บริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดพร้อมส่วนกลางขนาดใหญ่ บนถนนวัดบางบ่อ จาก BRITANIA [รีวิวฉบับที่ 2130]

28 September 2020

• บริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) (Britania Bangna Suvarnabhumi (km.26))
• บริษัท บริทาเนีย จำกัด
• MAIN TO UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านปี 2020 ได้ที่นี่)
• โครงการตั้งอยู่ : ถนนวัดบางบ่อ ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัด สมุทรปราการ
• เนื้อที่โครงการ 99-0-02 ไร่ จำนวน 485 ยูนิต
• บ้านแฝด New Brompton จำนวน 186 หลัง ที่ดิน 35.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 145 ตร.ม.
  – 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 4.29 ล้านบาท
• บ้านเดี่ยว Regent จำนวน 182 หลัง ที่ดิน 50.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม.
  – 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 5.49 ล้านบาท
• บ้านเดี่ยว Cambridge จำนวน 80 หลัง ที่ดิน 55.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 205 ตร.ม.
  – 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องรับแขก 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 7.49 ล้านบาท
• บ้านเดี่ยว Mayfair จำนวน 37 หลัง ที่ดิน 61.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม.
  – 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องรับแขก (Double Volume) 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน
  – ราคาเริ่มต้น 9.39 ล้านบาท
• ความสูงจากพื้นถึงฝ้าชั้น 1 – 2.60 เมตร / ชั้น 2 – 2.70 เมตร
• ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 68,000 บาท
• โครงการเริ่มก่อสร้าง ปี 2562
• คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ n/a
• เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
• โทร  : 063-189-6000
• Call Center : 020-300-000

พิกัด Google Maps : 13.5747779 , 100.843652
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ โครงการ บริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) ตั้งอยู่ในโซนบางบ่อ สามารถเข้า-ออกได้จากถนนบางนา-ตราดเป็นหลักค่ะ โซนนี้ถือว่าเป็นทำเลที่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง มีบรรยากาศความเป็นชุมชน คึกคักพอสมควรค่ะ 

บนถนนบางนา-ตราดนั้นก็ถือว่าเจริญมากเช่นกันนะคะ ในช่วงหลังๆก็มีห้างใหญ่เปิดตัวกันเยอะเลย ทั้ง Mega Bangna, Central Village, Market Village ซึ่งถ้ามองแล้วจากตัวโครงการเองก็สามารถขับรถไปได้ไม่ไกลมากค่ะ ถือว่าเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นห้างน้อยใหญ่ได้สบายเลย

และถ้ามองในระยะใกล้เข้ามากับตัวโครงการ ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการจะมีอยู่หลายจุดเลยค่ะ บนถนนวัดบางบ่อเอง ช่วงใกล้กับตัววัดและโรงเรียน รอบๆก็จะมีร้านค้าร้านอาหารอยู่มากค่ะ สามารถฝากท้องได้สบายๆ แต่ถ้าใครชอบเดินตลาดที่คึกคักหน่อยก็มาที่ตลาดเสริมสุขได้ ตรงนี้ก็จะมีร้านค้า ของสด ของกิน ของใช้เพียบ ส่วนโซนนิคมบางพลีเองก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีทั้งสนามกีฬาที่จัดงานบ่อยๆ มีโรงเรียน มีตลาด ถือว่ามีตัวเลือกให้เราไปใช้เยอะเลยนะคะ

เส้นทางการเดินทาง

โครงการ บริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) จะตั้งอยู่บนถนนวัดบางบ่อ อยู่ใกล้กับวัดบางบ่อค่ะ สามารถเข้าถึงโครงการได้ทั้งหมด 3 ทางเลย
1) จากถนนบางนา-ตราด เข้าสู่ถนนวัดบางบ่อประมาณ 1.9 กม.ตัวโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ
2) จากถนนบางนา-ตราด เลี้ยวเข้าถนนรัตนราช ข้ามคลองสำโรงมาแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวัดบางบ่อ โครงการจะอยู่ทางขวามือ ระยะทางประมาณ 2.8 กม.
3) จากการแยกเคหะเมืองใหม่ บางพลี ขับผ่านถนนเทพารักษ์ มายังถนนคลองด่าน-บางพลี เลี้ยวซ้ายไปยังถนนรัตนราชและเลี้ยวขวาไปยังถนนวัดบางบ่อ โครงการจะตั้งอยู่ขวามือ รวมระยะทางประมาณ 6 กม.ค่ะ 

ในวันนี้เราจะพาผู้อ่านเข้ามาจากทางที่ 2 นะคะ มาจากถนนบางนา-ตราด ขับผ่านตลาดต่างๆเข้ามาในโครงการ บรรยากาศจะเป็นอย่างไรบ้าง เลื่อนดูรูปด้านล่างได้เลยค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

• นิคมอุตสาหกรรมบางพลี ~ 7 km.
• สนามบินสุวรรณภูมิ ~ 26.5 km.
• Big-C บางพลี ~ 17.2 km.
• Market Village บางนา ~ 17.6 km.
• Makro บางพลี ~ 20 km.
• Mega Bangna ~ 21.3 km.
• Tesco Lotus บางนา ~ 28.7 km.
• รร.บางบ่อวิทยาคม ~ 1.4 km.
• รร.บดินทรเดชาฯ สมุทรปราการ ~ 7.9 km.
• มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ~ 10.9 km.
• ม.หัวเฉียว ~ 14.9 km.
• รร.สาธิต บางนา ~ 19.9 km.
• สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ลาดกระบัง ~ 28.2 km.
• ม.ราม 2 ~ 29.4 km.
• รพ.บางบ่อ ~ 1.5 km.
• รพ.บางนา 2 ~ 6.4 km.
• รพ.บางนา 5 ~ 18.5 km.
• รพ.ลาดกระบัง ~ 26.7 km.

บริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) เป็นโครงการขนาดใหญ่ 485 หลัง ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 99 ไร่ ประกอบไปด้วยบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 145-245 ตร.ม. หรือ 3-4 ห้องนอนค่ะ ดังนั้นคนที่อยู่ในโครงการน่าจะเป็นครอบครัวขนาดกลาง พ่อ-แม่ ลูกเป็นหลักนะคะ

ด้วยความที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ข้อดีของโครงการนี้คือพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มาขนาดใหญ่มากตามค่ะ เดี๋ยวเราขออธิบายควบคู่ไปกับ Master Plan ด้านล่างนะคะ

ที่ดินของโครงการเมื่อเข้ามาจากถนนหลักจะมีรูปร่างยาวลึกเข้าไป และจะมีจำนวนหลังมากขึ้นที่ด้านในของโครงการ โดยการเข้า-ออกโครงการจะใช้ระบบ Double Security ค่ะ หลักๆจะเป็นทางเข้าที่ซุ้มประตูทางเข้า ตรงจุดนี้จะมีพี่รปภ.ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนประตูที่อยู่ถัดเข้ามาจะเรียกว่า Night gate เป็นบานเลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งจะปิดในเวลากลางคืนค่ะ ช่วงเวลา 3 ทุ่มเป็นต้นไป ภายในโครงการก็จะมี CCTV ติดตั้งไว้ ถนนด้านในถ้าเป็นถนนหลักจะกว้างถึง 16 เมตร ส่วนถนนรองจะกว้าง 8 เมตรค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางหลักๆจะถูกจัดอยู่ที่ด้านหน้าโครงการ เป็นอาคาร Clubhouse ที่ออกแบบมาเป็น 2 ชั้น และดีไซน์เดียวกันกับซุ้มประตูทางเข้าเลย ดูอลังการมาก(เดี๋ยวจะพาไปชมกันนะคะ) ส่วนพื้นที่ด้านในโครงการก็จะมีการจัดสวนแบ่งเป็น Zone ชื่อว่า Active Zone ที่จะมีสนามเทนนิส และสนามบาส แบบ Full-size (ขนาดมาตรฐาน) และมี Rest Zone ที่เป็นสวนพักผ่อน มี Playground ให้เด็กได้วิ่งเล่นด้วย ดังนั้นโครงการนี้ก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางทั้งที่เป็นแบบ Indoor และ Outdoor ให้ใช้งานค่ะ

ตัวบ้านแทบทุกหลังในโครงการนี้จะออกแบบให้หน้าบ้านหันหน้าไปทางเหนือ-ใต้ ซึ่งช่วยเรื่องการระบายอากาศและช่วยรับลมได้ดี และบ้านส่วนใหญ่นั้นจะหันหน้าเข้าสู่ถนนรองค่ะ ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวายเท่ากับบ้านที่มีรถผ่านหน้าบ้านตลอดเวลา จะถอยรถเข้า-ออกบ้านก็ปลอดภัยขึ้นด้วย

โดยทางโครงการเริ่มขายทีละเฟส เริ่มขายตั้งแต่ตุลาคม 2019 เฟสแรกจากหน้าโครงการเข้าไปด้านใน ส่วนแบบบ้านนั้นมีทั้งหมด 4 แบบก็จริง แต่ว่าก็จะคละๆกันไปทั้งโครงการค่ะ ไม่ได้แยกโซนชัดเจนว่าบ้านแฝดอยู่ตำแหน่งนี้เท่านั้น ใครชอบบ้านแบบไหนก็ลองเข้าไปดูตำแหน่งที่ชอบได้ มีตำแหน่งหลากหลายให้เลือกค่ะ ซึ่งปัจจุบันเฟสด้านหน้าก็สร้างเสร็จเกือบหมดแล้ว และขายไปเกือบหมดแล้วเช่นกันค่ะ เป็นเฟสที่ได้ข้อดีเรื่องใกล้ Clubhouse และบ้านในซอยย่อยมีจำนวนไม่เยอะนะคะ แต่บ้านที่อยู่ลึกเข้าไปก็จะได้ข้อดีเรื่องความสงบที่มากขึ้น และใกล้กับสวนค่ะ

เราลองมาดูโครงการจริงกันเลยค่ะ ตัว Clubhouse เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ เริ่มจากทางเข้าโครงการก่อนเลย ซุ้มประตูทางเข้าถือว่ามีขนาดใหญ่มากเลยค่ะ สูงเท่ากับอาคาร 2 ชั้น อยู่ในร่มด้วย ช่องทางเข้าโครงการจะแบ่งเป็น 2 ช่อง ช่องหนึ่งสำหรับ Visitor ที่จะต้องแลกบัตรกับพี่รปภ.ให้เรียบร้อย อีกช่องสำหรับลูกบ้าน ใช้ Keycard scan เข้าไปได้เลย ส่วนช่องทางออกจะมีอยู่ช่องเดียวค่ะ

ตัวซุ้มประตูทางเข้าจะออกแบบให้เป็นส่วนเดียวกับอาคาร Clubhouse ค่ะ ซึ่งดีไซน์ของโครงการบริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) นี้ก็จะค่อนข้างมีเอกลักษณ์เลย เพราะได้แรงบันดาลใจมากจากสถาปัตยกรรมแบบอังกฤษ บรรยากาศที่ดู Classic แต่องค์ประกอบต่างๆก็จะลดทอนมาให้ดู Modern มากขึ้น มีสวนเขียวๆหน้าอาคาร ขับรถผ่านต้องสะดุดตาแน่นอนค่ะ (หน้าบ้านน่ามองเนอะ)

ทางเข้าแบ่งออกเป็น 2 ช่อง ฝั่งซ้ายสำหรับลูกบ้าน ช่องทางขวาสำหรับ Visitor หรือผู้มาติดต่อค่ะ เปิดกระจกและบัตรกับพี่รปภ.สะดวก อยู่ในร่มด้วย กันแดดกันฝนได้ จุดนี้จะเป็นไม้กั้นกระดกนะคะ

เข้า-ออกโดย Scan Keycard มีกล้อง CCTV ติดตั้งไว้

เข้ามาด้านในจะเจอกับ Night Gate จะปิดหลัง 3 ทุ่มค่ะ เป็นประตูเลื่อนอัตโนมัติ

เลย Night Gate มาจะเจอกับวงเวียน ตรงเข้าไปทางขวาจะเป็นถนนหลักของโครงการกว้าง 16 เมตรค่ะ รั้วหรือวงเวียนต่างๆก็จะนำเอาองค์ประกอบแบบ Classic มาใช้นะคะ สะพานด้านในโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จก็ได้ยินว่าจะจำลอง London Bridge มาด้วยนะ

ถนนหลักของโครงการค่ะ จะเห็นว่ากว้างมากเลยนะคะ และมีการจัดสองข้างถนนให้มีต้นไม้ใหญ่ และสนามหญ้าเล็กๆด้วยค่ะ ทางเข้า-ออกในอนาคตถ้าต้นไม้โตเต็มที่ก็น่าจะดูร่มรื่นขึ้นอีกนะคะ

ส่วนถนนรองจะกว้าง 8 เมตรค่ะ รูปนี้จะเป็นเฟสแรกๆที่เปิดขาย จำนวนหลังในแต่ละซอยก็จะไม่เยอะมาก ไม่วุ่นวายค่ะ

มาดู Clubhouse ของบริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) กันค่ะ เป็นอาคาร 2 ชั้นอยู่ทางด้านหน้าโครงการ บ้านที่อยู่โซนนี้จะเป็นบ้านตัวอย่างและ Sale Gallery นะคะ มีจัดสวนอยู่ใกล้ๆด้วย บรรยากาศดูหรู ขนาดดูอลังการนะคะ ตรงนี้เป็นข้อดีของโครงการที่มีจำนวนยูนิตเยอะด้วยค่ะ นอกจากนั้นค่าส่วนกลางของโครงการนี้คิดอยู่ที่ 28 บาทต่อตร.วา ถือว่าไม่แพงเลยค่ะ จำนวนยูนิตเยอะก็เลยมีเพื่อนช่วยกันจ่ายเยอะนั่นเองค่ะ

ทางเข้าจะมีทั้งบันไดขนาดใหญ่และทางลาดค่ะ มีการนำเอา Universal Design มาใช้ในการออกแบบด้วย

เดินขึ้นมาจะเห็นสระว่ายน้ำอยู่ทางขวามือค่ะ ชั้น 1 ของ Clubhouse จะยกระดับขึ้นมาจากถนน การใช้งานต่างๆก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

สระว่ายน้ำเป็นแบบกลางแจ้ง มีขนาด 10×20 เมตรค่ะ

มีสระเด็กแยกออกมา และมี Daybed ตั้งอยู่ข้างๆ กลางวันอาจจะร้อนนิดหน่อย แต่เย็นๆน่าจะสบายเหมาะสำหรับพาลูกมาเล่นน้ำ

ปลายสระอีกฝั่งจะมีชุดที่นั่งกลางแจ้งไว้ให้ นั่งเล่นเพลินๆริมสระได้เลย

จุดล้างตัวสำหรับคนที่ใช้งานสระว่ายน้ำจะหลบอยู่ด้านข้างอาคารค่ะ

ในอาคาร Clubhouse นี้จะมีห้องน้ำให้ใช้งานอยู่ที่ชั้น 1 นะคะ ตำแหน่งอยู่ในอาคารข้างๆสระว่ายน้ำ โดยจะมีห้องน้ำสำหรับคนพิการอยู่ด้วย รองรับการใช้งานของผู้สูงอายุและคนที่ใช้ Wheel chair

มาดูที่ห้องน้ำชายกันก่อนค่ะ เราประทับใจกับการออกแบบภายในห้องน้ำที่นี่นะคะ ดูดีเลย เข้ามาเจอมุมแต่งตัวด้วย

บรรยากาศภายในห้องน้ำ เลือกกระเบื้องดูดี และมีการจัด Lighting สวยงาม

มีห้องสุขา

และมีห้องอาบน้ำค่ะ

มีมุม Locker เผื่อใครที่จะฝากของระหว่างว่ายน้ำหรือใช้ Fitness

บรรยากาศภายในห้องน้ำหญิง ดีไซน์เดียวกันค่ะ

มาดูฟังก์ชันที่อยู่ภายในอาคารกันค่ะ ห้องนี้เป็น Co-Working Space มีความสูง 9 เมตร

บรรยากาศโล่งโปร่ง เชื่อมต่อกับชั้น 2 ได้ด้วยค่ะ

Kids Room จะอยู่ที่ชั้น 1 เช่นกัน ด้านในมีของเล่นจัดวางไว้ และชุดโต๊ะสำหรับเด็ก มานั่งเล่น ขีดเขียน ระบายสี กับเพื่อนๆที่ห้องนี้ได้เลยค่ะ

ด้านในจะมีการใช้สีสันมากขึ้นด้วยนะคะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นห้องฟิตเนสค่ะ มีขนาดใหญ่เลย

ด้านในมีอุปกรณ์ให้เล่นหลากหลายเลยค่ะ

มีดัมเบลหลายขนาดด้วย อาจจะจ้างเทรนเนอร์ให้มาช่วยเทรนกันทั้งครอบครัวก็ได้นะคะ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางด้วยนะ

บรรยากาศภายในฟิตเนสค่ะ

ออกจากห้องฟิตเนสมาเราจะเจอกับ Meeting Room ทางขวามือค่ะ

เป็นห้องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เหมาะกับการมานั่งประชุมคุยงาน รองรับได้ 12 คนค่ะ

ตกแต่งภายในก็ดูดีน่าใช้งานนะคะ

สุดทางเดินมาจะเจอกับ Social Lounge ค่ะ

ส่วนนี้จะมองลงไปเจอกับ Co-Working Space ที่อยู่ชั้น 1

พื้นที่ส่วนนี้ก็จะเป็นมุมที่ได้บรรยากาศส่วนตัวมากขึ้น สว่างน้อยกว่าข้างล่าง เหมาะกับการนั่งทำงานที่ต้องใช้สมาธิค่ะ

ในห้องนี้จะมี Pantry ด้วยนะคะ วันไหนคิดว่าจะนั่งทำงานยาวก็เอาขนมหรือเครื่องดื่มมาแช่ไว้ อุ่นทานระหว่างวันได้เลยค่ะ

นอกจากอาคาร Clubhouse จะมีส่วน Garden Rest Zone และ Garden Active Zone ที่อยู่ด้านในค่ะ แต่วันที่เราไปยังโครงการยังสร้างไม่เสร็จดี ดังนั้นเราลองมาดูจากภาพจำลองบรรยากาศกันไปก่อนนะคะ

สวนภายในพร้อมเครื่องออกกำลังกาย

พื้นที่นั่งพักผ่อนในสวน ดีไซน์สไตล์อังกฤษ เข้ากับตัวโครงการ

ข้างเครื่องออกกำลังกายมี Jogging track ด้วยค่ะ

สนามเทสนิสขนาดมาตรฐาน

สนาม Basketball ขนาดมาตรฐาน

ศาลาพักผ่อน (Gazebo) ท่ามกลางสวน

สิ่งอำนวยความสะดวก

Club House (ด้านหน้าโครงการ)

• Kids Room
• Fitness
• Co-Working Space
• Social Lounge
• Retail Shop
• Swimming Pool ขนาด 10×20 เมตร
• Kids Pool

Garden Rest Zone สวนด้านในโครงการ

• Blue Lagoon
• Seating Area
• Gazebo (ศาลาในสวน)
• Playground

Garden Active Zone สวนด้านในโครงการ 

• Full-Court Tennis
• Full-Court Basketball
• Plaza
• Seating Area
• Exercise Zone

Security (ในโครงการ)

• Double Gate ระบบ Key card access
• Drop Box
• รปภ. 24 ชั่วโมง
• CCTV

Security (ในบ้าน)

• Door & Window Magnetic Sensor (ชั้น 1)
• IP Camera 2 จุด ที่จอดรถและห้องนั่งเล่น
• Digital Door Lock (ในบ้าน Mayfair และ Cambridge)

อื่นๆ

• ถนนหลักกว้าง 16 เมตร และถนนภายในกว้าง 8 เมตร

ในโครงการ บริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) จะมีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 4 แบบค่ะ เป็นบ้านแฝด 1 แบบ และบ้านเดี่ยวอีก 3 แบบ รายละเอียดดังนี้

• บ้านแฝด New Brompton  พื้นที่ใช้สอย 145 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ
• บ้านเดี่ยว Regent พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ
• บ้านเดี่ยว Cambridge  พื้นที่ใช้สอย 205 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องรับแขก 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ
• บ้านเดี่ยว Mayfair พื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องรับแขก (Double Volume) 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน

โดยบ้านแฝด New Brompton กับบ้านเดี่ยว Regent จะมีผังคล้ายกันค่ะ แตกต่างกันที่ขนาดพื้นที่ดิน และขนาดพื้นที่ในห้อง ส่วนบ้านเดี่ยว Cambridge กับ Mayfair จะเป็นบ้านขนาดใหญ่ขึ้น 4 ห้องนอน แตกต่างกันที่ Mayfair จะเป็นแบบที่ได้ห้องนั่งเล่นที่ฝ้าเพดานสูงและมีห้องแม่บ้านค่ะ

ในรีวิวนี้เราจะขอพาไปดูบ้านเดี่ยว Cambridge กับบ้านแฝด New Brompton (แบบบ้านที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการ) บ้านแต่ละแบบจะเป็นอย่างไร ไปชมกันค่ะ

CAMBRIDGE

บ้านเดี่ยว Cambridge ขนาด 205 ตร.ม. เป็นบ้าน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ รองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวใหญ่แบบ 3 Generations ได้ค่ะ

ตัวบ้านจะเป็นบ้านหน้ากว้าง การจัดฟังก์ชันนั้นจะจับเอาฟังก์ชันที่จอดรถ ครัว ห้องน้ำ บันได (Service) เอาไว้ฝั่งเดียวกันค่ะ เพื่อให้สะดวกกับการใช้งาน การดูแลรักษา เช่น ซื้อของเข้าบ้านมาก็สามารถเดินจากที่จอดรถไปครัวได้ไม่ไกลเลย ส่วนตรงกลางบ้านจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและกินข้าว ยาวลึกจากหน้าบ้านไปยังหลังบ้าน และที่น่าสนใจคือเป็นแบบบ้านเดียวในโครงการที่มีห้องนอนชั้น 1 และห้องน้ำในตัว (บ้านแบบ Mayfair ที่ใหญ่กว่านั้น ชั้น 1 ห้องนอนไม่มีห้องน้ำในตัว) ดังนั้นจึงเป็นแบบบ้านที่ออกแบบมาเพื่อเป็น 4 ห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวโดยเฉพาะค่ะ

ส่วนที่ชั้น 2 จะเป็นห้องนอน 3 ห้องที่มีห้องน้ำในตัวค่ะ และจะมี Family Area อยู่ด้วย เราลองไปดูบ้านตัวอย่างกันเลยค่ะ

บ้านแบบ Cambridge จะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคาเริ่มต้นปัจจุบันอยู่ที่ 7.49 ล้านบาทค่ะ มองจากภายนอกจะเป็นบ้านหน้ากว้างนะคะ ตัวรั้วบ้านจะถูกดีไซน์มาให้ด้านบนมีความโปร่ง ส่วนด้านล่างเป็นผนังทึบ ส่วนทางเข้าออกตัวบ้านจากประตูที่จอดรถเป็นบานเลื่อนค่ะ

หน้าบ้านก็จะมีช่องทิ้งขยะไว้ให้ และมีตู้จดหมาย กริ่ง และไฟส่องสว่างมาให้

พื้นที่จอดรถจะปูคอนกรีตไว้ให้ค่ะ โดยพื้นส่วนที่อยู่ในร่มจะใช้โครงสร้างเดียวกับบ้าน ส่วนพื้นที่ปูจากหน้าบ้านเข้ามาจะลงเสาเข็มลึก 4 เมตรแยกโครงสร้างไว้ค่ะ

จากที่จอดรถเดินไปยังครัวได้ค่ะ ฝั่งนี้เราของเรียกว่าฝั่ง Service จะเว้นที่ไม่มากค่ะ

อีกฝั่งของบ้านจะเป็นตำแหน่งห้องนอนที่ชั้นล่าง มีพื้นที่ด้านหน้าห้องเล็กน้อย จัดสวนเป็นวิวให้กับห้องนอนได้ค่ะ

ที่จอดรถจะกว้าง 5.2 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คัน แต่ก็อาจจะเป็น Eco Car คันนึง และรถขนาดกลางๆคันนึงกำลังเหมาะ จอดไม่ยาก เปิดประตูได้อยู่ค่ะ
อ่านเพิ่มเติม > ขนาดที่จอดรถเหมาะกับการจอดรถประเภทไหนบ้าง?

บริเวณที่จอดรถจะติดตั้ง IP Camera ไว้ให้ 1 จุดค่ะ สามารถดูกล้องนี้ผ่าน Applicationได้ มีห้องเก็บของเล็กๆ และมีประตูทางเข้าบ้านจากที่จอดรถค่ะ

ประตูตรงนี้จะติด Digital Door Lock ให้ (Digital Door Lock จะมีให้เฉพาะแบบ Cambridge และ Mayfair) มีวิธีการเข้า-ออก 5 วิธีคือ 1) กดรหัส 2) กุญแจ 3) Key card 4)ผ่าน Application มือถือ 5)Finger scan

ทางเข้าหลักบ้านจะอยู่ด้านข้างที่จอดรถค่ะ มีม้านั่งทำไว้ให้สามารถนั่งใส่รองเท้าตรงนี้ได้ ถือเป็นเอกลักษณ์ของบริทาเนียเช่นกัน จะมีม้านั่งตรงเฉลียงแบบนี้ทุกแบบบ้าน ส่วนเฉลียงหน้าบ้านจะกว้าง 1 เมตรค่ะ

ทางเข้าเป็นประตูบานเลื่อนเปิดได้สองฝั่งค่ะ

เข้ามาจะเป็นส่วนกลางบ้าน กว้าง 4.10 เมตร ฝั่งซ้ายมือเป็นบันได ครัว ห้องน้ำ ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นห้องนอนค่ะ ตัวบ้านลึก 7.30 เมตรโดยประมาณ ที่ชั้น 1 นั้นความสูงจะอยู่ที่ 2.6 เมตร พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังจะฉาบเรียบทาสีค่ะ

มุมห้องนั่งเล่นจะได้บรรยากาศที่สว่างและโปร่งนะคะ พื้นที่ประมาณ 4.1×2.6 เมตร จัดที่ชุดโซฟาได้ 4-5 ที่นั่งค่ะ

ถัดเข้ามาจะเป็นมุมสำหรับวางโต๊ะกินข้าว ตรงนี้เรามองว่าสามารถขยับ หรือเปลี่ยนฟังก์ชันได้นะ เช่นอยากเอาชุดโต๊ะกินข้าวไปไว้ใกล้หน้าต่างฝั่งหลังบ้านก็ได้ หรือว่าจะกั้นเป็นห้องเพิ่มก็ได้ค่ะ เผื่อติดแอร์ แยกการใช้งานเป็นส่วนๆ

ทางขวามือเราจะเจอกับประตูเข้าห้องนอนที่อยู่ชั้น 1 ค่ะ

ห้องนอนนี้จะมีห้องน้ำในตัวด้วย วัสดุพื้นจะใช้เหมือนกับด้านนอกคือยังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้อยู่

ตรงนี้จะมีประตูบานเลื่อน เปิดออกยังฝั่งหน้าบ้านค่ะ อาจจะต่อเติมเฉลียงเพิ่มเติมได้นะคะ กลายเป็นมุมพักผ่อนส่วนตัวสำหรับห้องนอนนี้

ภายในห้องจะมีขนาด 3.15×2.45 เมตร อาจจะปรับฟังก์ชัน ใช้เป็นห้องทำงานได้ค่ะ

จุดเด่นคือห้องนี้จะมีห้องน้ำในตัวด้วย

ภายในห้องน้ำก็จะแยกพื้นที่ออกเป็นพื้นที่ส่วนแห้งใกล้ประตู ใช้งานบ่อย ส่วนพื้นที่ส่วนเปียกหรือโซนอาบน้ำจะอยู่ด้านใน ยังไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำ แต่ก็จะมีม้านั่งให้ด้วยนะคะ รองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ

สุขภัณฑ์หลักๆจะใช้ของ Cotto มีปลั๊กไฟให้ด้วยแบบมีฝาครอบ และที่น่าสนใจคือตัวปลั๊กไฟก็จะมีช่อง USB ชาร์จ เหมาะกับการชาร์จโทรศัพท์เล่นระหว่างอยู่ในห้องน้ำ เปิดเพลงฟังในโทรศัพท์ระหว่างอาบน้ำได้ค่ะ

ออกจากห้องนอนมาจะเจอกับพื้นที่กินข้าวค่ะ ตรงมุมห้องจะติดตั้ง IP Camera เอาไว้ให้เช่นกัน

หน้าตาของ IP Camera ค่ะ

อีกฝั่งของบ้านที่เราบอกไปว่าเป็นพื้นที่ Service ตรงนี้จะมีผนังกั้นบังเอาไว้ค่ะ เพื่อบังไม่ให้เห็นในครัวหรือห้องน้ำที่อาจจะไม่ค่อยเรียบร้อย โดยผนังนี้เราสามารถก่อเป็นเคาน์เตอร์บาร์ได้นะคะ มีเจาะช่องผนังเอาไว้ด้วย เวลาเตรียมอาหารเสร็จก็ยื่นส่งได้เลย ไม่ต้องเดินอ้อมค่ะ

เดินไปจะเป็นห้องน้ำ และครัวในตัวบ้าน

ห้องน้ำตรงนี้จะได้เป็น Powder room ไม่มีส่วนอาบน้ำนะคะ ปูผนังด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนดูสะอาดตา กระจกก็จะได้บานใหญ่กว้างเต็มหน้ากว้างของห้องเลย

มาดูที่ครัวกันค่ะ ครัวที่อยู่ในบ้านจะมีขนาด 3.3×1.95 เมตร สามารถก่อเคาน์เตอร์ได้สองฝั่งแบบในบ้านตัวอย่างเลย ตรงนี้จะตกแต่งไว้เป็นไอเดียนะคะ บ้านจริงจะเป็นห้องโล่ง มีเดินงานระบบไว้ให้เท่านั้น

หน้าต่างตรงนี้ก็ออกแบบมาให้พอดี เผื่อใครเติมชั้นวางของด้านบนก็จะได้ไม่ชนกับระดับหน้าต่าง และเราจะเห็นว่าประตูหน้าต่างที่ชั้น 1 ของบ้านจะติด Magnetic Sensor เอาไว้ให้ด้วยค่ะ

จากครัวในบ้านเปิดประตูออกไปจะเจอกับครัวไทยที่อยู่ด้านข้างบ้านอีกจุด เหมาะกับคนไทยที่ชอบทำอาหารจริงจัง ผัดกระเพรา โขลกน้ำพริก ทำอาหารด้านนอกก็ระบายอากาศได้ง่ายขึ้นค่ะ

ตรงนี้จะก่อเคาน์เตอร์และมีอ่างล้างจานให้มาแบบนี้เลยค่ะ มีกระเบื้องเป็น Back Splash ด้านหลังเคาน์เตอร์ด้วย ทำความสะอาดได้ง่าย ระบายอากาศได้ดี

ครัวไทยด้านนอกนี้ก็เป็นจุดเด่นอีกเรื่องของโครงการบริทาเนียนะคะ เพราะในบ้านที่ขายทั่วไปมักจะไม่มีครัวนอกบ้านมาให้ หรือบางทีถ้ามีก็จะมีเคาน์เตอร์ก่อไว้ แต่ก็ไม่มีพื้น หรือว่ามีแต่พื้น ไม่มีหลังคากับเคาน์เตอร์ ถ้าเจอแบบนั้นก็จะต้องต่อเติมเพิ่มอีกอยู่ดี

อ่างล้างจานเป็นแบบ 1 หลุม มีพื้นที่พักน้ำข้างๆ

จากครัวไทยด้านข้างบ้าน จะเดินออกไปยังหลังบ้านได้ เราสามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ในร่มได้นะคะ และเดินออกไปตากผ้ากลางแจ้งด้านหลังบ้าน

ที่หลังบ้านจะมีมุมซักล้างไว้ให้ค่ะ

ตัวบ้านเดี่ยวนั้นจะมีพื้นที่รอบตัวบ้าน เราอาจจะจัดสวนได้นะคะ เพื่อที่จะเป็นวิวสีเขียวให้กับภายในบ้านด้วย

ขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันต่อค่ะ บันไดทางขึ้นจะอยู่ใกล้กับประตูที่จอดรถ กลับบ้านมาก็เดินขึ้นบ้านได้เลยค่ะ ไม่อ้อม และมีช่องแสงให้มาด้วย ทำให้บันไดไม่มืดจนเกินไป ไม่อันตราย

ตัวบันไดจะเป็นโครงสร้างคสล.นะคะ เดินแล้วแน่น ไม่มีเสียงค่ะ

ขึ้นมาเราจะเจอกับทางเดินแบบนี้ ทางซ้ายและขวาใกล้บันไดจะเป็นห้องนอนรอง และปลายทางเดินนั้นจะเป็น Master Bedroom ค่ะ ที่ชั้น 2 ตัวพื้นจะเปลี่ยนมาใช้เป็นลามิเนต ส่วนความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานชั้นนี้อยู่ที่ 2.7 เมตร

มาดูห้องนอนแรกทางซ้ายมือค่ะ เป็นห้องที่อยู่ฝั่งหลังบ้านนะคะ

ภายในห้องนี้จะมีขนาด 3.5×2.5 เมตร มีระเบียงอยู่ในห้องค่ะ (เราจัด Layout ห้องใหม่ได้นะคะ เพื่อที่จะได้เดินเข้า-ออกระเบียงได้ง่ายขึ้น)

ตัวระเบียงมีขนาดเล็กๆหันออกด้านข้าง ลองหาไม้กระถางมาจัดแต่งได้นะคะ

ในบ้านตัวอย่างเอาเตียงชิดระเบียงเลยเหลือพื้นที่กลางห้องกว้างค่ะ แต่เวลาเราจัดเราอาจจะหันหัวเตียงไปทางห้องน้ำแทนได้นะคะ สำหรับห้องนี้เรามองว่าสามารถวางเตียงขนาด 3-3.5 ฟุตได้ค่ะ อยู่อาศัย 1 คน

ห้องน้ำจะมีหน้าต่างระบายอากาศไว้ให้ เป็นช่องแสงและช่วยระบายอากาศ ใช้เวลากลางวันอาจจะไม่ต้องเปิดไฟก็ได้ค่ะ

สุขภัณฑ์จะใช้ของ Cotto ค่ะ มีปลั๊กไฟให้เหมือนเดิม หน้าต่างก็ได้บานใหญ่เช่นกัน

พื้นที่อาบน้ำจะมีธรณีกันน้ำล้นให้ เราอาจจะหาฉากกั้นอาบน้ำมาติดเพิ่มด้วยนะคะ เพื่อที่เวลาอาบน้ำจะได้ไม่เปียกไปทั่วห้อง ป้องกันอันตราย ลื่นล้มได้

ขอพามาดูห้องนอนรองทางฝั่งหน้าบ้านกันบ้างค่ะ

ห้องนี้ผังจะไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมเป๊ะ แต่จะมีทางเดินเล็กๆก่อนเข้าก่อนค่ะ ดังนั้นจึงมีข้อจำกัดเรื่องการวางเตียงอยู่ ซึ่งตำแหน่งเตียงควรจะวางเหมือนในห้องตัวอย่างเลย ใกล้กับหน้าต่างนะคะ ห้องนี้จึงเหมาะกับคนที่ไม่นอนตื่นสายเท่าไร เพราะแสงและความร้อนจะส่องเข้าเตียงค่อนข้างมากค่ะ แต่ก็เป็นห้องที่ได้ข้อดีเรื่องวิวนะ เพราะตัวกระจกเป็นกระจกขนาดใหญ่เลย

ห้องมีขนาด 2.45 x 2.9 เมตร ขนาดเตียงก็เลือกได้แบบ 3 – 3.5 ฟุตค่ะ

มุมสำหรับวางตู้เสื้อผ้าก็จะอยู่ที่หน้าห้องน้ำ

ห้องน้ำนี้เราจะเข้ามาแล้วเจอกับอ่างล้างหน้าก่อนค่ะ

ห้องนี้จะมีช่องแสงเล็กๆเอาไว้ให้ด้วย แต่จะไม่มีที่ระบายอากาศนะคะ  พื้นที่อาบน้ำก็จะกว้าง ใช้งานสบาย อาจจะต้องไปติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มหน่อย

ถัดมา ก่อนที่จะเข้าห้อง Master Bedroom เราจะเจอกับ Family Area ก่อนค่ะ ตรงนี้อาจจะจัดเป็นมุมนั่งเล่น ทำงาน หรือว่าจะเป็นห้องพระก็ได้นะคะ

พื้นที่ตรงนี้มีขนาดประมาณ 2.15×2.6 เมตร มีระเบียงอยู่ทางหน้าบ้านด้วย

ระเบียงนี้จะยาวเชื่อมต่อไปยัง Master Bedroom อีกทีค่ะ

เข้ามาดูใน Master Bedroom กันต่อค่ะ ห้องนี้จะเป็นห้องนอนที่ใหญ่สุดเลย และมีระเบียง 2 จุด

ตัวระเบียงจะอยู่ตรงประตูกระจกตามที่เห็นค่ะ เป็นฝั่งด้านหน้าบ้านและฝั่งข้างบ้าน

ระเบียงฝั่งข้างบ้านตรงนี้ จริงๆจะเป็นหลังคาของห้องนอนที่อยู่ชั้น 1 ค่ะ แต่จะมีขนาดใหญ่มาก 2.5×4.65 เมตรเลย เราอาจจะปรับวัสดุพื้น ทำเป็นสวนส่วนตัว มุมนั่งเล่นเพิ่มเติมได้เลยนะคะ

ในขณะที่ระเบียงฝั่งหน้าบ้านจะมีรูปร่างยาว อาจจะจัดเป็นมุมนั่งเล่นไม่ได้ แต่เป็นระเบียงเอาไว้ยืนสูดอากาศ ชมวิวแทน

ส่วนพื้นที่ห้องนอนนี้จะมีขนาด 3.15×3.7 เมตร เป็นห้องที่สามารถวางเตียง King size ได้ มีทางเดินรอบๆเตียงได้ เพิ่มมุมนั่งเล่นไว้ในห้องได้ค่ะ

ส่วนหน้าห้องน้ำก็จะมีมุมทำเป็นตู้เสื้อผ้าได้สองฝั่งทางเดินเลยนะคะ และมีหน้าต่างเอาไว้ระบายอากาศด้วย เวลาแต่งตัวแต่งหน้า จะเห็นสีเครื่องสำอางได้ชัดเจนมากขึ้น

ฝั่งซ้ายยาว 2.5 เมตรโดยประมาณ เก็บเสื้อผ้าได้เยอะเลย

ภายในห้องน้ำจะแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-ส่วนแห้งเอาไว้ให้ค่ะ ตรงนี้จะมีผนังกั้นแยกไว้ให้ครึ่งหนึ่งนะคะ ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น

อ่างล้างหน้าจะเป็นแบบแขวนผนัง มีผนังด้านหลังเอาไว้วางข้าวของเครื่องใช้ได้

สุขภัณฑ์จะใช้ของ Cotto เหมือนเดิม แต่จะอัพเกรดรุ่นขึ้นมาจากห้องน้ำอื่นๆค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.55×0.80 เมตร ใช้งานหมุนตัวได้สะดวกค่ะ ตัวฝักบัวได้แบบ Hand Shower มี Junction เตรียมไว้ให้สำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นแล้ว

NEW BROMPTON

บ้านอีกแบบที่เราจะพาไปรีวิวกันเป็นบ้านแฝดที่มีชื่อว่า New Brompton ค่ะ เป็นบ้านที่น่าสนใจอีกแบบของบริทาเนีย และเป็นบ้านที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการนี้เลย ความน่าสนใจอยู่ที่ ตัวบ้านเป็นบ้านแฝดก็จริง แต่จะนำเอาฟังก์ชันครัวไทยที่อยู่ภายนอกบ้านเป็นส่วนที่อยู่ติดกับเพื่อนบ้าน ทำให้บ้านนี้สามารถเดินรอบบ้านได้เหมือนกับบ้านเดี่ยว และไม่มีฟังก์ชันอยู่อาศัยไหนที่อยู่ติดกับข้างบ้านเลย จึงเป็นบ้านที่เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศของบ้านเดี่ยวที่ไม่ต้องใช้ผนังร่วมกับใคร แต่ก็ไม่ต้องการพื้นที่สวนมากค่ะ สำหรับแบบ New Brompton นี้ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4.29 ล้านบาท

ภายในบ้านจะมีพื้นที่ใช้สอยอยู่ 145 ตร.ม. ที่ชั้น 1 เป็น Common Area ที่สมาชิกทุกคนในบ้านสามารถใช้ร่วมกัน บ้านแบบนี้จอดรถได้ 2 คันค่ะ ในบ้านจะมีพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่กินข้าว และมุมจัดเคาน์เตอร์เล็กๆเป็นเหมือน Pantry ที่กว้างต่อเนื่องกัน มีครัวไทยอยู่นอกบ้าน และมีมุมสำหรับทำเป็นครัวภายในบ้านอยู่ด้วยพร้อมกับห้องน้ำ 1 ห้อง

ส่วนชั้น 2 จะเป็นห้องนอนทั้งหมด 3 ห้องนอน และมี 2 ห้องน้ำ ห้องนอนรองจะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันด้านนอก ส่วน Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัวค่ะ เราลองไปดูบ้านตัวอย่างของจริงกันดีกว่านะคะ

ด้านหน้าของบ้านแฝดที่ติดกันค่ะ ดูจากภายนอกก็เป็นบ้านหน้ากว้างนะคะ ชั้น 2 และหลังคาไม่ติดกัน ดูแล้วเห็นชัดว่าแยกกันคนละหลังค่ะ

มองจากหน้าบ้านจะเห็นว่าบ้านถูกแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งที่จอดรถ และฝั่งที่เป็นห้องนั่งเล่นค่ะ

ที่จอดรถกว้าง 5 เมตร เหมาะสำหรับจอดรถขนาดเล็กๆ 2 คันกำลังดีค่ะ จอดในร่มได้เกือบเต็มคันเลย

จากที่จอดรถจะไม่มีทางเข้าบ้านนะคะ ไปเข้าด้านหน้าเอาไม่ไกลมากค่ะ แต่ตรงนี้จะมี IP Camera ติดตั้งไว้ 1 จุด และมีห้องเก็บของให้มา

จากที่จอดรถเดินไปยังข้างบ้านจะเจอครัวไทยที่อยู่ภายนอกตัวบ้านค่ะ พื้นที่ส่วนนี้จะเป็นฟังก์ชันที่ติดกับเพื่อนข้างบ้านนั่นเอง

ตรงนี้จะเป็นครัวไทยที่ต่อเติมเอาไว้ให้ค่ะ มีขนาดประมาณ 2.5×2.0 เมตร ยกระดับสูงจากพื้นสวนด้านหน้าและหลังบ้าน

เดินไปด้านหลังจะเป็นลานซักล้างค่ะ

ข้างบ้านอีกฝั่งก็จะมีขนาดไม่กว้างมาก เป็นบ้านแฝดที่เหมาะกับคนไม่ต้องการสวนขนาดใหญ่ แต่ไม่อยากให้ตัวบ้านมีผนังชิดกับเพื่อนบ้าน

เดินมาอีกนิดตรงนี้จะมีขนาดกว้างขึ้น และมีประตูเข้าไปยังส่วนกินข้าวของบ้านค่ะ

เดินวนกลับมาที่หน้าบ้านอีกครั้ง ตรงประตูทางเข้าจะมีเฉลียงกว้าง 1 เมตรอยู่ และมีม้านั่งข้างๆ เราอาจจะทำ Built-in ชั้นวางรองเท้าไว้หน้าประตูได้นะคะ จะได้เป็นที่เก็บรองเท้าดูเรียบร้อย

ส่วนประตูเข้าบ้านจะเป็นบานเลื่อนกระจกสองตอนค่ะ

เข้ามาในบ้านส่วนนี้จะกว้าง 3.4 เมตร ลึกประมาณ 7.2 เมตรค่ะ

พื้นที่บริเวณนี้จะดูสว่างดีนะคะ มีหน้าต่างและประตูกระจกเยอะ รวมถึงระดับฝ้าเพดานที่สูงประมาณ 2.65 เมตร ทำให้ดูโปร่งพอสมควร

ถัดเข้าไปด้านในก็จะเป็นมุมโต๊ะกินข้าวค่ะ ระหว่างสองฟังก์ชันนี้จะมีประตูออกไปยังสวนข้างบ้าน

มีเฉลียง เล็กๆอยู่นะคะ เรามองว่าถ้าจัดสวนเล็กๆฝั่งนี้ก็น่าจะดีเลยค่ะ เวลาเดินลงจากชั้น 2 ของบ้าน หรือว่านั่งกินข้าวก็จะได้เห็นต้นไม้เขียวๆด้วย สร้างความสดชื่นให้กับบ้าน

ผนังฝั่งหลังบ้านจะกว้างขึ้นค่ะ ทำให้เราสามารถจัดแบ่งพื้นที่เป็นมุมนั่งทำงานหรือเป็นชั้นวางของเพิ่มเติมได้

ผนังส่วนนี้จะยื่นไปอีก 1 เมตร ทำเป็นม้านั่งแบบในบ้านตัวอย่างก็น่าสนใจดีนะคะ เป็นมุมนอนเล่นโทรศัพท์หรืออ่านหนังสือได้

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโซน Service ของบ้านค่ะ

มีผนังกั้นอยู่ โดยผนังจะออกแบบไว้ให้เราทำเป็นเคาน์เตอร์หรือว่า Built-in ตู้เก็บของเพิ่มได้ ในขณะที่คงมีช่องเปิดบริเวณกำแพงเพื่อเชื่อมต่อกับครัวได้อยู่ค่ะ

ด้านหลังผนังก็จะเป็นห้องน้ำและครัวค่ะ

ห้องน้ำตรงนี้จะเป็นห้องที่มีพื้นที่อาบน้ำด้วย เผื่อครอบครัวไหนกั้นพื้นที่ชั้นล่างเพิ่มเป็นห้องนอนก็จะได้มีห้องอาบน้ำค่ะ

โถสุขภัณฑ์ของ Cotto มีสายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู่ให้มาครบ

ส่วนอ่างล้างมือจะเป็นแบบแขวนผนัง โดยจะมีผนัง Low wall ด้านหลังที่วางข้าวของเครื่องใช้ได้

พื้นที่อาบน้ำจะไม่มีฉากกั้นให้มานะคะ แต่จะก่อธรณีขึ้นมาเพื่อกันไม่ให้น้ำจากโซนอาบน้ำไหลออกมาเลอะเทอะยังพื้นห้องน้ำส่วนอื่นๆ

ข้างๆห้องน้ำจะเป็นพื้นที่ครัวที่อยู่ในบ้านค่ะ ตรงนี้จะเป็นห้องโล่งที่เดินงานระบบประปาเอาไว้ให้นะคะ ตัวห้องยาว 3.30 เมตรได้

เปิดประตูออกมาจะเจอกับครัวไทยที่อยู่นอกบ้าน ตำแหน่งเชื่อมถึงกันง่าย เวลาใช้งานเช่นจะหยิบของสดในตู้เย็นก็สะดวกค่ะ

เดี๋ยวขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันต่อค่ะ บันไดของบ้านจะเป็นโครงสร้าง คสล. สัมผัสเวลาเดินก็จะดูแน่น มั่นคงค่ะ ส่วนผนังข้างบันไดจะติดกับโซนพื้นที่จอดรถ จึงเจาะเป็นช่องแสงเล็กๆเอาไว้ เพื่อให้ทางขึ้นลงดูสว่าง ไม่อันตราย

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นห้องนอนทั้งหมด 3 ห้องค่ะ

ห้องนอนแรกคือห้องที่อยู่ข้างบันไดเลย ฝั่งหลังบ้าน ในบ้านตัวอย่างจะจัดเป็นห้องนั่งเล่นเพิ่มเติม เป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ ห้องนี้จะมีขนาด 3.15×2.55 เมตร

ที่เราชอบคือตัวห้องจะมีหน้าต่างอยู่ 2 ฝั่งผนัง ตรงข้ามกัน การออกแบบเช่นนี้ก็จะช่วยเรื่องระบายอากาศได้ดีค่ะ

ด้วยขนาดห้องแล้ว ถ้าใช้เป็นห้องนอนก็เหมาะสำหรับอยู่คนเดียว สามารถวางเตียง 3-3.5 ฟุตชิดผนังได้ค่ะ

สำหรับห้องนอนรองทั้ง 2 ห้องจะมาใช้ห้องน้ำร่วมกันนะคะ ตัวห้องน้ำก็จะแยกส่วนเปียก-ส่วนแห้งไว้ให้ แต่ไม่ได้ฉากกั้นอาบน้ำค่ะ

ห้องนอนรองอีกห้องจะเป็นห้องที่อยู่ฝั่งหน้าบ้าน

ห้องนี้มีขนาด 2.5 x 3.65 เมตร ดูจากขนาดห้องนี้จะยาวกว่าห้องเมื่อสักครู่นะคะ และได้กระจกฝั่งหน้าบ้านขนาดใหญ่เลยค่ะ

สามารถวางเตียง 3-3.5 ฟุตได้เหมือนเดิม

เราอาจจะวางตู้เสื้อผ้าไว้ปลายเตียงแทนได้นะคะ สำหรับคนที่มีเสื้อผ้าเยอะ และไม่อยากติดทีวีในห้องนอน

มาดู Master Bedroom ซึ่งเป็นห้องสุดท้ายของบ้านนี้กันต่อค่ะ

เทียบกับห้องนอนอื่นๆในบ้านแบบนี้ Master Bedroom จะเป็นห้องที่ดูกว้างขวาง อยู่สบายที่สุดเลย

ตัวห้องมีขนาด 3.4×3.85 เมตร และได้ระเบียงส่วนตัวหันไปทางฝั่งหน้าบ้าน

ระเบียงจะมีขนาดกะทัดรัด กว้าง 60 ซม.ค่ะ

ตำแหน่งห้องน้ำจะอยู่ทางฝั่งด้านหลังบ้านนะคะ

มุมหน้าห้องน้ำอาจจะจัดเป็นเก้าอี้พักผ่อนแบบในบ้านตัวอย่างได้ หรือจะทำเป็นตู้เสื้อผ้าเพิ่มก็ได้ค่ะ

บริเวณหน้าห้องน้ำจะมีพื้นที่สำหรับทำเป็นตู้เสื้อผ้า ยาวประมาณ 2.4 เมตร สุดทางเดินก็จัดเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งได้ด้วย

ภายในห้องน้ำจะมีหน้าต่างระบายอากาศและความชื้นได้ค่ะ ตัวกระจกเงาก็จะได้บานใหญ่แบบนี้เลยนะคะ

สุขภัณฑ์จะใช้ของ Cotto อยู่ค่ะ ด้านหลังสุขภัณฑ์ก็จะมีผนัง Low wall ไว้เผื่อวางของหรืออุปกรณ์ แปรงฟัน ล้านหน้า ได้

พื้นที่อาบน้ำก็จะมีผนังกั้นออกมานิดหน่อย อาจจะติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเองทีหลังนะคะ ส่วนฝักบัวนั้นจะได้แบบ Hand Shower ค่ะ

REGENT

แบบ Regent จะเป็นบ้านเดี่ยวเริ่มต้นในโครงการ บริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) นี้ค่ะ ซึ่งเป็นแบบที่มีการจัดฟังก์ชันเหมือนกับ New Brompton ที่เราพาไปดูก่อนหน้าเลย เพียงแต่ว่าที่ดินเริ่มต้นจะมากกว่า 50 ตร.วา จึงกลายเป็นบ้านเดี่ยวได้ และพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้นมา ทำให้ขนาดต่างๆภายในห้องจะกว้างขึ้นกว่าบ้านแฝด New Brompton ค่ะ

ดังนั้นเรามองว่าบ้านนี้เหมาะกับคนที่ชอบผังแบบบ้านแฝดนะ แต่ก็อยากได้พื้นที่ภายในเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะใช้ชีวิตสบาย มีพื้นที่วางข้าวของมากขึ้น และที่สำคัญคืออยากได้ที่ดินภายในบ้าน เผื่อต่อเติมอะไรเพิ่มได้ด้านข้างบ้าน จัดสวนได้ค่ะ

MAYFAIR

ขอปิดท้ายด้วยบ้านขนาดใหญ่สุดของโครงการที่มีชื่อว่า MAYFAIR กันค่ะ บ้านแบบนี้จะมีอยู่แค่ 37 หลัง ณ วันที่เราไปโครงการราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 9.39 ล้านบาทค่ะ สำหรับบ้านแบบนี้เรามองว่าเป็นบ้านที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการบ้านแบบ Luxury นะคะ เพราะว่าฟังก์ชันภายในบ้านก็จะมี Living Room ที่มีความสูงแบบ Double Space และมีห้องแม่บ้านอยู่ด้วย เป็น 2 จุดที่จะแตกต่างจากบ้านแบบอื่นภายในโครงการ

ถ้าดูจากผังบ้านจะเห็นได้ว่าบ้านเป็นบ้านหน้ากว้าง สามารถจอดรถได้ 2 คัน แต่ว่ามีทางลาดจากที่จอดรถเข้าสู่ตัวบ้านด้วยค่ะ บ้านหลังนี้มีการออกแบบที่แปลกจากที่เคยเห็นอยู่ตรงตำแหน่งของครัวค่ะ ทั่วไปแล้วเรามักจะเห็นครัวถูกออกแบบอยู่ฝั่งเดียวกับห้องแม่บ้านและที่จอดรถ เพื่อที่เวลาซื้อของกิน หรือ อาหารมาก็สามารถตรงเข้าครัวได้เลย แต่การวางผังแบบนี้เวลาเดินจากที่จอดรถไปครัวก็จะต้องเดินอ้อมบ้าน หรือว่าเดินผ่านตัวบ้านแทนค่ะ แต่ก็จะได้ข้อดีเรื่องห้องนอนที่อยู่ชั้น 1 นั้น จะแยกออกจากพื้นที่ Living Area เลย ในกรณีที่มีผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุพักผ่อนอยู่ในห้องนี้ ก็จะได้ความสงบขึ้น ไม่ถูกรบกวนจากคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ

ที่ชั้น 2 นั้นจะเป็นห้องนอนทั้งหมด 3 ห้องและ Family area ที่เชื่อมต่อกับ Living area แบบ Double Space ที่ชั้น 1 โดย Master Bedroom จะอยู่ฝั่งหน้าบ้าน ส่วนห้องนอนรองจะอยู่ฝั่งหลังบ้านค่ะ ข้อดีคือทุกห้องนอนชั้นนี้นั้นจะมีขนาดใหญ่ และได้ห้องน้ำในตัว อยู่กันตั้งแต่เล็กยันโตได้ไม่อึดอัด

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

25 September 2020

• บ้านแฝด New Brompton พื้นที่ใช้สอย 145 ตร.ม. ราคาขาย 4.29 ล้านบาท
• บ้านเดี่ยว Regent  พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม. ราคาขาย 5.49 ล้านบาท
• บ้านเดี่ยว Cambridge พื้นที่ใช้สอย 205 ตร.ม. ราคาขาย 7.49 ล้านบาท
• บ้านเดี่ยว Mayfair พื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม. ราคาขาย 9.39 ล้านบาท
• จองและทำสัญญา 5,000 บาท
• ผ่อนดาวน์ บ้านเดี่ยว > ฟรีดาวน์ / บ้านแฝด > 30,000 บาท
• ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 68,000 บาท
• ค่าส่วนกลาง 28 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
• ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
• ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
• ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนวัดบางบ่อ ซึ่งเป็นถนนใหม่ค่ะ ดังนั้นหน้าโครงการจึงมีสภาพค่อนข้างเรียบร้อยเลย นอกจากนั้นยังสามารถเดินทางไปยังถนนบางนา-ตราดผ่านหน้าวัดบางบ่อได้ในระยะไม่ถึง 2 กม. หรือจะไปยังโซนตลาดเสริมสุขก็ไม่ไกลค่ะ และยังเป็นทำเลที่เชื่อมต่อกับถนนเทพารักษ์ไปยังนิคมบางพลีได้อีกด้วย ดังนั้นถ้าใครทำงานอยู่แถวนี้ ทำเลนี้ก็เหมาะกับการเลือกบ้าน และสะดวกในการใช้ชีวิตเลยนะคะ (เรียก Grab ก็มาส่งนะคะ)

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
โครงการนี้มีการออกแบบให้มีทางเข้า 2 ชั้นหรือเรียกว่า Double Security ค่ะ โดยประตูด้านนอกจะเป็นไม้กั้นกระดก ใต้ซุ้มประตูขนาดใหญ่ มีกล้องวงจรปิดและรปภ.ดูแแล 24 ชั่วโมง ส่วนประตูที่ 2 จะเป็น Night gate ปิดเฉพาะช่วงเวลากลางคืน เป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติค่ะ ส่วนในตัวบ้านนั้นจะมี Digital Door Lock, IP Camera และ Magnetic Sensor ติดตั้งไว้ที่ประตูหน้าต่างชั้น 1 ถือว่ามีการออกแบบที่คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยนะคะ

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
ตัวโครงการมีขนาดใหญ่ บนที่ดินเกือบ 100 ไร่เลย แต่ว่าก็จะออกแบบให้ตัวบ้านหันหน้าเข้าสู่ซอยย่อยเป็นส่วนใหญ่ และในเฟสแรกนั้นแต่ละซอยก็มีจำนวนยูนิตไม่เยอะ ได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ ส่วนตัวบ้านจะเป็นบ้าน 2 ชั้น 3-4 ห้องนอน 2 ที่จอดรถ แต่จุดเด่นคือการออกแบบที่จะมีครัวไทยอยู่นอกบ้าน มีการลงเสาเข็มที่จอดรถและลานซักล้าง ทำให้คนที่เลือกอยู่โครงการนี้นั้นไม่ต้องเผื่องบเพิ่มเติมในการต่อเติมครัวอีก ถือว่าสะดวกดีนะคะ

วัสดุ :
พื้นบ้านจะใช้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้และลามิเนต ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ไฟใช้เป็นดาวน์ไลท์ ส่วนครัวในบ้านจะไม่ได้ต่อเติมไว้ให้แต่จะมีเดินงานระบบเอาไว้ ส่วนครัวที่อยู่นอกตัวบ้านจะก่อเคาน์เตอร์ มีอ่างล้างจาน และกรุกระเบื้องให้บริเวณผนังค่ะ ในห้องน้ำสุขภัณฑ์หลักๆจะให้ของ Cotto กระจกเงาได้บานใหญ่หมดเลยค่ะ โดยรวมแล้วถือว่าให้มาตามมาตรฐานราคาบ้านนะคะ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
วันที่เราไปโครงการมาเฟสที่อยู่ด้านหลังยังสร้างไม่เสร็จนะคะ แต่จากข้อมูลที่ได้มาคือจะมีสวนขนาดใหญ่ 2 จุดที่ด้านในโครงการ เรียกว่า Rest Zone เป็นมุมนั่งเล่น มี Playground ให้เด็กได้วิ่งเล่น และอีกจุดจะเรียกว่า Active Zone เป็นสนามเทนนิสและสนามบาสกลางแจ้งแบบ Full-size ให้คนมาออกกำลังกายและเล่นกีฬาได้เต็มที่ค่ะ ซึ่งถ้าสร้างเสร็จก็น่าสนใจมากเลยนะคะ ไม่ใช่สวนที่มีแต่ต้นไม้เท่านั้น มีกิจกรรมต่างๆให้ทำด้วย

ในเฟสที่สร้างเสร็จเราก็เห็นแนวต้นไม้ใหญ่สองข้างทางถนนหลัก มีการจัดวงเวียนต่างๆด้วยสวนสไตล์อังกฤษเข้ากับแนวคิดในการออกแบบโครงการ ถนนหลักกว้าง 16 เมตร ถนนรองกว้าง 8 เมตร ค่ะ

สาธารณูปโภค :
พื้นที่ส่วนกลางถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการบริทาเนียเลยค่ะ นอกจากขนาดที่ใหญ่แล้ว ก็ยังมีฟังก์ชันหลากหลายเหมือนกับคอนโดใจกลางเมืองเลย ซึ่ง บริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) นี้ก็จะนำอาคาร Clubhouse ไว้หน้าสุดของโครงการ ดีไซน์สวยงามเป็นหน้าเป็นตาให้กับหมู่บ้านนะคะ ส่วนฟังก์ชันด้านในก็มีทั้งสระว่ายน้ำ , Kids room, Co-Working Space, Fitness, Meeting Room และ Social lounge ส่วนด้านในโครงการก็จะมี Garden active zone และ garden rest zone อยู่ค่ะ 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 4 – 10 ล้านบาท, 25 September 2020

• ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.75/10 – ติดถนนคลองบางไผ่ เข้า-ออกได้หลายทาง
• ความปลอดภัย 8/10 – Double security, Digital door lock และ Magnetic Sensor
• การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – จัดพื้นที่ลงตัว ได้ครัวไทยภายนอกบ้าน
• วัสดุ 7.75/10 – มาตรฐานของราคาบ้าน
• พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – มีสวนอยู่ด้านในและจัดฟังก์ชันไว้ให้ใช้งาน
• สาธารณูปโภค 8.25/10 – ส่วนกลางขนาดใหญ่ ฟังก์ชันหลากหลาย
• 7.90 / 10.00 

BOTTOM LINE

บริทาเนีย บางนา สุวรรณภูมิ (กม.26) เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง กำลังมองหาบ้าน 3-4 ห้องนอน ซื้อแล้วไม่ต้องต่อเติมเพิ่มเยอะ ทำงานอยู่แถวนิคมบางพลี, บางนา-ตราด หรือเทพารักษ์ ชอบพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ มีงบประมาณ 4-10 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 28,000-70,000 บาทต่อเดือน

ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving