่ะ
ต่อมาเราจะพาเข้าไปชมภายในบ้านกัน เร่ิมต้นจากบริเวณเฉลียงทางเข้าหน้าบ้าน มีขั้นบันไดยกขึ้นมา 2 ขั้น ความกว้างของเฉลียงสามารถวางชั้นวางรองเท้าหรือเก้าอี้สนามเล็กๆได้ ด้านบนสามารถกันฝนได้เล็กน้อยเพราะเป็นพื้นที่ยื่นออกมาจากระเบียงชั้น 2 ด้านข้างมีสัญญาณกันขโมยที่ทางโครงการติดไว้ให้ด้วยค่ะ
ประตูบานเลื่อนทางเข้าบ้านแบบ 2 บาน สามารถเลื่อนได้ทางเดียว
มือจับด้านนอก (รูปบน) และมือจับด้านใน (รูปล่าง) ด้านข้างบุสักหลาดขอบประตู กันฝุ่นและแมลงเข้า
ภายในพื้นที่ห้องรับแขกเชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหารด้านใน โปร่งโล่งด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ทั้ง 3 บาน ทั้งบานข้างบ้านและหลังบ้าน พื้นที่นี้จะใช้แอร์ตัวเดียวกันคือที่ติดผนังอยู่ข้างบ้านใกล้กับพื้นที่รับประทานอาหาร กินพื้นที่กว้างพอสมควร
พื้นที่รับแขกสามารถวางโซฟาแบบ 3 ที่นั่งได้สบายๆ หรือจะวางเป็นแบบโซฟาตัว L ยาวๆเลยก็ได้
ด้านหลังโซฟาเป็นประตูบานเลื่อนเช่นเดียวกันค่ะ สามารถเปิด-ปิดได้ แต่ว่าในเวลาที่เราวางเฟอร์นิเจอร์ก็เหมือนกับเราปิดตายทางเข้า-ออกนี้ไป ใช้เป็นช่องแสงบานใหญ่ข้างบ้านแทน
มือจับมาตรฐานกรอบบานอลูมิเนียมสีดำแบบนี้เหมือนกันทั้งบ้านเลยค่ะ
ในส่วนของพื้นที่รับประทานอาหารด้านในที่ค่อนข้างกว้าง สามารถจัดเคาน์เตอร์เครื่องดื่มหรือบาร์เล็กๆด้านข้างได้ตามบ้านตัวอย่างเลย และสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ พร้อมที่นั่งสำหรับ 5 – 6 ที่ได้ค่ะ
ประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ 2 ด้าน แดดร้อนอย่างประเทศไทยแนะนำว่าให้ติดม่านให้หมดนะคะ เพราะความร้อนจะเข้าตัวบ้านและเก็บอุณหภูมิไว้ตลอด การติดตั้งอาจจะติดเป็นแบบ 2 ชั้น คือแบบโปร่งแสงและแบบทึบแสง ไว้วันที่แดดจ้ามากๆ
ที่บานประตูมีธรณีที่ค่อนข้างสูงจากพื้นบ้านถึงพื้นดินนอกบ้านประมาณ 40 เซนติเมตร ซึ่งมีความสูงเกือบถึงบันได 2 ขั้นแล้วค่ะ แนะนำให้ทำเฉลียงออกมาเหมือนบ้านตัวอย่างเพื่อลดระดับความสูงที่ต่างกันค่อนข้างมาก ช่วยให้เดินสะดวกขึ้นเยอะเลย
เดินเข้ามาที่โถงทางเดินทางซ้ายกว้างประมาณ 1 เมตร ทั้งสองข้างเป็นห้องนอน ห้องครัว และห้องน้ำ
สวิชต์ไฟลักษณะเป็นแบบนี้นะคะ
เข้ามาที่ห้องนอน 4 ที่ทางโครงการจัดไว้ให้เป็นห้องพักผ่อนดูทีวี มีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศจากหลังบ้านให้ 1 บาน
ภายในห้องนอน 5 ที่อยู่ติดกับลานจอดรถจะเป็นกระจกบานใหญ่ ช่วยให้ห้องดูโล่งก็จริงค่ะ แต่ขาดความเป็นส่วนตัวมากๆเลยสำหรับห้องนอน การวางหัวเตียงก็ต้องวางหันหัวกลับหลังกับลานจอดรถ และต้องทำฉากหรือหัวเตียงขึ้นมาบังเหมือนในรูป เพื่อเพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้นได้หน่อยนึง และอีกเรื่องที่ห้องนี้ไม่เหมาะกับการเป็นห้องนอนคือเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากเป็นกระจกทั้งบานสามารถทุบกระจกเข้ามาในขณะหลับได้เช่นกัน ในส่วนนี้แนะนำว่าต้องติดม่านและติดเหล็กดัดด้วยก็จะดีค่ะ
ต่อไปเป็นบานประตูส่วนของห้องครัวที่อยู่ทางขวามือเป็นประตูบานเลื่อนกระจกแบบรางบนรางเดียว ไม่มีรางล่าง และประตูบานเลื่อนนี้ทางโครงการให้มาแบบนี้เลยนะคะ
มือจับพร้อมตัวล็อกแบบนี้
ภายในห้องครัวเป็นครัวปิด โครงการจะก่อเคาน์เตอร์ครัวให้เฉพาะ Top ด้านบนเป็นรูปตัว I ไม่เหมือนในบ้านตัวอย่างที่จะมีบานปิดด้านหน้าให้เรียบร้อย รวมถึงตู้ข้างบนกับชั้นวางก็ไม่ได้ให้นะคะ ส่วนพื้นที่ด้านซ้ายเป็นพื้นที่วางตู้เย็นได้
โครงการให้ อ่างล้างจานแบบ 1 หลุม ข้างๆที่วางจานได้ มีพื้นที่เตรียมอาหารข้างๆเล็กไปหน่อย แต่ไม่มี Hob & Hood ให้นะคะ โดยรวมแล้วตำแหน่งในการจัดวางดี เพราะสามารถเปิดหน้าต่างบานกระทุ้งระบายควันและกลิ่นได้
โครงการมีให้อ่างล้างมือ พร้อมหัวก็อก และพื้นที่วางจานเล็กน้อยจาก Hafele
ด้านข้างเคาน์เตอร์ว่างไว้สำหรับวางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้ ด้วยพื้นที่ประมาณ 1.1 x 1.1 เมตร
หน้าต่างบานกระทุ้งขนาดเล็กๆบานล่าง ด้านบนเป็นบาน Fixed
ด้านหลังครัวมีขั้นบันไดลงไปยังลานซักล้าง
กลับมาที่ทางเดินตรงกลางกว้าง 1 เมตรนะคะ ที่สุดทางเดินจะมีตู้ของบานเปิด มีพื้นที่ประมาณ 0.75 x 1 เมตร ด้านในทาสีพื้นเป็นฉาบเรียงทาสีเทา ไม่ได้ปูกระเบื้องให้ พื้นที่นี้สามารถ อุปกรณ์รีดผ้า หรือจะเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดก็ได้ค่ะ ส่วนทางซ้ายมือเป็นห้องน้ำของชั้น 1 ห้องเดียว ต้องใช้ทั้งแขกที่มาบ้าน และเจ้าของห้องนอน 4 – 5
ห้องน้ำชั้นล่างมีโซนสำหรับอาบน้ำอยู่ด้านใน และโซนแห้งที่เป็นอ่างล้างมือ และโถสุขภัณฑ์อยู่ด้านนอก
พื้นห้องน้ำลดระดับจากพื้นชั้น 1 ประมาณ 5 เซนติเมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 40 x 40 เซนติเมตร
อ่างล่างมือลอยจาก Cotto มีราวแขวนผ้าด้านล่าง พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ มีการก่อผนังเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆปูด้วยกระเบื้องสามารถวางแปรงสีฟัน และข้าวของเครื่องใช้ได้พอสมควร
ขนาดอ่างมีขนาดประมาณนี้เล็กๆ ไม่ค่อยกว้าง ด้านข้างมีที่วางของ 2 ฝั่ง
โถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำจาก Cotto
หน้าต่างบานกระทุ้งอยู่เหนือโถสุขภัณฑ์ ช่วยระบายอากาศภายในห้องน้ำและในแสงธรรมชาติส่องเข้าถึงได้ดี แต่ค่อนข้างเตี้ยไปหน่อยด้วยความสูงประมาณ 130 เซนติเมตร ซึ่งคนภายนอกอาจจะมองเห็นเราตอนโป๊ๆอยู่ ทำให้ไม่เป็นส่วนตัวไป แนะนำว่าให้ติดม่านหรือมูลี่บังนะคะ
บริเวณพื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1.20 x 1.00 เมตร อาบน้ำได้สบายๆ แนะนำให้ทำฉากกระจกกั้น เพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาในโซนแห้ง หรือสำหรับใครที่งบน้อยหน่อยจะติดเป็นราวแขวนม่านก็ได้เช่นกันค่ะ
พื้นบริเวณอาบน้ำลดระดับลงมานิดหน่อย
ฝักบัวสายอ่อนจาก Cotto เดินท่อต่อสายสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นไว้เรียบร้อย ด้านข้างเซตผนังให้ลึกเข้าไปหน่อยสำหรับวางเเชมพู ครีมอาบน้ำได้ค่ะ
ขนาดฝักบัวพอดีมือเลยค่ะ
กลับมาที่บันไดขึ้นชั้น 2 ตรงกลางบ้านนะคะ พื้นที่ด้านข้างและใต้บันไดขึ้นชั้น 2 เป็นพื้นที่ห้องเก็บของ ราวบันไดเป็นราวเหล็กพ่นสีดำ
ชานพักบันไดมีขนาดเต็ม พักเท้าได้จริง ถือว่าเป็นข้อดีของลูกบ้านนะคะ
ช่องแสงบริเวณโถงบันไดขนาดใหญ่ ช่วยให้บริเวณสว่างดีค่ะ ด้านล่างมีหน้าบานกระทุ้งเล็กๆสำหรับถ่ายเทอากาศบริเวณนี้ได้เล็กน้อย
บานกระทุ้งเปิดได้ประมาณนี้ค่ะ
วัสดุพื้นบันไดเป็นไม้สำเร็จรูป มีเฉดสีที่ใกล้เคียงกับพื้นลามิเนตชั้น 2
บริเวณพื้นที่อเนกประสงค์มีขนาดประมาณ 2 x 2.2 เมตร สามารถจัดพื้นที่ใช้สอยเป็นพื้นที่นั่งเล่นดูทีวีได้ หรือจะจัดเป็นพื้นที่ทำงานเงียบๆ ไม่ถูกรบกวนจากห้องนั่งเล่นด้านล่าง ในพื้นที่ส่วนนี้ถ้าไม่กั้น แอร์จะไปได้หมดทั่วทั้งบ้านเลย
ชะโงกออกไปดูจากหน้าต่างบริเวณพื้นที่อเนกประสงค์เป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์หลังบ้าน
เข้ามาในห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ สามารถวาง Sofa ข้างเตียงได้ด้วย
ด้านซ้ายเป็นส่วนของพื้นที่ Walk in Closet และห้องน้ำในตัวด้านใน ที่เราเห็นมีประตูบานเลื่อนทางโครงการไม่ได้ให้มาด้วยนะคะ
ภายใน Walk in Closet ผนังได้ซ้ายเซตไว้สำหรับวางตู้เสื้อผ้าแบบ Built in และด้านหน้าสามารถจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ ส่วนทางด้านขวาเป็นทางเข้าห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำใช้สุขภัณฑ์เหมือนกันกับห้องน้ำชั้นล่าง มีหน้าต่างระบายอากาศฝั่งโถสุขภัณฑ์ของ Cotto โดยห้องน้ำเป็นแบบรูปตัว L เมื่อเข้ามาจะเจอโถอยู่ทางซ้ายหลบมุมอยู่
ระดับพื้นห้องน้ำลดระดับลงมา 2 ระดับ จากพื้นชั้น 2 ประมาณ 7 เซนติเมตร และลดลงมาอีก 7 เซนติเมตร ตรงบริเวณพื้นที่อาบน้ำ
พื้นที่ห้องน้ำ มีการเซตกำแพงเข้าทั้ง 2 ข้าง ทำเป็นช่องสำหรับวางแชมพู และครีมอาบน้ำได้
ถัดมาอีกฝั่งนึงของห้องนอน มีประตูบานเลื่อนเปิดออกไปสู่ระเบียงหน้าบ้าน ส่วนฝ้าหลืบด้านบนไม่ได้ให้มานะคะ
ความกว้างของระเบียงประมาณ 1 เมตร สามารถวางเก้าอี้สนามเล็กๆ นั่งรับลมได้ รั้วระเบียงเป็นเหล็กพ่นสีดำความสูงประมาณ 1 เมตรค่ะ
เดินออกมาจากประตูห้องนอน มองตรงไปที่โถงทางเดินบริเวณห้องอเนกประสงค์มีสัญญาณกันขโมยดังติ้ดๆ อยู่ด้านข้างหากมีการเปิดหน้าต่างหรือประตูระเบียง โถงทางเดินแจกออกไป 3 ห้อง คือห้องนอน 2 จะอยู่หน้าบ้าน ส่วนห้องนอน 3 จะอยู่ด้านข้างของบ้าน และห้องน้ำด้านขวาที่สำหรับห้องนอนทั้ง 2 ห้องใช้งานร่วมกัน
ภายในห้องนอน 2 ที่มีขนาดกลางรองลงมาจากห้องนอนใหญ่ อยู่ที่หน้าบ้านนั้น สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ พร้อมมีทางเดินรอบๆเตียงสบายๆ มีหน้าต่างทั้ง 2 ด้านทั้งบานกระทุ้งและบานเลื่อน ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกดีค่ะ
ด้านซ้ายของห้องมีพื้นที่เหลือสามารถวางเป็นตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงานอ่านหนังสือได้
ภายในห้องนอน 3 ที่มีขนาดเล็กสุดจะอยู่ด้านข้างบ้าน สามารถวางเตียงแบบ Single Bed ได้แต่ต้องชิดขอบผนังไปด้านนึงนะ แต่ถ้าอยากวางเป็นเตียง 5 ฟุต ก็สามารถวางได้นะคะ แต่จะทำให้ห้องแคบมากๆ มีทางเดินเหลือนิดหน่อย ผนังทั้ง 2 ด้านมีช่องเปิดสำหรับถ่ายเทอากาศได้สะดวก
ผนังอีกด้านมีพื้นที่สำหรับตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ
ต่อมาเป็นห้องน้ำที่อยู่บนชั้น 2 ด้านนอก ห้องน้ำผนังสีขาวแตกต่างจาก 2 ห้องก่อน ก่อเคาน์เตอร์สำหรับวางของ และกระจกเงาขนาดใหญ่ที่ยาวไปสุดผนัง
อ่างล้างมือแบบลอยตัว แตกต่างกับ 2 ห้องน้ำก่อน มีขนาดอ่างใหญ่กว่าแต่ไม่มีพื้นที่วางของข้างเคียงได้
บริเวณอาบน้ำใช้ฝักบัวแบบเดียวกัน เซตผนังเข้าเพื่อวางของและปูกระเบื้องสีเข้มตกแต่งด้านใน มีหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับรับแสงธรรมชาติและระบายอากาศ
พื้นที่ห้องน้ำลดระดับลงมาเล็กน้อย ขนาดเล็กกว่าห้องน้ำห้องอื่นๆ มีขนาดประมาณ 1.10 x 1.10 เมตร
สำหรับบ้านแบบ Theater มีขนาดเล็กกว่าแบบ Courtyard โดยมีที่ดินเริ่มต้นที่ 67 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 213 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อนชั้นบน 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 8.79 ล้านบาท
การวางฟังก์ชันหลักๆ จะคล้ายคลึงกับแบบ Courtyard เลยค่ะ แต่ไม่มีห้องแม่บ้านที่อยู่ด้านหลังบ้านเท่านั้น
สำหรับบ้านนี้เราจะพาไปเปรียบเทียบกับบ้านจริงกันนะคะ จะเป็นอย่างไรนั้นตามไปดูกันค่ะ ^^
มาที่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวของส่วนกลางนะคะ จะเห็นว่าทางโครงการปลูกต้นไม้ใหญ่ ปูหญ้าและปลูกไม้พุ่มให้ ทำให้บริเวณหน้าบ้านดูเขียวชะอุ่มมากขึ้น
ประตูบานเลื่อนหน้าบ้านจริง เป็นประตูเลื่อนเก็บเข้าข้างๆทั่วไปตอนเดียว เป็นแบบไม่อัตโนมัติ แต่ว่าเดินสายไฟไว้ให้เผื่อการทำประตูเลื่อนอัตโนมัติ แค่ซื้อเครื่องให้ช่างมาติดตั้ง ความสูงของรั้วบ้านแต่ละหลังอยู่ที่ 1.5 เมตร ประตูหน้าบ้านเป็นแบบซี่โปร่งๆ ทั้งความสูงและรูปแบบไม่ได้เน้นในเรื่องความเป็นส่วนตัวมากนัก แต่จะเน้นการกั้นพื้นที่และความสบายตาเป็นหลัก แต่ไม่มีไม่มีประตูเล็กเข้า – ออกของคนเดิน
ลักษณะตู้จดหมายข้างรั้ว
ด้านล่างคือถังขยะที่จะเปิดได้จากด้านนอกแต่ตัวถังจะอยู่ในพื้นที่บ้าน และตรงพื้นหญ้าหน้าบ้านคือมิเตอร์น้ำ
อีกฝั่งหนึ่งของรั้วบ้านคือกริ่งกดออดและโคมไฟด้านบน
ที่เก็บขยะมองจากภายในบ้าน สามารถทิ้งขยะได้จากในบ้าน โดยไม่ต้องเดินออกไปทิ้งที่หน้าบ้าน
พื้นที่จอดรถสามารถจอดได้ 2 คัน และมีขนาดความกว้าง 5 เมตร ลึก 5.5 เมตร เช่นเดียวกันกับบ้านแบบแรก ซึ่งทางโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ
จะพาไปดูรอบๆบ้านกันก่อนนะคะ เร่ิมจากหันไปทางซ้าย ที่เป็นส่วนหน้าบ้านตรงทางเข้าห้องรับแขก บ้านมาตรฐานที่ขายจริงจะมีการจัดสวนปูหญ้าและทางเดินให้ค่ะ
ด้านข้างในบ้านตัวอย่างจะมีการทำเฉลียงออกมาด้านข้าง ซึ่งในบ้านจริงจะปูหญ้าและทางเดินให้ แต่แนะนำให้ลูกบ้านทำเฉลียงหรือขั้นบันไดเพิ่มนะคะ จะช่วยให้ง่ายต่อการเข้า – ออกภายในบ้านมากขึ้น เพราะระดับพื้นบ้านและระดับพื้นดินค่อนข้างสูงประมาณ 40 เซนติเมตร
ด้านหลังบ้านปูพื้นหญ้าและทางเดินให้เช่นเดียวกันกับบ้านเเรก
ด้านบนเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ของชั้น 2
ในส่วนของลานซักล้างปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าพร้อมติดตั้งท่อน้ำดีและปลั๊กไฟกันน้ำ ส่วนข้างๆก็จะเป็นปั้มน้ำและถังเก็บน้ำที่ติดตั้งมาให้เรียบร้อย
ในด้านนี้ตกแต่งสวนเหมือนกัน และสำหรับรั้วข้างบ้านเป็นกำแพงทึบสูง 1.70 เมตร
หน้าบ้านเป็นเฉลียงทางเข้าสำหรับวางชั้นวางรองเท้า ด้านข้างมีสัญญาณกันขโมยเช่นเดียวกับบ้านหลังแรก ประตูทางเข้าเป็นประตูบานเลื่อนที่สามารถเลื่อนได้จากทางขวาเพียงด้านเดียว
เปิดประตูบานเลื่อนบ้านมาตรฐานเข้ามาก็จะเจอกับพื้นที่ต่อเนื่องเข้าไปจนสุดประตูบานเลื่อนที่ออกไปยังหลังบ้านได้ ลักษณะเหมือนกันกับบ้านหลังแรก ในส่วนของภายในบ้านมาตรฐานนั้นจะได้เป็นดวงโคมดาวน์ไลท์ทรงกลม
พื้นที่รับประทานอาหาร มีขนาดกว้างขวางสามารถจัดโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ได้สบายๆ ประตูบานเลื่อนทั้ง 2 ด้านสามารถเปิดเข้า – ออกไปยังภายนอกบ้านได้
ในโถงทางเดินแจกไปยังห้องต่างๆ ความกว้างของทางเดินประมาณ 1 เมตร
ภายในห้องนอน 4 ในบ้านมาตรฐานจัดไว้เป็นโซฟาขนาดใหญ่ ซึ่งจริงๆแล้วสามารถวางเตียงขนาด Single Bed ได้ สำหรับครอบครัวไหนมีผู้สูงอายุก็สามารถจัดเป็นห้องนอนได้ค่ะ
ถัดมาเป็นห้องอเนกประสงค์ สามารถเดินเข้า – ออกได้จากพื้นที่จอดรถ สามารถทำเป็นห้องทำงานได้ค่ะ และด้วยบริเวณห้องนี้เป็นห้องเปิด ไม่มีการกั้นประตูมาปิด ดังนั้นถ้าลูกบ้านเปิดแอร์ตรงโซนนี้อาจจะทำให้เปลืองแอร์นะ แนะนำว่าก่อผนังติดประตูจะดีกว่าค่ะ
ประตูบานเลื่อนกระจกครัวจะได้แบบนี้เลย เลื่อนด้วยระบบรางด้านบน ข้อดีคือไม่มีรางด้านล่างมากวนใจในการเดิน และการปูกระเบื้องต่อเนื่องได้เลยด้วย
เคาน์เตอร์ครัวในบ้านมาตรฐานจะแตกต่างกับบ้านตัวอย่าง ซึ่งบ้านมาตรฐานเคาท์เตอร์ท็อปจะเป็นหินแกรนิต รูปเป็นแบบตัว L เข้ามุม มีปูกระเบื้องด้านหลัง สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ด้านบนตรงผนังสามารถติดตู้หรือชั้นวางของได้ แต่ต้องอยู่ในระดับที่ไม่สูงจนเอื้อมไม่ถึงนะคะ
ตำแหน่งของการวางที่ดีน่าจะนำ Hob & Hood อยู่ใกล้หน้าต่างช่วยในการระบายกลิ่นและควัน มากกว่าวางอ่างล้างมือ บานประตูด้านล่างไม่ได้ให้มา แต่ว่าปกติแล้วจะตกแต่งเอาบานปิดเข้าไปด้วย เพื่อเก็บของหรือใส่เป็นชั้นวางของให้เรียบร้อย
ประตูจากครัวเปิดออกมาจะเจอกับลานซักล้างหลังบ้าน
ห้องน้ำอยู่ฝั่งตรงข้ามกับครัว แบ่งออกเป็นพื้นที่โซนแห้งและพื้นที่อาบน้ำ โดยห้องนอนด้านล่างสามารถอาบน้ำและใช้งานห้องนี้ได้เลยไม่ต้องขึ้นชั้นบน สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำทั้งหมดจาก Cotto อ้อ.. คนที่ใช้ห้องน้ำนี่รวมไปถึงแขกของบ้านด้วยนะคะ เพราะชั้นล่างมีห้องน้ำเพียงห้องเดียว
พื้นที่อาบน้ำลดระดับลงมาเล็กน้อย ด้วยความกว้างประมาณ 1.4 เมตรนั้นสามารถทำฉากกั้นกระจก เพื่อกันน้ำไหลเลอะเทอะออกด้านนอกได้
ขนาดฝักบัวสายอ่อนจาก Cotto มีขนาดพอดีมือเลยค่ะ
กลับมาที่บันไดกลางบ้าน ข้างบันไดมีห้องเก็บของใต้บันไดอยู่ทางซ้าย ตัวบันไดกว้าง 1 เมตร ราวบันไดเป็นวัสดุเหล็กพ่นสีดำ
วัสดุปูพื้นบันไดเป็นไม้สำเร็จรูป เฉดสีใกล้กับพื้นชั้น 2
บันไดมีลักษณะเช่นเดียวกับบ้านหลังแรก มีชานพักเดินง่ายและปลอดภัย
กระจกบริเวณโถงบันไดเหมือนกับบ้านหลักแรก มีบานกระทุ้งให้มาเล็กๆด้านล่างขวา ช่วยระบายอากาศได้เล็กน้อย
ถัดมาเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ทำเป็นพื้นที่ดูทีวีเหมือนบ้านตัวอย่างก็ได้ หรือจะเป็นพื้นที่ทำงาน และถ้าอยากได้ห้องนอนเด็กเล็กๆเพิ่ม ก็กั้นผนังและประตูได้นะคะ
เข้ามาในส่วนของห้องนอนใหญ่
ขนาดของห้องนอนใหญ่สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุดได้สบายๆ มีช่องเปิดค่อนข้างเยอะ ช่วยให้อากาศภายในห้องถ่ายเทได้ดี
ด้านตรงข้ามเตียงจัดให้เป็นที่วางทีวี ซึ่งระยะห่างระหว่างทีวีแต่หัวเตียงนั้นสามารถติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ได้สบายๆเลยค่ะ สามารถก่อขึ้นมาเป็นชั้นวางของเต็มฝั่งเลย แล้วมีทีวีตั้งอยู่ตรงกลาง หรือว่าจะซื้อแบบติดผนังก็ได้
ในส่วนของ Walk in Closet นั้น ไม่ได้กั้นผนังเบาขึ้นมาให้เป็นสัดส่วน ลูกบ้านสามารถนำตู้ Built in มาติดอีกที
เดินเข้ามาใน Walk-in Closet ซ้ายมือจะมีห้องน้ำภายในตัวของห้องนอนใหญ่ พื้นที่ภายในห้องน้ำแยกโซนเปียกแห้งเป็นสัดส่วนดี รูปร่างเป็นแบบรูปตัว L เหมือนเดิม มีช่องระบายอากาศอยู่ใกล้กับโถสุขภัณฑ์
พื้นห้องน้ำแบ่งออกเป็น 2 ระดับคือ ระดับพื้นห้องน้ำลดระดับจากพื้นชั้น 2 ลงมาประมาณ 7 เซนติเมตร และลดเพิ่มอีกนิดหน่อยตรงบริเวณพื้นที่อาบน้ำ
พื้นที่ระเบียงที่มีความกว้าง 1 เมตร ในบ้านมาตรฐานจะปูกระเบื้องเซรามิกสีเทาให้
ออกมาจากประตูห้องนอน จะเจอโถงทางเดินบนชั้น 2 แจกไปยังห้องนอนกลาง, ห้องนอนเล็ก และห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันอยู่หลังบ้าน ด้านข้างมีสัญญาณกันขโมยจะดังติ้ดๆ ถ้ามีใครเปิดประตู หรือหน้าต่าง
ภายในห้องนอน 2 หรือห้องนอนขนาดกลางที่อยู่ส่วนหน้าบ้าน สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ มีทางเดินเหลือข้างนิดหน่อย ทั้ง 2 ด้านมีหน้าต่างช่วยให้ลมถ่ายเทได้ดี
ด้านหลังเป็นผนังทึบสำหรับวางตู้เสื้อผ้า หรือจะทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง
ในส่วนของห้องนอน 3 หรือห้องนอนส่วนข้างบ้าน วางเตียงได้ขนาดเล็กหน่อยคือแบบ Single Bed เตียงชิดผนังไม่มีทางเดินด้านนึง ช่องแสงรอบตัวบ้านเหมือนเดิม อย่าลืมติดม่านด้วยนะคะ
ห้องน้ำที่อยู่บนชั้น 2 จะถูกใช้ร่วมกันของเจ้าของห้องนอน 2 และ 3 ใช้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำจาก Cotto เช่นเดียวกันกับห้องน้ำชั้นล่าง มีกระจกเงาและก่อผนังเคาน์เตอร์ยาวไปถึงผนัง
อ่างล้างมือมีลักษณะที่แตกต่างไปจากห้องน้ำอื่น โดยอ่างล้างมือนี้มีพื้นที่ล้างมือกว้างกว่าห้องอื่นๆ
พื้นที่อาบน้ำแนะนำให้ติดฉากกั้นกระจกช่วยให้น้ำไม่เลอะเทอะออกมาภายนอกได้ค่ะ
อีกบ้านตัวอย่างคือแบบ Escape ที่มีจำนวนมากที่สุดและขนาดเล็กสุดของโครงการนี้ค่ะ มีขนาดที่ดินเริ่มต้น 50.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 183 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อนชั้นบน 2 ที่จอดรถ ด้วยราคาเริ่มต้น 6.59 ล้านบาท ที่โครงการมีบ้านตัวอย่างให้เยี่ยมชม สามารถเข้าไปแวะดูกันได้ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 16 September 2015
- แบบ Theater ยูนิต B02 พื้นที่ใช้สอย 213 ตร.ม. ที่ดิน 69.3 ตร.วา ราคา 8.79 ล้านบาทหรือ 126,800 บาท/ตร.วา
- แบบ Theater ยูนิต B12 พื้นที่ใช้สอย 213 ตร.ม. ที่ดิน 70.7 ตร.วา ราคา 8.89 ล้านบาทหรือ 125,700 บาท/ตร.วา
- แบบ Courtyard ยูนิต B11 พื้นที่ใช้สอย 232 ตร.ม. ที่ดิน 70.7 ตร.วา ราคา 9.19 ล้านบาทหรือ 130,000 บาท/ตร.วา
- แบบ Courtyard ยูนิต B03 พื้นที่ใช้สอย 232 ตร.ม. ที่ดิน 71.6 ตร.วา ราคา 9.29 ล้านบาทหรือ 129,700 บาท/ตร.วา
- จองและทำสัญญา 50,000 + 414,500 บาท
- ดาวน์ 5%
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 80,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 52 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง 1% กรณีลูกค้ากู้ธนาคาร
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลของ Life Bangkok Boulevard รามอินทรา 65 ตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 65 แยก 2 ลึกเข้าไปในซอยประมาณ 1.2 กิโลเมตร จากถนนใหญ่ รามอินทรา ภายในซอยมีมีความกว้างถนน 4 เลน สามารถทะลุถนนวัชรพลหรือสุขาภิบาล 5 ทำให้การเดินทางเข้าถึงโครงการสะดวก แต่เมื่อเลี้ยวเข้าแยก 2 จะเป็นถนน 2 เลนเล็กๆ สวนทางกัน ซึ่งจะเดินทางลำบากหน่อย
ความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้มีอยู่เยอะพอสมควร โดยจะมีตลาดอยู่หลายจุด และ มีร้านค้า เรียงกันไปตามแนวถนน และมี Hyper market อย่าง Big C, Tesco Lotus, Food Land มีคอมมูนิตี้ มอลล์ เช่น The Walk, Plearnary Mall และศูนย์การค้าอย่าง Fashion Island , The Promenade และ เซ็นทรัล รามอินทรา มาเปิดให้คนย่านนี้ได้ใช้กัน
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นสะดวกทีเดียวค่ะ เพราะทำเลของโครงการสามารถเดินทางได้หลากหลาย ด้วยถนนรามอินทรานั้นเชื่อมกับถนนสำคัญๆได้หลายสาย เช่น ถนนวิภาวดี – รังสิต, ถนนพหลโยธิน, ถนนลาดปลาเค้า, ถนนวัชรพล, ถนนนวมินทร์ และสะดวกมากกับคนที่เดินทางด้วยทางด่วนอย่างรามอินทรา – อาจณรงค์ ที่มีจุดขึ้น – ลง ทางด่วนทั้งขาออก และ ขาเข้าไม่ไกลมากนัก รวมทั้งวงแหวนรอบนอกก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่เชื่อมเข้าบางนาหรือบางปะอินได้ ทำให้มีทางหลีกเลี่ยงการจราจรที่คับคั่งสุดๆของถนนรามอินทรา, ประดิษฐ์มนูธรรม และประเสริฐมนูกิจ พอสมควรค่ะ
สำหรับการเดินทางแบบไม่ใช้รถยนต์นั้น อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่นัก เนื่องจากโครงการอยู่ค่อนข้างลึกไม่จัดอยู่ในระยะการเดินด้วยระยะห่างประมาณ 1.2 กิโลเมตรจากถนนหลัก รวมทั้งภายในแยกนั้นค่อนข้างเปลี่ยว แต่ยังดีที่บริเวณหน้าปากซอยรามอินทรา 65 ก็มีพี่วินมอเตอร์ไซต์คอยในบริการอยู่ตลอดค่ะ
วัสดุของโครงการ ผนังเป็นแบบฉาบปูนเรียบ Wallpaper ทั้งหลัง พื้นชั้นล่างได้เป็น กระเบื้องแกรนิตโต้สีอ่อนขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ส่วนชั้นบนที่เป็นส่วนนั่งเล่นและห้องนอนพื้นจะได้พื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร พื้นระเบียงและพื้น-ผนังภายในห้องน้ำจะได้กระเบื้องเซรามิกขนาดต่างๆกันไปปูถึงฝ้าเพดาน หน้าต่างและประตูบานเลื่อนเป็นกระจกสีเขียวตัดแสง กรอบอลูมิเนียมสีดำ ชุดสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำของ Cotto ไฟในบ้านส่วนใหญ่เป็นแบบดาวน์ไลท์ทรงกลมทั้งหลัง
การออกแบบโครงการถือว่าทำออกมาได้ดี ด้วยโครงการขนาดกลางที่มีจำนวนยูนิต 152 ยูนิต ไม่หนาแน่น ในแต่ละซอยมีจำนวนยูนิตมากสุดคือ 10 ยูนิต ทำให้ภายในซอยไม่พลุกพล่านและเป็นส่วนตัวดี ถนนหลักกว้าง 12 ม. ส่วนซอยย่อยกว้าง 9 ม. สภาพโครงการเรียบร้อยค่อนข้างเรียบร้อยดีและมีการปลูกไม้ยืนต้นและไม้พุ่มเป็นพื้นที่สีเขียวบริเวณรอบข้างถนน ระบบรักษาความปลอดภัยเป็นแบบ Double Gate Security โดยรถลูกบ้านจะสามารถเข้าออกแบบบัตรผ่านระยะใกล้ ส่วนแขกลูกบ้านจะต้องแลกบัตรและได้รับแสตมป์จากลูกบ้านเป็นคันๆไป มีกล้อง CCTV ทั้งหมด 41 จุด วางทั่วทั้งโครงการ บ้านทุกหลังได้ระบบกันขโมยระบบ Magnetic & Shock Sensor มี Club House ตั้งอยู่ที่ด้านหน้า ทำให้คนที่อยู่หลังโครงการเข้าถึงยาก มีระยะที่เดินสาหัสอยู่เหมือนกัน แต่ก็มีส่วนสวนสาธารณะอยู่ที่ตรงกึ่งกลางโครงการ 2 จุด ที่สามารถพักผ่อนเดินเล่นได้ค่ะ
บ้านทั้งหมดมี 5 แบบ สำหรับแบบบ้าน Theater และ Courtyard นั้นเป็นบ้านขนาดใหญ่สุด เหมาะกับครอบครัวกลาง – ใหญ่ ผังบ้านเป็นแบบหน้ากว้าง การออกแบบฟังก์ชันห้องต่างๆคล้ายเคียงกันมาก ด้านล่างมีห้องนอนเพิ่มขึ้นมา เหมาะกับอยู่เป็นแบบครอบครัวใหญ่ มีผู้สูงอายุอยู่ด้วย แต่สำหรับห้องนอนชั้นล่างที่ติดกับพื้นที่จอดรถนั้น อาจจะรู้สึกขาดความเป็นส่วนตัวมากไปหน่อย มี 2 ห้องอเนกประสงค์ที่ชั้นล่างและชั้นบน สามารถจัดพื้นที่ได้ตามความต้องการไม่ว่าจะเป็นทั้งห้องอ่านหนังสือ ห้องทำงานหรือห้องงานอดิเรก มีพื้นที่โดยรอบบ้านเป็นพื้นที่สีเขียวอยู่พอสมควร
สาธารณูปโภคของที่นี่ให้มาครบ ทั้งสวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ และห้อง Fitness ซึ่งห้อง Fitness อาจจะเล็กไปหน่อยถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตของโครงการ และสระว่ายน้ำที่ให้พื้นที่มาไม่เยอะนัก เอาไว้สำหรับเล่นน้ำมากกว่าการออกกำลังกายแบบจริงจัง รวมทั้งการเสียค่าใช้จ่ายในการใช้งานส่วนกลางด้วย
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 6.5 – 10 ล้านบาท, 16 September 2015
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.75/10 – ใกล้ทางด่วน ศูนย์การค้า แต่ทางในซอยลึก
- ความปลอดภัย 8.25/10 – Double Security Gate, CCTV 41 จุด, รั้วรอบโครงการรวม 3 เมตร,ตัวบ้านมีสัญญาณกันขโมยทุกหลัง
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – บ้านหลังใหญ่หน้ากว้าง ตัดคะแนนห้องนอนชั้นล่างที่ติดกับพื้นที่จอดรถไม่เป็นส่วนตัว
- วัสดุ 7.75/10 – มาตรฐานของระดับนี้ ได้ Pantry ครัวและ Sink
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.25/10 – มีพื้นที่สีเขียวรอบข้างถนน, ถนนใหญ่
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – Clubhouse สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ ให้มาครบแต่ขนาดเล็กไปหน่อย
- 7.77 / 10.00
BOTTOM LINE
Life Bangkok Boulevard รามอินทรา 65 ถือว่าเป็นโครงการบ้านเดี่ยวขนาดกลาง เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง – ใหญ่ และทำงานบนย่านรามอินทรา เน้นการใช้ทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ หรือ วงแหวนรอบนอก เป็นหลัก มีกำลังทรัพย์ประมาณ 6.5 – 10 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 46,000 – 74,000 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )