รีวิวฉบับที่ 484 … The City งามวงศ์วาน บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ในซอยงามวงศ์วาน 47 หรือ ซอยชินเขต 2 ในราคาเริ่มต้น 10.5 ล้านบาท โดย AP ครับ … โครงการนี้เป็น The City ตัวล่าสุดที่ AP เปิดตัวมาในปี 2556 นี้ครับ และตอนนี้ (พ.ย. 56) พื้นที่ส่วนกลาง, Club House ของโครงการ, รวมถึงบ้านตัวอย่างและบ้านขายบางส่วนนั้นสร้างเสร็จพร้อมให้เข้าชมได้เต็มที่แล้ว ตัวโครงการจะทำออกมาหน้าตาเป็นยังไง เดี๋ยววันนี้ผม Mr.Boom จะพาไปชมกัน
Fact @ 3 December 2013
- The City งามวงศ์วาน
- AP (Thailand) Plc.
- Segment การตลาด 10.5-15 ล้านบาท
- เนื้อที่โครงการ 13-3-10.52 ไร่
- บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 54 ยูนิต
- 3-4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 0-1 ห้องแม่บ้าน
- พื้นที่ใช้สอย 220 และ 275 ตารางเมตร
- ที่ดินแปลงมาตรฐานเริ่มต้น 54 ตารางวา
- ราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาท (Q3/2013)
- www.apthai.com
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
ขอเริ่มต้นจากแผนที่โครงการก่อนนะครับ โครงการ The City งามวงศ์วาน ตั้งอยู่ใน ซอยงามวงศ์วาน 47 แยก 2/6 คนในพื้นที่จะเรียกชุมชนบริเวณนี้ว่า ชุมชนชินเขต โดยโครงการจะมีทางเข้าออกได้จากถนนใหญ่ 3 เส้น คือ ถนนงามวงศ์วาน, ถนนประชาชื่น และ ถนนวิภาวดีรังสิต ครับ แต่หลักๆจะใช้ทางเข้าออกจากฝั่งถนนงามวงศ์วาน ที่น่าจะนิยมใช้มากที่สุด
ภาพรวมของทำเลโครงการ The City งามวงศ์วานในบริเวณนี้ อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครตอนเหนือ ค่อนมาทางโซนนนทบุรี แต่ยังอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครอยู่ครับ มีความสะดวกในการเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างดีในโซนกรุงเทพตอนบน-งามวงศ์วาน-แจ้งวัฒนะ-เกษตร-บางเขน-นนทบุรี-ปากเกร็ด จะวิ่งไปเมืองทองธานีก็ไม่ไกลมาก สามารถวิ่งเข้า-ออกเมืองได้ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากมีทางด่วนสองเส้นขนาบข้าง คือ ทางด่วนขั้นที่ 2 (ศรีรัช) กับ ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ บนถนนวิภาวดีรังสิต ในทางกลับกัน จะไปไกลๆหน่อย แถวรังสิต-ปทุมธานี ก็สามารถใช้ทางด่วนพวกนี้ได้เหมือนกัน แต่ทั้งหมดที่พูดมานี้ก็คือต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นสำคัญนะครับ ถ้าไม่มีรถ ก็อาจจะต้องพึ่งพี่แท็กซี่เยอะหน่อย และการจราจรก็ยังอยู่ในโซนที่ติดขัดพอสมควร ทั้ง งามวงศ์วาน-แจ้งวัฒนะ และ ประชาชื่น ถ้าชีวิตประจำวันเลี่ยงมาใช้ถนนวิภาวดีได้ รถจะคล่องตัวกว่า
ทำเลตรงนี้อาจจะเหมาะกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่(บางวัน)อาจจะต้องไปทำงานฝั่งนนทบุรี และอาจจะต้องมีการข้ามแม่น้ำ ทำเลตรงนี้ก็จะมีสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาให้เลือกใช้อยู่หลายจุดคือสะพานพระนั่งเกล้า (รัตนาธิเบศร์), สะพานพระราม 5 (นครอินทร์), สะพานพระราม 7 (วงศ์สว่าง-จรัญฯ), สะพานพระราม 4 (แจ้งวัฒนะ-ชัยพฤกษ์) ซึ่งก็พอขับรถไปได้ แต่ไม่ถึงกับสะดวกที่สุด เพราะถ้าใช้ชีวิตประจำวันอยู่โซนนั้นจริงๆ อาจจะเลือกโครงการที่ข้ามแม่น้ำไปแล้วมากกว่า จะได้ไม่ต้องไปรถติดอยู่บริเวณเชิงสะพาน ในบางวันที่รถเยอะๆ
ในอนาคต ทำเลตรงนี้จะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงมาพาดผ่านอยู่ไกลๆ แถวๆถนนรัตนาธิเบศร์ที่เชื่อมต่อมาจากถนนงามวงศ์วาน รถไฟฟ้าสายสีม่วงนี้จะไปเชื่อมกับ MRT ที่สถานีบางซื่อ ทำให้ในอนาคตอาจจะมีทางเลือกในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้ แน่นอนว่าหลักๆคงจะต้องใช้รถส่วนตัวนะครับ เพราะโครงการตั้งอยู่ในซอยลึกพอสมควร แล้วก็อยู่ไกลจากรถไฟฟ้าด้วย แต่สมมติว่า เรามีลูก เราอาจจะขับรถไปรับ-ส่งลูก ที่สถานีรถไฟฟ้าก็เป็นได้ กรณีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าเมือง แต่อยากส่งลูกไปเรียน (หรือไปเที่ยว) ในเมือง ก็อาจจะเพิ่มความสะดวกให้กับการเดินทางได้
ซูมแผนที่เข้ามาดูอีกระดับหนึ่ง โครงการ The City งามวงศ์วาน นี้จะเห็นว่ามีถนนสำคัญๆ 3 เส้นล้อมรอบอยู่ นั่นคือ ถนนงามวงศ์วาน, ถนนวิภาวดีรังสิต และ ถนนประชาชื่น ซึ่งถนนทั้ง 3 เส้นนี้ สามารถใช้เป็นทางเข้า-ออกโครงการได้ทั้งหมด โดยใช้วิธีการขับลัดเลาะในซอยชินเขต ซึ่งเดี๋ยวจะอธิบายต่อไปนะครับ
ในโซนนี้ยังมีสถานศึกษาชื่อดังอยู่หลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บนถนนงามวงศ์วาน และ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ บนถนนประชาชื่น นอกจากนี้ก็จะมีห้างสรรพสินค้าอย่าง The Mall งามวงศ์วาน และ พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน ที่อยู่ใกล้กับแยกพงษ์เพชรด้วย ความอุดมสมบูรณ์บริเวณแยกพงษ์เพชรนี้ ไม่ต้องเป็นห่วง มีอาหารการกินดีแน่นอน แต่ต้องขับรถออกไป เดินเอาคงจะไม่ไหว ส่วนบริเวณในซอยชินเขต ของกินอาจจะไม่เยอะเท่าไหร่ มีอยู่ในซอยประปราย เยอะหน่อยบริเวณใกล้ปากซอยชินเขต 1 (งามวงศ์วาน 43) เซเว่นที่อยู่ใกล้สุดอยู่กลางๆซอย ระหว่างชินเขต 1 กับ 2 แต่รอบๆโครงการในระยะเดินถึงนั้น ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัย จึงไม่ค่อยมีร้านค้าเท่าไหร่นัก อย่างน้อยๆควรจะมีจักรยาน หรือ มอเตอร์ไซค์ ถ้าจะออกไปหาของกินใกล้ๆ
นอกจากสถานศึกษาและห้างฯแล้ว ยังมีสนามกอล์ฟและ Driving Range อยู่ใกล้ๆเป็นโบนัสพิเศษสำหรับคนในย่านนี้ที่ชอบตีกอล์ฟนะครับ
ทางเข้าออกโครงการจากถนนใหญ่มีให้เลือกหลากลาย เราค่อยๆดูไปทีละอัน เริ่มจากด้านถนนงามวงศ์วานก่อนนะครับ ทางเข้าที่สะดวกที่สุดที่ดูน่าจะใช้บ่อยที่สุด คือ เข้าจากซอยงามวงศ์วาน 47 (ซ.ชินเขต 2) ขับเข้าไปตรงๆตามทาง แล้วก็เลี้ยวขวาอีกหน่อยก็ถึงโครงการละ ส่วนใครจะเข้าจากซอย 43 ก็ทำได้เหมือนกัน ดังที่แสดงไว้ให้ดูในแผนที่นะครับ จุดกลับรถใกล้ๆจะอยู่ตรงแยกพงษ์เพชร และ แยกงามวงศ์วานตัดกับวิภาวดี
ข้อดีของเส้นทางฝั่งนี้คือ ระยะทางจากปากซอยเข้าไปถึงโครงการไม่ไกลมาก แต่ข้อเสียคือ ไม่ว่าจะมาจากทางไหน ถ้าจะมาเข้าโครงการจากซอยสองซอยนี้ มันต้องขับรถผ่านแยกพงษ์เพชร ซึ่งรถค่อนข้างติดทีเดียว ถ้ามาจากงามวงศ์วานฝั่งเดียวกันก็สามารถขึ้นสะพานข้ามแยกพงษ์เพชรมาได้ อันนี้จะโอเคหน่อย แต่ถ้ามาจากงามวงศ์วานฝั่งตรงข้ามอาจจะเสียเวลากลับรถตรงแยกบ้าง
ถ้าเรามาจากวิภาวดีฝั่งขาออก เราสามารถเข้าโครงการได้เหมือนกัน โดยมาเลี้ยวเข้าซอยสนามกอล์ฟ North Park เพื่อทะลุออกมาด้านหลังซอยชินเขต แล้ววิ่งย้อนมาเข้าโครงการได้ ตามรูปครับ จะเข้า-จะออกได้หมด
ส่วนอีกทางหนึ่ง อาจจะใช้เพื่อไป ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ หรือ เวลามาจากถนนประชาชื่นขาเข้า วิ่งมาเข้าซอยประชาชื่น 12 ก็จะมาทะลุออกซอยชินเขต วิ่งเข้าโครงการได้เหมือนกัน
เดี๋ยวผมพาไปดูทางไปโครงการซักทางหนึ่งละกัน เพื่อไม่ให้สับสน และเข้าใจง่าย ผมขอเริ่มจากถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนงามวงศ์วาน (ตามป้ายแคราย)
วิ่งข้ามทางรถไฟ ซึ่งตรงนี้จะมีสถานีรถไฟบางเขนตั้งอยู่ใกล้ๆ ถ้าใครมาจาก ม.เกษตร ก็จะวิ่งข้ามสะพานข้ามถนนวิภาวดีมาเลย ที่เห็นบนหัวในรูปนั่นแหละครับ
ข้ามทางรถไฟมาปุ๊บก็วิ่งต่อไป ไปกลับรถใต้สะพานที่แยกพงษ์เพชร
ห้ามขึ้นสะพานข้ามแยกนะครับ ไม่งั้นต้องไปกลับรถไกลเลย
กลับรถใต้สะพานข้ามแยก
ข้ามมาอีกฝั่งหนึ่งแล้ว
เดี๋ยวผมพาเข้าซอยงามวงศ์วาน 43 หรือซอยชินเขต 1 ไปดูกันว่าในซอยนี้บรรยากาศเป็นยังไงบ้าง
เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเลย
ปากซอยมีเซเว่นอยู่เกือบติดถนนใหญ่ บริเวณนี้จะมีร้านค้าย่อยอื่นๆอีก เยอะพอสมควร คึกคักใช้ได้
ขับตรงเข้าไปในซอย ซอยนี้มีคอนโดด้วยนะ
บรรยากาศในซอย หลังจากเลยปากซอยมาหน่อย
ขับเข้ามาประมาณ 600 เมตร จะเจอแยกตรงเซเว่นหัวมุมพอดี เลี้ยวขวาไปเลย
ภาพบริเวณสามแยก
เข้าซอยขับต่อไปอีกประมาณ 850 เมตร
แล้วจะเจอสี่แยกที่มีเซเว่นอยู่ทางซ้ายมือ เราเลี้ยวขวากลับไปยังซอยชินเขต 2
ขับตามซอยเข้าไปเลย
จากนั้นไปเลี้ยวซ้ายอีกหนึ่งที (ถ้าเราขับตรงมาจากซอยชินเขต 2 เลย เราก็แค่มาเลี้ยวขวาตรงซอยนี้เหมือนกัน
เสร็จแล้วก็ขับตรงเข้าไปสุดซอย อีกประมาณ 400 เมตร
พอสุดซอยก็จะเจอทางบังคับเลี้ยว
ทางขวา ก่อนจะถึงโครงการ จะเจอทางเข้าของหมู่บ้านชัยพิทักษ์ เป็นโครงการเก่าอายุกว่าสิบปีแล้วครับ โดยจะมีทั้งบ้านเดี่ยว และ ที่ดินเปล่า
ส่วนทางเข้า The City ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าซอยไป
ซอยนี้จะเป็นซอย งามวงศ์วาน 47 แยก 6-11
ถึงแล้วครับ The City งามวงศ์วาน
ทางเข้าโครงการบิ๊วขึ้นมาใหญ่โตอลังการดี
ซุ้มทางเข้าเวลามองจากด้านใน จะสังเกตว่ามีป้าย “บ้านกลางเมือง” แปะอยู่ด้วย เนื่องจากด้านในมี 2 โครงการด้วยกัน
ถนนหน้าโครงการ เป็นถนนซอย ไม่กว้างเท่าไหร่ รถวิ่งสวนกันอาจจะต้องชะลอนิดนึง แต่สวนกันได้
สภาพแวดล้อมในซอยเงียบๆ เป็นที่อยู่อาศัยแทบจะทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ซอยแยก 6-11 นี้ไม่ใช่ซอยตันนะครับ วิ่งตรงๆไปก็จะไปทะลุออกชินเขต 2 ได้เหมือนกัน
ผ่านซุ้มทางเข้ามา ยังไม่เจอ Security Gate นะครับ แต่ตรงนี้จะมียามยืนประจำอยู่ 1 คน คอยวอฯบอกยามที่อยู่ด้านในว่ามีใครผ่านเข้าไปบ้าง
หน้าโครงการจะทำเป็นสะพานเพื่อข้ามคลอง
คลองที่อยู่หน้าโครงการ ชื่อว่า คลองลาดโตนด ครับ มีความกว้างพอสมควร เท่าที่ไปยืนแถวนั้น ก็ไม่มีกลิ่นอะไรเลวร้ายนะครับ ถือว่าเป็นคลองที่สภาพดีทีเดียวแหละ
สภาพคลองน่าจะเป็นคลองน้ำนิ่ง ไม่มีเรือสัญจรใดๆ มีบ้านเรือนปลูกอยู่ริมคลองด้วยแฮะ…
ให้ดูอีกฝั่งหนึ่งของคลอง
เข้ามาถึงบริเวณน้ำพุทางเข้าหน้าโครงการแล้วครับ ด้านซ้ายจะเป็นทางเข้าของ The City งามวงศ์วาน ส่วนทางขวาจะเป็นอีกโครงการหนึ่ง คือ บ้านกลางเมือง งามวงศ์วาน เป็นของ AP ทั้งคู่ คงจะได้ที่ดินมาพร้อมๆกัน แล้ว Develop ไปพร้อมกัน ทำออกมาหน้าตาดูดีทีเดียว น้ำพุข้างหน้าเพิ่มความแกรนด์ให้กับทางเข้าได้ดีเลย
ถ้าดูภาพจาก Google Satellite Maps ก็จะเห็นเป็นลักษณะนี้ครับ อันนี้ผมลากอาณาเขตให้พอเห็นภาพคร่าวๆนะครับ ไม่ใช่อาณาเขตจริงๆนะครับ อย่าเอาไปใช้อ้างอิงใดๆ อันเท่านี้ก็จะเป็นการจบเรื่องทำเลของโครงการ
เจาะลึกตัวโครงการ
ต่อมาเราจะไปดูสภาพโครงการโดยรวมกันก่อน ก่อนที่จะเข้าบ้านนะครับ จากน้ำพุตรงลานหน้าทางเข้า เราแยกมาทางเข้าฝั่ง The City … มีซุ้มประตูโครงการหน้าตาประมาณนี้
ด้านหน้าจะเจอ Security Gate 1 ชั้น พร้อมป้อมรปภ. ทางซ้ายเป็นประตูสำหรับคนเดินเข้า-ออกครับ
ถ่ายให้ดูทางเข้า สำหรับคนเดิน
เดินเข้ามาจากประตูคนเดิน มองไปทางซ้าย ก็จะเจอทางเดินไปยังสวนหย่อมเล็กๆหน้าโครงการ … โดยปกติก็จะไม่ได้มีอะไรมาวาง ไม่มีเต้นท์มากางอย่างที่เห็นในภาพนะครับ เพียงแต่ว่าวันที่ไปรีวิวนี้เขาจัด Event พอดี เลยมีการวางอุปกรณ์ต่างๆไว้เยอะหน่อย
ทางขวา ต่อจากประตูคนเดินเข้า ก็จะเป็นทางเดินเข้าไปยังโครงการ
Landscape ของบริเวณสวนด้านหน้าก็จะเป็นประมาณนี้ครับ ซุ้มประตูที่เห็นในภาพก็คือต่อมาจากประตูเล็กเมื่อกี๊
มีมุมที่เห็นป้ายโครงการด้วย
จากประตูรั้ว ถ้าเราขับรถเข้ามา ก็จะเห็นเป็นมุมมองแบบนี้ ที่เห็นอยู่ไกลๆขาวๆนั่นคือ Club House ของโครงการ
อันนี้ถ่ายจากชั้น 2 Club House ให้เห็นภาพรวมบริเวณทางเข้า ทางขวามือนั่นจะมีที่จอดรถสำหรับผู้มาติดต่อด้วย
Club House ของที่นี่เป็นอาคาร 2 ชั้นสีขาว ตั้งอยู่ด้านหน้าสุดของโครงการเลยครับ โครงการนี้เป็นโครงการระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไปก็จริง แต่เนื่องจากโครงการมีขนาดไม่ใหญ่มาก จำนวนยูนิตไม่เยอะ แค่ระดับ 50 กว่ายูนิด ทำให้ขนาดของ Club House ถ้าเทียบกับโครงการอื่นๆที่ระดับราคาพอๆกัน อาจจะดูไม่อลังการงานสร้างนัก แต่ทั้งนี้มันก็มีเหตุผลของมัน คือเพื่อให้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่ลูกบ้านต้องจ่ายเพื่อดูแลทรัพย์สินพวกนี้มันน้อยลง เพราะไม่งั้นยูนิตแค่นี้มีตัวหารนิดเดียวก็อาจจะทำให้ค่าส่วนกลางพุ่งไปไกลกว่านี้ได้ (ปัจจุบันอยู่ที่ 70 บาท/ตร.วา/เดือน) ซึ่งตรงนี้ก็ต้องเลือกเอานะครับ ใครชอบส่วนกลางอลังๆเว่อๆใหญ่ๆก็อาจจะต้องอยู่ในหมู่บ้านที่ตัวหารเยอะหน่อย แต่อย่าง The City งามวงศ์วานก็จะได้ความ Privacy ของโครงการมาทดแทนส่วนนั้นไป
Facilities ใน Club House มีมาให้ใช้พอสมควร เริ่มจากสระว่ายน้ำ ตั้งอยู่ด้านนอก ชั้น G เลย ยาวประมาณ 15 เมตร จะเป็นไซส์ที่พอเล่นน้ำสนุกๆได้ ออกกำลังกายพอได้บ้างแต่ไม่เต็มที่เท่าไหร่ ส่วนเวลาเล่นน้ำอาจจะต้องเลือกมาเล่นเย็นๆนิดนึงตอนแดดร่มๆหน่อยนะครับ แต่ถ้าใครไม่กลัวดำก็ลุยได้เลย 😀
วิวจากสระว่ายน้ำ มองออกไปภายนอก
ด้านข้างของสระว่ายน้ำเป็นทางเข้า Club House
เข้ามาปุ๊บก็จะเป็นเหมือน Lobby ต้อนรับ ซึ่งปัจจุบันโครงการพึ่งเปิดก็จะใช้เป็นสำนักงานขายและรับรองลูกค้าไปด้วยในตัว ในอนาคตหลังโอนลูกบ้านก็อาจจะปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยตรงนี้ไปทำอย่างอื่นได้ ด้านซ้ายในรูปจะมีประตูเล็กๆอยู่บานหนึ่ง บานนั้นจะเปิดออกไปยังสระว่ายน้ำครับ
เดินออกจาก Lobby ก็จะเจอสระว่ายน้ำ แล้วจะมีทางเดินเป็นระแนงไม้ลักษณะนี้
ถ้าเราเดินมาจนสุดทางเดิน เราก็จะเจออ่าง Jacuzzi แบบ Outdoor ทางด้านนี้อีกหนึ่งจุด อันนี้จะเพื่อสำหรับลูกบ้านจำนวนไม่มาก 2-4 คน มาใช้ร่วมกัน นั่งคุยไปด้วย แช่น้ำไปด้วย และจะอยู่โซนด้านหลังที่แยกออกมา ทำให้ Private มากขึ้น เพราะสระด้านหน้าจะมีคนเดินผ่านไปมาเยอะกว่า
ด้านหลัง Club House จะเป็นห้องน้ำ-ห้องอาบน้ำ แยกชาย-หญิง
ขนาดไม่ใหญ่มาก พอใช้งาน
โถปัสสาวะชาย
ห้องอาบน้ำ
บันไดขึ้นชั้น 2 ของ Club House
ขึ้นมาแล้วจะเจอห้องนิติบุคคลของโครงการอยู่ทางซ้ายมือก่อนเป็นอันดับแรก
ทางขวามือเป็นทางเดินไปเข้าห้องฟิตเนส
ห้องฟิตเนสของโครงการพื้นที่ประมาณนี้ มีเครื่องเล่นประมาณ 4-5 ชิ้น และ Free-Weight ต่างหาก
ให้ดูอีกมุมนึง
วิวจากบนฟิตเนสก็จะเห็นทางเข้าโครงการแบบนี้
มองลงไปด้านล่างเจอสระว่ายน้ำ ที่เห็นว่าสระว่ายน้ำมีความลึก 2 ระดับ ทางขวานั่นคือสระเด็กนะครับ
จบจาก Club House ละ ไปเดินดูสภาพโครงการกันบ้าง
น่าเสียดายที่ Master Plan ของโครงการไม่สามารถนำมาลงบนเว็บไซต์ได้ แต่จะเล่าให้ฟังว่าที่ดินโครงการก็จะมีลักษณะเป็นที่ดินแปลงยาว อย่างที่วาดให้ดูไว้ตอนต้น ถนนในโครงการก็ไม่มีอะไรซับซ้อน มีถนน Main ตัดตรงๆเข้าไปจากหน้าโครงการถึงท้ายโครงการ และมีถนนย่อยวางคู่ขนานอยู่ทางขวามือ
ถนนย่อยที่บอกก็จะมีซอยแยกเข้ามาอีกที
ถนนเส้นนี้จะวางขนานอยู่กับถนนเมน บ้านที่เห็นในรูป ก็คือมีหลังบ้านชนกับบ้านที่อยู่บนถนนหลัก ส่วนทางซ้ายมือของรูปข้ามรั้วไปจะเป็นโครงการ บ้านกลางเมือง งามวงศ์วาน ที่อยู่ติดกัน
รั้วโครงการสูง 3 เมตรครับ ปลูกต้นไม้ใหญ่บังตาให้อีกชั้นหนึ่ง คาดว่าไม่น่าจะมองเห็นบ้านโครงการข้างๆแล้วนะ เพราะฝั่งนั้นเขาก็มีระยะร่นจากรั้วเข้าไปอีก
สิ่งอำนวยความสะดวก
- Club House
- สระว่ายน้ำ/สระ Jacuzzi
- ห้องออกกำลังกาย
- สวนสาธารณะด้านหน้าโครงการ
- รั้วสูง 3 เมตร
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate
สำหรับแบบบ้านของโครงการนี้จะมีอยู่ทั้งหมด 2 แบบด้วยกันคือ (1) Miro ขนาด 220 ตร.ม. และ (2) Parco ขนาด 275 ตร.ม.
บ้านแบบ Miro จะมีพื้นที่ใช้สอย 220 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดเริ่มต้นที่ 54.40 ตารางวา 2 ชั้น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
แปลนชั้น 1 ของ Miro ก็จะแบ่งทางเข้าเป็น 2 ทาง มีทางเข้าจากลานจอดรถ และ ทางเข้าฝั่งห้องรับแขก ฟังก์ชั่นด้านล่างจะเป็นส่วนของ Living Area ทั้งหมด มีห้องรับแขก, ห้องรับประทานอาหาร, แพนทรี่, ครัวไทย, ลานซักล้างหลังบ้าน และ ห้องน้ำชั้นล่าง (ที่ใช้อาบน้ำได้ด้วย)
แปลนชั้นสองจะเป็นส่วนของห้องนอน ประกอบด้วยห้องนอน 3 ห้อง ห้องน้ำ 3 ห้อง และห้องนั่งเล่น “Family Room” ที่อยู่บนชั้นสอง ห้อง Master Bedroom กับ ห้องนอนที่ 2 ที่อยู่ส่วนหน้าบ้าน จะมีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนที่ 3 ที่เป็นห้องเล็กสุดจะไม่มีห้องน้ำในตัว และจะใช้ห้องน้ำร่วมกับห้อง Family Room ที่อยู่ด้านบน
แบบบ้านอีกแบบหนึ่งคือ Parco พื้นที่ใช้สอย 275 ตารางเมตร ที่ดินขนาดเริ่มต้นที่ 62 ตารางวา มี 2 ชั้น 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และ 1 ห้องแม่บ้าน
แปลนบ้านหลังนี้จะมีจุดที่แตกต่างหลักๆจากหลังที่แล้วคือ ชั้นล่างจะเพิ่มห้องนอนเข้ามาอีก 1 ห้อง และเพิ่มส่วนซักล้างหลังบ้านให้ใหญ่ขึ้น รวมถึงมีห้องแม่บ้านมีห้องน้ำในตัวเพิ่มเข้ามาอีกห้องหนึ่ง
ส่วนแปลนชั้นสองก็จะคล้ายๆกับบ้านหลังที่แล้ว คือเป็น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 Family Room แต่ในห้องนอนหน้าบ้านจะมีระเบียงส่วนตัวด้วย
Product Walkthrough – บ้านตัวอย่าง แบบ Parco พื้นที่ใช้สอย 275 ตร.ม.
แบบบ้านที่จะพาไปดูกันวันนี้ คือ Parco ขนาด 275 ตารางเมตรครับ ขออนุญาตพาไปดูแค่หลังเดียวนะครับ เนื่องจากแค่หลังนี้รายละเอียดก็ค่อนข้างเยอะพอสมควรแล้ว
ในโครงการมีทั้งบ้านตัวอย่างและบ้านจริงให้ดูครับ รายละเอียดหลายส่วนมีจุดที่แตกต่างกัน ผมเลยถ่ายรูปมาให้ดูทั้งสองแบบ จะได้เห็นว่าบ้านจริงเป็นยังไง ถ้าแต่งแล้วเป็นยังไง ลองค่อยๆดูตามไปนะครับ เพราะจะมีภาพของทั้งบ้านจริงบ้านตัวอย่างสลับกัน
ส่วนหน้าบ้านนี้ เรามาดูบ้านจริงก่อน พอใส่รั้ว และประตูเข้าไปแล้ว ก็จะหน้าตาแบบนี้ครับ
ประตูเดินเข้า
กล่องจดหมาย หย่อนจดหมายลงไป…
ด้านหลังจะเป็นตู้เปิดได้แบบนี้
กดกริ่งได้ฝั่งนี้
มือจับประตูรั้วเป็น Stainless
ช่องเปิดถังขยะฝั่งหน้าบ้าน
ทิ้งขยะจากในบ้านได้เลย
มีฝาปิดเรียบร้อยดี
ประตูรั้วสำหรับเข้าลานจอดรถ
เปิดออกกว้างประมาณ 6 เมตร จอดรถได้ 2 คัน
พื้นคอนกรีต ปูกรวดล้าง สลับเป็นลวดลายอย่างที่เห็น แบบนี้มีให้ทุกบ้านนะครับ
กำแพงหลังโรงรถ มีประตูเปิดเข้าบ้านจากทางนี้ เดี๋ยวเราค่อยมาดู ไปเดินดูรอบๆบ้านก่อน
ที่เสาข้างๆโรงรถมีตู้สำหรับเก็บอุปกรณ์ที่ต้องใช้นอกบ้าน
มีพื้นที่เก็บของประมาณนี้
ด้านข้างปูหญ้าให้ วางแผ่นคอนกรีตเป็นทางเดินไว้ให้แบบนี้เลย (อันนี้บ้านจริง ไม่ใช่บ้านตัวอย่าง)
ด้านข้างโรงจอดรถ มีพื้นที่เก็บของที่อยู่ใต้บันไดบ้านอีกหนึ่งจุด เก็บของใช้นอกบ้านได้เพิ่มเติม
ถัดมาจะเป็นทางเดินเข้าสู่ตัวบ้าน ทางด้านหน้าบ้าน
มีเฉลียงหน้าบ้าน สำหรับถอดรองเท้า และมี Step ให้เดินขึ้นง่ายๆ มีประตูทางเข้าเป็นกระจกบานสไลด์
ยังไม่เข้าบ้าน เดินมาดูด้านข้างก่อน ด้านข้างเขาก็ปูหญ้า จัดสวนไม้พุ่มไว้ให้
ปลูกไม้พุ่มเตี้ยๆไว้ด้วย
ทุกหลังมีไม้ยืนต้นให้ด้วยหลังละ 1 ต้น
เข้าไปดูในบ้านกันบ้าง (อันนี้เป็นภาพจากบ้านตัวอย่างแล้วนะครับ)
เฉลียงวางรองเท้า มีทางเดินขึ้น 1 Step
ถอดรองเท้าไว้ตรงนี้ก่อนเดินเข้าบ้าน ประตูทางเข้าก่อเป็นธรณีขึ้นมาอีก 1 ขั้น แต่ใช้สีคนละสีเพื่อให้แยกออกจากกัน ไม่ให้เผลอสะดุด
มือจับประตูทางเข้าบ้าน กรอบกระจกเป็น Aluminium พ่นสีขาว Glossy
ต่อไปเราจะเข้าไปดูในบ้านกัน เริ่มจากส่วนที่ระบายสีเหลืองไว้ก่อนนะครับ ซึ่งจะเป็นส่วน Living ทั้งหมดบนชั้น 1 ค่อยๆดูกันไป เดี๋ยวจะงง (แปลนในรูป กลับด้านซ้าย-ขวากับแปลนบ้านตัวอย่างนะครับ)
เข้ามาในบ้านจะเจอส่วนห้องรับแขกก่อน เป็นส่วนโซฟาดูทีวีด้วย เฟอร์นิเจอร์ในบ้านหลังนี้ไม่ได้มีให้นะครับ ปกติขายเป็นบ้านเปล่า แต่อาจจะมีโปรโมชั่นแบบไหน ลองสอบถามกับพนักงานขายดู เพราะแต่ละช่วงเวลาจะไม่เหมือนกัน
ห้องรับแขกจากอีกมุมหนึ่ง
และอีกมุมหนึ่ง
โซฟาดูทีวีใส่แบบ 3 ที่นั่งสบายๆ จะใส่ตัว L ก็ยังได้ มีโต๊ะกลางได้ขนาดเท่าที่เห็น
ระยะดูทีวีค่อนข้างโอเคเลย ใส่ทีวีจอใหญ่ 60-70 นิ้วได้สบายๆ นำทีวีขึ้นแขวนผนังแบบนี้ดีแล้ว เพราะจะได้ระยะการดูที่ดีกว่า และได้ระดับสายตาด้วย ถ้าวางตั้งกับชั้นวางทีวี อาจจะต้องก้มดูทีวี แล้วในระยะยาวจะปวดคอได้นะ
พื้นที่ด้านข้างที่ต่อมาจากห้องรับแขกก่อนถึง Dining Area บริเวณนี้ยังมีพื้นที่อยู่หน่อย เหมาะมากถ้าบ้านไหนมีเด็กเล็กๆ จะใช้เป็นพื้นที่วางของเล่นเด็ก 😀
ขยับเข้ามาเป็นส่วนของ Dining Area พื้นที่รับประทานอาหาร บนเพดานของบ้านตัวอย่าง ฝังแอร์แบบ 4 ทิศทางเอาไว้ แต่ของจริงไม่ได้ให้แบบนี้นะครับ แต่ผมก็แนะนำว่า ทำตามที่เขาทำเนี่ยแหละ เวิร์ค เพราะพื้นที่ห้องชั้นล่างค่อนข้างกว้าง การใช้แอร์ Type นี้จะทำให้กระจายความเย็นได้ดีกว่า และถ้าเทียบกับ Wall-Type ก็ไม่ต้องติดแอร์หลายๆตัวด้วย เอาไว้ตรงกลางตัวเดียวเลย
ขยับเข้ามาดูโต๊ะกินข้าวใกล้ๆ… ที่นี่จัดวางโต๊ะทานข้าวขนาด 6 ที่นั่งเอาไว้ให้ดู พื้นที่รอบๆยังเหลืออยู่ อยากจะเพิ่มขนาดโต๊ะก็ทำได้ ถ้าสมาชิกในบ้านมีมากกว่านั้น หรือเผื่อไว้รับแขก
ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตรครับ … ของจริงจะไม่มีการดรอปให้แบบนี้นะครับ และไม่มีไฟตรงกลางด้วย จะเป็นแค่ดาวน์ไลท์ 4 ดวงรอบๆ ตำแหน่งเดียวกับที่เห็นในรูป ใครจะเลียนแบบบ้านตัวอย่างก็สวยดีนะ
มุมมองจากโต๊ะรับประทานอาหาร มองไปทางห้องรับแขก
โต๊ะกินข้าวอยู่บริเวณมุมด้านหลังบ้าน ซึ่งจะอยู่ติดกับบานหน้าต่าง 2 ด้าน ทำให้รับวิวสวนด้านข้างได้ด้วย ระหว่างทานข้าว
ข้างๆโต๊ะกินข้าว จะเป็นประตูเปิดไปยังห้องครัว
ในห้องตัวอย่างนี้เขาใส่เป็นบานสไลด์ขนาดใหญ่ ปิดทับไปทั้งกำแพงเลย แต่ของจริงไม่ได้ทำแบบนี้นะครับ ใครอยากได้ต้องไปทำเอง ส่วนของจริงจะเป็นประตูลูกบิดธรรมดาขนาดเท่ากับช่องประตูที่เห็นในภาพ
พื้นที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าครัวนี้ ในห้องตัวอย่างเขาไม่ได้ใส่ฟังก์ชั่นอะไรเอาไว้ แต่ถ้าใครจะบิ๊วขึ้นมาเป็นเคาน์เตอร์ครัวฝรั่ง หรือแพนทรี่เล็กๆ สำหรับเตรียมอาหาร หรือ วางของว่างเล็กๆน้อยๆ ก็สามารถทำได้ครับ มีพื้นที่เหลือพอ
เข้ามาดูในครัวบ้าง ที่นี่ฟังก์ชั่นครัวให้เป็นครัวไทยแยกส่วนอยู่หลังบ้าน ดังนั้นทำอาหารได้เต็มที่เลย
พื้นครัว ดรอปลงมาจากพื้นบ้านปกติอีกประมาณ 3-4 นิ้ว
เคาน์เตอร์ครัว ฝั่งนี้วางเตา กับที่ดูดควัน
อีกฝั่งหนึ่งวางซิ้งล้างจาน ส่วนประตูด้านนั้นเปิดออกไปยังลานซักล้างหลังบ้าน
ติดกับทางเข้าเป็นจุดวางตู้เย็น ซึ่งจะใส่ขนาดใหญ่เท่าไหร่ก็ตามสบายเลย พื้นที่เหลือๆ (แต่ต้องระวังตู้ทางขวาเปิดมาชนด้วยนะ)
เคาน์เตอร์ครัวยาว เก็บของได้เยอะแยะเลย ที่โครงการแถมให้จะมีเฉพาะชุดล่างนะครับ ส่วนชุดด้านบนต้องไปบิ๊วเพิ่มเอง
ครัวที่นี่ให้ของ Modernform นะครับ
มือจับ Stainless อันนี้ดูแข็งแรงดี และดูไม่คมดีด้วย
ซิ้งล้างจานแบบ 2 หลุม มีที่วางภาชนะให้ด้านข้าง พื้นที่ล้างจานเยอะดี แต่น่าเสียดายที่อ่างไม่ได้เป็นแบบฝังลงไปในเคาน์เตอร์ เพราะถ้าได้แบบนั้นจะสวยและทนทานขึ้นมากเลย แนะนำให้ทำเพิ่มเอง เพราะจะยืดอายุการใช้งานได้อีกนาน ส่วนกำแพงด้านหลังปูกระเบื้องมาให้แล้วเรียบร้อย ป้องกันการเลอะเทอะ
มีกระจกบานกระทุ้งให้แสงส่องเข้าได้ และสามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศ/กลิ่น ได้ด้วย
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นเคาน์เตอร์เตา กับที่ดูดควัน (ซึ่งไม่ได้มีมาให้ มีแต่เตา)
เตาที่ให้เป็นเตาแก๊ส 4 หลุม
ที่ดูดควันไม่ได้ใส่ให้ ติดเองขนาดใหญ่ได้เลย ถ้าหาแบบที่มีตู้เก็บของด้านข้างได้ด้วย ก็จะเพิ่มพื้นที่เก็บของเข้าไปอีก แต่แบบนี้จะดูดได้แรงกว่า
มีพื้นที่เก็บของด้านล่าง สำหรับ Supply ในการทำครัว
มีบานกระทุ้ง ให้แสงธรรมชาติส่องเข้าได้เหมือนกัน เปิดระบายอากาศก็ได้ การที่มีบานกระทุ้งแยก ก็ทำให้เราไม่ต้องเปิดประตูทิ้งไว้ เปิดแต่หน้าต่างอย่างเดียวได้
ประตูออกสู่หลังบ้าน ไปยังลานซักล้าง
ในครัวติดพัดลมดูดอากาศมาให้ด้วย
ลูกบิดประตูที่เปิดออกหลังบ้าน
พื้นที่หลังบ้านต้องบอกว่าให้มากว้างมากจริงๆ เทียบกับขนาดที่ดิน และขนาดบ้านลักษณะนี้ เนื่องจากเขาปูกระเบื้องให้เกือบจะเต็มพื้นที่เลย เทียบกับที่ปูหญ้าแล้ว แบบนี้ใช้งานได้จริงจังกว่ามาก และน่าใช้กว่าด้วย
อีกด้านหนึ่งเป็นทางเดินออกไปยังสวนข้างบ้าน
ด้านหลังบ้านมีจะมีช่องที่ทางโครงการดีไซน์ไว้เป็นจุดเก็บถังแก๊สครับ ซึ่งจะสามารถวางถังแก๊สตรงนี้แล้วเจาะผนังเชื่อมท่อส่งแก๊สไปยังเตาแก๊สในครัวได้
ช่องเก็บถังแก๊สจะวางอยู่หลังบ้าน มีที่ปิดมิดชิด สาเหตุที่วางไว้นอกบ้านนั้น เพื่อเวลามีคนมาส่งแก๊ส จะสามารถเดินอ้อมมาหลังบ้าน เข้ามาเปลี่ยนถังแก๊สได้เลย โดยที่ไม่ต้องเดินผ่านตัวบ้านครับ
ถัดมาจะเป็นจุดวางเครื่องซักผ้าที่อยู่หลังบ้านเหมือนกัน วางไว้นอกบ้าน แต่อยู่ในร่มนะครับ
และที่อยู่ในสุดก็จะเป็นห้องแม่บ้าน
หน้าห้องแม่บ้านวางแท้งค์น้ำ กับปั๊มน้ำเอาไว้
ห้องแม่บ้านพื้นที่ปกติ แค่วางเตียง และเฟอร์นิเจอร์นิดหน่อย
มีห้องน้ำในตัว อาบน้ำได้
มองขึ้นไปด้านบน จะเห็นชั้นวาง Compressor Air แขวนอยู่ด้านบนนี่เอง
ดูส่วน Living ที่อยู่ชั้น 1 จบแล้ว ต่อไปกลับเข้าไปดูในบ้านต่อ ยังอยู่กันที่ชั้นหนึ่งนะครับ จะพาไปดูห้องชั้นล่างบ้าง
ถัดจากส่วนครัวเข้ามา ก็จะเจอกับโถงบันไดชั้นล่าง ถ้าเราเปิดประตูจากโรงรถเข้ามาก็จะเจอตรงนี้เหมือนกัน
ใต้บันได เป็นช่องเก็บของใต้บันได
พื้นที่เก็บของประมาณนี้
ติดหลอดไฟไว้ด้านในด้วย
ด้านหน้าของโถงบันได บิ๊วเป็นชั้นวางของ และตู้เก็บรองเท้าไว้ให้ดูเป็นไอเดีย
เปิดให้ดูตู้เก็บรองเท้า และเก็บของเอนกประสงค์
ประตูนี้เปิดออกไปที่โรงรถ
ออกมาแบบนี้
ประตูโรงรถ ให้มากว้างดี น่าจะกว้าง 1 เมตรพอดี ที่ประตูเจาะช่องใส่กระจกฝ้า ให้มีแสงเข้าได้ด้วย
มี Step ทางเข้าบ้าน 1 Step ใช้ถอดรองเท้าวางแถวๆนี้ได้
ที่กำแพงติด Door Stopper ไว้ให้ด้วย
Move เข้าไปในบ้านกันต่อ ชั้นล่างนี้จะมีห้องน้ำด้วย สำหรับห้องรับแขก และ ห้องนอนที่อยู่ชั้นล่าง ฟังก์ชั่นในห้องนี้ก็จะเป็นแบบมาตรฐาน 3 ฟังก์ชั่น
อ่างล้างหน้าแบบหล่อสำเร็จ กับ โถสุขภัณฑ์ ยี่ห้อ Kohler พื้นปูกระเบื้องขนาด 30×60 ซม.
น่าเสียดายเล็กน้อยที่ไม่มีตู้เก็บของใต้อ่างล้างหน้า สำหรับห้องน้ำห้องนี้
หัวก็อกน้ำของ Englefield
สายฉีดชำระ
กระจกเงาในห้องน้ำติดมาใหญ่ดี
Shower Box ไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้ แนะนำว่าไปซื้อมาติดเองจะทำให้ห้องน้ำน่าใช้มากขึ้นนะครับ เพราะจะแยกส่วนเปียกส่วนแห้งของห้องน้ำออกจากกัน อ้อ และจะสังเกตว่าห้องน้ำนี้มีหน้าต่างนะครับ เพราเขาวางตำแหน่งไว้ติดกับผนังบ้าน ไม่เหมือนห้องน้ำชั้นล่างหลายๆที่ที่ต้องไปอยู่ใต้บันได ซึ่งจะมืดๆ อับๆ ระบายอากาศได้ไม่ดี มีหน้าต่างแบบนี้ดีกว่า
หน้าห้องน้ำ จะมีตู้ไฟ สำหรับเก็บตู้เบรคเกอร์ งานระบบต่างๆ หรือจะวาง Router Internet ในนี้ก็ได้
สุดท้ายสำหรับชั้น 1 จะเป็นห้องนอนที่อยู่ชั้นล่าง แต่บ้านตัวอย่างเขาจัดให้ดูเป็นห้องทำงาน สำหรับนั่งทำงานและชมสวนไปด้วย จริงๆแล้วห้องนี้ยังไงเขาก็ให้เป็นห้องเปล่าอยู่แล้ว เป็นห้องเอนกประสงค์ เราจะจัดเป็นพื้นที่ไว้ทำอะไรก็ได้ที่เราอยากได้เพิ่มเติม ถ้าเราไม่มีความจำเป็นต้องมีห้องนอนที่ 3 จะทำห้องทำงานแบบนี้ หรือทำห้องอ่านหนังสือ ห้องดูหนัง ห้องเก็บของก็ยังได้ แต่ถ้าทำเป็นห้องนอนจะเหมาะมากสำหรับให้ผู้สูงอายุ ที่ไม่ต้องการเดินขึ้นบันได มาพักที่ห้องด้านล่างนี้ อ้อ แต่ถ้าห้องนี้ใช้เป็นห้องนอน จะไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องออกมาใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องรับแขกนะครับ
เดินเข้ามาก็จะมีโต๊ะวางอยู่ตัวหนึ่ง และด้านข้างบิ๊วเป็นชั้นวางของ
ชั้นวางของนี้ถ้าบิ๊วเต็มผนัง แล้วมีบานปิด จะเก็บของได้เยอะทีเดียว เพราะฝ้าเพดานสูง 2.80 เมตร
มุมมองจากโต๊ะทำงาน จะมองเห็นสวนนอกบ้านด้วย
นอกบ้านตรงนี้เขาเลยจัดทำเป็นพื้นระแนงไม้ ถ้าเอาโต๊ะ เก้าอี้ ชุดน้ำชามาวาง ก็จะสามารถเป็นมุมพักผ่อนเล็กๆส่วนตัวของเราได้ หรือจะเป็นพื้นที่จัดสวนของตัวเองก็ได้ กรณีคนที่ชอบต้นไม้
มุมมองจากทางด้านนอกมองเข้าไปด้านใน
*** หมายเหตุ *** สำหรับบ้านขายจริง ผนังฝั่งนี้จะไม่ใช่ประตูบานสไลด์นะครับ แต่จะเป็นช่องหน้าต่าง (กรณีเป็นห้องนอน) ซึ่งจะต้องก่อกำแพงขึ้นมาสูงประมาณ 60-70 ซม. จะไม่สามารถเดินออกมาแบบนี้ได้ ต้องปีนข้ามออกมาครับ ในบ้านตัวอย่างที่ใส่ประตูก็คือทำให้ดูเป็น Idea เฉยๆ ใครจะทำตามก็ได้ ไม่ทำตามก็ได้ แต่ที่ทำแบบนี้เพื่อที่คนที่นั่งทำงานอยู่ในห้อง จะได้สามารถมองลงมาที่พื้นสวนได้ ไม่มีกำแพงบังสายตา (และให้เดินออกมาที่สวนง่ายๆด้วย)
ต่อไปเราขึ้นไปดูชั้น 2 กันบ้าง เริ่มตั้งแต่โถงบันไดกลางบ้าน
บันไดเป็นพื้นไม้จริงครับ
ผนังตรงบันไดเจาะเป็นช่องแสง เพื่อให้มีแสงสว่างส่องเข้ามาในตัวบ้านในเวลากลางวัน ไม่ให้บ้านอับทึบ
บันไดทำขั้นกว้างดี ไม่ชัน และไม่มีขั้นแปลกๆ อันนี้ขึ้นมาที่ชั้น 2 แล้ว
โถงหน้าห้องชั้น 2 ครับ ด้านซ้ายจะไป Master Bedroom ส่วนด้านขวาจะเข้าสู่ห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้อง ส่วนตรงกลางจะเป็น Family Room ครับ ซึ่งจริงๆแล้ว จะไม่มีประตูใส่มาให้นะครับ
ฝ้าเพดานของห้องจริงไม่มีการดรอปแบบนี้นะครับ เป็นเพดานเรียบ สีขาว ไม่มีดาวน์ไลท์ด้วยนะครับ
ถ่ายลงไปให้เห็นช่องแสงที่บันไดอีกมุมหนึ่ง
เดี๋ยวเดินมาดูห้อง Family Room ก่อนครับ ถ้าดูจากภาพบน ประตูที่อยู่ใกล้ที่สุดนี่คือประตูของห้อง Family Room ครับ ถัดไปเป็นประตูเข้าห้องนอนเล็ก และประตูห้องน้ำตามลำดับ แต่จะเห็นว่ามีประตูอีกบานหนึ่ง ที่เชื่อมห้องนอนเล็ก กับ Family Room เข้าด้วยกัน ซึ่งของจริงตรงนี้ไม่ได้มีการเจาะประตูแบบนี้นะครับ จะเป็นผนังทึบ แต่อันนี้เขาทำให้ดูเป็น Idea เฉยๆ ซึ่งเดี๋ยวจะอธิบายต่อว่าทำไม
เข้ามาดูใน Family Room ก่อน ในห้องนี้จัดแบบ Simple Basic มาก คือมีโซฟายาว สำหรับ นั่ง นอน กลิ้ง ดูทีวี ดูกันได้พร้อมกันทั้งบ้าน และมีชั้นวางของอีกนิดหน่อย ห้องนี้มีช่องหน้าต่างด้วย มีแสงสว่างส่องเข้า ไม่ทึบ
ห้อง Family Room นี้ เขาดีไซน์ให้สามารถ เปิดเข้าได้จากทั้งทางห้องนอนเล็ก และทาง Master Bedroom หรือจะเปิดเข้าจากโถงหน้าบันไดก็ได้ มีทางเข้าออก 3 ทางเลย เพื่อที่ว่า จะใช้เป็นจุดศูนย์รวมของบ้าน ให้ทุกๆคนสามารถมาใช้พื้นที่ตรงนี้ร่วมกันได้ทั้งครอบครัว เค้าเลยเจาะผนัง แล้วใส่เป็นประตูบานเลื่อนแทน ถ้าใครชอบแบบนี้ จะทำตามก็ต้องเจาะผนังเองนะครับ เขาไม่ได้ทำไว้ให้ แต่ถ้าใครไม่ชอบ คิดว่าจะเสีย Privacy ก็ไม่ต้องทำ
ทางขวาคือประตูที่มาจากโถงบันได ทางซ้ายคือประตูจาก Family Room เข้าสู่ห้องนอนเล็ก
ในบ้านตัวอย่าง เขาทำเป็นบาน Slide ปิดไว้ พอปิดแล้วก็ดูเรียบร้อยดี
ต่อจาก Family Area เราจะไปดูห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องกันก่อน
เข้ามาดูในห้องนอนเล็กกันบ้าง ห้องนี้จัดไว้สไตล์ลูกสาว วางเตียง 3.5 ฟุตไว้มุมห้อง ติดหน้าต่างชิดผนัง
ปลายเตียงบิ๊วเป็นโต๊ะทำงาน และชั้นวางของ
เตียง 3.5 ฟุตวางชิดผนัง
มีตู้หัวเตียงวางข้างๆ พื้นที่เหลือๆ
โต๊ะทำงานวางไว้ฝั่งนี้ มีช่องเก็บของพอประมาณ แต่ใส่กระจกเงาไว้ปลายเตียงแบบนี้อาจจะไม่ถูกฮวงจุ้ยเท่าไหร่นะ ตื่นมาดูหน้าตัวเองเดี๋ยวตกใจสภาพตัวเองตอนพึ่งตื่น
ผนังฝั่งใกล้ทางเข้า วางเป็นตู้เสื้อผ้า ปิดมุมด้วยชั้นวางของ แบบโค้ง ด้านขวาของตู้เสื้อผ้าเป็นหน้าต่างช่องแสง ตอนนี้เอาม่านปิดไว้ก่อน
ฝั่งนี้ก็เป็นช่องแสงด้วยเหมือนกัน มีบานกระทุ้งสองด้านเลย ฝั่งที่อยู่หัวเตียงอาจจะแสบตาหน่อย ใช้ม่านจีบปิดไว้แบบนี้ถูกต้องแล้ว
ห้องนอนเล็กไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องใช้ห้องน้ำด้านนอก
ห้องน้ำข้างบนนี้ ฟังก์ชั่นทุกอย่าง รวมถึงสุขภัณฑ์ ให้เหมือนห้องน้ำชั้นล่างเลย แตกต่างกันแค่กระเบื้อง ที่เปลี่ยนเป็นขนาด 60×60 ซม.
อันนี้ไปถ่ายมาให้ดูจากบ้านจริง ว่าประตูที่ใส่มาให้ของจริงจะหน้าตาเป็นยังไง เป็นแบบนี้แหละครับ
มือจับประตู
เข้าไปดูห้องนอนอีกห้องหนึ่งที่อยู่หน้าบ้านบ้าง
ห้องนี้มีห้องน้ำในตัว Spec เหมือนกันกับข้างนอก
ด้านหน้าห้อง มีพื้นที่เว้าๆ โค้งๆหน่อย เลยใส่ชั้นวางของไว้ให้ แต่ต้องวางเป็นตู้ที่บางๆหน่อยนะครับ ถ้าหนาเกินไปจะขวางทางเดิน ขนาดเท่าที่เห็นกำลังโอเค
ห้องนี้วางเตียงไว้กลางห้อง ระหว่างหน้าต่างบานกระทุ้งทั้งสองบ้าน และใส่โต๊ะหัวเตียงไว้สองด้าน
วางเตียงขนาด 3.5 ฟุตไว้ให้ดู แต่ใครจะใส่ 5 ฟุตก็ได้ถ้าอยากนอนสบายหน่อย ก็จะลดพื้นที่ข้างเตียงไปอีกนิดนึง โต๊ะหัวเตียงก็จะตัวเล็กลง หรืออาจจะใส่ขนาดเท่าเดิมแต่ใส่ได้ตัวเดียว
หน้าต่างบานกระทุ้งหัวเตียง
พื้นที่ปลายเตียงวางตู้เสื้อผ้าเอาไว้ จะสังเกตว่าไม่มีโต๊ะเครื่องแป้ง อาจจะเอาตู้สีดำนั่นออก แล้วใส่โต๊ะเครื่องแป้งแทน
ห้องนี้เป็นห้องนอนที่อยู่ด้านหน้าบ้าน จะเป็นห้องที่ได้ระเบียงส่วนตัวอยู่ในห้องนอน แล้วแต่คนชอบ แล้วแต่คนใช้งาน
ในบ้านตัวอย่าง ระเบียงจะปูหญ้าเทียมเอาไว้ แต่ของจริงที่เป็นบ้านขาย จะปูกระเบื้องแทน อันนี้ก็คือเพื่อให้ดูร่มรื่นมากขึ้น
มองไปเห็นระเบียงของห้องนอนใหญ่ด้วย ตรงกลางกั้นเอาไว้ด้วยราวกันตก
ถ้าเราดูระเบียงห้องนี้จากด้านล่างก็จะเห็นเป็นลักษณะนี้ครับ
ธรณีประตู จะมี Step 1 ขั้น ซึ่งตรงนี้ก็ควรจะระวังหน่อย อาจจะสะดุดได้ แต่ทำแบบนี้ก็คือเพื่อให้กันน้ำ กันฝุ่น เข้าห้อง
สุดท้ายของบ้านหลังนี้ก็จะเป็นห้องนอนใหญ่ Master Bedroom ครับ ซึ่งกินพื้นที่ประมาณ 40% ของชั้น 2 เลย
ในห้องนอนใหญ่ พื้นที่เหลือๆเลย เขาให้มาเป็นห้องเปล่าอยู่แล้ว เราจะจัดอย่างไรก็ได้ อันนี้เขาทำให้ดูเป็นตัวอย่างเฉยๆ เรามาดูกันว่าเขาทำยังไง
ประตูทางขวาสุด มาจากโถงบันไดหน้าชั้นสอง ประตูกลางเป็นประตูที่มาจาก Family Room ส่วนทางซ้ายเป็นประตูเข้า Walk-in Closet และห้องน้ำ
ให้ดูอีกมุม
หน้าห้องจัดทำเป็นพื้นที่นั่งดูทีวี จะใส่ Sofa ขนาดใหญ่ก็ได้ แต่นี่เขาวางเก้าอี้นอนไว้ให้ดูว่าทำแบบนี้ก็ได้
ระยะดูทีวีแล้วแต่จะจัดเลย
ข้างๆทีวี วางเป็น Side board วางของตกแต่ง
พื้นที่ปลายเตียงเหลือประมาณนี้
พื้นที่ข้างเตียงวางโต๊ะหัวเตียงได้ ในบ้านตัวอย่างบุผนังให้ดูด้วย
หัวเตียงอีกฝั่งหนึ่ง เป็นโต๊ะข้างเตียงที่เชื่อมต่อไปยังโต๊ะทำงาน หรือใครจะใส่โต๊ะเครื่องแป้งใหญ่ๆก็ทำได้
เหนือโต๊ะมีช่องหน้าต่างให้แสงธรรมชาติส่องเข้า
ถัดจากโต๊ะทำงาน เป็น Walk-in Closet ที่จะเชื่อมเข้าสู่ห้องน้ำ อันนี้เขาทำบานสไลด์กระจกปิดไว้อีกหนึ่งชั้น เพื่อให้ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น
Walk-in Closet ใส่ตู้เสื้อผ้าสองฝั่งได้เลย ที่ผนังปลายสุด เป็นช่องหน้าต่าง มีแสงเข้า เปิดระบายอากาศได้ และวางกระจก กับโต๊ะแต่งตัวไว้ด้วย เวลาแต่งหน้าก็จะได้แสงขาวธรรมชาติ ส่องหน้าเต็มๆ
บานกระจกนี้มีลูกเล่นด้วย
คือตัวกระจกสามารถเลื่อนไปเลื่อนมาได้
เพื่อให้เราสามารถเอื้อมไปเปิดหน้าต่างด้านหลังได้ และยังได้แสงธรรมชาติอยู่
สุดท้ายเป็นห้องน้ำใน Master Bedroom ห้องนี้จะมีพื้นที่เยอะกว่าห้องอื่น และมีเกรดวัสดุที่ดีกว่าอื่นๆด้วย
เข้ามาเป็นอ่างล้างหน้า กับโถสุขภัณฑ์
อ่างใช้ยี่ห้อ Kohler เหมือนเดิม แต่เกรดดีขึ้น มีช่องเก็บของด้านล่าง
โถสุขภัณฑ์ ใหญ่ขึ้นตามไซส์ห้องนอน
ห้องน้ำห้องนี้มีฉากกั้นอาบน้ำกระจกติดไว้ให้ที่ Shower Box ด้วย
กระจกเงาในห้องน้ำ ให้บานใหญ่กว่าห้องอื่นๆ ปูยาวเต็มผนังเลย
พื้นที่ใน Shower Box ก่อปูนขึ้นมาเป็นที่นั่งให้ด้วย แต่น่าเสียดาย ยังกว้างไม่พอใส่อ่างอาบน้ำ คงต้องยืนอาบต่อไป
ที่นั่งอาบน้ำ
ชั้นวางสบู่ 2 ชั้น วางได้พอประมาณ แต่ถ้าไม่พอ ก็วางบนที่นั่งอาบน้ำได้อีก
ฝักบัวแบบ Hand Shower … ที่น่าจะได้เป็น Rain Shower นะ … บ้านตั้ง 10 ล้าน
สุดท้ายเป็นพื้นที่ระเบียงส่วนตัวของห้อง Master Bedroom ซึ่งเป็นพื้นที่ระเบียงที่ใหญ่มาก ของจริงก็ไม่ได้ปูหญ้าเทียมเหมือนกัน เป็นกระเบื้องนะ
วิวด้านนอก และราวกันตก
วางโต๊ะ เก้าอี้ ชุดน้ำชา 2 ที่นั่ง ได้สบายๆ
ผนังตรงนี้เป็นหน้าต่าง
มองจากด้านนอก จะเห็นระเบียงยาวแบบนี้
ประตูทางออกระเบียง หน้าตาประมาณนี้
กล่องโคมไฟด้านนอกระเบียง
บ้านตัวอย่างของที่นี่ก็จะประมาณนี้ครับ ตกแต่งมาเต็มที่เลย เดี๋ยวผมจะพาไปดูบ้านขายจริงอีกนิดหน่อย ดูว่ามีอะไรที่แตกต่างไปจากบ้านตัวอย่างบ้าง
พื้นที่ห้องรับแขก และห้องรับประทานอาหาร จะเห็นว่าฝ้าโล่งๆไม่ได้ดรอปนะครับ และวาง downlight ไว้ให้เท่านั้น ไม่มีไฟโคม
ตู้ครัว ที่มีเฉพาะชุดล่าง ชุดบนต้องไปใส่เพิ่มเอง แต่เขาปูกระเบื้องที่ผนังมาให้นะ
ฝั่งเตาก็เช่นเดียวกัน ใส่เครื่องดูดควันเองนะครัช
ห้องนี้คือห้องนอนที่อยู่ชั้นล่าง ที่บ้านตัวอย่างทำเป็นห้องทำงานชั้นล่าง จะเห็นว่าหน้าต่างได้เป็นบานเล็ก ไม่ใช่บานเต็มตัวถึงพื้น
โถงบันได
โถงบันไดไม่มี downlight ครับ วางเป็นกล่องไฟโคมไฟตรงหัวบันไดไว้เฉยๆ
ฝ้าไม่ดรอป และไม่มีหลอดไฟ ต้องใส่เองนะครับตรงนี้
โถงชั้น 2 ตรงกลางนั่นคือ Family Room ด้านขวาเป็น Master Bedroom ด้านซ้ายเป็น ห้องนอนเล็ก จะเห็นว่าบ้านตัวอย่างมีการกั้นผนัง ปรับเปลี่ยนรูปแบบไปค่อนข้างเยอะ จริงๆแล้วก็เป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว ว่าบ้านไหนต้องการฟังก์ชั่นแบบไหนนะครับ
ห้องนอนเล็ก กับ Family Room ก็ไม่ได้เจาะเข้าหากัน
ประตูห้อง Master Bedroom อยู่อีกด้าน
พื้นระเบียง ปูกระเบื้องด้านนอก ไม่ใช่หญ้าเทียมนะครับ
ระเบียงห้องนอนเล็กเหมือนกัน
ห้องนอนเล็ก ผนังเรียบแบบนี้ (บางคนอาจจะสงสัยว่ามีเสาตรงกลางระหว่างหน้าต่างสองบานรึเปล่า) ติด Wallpaper ให้โดยมาตรฐาน
Price vs Performance
- บ้านแบบ Miro แปลง B03 พื้นที่ใช้สอย 220 ตารางเมตร ที่ดิน 54.40 ตารางวา ราคา 10.50 ล้านบาท
- บ้านแบบ Miro แปลง B08 พื้นที่ใช้สอย 220 ตารางเมตร ที่ดิน 54.40 ตารางวา ราคา 10.55 ล้านบาท
- บ้านแบบ Parco แปลง A03 พื้นที่ใช้สอย 275 ตารางเมตร ที่ดิน 62.90 ตารางวา ราคา 13.78 ล้านบาท
- บ้านแบบ Parco แปลง B02 พื้นที่ใช้สอย 275 ตารางเมตร ที่ดิน 65.20 ตารางวา ราคา 13.99 ล้านบาท (Sold)
- บ้านแบบ Parco แปลง B09 พื้นที่ใช้สอย 275 ตารางเมตร ที่ดิน 65.30 ตารางวา ราคา 14.14 ล้านบาท
- (พ.ย. 56) เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว SB /สัญญาณกันขโมย 2 ระบบ/Wallpaper/ปั๊มน้ำ/แท๊งค์น้ำ/ชุดครัวไทย Modernform/จัดสวน/ฟรีค่าบริการสาธารณะ 2 ปี
- จอง 50,000 บาท
- ทำสัญญา 300,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 70 บาทต่อตารางวาต่อเดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
เจาะลึกรวบยอด
ถ้าพูดถึงแบรนด์ The City เป็นแบรนด์เก่าแก่ของ AP ที่มีมานานตั้งแต่ AP เริ่มต้นธุรกิจในไทยใหม่ๆ AP ก็ได้พัฒนาตัวแบรนด์ The City มาเรื่อยๆจนมาถึงทุกวันนี้ และ The City งามวงศ์วาน ก็ยังคงมาตรฐานความเป็นบ้านเดี่ยวของ AP ได้อยู่เรื่อยมา ดังนั้นคิดว่าหลายๆคนที่เลือกโครงการนี้ ย่อมมีความเชื่อมั่นในความเป็น AP อยู่แล้ว
The City งามวงศ์วาน เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่อยู่ในเขต “Connecting Area” หรือเขตที่อยู่ระหว่าง “ในเมือง” กับ “นอกเมือง” ซึ่งในทำเลแบบนี้ การพัฒนาที่อยู่อาศัยจะมีหลากหลายรูปแบบมาก มีทั้งคอนโด, ทาวน์โฮม, โฮมออฟฟิศ, บ้านเดี่ยว มีอยู่ในทำเลใกล้ๆกัน ซึ่งราคาของ Product แต่ละชนิดก็จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละทำเล ลูกค้าที่เลือกที่จะอยู่ในทำเลเดียวกันนี้ สามารถเลือก Product ที่อยากจะอยู่ได้หลากหลาย ตามแต่งบประมาณของตัวเอง …ทีนี้ Concept ของ The City งามวงศ์วาน (ตามที่ผมเข้าใจ) นี้คือ AP พยายามจะทำบ้านเดี่ยว ที่อยู่ใกล้เมืองหน่อย ใกล้ทางด่วนสามารถเข้า-ออกเมืองได้สะดวก แต่ถ้าสร้างบ้านเดี่ยวติดถนนใหญ่งามวงศ์วานช่วงใกล้แยกพงษ์เพชรนี้ คงจะมีต้นทุนที่ไม่ใช่บ้านระดับราคา 10 ล้านบาทแน่ อาจจะพุ่งสูงไปเป็นหลังละ 30 ล้านหรือมากกว่าแน่ๆ เพราะลำพังคอนโด 30 ตารางเมตร ก็ต้องมีล้านปลายๆถึงสองล้านต้นๆ ถึงจะซื้อได้ บวกกับจะไปหาที่ดินใหญ่ขนาดนั้นจากไหน? จึงไม่มีทางเลือกที่จะต้องขยับเข้าไปอยู่ในซอยลึกๆหน่อย ห่างจากถนนใหญ่เข้าไประดับ 1-2 กม. เพื่อที่จะทำโครงการแนวราบในทำเลใกล้ๆกันนี้ได้ และยังคงต้นทุนอยู่ในระดับที่ตลาดแถวๆนี้จะหยิบจับได้ไม่ยากนัก จึงได้เกิดขึ้นมาเป็น The City งามวงศ์วาน (และบ้านกลางเมืองที่อยู่ติดกันด้วย) ซึ่งก็จะเป็นบ้านเดี่ยวระดับ 10-13 ล้านบาท ส่วนลูกค้าที่สู้ราคาไม่ไหว ก็มีบ้านกลางเมืองอยู่ติดกัน ที่เป็นทาวน์โฮมที่ราคาถูกกว่า แต่ได้ทำเลเดียวกัน
สำหรับทำเลในซอยชินเขตนี้ เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ ที่อยู่ในซอยแถวนี้ ที่ค่อนข้างเก่าแก่และดั้งเดิม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านเรือนทั้งนั้น ร้านค้า อาคารพาณิชย์มีให้เห็นไม่มาก ความอุดมสมบูรณ์มีระดับหนึ่งช่วงปากซอยชินเขต 1 แต่ไม่ใช่ย่านค้าขาย ถ้าอยากจะได้ความอุดมสมบูรณ์ หาของกิน ซื้อของใช้ คงจะต้องขับรถออกจากซอยมา มาหาเอาแถวๆแยกพงษ์เพชรเนี่ยแหละ ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดที่คึกคักกว่ามาก มีห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์, มีพันธุ์ทิพย์, มีโรงเรียนกวดวิชา, มีตลาดสด, มีวินรถตู้ ฯลฯ ที่ค่อนข้างครบ สำหรับผู้อยู่อาศัยแถวนี้ แต่ก็จะวุ่นวายและรถติด ดังนั้นการเข้าไปอยู่ในซอย ก็จะทำให้มี Privacy ที่เพิ่มขึ้น และมีความสงบเงียบมากกว่า ต้อง Trade-off กันไป
การเดินทางด้วยรถยนต์ของ The City งามวงศ์วาน ในมุมมองผู้อยู่อาศัยถือว่าค่อนข้างสะดวกทีเดียว เนื่องจากอยู่ใกล้ทางด่วน 2 จุด ออกถนนใหญ่ได้ 3 เส้น มีทางเลี่ยงทางลัดพอสมควร ขึ้นสะพานข้ามไปฝั่งนนทบุรีได้ แต่ถ้ามองในมุมมองของญาติมิตรเพื่อนฝูงที่จะมาหาเราที่บ้าน อาจจะต้องบอกทางกันยาวนิดนึง อาจจะต้องมีแผนที่ให้ดู เพราะว่าเข้าซอยไปลึก และซับซ้อน แล้วพอเข้าซอยไปลึก การเดินทางแบบไม่ใช้รถ การเรียกรถ ก็จะทำได้ยากกว่า เพราะแท็กซี่ไม่ขับเข้าไปแน่ๆ ถ้าไม่มีผู้โดยสาร ต้องออกมาเรียกที่ถนนใหญ่ หรืออย่างน้อยๆก็ถนนซอย ไม่ใช่ซอยแยกย่อยแบบที่เป็นอยู่
ความปลอดภัยของโครงการ ในแง่ของทำเลเนื่องจากว่าต้องเข้าซอยไปเยอะ อาจจะทำให้การเดินเข้า-ออกซอย ดูไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก เพราะระหว่างทางก็เป็นบ้านคนทั้งนั้น กลางคืนก็จะเงียบๆ หรือจะเรียกแท็กซี่เข้าไปส่งในซอย ถ้าเป็นน้องผู้หญิงสวยๆ อาจจะมีการหวั่นไหวได้ ขับรถเองก็จะมีสบายใจกว่า ส่วนตัวโครงการมีรั้วสูง 3 เมตร ถือว่าดี มี Security Gate 1 ชั้น มียามยืนประจำ 2 จุดที่หน้าทางเข้า ก่อนข้าม และหลังข้ามสะพาน และก็มีสัญญาณกันขโมยติดให้ทุกหลัง ถือว่ามีมาตรฐานดีระดับหนึ่ง
การออกแบบโครงการ มีจำนวนยูนิตที่ไม่มาก แค่ 50 กว่ายูนิต ทำให้น่าจะอยู่กันได้อย่าง Private พอสมควร Club House ก็มีคนใช้อยู่แค่ 50 กว่าครอบครัวนี้แหละ อาจจะไม่ใหญ่มาก แต่คิดว่าน่าจะเพียงพอกับจำนวนลูกบ้าน ที่ดินเป็นแนวตรงๆ ทำให้การวางผังไม่มีอะไรพิศดาร ถือว่าปกติ ส่วนตัวบ้าน ให้พื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชั่นมาพอดีๆ จัดออกมาแล้วสวยได้มาตรฐาน AP ไม่ค่อยเห็นพื้นที่แปลกๆในบ้าน
วัสดุให้มาดีระดับหนึ่ง พื้นล่างกระเบื้อง,พื้นนอนลามิเนต, ครัว Modern Form, สุขภัณฑ์ Kohler, Englefield ถือว่าก็ให้มามาตรฐานเทียบกับราคา ติดอยู่นิดหน่อยตรงที่สุขภัณฑ์ในห้องน้ำที่ไม่ใช่ Master Bedroom จริงๆแล้วน่าจะอัพเกรดให้เท่ากับ Master Bedroom ไปเลย
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ โดยรวมเป็นโครงการเล็กๆ ขนาดที่ดินไม่ใหญ่ พื้นที่สีเขียวก็ต้องบอกว่าไม่เยอะเท่าไหร่ มีแค่ด้านหน้าที่จัดเป็นสวนหย่อมเอาไว้ ดูไม่ร่มรื่นเท่าที่ควร
สาธารณูปโภค จัดให้มาแค่พอดีๆกับจำนวนยูนิต ให้พอใช้ได้ มี Club House/สระว่ายน้ำ/ฟิตเนส/Jacuzzi ถ้าเทียบว่าเป็นโครงการบ้านราคา 10-13 ล้าน อาจจะบอกว่าเล็กไปหน่อย ถ้าอลังการกว่านี้อีกซักนิด ก็คงไม่มีข้อติ แต่นั่นย่อมหมายถึงราคาค่าส่วนกลางที่ลูกบ้านต้องจ่ายเพิ่มด้วย
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 10.5 – 13 ล้านบาท (4 ธ.ค. 56)
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ทำเลอยู่ในซอยลึก 1-2 กม.จากถนนใหญ่ ทางด่วนสะดวก เข้า-ออกหลายทาง
- ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วโครงการสูง 3 เมตร/Security Gate/สัญญาณกันขโมยทุกหลัง เทียบกับราคา 10 ล้าน
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – แบบสวย จำนวนยูนิตน้อย ไม่หนาแน่น
- วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของราคาระดับนี้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 6.5/10 – โครงการเล็ก จัดพื้นที่สีเขียวได้ไม่เยอะ พอเทียบกับราคาแล้วดูด้อยไปนิด
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีให้ใช้ได้พอดีๆ เพราะจำนวนยูนิตไม่เยอะ
- 7.75 / 10.00
BOTTOM LINE
The City งามวงศ์วาน เป็นโครงการสำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยว เดินทางสะดวกในทำเลกรุงเทพฯตอนเหนือ โซนงามวงศ์วาน-ประชาชื่น-วิภาวดี มีทางด่วนให้ใช้เข้า-ออกเมืองไม่ไกลนัก และเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก มองหาบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะหน่อย ไม่เน้นพื้นที่รอบบ้านนัก เป็นครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง ที่อาจจะกำลังขยายครอบครัว และมีงบประมาณในระดับ 10-13 ล้านบาท
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ