สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราพาไปรีวิวโครงการ สีวลี เพชรเกษม 69 เป็นบ้านเดี่ยวบนที่ดินขนาดใหญ่ ดูจากแบบบ้านและที่ดินแล้วเหมาะกับครอบครัวใหญ่ อยู่ได้หลายรุ่นและสามารถรองรับครอบครัวขยายในอนาคตได้ ถ้าเทียบราคากับพื้นที่ใช้สอยในบ้านอาจรู้สึกว่าบ้านราคาสูงกว่าโครงการอื่นๆ ในละแวกนี้ เพราะที่นี่เค้าให้ความสำคัญกับ 6 เรื่องหลักๆ เหล่านี้แทนมากกว่าค่ะ
- ความเป็นส่วนตัว : นับเป็นจุดเด่นสุดของโครงการเลย โดยมีจำนวนบ้านเพียง 82 ยูนิต และออกแบบเป็นบ้านแปลงมุมเกือบทั้งหมด แต่ละซอยมีจำนวนบ้าน 2-6 หลังเท่านั้น ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง
- ที่ดินขนาดใหญ่ : แปลงที่ดินที่เปิดขายตอนนี้มีขนาด 120+ ตร.วา ทั้งหมด เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่รอบบ้านเยอะ สำหรับปลูกต้นไม้และให้น้องหมาวิ่งเล่น
- มีเรือนรับรอง : นอกจากตัวบ้านหลักแล้วยังมีเรือนรับรองพร้อม Outdoor Relaxing Area สามารถใช้ฟังก์ชันได้หลายแบบ เช่น ห้องนอนแขก ห้องนอนผู้สูงอายุ หรือสมาชิกที่ต้องการห้องนอนติดสวน ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ทำให้โครงการนี้แตกต่างจากหมู่บ้านอื่นๆ ด้วยนะ
- Clubhouse ขนาดใหญ่ น่าใช้งาน : ส่วนกลางมีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนขนาดใหญ่ รวมพื้นที่ส่วนกลางประมาณ 5% + เทียบกับจำนวนยูนิตแล้วถือว่าแบ่งกันใช้สบายๆ และวางตำแหน่ง Clubhouse ที่อยู่ด้านในโครงการทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวด้วยค่ะ
- วัสดุ : เลือกใช้วัสดุหลายอย่างดี เช่น บานประตู Lixil, หน้าต่าง Tostem, เทคโนโลยี Air Plus (ปัจจุบันอัพเกรดเป็น Air Plus Square)
- ทำเลเข้าออกได้หลายเส้นทาง : สุดท้ายคือเรื่องทำเลที่ตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ ย่านบางบอน ซึ่งสามารถเข้าออกได้จากถนนหลักทั้งเส้นเพชรเกษม, ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนเอกชัย ขับรถไปทำงานสะดวก และใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในอนาคต
ข้อมูลโครงการ
Siwalee Petchkasem 69 (สีวลี เพชรเกษม 69) ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2564
ชื่อโครงการ | Siwalee Petchkasem 69 (สีวลี เพชรเกษม 69) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซอยเพชรเกษม 69 เขตหนองแขม |
ที่ดิน | 35 ไร่ |
จำนวนยูนิต | จำนวน 82 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.8 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | N/A บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2563 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | N/A |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.lh.co.th/th/singlehome/siwalee-petchkasem-69 |
โทร | 065-924-0103 |
Call Center | 1198 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.681140, 100.356197
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการสีวลี เพชรเกษม 69 ตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ ย่านบางบอน จากตัวโครงการถึงหน้าปากซอยเพชรเกษม 69 ประมาณ 5 กม. เป็นทำเลกรุงเทพฝั่งตะวันตกใกล้จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนจะถึงมหาชัยที่เป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมเล็กและใหญ่ค่อนข้างเยอะ ทำเลนี้จะขยับเข้ามาใกล้ตัวเมืองมากขึ้นหน่อย ได้สภาพแวดล้อมที่เป็นชุมชนที่พักอาศัย ไม่ใช่บรรยากาศในย่านอุตสาหกรรมมากนักเมื่อเทียบกับย่านมหาชัย
จากทำเลของโครงการสีวลี เพชรเกษม 69 อยู่บนถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ มีซอยให้ลัดเลาะเยอะ ทำให้ตัวโครงการสามารถเข้าออกได้หลายเส้นทางทั้งทางถนนเพชรเกษม ถนนเอกชัย และถนนกาญจนาภิเษก เรามองว่าที่นี่จับกลุ่มคนที่ใช้ถนนเอกชัย ถนนเพชรเกษมเป็นหลัก หรือใช้ชีวิตออกไปทางนอกเมืองจะสะดวกกว่า
บรรยากาศโดยรอบดูแล้วค่อนข้างสงบเพราะเข้ามาในซอยพอสมควร แต่เมื่อออกไปบนถนนหลักที่รายล้อมโครงการอยู่ก็จะเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทั้ง Hypermarket ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ จึงเป็นทำเลสงบที่มีความอุดมสมบูรณ์ครบครัน เมื่อดูจากการพัฒนาที่ดินต่างๆ แล้ว คิดว่าย่านนี้ก็คงจะมีการพัฒนาที่ดินอย่างต่อเนื่อง เพราะในอนาคตบนถนนเพชรเกษมจะมีรถไฟฟ้าให้ใช้งานกันด้วย เป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่เชื่อมต่อจากสถานีหลักสองไปทางพุทธมณฑล นั่นคงทำให้ความนิยมบนทำเลนี้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
รายละเอียดโครงการ
หลังจากรู้ตำแหน่งที่ตั้งโครงการและทำเล เรื่องการเดินทางครบจบกันไปแล้ว เรามาทำความรู้จักโครงการนี้กันต่อเลยนะคะ โครงการสีวลี เพชรเกษม 69 นี้ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ดินรวมแล้วประมาณ 35 ไร่ มีจำนวนยูนิตเพียง 82 ยูนิต ถือว่าไม่เยอะเลยและแต่ละแปลงที่ดินมีขนาด 120+ ตร.วา ข้อดีของโครงการที่มีแปลงที่ดินขนาดใหญ่นั้น นอกจากแต่ละหลังจะได้ที่ดินไว้ต่อเติม หรือมีพื้นที่สวนให้เด็กๆ วิ่งเล่นกันได้แล้ว สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือเรื่องของความหนาแน่นน้อยนั่นเอง ความหมายของคำว่าหนาแน่นน้อยนี้หมายถึงว่า บ้านแต่ละหลังไม่ได้อยู่ติดกันมากจนเกินไป ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มมามากขึ้นไปด้วยนะคะ
เมื่อดูจากผังจะเห็นว่าที่ดินของโครงการนั้นเป็นแปลงยาว ทำให้บ้านแต่ละซอยมีจำนวนไม่เยอะแค่ 2-6 หลังเท่านั้น ส่วนตำแหน่งของ Club House จะอยู่เข้าไปด้านใน จึงค่อนข้างสงบ น่าใช้งาน และถ้าพูดถึงขนาดของพื้นที่ส่วนกลางทั้งสวนและ Clubhouse ที่ให้แล้วรวมทั้งหมดเกิน 5% ของพื้นที่โครงการ ซึ่งถือว่าให้มามากกว่ามาตรฐานจัดสรรทั่วไป สามารถพูดได้ว่าทางโครงการจัด Facilities มาให้เยอะเลย
เรามาดูบรรยากาศจริงกันเลยนะคะ เริ่มจากตรงถนนทางเข้าโครงการที่ติดกับถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ เราจะเห็นป้ายโครงการขนาดใหญ่เลย
พูดถึงแบรนด์บ้านของ LH หลายคนคงคุ้นหูกับโครงการมัณฑนากันใช่มั้ยคะ ซึ่งจริงๆ แล้วแบรนด์สีวลีก็จัดอยู่ใน Segment ใกล้เคียงกับมัณฑนาเลยนะคะ ใช้แบบบ้านเดียวกัน แต่จากที่เราไปดูโครงการมัณฑนา วงแหวน-บางบอนที่อยู่ใกล้ๆ ที่นั่นจะเป็นโครงการใหญ่กว่า มีทะเลสาบ และจำนวนยูนิตที่มากกว่าค่ะ สำหรับใครที่ติดใจตัวบ้านแต่อยากเน้นเรื่องความสงบเป็นส่วนตัว ก็ลองมาดูที่โครงการนี้กันก่อนได้ค่ะ
ซุ้มทางเข้าโครงการลักษณะจะเป็นซุ้มแบบ Freeform ดูโปร่ง มีการแบ่งทางเข้า-ออกเป็น 2 ทางและคั่นกลางด้วยป้อมรปภ.
ทั้งทางเข้าและทางออกจะแยกอีก 2 ทาง สำหรับลูกบ้านและ Visitor กรณีลูกบ้านก็สามารถใช้ Keycard Access ระยะไกล สแกนเข้าได้เลยค่ะ ลักษณะการใช้งานเหมือน Easy Pass บนทางด่วน ส่วน Visitor ต้องแลกบัตรทุกครั้งในการเข้าโครงการนะคะ
การจัดสวนของที่นี่ออกแบบมาให้สวยงามด้วยการเล่นระดับ ซึ่งไม่ใช่แค่การจัดสวนส่วนกลางนะคะ สวนในบ้านเค้าก็จัดมาให้แบบเต็มที่เช่นเดียวกัน ส่วนห้องกระจกโค้งๆ ด้านข้างเป็นที่ทำการของนิติฯ ในอนาคตค่ะ
ถนนหลักภายในโครงการค่อนข้างกว้างทีเดียวนะคะ ระยะจะอยู่ที่ 12 เมตร ซึ่งรอบข้างก็จะปลูกต้นไม้ใหญ่ ได้บรรยากาศร่มรื่นดีมาก
ส่วนถนนซอยจะมีความกว้างอยู่ที่ 9 เมตร เราเห็นว่าซอยส่วนใหญ่จะมีบ้านเพียง 3-4 หลังเท่านั้น ทำให้เป็นบ้านแปลงมุมเยอะเลย หรืออย่างซอยที่มีบ้านเยอะสุดก็ไม่เกิน 6 หลังค่ะ
ขยับเข้ามาด้านในส่วนของ Club House แบ่งเป็น 2 อาคารนะคะ อาคารแรกเป็นอาคารต้อนรับมีห้องน้ำในตัว และอีกอาคารเป็นอาคารติดกับสระว่ายน้ำและด้านบนเป็นห้อง Fitness ค่ะ
ก่อนเข้าไปดู Club House กัน จะบอกว่าทุกทางเข้าส่วน Facilities การออกแบบนั้นจะใช้แบบ Universal Design คือการออกแบบที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย มีทางลาดไว้สำหรับผู้สูงอายุใช้ Wheel Chair ขึ้น-ลงได้ง่าย เป็นต้น
ทางเข้า Clubhouse ถูกตกแต่งให้บรรยากาศดู Homey
สำหรับภายในอาคารต้อนรับปัจจุบันทางโครงการจัดให้เป็น Sale Gallery อยู่นะคะ ซึ่งในอนาคตก็จะเป็นพื้นที่ของลูกบ้านอยู่ดีค่ะ ภายในมีชุดที่นั่ง ชุดโซฟาเอาไว้สำหรับมานั่งเล่นหรือใช้รับรองแขกกันได้ค่ะ
อาคารด้านในจะมีสระว่ายน้ำและฟิตเนสที่อยู่บนชั้น 2
สระว่ายน้ำที่นี่เป็นสระกลางแจ้งระบบเกลือ ขนาดของสระผู้ใหญ่อยู่ที่ 10 x 20 เมตร ถือว่าใหญ่พอตัว ใช้ว่ายออกกำลังกายได้ดีเลย
เราคิดว่าการวางตำแหน่งของสระว่ายน้ำไว้ด้านในสุดช่วยให้สระน่าใช้งานมากขึ้น เวลาใส่ชุดว่ายน้ำก็ไม่ต้องอายคนเยอะ และจากตัวสระก็ยังได้วิวสวนอีกด้วย
มุมสระว่ายน้ำเด็ก ลักษณะเป็นสระในร่มซึ่งเราว่าดีมากเลย เด็กๆ จะได้ไม่ร้อนและมาใช้งานได้ตลอดไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ช่วงเช้าหรือเย็นเท่านั้น
ริมสระจัดให้มีมุมนั่งเล่น พักคอย อยู่ในร่มจะได้ไม่ร้อนไปนะคะ
ด้านข้างมีมุมล้างตัวให้เรียบร้อยค่ะ
และถัดมาก็จะเป็นห้อง Fitness ซึ่งมีเครื่องเล่นอยู่ประมาณ 10 เครื่องนะคะ แบ่งออกเป็นลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน Weight Trainning และมุมดัมเบล นับว่ามีให้ครบค่ะ
วิวจากฟิตเนสก็สามารถมองออกไปเห็นสระและสวนได้พอดิบพอดี
ถัดมาดูบรรยากาศสวนและทางเดินใต้ร่มไม้ใหญ่ ตอนเราไปเดินช่วงเวลาเที่ยงๆ ร้อนมากจริงค่ะ แต่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาเราว่าช่วยได้เยอะเลยนะ ซึ่งลองคิดว่าถ้าเรามาเดินช่วงเช้าๆ หรือเย็นๆ น่าจะชิลน่าดูค่ะ
ภายในสวนจัดมุมนั่งเล่นไว้เยอะทีเดียวนะคะ เราชอบส่วนกลางที่ใช้งานได้จริงแบบนี้นะคะเพราะเป็นพื้นที่สำคัญในโครงการที่เราจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ลูกหลานจะได้มีพื้นที่สำหรับวิ่งเล่นด้วยกันได้ค่ะ
นอกจากสวนแล้วทางโครงการก็มีสร้างฟังก์ชันการใช้งานไม่ว่าจะเป็นสนามเด็กเล่น พร้อมเครื่องเล่นกลางแจ้งไว้ให้
ที่เห็นพื้นเป็นสีๆ นั้นก็คือพื้นยาง EPDM ที่มีความนุ่มพิเศษกว่าพื้นคอนกรีตทั่วไป เพื่อช่วยลดแรงกระแทกเวลาเด็กๆ เล่นแล้วสะดุดล้มค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse ประกอบไปด้วย
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ / สระผู้ใหญ่ ขนาด 10 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร แยกสระเด็กลึก 0.6 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ + สนามเด็กเล่น
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- ถนนหลักกว้าง 12 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร
- Easy Pass ระยะไกล
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบรั้วกั้นไม้กระดก
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic ในบ้านทุกหลัง
แบบบ้าน
แบบบ้านของโครงการ สีวลี เพชรเกษม 69 มีการออกแบบที่ค่อนข้างชัดเจนทีเดียว คือ ทำมาเพื่อตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่อยู่ได้หลายรุ่นและสามารถรองรับครอบครัวขยายในอนาคตได้ จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวเราจะค่อยๆ อธิบายกันไป โดยแบบบ้านของโครงการตอนนี้มีให้เลือก 4 แบบ ดังนี้ค่ะ
Greater+ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 123 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 187 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 เรือนรับรอง+ห้องน้ำในตัว / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 11.5 ล้านบาท
Amber+ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 121 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 199 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 เรือนรับรอง+ห้องน้ำในตัว / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 12.5 ล้านบาท
Continuo+ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 136 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 258 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 เรือนรับรอง+ห้องน้ำในตัว / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 14.2 ล้านบาท
Multiply+ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 160 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 302 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน /5 ห้องน้ำ / 1 เรือนรับรอง+ห้องน้ำในตัว / 1ห้องแม่บ้าน/ 3ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 17.1 ล้านบาท
เราขอพาไปชมบ้านตัวอย่างไซส์ใหญ่สุด Multiply+ พื้นที่ใช้สอย 302 ตร.ม. ที่ดิน 160 ตร.วา ก่อนนะคะ แต่ไม่ว่าจะเป็น Type ไหนก็ตาม Theme การออกแบบจะเป็นแบบเดียวกัน ต่างที่ขนาดที่ดิน, พื้นที่ใช้สอย และจำนวนห้องเท่านั้น
บ้านหลังหลัก ชั้นล่างจะเป็นพื้นที่พักผ่อน+ทานอาหารเป็นหลัก พื้นที่ไม่ได้กว้างมากแต่จัดฟังก์ชันมาครบ โซนครัวจะได้มาทั้ง Pantry ในบ้านและห้องครัวไทยที่ติดตั้งชุดครัวมาครบถ้วนแล้วนะคะ และห้องนอน 4 ที่ชั้นล่างก็มีห้องน้ำภายในตัวเลย รองรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ และสำหรับบ้าน Type นี้จะมีห้องแม่บ้านด้วยนะคะ
ส่วนชั้น 2 ของบ้านหลังหลักก็จะได้ห้องนอน 3 ห้องนอน สามารถรองรับสมาชิกในบ้านได้เยอะ เราคิดว่าอยู่กัน 6 คนกำลังดีค่ะ หากใครครอบครัวใหญ่หน่อยก็เลือกบ้านที่มีจำนวนห้องที่เหมาะสมกับสมาชิกในบ้านได้เลย
ส่วนเรือนรับรองของมีฟังก์ชันนั่งเล่นในบ้านด้วยเลย ทำให้ลักษณะการอยู่อาศัยจะคล้ายกับการอยู่ห้อง 1 Bedroom ของคอนโดเลยนะคะ
จุดที่น่าสนใจของการออกแบบบ้าน
- ที่ดินขนาดใหญ่
ซึ่งขนาดที่ดินของโครงการนี้จะเริ่ม 120+ ขึ้นไปนับเป็นขนาดที่ดินที่เรียกว่าค่อนข้างมากกว่าบ้านเดี่ยวทั่วไป (ที่มักเริ่มต้นกันที่ 50 ตร.วา) ด้วยเนื้อที่เยอะจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยให้มีพื้นที่เพียงพอรองรับสมาชิกหลายคนได้ การออกแบบเลยมีการตัวบ้านแบ่งออกเป็น บ้านหลักและเรือนรับรองโดยเชื่อมตรงกลางระหว่าง 2 หลังนี้ด้วย Outdoor Relaxing Area - มีเรือนรับรอง
ประเด็นความน่าสนใจอยู่ที่เรือนรับรอง 1 ชั้นนี้ ที่มีห้องน้ำในตัว หากใครสมาชิกในบ้านไม่มาก ก็ทำเป็นห้องอเนกประสงค์อย่าง ห้องนั่งเล่น ทำงาน Studio ต่างๆ หรือใครสายปาร์ตี้จะชวนก๊วนเพื่อนมาปาร์ตี้ก็ได้ ไม่รบกวนสมาชิกในบ้านคนอื่นๆ ที่อยู่บ้านหลังหลักด้วย
สิ่งที่น่าสนใจของเรือนรับรองอีกอย่างคือ การออกแบบเพื่อเตรียมรองรับการต่อเติมในอนาคต ด้วยโครงสร้างบ้านที่เป็นแบบก่ออิฐฉาบปูน (เฉพาะเรือนรับรอง) จึงสามารถต่อเติมขยายออกได้ ดังนั้นคิดในแง่ว่าถ้าลูกๆ จะแต่งงานขยายครอบครัวก็ยังสามารถให้สร้างต่อเติมส่วนนี้ได้แล้วอยู่ร่วมกันในรั้วบ้านเดียวกันได้ - Outdoor Relaxing Area
ฟังก์ชันนี้เป็นฟังก์ชัน Highlight ของแบบบ้านเลยก็ว่าได้ นอกจากจะทำเป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านหลักและเรือนรับรองแล้ว การใช้งานก็ยังสามารถทำเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ BBQ ของครอบครัว หรือนั่งชมสวนหน้าบ้านต่างๆ
ซึ่งพื้นที่นี้สิ่งที่ทางโครงการให้มาเป็นมาตรฐานก็คือ พื้น หลังคา และการทำโครงสร้างที่เหมือนกับบ้านหลักเลย จึงสามารถรองรับการต่อเติมได้เช่นกัน โดยถ้าจะให้แนะนำสำหรับฟังก์ชัน Semi-Outdoor แบบนี้คือการติดตั้งบานประตูกระจกบานเลื่อนจะดีมาก เผื่อวันไหนอยากเปิดแอร์ก็ทำได้ วันไหนอากาศดีก็เปิดประตูรับลม รับอากาศได้
เรามาดูที่หน้าตาของบ้านกันบ้าง รูปแบบก็จะมาในสไตล์ Modern ด้วยโทนสีเทา-ขาว แต่ยังคงใช้หลังคาปั้นหยานะคะ ซึ่งสำหรับเราแล้วมองว่าเหมาะกับสภาพภูมิอากาศบ้านเรามากนะ เพราะช่วยเรื่องความร้อนจากหลังคา รวมไปถึงลดน้ำขังบนหลังคาได้เมื่อเทียบกับหลังคา Lean
ตัวบ้านแบ่งออกเป็น บ้านหลักและเรือนรับรองโดยเชื่อมตรงกลางระหว่าง 2 หลังนี้ด้วย Outdoor Relaxing Area
ประตูบ้านเป็นประตูเลื่อนอัตโนมัติ ดีไซน์เป็นเหล็กโปร่ง ทำให้บรรยากาศดูไม่ทึบตัน แต่ก็ไม่ต้องกลัวจะเสียความเป็นส่วนตัวไปนะคะ เพราะกำแพงบ้านส่วนอื่นที่ตรงกับประตูหน้าต่างบ้านจะเป็นกำแพงทึบค่ะ
ประตูทางเดินเข้าออกจะแยกกับประตูที่จอดรถ เป็นประตูทึบเพื่อไม่ให้มองเข้ามาในบ้านได้ แต่ไม่มีหลังคาคลุมในส่วนนี้ให้นะคะ แต่ก็ต่อเติมเพิ่มได้ค่ะ
ที่จอดรถหน้าบ้านจอดรถได้ประมาณ 3 คัน เป็นที่จอดในร่ม 2 คัน และ Outdoor 1 คัน โดยพื้นที่ที่เราทำเส้นประสีเหลืองไว้จะเป็นพื้นที่ที่เสาเข็มยาวเท่ากับตัวบ้าน = เสาเข็มยาว หมายถึงว่าตรงส่วนนี้การทรุดตัวจะน้อยหรือแทบไม่ทรุดเลยนะคะ ดังนั้นก็น่าจะเหมาะกับการรับน้ำหนักรถมากที่สุดแล้ว
แต่หากว่าเรามีรถมากกว่า 2 คัน ก็สามารถมาจอดด้านข้างได้ หรือจะจอดซ้อนด้านหลังก็ยังได้อยู่นะ ด้วยพื้นที่ที่มากพอ แต่โครงสร้างส่วนนี้จะเป็นเสาเข็มสั้นแล้ว นั่นหมายถึงว่า รับน้ำหนักได้เช่นกัน แต่ในระยะยาวจะมีการทรุดตัวบ้างเป็นเรื่องปกตินะ
ด้วยความที่ขนาดที่ดินกว่า 120+ ตร.วา ทำให้พื้นที่หน้าบ้านสามารถจัดเป็นสวนได้สบายๆ ซึ่งบริเวณสวนทั้งหมดในบ้านทางโครงการจะปลูกให้เป็นมาตรฐานเลย ไม่ว่าจะเป็น ไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม และสนามหญ้า เป็น Identity ของทาง LH อยู่แล้วที่มักจะมีสวนให้ และจัดสวนแบบจัดเต็มเสมอไม่ใช่แค่ปูหญ้าธรรมดา
ส่วนที่ทำให้เราชอบการจัดสวนของที่นี่ ก็เพราะเค้ามีการออกแบบเลือกพรรณไม้หลายระดับ คือไม่ต้องไปดีไซน์เองก็ได้สวนสวย พร้อมปูทางเดินให้ด้วย
ถัดมาที่เฉลียงทางเข้าบ้านหลัก ปกติแล้วการเข้าบ้านของเราจะมีอยู่ 2 ทางคือ ทางเข้าหน้าบ้านและทางเข้าจากที่จอดรถ แต่ที่นี่รวมเป็นทางเข้าเดียวเลย ซึ่งถ้าพูดในเรื่องการใช้งานจริงเราว่าก็ไม่ได้ติดขัดอะไรค่ะ เราเข้าใจเองว่าเป็นการลดทางเข้าลงเพื่อให้ได้พื้นที่ใช้สอยในบ้านมากขึ้น (การเพิ่มทางเข้าทำให้ต้องเผื่อพื้นที่สำหรับทางเดินไปในตัวด้วย)
ประตูหน้าบ้านตามแบบฉบับโครงการของ LH คือใช้ประตูจาก LIXIL ประตูนี้มีความน่าสนใจดีนะ อย่างแรกคือช่วยกันเสียงได้ น้ำหนักเบา ตำแหน่งมือจับและการใช้งาน เป็น Universal Design ใช้งานได้ง่าย
เข้ามาภายในบ้านหลักจะเป็นโถงยาวเชื่อมจากหน้าบ้านถึงหลังบ้าน โดยแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้เป็นพื้นที่นั่งเล่น/รับแขก และพื้นที่รับประทานอาหาร
พื้นที่บริเวณพื้นที่นั่งเล่นค่อนข้างโปร่งจะเห็นว่ามีชุดหน้าต่าง ประตู เชื่อมต่อกันตลอดแนวจึงได้แสงธรรมชาติเข้ามาค่อนข้างเยอะ โดยพื้นที่โซนนี้สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่พร้อมเก้าอี้โซฟาและโต๊ะกลางได้
ฝั่งตรงข้ามเป็นผนังโล่งที่ให้จัด Built-in ชั้นวางของและทีวีได้ และประตูด้านข้างก็คือทางเข้าห้องนอน 4 หรือห้องนอนด้านล่างนั่นเองค่ะ
สำหรับบ้าน Type นี้พิเศษขึ้นมาคือด้านหน้าสุดของบ้านจะมีมุมพื้นที่อเนกประสงค์เพิ่มมาให้ด้วย ในบ้านมาตรฐานไม่ได้กั้นเป็นห้องนะคะ แต่ถ้าคุณผู้อ่านอยากจะเพิ่มเป็นห้องที่มิดชิดเป็นสัดส่วนก็สามารถทำได้เลย
ขนาดของห้องนี้อยู่ที่ 3.35 x 2.10 ม. จัดเป็นห้องทำงานเป็นส่วนตัวดีเลยค่ะ ได้วิวสวนหน้าบ้านด้วย เวลาทำงานจ้องคอมนานๆ แล้วก็เงยหน้าพักสายตาชมสวนหน้าบ้านได้ เหมาะกับการ Work From Home จริงๆ เลยค่ะ
ที่นี่เค้าออกแบบให้หน้าต่างเป็น Bay Window หลายมุมทีเดียว ช่วยเปิดให้เห็นวิวได้กว้าง
ห้องนอน 4 ซึ่งเป็นห้องนอนชั้นล่างในบ้านหลังหลัก ห้องนี้ขนาดจะอยู่ที่ประมาณ 3.5 x 3.4 เมตร วางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายๆ
ห้องนี้ปูด้วยพื้นลามิเนตหนา 12 มม. ออกแบบไว้สำหรับรองรับเป็นห้องนอนก็ดี หรือถ้าจะปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ก็ได้เช่นกันนะคะ
ภายในห้องนอน 4 มีห้องน้ำและ Walk-in Closet ในตัวด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่ Powder Room (ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ) นะคะ แต่จัดพื้นที่อาบน้ำมาให้ครบเลย เรียกว่าใครนอนห้องชั้นล่างก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นลงบันไดไปใช้ในห้องข้างบนแล้ว เผื่อเป็นห้องสำหรับผู้สูงอายุได้ไปในตัว
แต่การดีไซน์ห้องน้ำในห้องนี้มีความแตกต่างจากห้องน้ำอื่นๆ อยู่คือ เค้าวางอ่างล้างมือออกมาอยู่ด้านนอกห้องน้ำเลย ในแง่การใช้งานนั้นก็จะแตกต่างจากห้องน้ำทั่วไปด้วยเช่นกัน เรามองว่าอาจจะสะดวกสำหรับใครที่จะล้างมือ ล้างหน้า แปรงฟัน โดยไม่อยากจะต้องเปิดประตูเข้าห้องน้ำ แต่สิ่งที่ไม่เหมาะก็มีเหมือนกันเวลาล้างมือน้ำอาจจะกระเด็นได้ แล้วพื้นที่เป็นลามิเนตนั้นทนต่อความชื้นได้น้อยกว่ากระเบื้องนะคะ อันนี้ควรจะมีผ้าเช็ดเท้าไว้ซับน้ำด้วย ส่วนภายในห้องน้ำก็แยกฟังก์ชันส่วนเปียกส่วนแห้ง พร้อมฉากกั้นกระจกค่ะ
สุขภัณฑ์ของที่นี่จะให้เป็นยี่ห้อ American Standard ทั้งหมด ด้านหลังทำ Low Wall ไว้ให้สามารถวางของใช้ต่างๆ ได้
ส่วนพื้นที่อาบน้ำก็กั้นฉากกั้นกระจกไว้ให้เรียบร้อยค่ะ ด้านในบริเวณที่อาบน้ำสังเกตว่าจะมีทำที่นั่งให้เรานั่งอาบน้ำได้ด้วย
ถัดมาที่บริเวณพื้นที่รับประทานอาหารตรงส่วนนี้ขนาดพื้นที่สามารถรองรับโต๊ะกินข้าว+เก้าอี้ได้ประมาณ 6 ที่นั่ง ด้านข้างมี Pantry สำหรับชงกาแฟ ปิ้งขนมปังเล็กๆ น้อยๆ ในยามเช้าได้ โดยไม่ต้องไปใช้ครัวไทยด้านหลังค่ะ
เราถัดมาดูโซน Service กันต่อนะคะ สำหรับโซน Service ที่เราหมายถึงก็จะเป็นโซนเช่น ครัว ห้องน้ำ ลานซักล้าง เป็นต้นค่ะ โดยครัวของบ้านนี้เค้าแยกออกเป็น 2 โซนด้วยกัน คือ โซน Pantry ซึ่งมุมนี้ทางโครงการจะ Built-in เคาน์เตอร์และชั้นวางมาให้ พร้อมเซาะร่องซ่อนไฟไว้แบบรูปด้านล่างเลยนะคะ
โซน Pantry ก็จะมีพื้นที่ให้ยืนพอสมควร ไม่อึดอัด พอให้เข้าไปยืนเตรียมอาหารได้ค่ะ
ครัวไทยที่ได้จะเป็นครัวปิด เคาน์เตอร์ครัวที่ได้เป็นมาตรฐานคือได้ตามบ้านตัวอย่างเลยค่ะ โครงการทำออกมาได้ดีและสวยทีเดียวนะคะ ท็อปเป็นหินแกรนิตดำ ซึ่งก็มีความทนทานและทนความชื้นดี พร้อมกับ Built-in บานเปิดและชั้นวางของด้านบน รวมๆ แล้วถ้าทางโครงการไม่ได้ให้มาค่าทำเคาน์เตอร์และวัสดุประเภทนี้ รวมไปถึง Hood ด้วยราคาค่อนข้างสูงอยู่นะคะ ประมาณหลักแสนเลย
ส่วนหลังบ้านนั้นเป็นบริเวณลานซักล้างด้านหลังจะได้เคาน์เตอร์ครัวมาให้อีก 1 ชุด ไว้ทำอาหารที่กลิ่นแรงมากๆ ก็ได้นะคะ
ห้องน้ำส่วนกลางเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room คือไม่มีโซนอาบน้ำมาให้ พื้นที่ในห้องจึงไม่ได้กว้างมากนักแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งาน
เดี๋ยวเราออกไปดู Outdoor Relaxing Area กันต่อนะคะ ซึ่งตรงนี้การเชื่อมกับตัวบ้านจะเป็นประตูบานเลื่อนกระจกนะคะ ข้อดีคือเป็นการเพิ่มช่องแสงให้เข้าถึงตัวบ้านได้ดี และตัวเราเองก็ได้เห็นกิจกรรมของสมาชิกในบ้านจากบริเวณพื้นที่ด้านนอกด้วย ไม่รู้สึกว่าอยู่ไกลกัน ซึ่งประตูหน้าต่างของบ้านที่นี่เค้าจะติดมุ้งลวดมาให้แล้วทุกบานนะคะ จึงไม่ต้องจ้างช่างมาติดเพิ่มเลย
สำหรับ Outdoor Relaxing Area ที่ทางโครงการเรียกนั้น สำหรับความเห็นเราอยากจะปรับคำอีกสักหน่อยเป็น Semi-Outdoor แทน เพราะส่วนนี้มีหลังคากันแดดกันฝนให้เรียบร้อยนะคะ ถึงแม้จะไม่ใช่ห้องปิดก็ตาม
สิ่งที่เรามองว่าทางโครงการออกแบบมาได้น่าสนใจคือการทำโครงการพื้นที่ส่วนนี้เผื่อไว้สำหรับการต่อเติมไปเลย ลูกบ้านสามารถต่อเติมเป็นอีกห้องหนึ่ง เพิ่มพื้นที่การใช้งานก็ได้นะ
วิวจากมุมโต๊ะทานอาหารที่ได้คือเป็นวิวสวนหน้าบ้านเราเต็มๆ เลยค่ะ บรรยากาศดีทีเดียว แต่สำหรับอากาศเมืองไทยแม้จะอยู่ในร่มแต่อากาศก็อาจจะร้อนไป ซึ่งหากใครที่อยากกั้นเป็นห้องปิดแล้วติดตั้งแอร์ก็ตอบโจทย์ และอีกอย่างถ้าอยากจะสูดอากาศ หรือชื่นชมสวนก็ทำได้แค่เปิดบานเลื่อนกระจกเท่านั้นเอง ง่ายเลยค่ะ เป็นไอเดียที่แนะนำเลย… ส่วนงบประมาณอันนี้ขอเป็นการคำนวณคร่าวๆ นะคะ ถ้าติดเป็นบานเลื่อนกระจกอลูมิเนียมจะอยู่ราวๆ 10,000 – 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับเกรดอลูมิเนียมและยี่ห้อด้วยนะคะ
ส่วนด้านหลังของพื้นที่ตรงนี้ เราสามารถต่อเติมเพิ่มเป็นพื้นที่ซักล้าง เตรียมอาหารด้านหลังเพิ่มเองได้ (ซึ่งส่วนนี้บ้านมาตรฐานไม่ได้ทำมาให้นะคะ แต่เราสามารถต่อเติมเพิ่มเองได้ โดยไม่ควรไปรบกวนกับเพื่อนบ้านฝั่งที่ติดกันนะ เช่น ไม่ทำเคาน์เตอร์ครัวติดกับรั้วที่เป็นรั้วใช้ร่วมกับเพื่อนบ้าน)
จาก Outdoor Relaxing Area จะมีทางเดินเชื่อมไปยังเรือนรับรองที่เราเคยบอกไปตอนต้นว่า ภายในมีฟังก์ชันครบเหมือนอยู่คอนโด 1 Bedroom เลย
เจ้าเรือนรับรองนี้เป็น Identity อย่างนึงของโครงการเลยนะคะ เพราะเราสำรวจบ้านโซนนี้ก็ยังไม่เห็นว่าที่อื่นจะแยกพื้นที่ใช้สอยของบ้านออกเป็น 2 หลังชัดๆ แบบนี้ แต่จะเห็นรวมกันเป็นบ้านหลังใหญ่ซะมากกว่า จึงเหมาะกับครอบครัวที่ชอบความเป็นสัดส่วน มีมุมส่วนตัว หรือถ้ามองอนาคตไว้ว่าจะเป็นเรือนหอของลูกหลาน ไว้ต่อเติมในอนาคตก็สามารถทุบผนังต่อเติมได้ เฉพาะส่วนของเรือนรับรอง เพราะใช้โครงสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูนนะคะ
เข้ามาที่เรือนรับรอง ห้องแรกที่เราเจอจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ด้านหน้าบ้าน มุมนี้ค่อนข้างดีเลยได้วิวสวนจาก 3 ฝั่ง
มีการใช้ Bay Window ช่วยเปิดวิวให้มองได้กว้างขึ้นอีกด้วย
ในส่วนของห้องนอนจะถูกกั้นไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เป็นสัดส่วนดีนะคะ
ภายในห้องนอนนี้ขนาดจะอยู่ที่ประมาณ 3.7 x 3.5 เมตร กว้างทีเดียวนะคะ มุมเตียงก็วางไซส์ใหญ่ได้เลย 5-6 ฟุต
ปลายเตียงมีพื้นที่ให้จัดฟังก์ชันได้ และมีผนังไว้ให้ Built-in โต๊ะ หรือชั้นวางเพื่อเก็บของต่างๆ ได้
ส่วนที่เราอยากให้สังเกตคือ ที่นี่เค้าคำนึงเรื่องการระบายอากาศ และเรื่องความร้อนภายในบ้านที่ LH ให้มาเป็นมาตรฐานในทุกหลัง หนึ่งในนั้นคือ Air Intake
Air Intake หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นช่องระบายอากาศ ซึ่งก็เป็นอีกนวัตกรรมที่เป็นของ Land & Houses โดยเฉพาะ ตรงนี้ตอบโจทย์มากสำหรับใครที่ไม่ได้อยู่บ้านนานๆ เช่น บางโอกาสไปเที่ยวเป็นเดือน ก็สามารถเปิดช่อง Air Intake ไว้ให้ลม+อากาศได้ระบายเข้าภายในบ้าน ช่วยให้บ้านไม่อับ โดยไม่ต้องเปิดหน้าต่างไว้เลยค่ะ
ก่อนเข้าสู่ห้องน้ำก็มีมุมสำหรับทำ Walk-in Closet ด้วยค่ะ
ภายในห้องน้ำได้ขนาดกำลังดีนะคะ และแยกส่วนเปียก-แห้งมาให้ ส่วนยี่ห้อและสเป็คก็จะเหมือนกับห้องน้ำชั้นล่างในบ้านหลักค่ะ
จากเรือนรับรองเราขึ้นมาที่ชั้น 2 ของบ้านหลักกันต่อเลยนะคะ
บันไดที่นี่จะใช้โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กและปิดผิวด้วยไม้ยางพาราประสานนะคะ
มุมบันไดตรงนี้ทางโครงการทำออกมาให้ได้รับแสงธรรมชาติเต็มที่ ชานพักเป็นขั้นสี่เหลี่ยมแบบที่ควรจะเป็น ทำให้ใช้งานได้จริง
บริเวณโถงทางเดินชั้น 2 มีมุมสำหรับให้เราจัดเป็นฟังก์ชันได้อยู่นะคะ สามารถจัดโต๊ะหมู่บูชาพระตรงนี้ก็ได้เช่นกันค่ะ
ห้องแรกที่เราจะพาไปชมก็คือ Master Bedroom ห้องนี้ยาวตั้งแต่หน้าบ้านไปถึงหลังบ้านกันไปเลย มีห้องน้ำในตัว ได้ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ รวมไปถึงระเบียงในตัวด้วยนะคะ
และด้วยความกว้างของห้องนอนนี้ตรงปลายเตียงสามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นวางโซฟาเผื่ออยากนั่งดูทีวีก็ทำได้ หรือจะนอนดูทีวีบนเตียงก็ได้เช่นกัน
สังเกตที่หัวมุมห้องด้านบนมีช่องระบายอากาศอยู่ ซึ่งช่องนี้แหละค่ะที่เป็นช่องระบายอากาศ หนึ่งในระบบ Airplus
ระเบียงหน้าบ้านของบ้าน Type นี้ค่อนข้างยาวเกือบเต็มหน้าบ้านเลยนะคะ ขนาดโดยรวมแล้วสามารถออกมาใช้พื้นที่กันได้ ไม่ว่าจะเป็นวางโต๊ะนั่งจิบกาแฟยามเช้าชิลๆ หรือจัดเป็นพื้นที่สวนกระถางชั้น 2 ริมระเบียงก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ
ถัดจากพื้นที่เตียงนอนแล้วก็จะเข้าสู่ Walk-in Closet ซึ่งด้วยพื้นที่แล้วเราสามารถ Built-in Walk-in Closet ได้ 2 ฝั่งเลยค่ะ
ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ ซึ่งสเป็คสุขภัณฑ์จะถูกอัพเกรดขึ้นมาเป็นโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติและอ่างล้างมือแบบ Custom Design ที่มีตู้เก็บของกระจุกกระจิกด้านข้างด้วยค่ะ
หน้าตาของโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก American Standard
มาที่ห้องนอน 2 กันต่อห้องนี้ไซส์ใหญ่เหมือนเป็นอีกห้อง Master Bedroom เลย พื้นที่ค่อนข้างกว้าง จัดฟังก์ชันในห้องนี้ได้หลากหลายเลย ไม่ใช่แค่เตียงนอน โต๊ะทำงาน ตู้เสื้อผ้าแค่นั้น แต่จะเพิ่มพวกมุมสะสมของ งานอดิเรกต่างๆ ก็ได้สบายๆ
หน้าทางเข้าห้องน้ำจะมีพื้นที่สำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ
มุมที่เราคิดว่าน่าใช้งานคือด้านข้างหน้าต่าง ซึ่งเป็น Bay Window ด้วยค่ะ
สำหรับบ้าน Type นี้จะมีห้องน้ำในห้องนอนทั้งหมดเลยนะคะ การจัดฟังก์ชันก็เหมือนกันหมด รวมถึงสเป็คสุขภัณฑ์ด้วย
ห้องนอนที่ 3 จะมีขนาดที่กระทัดรัดลงมาหน่อย แต่มีห้องน้ำในตัวเหมือนเดิม และยังสามารถจัดเตียงขนาด 5 ฟุตได้อยู่นะคะ
ไอเดียในการจัดห้องนี้คือ การวางเตียงไว้ชิดผนังจะช่วยให้มีพื้นที่สำหรับโต๊ะเขียนหนังสือ มีมุมสำหรับทำงานอดิเรกได้เยอะขึ้น
นอกจากนี้ทางโครงการก็มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยมากขึ้นด้วยนะคะ อย่างที่เป็นสิทธิบัตรของทาง Land & Houses เองเลยก็จะมี Airplus ระบบนี้เป็นระบบช่วยระบายอากาศและความร้อนภายในห้อง และปรับสมดุลอุณหภูมิที่เราต้องการได้
เช่น ห้องนอนที่ 1 เราต้องการอุณหภูมิห้องไม่เกิน 28 องศา เมื่อไหร่ที่ร้อนไประบบพัดลม (ที่มีติดตั้งไว้ให้เป็นมาตรฐานในห้องนอนทุกห้อง) จะพัดดูดอากาศในห้องออกไปด้านนอกโดยอัตโนมัติ เพื่อลดอุณหภูมิภายใน และเมื่ออุณหภูมิเท่ากับ 28 องศาที่เราตั้งไว้ หรือต่ำกว่า พัดลมจะหยุดอัตโนมัติ นอกจากนี้การทำงานของระบบนี้ยังกินไฟฟ้าที่เราต้องจ่ายน้อยมาก เพราะหลักๆ แล้วจะใช้ไฟฟ้าผ่านพลังงาน Solar Cell ที่ทางโครงการให้มา
แบบบ้าน Amber+
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
สีวลี เพชรเกษม 69 ราคา ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2564
- Greater+ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 123 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 187 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 เรือนรับรอง+ห้องน้ำในตัว / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่ม 11.5 ล้านบาท - Amber+ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 121 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 199 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 เรือนรับรอง+ห้องน้ำในตัว / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 12.5 ล้านบาท - Continuo+ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 136 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 258 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 เรือนรับรอง+ห้องน้ำในตัว / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 14.2 ล้านบาท - Multiply+ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 160 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 302 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 เรือนรับรอง+ห้องน้ำในตัว / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 17.1 ล้านบาท - ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.วา/เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
หากเจาะเรื่องโครงการบ้านพักอาศัยในทำเลนี้ ส่วนใหญ่เราจะเห็นเป็นบ้านเดี่ยวที่ดิน 100 ตร.วาขึ้นไปอย่างตัวโครงการสีวลีเอง ไปจนถึงทาวน์โฮมขนาดกะทัดรัด เพราะเป็นทำเลที่มีการอยู่อาศัยของคนหลายระดับด้วยกันตั้งแต่พนักงานโรงงาน ไปยังถึงเจ้าของกิจการโรงงานทั้งเล็กใหญ่ในย่านนี้เพื่อที่จะไปทำงานได้สะดวก ใกล้ๆ บ้าน ขับรถใช้เวลาไม่นาน
สำหรับโครงการ สีวลี เพชรเกษม 69 เป็นบ้านเดี่ยวช่วงราคา 11.5 – 18 ล้านบาท พอเราลองสำรวจกลุ่มบ้านที่มีราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปในโซนนี้ก็มีอยู่หลายโครงการเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกาะแนวถนนกาญจนาภิเษก หากเข้าซอยก็ไม่ลึกเท่าไหร่ ส่วนสีวลีจะจับกลุ่มคนที่ใช้ถนนเอกชัย ถนนเพชรเกษม ออกไปทางนอกเมืองจะสะดวกกว่า
ประเด็นที่ทำให้ สีวลี เพชรเกษม 69 แตกต่างจากโครงการโดยรอบเลยคือ การออกแบบบ้านที่มีเรือนรับรอง นั่นทำให้บ้านของที่นี่มีตัวอาคารหลัก 2 หลัง เป็นบ้าน 2 ชั้น 1 หลัง และเรือนรับรองชั้นเดียวอีก 1 หลัง เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการแบ่งพื้นที่ใช้งานเป็นสัดส่วน ต่างจากบ้าน 10 ล้านขึ้นโครงการอื่นๆ ที่เรามักจะเห็นว่าเป็นบ้านใหญ่หลังเดียวเน้นเรื่องความโอ่อ่า หรูหรา มี Double Volume
นอกจากนี้เราขอให้คะแนนกับเรื่องความเป็นส่วนตัวของโครงการนี้ เพราะที่นี่มีจำนวนบ้านไม่เยอะเพียง 82 ยูนิต และแต่ละซอยก็มีจำนวนบ้านไม่เยอะ 2-6 หลังเท่านั้น ทำให้แปลงบ้านที่นี่ส่วนใหญ่เป็นแปลงมุม รวมถึงให้ Clubhouse สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนส่วนกลางมาค่อนข้างใหญ่เลย รวมๆ พื้นที่สีเขียวส่วนกลางเกิน 5% ถือเป็นสัดส่วนที่แชร์กันใช้กับลูกบ้านจำนวนไม่เยอะของที่นี่ได้สบาย
สุดท้ายที่ไม่พูดไม่ได้คงเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยมากขึ้นด้วยนะคะ อย่างที่เป็นสิทธิบัตรของทาง Land & Houses เองเลยก็จะมี Airplus ระบบนี้เป็นระบบช่วยระบายอากาศและความร้อนภายในห้อง และปรับสมดุลอุณหภูมิที่เราต้องการได้
สีวลี เพชรเกษม 69 เหมาะกับใคร
โครงการ สีวลี เพชรเกษม 69 เหมาะกับผู้ประกอบการที่ทำงานในย่านสมุทรสาครหรือนครปฐม อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ 5-6 คน หาบ้านที่สามารถต่อเติมเพื่อขยายครอบครัวในอนาคตได้ ให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยที่เป็นสัดส่วนมากกว่าความโอ่อ่า หรูหรา มีเรือนรับรอง มีพื้นที่รอบบ้านสำหรับปลูกต้นไม้และให้น้องหมาวิ่งเล่นเยอะ ต้องการโครงการที่เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว มีบ้านแปลงมุมให้เลือกเยอะ ส่วนกลางดี น่าใช้งาน ใช้วัสดุในบ้านดี ในช่วงราคาประมาณ 11.5 – 18 ล้านบาท
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc