รีวิวโครงการ
บ้านเดี่ยว เพื่อนบ้าน 83 หลัง ราคา 8-12 ล้าน | CHERENE กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า | คิดเรื่องอยู่ EP.701
15 มิถุนายน 2023
รีวิวฉบับที่ 2514 จะพาไปชม CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า บ้านเดี่ยวโครงการใหม่ติดถนนร่มเกล้า ได้พื้นที่ใช้สอยเยอะ จาก PEACE & LIVING หากใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยว 4 ห้องนอน ใกล้ถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท ต้องห้ามพลาดเลยนะคะ สำหรับ Highlights ที่น่าสนใจ เราได้รวบรวมมาให้ชมกันแล้วดังนี้
- ทำเล : โครงการอยู่ติดถนนร่มเกล้า ซึ่งก็เป็นถนนหลักที่วิ่งเชื่อมต่อไปยังถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ได้ ใกล้ทางด่วนและมอเตอร์เวย์ เข้าเมืองไปฝั่งพระราม 9 ง่าย หรือมุ่งหน้าไปตามถนนร่มเกล้า ก็ทะลุไปออกมีนบุรีได้ ซึ่งจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูให้เลือกใช้บริการ จึงจัดเป็นทำเลที่เดินทางเข้า – ออกเมืองได้สะดวกสบายเลยค่ะ
- บ้านฟังก์ชันใหญ่ : ขนาดบ้านในโครงการ CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า จะอยู่ที่ 194 – 302 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้น 8 – 12 ล้านบาท* ซึ่งถือว่าได้พื้นที่ใช้สอยเยอะมาก เมื่อเทียบกับโครงการบนทำเลเดียวกัน และแบบบ้านทุกแบบได้ห้องนอนที่ชั้นล่าง เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกเยอะ หรือมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยค่ะ
- ยูนิตน้อย ได้ความเป็นส่วนตัว : จำนวนบ้านในโครงการมี 83 ยูนิต จัดว่าค่อนข้างน้อยเลยนะคะ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมาก เพื่อนบ้านในแต่ละซอยก็มีเพียง 4 – 6 หลังเท่านั้น และในการจัดผัง ยังมีบ้านที่ไม่หันหน้าชนกับใครอีกด้วย สำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบ โครงการนี้ก็ตอบโจทย์ทีเดียวค่ะ
ข้อมูลโครงการ
CHERENE Krungthepkreetha – Romklao (CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า) ณ วันที่ 9 มีนาคม 2566
ชื่อโครงการ | CHERENE Krungthepkreetha – Romklao (CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนร่มเกล้า (ระหว่างซอย 32-34) เขตลาดกระบัง |
ที่ดิน | 20-1-91.4 ไร่ |
จำนวนยูนิต | จำนวน 83 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.70 เมตร |
ช่วงราคา | 8 – 12 ล้านบาท* |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | ประมาณ 110,000 บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2565 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2567 |
เว็บไซต์โครงการ | คลิกที่นี่ |
โทร | 089-202-7838 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.761694, 100.746112
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการแสดงตำแหน่งของ CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า โดยที่ตั้งจะอยู่ติดกับถนนร่มเกล้า ระหว่างซอย 32 – 34 ซึ่งถนนร่มเกล้าสามารถเชื่อมต่อไปถนนอ่อนนุช – ลาดกระบัง , ถนนรามคำแหงและถนนมอเตอร์เวย์เพื่อเข้าเมืองไปยังพระราม 9 ได้ง่าย และถนนอีกเส้นที่สำคัญคือ กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ หรือถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า เป็นถนน 8 เลนที่เชื่อม 2 โซนเข้าด้วยกันตามชื่อ ทำให้เดินทางได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
ใกล้กับโครงการมี Airport Rail Link สถานีลาดกระบัง ซึ่งเป็นอีกตัวเลือกที่ใช้เดินทางเข้า – ออกเมืองได้ ข้ามไปฝั่งมีนบุรีก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มและสีชมพูให้ใช้บริการ โดยจะมีอาคารจอดรถ เหมาะกับคนที่อยากเลี่ยงปัญหาการจราจร แล้วเปลี่ยนไปใช้รถสาธารณะในการเดินทาง สำหรับคนที่ทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ในโซนร่มเกล้า ก็ถือว่าเป็นทำเลที่สะดวกสบายมาก เพราะมีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลายทีเดียวค่ะ
ระยะทางจากโครงการประมาณ 6.7 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุด Interchange ที่สถานีมีนบุรี เชื่อมต่อไปโซนแครายก็ได้ หรือจะใช้สายสีส้มไปเชื่อมต่อกับ MRT สายสีน้ำเงินเพื่อเข้าเมืองก็ได้
ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ ที่ตั้งโครงการ CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า จัดอยู่ในทำเลโซนร่มเกล้า ซึ่งปัจจุบันมีการเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะถนนใหญ่ที่เพิ่งตัดใหม่ มี Community Mall และร้านค้าเปิดกันหนาแน่นขึ้น ทั้งยังใกล้กับโรงเรียนชื่อดังหลายแห่ง รวมถึงโรงเรียนนานาชาติ ใกล้กับแหล่งงานอย่างนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ปัจจุบันจึงมีโครงการบ้านจัดสรรมาเกิดขึ้นค่อนข้างเยอะ ซึ่งจุดเด่นของถนนร่มเกล้า คือเป็นถนนที่เชื่อมต่อไปยังโซนต่างๆได้ง่าย เราจึงขอสรุปย่านที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่างๆไว้ดังนี้
- ถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า หรือถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ อยู่ห่างจากตัวโครงการประมาณ 600 เมตร โดยเป็นถนนเส้นใหญ่ที่เชื่อมโซนศรีนครินทร์และร่มเกล้าเข้าไว้ด้วยกัน จึงจัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์สูง มีความคึกคักตลอดเส้นทาง เพราะมีห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมันและ Community Mall ขนาดใหญ่หลายแห่งให้เลือกจับจ่ายค่ะ
- ถนนรามคำแหง : เป็นถนนเส้นหลักที่รวบรวมแหล่งจับจ่ายใช้สอยไว้อย่างหลากหลาย มีห้างสรรพสินค้าอย่าง Big C , Tesco Lotus , HomePro ให้เลือกซื้อของเข้าบ้าน และยังมีตลาดหลายแห่ง ถือว่าออกมาหาของกินได้ง่ายเลยค่ะ
- เคหะร่มเกล้า – ถนนร่มเกล้า : โซนร่มเกล้าเองก็จัดเป็นย่านชุมชนเดิม แต่ความคึกคักอาจจะไม่เท่าภายในซอยอย่างชุมชนเคหะ ที่จะมีตลาดขนาดใหญ่ ร้านอาหาร และ Hypermarket กระจายตัวอยู่ค่อนข้างเยอะ ทั้งยังมีสวนสาธารณะ ให้มาวิ่งออกกำลังกายกันได้อีกด้วย
- ถนนอ่อนนุช – ลาดกระบัง : ขยับออกมาที่โซนอ่อนนุช – ลาดกระบัง เป็นย่านที่มีความคึกคักสูง มีห้าง , ร้านอาหาร และ Community Mall อยู่หลายแห่ง อย่าง Robinson ลาดกระบัง , The Paseo ลาดกระบัง จัดเป็น Landmark สำคัญของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้เลยค่ะ
โดยรวมแล้วทำเลของโครงการ CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า จัดเป็นย่านที่ครบครันเหมาะกับการอยู่อาศัย ทั้งการเดินทางที่สะดวกสบาย มีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ใกล้แหล่งคมนาคม และมีความอุดมสมบูรณ์สูงค่ะ
สำหรับการเดินทางเข้าสู่โครงการ สามารถใช้ได้หลายเส้นทาง เพราะอยู่ติดกับถนนร่มเกล้า ซึ่งถนนหลักที่ใช้เดินทางเข้า – ออกเมืองได้อย่างสะดวกคือ ถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า หรือถนนกรุงเทพกรีฑา – ตัดใหม่ อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 600 เมตร และบนถนนร่มเกล้าเองก็มีทางกลับรถที่อยู่ไม่ไกลจากหน้าโครงการด้วยค่ะ
โดยการเดินทางวันนี้ เราจะเน้นความคล่องตัวด้วยทางพิเศษฉลองรัช ที่สามารถไปเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์กรุงเทพ – ชลบุรีได้ สำหรับคนที่ทำงานในเมือง ทางด่วนก็ถือว่าเป็นตัวเลือกสำคัญในการเดินทางเลยนะคะ ซึ่งจากบนทางด่วนเราจะมองเห็นป้ายถนนร่มเกล้าได้อย่างชัดเจน ทำให้การเดินทางค่อนข้างสะดวกสบายทีเดียว
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
โครงการ CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า อยู่ระหว่างซอย 32 – 34 บนถนนร่มเกล้า ติดกับโครงการจะเป็นบริษัทและอาคารเก็บสินค้า ซึ่งจะอยู่บริเวณถนนทางเข้า จึงไม่รบกวนส่วนพักอาศัย โดยรอบๆโครงการส่วนใหญ่เป็นย่านชุมชนดั้งเดิมอยู่แล้ว จึงมีที่พักอาศัยแนวราบและอาคารพาณิชย์อยู่ค่อนข้างเยอะ แต่ยังดูไม่พลุกพล่านมาก เหมาะกับการอยู่อาศัยค่ะ
- ทิศเหนือ ติดกับสำนักงานและอาคารสูง 2 – 4 ชั้น
- ทิศใต้ ติดกับสำนักงานสูง 2 – 4 ชั้น
- ทิศตะวันออก ติดกับถนนร่มเกล้า ทางเข้า – ออกโครงการ
- ทิศตะวันตก ติดกับคลองต้นนุน ฝั่งตรงข้ามเป็นที่พักอาศัย
ภาพบรรยากาศบริเวณหน้าถนนร่มเกล้า
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Big C Food Place เคหะร่มเกล้า ~ 4.9 กิโลเมตร
- Big C ร่มเกล้า ~ 5.6 กิโลเมตร
- ไทวัสดุ สุขาภิบาล 3 ~ 5.9 กิโลเมตร
- Lotus’s มีนบุรี ~ 7.5 กิโลเมตร
- The Paseo Mall ลาดกระบัง ~ 8.6 กิโลเมตร
- Robinson Lifestyle ลาดกระบัง ~ 9.0 กิโลเมตร
- The Park กรุงเทพกรีฑา ~ 12.6 กิโลเมตร
- สัมมากร เพลส รามคำแหง ~ 13.5 กิโลเมตร
- Market Place กรุงเทพกรีฑา ~ 14.1 กิโลเมตร
- The Promenade / Fashion Island ~ 15.6 กิโลเมตร
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลสิรินธร ~ 13.0 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ ~ 13.7 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสินแพทย์ ~ 15.3 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 16.5 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลวิภาราม ~ 16.6 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลรามคำแหง ~ 16.8 กิโลเมตร
โรงเรียน
- โรงเรียนเทพศิรินทร์ ร่มเกล้า ~ 5.4 กิโลเมตร
- โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ ร่มเกล้า ~ 7.6 กิโลเมตร
- โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ~ 11.6 กิโลเมตร
- Wellington College International School ~ 12.2 กิโลเมตร
- Brighton College Bangkok ~ 15.0 กิโลเมตร
- The International Montessori Center ~ 16.3 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หัวหมาก ~ 16.4 กิโลเมตร
- โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ~ 17.2 กิโลเมตร
- Ramkhamhaeng Advent International School ~ 17.3 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยรามคำแหง ~ 17.7 กิโลเมตร
การเดินทาง
- ทางพิเศษศรีรัช ~ 6.0 กิโลเมตร
- Airport Link สถานี ลาดกระบัง ~ 6.0 กิโลเมตร
- รถไฟฟ้าสายสีชมพูสถานีมีนบุรี ~ 6.7 กิโลเมตร
- สนามบินสุวรรณภูมิ ~ 9.4 กิโลเมตร
รายละเอียดโครงการ
CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 4 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 8 – 12 ล้านบาท* บนทำเลติดถนนใหญ่ (ร่มเกล้า) ซึ่งก็ถือว่าได้จุดเด่นในเรื่องการเดินทางที่สะดวกสบายมาก เมื่อเทียบกับโครงการละแวกเดียวกันที่ต้องเลี้ยวเข้าซอยไปอีกค่อนข้างไกล แต่ถึงโครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่ ก็ยังได้ความเป็นส่วนตัว เพราะส่วนพักอาศัยที่ร่นเข้ามาจากซุ้มประตูทางเข้าอีกประมาณ 200 เมตร ช่วยลดความพลุกพล่านและเสียงรบกวนจากด้านนอกได้ ส่วนในโครงการมีเพื่อนบ้านเพียง 83 ยูนิตเท่านั้น เหมาะกับคนที่ชอบความสงบและเป็นส่วนตัวค่ะ
สำหรับรายละเอียดของโครงการ CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า จะเป็นยังไงบ้าง ไปชมบรรยากาศภายในกันได้เลย
เริ่มจาก Master Plan โครงการ จะแสดงให้เห็นการจัดผังส่วนพักอาศัย และพื้นที่ส่วนกลางด้านหน้าโครงการ ประกอบด้วย Clubhouse 2 ชั้น สระว่ายน้ำ และสวนหย่อมพร้อมอุปกรณ์เครื่องเล่นสำหรับเด็ก รองรับลูกบ้านจำนวน 83 ยูนิตได้แบบสบายๆ และมี Jogging Track มาให้ที่บริเวณทางเข้าโครงการอีกด้วย
สำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว จะแนะนำบ้านโซนริมที่ติดกับถนนหลัก นอกจากหน้าบ้านจะไม่ชนกับคนอื่นแล้ว ยังหันหน้าไปทางทิศเหนือ ทำให้หน้าบ้านไม่ร้อนอีกด้วย ซึ่งในโซนนี้จะเป็นบ้านขนาดเริ่มต้น หรือไซส์ S ทั้งหมด แต่หากใครอยากได้บ้านไซส์ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ก็จะเป็นหลังที่อยู่ในซอยแทน แต่ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อย ทำให้มีเพื่อนบ้านอยู่เพียงซอยละ 4 – 6 หลังเท่านั้นเอง จึงถือเป็นโครงการที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากค่ะ
ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ ได้แรงบันดาลใจมาจากปีกเครื่องบิน ซึ่งดึงเอกลักษณ์มาจากทำเลที่อยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ
ทางเข้า – ออกแยกเป็น 2 ฝั่งชัดเจน คั่นด้วยป้อมรปภ.ตรงกลาง ใช้ระบบ Key Card Access ระยะใกล้ ควบคู่กับไม้กั้นกระดกอัตโนมัติและกล้อง CCTV
บรรยากาศถนนทางเข้าภายในโครงการ
เมื่อผ่านประตูเข้ามาจะเป็นถนนเข้าสู่โครงการกว้างประมาณ 12 เมตร ซ้าย – ขวาเป็นรั้วทึบโดยรอบสูง 2.60 เมตร มีการวางพุ่มไม้ขนานไปตลอดแนวกำแพง เพื่อช่วยปรับทัศนียภาพ
แบบบ้าน Type M หน้าทางเข้า ติดกับสวน
พื้นที่ส่วนกลางจะอยู่บริเวณหน้าโครงการ ติดกับถนนหลักกว้างประมาณ 10 เมตร ใช้งานได้สะดวก หากใครชอบวิวสวน ก็สามารถเลือกบ้านในโซนนี้ได้ ซึ่งจะมีแบบ S และ M ให้เลือก
บรรยากาศภายในสวนหย่อม
สวนหย่อมในโครงการ แยกเป็นส่วนพื้นที่สีเขียวและทางเดินคอนกรีต ที่ลูกบ้านสามารถมาเดินออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย พร้อมกับเฝ้าเด็กๆที่มาเล่นเครื่องเล่นได้ค่ะ โดยต้นไม้ที่นำมาตกแต่งยังมีพวกต้นสนที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ยุโรปนิดๆ เข้ากับ Concept ของตัวบ้าน
ถัดเข้ามาจะเป็นอาคาร Clubhouse 2 ชั้น ออกแบบมาเป็นทรงกล่องดูเรียบง่าย เน้นการใช้กระจกแบบเต็มบาน เพื่อให้พื้นที่ภายในได้แสงจากธรรมชาติอย่างเต็มที่
บริเวณด้านหน้าจะมีฟังก์ชันหลักเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 5.0×12.0 เมตร แบ่งเป็นสระผู้ใหญ่และสระเด็กที่อยู่ภายในร่ม ได้ความลึกตามมาตรฐาน
เข้ามาด้านในอาคาร ส่วนทางเข้าจะได้เพดานสูงให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง ส่วนบันไดขึ้นชั้น 2 ปูด้วยกระเบื้อง ได้ขนาดค่อนข้างกว้าง ใช้งานสะดวก ภายในยังมีการทำช่องเปิดเป็นซุ้มโค้ง ดูกลมกลืนกับตัวบ้านด้านนอก
พื้นที่ใช้งานภายใน Clubhouse ชั้น 1
ชั้น 1 ยังมี Co – Working Space แบบ Semi outdoor มีประตูบานเฟี้ยมคั่น สามารถเปิด – ปิดได้ หากใครอยากนั่งพักผ่อนสบายๆ ก็มาใช้ฟังก์ชันด้านนอก นั่งชมวิวสวนและสระว่ายน้ำชิลๆ ส่วนด้านในติดตั้งเครื่องปรับอากาศมาให้ มีชุดโต๊ะ – เก้าอี้ที่ใช้นั่งทำงานได้สะดวก
พื้นที่ใช้งาน Fitness บริเวณชั้น 2
ส่วนชั้น 2 มีห้องที่รองรับการใช้งานได้หลากหลาย ในส่วนที่เรียบร้อยแล้วจะเป็น Fitness ที่จัดอุปกรณ์มาให้แบบครบครัน เอาใจสายออกกำลังกายค่ะ โดยในห้องยังมีตู้ Locker ไว้ให้เก็บของ และมีห้องน้ำชาย – หญิง แยกใช้งานในตัว
พื้นที่ด้านนอกติดกับโถงบันได ยังมีมุมระเบียงที่สามารถมานั่งเล่นสูดอากาศภายนอกได้ด้วยนะคะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse บริเวณหน้าโครงการประกอบไปด้วย
- Fitness
- Co – Working Space
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดประมาณ 5×12 เมตร ความลึกสระมาตรฐาน 1.20 เมตร และความลึกสระเด็ก 0.50 เมตร
- พื้นที่สวนภายในโครงการ ประมาณ 300 ตร.วา
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 4 จุด ประมาณ 70 ตร.วา
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 34 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 2.60 เมตร
- ทางเข้าโครงการถนนกว้าง 12 เมตร ถนนหลักกว้าง 10 เมตร และถนนซอยกว้าง 9 เมตร
- Key Card Access ระยะใกล้
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic Sensor
แบบบ้าน
โครงการ CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า เป็นบ้านเดี่ยวฟังก์ชันใหญ่ ได้ 4 ห้องนอนในราคาเริ่มต้นไม่เกิน 10 ล้านบาท บนทำเลติดถนนร่มเกล้า ซึ่งสามารถเดินทางไปเชื่อมต่อกับถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ หรือถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้าได้ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็เริ่มมีโครงการบ้านจัดสรรเกิดขึ้นหลากหลาย เมื่อเทียบกับโครงการ CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า จะมีจุดเด่นอยู่ที่พื้นที่ใช้สอยของบ้าน ที่ได้มาค่อนข้างเยอะ รองรับครอบครัวขนาด 3 – 4 คนได้แบบสบายๆ โดยรูปแบบบ้านจะมีให้เลือกดังต่อไปนี้
- Welation บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 194 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ - Welax บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 236 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ - Weliber บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 70 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 302 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
สำหรับราคาเริ่มต้นของบ้านจะอยู่ที่ 8 – 12 ล้านบาท* ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่าเมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่ได้เลยนะคะ และหากใครชอบบ้านที่ได้กลิ่นอายแบบยุโรป ดูอบอุ่นเรียบง่าย บ้านก็ออกแบบมาในสไตล์ Modern Uropean ได้หลังคาทรงจั่ว เหมาะกับครอบครัวที่อยู่ร่วมกันหลายเจเนอเรชั่นเลยค่ะ
สรุปวัสดุต่างๆ ในบ้าน
- หลังคาทรงจั่ว (ปูกระเบื้องซีแพคโมเนีย)
- Type S , M ก่อสร้างระบบ Precast , XL ระบบ Conventional
- พื้นส่วนที่จอดรถและลานซักล้างลงเข็มมาให้
- ใช้สี TOA Organic Care ปลอดภัยต่อผู้สูงอายุ ผู้มีปัญหาโรคภูมิแพ้และหอบหืด
- พื้นชั้น 1 : กระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร
- พื้นชั้น 2 : SPC หนา 4 มิลลิเมตร
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก COTTO
- บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้ยางพารา
เทคโนโลยีในบ้าน
- Digital Door Lock จำนวน 1 ตัวที่ประตูบ้าน
- IP Camera จำนวน 1 ตัวที่ชั้น 1 บริเวณโรงจอดรถ
- ระบบฟอกอากาศ Panasonic Nanoe X ติดตั้งให้ 2 จุด ที่ห้องนั่งเล่นและ Master Bedroom
- ระบบไฟ 1 เฟส (30/100) ที่ Type S , M และ (45/150) ที่ Type XL รองรับการติดตั้ง Ev Charger เพิ่มได้
- สัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic Sensor
แบบบ้าน Welation
เริ่มกันที่แบบบ้านขนาดเริ่มต้นของโครงการ พื้นที่ใช้สอย 194 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำและ 2 ที่จอดรถ ในราคาเริ่มต้นประมาณ 8 ล้านบาท* ซึ่งคาดว่าคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่มองหาบ้านบนทำเลนี้ ในราคาไม่เกิน 10 ล้าน สำหรับจุดเด่น เราขอสรุปออกมาเป็นข้อๆดังนี้
- ห้องนอนชั้นล่าง รองรับผู้สูงอายุ ในแบบบ้านทั้ง 3 Type จะได้ห้องนอนชั้นล่าง แต่ใน Type นี้ จะเน้นการออกแบบเพื่อรองรับผู้สูงอายุเป็นพิเศษ ทั้งขนาดห้องที่กว้างและการทำทางลาดที่ส่วนประตูทางเข้าห้องน้ำ รองรับการใช้งานรถเข็นได้สะดวก
- Courtyard และ Double Volume เป็นจุดเด่นที่ออกแบบมาเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ใช้งานในบ้าน ในส่วน Courtyard จะอยู่ติดกับส่วนรับประทานอาหาร สามารถต่อเติมออกไปเป็นเฉลียงนั่งเล่นได้ ส่วน Pantry จะได้ Double Volume ในช่วงเช้าที่คุณแม่กำลังเตรียมอาหาร ลูกๆก็สามารถมองเห็นได้จากชั้น 2
- ระเบียงบ้านขนาดใหญ่ ห้อง Master Bedroom จะได้แบบหน้ากว้าง พื้นที่พักผ่อนจะอยู่ถัดเข้าไปด้านใน ส่วนโถงอเนกประสงค์และส่วนแต่งตัวจะอยู่ด้านหน้าบ้าน มีประตูบานเลื่อนที่เปิดออกไปใช้งานระเบียงรูปตัว L ได้ สามารถจัดเป็นสวนหรือพื้นที่นั่งเล่นแบบจริงจังได้เลย
บ้านตัวอย่าง Welation ส่วนทางเข้าจะได้ซุ้มโค้งทรงสูง ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านในยุโรป เฉลียงด้านหน้าได้ระเบียงชั้นบนทำหน้าที่เป็นชายคาให้ด้วย ทำให้ไม่ต้องตากแดดหรือฝนเวลาเดินเข้า – ออก
ส่วนทางเข้าหลักของบ้าน
พื้นที่จอดรถของบ้านเป็นแบบในร่ม กว้างประมาณ 5.20 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คันแบบสบายๆ ระบบไฟเป็น 30/100 รองรับการติดตั้ง EV Charger ได้ ด้านหลังมีประตู Service เปิดเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวบ้านได้อีกทาง เพื่อความปลอดภัยโครงการก็ได้ติดตั้ง IP Camera มาให้ที่ส่วนจอดรถ 1 จุด
ส่วนบริเวณด้านข้างตัวบ้านเป็นลานซักล้าง เชื่อมต่อกับห้องครัว อีกฝั่งเป็นพื้นที่ Courtyard ต่อเติมออกมาเพื่อใช้งานได้ ด้านหลังจะเป็นพื้นที่สำหรับวางงานระบบ โดยทางโครงการจะปูหญ้ามาให้ สำหรับใครที่อยากตกแต่งเป็นพื้นที่สวนเพิ่ม
ส่วน Courtyard ออกแบบมาให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งถึงหลังคา โดยเป็นช่องที่ผนังถูกร่นระยะเข้าไปประมาณ 2.00 เมตร กว้าง 2.70 เมตร พื้นที่ Court จึงไม่โดนแดดโดยตรง เพราะได้เงาจากตัวบ้านด้านข้าง สามารถต่อเติมเป็นเฉลียงหรือห้องอเนกประสงค์เพิ่มได้เลย
ส่วนประตูทางเข้าในบ้าน Built - in เป็นตู้รองเท้าได้
ประตูทางเข้าบ้านเป็นบานทึบติดตั้งมาให้พร้อม Digital Door Lock จาก SAMSUNG และที่ประตู – หน้าต่างชั้น 1 ทุกบาน ยังได้ Magnetic Sensor มาด้วย
เมื่อเข้ามาในบ้านจะเจอกับส่วนนั่งเล่นเป็นอันดับแรก ซึ่งบริเวณหน้าบ้านนี้ก็ถือว่าได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นผนังทึบ ช่วยบังสายตาจากคนภายนอกได้ดี แต่ยังมีหน้าต่างบานเลื่อนกระจกติดตั้งมาให้ บรรยากาศภายในจึงยังดูโปร่งโล่ง
ซึ่งในส่วนนั่งเล่นนี้ ทางโครงการก็ได้ติดตั้งระบบฟอกอากาศมาให้ด้วยจาก Panasonic รุ่น Nanoe X ที่ช่วยยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อราในอากาศ กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในบ้าน และยังช่วยกรองฝุ่น PM2.5 ได้ด้วย ซึ่งก็ถือเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตสำหรับคนในเมืองทีเดียวค่ะ
พื้นที่ใช้งานภายในส่วนห้องนั่งเล่น
จากพื้นถึงฝ้าได้ความสูง 2.70 เมตร ส่วนประตูทางเข้ามีมุมที่สามารถจัดเป็นตู้เก็บของหรือตู้รองเท้าได้ก็ดูเหมาะสมดีค่ะ วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ 60×60 เซนติเมตร โทนสีขาวสบายตา ระยะจากโซฟาถึงหน้าทีวีกว้าง 3.90 เมตร ติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ 50″ ขึ้นไปได้เลย
ถัดเข้ามาที่ส่วนกลางบ้านจะเป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร สามารถวางโต๊ะพร้อมเก้าอี้ 4 ที่นั่งได้ ติดกันเป็น Pantry ที่บ้านตัวอย่างจัดมาให้เผื่อเป็นไอเดียสำหรับใครที่อยากแต่งบ้านนะคะ
Pantry จัดเป็นเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหารแบบเบาๆได้ และยังเหลือพื้นที่ตรงกลางให้วาง Island จัดเป็นมุมชงกาแฟหรือทำขนมทานได้ นอกจากนี้ยังมีครัวไทยด้านหลังตัวบ้าน สามารถกั้นประตูเพิ่ม เหมาะสำหรับไว้ทำอาหารที่มีกลิ่นแรงๆค่ะ
ส่วนครัวไทยด้านหลังตัวบ้าน
ส่วนครัวจะซื้อเคาน์เตอร์สำเร็จรูป หรือทำเป็นแบบ Built – in เข้ามุมผนัง ก็ทำให้ใช้งานได้เต็มที่ ภายในยังมีหน้าต่างไว้เปิดระบายกลิ่นได้ดี ส่วนซักล้างจะอยู่ด้านหลังตัวบ้าน มีประตูเปิดออกไปใช้งานได้จากด้านข้าง
ส่วนรับประทานอาหาร มองออกไปเห็น Courtyard
จากภายในบ้าน Courtyard จะตรงกับส่วนรับประทานอาหาร โดยมีประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ติดตั้งมาให้ สามารถทานอาหารไปชมวิวสวนไปได้แบบเต็มที่ หรือหากใครจะต่อเติมเป็นเฉลียงออกมา ก็จัดเป็นมุมจิบกาแฟยามเช้า ได้บรรยากาศไปอีกแบบนะคะ
สำหรับห้องนอนชั้นล่าง ในครอบครัวที่มีสมาชิกไม่เยอะ ใช้งานแค่ 3 ห้องนอนด้านบนก็เพียงพอ ยังสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามไลฟ์สไตล์ เช่น ห้องทำงานส่วนตัว ก็ตอบโจทย์ชาว WFH ในปัจจุบันทีเดียวค่ะ
ห้องนอนชั้นล่าง ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันเป็นห้องทำงานได้
ภายในห้องวางโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ได้ ด้านหลังยังจัดเป็นตู้เก็บของ เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน ส่วนตัวเราชอบที่ประตูห้องน้ำเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่ง โดยโครงการจะติดตั้งประตูบานเลื่อนแบบนี้มาให้เลย และส่วนพื้นยังทำเป็นทางลาด รองรับการใช้งานของผู้สูงอายุและผู้พิการ
ห้องน้ำจะมีฝักบัวติดตั้งมาให้ ส่วนพื้นจะไม่ได้แยกส่วนเปียกและส่วนแห้ง เพื่อให้ใช้งานรถเข็นได้สะดวก โดยประตูจะเปิดได้ทั้งจากในห้องนอนและส่วนรับประทานอาหาร เวลาผู้สูงอายุจะใช้งานห้องน้ำ ก็ไม่ต้องเดินอ้อมออกมาด้านนอก
ประตูบานเลื่อนเชื่อมต่อจากส่วนห้องนอน
อ่างล้างมือเป็นแบบแขวนกับผนังติดตั้งมาให้พร้อมก็อกน้ำจากยี่ห้อ COTTO โดยด้านหลังจะเป็น Low Wall ทำให้ได้พื้นที่ไว้วางของใช้อย่างแปรงสีฟัน หรือสบู่ล้างมือได้
ส่วนอาบน้ำมีการทำช่องไว้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้เช่นกัน ฝักบัวติดตั้งมาแบบ Hand Shower หยิบใช้งานสะดวก ส่วนโถสุขภัณฑ์ สายฉีดชำระ และที่ใส่กระดาษทิชชู่จากยี่ห้อ COTTO ค่ะ
โถงบันไดก็ถือเป็นอีกจุดเด่นของบ้าน ด้วยลักษณะที่เป็น Double Volume ครอบคลุมมาถึงส่วน Pantry ทำให้ทางเดินดูโปร่งโล่ง โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตปิดผิวด้วยไม้ยางพาราประสาน กว้าง 0.90 เมตร ลูกตั้งสูง 19 ลูกนอนกว้าง 28 เซนติเมตร ใช้งานสะดวก
พื้นที่ใช้งานส่วนโถงบันได
ชั้น 2 มีทางเดินตรงกลาง แยกพื้นที่ใช้งานเป็น 2 ฝั่ง พื้นปูด้วยกระเบื้อง SPC ความหนา 4 มิลลิเมตร ข้อดีคือจะมีความทนทาน ทั้งต่อความชื้นและรอยขีดข่วนมากกว่ากระเบื้องยางทั่วไป แต่ก็จะมีราคาที่สูงกว่า
สำหรับฟังก์ชันชั้น 2 จะประกอบด้วย Master Bedroom ด้านหน้าบ้าน มี Walk – in Closet และห้องน้ำแยกใช้งานในตัว ส่วนอีกฝั่งเป็นห้องนอนรอง 2 ห้อง ใช้ห้องน้ำร่วมกันที่โถงกลาง
ห้องแรกในบ้านตัวอย่าง จัดมาเป็นห้องอเนกประสงค์ เหมาะกับคนที่อยากได้พื้นที่ส่วนตัวไว้ทำงานอดิเรก ขนาดห้องได้มาค่อนข้างกว้าง ปรับเปลี่ยนเป็นมุมใช้งานได้หลากหลาย
พื้นที่ใช้งานภายในห้องนอนรอง
ส่วนอีกห้องจัดมาเป็นห้องนอนลูก เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิกเป็นเด็กอยู่ด้วย ซึ่งสามารถวางเตียงขนาด 3 – 5 ฟุตได้ โดยจัดให้ชิดผนังอีกฝั่ง ทำให้เหลือพื้นที่ไว้วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือได้
ห้องน้ำบริเวณชั้น 2 จัดมาเป็นลักษณะแบบหน้ากว้าง แยกพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งมาให้ชัดเจน สะดวกต่อการใช้งานและทำความสะอาด มีหน้าต่างบานกระทุ้งติดตั้งมาให้ 1 จุดช่วยระบายกลิ่นและความชื้นได้ดีค่ะ
อุปกรณ์ภายในห้องน้ำชั้น 2
สุขภัณฑ์ในห้องน้ำได้มาครบชุดเหมือนในบ้านตัวอย่างจากยี่ห้อ COTTO กระจกติดตั้งมาให้แบบเต็มบาน ยิ่งช่วยให้ห้องดูสว่างและกว้างมากขึ้น มี Low Wall ก่อเป็นแนวยาวเกือบเต็มผนัง ทำให้ได้พื้นที่วางของค่อนข้างเยอะ
ส่วนอาบน้ำมีขนาด 0.80×1.25 เมตร ที่พื้นจะก่อขอบขึ้นมา เพื่อป้องกันน้ำไม่ให้ไหลออกสู่ภายนอก และสะดวกต่อการติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำในภายหลังได้ค่ะ ฝักบัวเป็นแบบ Hand Shower มีการเตรียม Junction Box เอาไว้ให้ เผื่อใครอยากได้เครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มนะคะ
มาถึงห้อง Master Bedroom ได้มาขนาดค่อนข้างใหญ่ นอกจากจะมีพื้นที่วางเตียงนอนไว้พักผ่อนแล้ว ยังมีมุมอเนกประสงค์ไว้จัดเป็นโซนนั่งเล่นติดระเบียงได้ และในห้องนี้ก็มีระบบฟอกอากาศติดตั้งมาให้ด้วยค่ะ
พื้นที่ใช้งานภายในห้อง Master Bedroom
ภายในห้องวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้แบบสบายๆ และด้วยตำแหน่งที่อยู่ถัดเข้ามาด้านใน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมาก ทั้งยังช่วยลดสิ่งรบกวนจากด้านนอกในเวลาที่กำลังพักผ่อนได้ ส่วน Walk – in Closet กั้นแยกมาให้เป็นสัดส่วน
พื้นที่ด้านหน้าในบ้านตัวอย่างจัดมาให้เป็นมุมโซฟาไว้นั่งเล่น หรือเอนหลังอ่านหนังสือได้ ติดกันมีประตูบานเลื่อนกระจกเปิดออกไปใช้งานระเบียงได้ทั้ง 2 ฝั่งค่ะ ซึ่งก็ช่วยทำให้ห้องนอนดูสว่างเพราะได้แสงธรรมชาติแบบเต็มที่
พื้นที่ใช้งานบริเวณระเบียงด้านนอก
ระเบียงได้พื้นที่มาค่อนข้างใหญ่ ซึ่งไม่ค่อยเห็นได้ในโครงการบ้านระดับนี้เท่าไรนะคะ เพราะส่วนมากจะเน้นพื้นที่ใช้สอยในบ้าน มีระเบียงที่พอให้ออกมายืนสูดอากาศได้เท่านั้น สำหรับคนที่ชอบออกมานั่งเล่นนอกบ้าน ชมวิวมุมสูง หรืออยากจัดสวนเพิ่มความสดชื่นให้ห้องนอน ก็น่าจะถูกใจเจ้าระเบียงนี้ทีเดียวค่ะ
ส่วนแต่งตัวแยกมาให้เป็นสัดส่วน หากใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มก็กั้นประตูภายหลังได้ ตู้เสื้อผ้า Built – in ได้เต็มผนังพร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง ด้านข้างมีประตูบานเลื่อนกระจกออกไปใช้งานระเบียงเล็กๆ ไว้จัดเป็นมุมวางกระถางต้นไม้ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้
ห้องน้ำในห้อง Master Bedroom แยกพื้นที่ใช้งานเป็น 2 ฝั่ง ใช้งานสะดวก ภายในห้องได้บรรยากาศโปร่งโล่งเพราะได้หน้าต่างติดตั้งมาให้ถึง 2 จุดค่ะ
พื้นที่ใช้งานภายในห้องน้ำ Master Bedroom
อุปกรณ์ภายในห้องน้ำได้แบบครบชุดจากยี่ห้อ COTTO โดยในห้อง Master Bedroom นี้ ห้องน้ำจะได้ฉากกั้นบานกระจกเปลือยมาด้วย
พื้นที่ใช้งานภายในห้องน้ำ Master Bedroom
ส่วนอาบน้ำได้พื้นที่ขนาด 0.80×1.40 เมตร ยืนอาบได้สะดวก ฝักบัวเป็น Hand Shower มีช่องเก็บอุปกรณ์อาบน้ำด้านข้าง ฉากกั้นอาบน้ำเป็นบานเปิด มีตัวกันกระแทกติดมาให้ด้วย
สวิตช์ไฟภายในบ้าน ได้เป็นหน้ากากสีเงิน ดีไซน์ดูเรียบหรู จากยี่ห้อ HACO ค่ะ
แบบบ้าน Type Welax
Welax เป็นแบบบ้านไซส์ขนาดกลางของโครงการ ได้ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำและ 2 ที่จอดรถ ได้พื้นที่ใช้สอย 236 ตร.ม. รองรับครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิก 4 – 6 คนได้แบบสบายๆเลย โดยจุดเด่นที่น่าสนใจ เราได้ยกมาให้ชมกันก่อนดังนี้ค่ะ
- ห้องอเนกประสงค์ ได้มาถึง 2 ห้องด้วยกัน โดยห้องแรกจะอยู่บริเวณหน้าบ้านเมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะเจอเลย โดยบ้านตัวอย่างจัดฟังก์ชันมาให้เป็นห้องทำงาน ซึ่งก็เหมาะกับเจ้าของธุรกิจที่ต้องติดต่อกับคนภายนอกบ่อยๆ ใช้เป็นส่วนรับแขกได้ โดยไม่เสียความเป็นส่วนตัวในบ้านเลย
- ห้องนอนชั้นล่าง รองรับผู้สูงอายุได้ และยังมีห้องน้ำแยกใช้งานในตัว นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันเป็น Family Area ได้อีกจุด รองรับกิจกรรมได้หลากหลายในครอบครัวที่มีสมาชิกเยอะๆ เช่น จัดเป็นห้องอ่านหนังสือ ห้องดูหนัง หรือห้องคาราโอเกะไว้สังสรรค์ด้วยกันในช่วงวันหยุด
- Double Volume ขนาดใหญ่ บ้าน Type Welax จะได้ Double Volume มาค่อนข้างใหญ่เลย เมื่อเทียบกับรูปแบบบ้านอื่นๆในโครงการ โดยตำแหน่งจะอยู่ตรงกับส่วน Courtyard และ Family Area ชั้น 2 สำหรับใครที่ชอบบ้านที่ได้บรรยากาศแบบโปร่งโล่ง Type นี้ค่อนข้างตอบโจทย์ทีเดียวค่ะ
หน้าตารูปแบบบ้านในโครงการ CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า จะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยบ้านตัวอย่าง Welax จะดูมีความ Compact มากกว่า เมื่อเทียบกับ Type ก่อนหน้า ที่ได้ระเบียงมาค่อนข้างใหญ่ ซึ่งก็แลกกับพื้นที่ใช้สอยภายในที่ได้เยอะขึ้น
พื้นที่ใช้งานบริเวณหน้าบ้าน
ทางเข้าบ้านจะมีเพียงทางเดียวอยู่ด้านหน้าติดกับโรงจอดรถ มีซุ้มโค้งทรงสูงเป็น Gimmick ขนาดพื้นที่จอดรถกว้างประมาณ 5.80 เมตร เปิด- ปิดประตูหรือหยิบของได้สะดวกเลย ส่วน Courtyard ต่อเติมออกมาเป็นเฉลียง เน้นความเปิดโล่งด้วยบานเฟี้ยมและหลังคากระจก ดูน่าใช้งาน ส่วนลานซักล้างจะอยู่ด้านหลังตัวบ้านค่ะ
พอต่อเติมเฉลียงออกมา ก็ทำให้มองเห็นการเชื่อมต่อของพื้นที่ภายในและภายนอกบ้านได้อย่างชัดเจน ด้านบนของตัวบ้านมีชายคาปกคลุมอยู่แล้ว ถึงจะใช้กระจกก็ไม่ทำให้ร้อนเลยค่ะ
ประตูทางเข้าบ้านติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ ด้านข้างมีมุม Built – in จัดเป็นตู้รองเท้า และที่นั่งเล็กๆไว้ให้นั่งใส่ได้สะดวก ติดเป็นเป็นห้องอเนกประสงค์ที่จัดเป็นห้องทำงานส่วนตัวค่ะ
ห้องทำงานสามารถเปิดออกไปใช้งานเฉลียงได้ หากทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยๆก็ออกไปนั่งเล่นชมสวนผ่อนคลายสมอง หรือจะนั่งอยู่ในห้องก็ยังได้ความโปร่งโล่งเพราะแสงจากธรรมชาติ
ขยับเข้ามาในบ้านจะเจอกับส่วนนั่งเล่น ที่ใช้พื้นที่ร่วมกับส่วนรับประทานอาหาร ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร ส่วน Double Volume จะอยู่ติดกับ Courtyard ได้ความสูง 5.90 เมตรเลยค่ะ
Double Volume ได้ช่องแสง 2 จุด ทำให้พื้นที่ชั้น 1 และชั้น 2 ได้รับแสงจากธรรมชาติแบบทั่วถึง โดยจากมุมมองหน้าบ้านสามารถมองเห็น Family Area ชั้นบนได้ด้วย
พื้นที่ใช้งานส่วนนั่งเล่น
ระยะจากโซฟาถึงหน้าทีวีกว้างประมาณ 3.75 เมตร วางทีวีขนาด 60″ได้แบบสบายๆเลย ซึ่งในบ้าน Type นี้จะมีความโปร่งโล่งมากกว่าบ้าน Type แรก เพราะได้ช่องแสงค่อนข้างเยอะ เปิดรับลมและระบายอากาศได้ดี โดยฝ้าเพดานก็จะมีระบบฟอกอากาศจาก Panasonic ติดตั้งมาให้เช่นเดียวกันค่ะ
พื้นที่ใช้งานส่วนรับประทานอาหาร
ส่วนรับประทานอาหารวางโต๊ะได้ 6 ที่นั่ง อยู่ติดกับหน้าต่างกระจกบานใหญ่ นั่งรับประทานอาหารไป ชมวิวสวนหลังบ้านไปด้วยได้ ส่วนครัวแบ่งมาให้เป็นสัดส่วน ได้ขนาดมาค่อนข้างกว้าง ส่วนตัวเรามองว่าสามารถวาง Island ตรงกลาง เพิ่มพื้นที่ใช้งานได้เลยนะคะ
ซึ่งในครัวหากใครชอบทำอาหารแบบจริงจัง ก็สามารถกั้นเป็นพื้นที่แบบปิดได้ โดยในห้องจะมีหน้าต่างไว้ช่วยระบายอากาศถึง 2 จุด และมีประตูเชื่อมที่ไปใช้ลานซักล้างด้านหลังได้ด้วย
จากห้องครัว มองเห็น Double Volume และ Courtyard ฝั่งตรงข้ามมีห้องอเนกประสงค์ที่สามารถจัดเป็นห้องนอนชั้นล่างได้ มีห้องน้ำในตัว ใช้งานสะดวก
พื้นที่ใช้งานบริเวณห้องนอนชั้นล่าง
นอกจากจัดเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุได้แล้ว ในครอบครัวที่มีสมาชิกเป็นเด็กเล็ก ก็อาจจัดเป็นห้องนอนกลางวัน หรือห้องทำกิจกรรมสำหรับเด็ก โดยตัวห้องมีขนาด 3.00×2.65 เมตร ถ้าวางเตียงขนาด 3 – 3.5 ฟุต จะเหลือพื้นที่ให้วางตู้เสื้อผ้าหรือชั้นวางของได้กำลังดี
อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ
ห้องน้ำได้เป็นแบบหน้ากว้าง แยกพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน มี Low Wall ไว้ให้วางของใช้เล็กๆได้ ส่วนอาบน้ำขนาด 0.80×1.35 เมตร ฝักบัวเป็น Hand Shower หยิบใช้งานสะดวก โถสุขภัณฑ์ สายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู่จากยี่ห้อ COTTO ค่ะ
พื้นที่ใช้งานบริเวณหน้าโถงบันได
ติดกับส่วนโถงบันไดขึ้นชั้น 2 จะมีห้องน้ำแบบ Powder room แยกใช้งานมาให้ สะดวกเวลาที่ต้องรับแขกจากภายนอกที่เดียวค่ะ โดยอุปกรณ์จะได้แบบครบครัน เหมือนในบ้านตัวอย่างเลย
ทางเดินขึ้นชั้น 2 ขนาดบันไดได้ตามมาตรฐาน
โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตปิดผิวด้วยไม้ยางพาราประสาน กว้างประมาณ 1 เมตร ลูกตั้งสูง 19 ลูกนอนกว้าง 27.50 เซนติเมตร ได้ราวกันตกติดตั้งมาให้ด้านนึง เพื่อความปลอดภัยและสะดวกในการใช้งาน
Family Area ชั้น 2 ตรงกับส่วน Double Volume
เมื่อขึ้นมาชั้น 2 จะเจอส่วน Family Area วางโซฟาขนาด 2 – 3 ที่นั่งได้ ซึ่งบรรยากาศในส่วนนี้ค่อนข้างโปร่งโล่ง สามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นชิลๆร่วมกับครอบครัวได้อีกจุดนึง โดยที่ชั้น 2 ฟังก์ชันจะประกอบด้วย Master Bedroom และห้องนอนอีก 2 ห้อง ได้ห้องน้ำแยกใช้งานในตัวค่ะ
บรรยากาศพื้นที่ใช้งานภายในห้องนอนรอง
ห้องนอนแรกจะได้ขนาดมาค่อนข้างกว้าง เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับห้องน้ำก่อน ส่วนพักผ่อนจะอยู่ถัดเข้าไปด้านใน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้แบบสบายๆ โดยเหลือพื้นที่รอบเตียงไว้ให้เดินใช้งานได้อย่างสะดวก
พื้นที่ใช้งานภายในห้องน้ำ
ห้องน้ำเป็นหน้ากว้าง โดย Layout จะเหมือนกับห้องน้ำในห้องนอนชั้นล่าง ส่วนอาบน้ำได้ขนาด 0.80×1.40 เมตร มีการก่อขอบพื้นเพื่อแยกส่วนเปียกและส่วนแห้ง โดยอุปกรณ์ในห้องน้ำจะได้มาแบบครบชุดจากยี่ห้อ COTTO
พื้นที่ใช้งานภายในห้องนอนรอง
ห้องนอนรองห้องที่ 2 จะมีขนาดเล็กกว่าหน่อย แต่พื้นที่ภายในแบ่งมาได้เป็นสัดส่วน สามารถใช้งานได้สะดวก โดยมีห้องน้ำอยู่ด้านหน้าติดกับตู้เสื้อผ้า พออาบเสร็จก็เดินมาแต่งตัวได้เลย
พื้นที่ใช้งานภายในห้องน้ำ
ห้องน้ำได้ส่วนอาบแบบเข้ามุมขนาด 0.90×1.01 เมตร สามารถติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มภายหลังได้ ฝักบัวเป็น Hand Shower มีช่องเก็บของมาให้ด้านข้าง สุขภัณฑ์ในห้องได้จากยี่ห้อ COTTO เช่นเดียวกันค่ะ
Master Bedroom ได้แบบหน้ากว้าง ข้อดีคือ ทำให้ห้องสามารถติดตั้งช่องแสงได้หลายจุด บรรยากาศจึงดูโปร่งโล่ง น่าสบาย โดยบ้านตัวอย่างกั้นส่วนแต่งตัวมาให้ค่อนข้างใหญ่ แบ่งใช้งานกัน 2 คนได้เหลือๆเลย
หน้าห้องน้ำยังสามารถจัดเป็นมุมแต่งตัวได้อีกหนึ่งจุด สำหรับคนที่มีเสื้อผ้าไม่เยอะหรืออยู่คนเดียว ด้านนอกอาจจะจัดเป็นส่วนนั่งเล่นเพิ่มมุมพักผ่อนก็ได้ค่ะ
พื้นที่ใช้งานภายในห้องน้ำ Master Bedroom
ห้องน้ำภายใน Master Bedroom จะได้ฉากกั้นอาบน้ำกระจกติดตั้งมาด้วย ช่วยแยกพื้นที่ใช้งานส่วนเปียกและส่วนแห้งได้ชัดเจน พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.85×1.85 เมตร โดยสุขภัณฑ์ต่างๆได้จากยี่ห้อ COTTO เหมือนกันทุก Type
พื้นที่ใช้งานภายในห้องนอน
ส่วนพื้นที่ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 -6 ฟุตได้กำลังดี โดยเหลือพื้นที่ไว้สำหรับวางโต๊ะหรือตู้ข้างหัวเตียงได้ด้วย ปลายเตียง Built – in เป็นชั้นวางทีวี เพิ่มพื้นที่เก็บของ โดยในห้องจะได้ช่องแสง 2 จุด คือจากหน้าต่างกระจกและประตูบานเลื่อนที่เปิดไปใช้งานระเบียงได้
โดยพื้นระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ทำความสะอาดได้ง่าย จัดเป็นมุมวางกระถางต้นไม้เล็กๆ ช่วยเพิ่มบรรยากาศและจัดเป็นแนวบังสายตา ได้ทั้งความสดชื่นและเป็นส่วนตัวเลย
แบบบ้าน Weliber
มาถึงแบบบ้านสุดท้าย เป็นบ้านขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการ ซึ่งในตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง จึงยังไม่มีบรรยากาศบ้านจริงมาให้ชมกัน สำหรับรายละเอียดในรูปแบบบ้าน Weliber จะเป็นการผสมกันระหว่าง 2 Type แรก พื้นที่ใช้สอย 302 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ และ 1 ห้องแม่บ้าน
ชั้น 1 สังเกตได้ว่า Layout จะคล้ายกับรูปแบบบ้าน Welax นะคะ แต่ในห้องนอนชั้นล่างจะได้ห้องน้ำแยกใช้งานในตัว และด้านนอกจะได้ห้องน้ำ Powder Room เพิ่มเข้ามา ส่วนห้องแม่บ้านจะอยู่ข้างตัวบ้าน สามารถเข้าออกได้ผ่านห้องครัวที่ด้านหลัง ได้ทั้งความสะดวกและเป็นส่วนตัว
ชั้น 2 เมื่อขึ้นมาจะเจอส่วน Family Area ขนาดใหญ่ โดยชั้น 2 พื้นที่ใช้งานจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือห้อง Master Bedroom ที่อยู่ด้านหน้าตัวบ้าน โดย Type นี้จะได้ระเบียงมาค่อนข้างกว้างเช่นเดียวกัน และห้องนอนรองอีก 2 ห้อง ที่ได้ห้องน้ำแยกใช้งานตัว รองรับครอบครัวที่มีสมาชิก 4 – 6 คนได้แบบสบายๆ
ภาพจำลองบรรยากาศบ้าน Weliber จะมีลักษณะเป็นหน้ากว้างมากกว่า 2 Type แรก ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ได้มาเยอะ เมื่อเทียบฟังก์ชันและราคาบ้านบนทำเลเดียวกัน ส่วนตัวเรามองว่า CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า ค่อนข้างตอบโจทย์คนที่อยากได้บ้านฟังก์ชันครบ รองรับการใช้งานได้หลากหลาย และราคาเอื้อมถึงง่าย อยู่ใกล้ถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ หากใครยังไม่ได้ตัดสินใจ ก็สามารถเก็บไว้เป็นอีกตัวเลือกได้เลยค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า ราคา ณ วันที่ 9 มีนาคม 2566
- Welation บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 194 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ - Welax บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 236 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ - Weliber บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 70 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 302 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ - ราคาเริ่มต้น 8 – 12 ล้านบาท*
- จองและทำสัญญา 50,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 110,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
โครงการ CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า จัดเป็นทำเลที่มีตัวเลือกในการเดินทางค่อนข้างหลากหลาย เพราะอยู่ติดกับถนนใหญ่อย่างถนนร่มเกล้า ซึ่งถือว่าค่อนข้างได้เปรียบกว่าโครงการอื่นที่จะอยู่ลึกเข้าไปในซอย ได้ความสงบในการอยู่อาศัย และอยู่ไม่ไกลจากความอุดมสมบูรณ์อย่างซอยเคหะ – ร่มเกล้า สำหรับการเดินทางจึงถือเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลยทีเดียวค่ะ ส่วนตัวเรามองว่าเหมาะกับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางมาก เพราะสามารถเชื่อมต่อไปฝั่งมีนบุรี ลาดกระบัง สมุทรปราการได้สะดวก และอยู่ใกล้ทางด่วนเข้า – ออกเมืองได้ง่าย
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
ระบบเข้า – ออกโครงการใช้ Key Card Access ควบคู่กับไม้กั้นกระดกอัตโนมัติและกล้อง CCTV ภายในบ้านจะมี Digital Door Lock ติดตั้งมาให้ที่ประตูทางเข้าหลักของบ้าน ที่โรงจอดรถจะได้ IP Camera 1 จุดมาด้วย ส่วนที่ชั้น 1 ประตู – หน้าต่างทุกบาน จะได้ Magnetic Sensor ซึ่งถือว่าจัดมาให้ตามมาตรฐานของบ้านในระดับราคานี้
การออกแบบโครงการ :
จัดเป็นโครงการที่ได้ความเป็นส่วนตัวมาก เพราะมีจำนวนยูนิตเพียง 83 ยูนิตเท่านั้น การจัดผัง จากซุ้มประตูทางเข้า จะมีถนนที่เชื่อมต่อไปยังส่วนพักอาศัยที่อยู่ถัดเข้าไปประมาณ 200 เมตร ช่วยลดความพลุกพล่านจากถนนใหญ่ได้ดี มีอาคาร Clubhouse อยู่ด้านหน้า ลูกบ้านสามารถเดินมาใช้งานได้ง่าย และด้วยจำนวนยูนิตที่น้อย ทำให้ในซอยมีเพื่อนบ้านร่วมกัน 4 – 6 หลังเท่านั้น เหมาะกับที่คนชอบความสงบ ไม่พลุกพล่านค่ะ
การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย :
เมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆบนทำเลเดียวกัน ถือว่าได้พื้นที่ใช้สอยมาเยอะกว่า ในราคาที่หยิบจับได้ง่ายกว่า ได้ฟังก์ชัน 4 ห้องนอนในทุก Type เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ที่กำลังมองหาบ้านในราคาไม่เกิน 10 ล้านบาทในโซนกรุงเทพกรีฑา ในแง่ของฟังก์ชันก็ถือว่าจัดมาได้เป็นสัดส่วน มีครัวขนาดใหญ่ ที่กั้นเป็นครัวปิดได้ ห้องนอนชั้นล่างออกแบบมาเหมาะสมกับผู้สูงอายุ ได้ Double Volume ที่ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูโปร่งโล่ง น่าใช้งาน แบบบ้านมีให้เลือกถึง 3 แบบ รองรับครอบครัวขนาด 4 – 6 คนได้แบบสบายๆเลย
วัสดุ :
จัดมาเหมาะสมกับการใช้งานตามมาตรฐานของระดับราคา มีการลงเสาเข็มมาให้ทั้งในส่วนโรงจอดรถและลานซักล้าง ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาการทรุดตัวในอนาคต การเลือกใช้วัสดุยังคำนึงถึงสุขภาพของเจ้าของบ้านอย่างการใช้สี Organic ที่ไม่ส่งผลต่อผู้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจ และระบบฟอกอากาศช่วยกรองฝุ่นภายในบ้านได้ดี วัสดุปูพื้นในห้องนอนได้เป็น SPC ซึ่งถือเป็นวัสดุที่มีความทนทานมากกว่ากระเบื้องยางทั่วไปหรือลามิเนต ห้องน้ำได้สุขภัณฑ์แบบครบชุดจากยี่ห้อ COTTO และในห้อง Master Bedroom จะได้ฉากกั้นกระจกติดตั้งมาให้ค่ะ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
จากวันที่เข้าไปเก็บข้อมูล โครงการกำลังอยู่ในช่วงระหว่างก่อสร้าง แต่สวนหย่อมบริเวณด้านหน้าโครงการสร้างเสร็จพร้อมใช้งาน บรรยากาศโดยรวมดูเรียบร้อย มีไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่น ส่วนซุ้มประตูทางเข้าโครงการได้ดึงเอาดีไซน์ปีกเครื่องบินมาใช้ ทำให้ทางเข้าดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ทีเดียวค่ะ
สาธารณูปโภค :
ได้อาคาร Clubhouse 2 ชั้นด้านหน้าโครงการ พร้อมสวนหย่อมและเครื่องเล่นสำหรับเด็ก รองรับผู้ใช้งานได้หลายช่วงวัย ฟังก์ชันมีทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือ , Co – Working Space และห้อง Fitness ที่จัดอุปกรณ์มาให้แบบครบครัน ที่ลูกบ้านทั้ง 83 หลัง สามารถมาใช้งานร่วมกันได้อย่างสะดวกเลย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 8 – 12 ล้านบาท*, 9 มีนาคม 2566
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ติดถนนหลัก ใกล้ทางด่วน
- ความปลอดภัย 7.75/10 – ใช้ระบบ Key Card Access ในบ้านได้ Magnetic Sensor
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – พื้นที่ใช้สอยเยอะ ได้ Double Volume
- วัสดุ 8.0/10 – พื้นไม้ SPC ได้ Digital Door Lock , IP Camera และระบบฟอกอากาศ
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – สวนหย่อมหน้าโครงการ 1 จุด
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – อาคาร Clubhouse 2 ชั้น เหมาะสมกับการใช้งาน
- 7.95 / 10.00
CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า เหมาะกับใคร
โครงการ CHERENE กรุงเทพกรีฑา – ร่มเกล้า เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ที่มองหาบ้าน 2 ชั้น 4 ห้องนอน รองรับการใช้งานได้หลากหลาย มีห้องชั้นล่างรองรับผู้สูงอายุได้ ชอบทำเลติดถนนหลัก เดินทางสะดวก มีพื้นที่ใช้สอยในบ้านเยอะเมื่อเทียบโครงการอื่น มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 8 – 12 ล้านบาท* หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 51,198 – 78,791 บาท
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc