รีวิวฉบับที่ 2062 … คุณผู้อ่านทุกคนคะ ครั้งนี้เราพามาดู Centro สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ 2 โครงการบ้านเดี่ยวใหม่ จาก AP ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่มีการปรับรูปแบบบ้าน ต่างจากโครงการ Centro สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ แรก ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เหมาะกับครอบครัวขยายมากขึ้น รวมไปถึงมีการตกแต่งบรรยากาศโครงการและหน้าบ้านให้ดูอบอุ่น ใช้โทนสีน้ำตาลไม้ และเน้นพื้นที่สวนสีเขียวด้วย ซึ่งราคาที่นี่จะเริ่มต้น 7.99 ล้านบาทและจะเริ่มเปิด Pre-Sale ในวันที่ 23-24 พฤกษาคม นี้ค่ะ
บรรยากาศบ้านและโครงการจะเป็นอย่างไรตามเราไปดูกันค่ะ 🙂
ข้อมูลโครงการ
19 MARCH 2020
- Centro Maha Chesadbodindranusorn Bridge 2 (เซนโทร สะพานมหาเจษฏาบดินทร์ฯ 2)
- บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ซอยไทรม้า 18 ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.ไทรม้า อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
- เนื้อที่โครงการ 25-2-43 ไร่ จำนวน 102 ยูนิต
- บ้านเดี่ยว 2 ชั้น
- SHINE : ที่ดิน 50.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 175 ตร.ม. / 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 7.99 ล้านบาท
- GLORIOUS : ที่ดิน 54.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 227 ตร.ม. / 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท
- LUMINANCE : ที่ดิน 57.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 255 ตร.ม. / 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ราคาเริ่มต้น 9.99 ล้านบาท
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.856636, 100.473723
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
ที่ตั้งของ CENTRO สะพานมหาเจษฏาบดินทร์ฯ 2 นี้จะอยู่ภายในซอยบ้านไทรม้าที่จะต้องเข้าจากถนนรัตนาธิเบศร์ไปอีกทีค่ะ ซึ่งถนนรัตนาธิเบศร์เส้นนี้จะเป็นถนนสำคัญที่มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงวิ่งผ่าน และเป็นถนนใหญ่ที่เชื่อมต่อไปยังถนนนนทบุรี 1 หรือถนนราชพฤกษ์ได้ ทำให้สามารถเดินทางได้ค่อนข้างสะดวกทั้งรถส่วนตัว หรือเดินทางเพิ่มซักต่อก็จะมาใช้รถไฟฟ้าก็ได้เช่นกันค่ะ
เรามาส่องดูการใช้ชีวิต การเดินทางแบบละเอียดๆเพิ่มเติมกันดีกว่านะคะ เมื่อมองจากแผนที่ของโครงการจะเห็นได้ว่าโครงการ CENTRO สะพานมหาเจษฏาบดินทร์ฯ 2 นี้จะอยู่ระหว่างถนนรัตนาธิเบศร์และถนนราชพฤกษ์ – นนทบุรี 1 ค่ะ ทำเลนี้จะอยู่ฝั่งขาออกที่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาออกไปแล้ว ซึ่งจากตัวโครงการนี้จะอิงการใช้งานบนถนนรัตนาธิเบศร์เป็นหลักค่ะ โดยถนนเส้นนี้จะสามารถวิ่งเข้าเมืองไปยังแยกแคราย หรือเลยไปยังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ หรือจะออกเมืองไปตัดกับถนนราชพฤกษ์ และ ถนนกาญจนาภิเษกได้เช่นกัน
ในแง่การเดินทางด้วยรถสาธารณะ สำหรับการเดินทางเพื่อออกจากโครงการ เนื่องจากตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยใช่ไหมคะ การเลือกใช้งาน Application ต่างๆ เพื่อหา taxi ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่สะดวกที่สุด แต่อย่าลืมว่าบนถนนรัตนาธิเบศร์นั้นเป็นถนนที่มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงวิ่งผ่าน บางทีเราอาจจะไปมองหาพี่วินที่ขับผ่านหน้าโครงการเพื่อต่อรถไฟยังรถไฟฟ้าก็ได้ และสำหรับการกลับบ้านหรือการมายังโครงการนั้น ง่ายเลยค่ะ ลงสถานีเดินมายังปากซอยบ้านไทรม้า เรียกพี่วินเข้ามายังโครงการได้เลย ซึ่งตัวรถไฟฟ้าสายสีม่วงนี้สามารถนั่งไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้ที่สถานีเตาปูน ทำให้เราสามารถเดินทางเข้ามายังใจกลางเมืองกรุงเทพได้ง่ายเหมือนกันค่ะ สำหรับที่ตั้งของโครงการเรานั้นจะอยู่ระหว่างรถไฟฟ้าสถานีไทรม้า และรถไฟฟ้าสถาทีบางรักน้อยท่าอิฐ เราลองไปดูเส้นทางไปยังสถานีคร่าวๆกันซักเล็กน้อยดีกว่านะคะ
จุดที่น่าสนใจของทำเลโครงการนี้เลยคือการที่โครงการมีการทำสะพานข้ามคลองและเปิดอีกทางเข้าโครงการตรงถนนราชพฤกษ์ – นนทบุรี 1 ก่อนขึ้นสะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้ใช้งานได้แล้วนะคะ เพียงแต่ยังตกแต่งไม่เสร็จเรียบร้อยอยู่ในระหว่างการเก็บงาน
จาก MAP ที่เราบอกว่าเป็น Fast Track นั้นไม่ใช่ทางเฉพาะของ AP ทั้งหมดนะคะ บางส่วนเป็นทางสาธารณะ แต่ที่เป็นถนนและสะพานของ AP จะเป็นบริเวณด้านหน้าที่ติดถนนเลยไปจนถึงโครงการ The City สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ ดังนั้นการที่จะใช้งาน Fast Track ได้เต็มที่ที่สามารถเข้า-ออกจาก ถนนราชพฤกษ์ – นนทบุรี 1 ก็จะต้องเป็นลูกบ้านของทาง AP เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 3 โครงการด้วยกันที่ใช้ได้คือ The City สะพานมหาเจษฎาบดินทร์, CENTRO สะพานมหาเจษฏาบดินทร์ฯ, CENTRO สะพานมหาเจษฏาบดินทร์ฯ 2
มาดูสถานที่และความอุดมสมบูรณ์ในภาพที่ใหญ่ขึ้นกันค่ะ โดยสังเกตแล้วความอุดมสมบูรณ์แหล่งความคึกคักอย่างห้างสรรพสินค้า Community Mall ต่างไ ก็จะอยู่บนถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนกาญจนาภิเษก ตรงโซนบางใหญ่ หรืออีกจุดนึงก็จะเป็นโซนสนามบินน้ำ-เลียบเมืองนนทบุรี
ส่วนโซนสุดท้ายคือตัดมาที่ถนนนครอินทร์กันบ้าง บริเวณนี้จะมี The walk ตั้งอยู่ไม่ไกล อยู่บนถนนราชพฤกษ์ใกล้ๆกับเส้นนครอินทร์ ซึ่งอีกอย่างที่บริเวณนี้น่าสนใจคือมีโรงเรียนนานาชาติอยู่หลายโรงเรียนเลย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับครอบครัวที่หาโรงเรียนให้เด็กๆ ได้เรียนหลายภาษา
สำหรับเส้นทางในการเดินทางนั้นเราขอเริ่มจากหน้าทางเข้าโครงการตรงถนนราชพฤกษ์ – นนทบุรี 1 เพื่อใช้ทางเข้า-ออกเฉพาะโครงการ AP ข้ามคลองแล้วเข้าโครงการ เพราะเป็นระยะที่สั้นกว่า สะดวกกว่าพอสมควรนะคะ หลังจากที่เราลองขับวนทั้งขาเข้าจากรัตนาธิเบศร์ และราชพฤกษ์ – นนทบุรี 1
ส่วนตัวแล้วฝั่งเข้าจากรัตนาธิเบศร์ค่อนข้างลึกพอสมควรเลย และถนนในซอยก็ไม่ได้กว้างตลอด ดังนั้นถ้าใครขับรถเราแนะนำให้เลือกใช้ทางเข้าจากราชพฤกษ์ – นนทบุรี 1 มากกว่า ส่วนใครใช้รถไฟฟ้าก็มาลงรัตนาธิเบศร์ต่อรถ อันนี้จะสะดวกกว่าค่ะ
เริ่มต้นกันที่ถนนราชพฤกษ์-นนทบุรี 1 บริเวณก่อนขึ้นสะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ ซึ่งเราจะเบี่ยงซ้ายไม่ขึ้นสะพานนะคะ
ปิดท้ายทำเลด้วยบรรยากาศบริเวณโดยรอบโครงการโดยรอบแล้วยังเป็นพื้นที่เปล่า สลับกับโครงการหมู่บ้าน และบ้านพักอาศัยกันไป จึงได้บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบนะคะน่าจะเหมาะกับใครที่ไม่ชอบความวุ่นวายและต้องการความเป็นส่วนตัวระดับนึง
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- สถานศึกษารร. เตรียมอุดมศึกษา พัฒนาการ นนทบุรี
วิทยาลัยเทคโนโลยี พณิชยการนนทบุรี
รร. เด่นหล้า
รร.สตรีนนทบุรี - ห้างสรรพสินค้าCentral รัตนาธิเบศร์
Esplanade แคราย
Central West Gate
IKEA บางใหญ่
The Walk ราชพฤกษ์
ตลาดบางศรีเมือง
Index Living Mall - สถานพยาบาลรพ.พระนั่งเกล้า
รพ.บำราศนราดูร
รพ.บางกรวย 2
รพ.สัตว์เมืองนนท์
รพ.เกษมราษฎร์
รายละเอียดโครงการ
เราเริ่มต้นจากหน้าโครงการที่บริเวณทางเข้า รูปแบบโครงการจะเป็นแนว Modern แต่เน้นโทนสีให้ดูธรรมชาติมากขึ้น ดูอบอุ่น ด้วยสีไม้ สีเขียว
ส่วนการใช้งานซุ้มโครงการทางโครงการจะแยกโซนรถเข้า-ออก 2 ฝั่ง ตรงกลางเป็นป้อมรปภ.คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้ 24 ชม.นะคะ
สังเกตว่าที่นี่ประตูรั้วจะใช้เป็นบานเลื่อนไฟฟ้าเลย ซึ่งในมุมมองเราด้านความปลอดภัยค่อนข้างชอบบานเลื่อนไฟฟ้ามากกว่าไม้กั้นกระดกที่คนสามารถเดินลอดได้ แม้รถจะเข้าไม่ได้ก็ตาม และระบบเปิด-ปิดที่นี่ก็ใช้เป็น Keycard Access ระยะไกล ลักษณะการใช้งานจะเหมือนกับ Easypass บนทางด่วน
เข้ามาด้านในบริเวณนี้ดูร่มรื่นมากทีเดียวเพราะเกาะกลางที่โครงการออกแบบให้มีต้นไม้ใหญ่
ซึ่งแต่ละฝั่งของถนนนั้นก็จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการเลย ไม่ว่าจะเป็น Club House ที่ทางแบรนด์ Centro เรียกว่า Centro Club และอีกฝั่งเป็นสวนหย่อม+สนามเด็กเล่น ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาคุณผู้อ่านไปดูกันอีกทีค่ะ
เรามาที่หน้า Centro Club กันก่อน ที่นี่เป็นอาคาร 2 ชั้นนะคะ มีการใช้งานทั้งรูปแบบ Indoor + Outdoor
สำหรับด้านหน้าสุดเป็นตำแหน่งของสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ปกติแล้วสระว่ายน้ำนี้ก็จะอยู่บริเวณด้านหน้าของ Club House อยู่แล้ว (โครงการที่เราเห็นทั่วไป) ซึ่งที่นี่ก็เช่นกัน แต่มีลูกเล่นที่มาแก้ปัญหาใครหลายคนได้ดีนะคะ
บางคนกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว พอเห็นสระว่ายน้ำด้านหน้าก็จะไม่อยากว่าย อายคนผ่านไปมา ซึ่งที่นี่แก้ปัญหาโดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของสระว่ายน้ำ จะมีต้นไม้พุ่มล้อมรอบช่วยบังสายตาได้ระดับนึงค่ะ
ส่วนรายละเอียดของสระว่ายน้ำนี้ จะเป็นระบบเกลือ แยกโซนสระผู้ใหญ่และสระเด็ก โดยแต่ละโซนมีขนาดอยู่ที่
- สระผู้ใหญ่ ขนาด 5 x 10.5 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- สระเด็ก ขนาด 5 x 2 เมตร ลึก 0.6 เมตร
ถัดมาในโซน Indoor เริ่มต้นจากห้อง Lobby หรือจะเรียกว่าเป็นห้องรับรองก็ได้นะคะ
ภายในจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่น มีโซฟาและเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อนได้ ซึ่งถ้าลูกบ้านมี Visitor ที่มาเยี่ยมที่บ้าน เราก็อาจจะไม่ต้องเปิดบ้านต้อนรับก็ได้ บางคนซีเรียสความเป็นส่วนตัว แต่เราสามารถให้แขกของเรามานั่งเล่น นั่งคุยกันได้ในห้องนี้ค่ะ
อีกอย่างนึงนะคะ ที่เรามองว่าตำแหน่งห้องนี้ไอเดียดีทีเดียวคืออยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำ ให้ผู้ปกครองมานั่งเล่นระหว่างรอเด็กๆ ว่ายน้ำได้เลย ไม่ร้อนด้วยนะคะ
ถัดมาเป็นพื้นที่ของห้อง Kid’s Room ที่ทุกคนสังเกตไหมว่าขนาดห้องค่อนข้างหน้ากว้างเต็มสระว่ายน้ำเลย เราเข้าใจเองว่าโครงการน่าจะตีโจทย์กลุ่มคนซื้อเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีเด็กๆ อยู่แล้วในแต่ละหลัง การทำห้องเด็กขนาดใหญ่หน่อยก็ทำให้เด็กๆ มีพื้นที่เล่นมากขึ้นและมีสังคมเด็กๆ ในโครงการด้วย
บรรยากาศภายในห้องเด็กเล่น การใช้วัสดุอย่างพื้นก็จะเป็นผ้า/พรม แทนเพื่อลดอุบัติเหตุ รวมไปถึงการใช้สีสันที่ดู Pastel น่ารัก นอกจากนี้ทางโครงการก็มีจัดเครื่องเล่นให้เด็กๆ ด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นดินสอระบายสี กระดาษ หนังสือ การ์ตูนต่างๆ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กๆ
สุดท้ายแล้ว ห้องเด็กเล่นนี้ได้วิวสระว่ายน้ำดีเลย เพราะอยู่ติดสระด้วยและได้กระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน
ถัดมาด้านหลังของ Club House จะเป็นห้องน้ำแยกชาย/หญิงให้
ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ
บรรยากาศภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำออกแบบมาดูเรียบร้อย ในสไตล์ Modern
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ของ Club House กันค่ะคุณผู้อ่าน
ชั้น 2 ทั้งหมด จะเป็นพื้นที่ของ Fitness นะคะ ซึ่งหลักๆ เครื่องเล่นจะวางหันหน้าไปทางสระว่ายน้ำ ภายในได้เครื่องเล่นประมาณ 5 เครื่องเล่นด้วยกัน ไม่ได้เยอะมาก แต่ก็เป็นไปตามจำนวนยูนิตของโครงการนะคะ เพียงแต่มีการจัดเครื่องเล่นมาให้เราว่าค่อนข้างครบ มีทั้งลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน Weight Training และพวกดัมเบลต่างๆ
นอกจากนี้แล้วก็มีทำพื้นที่ระเบียง ซึ่งเป็นระเบียง Outdoor ที่เราสามารถมาออกกำลังกายพวกคลาสเดียว ไม่ว่าจะเป็นโยคะ หรือไทเก็ก แล้วสูดอากาศภายนอกได้
รวมไปถึงด้านข้างของ Fitness ก็มีอีกระเบียงนะคะ มุมนี้เราก็ออกมาใช้ได้เช่นกัน
เรากลับมาที่หน้าโครงการกันอีกรอบนะคะ เพราะเดี๋ยวเราจะพาทุกคนไปดูสวนหย่อมของที่นี่กัน
สวนหย่อมที่นี่จากที่เราไปดูแล้วสามารถแบ่งการใช้งานได้เป็น 2 โซนด้วยกันนะคะ เริ่มแรกคือโซน สนามหญ้า เป็นสนามที่มีความกว้างพอสมควรให้เด็กๆ มาวิ่งเล่นกันได้ หรือเป็นน้องหมาออกมาวิ่งเล่น ซึ่งบริเวณถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ เพิ่มความร่มรื่นมากขึ้น
ส่วนด้านข้างทำเป็นทางเดินให้เดินเล่นได้สะดวกกว่าเหยียบสนามหญ้า หรือจะทำเป็น Jogging Track วิ่งออกกำลังกายก็ได้ค่ะ
อีกโซนหนึ่งก็คือมุมเด็กเล่น ซึ่งก็จะมีเครื่องเล่นกลางแจ้งสำหรับเด็กๆ มาเล่นและออกกำลังกายกันได้นะคะ
สิ่งที่น่าสนใจคือการทำฉากต้นไม้ขึ้นมาเพื่อบังสายตาจากถนนใหญ่ ทำให้ได้ความเป็นสัดส่วนมากขึ้นด้วย รวมไปถึงด้านล่างก็ทำเป็นม้านั่งตามโค้งของแนวต้นไม้
สำหรับโซนเครื่องเล่นเด็กๆ นั้น จะปูด้วยพื้นยางที่มีความนุ่มกว่าพื้นคอนกรีตทั่วไป ซึ่งอันนี้ดีมากๆ สำหรับเด็กๆ เพราะว่าวิ่งเล่นก็ไปแปลกเลยที่จะมีหกล้มบ้าง พื้นแบบนี้จะช่วยให้ลดแรงกระแทกลงได้
และ Bike Lane ของเด็กๆ ก็เช่นกันนะคะ ใช้พื้นนุ่มแบบเดียวกัน ที่บอกว่าเป็น Bike Lane ของเด็กๆ นั่นก็เพราะว่าความยาวของ Lane ไม่ได้มาก น่าจะเหมาะกับเด็กๆ มาฝั่งขี่จักรยานมากกว่า
เรามาดูบรรยากาศบริเวณถนนของโครงการกันต่อนะคะ ส่วนใหญ่ทุกๆ Node ในโครงการจะออกแบบให้มีวงเวียนต้นไม้ตรงกลาง เพื่อให้สามารถสัญจรกันได้ง่ายมากขึ้น
ส่วนความกว้างของถนนหลักจะกว้างสูงสุดอยู่ที่ 12 ม.
ส่วนความกว้างของถนนรองอยู่ที่ 9 ม. ค่ะ ก็ถือว่าเป็นความกว้างใช้สัญจรสวนทางกันได้สะดวกค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Clubhouse
- Kid’s Room
- Lobby
- Fitness
- สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ
- สระผู้ใหญ่ ขนาด 5 x 10.5 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- สระเด็ก ขนาด 5 x 2 เมตร ลึก 0.6 เมตร
- พื้นที่สนามหญ้า
- สนามเด็กเล่น
- Jogging Track
- Kid’s Bike Lane
แบบบ้าน
แบบบ้านโครงการนี้มีให้เลือกอยู่ 3 แบบด้วยกันนะคะ
- SHINE : ที่ดิน 50.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 175 ตร.ม. / 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 7.99 ล้านบาท
แบบบ้านนี้จะเป็นไซส์เล็กสุดของโครงการ มีทั้งหมด 3 ห้องนอน ซึ่งก็จะตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวขนาดเล็ก-กลางมีสมาชิก พ่อ-แม่-ลูก 2 คน เป็นต้นค่ะ
- GLORIOUS : ที่ดิน 54.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 227 ตร.ม. / 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท
แบบบ้านนี้จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยขยับขึ้นมาอีกหน่อย โดยมีจำนวนห้องนอนเพิ่มมากขึ้นและที่จอดรถที่ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวใหญ่ ครอบครัวขยาย สามารถอยู่ได้ถึง 3 Generation
- LUMINANCE : ที่ดิน 57.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 255 ตร.ม. / 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 9.99 ล้านบาท
และไซส์ใหญ่สุดของโครงการก็คือแบบบ้าน LUMINANCE ที่จำนวนห้องต่างๆ จะใกล้เคียงกับ GLORIOUS นะคะ แต่เพิ่มเติมฟังก์ชันห้องแม่บ้านไว้ด้านหลังด้วย เผื่อบ้านไหนมีพี่เลี้ยงเด็ก มีแม่บ้านก็สามารถมาพักอาศัยได้ รวมไปถึงไซส์ห้องแต่ละห้องในบ้านก็จะมีความกว้างมากขึ้นจาก GLORIOUS อีกหน่อยด้วยเช่นกัน
สำหรับรีวิวฉบับนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาดูแบบบ้านไซส์ใหญ่สุดของโครงการกัน ซึ่งแบบบ้าน LUMINANCE จัดเป็นแบบบ้าน Centro รุ่นใหม่สุดของ AP การพัฒนาแบบนี้ทำออกมาได้ดีเลย จากที่เราได้เดินเข้าไปดูมา สิ่งแรกที่เราว่าดีคือรูปแบบบ้านหน้ากว้าง หน้ากว้างดีอย่างไร? ให้คุณผู้อ่านลองดูตรงแปลนบ้าน สังเกตว่าทุกฟังก์ชัน หรือ ทุกห้องภายในบ้านจะได้หน้าต่างที่ทำให้แสงธรรมชาติเข้าถึงได้ดี ซึ่งก็จะช่วยให้บรรยากาศในบ้านดูโปร่งมากขึ้นตามไปด้วย
สำหรับชั้นล่างสังเกตที่แปลนจะมีการแบ่งโซน Semi-Public เป็นพื้นที่สำหรับสมาชิกในบ้านรวมตัวกัน ฝั่งขวามือของรูป ประกอบด้วย พื้นที่นั่งเล่น รับประทานอาหารและครัวไทย ส่วนฝั่งซ้ายมือ เป็นห้องนอนชั้นล่างมีห้องน้ำในตัว ซึ่งจริงๆ แล้วเราจะทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นห้องนอนเท่านั้น
ชั้น 2 สิ่งที่เราชอบคือบริเวณโถงกลาง ติดบันไดและพื้นที่นั่งเล่นตรงกลางบ้าน ส่วนนี้ค่อนข้างโปร่งและพื้นที่ใหญ่เลย จากนั้นแยกโซนห้องนอนออกเป็นฝั่งซ้าย-ขวา ห้อง Master Bedroom จะอยู่ซ้ายมือ ยาวจากหน้าบ้าน-หลังบ้าน มีห้องน้ำในตัวพร้อมอ่างอาบน้ำ
ส่วนห้องนอนที่ 2 และ 3 แบ่งเป็นฝั่งหลังบ้านและหน้าบ้าน ขนาดใกล้เคียงกันทั้ง 2 ห้องและห้องน้ำในตัวทั้ง 2 ห้องเช่นกัน
เริ่มต้นที่หน้าบ้านของบ้านมาตรฐานที่ทุกคนจะได้เหมือนกันนะคะ รั้วบ้านเป็นรั้วเหล็กโปร่งพ่นสีน้ำ เล่นลายตรง-ขวาง ประตูบานเลื่อนแบบนี้ใครขี้เกียจลงมาเปิด-ปิดรั้วเองสามารถติดตั้งเครื่องเปิด-ปิดประตูอัตโนมัติได้นะคะ
พื้นบริเวณที่จอดรถนี้รูปแบบเป็นคอนกรีตฉาบเรียบอย่างที่เห็นในภาพเลย โครงสร้างได้เป็น Slab on Ground นะ แยกพื้นกับโครงสร้างบ้านออกจากกัน ส่วนความกว้างของบ้านสามารถจอดรถเก๋งซีดานได้ 3 คันกำลังดีค่ะ
มาที่ทางเข้าบ้านตรงบริเวณที่จอดรถ ประตูที่เห็นเป็นประตูบานเลื่อนไม้จริง
ซึ่งมีระบบ Digital Door Lock มาให้ด้วยนะคะ และนอกจากนี้ทั้งบ้านทางโครงการก็มีระบบที่เรียกว่า Hybrid Living หรือตามความเข้าใจทั่วไปก็คือ Home Automation ที่เราสามารถสั่งการต่างๆ ภายในบ้านเราผ่าน Application บนมือถือได้เลย คร่าวๆ ก็จะมีการเปิด-ปิดไฟในบ้าน, การเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ, การเปิด-ปิดรั้วประตูบาน, ดูกล้อง CCTV ออนไลน์ได้, มีปลั๊กที่เราสามารถสั่งตัดไฟผ่าน Wifi ได้ด้วย ส่วนรายละเอียดอื่นๆ สามารถสอบถาม Sale โครงการเพิ่มเติมได้เลยค่ะ
ตรงบริเวณที่จอดรถก็จะมีติดตั้ง CCTV ให้แบบนี้เลยนะคะ
สำหรับบ้านทุกหลังของโครงการนี้ บริเวณส่วนก็มีการจัดสวนมาให้ด้วย ไม่ได้ให้มาเพียงแค่สนามหญ้า ปูหญ้าอย่างเดียวนะ เค้าก็มีต้นไม้เล็ก ต้นไม้ใหญ่ จัดให้ดูร่มรื่นสวยงาม
บรรยากาศสวนด้านข้างบ้านจัดมาให้ประมาณนี้ค่ะ ไม่แน่นไป ไม่หลวมไป ลูกบ้านยังสามารถนำต้นไม้ที่ตัวเองชอบมาปลูกเพิ่มเองได้
และสุดท้ายคือตรงหลังบ้านก็จะเห็นเป็นการปูหญ้าเรียบๆ ไว้ประมาณนี้ค่ะ
ภายในบ้านบริเวณพื้นที่นั่งเล่น มุมนี้ความรู้สึกแรกของเราคือกว้างมาก เฉพาะตรงนี้กว้างอยู่ที่ประมาณ 4.9 ม. เลย ดังนั้นนอกจากความโปร่งโล่งแล้ว เราว่าคนที่ชอบหน้าจอทีวีใหญ่ๆ ก็สามารถเลือกมาวางได้เลย เพราะมีระยะสายตากับทีวีที่กว้างขนาดนี้
ส่วนพวกประตูบานเลื่อนกระจกหน้าบ้านสังเกตว่าเค้าให้มาขนาดใหญ่อยู่นะคะ เกือบเต็มความกว้างหน้าบ้าน ก็เลยช่วยส่งเสริมให้ตัวบ้านดูโปร่งมากขึ้นด้วย
ถัดมาเป็นมุมพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งเราสามารถ Adapt เป็นได้ทั้งมุมรับประทานอาหารและอีกมุมเป็นครัวนอก ที่จะติดตั้ง Hob & Hood ก็ได้ เพียงแต่ไม่ได้จัดงานระบบน้ำมาให้ก็จะไม่สามารถติดตั้ง Sink ได้นะคะ
มุมนี้เราถ่ายมาให้ดูอีกด้านจะเห็นว่าบริเวณนี้ Connect กับพื้นที่นั่งเล่นด้านข้าง และครัวไทยด้านหลัง เราสามารถจัดพื้นที่นี้ แบ่งเป็นมุมกินข้าวก็ได้ อีกมุมนี้ปรับเป็นพื้นที่อเนกประสงค์เพิ่ม ให้มีฟังก์ชันใช้งานหลากหลายได้เลย สำหรับโซนครอบครัว ด้วยพื้นที่บริเวณนี้ที่ค่อนข้างใหญ่ระดับนึงนะคะ
เข้ามาในครัวไทยนี้ ทางโครงการก่อเคาน์เตอร์พร้อมลง Top เคาน์เตอร์เป็นแกรนิตดำไว้ให้เรียบร้อยเลย ถ้าใครอยากให้ชั้นเก็บของด้านหลังดูมิดชิดขึ้นก็สามารถซื้อหน้าบานมาติดตั้งเองได้ และเดี๋ยวนี้เค้ามีขายพวกชั้นวางของภายใน เลือกรูปแบบได้หลากหลายเลย ราคาเริ่มต้นประมาณ 2-3 พัน ลองมาตกแต่งกันได้นะคะ
สำหรับครัวไทยนี้ทางโครงการจัดให้มีมุมหน้าต่างและมีพัดลมดูดอากาศสำหรับระบายอากาศให้เรียบร้อยค่ะ
ถัดมาที่พื้นล้างซักล้าง ขนาดไม่ใหญ่มากนะคะ การใช้งานเป็นพื้นที่ซักล้าง ตากผ้าต่างๆ เราว่ายังไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ จะเป็นเหมือนทางเดินเชื่อมไปยังห้องนอน+ห้องน้ำแม่บ้านมากกว่า และไม่อยากแนะนำให้ทำหลังคาที่ต้องมีการทำเสาขึ้นจากพื้น (ถ้าเป็นผ้าใบติดกับผนังบ้าน อันนี้โอเคเลย) เพราะอาจทำให้พื้นทรุดตัวง่ายมากขึ้น เนื่องจากบริเวณนี้เป็นโครงสร้างแบบ Slab on Ground เช่นกัน
พื้นที่ด้านข้าง และอยู่ใต้ชายคานี้ทำเป็นที่วางเครื่องซักผ้าต่างๆ ซึ่งมุมนี้ทำมาได้ดีนะคะ ในการใช้งานเราก็อยากวางเครื่องซักผ้าไว้ด้านนอกอยู่แต่กังวลเรื่องฝนตกต่างๆ มุมนี้อยู่ใต้ชายคาเลยก็หมดห่วงได้ อาจจะมีน้ำฝนกระเด็นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เครื่องพังนะ
ถัดมาเป็นห้องนอน+ห้องน้ำแม่บ้านอยู่ติดๆ กันเลยค่ะ สำหรับห้องน้ำเรามองว่าโครงการทำออกมาให้โอเคนะคะ ส่วนห้องนอนแม่บ้านนอนได้ประมาณ 1 คนกำลังดี มีติเล็กน้อยว่าห้องนอนแม่บ้านไม่มีหน้าต่างเลย มีแค่ประตูทางเข้า ซึ่งในการใช้งานจริงน่าจะร้อนและอึดอัดทีเดียว เป็นไปได้ก็อาจจะต้องปรับส่วนประตูให้มีช่องระบายอากาศเป็นอย่างต่ำ ไม่ก็ติดประตูมุ้งลวดเพิ่มเติมเองอีกชั้น
ถัดมาเรากลับเข้ามาภายในบ้านอีกรอบ บริเวณที่ติดกลับครัวไทยจะมีห้องน้ำชั้นล่างที่เป็นรูปแบบ Powder Room คือไม่มีพื้นที่อาบน้ำ เป็นเพียงห้องน้ำรับแขกนะคะ สำหรับสุขภัณฑ์ทั้งหมดของที่นี่ไม่ว่าจะเป็นโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือต่างๆ ก็จะใช้จาก COTTO ค่ะ
ห้องน้ำนี้มีการเล่น Step 2 ขั้นนะคะ เราไม่แน่ใจว่าบริเวณนี้ลดมา 2 ขั้นทำไม แต่ช่วยให้ระดับไม่ลึกเกินไปในแต่ละขั้น
ออกมาจากห้องน้ำ ก็จะมีทางเดินเชื่อมไปยังฝั่งห้องนอนชั้นล่างกันแล้ว ซึ่งห้องนอนชั้นล่างจะอยู่ติดกับประตูทางเข้าหน้าบ้านฝั่งที่จอดรถนะคะ
สิ่งที่เราว่า Interior ในบ้านตัวอย่างทำมาให้ดูเป็นไอเดียที่ดีก็คือ ใกล้ๆ ประตูทางเข้าบ้านฝั่งที่จอดรถมี Built-in ชั้นวางรองเท้าไว้ให้เลยในบ้าน แทนที่จะถอดรองเท้าหน้าบ้าน ก็สามารถทำพื้นที่เก็บรองเท้าบริเวณนี้อย่างเป็นสัดส่วน ซึ่งน่าจะดีกว่า
ภายในห้องนอนชั้นล่าง ทางบ้านตัวอย่างลองจัดมาให้ดูเป็นอีกไอเดียแทนที่จะเป็นห้องนอนก็เป็นห้อง Home Theater แทน ซึ่งก็สามารถจัดได้เช่นกันนะคะ ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างกว้าง ขอบเขตในการจัดฟังก์ชันเลยหลากหลายมากขึ้น
และหากจะจัดเป็นห้องนอนก็สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ค่ะ
อีกมุมนึงเป็นผนังเปล่าที่สามารถ Built-in ชั้นวางต่างๆ ได้ หรือจะเป็นที่วางตู้เสื้อผ้าก็โอเค (กรณีทำเป็นห้องนอนชั้นล่าง)
ภายในห้องนี้มีห้องน้ำในตัวให้เลย เผื่อรับรองเป็นห้องนอนชั้นล่าง ซึ่งโซนการวางสุขภัณฑ์เค้าจะแยกเป็นโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนดีค่ะ แต่ไม่ได้มีฉากกั้นกระจกให้นะคะ ลูกบ้านสามารถมาติดตั้งเองได้เลย พื้นที่ตรงนี้ติดตั้งได้สบายๆ
มุมอาบน้ำได้เป็น Hand Shower มาตรฐานด้านข้างมีการเดินงานระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นให้เรียบร้อยค่ะ ส่วนสุขภัณฑ์อื่นๆ ที่ไม่ได้พูดถึงก็จะเหมือนกับห้องน้ำใกล้กับครัวไทยเลย
ขึ้นมาที่ชั้น 2 กันบ้าง บริเวณโถงลิฟต์ค่อนข้างกว้างเลย และบานกระจกขนาดใหญ่รับแสงได้ดี
ความรู้สึกส่วนตัวเรานะคะ ช่วงบันไดแรกค่อนข้างชันอยู่นะ แต่ความสูง-ความกว้างของลูกตั้ง-ลูกนอนบันไดถือว่าโอเคค่ะ ส่วนชานพักอันนี้กว้างเลยเดินสบาย และถัดมาที่ช่วงที่ 2 ของบันไดมีไม่กี่ขั้นเลยไม่เดินเหนื่อยเท่ากับบันไดช่วงแรก
ที่บันไดช่วงที่ 2 มีไม่กี่ขั้น สิ่งแรกก็เพื่อให้พื้นที่โถงกลางบ้านของชั้น 2 กว้างมากขึ้น และจัดฟังก์ชันมุมนี้ได้ไม่ว่าจะเป็นมุมบูชาพระ หรือ มุม Built-in ชั้นวางของสะสมก็ได้นะคะ อย่างเราที่ชอบสะสมของนักร้องที่ชอบก็อยากมีชั้น Built-in ไว้โชว์ของสะสมตัวเอง
มุมโถงกลางนี้ทางโครงการติดตั้งเครื่อง Control ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านให้ด้วยนะคะ
สำหรับตรงกลางบ้านชั้น 2 จะมีมุมพื้นที่นั่งเล่น/มุมอเนกประสงค์ให้ แต่จะไม่ได้กั้นพื้นที่ด้วยฉากกั้นกระจกเหมือนในบ้านตัวอย่างนะ เป็นพื้นที่โล่งเลย
พื้นที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับเราจัดฟังก์ชันเลยนะคะ จะเป็นมุมนั่งเล่นอีกมุม หรือเป็นมุมทำการบ้านเด็กๆ ก็ได้ หรือถ้าสมาชิกในบ้านเยอะก็ทำเป็นอีกห้องนอนได้เช่นกัน
สำหรับบ้านมาตรฐานจริงๆ ผนังนี้จะเป็นผนังทึบไม่สามารถ Connect ได้นะคะ แต่ทางโครงการทำมาให้เราดูเป็นไอเดียว่าสามารถทุบผนังเพื่อต่อเติมหรือจัดวางฟังก์ชันใหม่ก็สามารถทำได้ เนื่องจากรูปแบบผนังที่นี่เป็นอิฐมวลเบานั่นเอง
และห้องนี้ก็จะได้เป็นห้องที่เชื่อมกับระเบียงหน้าบ้านด้วยนะคะ
ลักษณะระเบียงหน้าบ้านนี้เป็นระเบียงยาวเชื่อมจากห้องอเนกประสงค์ไปถึงห้องนอนใหญ่เลย ให้ลูกบ้านออกมายืนสูดอากาศกันได้
ถัดเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่ จะเจอพื้นที่ส่วนอเนกประสงค์ก่อน ซึ่งเราจะทำเป็นพื้นที่ทำงานหรือวางเก้าอี้ Day Bed เพื่อนั่งเล่นอ่านหนังสือ
ถัดมาบริเวณพื้นที่เตียงนอนค่อนข้างกว้างเลย เลือกวางเตียง 5-6 ฟุตได้สบาย
ถัดมาอีกโซนนึงก็สามารถจัดเป็น Walk-in Closet ขนาดใหญ่ วางตู้เสื้อผ้าได้ 2 ฝั่ง
และอีกฝั่งนึงสามารถวางอีกตู้เสื้อผ้าได้พร้อมกับโต๊ะเครื่องแป้ง
เข้ามาภายในห้องน้ำ ห้องนี้ใหญ่เป็นพิเศษ และมีอ่างอาบน้ำจาก COTTO เพิ่มมาให้ด้วยนะคะ
ส่วนอีกมุมเป็นพื้นที่อาบน้ำ
เข้ามาในห้องนอนที่ 2 ตำแหน่งบริเวณหน้าบ้าน ห้องนี้จริงๆ สามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้อยู่นะคะ หรือถ้าจะจัดเป็นห้องนอนเด็กก็เป็นเตียง 3.5 ฟุต มุมเด็กเล่นด้านข้างเพิ่มก็ได้
อย่างห้องตัวอย่างก็ทำเป็นมุมแต่งตัวที่เหมือนกับห้องเด็กเล่นด้านในไปในตัว
ส่วนห้องน้ำได้ขนาดโอเคเลย แยกโซนเปียกโซนแห้งได้สบาย
อีกห้องนอนที่ 3 อยู่ตำแหน่งหลังบ้าน ห้องนี้เลือกจัดมาเป็นโทนเด็กผู้หญิง วางเตียง 5 ฟุตกำลังดี
ปลายเตียงทำเป็นตู้เสื้อผ้าและมีโต๊ะเครื่องแป้งเล็กน้อยได้
ส่วนห้องน้ำขนาดจะใกล้เคียงกับห้องนอนที่ 2 และแยกโซนเปียกโซนแห้งไว้ให้เรียบร้อย ด้วยระดับพื้นที่ต่างกัน ซึ่งถ้าไม่อยากให้น้ำกระเด็นมายังโซนแห้งเลยเราสามารถติดตั้งฉากกั้นกระจกเองได้ หรืองบไม่มากก็ปรับเป็นม่านพลาสติกน่ารักๆ ก็ได้ค่ะ ราคาหลักร้อยเอง ^^
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
19 MARCH 2020
- SHINE : ที่ดิน 50.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 175 ตร.ม. / 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 7.99 ล้านบาท
- GLORIOUS : ที่ดิน 54.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 227 ตร.ม. / 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท
- LUMINANCE : ที่ดิน 57.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 255 ตร.ม. / 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 9.99 ล้านบาท
- จองและทำสัญญา n/a บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
- ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : โครงการ Centro สะพานมหาเจษฏาบดินทร์ฯ 2 อยู่ในซอยไทรม้า 18 ซึ่งสามารถเข้า-ออกได้ทั้ง 2 ทางหลักจาก ถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนราชพฤกษ์ – นนทบุรี 1 ลูกบ้านสามารถเลือกเส้นทางในการเดินทางได้เลย ในความคิดเราหากพูดถึงความสะดวกในการเดินทางสำหรับรถยนต์นั้นเรามองว่าสะดวกนะ โดยเฉพาะคนที่ใช้เข้า-ออกบนถนนราชพฤกษ์ – นนทบุรี 1 เป็นหลัก เพราะเข้าจากทางนั้นไม่ค่อยเปลี่ยว มีซุ้มโครงการ รปภ. ดูแลและระยะทางจากซุ้มทางเข้าบนถนนราชพฤกษ์ – นนทบุรี 1 ถึงหน้าโครงการไม่ไกลมาก
อีกตัวเลือกการเดินทางนึงของลูกบ้านโครงการนี้คือการเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้ เรามองว่าครอบครัวนึงสมาชิกหลายคน คุณพ่อคุณแม่อาจจะมีรถส่วนตัวใช้ แต่เด็กๆ ถ้าอยากจะไปโรงเรียนเอง หรือนัดเจอเพื่อนๆ ก็สามารถเดินทางไป-กลับเองได้ด้วยรถไฟฟ้า อาจจะให้คุณพ่อคุณแม่ส่งหน้าปากซอยไทรม้า 18 แล้วต่อสถานีไทรม้า / บางรักน้อยท่าอิฐ ก็สะดวกกันทั้งครอบครัว
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : เดี๋ยวนี้โครงการของ AP ที่เป็นโครงการใหม่ๆ ให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัยมากทีเดียวนะคะ ซึ่งเรามองว่าประเด็นนี้ทำให้กลายเป็นจุดแข็งของโครงการเหมือนกันสำหรับคนที่เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นระบบ KATSAN ของทาง AP ที่เป็นระบบรักษาความปลอดภัยผ่าน Application มือถือเราได้เลย รวมไปถึงระบบ Hybrid Living หรือจะเรียกว่า Home Automation ที่เราสามารถสั่งการระบบต่างๆ ภายในบ้าน เช่น CCTV, ระบบไฟฟ้า, แอร์ ได้ผ่าน Application เช่นเดียวกัน
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย : ในแง่การออกแบบตัวบ้าน ภาพรวมสำหรับ Theme หน้าตาบ้านทำออกมาในโทนอบอุ่น มีการใช้ระแนงไม้สำเร็จรูปเพื่อให้ได้อารมณ์บ้านมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องความชอบนะคะ ดังนั้นคุณผู้อ่านลองดูกันว่าชอบแนวการออกแบบนี้เป็นพิเศษไหม?
ส่วนที่เราวิเคราะห์และให้ความเห็นได้ก็คงจะเป็นเรื่องของแปลนบ้าน จากที่เห็นแล้วแปลนบ้านนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องหน้ากว้างของบ้าน ข้อดีของบ้านหน้ากว้างก็จะเป็นเรื่องแสงธรรมชาติที่เข้าถึงห้องทั้งหมดในบ้านได้ดี บ้านก็ดูโปร่งด้วย โดยรวมเราว่าแบบบ้านทำออกมาได้ดีนะคะ อาจจะมีดีเทลเล็กน้อยที่เราอยากให้โครงการพิจารณาเพิ่มเติม อย่างห้องแม่บ้านในแบบบ้าน Luminance ที่อยากให้มีหน้าต่างระบายอากาศให้แม่บ้านหน่อย จะได้ดูไม่อึดอัดและร้อนไป
วัสดุ : วัสดุภายในบ้านโดยรวมให้มาโอเค มาตรฐาน อาจจะไม่เด่นมาก ความเห็นเราตัวชูโรงโครงการนี้น่าจะเป็นเรื่องของแบบแปลนบ้านและบรรยากาศโครงการมากกว่า มีบางอย่างที่เราคิดว่าถ้าเพิ่มสเป็คขึ้นมาหน่อยจะดีก็อย่างเช่น โครงสร้างพื้นที่จอดรถ และ โครงสร้างพื้นหลังบ้าน ที่น่าจะมีเสาเข็มมาให้
ส่วนวัสดุอื่นๆ พวกประตู-หน้าต่างบานกระจก และมี Digital Door Lock มาให้อันนี้โอเคเลยค่ะ เราว่าดี
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : บรรยากาศโครงการทำออกมาได้ดี ภายใต้ Concept ที่มาในแนวอบอุ่นร่มรื่น ก็ Represent ออกมาได้ชัดเจนนะคะ เราเห็นต้นไม้ใหญ่อยู่ตลอดทาง มีพื้นที่สวนพอสมควร
สาธารณูปโภค : Facilities ภายในโครงการขอพูดเป็น 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือเรื่องขนาดของ Facilities แต่ละจุด มุมมองเราว่าขนาดมาตรฐาน กำลังดี นับจากจำนวนยูนิตหลักร้อยต้นๆ ส่วนการออกแบบเราว่ามีการจัดตำแหน่งและฟังก์ชันได้ดี เช่น สระว่ายน้ำกลางแจ้งที่มีการเข้ามุมบังด้วยต้นไม้พุ่ม ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ติดกันมีห้องก็เป็นพื้นที่นั่งเล่นให้ผู้ปกครองมานั่งในแอร์ดูเด็กๆ เล่นน้ำไปก็ได้ แทนที่ต้องมานั่งร้อนตรง Day Bed ข้างสระ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 8-10 ล้านบาท, 19 MARCH 2020
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.75/10 – ไม่ติดถนนใหญ่ แต่สามารถไปยังถนนใหญ่ได้ 2 ทางจาก Fast track และตัวโครงการใกล้กับรถไฟฟ้าในระยะนั่งมอเตอร์ไซค์ 1 ต่อได้
- ความปลอดภัย 8/10 – มีระบบ Hybrid System, KATSAN
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – บ้านหน้ากว้าง จัดฟังก์ชันได้ดี ดูโปร่ง
- วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – จัดบรรยากาศโครงการได้ร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – บรรยากาศดี สวยงามน่าใช้ และขนาดเหมาะสมกับจำนวนยูนิต ไม่เล็กไป
- 7.83 / 10.00
BOTTOM LINE
Centro สะพานมหาเจษฏาบดินทร์ฯ 2 โครงการบ้านบนทำเลไทรม้า 18 ที่มีจุดเด่นในเรื่องทำเลการเข้า-ออกโครงการได้ทั้งจาก รัตนาธิเบศร์และราชพฤกษ์-นนทบุรี 1 รวมไปถึงโครงการบ้านเดี่ยวทั้งโครงการ เน้นครอบครัวขนาดกลาง-ใหญ่ อยู่ได้ตั้งแต่ 2-3 Generation สุดท้ายประเด็นที่ตอบว่าเหมาะกับใคร น่าจะเป็นเรื่องของแบบบ้านที่ชอบกับงบประมาณเหมาะสมมากกว่า เพราะมีตัวเทียบได้อย่าง Centro สะพานมหาเจษฏาบดินทร์ฯ (ตัวแรก) และ The City สะพานมหาเจษฏาบดินทร์ฯ
ส่วนตัวบ้านโครงการนี้เน้นบ้านหน้ากว้าง ข้อดีคือได้เปรียบเรื่องความโปร่งโล่งและแสงธรรมชาติเข้าถึงได้ดี
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving