หลังจากเปิดปีใหม่มาได้สักพัก หลายคนคงประสบปัญหากับการเผชิญหน้ากับฝุ่นควันในเมือง วันนี้ Point of View ก็เลยจะพาไปสูดอากาศดีๆกับโครงการบ้านเดี่ยวที่มีบรรยากาศรีสอร์ท กับโครงการ PAVE รามอินทรา-วงแหวน ซึ่งภายในโครงการจะมีพื้นที่สีเขียว และพื้นที่ส่วนกลางที่รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ ทำให้เมื่อลูกบ้านได้ออกมาใช้งานก็ได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ ส่วนตัวบ้านนั้นก็ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น ที่เหมาะกับทุกช่วงอายุวัย โดยบ้านภายในโครงการนี้จะมีอยู่ 3 แบบ คือ LINEAR CIRCLE และ INFINITY บรรยากาศภายในโครงการและภายในบ้านจะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย
อาคาร Club House ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ แต่ยังมีความเป็นส่วนตัวด้วยการเซ็ตระยะเข้ามาจากรั้วโครงการประมาณ 100 เมตร เพื่อไม่ให้เป็นที่เคอะเขินสำหรับผู้ที่มาใช้พื้นที่ส่วนนี้
ตัวอาคารของ Club House ออกแบบลักษณะเป็นกล่อง มีความเป็นเหลี่ยมมุมในสไตล์โมเดิร์น มีเลือกใช้โทนสีเทาที่ช่วยทำให้รู้สึกถึงความทันสมัยมากขึ้น แต่เนื่องจากตัวอาคารมีความแข็งจากการออกแบบ จึงลดทอนด้วยต้นไม้สีเขียวที่รายล้อมรอบตัวอาคาร และหน้าต่างของห้อง Fitness เลือกใช้เป็นแบบระแนงไม้ ที่ช่วยลดความแข็งของตัวอาคารแล้วยังช่วยบังสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้คนที่กำลังออกกำลังอยู่ในห้องที่เป็นห้องกระจกรอบด้านอีกด้วย
สระว่ายน้ำถูกยกพื้นสูงขึ้นมาให้พ้นสายตาจากผู้คนที่ผ่านไปมาด้านหน้า Club House โดยมีต้นไม้ใหญ่ และไม้พุ่มเป็นฉากกั้นสายตาอีกที และนอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความสดชื่น และความสบายตาให้กับผู้ที่มาออกกำลังกายอีกด้วย
บริเวณริมสระว่ายน้ำมีเก้าอี้ Daybed วางไว้ให้ลูกบ้านมานั่งเล่นชิลๆริมสระว่ายน้ำยามเย็นหรือเป็นที่นั่งรอของผู้ปกครอง ยามเด็กๆมาเล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลิน
ด้านบนอาคาร Club House ก็ยังคงมีต้นไม้ใหญ่ปลูกกระจายๆไว้หลายมุม เพื่อเพิ่มความร่มรื่นและอากาศบริสุทธิ์ในขณะออกกำลัง
นอกจากสระว่ายและห้อง Fitness ที่เป็นพื้นฐานของตัวโครงการแล้ว ทางโครงการจัดพื้นที่เล็กๆไว้สำหรับนักกีฬาสาย Extream ที่ต้องการความท้าท้ายฝึกกล้ามเนื้อด้วยหน้าผาจำลอง
นอกจากพื้นที่ส่วนกลางที่ทางโครงการปลูกต้นไม้ไว้ตามบริเวณต่างๆ บนถนนหลักภายในโครงการก็ให้ความสำคัญกับต้นไม้สีเขียว โดยทางโครงการปลูกต้นไม้เป็นเกาะกลางยาวกว่า 150 เมตร
นอกเหนือจากพื้นที่ส่วนกลางด้านหน้าแล้ว เมื่อเข้ามาด้านในโครงการก็ยังมีพื้นที่ส่วนกลางให้ลูกบ้านได้มาใช้ พักผ่อน ออกกำลังกายได้ โดยพื้นที่นี้จะจัดเป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่กำลังแผ่กิ่งก้านออกมาเป็นร่มเงาให้กับลูกบ้าน และนอกจากนั้นยังมี gimmick เล็กๆ โดยการทำทางเดินให้เป็นสะพาน ที่ด้านล่างนั้นก็สามารถลอดใต้สะพานได้อีกด้วย
นอกจากสะพานทางเดินแล้ว บริเวณนี้ก็ยังมีสนาม Street Basketball เพื่อให้ลูกบ้านมาเชื่อมสัมพันธ์โดยออกกำลังกายร่วมกัน ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งส่วนกลางที่ลูกบ้านสายนักกีฬาหลายคนคงชอบไม่น้อยเลยทีเดียว
ลานเอนกประสงค์อยู่ภายใต้หลังคากระจกทรงจั่ว ที่ออกแบบด้วยโครงสร้างเหล็กสีดำ เป็นพื้นที่สำหรับให้ลูกบ้านมาทำกิจกรรมสังสรรค์ หรือให้ลูกหลานมาวิ่งเล่นกัน
บริเวณรอบๆสนามหญ้าออกแบบให้เป็นทางเดิน หรือจะใช้วิ่งจ๊อกกิ้งเบาๆในตอนเช้าๆหรือตอนเย็นๆหลังเลิกงานก็ได้ โดยตลอดแนวทางเดินก็จะได้ร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ ไม่ต้องกลัวผิวเปลี่ยนสี อีกทั้งยังได้ความสดชื่นทางสายตาและทางอากาศไปพร้อมกัน ณ ขณะออกกำลังกายอีกด้วย แนะนำว่าถ้าออกมาวิ่งตอนเย็นๆก็จะได้เห็นพระอาทิตย์กำลังตกดินในบริเวณนี้อีกด้วย
ระหว่างที่กำลังกดชัตเตอร์ที่ส่วนกลางอย่างเพลิดเพลิน ก็นึกขึ้นมาได้ว่าถึงเวลาที่จะต้องเข้าไปเก็บบรรยากาศในบ้านตัวอย่างแล้ว ก่อนที่แสงพระอาทิตย์จะหมด เดี๋ยวฟ้าจะมืดซะก่อน
ด้านหน้าบ้านของแต่ละแบบ จะมีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งจะเป็นบ้านหน้ากว้าง มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม จะเห็นได้ว่าขอบประตู หน้าต่าง และราวกันตกของระเบียงจะเลือกใช้เป็นสีดำ ทำให้บ้านดูทันสมัยตามสไตล์โมเดิร์น
LINEAR TYPE เป็นบ้านขนาดเล็กสุดในโครงการ พื้นที่ส่วนต้อนรับถูกวางไว้อยู่ด้านหน้าบ้าน เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหารที่อยู่ถัดเข้าไปเพียงเล็กน้อย ถึงแม้พื้นที่จะไม่กว้างขวางมากนัก แต่การออกแบบให้มีช่องแสงอยู่ทั้ง 3 ด้าน จึงทำให้เมื่อเดินเข้ามายังพื้นที่ตรงนี้ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความอึดอัด
พื้นที่รับประทานอาหาร เป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมพื้นผ้า วางตามแนวกว้างของบ้านได้อย่างลงตัว มีการเลือกใช้เป็นโต๊ะไม้ ให้สอดคล้องกับเก้าอี้ BENCH ตัวยาว คุมโทนด้วยสีน้ำตาลเทา ทำให้รู้สึกถึงความ HOMMY อบอุ่น
นอกเหนือจากการเป็นโต๊ะรับประทานอาหารแล้ว การเลือกใช้เก้าอี้ BENCH ตัวยาว ก็ทำให้พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้รู้สึกถึงการเป็นโต๊ะรับประทานอาหารที่จริงจังจนเกินไป ในบางเวลาอาจถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นโต๊ะนั่งทำงาน ทำการบ้าน เพื่อให้สมาชิกใช้พื้นที่ร่วมกันกับคนที่อยู่ในส่วนรับแขกอีกด้วย
ห้องนอนชั้นบนถูกจัดออกมาเป็นห้องทำงานส่วนตัว ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ด้านหน้าบ้าน เมื่อถึงช่วงเวลาเย็นๆ ก็จะได้รับแสงแดดยามเย็นส่องเข้ามาภายในห้อง ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่น ยิ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หนังยิ่งทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นมากขึ้น เหมาะกับห้องทำงานของคุณพ่อเป็นอย่างมาก
ห้องนอนเล็กอีกห้องจัดไว้อย่างลงตัว มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตส่วนตัวภายในห้อง ซึ่งภายในตกแต่งออกมาให้เหมาะกับลูกชาย มีการเลือกใช้โทนสีน้ำเงินเทาเพื่อสื่อถึงความเข็มแข็ง เท่ห์ๆ ลุยๆ แต่ยังคงความเป็น HOMMY ด้วยตู้เสื้อผ้าไม้ทั้งหลังซึ่งเชื่อมต่อกับชั้นวางของอีกด้วย เมื่อ 2 โทนนี้มารวมกับก็ถือเป็นการออกแบบที่ลงตัว
MASTER BEDROOM ตกแต่งด้วยวัสดุไม้เป็นหลัก เมื่อเดินเข้ามาก็รู้สึกถึงความอบอุ่น จากโทนสีและแสงแดดอ่อนๆที่ส่องผ่านม่านสีขาว ซึ่งเป็นตัวกรองแดดชั้นดี ทำให้แสงแดดที่ส่องเข้ามานั้นไม่แรงจนเกินไป
ผนังด้านหัวเตียงมีการตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ลายอิฐ ทำให้รู้สึกถึงความลอฟท์นิดๆ เพิ่มเติมด้วยโต๊ะหัวเตียงสีดำ ที่ล้อไปกับโคมไฟห้อยสีดำเช่นกัน ทำให้เป็นมุมเล็กๆที่มีความน่าสนใจทีเดียว
CIRCLE บ้านขนาดกลาง ภายในบ้านจะตกแต่งออกมาในโทนสีสว่าง ทำให้บ้านดูไม่มืดทึบและอึดอัด ในบริเวณพื้นที่รับแขกและรับประทานอาหารนั้น จะมีส่วนพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นมาซึ่งสามารถกั้นเป็นเป็นห้องอีกหนึ่งห้องในบริเวณนี้
โต๊ะรับประทานอาหารในบ้านหลังนี้ จะเป็นแบบจริงจังขึ้นมาหน่อย เนื่องจากว่ามีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น จากห้องเล็กๆที่อยู่ติดกัน จึงสามารถแยกฟังก์ชั่นของพื้นที่ได้อย่างเป็นสัดส่วน
ในส่วนรับประทานอาหารก็จะเชื่อมต่อกับส่วนครัว ซึ่งภายในบ้านหลังนี้ก็ออกแบบให้มี เคาน์เตอร์เล็กๆ ไว้สำหรับจัดเตรียมอาหารหรือชงเครื่องดื่มง่ายๆ นอกจากได้ฟังก์ชั้นจากการจัดเตรียมแล้ว ยังเป็นใช้เป็นส่วนที่กั้นพื้นที่ส่วนครัวไปในตัวอีกด้วย
ภายในห้องนอนชั้นล่างตกแต่งออกมาให้เป็นห้องทำงาน ทำการบ้านเล็กๆของลูกๆ ซึ่งภายในห้องนี้จะมีช่องแสงที่เพียงพอสำหรับเป็นห้องทำการบ้านได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้ว่าโต๊ะทำงานมีการออกแบบให้เชื่อมต่อกันของโต๊ะตัวใหญ่ และโต๊ะตัวเล็ก ทำให้ประหยัดเนื้อที่ และห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย
ห้องนอนด้านบน แบ่งออกเป็น 3 ห้องนอน ซึ่งห้องนอนเล็กก็จะมีขนาดที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ โดยห้องแรกจะตกแต่งด้วยสไตล์ไม้ มีความเป็น MUJI หรือ MINIMAL ซึ่งจะเห็นได้ว่าฟังก์ชั่นของโต๊ะและเตียงนอน จะมีความเชื่อมโยงกันเหมือนกับห้องนอนเล็กด้านล่าง
ส่วนอีกห้องจะเป็นห้องที่ตกแต่งมาสำหรับคุณหนูๆ เจ้าตัวเล็ก มีการเลือกใช้โทนสีขาวมาตกแต่ง เพื่อให้ห้องไม่ดูมืดทึบ และเพิ่มความสดใสด้วยตุ๊กตาตัวจิ๋วที่วางเรียงรายกันอยู่บนเตียง
MASTER BEDROOM เมื่อเดินเข้ามาจะรู้สึกถึงความสุขุม เนื่องจากการเลือกใช้วัสดุและโทนสีในการตกแต่งห้อง ทำให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องอย่างสิ้นเชิง
โดยภายในห้องจะวางด้วยเตียง KING SIZE มีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับโต๊ะหัวเตียงทั้ง 2 ด้าน จะเห็นได้ว่าด้านบนหัวเตียงจะกรุด้วยผนังสีครีมตัดเส้นด้วยสีทอง ทำให้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และภายในห้องนี้ก็ยังมีพื้นที่พอสำหรับ WALK-IN CLOSET เล็กๆที่ยังเชื่อมต่อกับห้องน้ำอีกด้วย
INFINITY เป็นบ้านขนาดใหญ่สุดของโครงการ และเป็นบ้านหลังสุดท้ายที่เราจะพามาดูกัน พื้นที่ส่วนรับแขกของบ้านนี้ จะมีความกว้างมากขึ้น และยังคงเชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหารเช่นเคย
โต๊ะรับประทานอาหารถูกวางไว้ถัดไปจากพื้นที่รับแขก มีการเลือกใช้เป็นโต๊ะหินอ่อน ทำให้รู้สึกถึงความหรูหราและเป็นผู้ใหญ่ โดยจะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับห้องเอนกประสงค์ที่อยู่ด้านข้างบ้าน
ภายในห้องจัดเป็นห้อง TEA ROOM ไว้สำหรับมานั่งพักผ่อนชิลๆ มองสวนหน้าบ้านของตัวเอง หรือจะเป็นห้องที่ไว้นั่งทำงานอดิเรกเงียบคนเดียวก็ดีไม่ใช่น้อย
จะเห็นได้ว่าห้องนี้กั้นด้วยผนัง ประตูกระจกบานเลื่อน และยังมีช่องแสงอยู่รอบด้าน ทำให้ภายในห้องดูโปร่งโล่งเป็นอย่างมาก
พื้นที่เล็กๆอีกด้านของบริเวณรับประทานอาหาร จัดเป็นเคาน์เตอร์ยาว ที่สามารถนั่งจิบกาแฟยามเช้าในเวลาเร่งรีบได้ ตกแต่งด้วยกรอบรูปหลากหลายขนาด เพิ่มมุมอาร์ตเล็กๆให้กับภายในบ้าน
ห้องนอนชั้นล่าง อาจจะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องเอนกประสงค์ที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมร่วมกันภายในครอบครัวก็ได้ ถ้าเกิดว่าสมาชิกมีเพียงพอต่อห้องนอนด้านบน
“บ้านใต้บันได” เป็นมุมเล็กๆของสัตว์เลี้ยงแสนซนของเจ้าของบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นไอเดียที่ดีสำหรับเจ้าของบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่ด้วย เพราะมีการแยกเป็นพื้นที่ส่วนตัวให้กับเจ้าตัวน้อย
ห้องนอนด้านบนจัดเป็นห้องนอนสำหรับเด็กๆ มีพื้นที่เตียงที่ค่อนข้างกว้าง และยังวางอยู่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในห้องได้อย่างเพียงพอ
MASTER BEDROOM ตกแต่งด้วยโทนสีเทาอ่อนตัดกับเทาเข้ม จะเห็นได้ว่าด้านบนเพดานมีการกรุด้วยผนังลายไม้ ช่วยตัดความแข็งของโทนสีภายในห้อง ทำให้ห้องดูอบอุ่นขึ้น และภายในห้องยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับแบ่งกั้นส่วน WALK-IN CLOSET ออกเป็นสัดส่วนอีกด้วย
หลังจากเก็บรูปภายในบ้านทั้ง 3 แบบจบครบแล้ว ก็ยังพอมีแสงสุดท้ายของวันให้ได้ออกมาเก็บตกภาพภายนอกบ้านได้อยู่สักหน่อย
แสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน ส่องแสงสะท้อนกับกระจกด้านบนของบ้านหลังหนึ่ง
ปิดท้ายไปด้วยแสงสวยๆของวันที่ช่วยทำให้โครงการนี้ดูอบอุ่น มีชีวิตชีวา และให้ความรู้สึกถึงการพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
และหวังว่าอย่างน้อยๆ ตอนนี้ผู้อ่านทุกคนก็ได้หลบจากมลพิษฝุ่นในเมือง มารับความสดชื่นทางสายตาไม่มากก็น้อยกับโครงการ PAVE รามอินทรา-วงแหวน นะคะ 🙂