รีวิวโครงการ
15 GATES เอกมัย-รามอินทรา โครงการบ้านเดี่ยว Luxury ออกแบบพิเศษ 15 Units หลัง CDC จาก AQ Estate [รีวิวฉบับที่ 599]
17 มิถุนายน 2014
สวัสดีครับชาว ThinkofLiving สำหรับ Project : Point of View ก็ได้เดินทางมาถึงตอนที่ 3 แล้วนะครับ ครั้งนี้เราไปบุกบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นบ้างนะครับ กับโครงการ 15 Gates โดย AQ Estate ครับ
จุดเด่นของโครงการนี้ก็คือการออกแบบเส้นสายและการเลือกใช้วัสดุนะครับ โดยบ้านทุกหลังได้รับการออกแบบโดยคุณดวงฤทธิ์ บุญนาค (หรือคุณด้วง) สถาปนิกและนักออกแบบชื่อดัง
Project Point of View นี้ เราจะเน้นถ่ายทอดมุมมองจากภาพถ่ายนะครับ ไม่เน้นข้อมูล หากเพื่อนๆอยากดูรายละเอียดและข้อมูลโครงการ คงต้องรอชม “บทความรีวิว” คงจะได้เห็นกันในอีกไม่นานนี้
สำหรับตอนนี้เราไปชมภาพสวยๆผ่านมุมมองจากช่างภาพทั้ง 3 ท่านกันครับ
ขอเริ่มจาก Fotografier “NAN” นะครับ เป็นช่างภาพประจำรายการ “คิด.เรื่อง.อยู่” ครับ
การออกแบบทรงเรขาคณิตวางซ้อนกันอย่างมีจังหวะ ทำให้บ้านหลังนี้แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์
Living Room เชื่อมต่อกับโต๊ะทานอาหาร และครัว เน้นความโปร่งโล่ง และความต่อเนื่องในการใช้งาน
ใช้กระจกบานเลื่อนแทนผนังทึบ เพื่อดึงเอาแสงสว่างเข้ามาในตัวบ้าน อีกทั้งยังได้เห็นวิวสวนไปในตัวด้วย
ส่วนเตรียมอาหารและครัวเลือกใช้วัสดุ Glossy สีขาว ดูแล้วสะอาดตา
3 ฟังก์ชั่นการใช้งาน เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีวัสดุและสีสันแตกต่างกัน ทั้งวัสดุธรรมชาติ และ วัสดุสังเคราะห์ เพื่อลดความโมเดิร์นของบ้านลง
ผนังกระจกบานเลื่อนสามารถเปิดรับลม และเชื่อมต่อสวนได้ตลอดทั้งแนว ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ
ห้องทำงานและดูหนัง เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์โทนเข้มตัดกับผนังสีขาว ส่วนผนังอีกด้านหนึ่งเป็นกระจกบานเลื่อน ให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เต็มที่
มุมนั่งเล่นในห้องนอนใหญ่ เชื่อมต่อกับระเบียงขนาดใหญ่ด้านนอก
โต๊ะอ่านหนังสือทำจากโครงเหล็ก ตัดกับเก้าอี้ไม้สีแดง
ระเบียงขนาดใหญ่มีเส้นสายของพื้นต่อเนื่องมาจากห้องนอนใหญ่ วางโซฟารูปตัวแอลลงไปสำหรับใช้ในวันพักผ่อน
เนื่องจากราวกันตกเป็นกระจก จึงปลูกต้นไม้ลงไปเพื่ออำพรางสายตา และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับตัวบ้าน
ระเบียงมีขนาดใหญ่พอที่จะวางชุดโต๊ะน้ำชา ปลูกต้นไม้รอบๆ นั่งจิบกาแฟ รับลม พร้อมกับชมต้นไม้สีเขียวไปพร้อมกันได้
Walk-in Closet เลือกใช้ไม้สีโอ๊คเข้ม เพื่อให้โดดเด่นขึ้นมาจากสีพื้น
ราวบันไดภายในบ้านเป็นกระจกเพื่อความโปร่งตา และได้รับแสงธรรมชาติจากระเบียงชั้น 3
ผนังที่โถงบันไดทาสีขาว และจงใจวางของตกแต่งที่เน้นความเรียบ เพื่อให้ดูสะอาดตา
ห้องทำงานถูกปรับอารมณ์ให้ขรึมลง โดยเลือกใช้ชั้นวางของโทนสีเข้ม ทำให้พระเอกอย่างโต๊ะทำงานสีขาวดูโดดเด่นขึ้นมา
ห้องทุกห้องเน้นการรับแสงธรรมชาติ ด้วยกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่
โซฟาสีขาวกับผนังสีขาวก็จะดูจืดไป จึงเพิ่มลูกเล่นด้วยหมอนสีเหลืองและของตกแต่งทำจากไม้ ทำให้มุมนั่งเล่นนี้ดูน่ารักขึ้นมา
ห้องนอนเล็กติดวอลเปเปอร์สีเข้มที่ผนังหัวเตียง และสร้างจุดสนใจโดยวัสดุตกแต่งที่ทำจากไม้ จัดวางให้ดูเป็นภาพ 3 มิติ
ห้องนอนใหญ่ในเวลาพลบค่ำ ให้อารมณ์แตกต่างไปจากตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อแดดร่มลมตก เป็นเวลาที่เหมาะแก่การนั่งเล่นที่ระเบียง หรือจะนั่งทานดินเนอร์กันตรงนี้ก็ได้
ต่อด้วยภาพจาก คุณเจี๊ยบ Phaphutha ช่างภาพอิสระครับ
Living Room ยามเย็น แสงแดดที่ตกกระทบผ่านใบไม้ ทำให้ผนังมี Texture ขึ้นมา
มุมโซฟาเลือกใช้สีสันเอิร์ธโทน แต่แตกต่างกันด้วยน้ำหนักของสี เข้ม กลาง อ่อน ทำให้มุมนี้เด่นขึ้นมาจากผนังสีขาวและผนังไม้ด้านข้าง
พื้นที่ชั้นล่างโปร่งโล่ง ยาวต่อเนื่องไปจนถึงครัว ด้วยการวางเฟอร์นิเจอร์ที่ขนานกันและเป็นจังหวะเดียวกัน ทำให้ดูกลมกลืนและสะดวกต่อการใช้งาน
พื้นที่ 2 ใน 3 ของโต๊ะทานอาหารหน้าท็อปเป็นไม้ ส่วนที่เหลือเป็นวัสดุ Glossy สีขาว ทำให้แจกันสีเหลืองอำพันดูโดดเด่นขึ้นมาทันที
ผนังที่ชานพักบันไดเป็นสีขาวล้วน ราวกับตั้งใจให้เป็นที่แขวนงานจิตรกรรม
เมื่อตึงเครียดจากการทำงาน ก็สามารถผ่อนคลายด้วยการมองผ่านกระจกออกไปเห็นสีเขียวของต้นไม้ได้
วางโซฟาหนังสีน้ำตาลเพื่อลดความแข็งกระด้างของบ้านสไตล์โมเดิร์น
โต๊ะงานงานวางต่อเนื่องกับโซฟา ทำให้สามารถใช้งานได้พร้อมกัน
ห้องนอนใหญ่กรุผนังด้วยกระเบื้องสีเทาเข้ม ยาวต่อเนื่องออกไปนอกตัวบ้าน เพื่มความขรึมให้กับห้องนี้
เบรกความเคร่งขรึมของห้องนอน ด้วยวอลเปเปอร์โทนสีที่อ่อนลงมา
การจัดองค์ประกอบแสง ก็เป็นอีกไอเดียหนึ่งที่ทำให้ Walk-in Closet ดูมีความน่าสนใจขึ้นมา
ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ปูพื้นด้วยกระเบื้องสีเทาเข้ม ตัดกันชัดเจนกับผนังหินอ่อนสีขาว และเปิดรับแสงจากภายนอกด้วยกระจกบานใหญ่
การนำวัสดุที่แตกต่างกันมาจัดวางรวมกัน ทำให้มุมธรรมดาแบบนี้กลับดูน่าสนใจขึ้นมาทันที
โถงบันไดที่ชั้น3 สร้างจุดสนใจด้วยงานศิลปะและของตกแต่ง ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็น Art Gallery ไปในตัว
ระเบียงที่ชั้น 3 จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เหมาะแก่การหลบมานั่งพักผ่อนหรืออ่านหนังสือเงียบๆ
“ด้วง” ของตกแต่งที่ผู้ออกแบบแอบวางไว้ แสดงถึงตัวตนของคุณดวงฤทธิ์ที่แอบอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างเนียนๆ
ห้องนอนเล็กมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก จึงใส่กระจกบานใหญ่ที่ผนังเข้าไป เพื่อเพิ่มความโปร่งของห้องนี้
การออกแบบของบ้านจงใจให้เกิดมิติ และเมื่อกระทบกับแสงไฟในบ้านแล้วยิ่งทำให้มิตินั้นชัดเจนขึ้น
เมื่อเวลามืดลง แสงสว่างในบ้านจะกลายเป็นส่วนที่สร้างรูปร่างให้กับบ้านหลังนี้
สุดท้ายภาพจาก Mr.Boom พิธีกรรายการ “คิด.เรื่อง.อยู่” ครับ
ที่มาของชื่อโครงการ “15 Gates” นั้นมาจากจำนวนบ้านทั้งหมดของโครงการนี้ครับ บ้านเลขที่ของหมู่บ้านนี้ยังขึ้นต้นด้วย 1500/1 ไปถึง 1500/15
รั้วหน้าโครงการประดับด้วยกระเบื้องลายอิฐสีเทา จงใจใช้สีเข้มให้อารมณ์ดูขรึมมากขึ้น
ในความเรียบง่ายของตัวบ้าน กลับแฝงรายละเอียดที่ผู้ออกแบบจงใจใส่ลงไป
เส้นสายของตัวบ้านออกแบบมาอย่างมีจังหวะ สอดแทรกด้วยวัสดุอย่างเช่นกระจก ไม้ และหินอ่อน
กำแพงบ้านเป็นสีขาวเช่นเดียวกับตัวบ้าน ทำให้ดูกลมกลืนและต่อเนื่องกัน เสมือนว่ากำแพงเป็นส่วนหนึ่งของตัวบ้าน
สร้างความโดดเด่นของตัวบ้านด้วยการกรุไม้ที่ผนังเป็นแนวนอน เพื่อเพิ่มมิติและจุดนำสายตา
ใช้กระจกบานเลื่อนทั้งผนัง ให้ความรู้สึกเหมือนเป็น “Window Display”
การออกแบบตัวบ้านเน้นโชว์พื้นผิวของวัสดุที่ใช้ เช่น ผนังปูน กระจกใส ขอบสแตนเลส เฟรมอลูมิเนียม ไม้ และหินอ่อน
ลีลาและจังหวะการเชื่อมต่อของวัสดุที่แตกต่างกัน
เก้าอี้นั่งเล่นถูกวางเอาไว้ริมประตูกระจก เพื่อรับวิวจากสวนภายนอกได้
ห้องทำงานที่ชั้น 3 เลือกใช้โต๊ะสีขาวทำให้อุปกรณ์การทำงานดูโดดเด่นขึ้นมา และชั้นวางของด้านหลังไม่มีบานปิดเพื่อจงใจใช้เป็นตู้โชว์ไปในตัว
ผนังสีเทาเข้มทำให้ Daybed ตัวนี้เด่นขึ้นมา และประดับด้วยต้นไม้เล็กๆ เป็นการดึงเอาธรรมชาติจากภายนอกเข้ามาข้างใน
การเชื่อมต่อและบรรจบกันของวัสดุต่างๆ
ผู้ออกแบบจงใจทิ้งผนังสีขาวแบบนี้ไว้ไม่ เพื่อให้งานศิลปะที่วางไว้ข้างๆดูเด่นที่สุด
สร้างความโดดเด่นของบ้านยามค่ำคืนด้วยไฟ Warm Light ตัดกับสีน้ำเงินของท้องฟ้า
ออกแบบบ้านให้มีสีขาว เพื่อให้เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างสีน้ำเงินกับสีส้ม
เส้นสายของตัวบ้านวิ่งสอดรับกันระหว่างอีกหลังหนึ่งไปยังอีกหลังหนึ่ง
หินอ่อนและไม้ ถูกนำมาใช้อย่างลงตัว เพื่อแสดงถึงการนำธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้าน
ภูมิทัศน์รอบโครงการจัดเป็นแนวสวนเล็กๆริมถนน
นอกจาก “บ้าน” จะบ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้ออกแบบแล้ว “บ้าน” ก็สามารถบ่งบอกถึงตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้เช่นกัน
และนี่ก็เป็นผลงานภาพผ่าน Viewfinder ของช่างภาพทั้ง 3 ท่านนะครับ หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะชอบ และนำไอเดียต่างๆเหล่านี้นำไปปรับใช้กับบ้านหรือคอนโดของตัวท่านเองนะครับ
และคอยติดตาม “Point of View” ในตอนต่อไปนะครับว่าเราจะไปเก็บภาพที่ไหนมาฝากกัน (ใบ้ให้นิดว่าเป็นตึกสูงครับ)
Project “Point of View” โครงการพิเศษ ที่ทาง ThinkofLiving จะแวะไป โครงการที่มีมุมที่น่าสนใจ ทั้งโครงการตึกสูง และแนวราบ เพื่อถ่ายทอด มุมมองต่างๆ ผ่านทาง ภาพถ่าย ติดตามได้ใน Web Site “ThinkofLiving.com” ครับ ซึ่งในบาง Project เราจะเปิดโอกาสให้ แฟนเพจที่รักการถ่ายภาพ และมีมุมมองที่น่าสนใจ แวะไปร่วมกิจกรรมถ่ายภาพด้วยกัน เพื่อนๆที่สนใจ ก็กด Like ใน Facebook และคอยติดตามนะครับ 🙂