รีวิวฉบับที่ 1815 … สวัสดีครับวันนี้ผมจะพาไปชมโครงการแนวราบบนถนนศรีนครินทร์ที่มีชื่อว่า The Rich Biz Home สุขุมวิท 105 จาก Richy Place 2002 เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น ที่สามารถทำเป็นโฮมออฟฟิศได้ด้วย เป็นโครงการที่สร้างมาแล้ว 8 ปี ทำเลดีอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลศิครินทร์ และใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง MRT สถานีศรีลาซาล ตัวบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่ จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยครับ

Fact @ 20 February 2019

  • The Rich Biz Home Sukhumvit 105 (เดอะ ริช บิซโฮม สุขุมวิท 105)
  • บริษัท ริชี่เพลส 2002 จำกัด มหาชน
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ถ.ศรีนครินทร์ เขตบางนา
  • เนื้อที่โครงการ 13-2-88 ไร่ จำนวน 133 ยูนิต
  • ทาวน์โฮม 3 ชั้น 19.8 ตารางวา 176 ตารางเมตร หน้ากว้าง 5 เมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • เพดานชั้น 1 สูง 2.75 เมตร, ชั้น 2 – 3 สูง 2.45 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท (ราคาโปรโมชั่น)
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 282,323 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : ปี 2555
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : ปี 2556 (แต่ปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ)
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • สำนักงานขาย : 096 991 9613

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.655300, 100.646089

แผนที่จากทางโครงการครับ

โครงการ The Rich Bizhome สุขุมวิท 105 ตั้งอยู่บนถนน “ซอยลาซาลตอนปลาย” ซึ่งเป็นช่วงที่เลยจุดตัดกับถนนศรีนครินทร์มาแล้ว หากดูจากแผนที่ซอยนี้จะมีชื่อจริงๆว่า “ซอยคลองหนองบัว” หากพูดถึงชื่อนี้หลายๆคนจะไม่คุ้นกับทำเลแถวนี้สักเท่าไหร่ เพราะชื่อชุมชนคลองหนองบัวเป็นชื่อชุมชนตลาดที่ขายขนมไทยโบราณที่ยังคงอัตลักษณ์ชุมชนแบบดั้งเดิมมาได้กว่า 100 ปีในจังหวัดจันทบุรี ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจทำเลได้ตรงกันจึงเรียกซอยนี้เป็นซอยลาซาลไปโดยปริยาย เพราะเป็นซอยที่สามารถตรงมาจากซอยลาซาลได้ โดยซอยลาซาล(สุขุมวิท 105) ที่มาของชื่อซอยลาซาลนั้นมาจากชื่อโรงเรียนลาซาลซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วนเก่าแก่ และได้เปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนสหศึกษามาได้สิบกว่าปีแล้ว ชื่อเดิมเป็นภาษาฝรั่งเศส La Salle มาจากชื่อของนักบุญฌ็อง-บาติสต์ เดอ ลา ซาล ซึ่งเป็นองค์อุปถัมภ์ของโรงเรียน ซอยลาซาลเป็นซอยที่อยู่ติดกับ BTS แบริ่งเลยครับแค่ลงบันได BTS มาก็ถึงปากซอยแล้ว อยู่ใกล้ BTS แบริ่ง มากกว่าซอยแบริ่งเองซะอีก ระหว่างซอยลาซาลกับแบริ่งถือเป็นส่วนต่อระหว่างกรุงเทพฯกับจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งจุดที่ตั้งของโครงการนี้จะยังคงได้ทะเบียนบ้านเป็นเขตกรุงเทพอยู่ครับ

โดยตัวทำเลถึงแม้จะเป็นซอยตันแต่ถือว่าค่อนข้างสะดวกมาก เพราะหน้าปากซอยคือสี่แยกที่เราสามารถเลือกได้ว่าจะไปทางไหนก็ได้หลากหลายเส้นทาง ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปทางเทพารักษ์-สมุทรปราการ-บางปูได้ ส่วนถ้าเลี้ยวขวาจะไปทางบางนา-พัฒนาการ-บางกะปิได้ และถ้าหากเราตรงไปก็จะไปยังถนนสุขุมวิท-สำโรงได้อีกด้วย อีกหนึ่งข้อพิเศษสำหรับทำเลตรงนี้คือเป็นจุดสิ้นสุดของช่วงรถติดบนถนนศรีนครินทร์ฝั่งขาเข้าพอดีครับ เพราะปกติแล้วถนนศรีนครินทร์ช่วงขาเข้าโดยเฉพาะตอนเช้าจะมีช่วงรถติดหนักมากตั้งแต่แยกศรีเทพา แยกซอยวัดด่านสำโรง แยกซอยแบริ่ง มาจนถึงแยกซอยลาซาล เพราะด้วยความที่มีแยกเยอะแบบนี้นี่เองรถจึงค่อนข้างติดหนักมากครับ ประกอบกับปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้ากันอยู่ด้วยจึงทำให้ช่องการจราจรนั้นน้อยลงไปอีก แต่หากการก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะดีขึ้นกว่านี้นะครับ

ด้านความอุดมสมบูรณ์ ภายในซอยที่เป็นทำเลโครงการนี้มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างมากครับ มีร้านค้าร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และโรงพยาบาล ส่วนถ้าเป็นห้างหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆก็จะอิงบนเส้นถนนศรีนครินทร์เป็นหลัก ที่ใกล้ที่สุดคือห้าง Makro ศรีนครินทร์ และห้าง BigC หรือที่คนแถวนี้จะรู้จักกันคือเป็นห้างคาร์ฟูร์เก่านั่นเอง สามารถขับรถมาซื้อของเข้าไปตุนในบ้านกันได้นะ หรือถ้าอยากหาร้านอาหารกินดีๆจะมีที่ Jas Urban ที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์เปิดใหม่ ภายในมีร้านอาหารเยอะแยะโดยเฉพาะ KFC และ Fitness Center ที่เปิด 24 ชม. อีกด้วย ติดกันก็มี Foodland ให้ได้เดินซื้อวัตถุดิบกลับไปทำอาหารทานที่บ้านได้ ส่วนศรีนครินทร์ช่วงปลายจะเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ของคนในย่านนี้ โดยเฉพาะ iMall ที่มีทั้งร้านอาหารและร้านนั่งดื่มครับ ส่วนถ้าใครเลือกขึ้นเหนือเข้าเมืองมาจะมีทั้ง Seacon square และ Paradise Park กับสวนหลวง ร.9 ที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อีกด้วยนะ

ถนนอีกเส้นหนึ่งที่ทำเลนี้สามารถมาใช้งานได้ไม่ยากคือถนนบางนา-ตราด ซึ่งมีทั้ง Central บางนา ที่เป็นความเจริญสูงสุดของย่านนี้ มีทั้งตลาด อาคารสำนักงาน โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียมมากมาย วินรถตู้ที่ใช้เข้า-ออกเมืองก็มี จะขึ้นทางด่วนบูรพาวิถีไปชลบุรีก็ได้ และอีกห้างหนึ่งซึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงและมีอิทธิพลมากที่สุดแห่งใหม่สมุทรปราการคือ Mega บางนา ที่มีร้านค้าและร้านอาหารต่างๆมากมาย รวมถึงในอนาคตยังมี Mega project อย่าง Mega City ที่จะมีทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม และคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นอีกด้วย

เป็นโครงการแนวราบใกล้รถไฟฟ้าถือเป็นจุดเด่นของตัวโครงการนี้ โดยจะตั้งอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สถานีศรีลาซาล เป็นรถไฟฟ้าระบบแบบ Monorail ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 64 ครับ โดยจะตั้งอยู่บริเวณปากซอยลาซาล ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเดินทางของคนในย่านที่ต้องการเลี่ยงรถติดที่หนักหน่วงของถนนศรีนครินทร์ได้ครับ

โดยตัวสถานีจะมีบันไดทางขึ้นอยู่บริเวณหน้าปากซอยลาซาลทั้ง 2 ฝั่ง แล้วเป็นตำแหน่งใกล้เคียงกับที่มีวินมอไซค์อยู่ด้วย ซึ่งห่างจากโครงการประมาณ 350 m. ยังถือเป็นระยะที่เดินถึงได้สบายๆไม่ต้องพึ่งพี่วินก็ได้ครับ ยกเว้นวันไหนฝนตกหรือแดดร้อนมากๆจนเดินไม่ไหวก็ค่อยเรียกใช้บริการกันได้นะ และนอกจากนี้ถนนซอยลาซาลนี้ยังมีรถแดง(รถสองแถวใหญ่) คอยวิ่งบริการกันอีกด้วย จะรับส่งตั้งแต่บริเวณหน้าโรงพยาบาลวิ่งไปจนถึงปากซอยลาซาลที่ถนนสุขุมวิทเลยทีเดียว ส่วนความอุดมสมบูรณ์ก็ตามภาพเลยครับ ฝั่งเดียวกันกับโครงการมีเซเว่นขนาดใหญ่ 2 แห่ง ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงพยาบาลแล้วยังมี Starbucks และ Tops daily ส่วนหน้าปากซอยจะมีร้านอาหารเยอะแยะเลย เวลาช่วงหัวค่ำยังคึกคักและไม่เปลี่ยว สามารถเดินจากปากซอยมาโครงการได้ไม่ยากเลยครับ

ส่วนการใช้ทางด่วนสามารถไปขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานครตรงสี่แยกบางนาได้ในระยะทางประมาณ 5 km. ใช้เวลาแค่ประมาณ 7 – 10 นาทีเท่านั้นครับ

และถ้าเรากลับรถจะสามารถขึ้นทางพิเศษบูรพาวิถีบริเวณหน้าห้าง Central ได้ในระยะทางประมาณ 5.2 km. ใช้เวลาประมาณ 9 – 15 นาทีครับ

สำหรับการเดินทางในวันนี้ผมเริ่มจากสี่แยกบางนา ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนบางนา-ตราด ขับตรงต่อมาเรื่อยๆจนถึงบริเวณแยกศรีเอี่ยมจึงเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนศรีนครินทร์ ขับตรงต่อมาอีกหน่อยจนถึงแยกลาซาลแล้วจึงเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยลาซาล(สุขุมวิท 105) ขับตรงเข้ามาในซอยประมาณ 350 m. จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือครับ

เริ่มต้นที่สี่แยกบางนา ให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนบางนา-ตราด ตามป้ายมุ่งหน้าไปทางชลบุรีได้เลยครับ

ขับตรงมาเรื่อยๆตามป้ายบอกทาง บางกะปิ-เทพารักษ์ บนถนนเส้นนี้เราจะเห็นความเจริญมากมาย ทั้งห้าง Central อาคารสำนักงาน โรงพยาบาลไทยนครินทร์ และ SB Design Square

เมื่อเราถึงแยกศรีเอี่ยมหรือขับเลย SB Design Square มาแล้วให้สังเกตซอยทางซ้ายมือจะมีอยู่ 2 ซอยครับ ซึ่งซอยแรกเป็นทางลัดไปเชื่อมกับถนนศรีนครินทร์ฝั่งขาเข้า จะมีป้ายอยู่ด้านหน้าว่าไปซีคอน-บางกะปิ แต่ให้เราขับเลยไปหน่อยตามป้ายบอกทางไปเทพารักษ์ครับ

เมื่อถึงซอยถัดมาบริเวณหน้าโชว์รูม Nissan เป็นซอยที่ไปเชื่อมกับถนนศรีนครินทร์ฝั่งขาออก โดยจะมีป้ายบอกทางไปเทพารักษ์ ให้เราเลี้ยวซ้ายได้เลยครับ และขับมาตามทางเรื่อยๆ ขึ้นทางยกระดับข้ามถนนบางนา-ตราดไปทางเทพารักษ์-สมุทรปราการ

ขับตรงมาเรื่อยๆ สังเกตป้ายบอกทางซอยสุขุมวิท 105 ให้ชิดซ้าย(ไม่ต้องขึ้นสะพานนะ) จนมาถึงแยกซอยลาซาลก็ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยลาซาลหรือซอยสุขุมวิท 105 กันได้เลย

ขับตรงเข้ามาเรื่อยๆประมาณ 350 m. จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งสังเกตได้ง่ายๆว่าจะอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลศิครินทร์นั่งเองครับ

เมื่อขับเข้ามาในโครงการให้หาที่จอดบริเวณรอบๆ หรือจะเลี้ยวเข้าซอยแรกทางซ้ายมือเลยก็ได้ครับ เพราะสำนักงานขายอยู่ในซอยนี้แหละ

บ้านหลังที่ 2 ปัจจุบันใช้เป็นทั้งสำนักงานขายและบ้านตัวอย่างไปด้วยในตัวนะ จะเป็นอย่างไรบ้างไว้เราค่อยมาชมกัน

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

บริบทโดยรอบโครงการเป็นชุมชนแนวราบและพื้นที่ว่างครับ แต่ก็มีคอนโดมิเนียมอยู่ติดกันด้วยสามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ด้านหลังโครงการ ติดกับคลองบางนา และถัดไปเป็นชุมชมแนวราบ
  • ทิศใต้ : เป็นทางเข้าหลักของโครงการ ติดกับถนนซอยลาซาล(สุขุมวิท 105) ด้านหน้ามีอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นตั้งอยู่ ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงพยาบาลศิครินทร์
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ Aspen คอนโดสูง 8 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : ติดกับพื้นที่ว่าง

มาเดินดูรอบๆโครงการกันสักหน่อยครับ ด้านหน้าเป็นถนนซอยลาซาล(สุขุมวิท 105) ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงพยาบาลศิครินทร์พอดีเลย

โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งจะมี Starbucks และ Tops Daily อยู่ฝั่งตรงข้ามนี้ด้วย สามารถเดินมาซื้อกาแฟและซื้อของเข้าบ้านกันได้ง่ายๆเลยครับ หรือจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นหรือร้านขนม S&P ก็มีนะ

ต่อไปเราจะไปดูทางด้านขวาของโครงการกันก่อนครับ

ติดกับรั้วโครงการทางขวาเป็นคอนโด Aspen สูง 8 ชั้น เรียงต่อกันเป็นจำนวนหลายตึก หากนับจากแปลงที่ดินแล้วสามารถมีได้ถึง 6 ตึกเลยครับ ซึ่งปัจจุบันก็กำลังมีการล้อมรั้วเพื่อสร้างเฟสต่อๆไปอยู่เรื่อยๆ

ถัดมาจะมีลานจอดรถขนาดใหญ่ และตึกที่เห็นจะเป็นคอนโดเก่าสูง 12 ชั้น ด้านในซอยนี้เป็นซอยตันซึ่งจะมีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และโรงงานสลับกันไป

ที่น่าสนใจคือฝั่งตรงข้ามจะมีรถแดง(สองแถวใหญ่) มาจอดคล้ายวิน(แต่ไม่ใช่วินนะ พี่แกแค่จอดพักเป็นเหมือนสถานีปลายทางเท่านั้น) ถ้าใครต้องการเดินทางไปซอยลาซาลตอนต้นหรือ BTS แบริ่ง ที่ถนนสุขุมวิทก็สามารถมาใช้บริการกันได้นะ ค่าบริการ 7 บาทตลอดสายครับ

ต่อไปเราจะไปดูทางด้านซ้ายของโครงการกันบ้าง

ซึ่งติดกับรั้วโครงการทางด้านหน้าเลยจะมีอาคารพาณิชย์ ซึ่งด้านล่างจะเปิดเป็นร้านอาหารค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ ติดกันยังมีเซเว่นขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย สามารถเดินมาใช้บริการกันได้ง่ายๆเลย

เดินต่อมาตามทางเท้าจะค่อนข้างกว้างเดินได้สะดวก และจะมีร้านค้ามาเปิดกันตลอดข้างทางทั้งก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ ไก่ย่าง โดยจะเปิดกันตั้งแต่สายจนถึงกลางคืนเลยครับ สามารถเดินเข้ามาจากถนนใหญ่ศรีนครินทร์ได้ไม่เปลี่ยวแน่นอน

นอกจากนี้ถ้าตรงต่อมายังมีเซเว่นขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง มีร้านส้มตำนัวที่เปิด 24 ชม. และร้านนั่งดื่มเก๋ๆอีกด้วย โดยร้านค้าใหญ่ๆของซอยนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถครับ มีที่จอดให้ด้านในเกือบทุกร้านเลย

ต่อไปเราจะมาดูฝั่งตรงข้ามกันบ้างนะครับ ซึ่งมีความคึกคักไม่แพ้กัน

เริ่มด้วย Park Avenue ด้านในจะมีร้านค้าพวกร้านอาหารจีน ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านนวด และร้านขายยาต่างๆไว้คอยบริการให้กับคนที่อยู่คอนโดของที่นี่ แต่คนภายนอกก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้นะครับ เขามีที่จอดรถแยกให้ลูกค้าต่างหากและไม่ได้เข้าไปรบกวนอาคารพักอาศัยที่อยู่ด้านในอีกด้วย

ติดกันมีพลาซ่าที่น่าสนใจชื่อว่า Collection & House เป็นสวนอาหาร 4 ภาคแบบย้อนยุค ด้านในมีทั้งร้านกาแฟ ร้านก๋วยเตี๋ยว และร้านตามสั่งอื่นๆมากมาย คนค่อนข้างเยอะเลยครับ บรรยากาศดีมากๆ

ถัดมาก็ยังมีร้านค้าร้านอาหารและร้านเสริมสวยอยู่ริมถนนตลอดเส้นทาง จนมาถึงเวิ้งด้านหน้าสุดที่มีลานจอดรถเยอะๆ

ด้านในตรงนี้ก็มีร้านอาหารเยอะแยะเลยครับ ทั้งร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารญี่ปุ่น รวมถึงมีค่ายมวย และอู่ซ่อมรถอยู่ด้านในด้วย ถ้าใครมาซ่อมรถที่นี่ก็สามารถเดินไปทานอาหารรอได้สบายๆเลยครับ

ปิดท้ายด้วยด้านหน้าจะมีวินมอไซค์อยู่ปากซอยแบบนี้ อัตราค่าโดยสารก็ตามนี้เลยครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาลศิครินทร์ ~ 50 เมตร
  • Makro ศรีนครินทร์ ~ 1.2 กิโลเมตร
  • Big C ศรีนครินทร์ ~ 1.3 กิโลเมตร
  • โรงเรียนลาซาล ~ 1.7 กิโลเมตร
  • Jas Urban ~ 3 กิโลเมตร
  • Central บางนา ~ 4.8 กิโลเมตร
  • ไบเทคบางนา ~ 5.3 กิโลเมตร
  • ตลาดเอี่ยมเจริญ ~ 7 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ ~ 7.8 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล สมุทรปราการ ~ 7.8 กิโลเมตร
  • Mega บางนา ~ 8 กิโลเมตร
  • iMall ศรีนครินทร์ ~ 8.2 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus ศรีนครินทร์ ~ 8.3 กิโลเมตร
  • ตลาด เทพประทาน (หนามแดง) ~ 8.3 กิโลเมตร
  • Imperial World สำโรง ~ 8.5 กิโลเมตร
  • ตลาดสำโรง Center~ 9.1 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดูผัง Master Plan กันบ้างครับ โครงการ The Rich Bizhome สุขุมวิท 105 เป็นโครงการจัดสรรทาวน์โฮมขนาดกลางที่มีจำนวน 133 ยูนิต ในพื้นที่ขนาด 13-2-88 ไร่ ถือว่าไม่หนาแน่นมากครับ ซึ่งโครงการจะมีทางเข้า-ออกแค่ทางเดียวจึงง่ายต่อการดูแลรักษาความปลอดภัย ถนนหลักกว้าง 12 m. เป็นเส้นตรงแค่ด้านขวาฝั่งเดียวยาวต่อเนื่องไปจนถึงด้านในหมู่บ้าน และจะมีซอยแยกออกไปทางซ้ายมือเป็นถนนกว้าง 9 m. ซึ่งซอยเหล่านี้เป็นซอยตันไม่สามารถวนรถหรือมีจุดให้กลับรถได้ แต่ซอยจะไม่ค่อยลึกมากนัก หากไม่ใช้วิธีค่อยๆกลับรถก็อาจถอยหลังยาวเลยก็ได้ครับ และเมื่อพูดถึงเรื่องซอยก็อยากให้สังเกตซอยสุดท้ายจะค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย เพราะหน้าบ้านจะมีถนนคั่นระหว่างตัวบ้านกับรั้วโครงการ ซึ่งนอกจากจะไม่ต้องหันหน้าบ้านไปเจอบ้านฝั่งตรงข้ามแล้ว พวกโจรโขมยหรืองูเลี้ยวเคี่ยวขอก็จะเข้าบ้านเราจากหลังบ้านไม่ได้เพราะต้องผ่านถนนมาก่อนนั่นเอง และอีกหนึ่งข้อดีของการทำคลัสเตอร์เดียวต่อซอยยังทำให้ยูนิตแปลงริมทุกหลังสามารถมีหน้าต่างด้านข้างได้อีกด้วย

ส่วนอาคาร Clubhouse จะอยู่บริเวณด้านหน้า ซึ่งทำให้ยูนิตที่อยู่ด้านหน้าหรือซอยแรกๆจะสามารถเดินมาใช้งานได้ง่ายกว่ายูนิตที่อยู่ลึกเข้าไปด้านใน และยิ่งหากเป็นบ้านซอยแรกที่หน้าบ้านหันมาทางสวนด้วยแล้วก็จะเป็นบ้านแถบเดียวที่จะได้วิวสวนขนาดใหญ่แบบนี้ และจะมีความเป็นส่วนตัวเวลาอยู่ในบ้านชั้นบนๆ เพราะไม่ต้องหันหน้าไปมองเห็นบ้านฝั่งตรงข้าม ต่อไปมาพูดถึงเรื่องทิศกันต่อ คือบ้านของโครงการนี้จะหันไปทางทิศเหนือและทิศใต้เท่านั้น แน่นอนว่าบ้านที่หันไปทางทิศเหนือแดดก็จะร่มกว่า ส่วนบ้านที่หันมาทางทิศใต้ก็จะร้อนมากกว่าแต่จะได้ลมพัดเย็นเกือบตลอดปี ส่วนเรื่องความร้อนจะเข้าบ้านก็สามารถติดฟิล์ม ม่าน และกันสาดเพิ่มเติมได้ครับ

และขอเสริมอีกหน่อยว่าโครงการนี้เป็นหมู่บ้านที่สร้างเสร็จมาแล้ว 8  ปี พร้อมเข้าอยู่ แต่จะมีบางส่วนที่ยังมีการปรับปรุงและ Renovate ใหม่ก่อนขาย คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จภายใน ก.ค. 2563 นี้ และยังมีพื้นที่บางส่วนของโครงการเป็นที่ดินเปล่ารอการพัฒนาในอนาคต ซึ่งจะอยู่ในช่วงประมาณกลางๆโครงการ ดังนั้นจึงมีความแตกต่างของแปลงบ้านที่อยู่บริเวณด้านหน้าและด้านในของโครงการ เพราะแปลงที่อยู่ด้านจะต้องผ่านโซนที่ไม่มีผู้พักอาศัยในช่วงตรงกลางนี้ไปก่อน แต่เมื่อโครงการสร้างแล้วเสร็จ ปรับปรุง และขายได้หมดก็จะกลับสู่สภาวะปกติครับ

มาดูของจริงกันเลยครับว่าโครงการหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง เริ่มที่ทางเข้าโครงการจะอยู่ติดถนนซอยลาซาลแบบนี้เลย ด้านหน้ามีป้ายชื่อโครงการตัวใหญ่ๆเลยสังเกตไม่ยาก

ทางเข้าถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง และประดับซ้าย-ขวาด้วยไม้พุ่มเตี้ยเพื่อเพิ่มความสดชื่นเป็นส่วนต้อนรับลูกบ้านส่วนแรกครับ ติดอยู่นิดเดียวคือต้นไม้ต้นสูงตรงกลางที่ทำเพื่อความสวยงามนั้นจะบดบังทัศนวิสัยของป้อมยามที่อยู่ด้านหลังได้

ทางเข้าใช้ระบบ Key Card Access แบบแตะการ์ดระยะใกล้ พร้อมกล้อง CCTV จับภาพทะเบียนรถ ซึ่งหากใครไม่ใช่ลูกบ้านก็จะต้องแลกบัตรกับยามก่อนนะเขาถึงจะเปิดให้ผ่านไปได้ ส่วนทางเข้าคนสามารถเดินบนทางเท้าเล็กๆที่อยู่ด้านข้างได้ครับ

เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับถนนหลักกว้าง 12 m. ยาวต่อเนื่องเข้าไปเป็นเส้นเดียวจนถึงท้ายโครงการ ซึ่งทางด้านซ้ายจะมีอาคาร Clubhouse อยู่ทางด้านหน้าสุดด้วย จึงทำให้ง่ายต่อลูกบ้านที่ผ่านไปผ่านมาหากยากใช้ก็สามารถหาที่จอดแวะที่นี่ก่อนเข้าบ้านได้เลย หรือหากอยู่ซอยแรกๆก็จะเดินมาใช้งานได้ไม่ยาก แต่หากอยู่ซอยลึกๆจะต้องเดินไกลกว่าเพื่อนเยอะเลยครับ

งั้นเรามาดูอาคาร Clubhouse กันก่อนเลยครับ จากภายนอกจะออกแบบเป็นทรง Modern เน้นความเรียบง่ายและโปร่งโล่งด้วยพื้นที่เปิดขนาดใหญ่ที่คอร์ดด้านหน้าตรงกลาง เป็นอาคาร 2 ชั้นรูปตัว L แล้วยังใช้สีสว่างสดใสจึงดูโปร่งไม่ทึบตันจนเกินไป

เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับพื้นที่ทางเดินฝ้าเพดานสูง Double Volume แบบ Se-mi Outdoor จึงค่อนข้างโปร่งโล่ง อีกทั้งยังช่วยบังแดดได้ตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นไปได้ แดดจะไม่ค่อยร้อนอย่างในภาพครับ เพียงแต่พื้นที่ค่อนข้างโล่งมากเกินไป ในอนาคตแนะนำว่าควรมีชุดโต๊ะเก้าอี้ หรือ Day bed มาวางไว้ให้นั่งพักผ่อนริมสระจะดีครับ

ทางด้านขวาเป็นสระว่ายน้ำ แต่ส่วนแรกที่เจอตรงทางเข้าเลยจะเป็นสระเด็กซึ่งจะมีน้ำตกประดับอยู่ตรงหัวสระอีกด้วย

ส่วนสระผู้ใหญ่จะมีขนาด 3.9 x 18.8 m. พอจะว่ายออกกำลังได้อยู่ครับ แต่ที่ชอบเลยคือสระนี้มีทั้งส่วนที่อยู่กลางแจ้งและใต้ชายคาให้เลือกใช้งาน หากอยากว่ายน้ำตอนกลางวันแต่แดดร้อนก็สามารถว่ายเล่นในที่ร่มได้ครับ ส่วนรั้วต้นไม้ค่อนข้างดีเพราะนอกจากจะช่วยบังสายตาสร้างความเป็นส่วนตัวไม่ให้คนภายนอกเห็นแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้สีเขียวเวลาว่ายน้ำอีกด้วย

ทางด้านซ้ายเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิงครับ

ด้านในค่อนข้างมาตรฐานนะ ประกอบด้วยอ่างล้างหน้า ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และโถปัสสาวะสำหรับห้องน้ำชาย บรรยากาศค่อนข้างโปร่งโล่งเพราะมีช่องหน้าต่างระบายอากาศได้

มีข้อสังเกตนิดนึงคือประตูห้องน้ำเมื่อปิดแล้วจะเห็นว่ามีพื้นที่ใต้ประตูค่อนข้างสูงครับ ก้มลงนิดเดียวนี่เห็นข้างในแน่ๆเลย ส่วนห้องอาบน้ำจะมี Rain Shower ด้วยนะ

ที่ปลายสุดของสระจะมีบันไดเชื่อมต่อไปยังสวนที่อยู่ด้านหน้าได้ครับ

บรรยากาศของสวนจะเป็นพื้นหญ้าโล่งๆ มีต้นไม้ประดับอยู่โดยรอบบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ต้นที่ให้ร่มเงามากสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเหมาะที่จะมาใช้งานตอนเย็นๆที่แดดไม่ร้อน สามารถพาเด็กๆมาวิ่งเล่นตรงนี้ได้

และอย่างที่บอกไปว่าบ้านซอยแรกที่หันหน้ามาทางนี้จะสามารถมองเห็นสวนและมาใช้งานได้ง่ายอีกด้วย แต่แน่นอนว่ามีราคาแพงกว่าโซนอื่นและส่วนใหญ่ขายไปแล้วและมีคนเข้าอยู่แล้วด้วยครับ

ต่อไปเราจะขึ้นชั้น 2 ของอาคาร Clubhouse กันบ้างนะครับ โดยบันไดทางขึ้นจะอยู่บริเวณด้านหน้าส่วนแรกที่เข้ามาในอาคารเลย

เมื่อขึ้นมาด้านบนจะเจอกับประตูกระจกที่ต้องใช้ Key Card ของลูกบ้านเท่านั้นจึงจะใช้งานได้ ซึ่งปัจจุบันจะสามารถใช้งานได้ตามเวลาที่แม่บ้านโครงการยังอยู่คือตั้งแต่ 10 โมงถึง 2 ทุ่มครับ แล้วหลังจากนั้นแม่บ้านจะมาล็อคประตูทำให้ไม่สามารถเข้ามาใช้งานได้ครับ

ด้านในจัดเป็นพื้นที่นั่งคอยแบบชุดโต๊ะโซฟา และมีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 4 เครื่อง ผนังโดยรอบเป็นกระจกจึงค่อนข้างโปร่งโล่ง เวลาวันไหนอากาศดีๆก็เปิดหน้าต่างบานเลื่อนเพื่อระบายอากาศให้ถ่ายเทได้ครับ

มาเดินดูบรรยากาศในโครงการกันอีกสักหน่อยครับ ถนนหลักของโครงการกว้าง 12 m. จะเป็นลักษณะเส้นเดียวตรงยาวไปจนถึงด้านในสุด ทางด้านซ้ายจะเป็นซอยบ้านพักอาศัยต่างๆหลายๆซอย ส่วนทางด้านขวาจะเป็นรั้วโครงการและปลูกต้นไม้สีเขียวเรียงต่อกันเป็นแนวยาว เป็นต้นพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกสีชมพูสดใสสวยงามดีครับ และจากภาพนี้จะเห็นได้ว่าติดกับโครงการด้านขวาเป็นคอนโด Aspen สูง 8 ชั้น ซึ่งอาจทำให้โครงการนี้ขาดความเป็นส่วนตัวไปบ้าง เพราะห้องที่อยู่สูงกว่าของคอนโดสามารถมองลงมายังบ้านแนวราบที่อยู่ต่ำกว่าตัวเองได้นะ

ส่วนบรรยากาศภายในซอยที่มีคนเข้าอยู่อาศัยแล้วจะเป็นแบบนี้ครับ ถนนกว้าง 9 m. เป็นซอยตัน และให้สังเกตบ้านที่อยู่ด้านขวาหรือแปลงที่หันไปทางทิศใต้ทุกแปลงจะมีเสาไฟฟ้าอยู่ฝั่งนี้ครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Clubhouse
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 3.9 x 18.8 เมตร ลึก 1.26 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 4 เครื่อง
  • สวนสาธารณะ 1 ไร่
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 16 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 2 เมตร
  • Key Card Access ระยะใกล้
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.


Product Walkthrough

มาถึงเรื่องแบบบ้านกันแล้วครับ โครงการนี้มีแบบบ้านแค่แบบเดียวเท่านั้น จะแตกต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของแปลงมุมจะมีพื้นที่ข้างบ้านเพิ่มขึ้นมา และจะได้ช่องหน้าต่างเพิ่มขึ้นอีก 1 ด้านด้วย โครงสร้างเป็นแบบเสาคานและผนังอิฐมวลเบา จะเป็นอย่างไรลองไปชมกันเลยครับ

แบบบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 176 ตารางเมตร หน้ากว้าง 5 m. สามารถจอดรถได้ 2 คันแบบพอดีๆ เมื่อเข้ามาในบ้านจะเจอกับพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อระหว่างห้องนั่งเล่นหน้าบ้านไปถึงส่วนครัวและพื้นที่ทานอาหารหลังบ้าน โดยประตูหลังบ้านจะได้เป็นประตูไม้บานทึบไม่ได้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนเหมือนแบบทั่วไป เนื่องจากเป็นแบบบ้านเก่าเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ดังนั้นความโปร่งโล่งจึงอาจลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังสามารถเปิดระบายอากาศได้จากหน้าต่างบานเลื่อนหลังบ้านที่ให้มาด้วย และอีกหนึ่งข้อเสียของแปลนชั้นล่างนี้คือไม่สามารถกั้นห้องครัวได้ครับ ดังนั้นจึงไม่สามารถทำครัวจริงจังในบ้านได้ แต่หากใครต้องการทำครัวไทยก็อาจต้องไปทำในส่วนหลังบ้านเพิ่มเอง ซึ่งก็มีการทำพื้นที่ลานซักล้างไว้ให้แล้วส่วนหนึ่ง และบันไดทางขึ้นชั้น 2 จะอยู่ด้านหลังบ้าน ข้อดีคือจะไม่กินพื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่นที่อยู่หน้าบ้านซึ่งจะทำให้บ้านดูกว้างขึ้น แต่ก็จะไปกินพื้นที่ครัวทำให้กั้นครัวไม่ได้แทนครับ ส่วนห้องน้ำที่อยู่ใต้บันไดจะได้เป็น Powder room คือจะไม่มีส่วนอาบน้ำสำหรับชั้นนี้นะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ทางหลังบ้าน ซึ่งจะไม่มีประตูกั้นเป็นพื้นที่เปิดโล่ง สามารถจัดเป็นพื้นที่ Family area ชั้น 2 ที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าชั้นล่างได้ครับ หรือจะใช้เป็นห้องทำงานอ่านหนังสือ และกั้นห้องทำเป็นห้องนอนเพิ่มได้นะ เพียงแต่ห้องนอนห้องนี้จะไม่มีห้องน้ำให้ใช้ อาจต้องเดินขึ้นไปใช้ห้องน้ำชั้น 3 แทนครับ ส่วนอีกห้องเป็น Master Bedroom ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าของตัวบ้าน ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง มีห้องน้ำและระเบียงในตัว เพียงแต่ประตูที่ใช้ออกระเบียงจะเป็นประตูบานทึบที่เปิดออกด้านข้างของตัวบ้าน ไม่ได้เป็นแบบประตูกระจกบานเลื่อนกว้างๆที่เปิดออกหน้าบ้านได้เลยเหมือนสมัยนี้ แน่นอนว่าความโปร่งโล่งจะลดลงแต่จะได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นแทนครับ

ส่วนชั้น 3 จะมีห้องนอน 2 ห้อง โดยห้องนอนใหญ่ที่อยู่ทางด้านหน้าจะมีขนาดใกล้เคียงกับห้อง Master ในชั้น 2 เลยครับ และมีระบียงกับห้องน้ำในตัวเหมือนกันด้วย เพียงแต่ห้องน้ำนี้จะมีทางเข้า-ออก 2 ทาง ใช้งานร่วมกันกับห้องนอนเล็กอีกห้องที่อยู่ทางหลังบ้าน จึงค่อนข้างสะดวกมากกว่าเพราะเวลาอาบน้ำไม่ต้องเดินผ่านโถงบันไดนอกห้อง ส่วนอีกห้องที่อยู่หลังบ้านจะเป็นห้องเก็บของครับ เอาไว้เก็บของชิ้นใหญ่ๆที่ไม่ค่อยใช้ได้ หรือถ้าใครไม่ใช้ฟังก์ชันนี้จะทุบออกเพื่อเชื่อมพื้นที่กับห้องนอนเล็กให้กลายเป็นพื้นที่ห้องนอนขนาดใหญ่อีกห้องเลยก็ได้ครับ สรุปแล้วแบบบ้านนี้จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก มีสมาชิก 2 – 3 คน ชอบความเป็นส่วนตัว ฟังก์ชันบ้านสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการเผื่อกรณีทุบหรือกั้นห้องเพิ่มเองครับ

มาดูของจริงกันเลยดีกว่าครับ โดยผมจะถ่ายเปรียบเทียบให้ดูทั้งบ้านตัวอย่างและบ้านมาตรฐาน เพราะเนื่องจากบ้านตัวอย่างนั้นทางโครงการตกแต่งให้ดูเป็นโฮมออฟฟิศซึ่งจะมีการดัดแปลงพื้นที่ฟังก์ชันภายในค่อนข้างมากอาจทำให้ดูกันไม่ออกนะ

หน้าตาของ facade จะเป็นสไตล์ Modern ใช้สีครีมพื้นให้บ้านดูสว่างและเกิดความอบอุ่น ตกแต่งระเบียงด้วยระแนงไม้ช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ประตูรั้วได้เป็นประตูเหล็กบานเพี้ยมแบบ 3 ตอนสีขาว มีข้อดีคือช่วยประหยัดพื้นที่เวลาเปิดได้ดี แต่ก็มีข้อเสียเช่นกันคือจะมีกลอนค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจึงเปิด-ปิดจึงค่อนข้างลำบากพอสมควร ถ้าเป็นตอนกลางวันแดดร้อนต้องตากแดดนานๆแน่ๆ และถ้าวันดีคืนดีฝนตกต้องมีเปียกกันบ้างล่ะครับ

ส่วนพื้นที่จอดรถกว้าง 5 m. สามารถจอดรถได้ 2 คันแบบพอดีๆ แต่ถ้าเป็นรถคันใหญ่ก็จะเบียดๆหน่อยนะ พื้นของจริงจะได้เป็นพื้นปูนธรรมดาแบบ Slab on Ground ส่วนชายคาของบ้านจะยื่นออกมาแค่ 2 m. เท่านั้น ไม่สามารถช่วยบังแดดบังฝนได้ อาจต้องต่อเติมหลังคาโรงรถเพิ่มซึ่งก็ต้องขออนุญาติกับทางนิติอีกทีนะครับ

ทางเข้าบ้านจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ และมีชานพักกว้าง 50 cm. ยกสูงขึ้นจากพื้นที่จอดรถ 15 cm. เพื่อป้องกันฝุ่นหรือน้ำกระเด็นเข้าตัวบ้าน ทำให้เราสามารถนั่งถอด-ใส่รองเท้าตรงนี้ได้ ส่วนพื้นที่ทางด้านซ้ายเป็นผนังทึบ สามารถวางตู้รองเท้าเพิ่มเติมได้นะครับ

ส่วนกรอบประตูหน้าต่างเป็นอลูมิเนียมอบสีขาว กระจกเขียวตัดแสง

เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะเจอกับพื้นที่ Common area ขนาดใหญ่ ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 cm. ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟโคมซาลาเปา 2 จุด และมีความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.75 m.

โดยพื้นที่ส่วนแรกจะเป็นห้องนั่งเล่น มีระยะดูทีวีประมาณ 4.5 m.  สามารถใช้ชุดโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งหรือจะเป็นโซฟารูปตัว L ก็ได้ แล้วยังมีพื้นที่หน้าโซฟาเหลือพอให้วางโต๊ะกลางได้อีกด้วย และหากเป็นบ้านแปลงมุมจะมีช่องหน้าต่างด้านข้างมาให้ด้วยแบบนี้ จะทำให้ภายในบ้านสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้นครับ

พื้นที่ด้านในเป็นพื้นที่ครัวและโต๊ะอาหาร ซึ่งสามารถวางโต๊ะขนาด 4 – 6 ที่นั่งไว้กลางบ้านได้ ส่วนผนังทางด้านขวาเป็นพื้นที่ไว้ Built เคาน์เตอร์ครัว โดยที่ทางโครงการจะต่อท่องานระบบเอาไว้ให้ เพียงแต่พื้นที่ส่วนนี้ไม่สามารถกั้นห้องทำเป็นครัวปิดได้ จึงไม่เหมาะแก่การทำอาหารจริงจังเท่าไหร่นัก

และประตูหลังบ้านจะเป็นประตูไม้บานทึบจึงมีความโปร่งโล่งน้อยกว่าแบบบ้านสมัยใหม่ที่จะนิยมใช้เป็นประตูกระจกบานเลื่อน แต่ก็มีข้อดีสำหรับบ้านที่หลังบ้านหันไปทางทิศใต้ เพราะแดดจะเข้าบ้านน้อยลงทำให้บ้านไม่ร้อน ยังดีที่มีช่องหน้าต่างหลังบ้านให้แสงเข้าและเปิดระบายอากาศได้บ้างจึงไม่ทึบตันมากนัก

พื้นที่ลานซักล้างหลังบ้านกว้างประมาณ 2 m. และปูพื้นกระเบื้องขนาดพื้นที่ประมาณ 2 x 2 m. มาให้แบบ Slob on Ground

สังเกตธรณีประตูกับลานซักล้างห่างกันถึง 30 cm. ซึ่งค่อนข้างชันพอสมควร เวลาเดินควรระมัดระวังกันด้วยนะครับ หรือจะก่อบันไดเพิ่มอีกชั้นหนึ่งก็ได้จะได้เดินสะดวกมากขึ้น

พื้นที่ด้านขวามีท่อน้ำและงานระบบวางไว้เผื่อทำครัวไทยหลังบ้าน แต่หากทำจริงก็ต้องทำพื้นเพิ่มเติมด้วยนะครับ ส่วนประตูเล็กๆด้านข้างนี้เป็นห้องเก็บของใต้บันไดที่เอาไว้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดหรือของที่ไม่ค่อยได้ใช้ได้

เหนือประตูด้านบนติดไฟส่องสว่างให้ 1 ดวง และถ้าใครอยากใช้งานพื้นที่หลังบ้านจริงๆจังๆก็สามารถทำกันสาดเพิ่มเติม หรือจะติดรางน้ำฝนแบบบ้านข้างๆก็ได้ครับ

กลับมาที่ด้านในบ้าน ข้างใต้บันไดจะมีห้องน้ำอยู่ และมีพื้นที่ระหว่างบันไดกับห้องน้ำขนาดประมาณ 0.65 x 1.2 m. สามารถวางโต๊ะหรือตู้เพิ่มพื้นที่เก็บของได้ครับ

เหนือประตูห้องน้ำจะมีไฟส่องสว่างติดอยู่ตรงผนังให้มาแบบนี้เลย

ภายในห้องน้ำจะเป็นแบบ Powder room คือจะไม่มีส่วนอาบน้ำ โดยมีขนาดพื้นที่ประมาณ 1.2 x 1.5 m. สามารถใช้งานได้แบบพอดีๆ อ่างล้างหน้าเป็นของ Charmer ขนาด 50 x 36 cm. มีพื้นที่ขอบด้านหลังเล็กน้อยสามารถวางของได้

ติดกันเป็นโถสุขภัณฑ์ของ American standard ติดสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระมาให้พร้อมใช้งาน ส่วนฝ้าเพดานด้านบนจะติดไฟดาวน์ไลท์มาให้ 1 ดวง โดยที่ระดับฝ้าจะลดระดับลงมาเล็กน้อยตามความลาดของบันไดแต่ก็ยังยืนได้สบายอยู่ครับ เพียงแต่ห้องน้ำห้องนี้จะไม่มีช่องหน้าต่างหรือพัดลมดูดอากาศไว้คอยระบายอากาศนะ

ก่อนจะขึ้นไปชั้นต่อไปเราลองมาดูบ้านตัวอย่างกันบ้าง โดยทางโครงการตกแต่งให้ดูเป็นพื้นที่ทำงานแบบโฮมออฟฟิศ และใช้เป็นสำนักงานขายในปัจจุบันอีกด้วย เพื่อเป็นไอเดียในการตกแต่งบ้านนอกเหนือจากเป็นพื้นที่พักอาศัยแบบปกติทั่วไปก็อาจทำเป็นออฟฟิศส่วนตัวได้ โดยพื้นที่แรกที่เข้ามาเจอคือพื้นที่นั่งคอยของแขกเป็นส่วนต้อนรับส่วนแรก

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่นั่งทำงานของพนักงาน ซึ่งกินพื้นที่ทั้งส่วนของห้องนั่งเล่นและโต๊ะทานอาหาร โดยจะมีการแบ่งโซนกันด้วยโต๊ะทรงสูง แต่จะไม่ใช้พาร์ติชั่นกั้นเพื่อความโปร่งโล่งครับ

ส่วนพื้นที่บันไดจะทำผนังปิดกั้นเพื่อความเรียบร้อยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทำให้มองไม่เห็นส่วน back office ที่อยู่ด้านในครับ

โดยโครงการมีการทำพื้นที่หลังบ้านเป็นครัวและห้องน้ำของพนักงานเอาไว้แบบนี้ ทำให้แยกพื้นที่การใช้งานออกเป็นสัดส่วนออกจากพื้นที่ทำงานอย่างชัดเจน

บันไดทางขึ้นชั้น 2 จะเป็นโครงสร้าง คสล. รูปตัว L กว้าง 1 m. ลูกตั้ง 18 cm. ลูกนอน 28 cm. ซึ่งถือว่าเดินได้ค่อนข้างสบายเลยทีเดียว เพียงแต่ตรงชานพักจะเป็นขึ้นบันไดรูปสามเหลี่ยมซึ่งต้องระวังจะเหยียบได้ไม่เต็มฝ่าเท้าอาจเกิดอุบัติเหตุได้นะ Top ด้านบนเป็นไม้จริง ส่วนด้านข้างก็มีราวกันตกไม้กับไฟส่องสว่างแบบเดียวกับที่ติดอยู่หน้าห้องน้ำไว้ให้ด้วยครับ

ขึ้นมาด้านบนพื้นจะเปลี่ยนจากพื้นกระเบื้องเป็นพื้นไม้ลามิเนต มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.45 m. และจะมีทางแยกออก 2 ทาง คือด้านหน้าบ้านจะเป็นห้อง Master Bedroom ซึ่งของจริงจะมีผนังและประตูบานทึบปิดให้เป็นสัดส่วนดี และทางหลังบ้านจะเป็นห้องอเนกประสงค์นะ

มาดูห้อง Master Bedroom กันก่อน ภายในมีขนาดพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตไว้กลางห้องได้สบายๆ โดยที่ยังมีพื้นที่เหลือโดยรอบสามารถใช้งานได้สะดวก และมีช่องหน้าต่างนำแสงเข้ามาทำให้ห้องสว่างและเปิดระบายอากาศได้ด้วย ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี และได้ไฟโคมซาลาเปา 1 ดวง ส่วนบ้านตัวอย่างจะจัดห้องนี้เป็นห้องรับรองแขกหรือห้องพักผ่อนส่วนตัวที่ชั้นบนโดยการดัดแปลงผนังทั้งหมดซึ่งจะดูยากนิดนึงผมจึงเอารูปมาเทียบกับของจริงให้ดูเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นครับ

ด้านซ้ายจะมีประตูห้องน้ำและประตูระเบียงครับ ซึ่งให้อิงจากรูปบ้านจริงเป็นหลักนะ เพราะตำแหน่งประตูระเบียงจะมีการดัดแปลงด้วยครับ

สำหรับบ้านตัวอย่างจะจัดเป็นห้องน้ำแยกพื้นที่ส่วนแห้งและส่วนเปียกออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งสะดวกสำหรับโฮมออฟฟิศที่อาจมีคนใช้งานห้องน้ำพร้อมๆกันแต่ต่างฟังก์ชันกันได้ครับ

ส่วนของจริงเราจะได้ห้องน้ำแบบปกติที่มีการแยกพื้นที่ส่วนแห้งกับส่วนเปียกภายใน โดยเราจะได้สุขภัณฑ์ต่างๆตามแบบบ้านจริงที่เห็นเลยครับ

เริ่มที่พื้นที่ส่วนแห้งจะมีขนาด 1.8 x 1.4 m. สามารถใช้งานได้สะดวก โดยที่โถสุขภัณฑ์ยังคงได้ยี่ห้อเดิม แต่อ่างล้างหน้าจะได้เป็นของ American standard ขนาด 56 x 46 cm. พร้อมก่อเคาน์เตอร์โดยรอบให้จึงมีพื้นที่ไว้วางของเพิ่มขึ้นอีกด้านละ 25 cm. ครับ

ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะมีการลดระดับลงไปเล็กน้อย มีขนาดประมาณ 0.9 x 1.4 m. หากใครไม่อยากให้ห้องน้ำเปียกหมดเวลาอาบน้ำก็สามารถติดฉากกั้นเพิ่มเติมได้นะครับ หรือถ้างบน้อยหน่อยก็อาจติดเป็นผ้าม่านเอาก็ได้นะ

ที่ผนังจะติดตั้ง Hand shower มาให้แบบนี้ เป็นหัวพลาสติก มีก๊อกน้ำแบบก้านโยกใช้งานสะดวกตอนมือลื่นๆได้ พร้อมที่วางสบู่แบบติดผนังมาให้ แต่หากวางไม่พอก็อาจต้องติดตั้งเป็นชั้นเพิ่มเติมที่มุมด้านซ้ายแทนนะครับ และอีกข้อสังเกตคือตรงส่วนนี้จะไม่มี Junction box ไว้สำหรับต่อเครื่องทำน้ำอุ่นให้นะ อาจต้องติดตั้งเพิ่มเองทีหลัง

ฝ้าเพดานด้านบนฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 1 ดวง กับตรงผนังด้านบนกระจกเงาอีก 1 จุดด้วย แต่ที่ชอบคือห้องน้ำชั้นบนจะมีช่องหน้าต่างบานกระทุ้งที่ช่วยดึงแสงเข้ามาทำให้ห้องน้ำสว่างและสามารถเปิดระบายอากาศ กลิ่น และความชื่นได้ โดยเราจะได้เป็นกระจกฝ้าแบบนี้เลยเพื่อความเป็นส่วนตัวครับ

ติดกันเป็นพื้นที่ระเบียงขนาด 1.35 x 1.5 m. มีราวกันตกไม้สูง 1 m. ที่ผนังมีไฟส่องสว่างและช่องหน้าต่างของห้องน้ำอยู่ด้วยครับ ซึ่งขนาดพื้นที่ระเบียงไม่ใหญ่มากนักจึงแนะนำให้แขวน Condensing unit ไว้ด้านบนจะได้มีพื้นที่ด้านล่างไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่น หรือออกมายืนรับลมได้

ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นห้องอเนกประสงค์ ซึ่งของจริงจะไม่มีการกั้นผนังใส่ประตูแบบนี้นะ จะเป็นพื้นที่ช่องโล่งๆเชื่อมต่อกับโถงบันไดเลย แต่ทางโครงการได้กั้นห้องของบ้านตัวอย่างมาให้ดูว่าสามารถทำเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นได้ แต่ต้องกั้นเองนะ

ภายในมีพื้นที่ขนาดประมาณ 3.75 x 3.6 m. ซึ่งกว้างพอที่จะทำเป็นห้องนั่งทำงาน ห้องรับแขก หรือห้องนอนเพิ่มอีกห้องหนึ่งได้ แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าถ้าห้องนี้เป็นห้องนอนก็จะต้องขึ้นไปใช้ห้องน้ำที่ชั้น 3 ซึ่งก็จะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก แต่สามารถทำได้หากมีสมาชิกครอบครัวเพิ่มขึ้นแล้วต้องการห้องนอนเพิ่มอีก 1 ห้อง

ต่อมาเป็นบันไดทางขึ้นชั้น 3 ซึ่งจะเป็นบันไดรูปตัว U ซึ่งจะซอยชานพักเป็นขั้นสามเหลี่ยมทั้งหมด แต่ดีที่มีราวกันตกอยู่ตรงกลางให้จับตลอดทาง ส่วนไฟยังคงได้ไฟติดข้างผนังเช่นเดิมครับ

เมื่อขึ้นมาด้านบนจะมีห้องแยกออกไปถึง 2 ประตูด้วยกัน โดยห้องนอนใหญ่กับห้องน้ำจะอยู่ทางหน้าบ้าน และห้องนอนเล็กกับห้องเก็บของจะอยู่ทางหลังบ้าน

เรามาเริ่มที่ห้องนอนใหญ่กันก่อน ซึ่งสังเกตหน้าห้องน้ำจะมีพื้นที่เว้าเข้าไปเล็กน้อย สามารถวางตะกร้าผ้าด้านหน้าได้โดยจะไม่เกะกะโถงทางเดินหน้าบันไดครับ

ภายในห้องนอนใหญ่จะมีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับห้อง Master Bedroom ด้านล่าง โดยบ้านตัวอย่างจะจัดพื้นที่ชั้น 3 เป็นชั้นพักอาศัยแบบบ้านปกติให้แล้วจึงสามารถดูประกอบกันได้เลยครับ

หันกลับมามองอีกด้านของห้องจะมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าได้ซึ่งจะอยู่หน้าห้องน้ำพอดี เป็นฟังก์ชันใช้งานต่อเนื่องกันซึ่งจะค่อนข้างสะดวก จะได้ไม่ต้องเดินตัวเปียกผ่านห้องไกลๆ

ภายในห้องน้ำมีขนาดพื้นที่และได้สุขภัณฑ์ทุกอย่างตามที่เห็นเหมือนกับห้องน้ำชั้น 2 เลยครับ เพียงแต่ว่าที่ห้องนี้จะมีประตูเข้า-ออกได้ 2 ทาง เพื่อใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอน 2 ห้อง

ที่แตกต่างกันคือระเบียงของชั้นนี้จะได้ระแนงไม้สูงจากพื้นถึงฝ้า ซึ่งจะช่วยพรางสายตาจากภายนอกทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แสงก็ไม่ค่อยส่องเข้ามาทำให้ระเบียงไม่ร้อน โดยระเบียงแบบนี้จะสลับกันระหว่างชั้น 2 กับชั้น 3 แล้วแต่แปลงของบ้านซึ่งจะเป็นไปตาม facade ภายนอกครับ

ต่อไปเป็นห้องนอนเล็กซึ่งอยู่ทางหลังบ้าน และติดกันเป็นห้องเก็บของที่อยู่ชั้นบนนี้

ภายในห้องนอนเล็กมีขนาดพื้นที่ประมาณ 3.25 x 2.6 m. สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าได้พอดีครับ

ส่วนห้องเก็บของที่อยู่ติดกันจะมีขนาดประมาณ 2.6 x 1.5 m. สามารถเก็บของชิ้นใหญ่ๆที่ไม่ค่อยใช้ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วการที่ห้องเก็บของจะมาอยู่ชั้นบนสุดนี้ก็ดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เพราะหากต้องใช้งานทีก็จะต้องขนของขึ้นๆลงๆถึง 3 ชั้น เต็มที่ก็เอาไว้เก็บของที่ต้องใช้ข้างบนเช่นตู้เสื้อผ้าหรือกระเป๋าเดินทางที่ไม่ค่อยได้ใช้เป็นต้น

ส่วนบ้านตัวอย่างจะทุบห้องเก็บของเชื่อมต่อพื้นที่กับห้องนอนเล็กซึ่งถือว่าเป็นไอเดียในการเพิ่มพื้นที่ห้องนอนสำหรับคนไม่ได้ใช้ห้องเก็บของชั้นบนนี้ก็สามารถทำแบบนี้ได้ครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @20 February 2019

  • ทาวน์โฮม 3 ชั้น 19.8 ตารางวา 176 ตารางเมตร หน้ากว้าง 5 เมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 5.59 ล้านบาท พิเศษช่วงโปรโมชั่นส่วนลด 600,000 บาท เหลือ 4.99 ล้านบาท

  • จองและทำสัญญา 50,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 282,323 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 1,200 บาท/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง – โครงการ The Rich Bizhome สุขุมวิท 105 ตั้งอยู่ในซอยลาซาลที่เข้าจากถนนศรีนครินทร์ฝั่งขาออก สามารถเดินทางได้สะดวกเพราะปากซอยเป็นสี่แยกที่เลือกได้ว่าจะเข้าหรือออกเมืองได้ทุกทาง และยังไปใช้ทางด่วนเข้า-ออกเมืองบนถนนบางนา-ตราดที่อยู่ไม่ไกลเพียง 5 – 7 km. ได้ง่าย รวมถึงหน้าโครงการยังมีรถสองแถวใหญ่วิ่งผ่าน มีวินมอไซค์อยู่ปากซอย และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง MRT สถานีศรีลาซาล อีกด้วย ส่วนความอุดมสมบูรณ์ภายในซอยนี้ถือว่าดีมากๆ มีทั้งร้านเซเว่นอยู่ใกล้ๆ ริมถนนเต็มไปด้วยร้านอาหาร และมีพลาซ่าที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารต่างๆมากมาย สามารถเดินเข้าโครงการจากปากซอยตอนกลางคืนได้ไม่เปลี่ยว โรงพยาบาล Starbucks และ Tops Daily ก็อยู่แค่ฝั่งตรงข้าม หรือจะไปห้างใหญ่ๆก็จะอิงบนถนนศรีนครินทร์เป็นหลัก มีทั้ง Makro, Big C, Jas Urban, Seacon square และ Paradise Park รวมถึงถนนบางนาตราดก็ยังมี Central บางนา และ Mega บางนา ก็สามารถไปใช้ได้ไม่ยากนัก

ความปลอดภัย – ด้านหน้ามีป้อม รปภ. คอยดูแล 24 ชม. และใช้ไม้กั้นกระดกระบบ Key Card Access ระยะใกล้ พร้อมกล้อง CCTV ด้านหน้ากับในโครงการรวม 16 จุด และมีรั้วโครงการสูง 2 m.

การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย – ทาวน์โฮม 3 ชั้น ขนาดพื้นที่ 176 ตารางเมตร ออกแบบได้มาตรฐานทั่วไป แต่ถ้าเทียบกับโครงการสมัยใหม่ๆจะมีฟังก์ชันหลายๆอย่างที่ใช้งานได้ยากไปสักหน่อย เริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ตำแหน่งบันไดชั้นล่างถูกดันไปไว้ด้านหลังซึ่งดีแล้ว เพราะทำให้ห้องนั่งเล่นกว้างขึ้น แต่ก็ทำให้กั้นครัวไม่ได้เช่นกันจึงไม่สามารถทำอาหารจริงจังได้เลย อาจต้องไปทำครัวไทยหลังบ้านเพิ่มแทน พอขึ้นมาชั้น 2-3 ตำแหน่งบันไดบ้านต่างจากชั้นแรกโดยย้ายมาอยู่กลางบ้านเป็นรูปตัว U ซึ่งค่อนข้างกินพื้นที่ ซึ่งถ้าบันไดอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน จะได้พื้นที่ภายในห้องเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งบันไดด้านในจะไม่มีช่องแสงให้แสงแดดเข้าจึงทำให้ดูอึดอัดไปสักหน่อย และที่ชอบคือผนังภายในสามารถทุบหรือต่อเติมได้ง่ายเพราะไม่ใช่ Precast จึงสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามต้องการ แต่ก็ต้องมานั่งเสียเงินเพิ่มเองนะครับ

วัสดุ – ถือว่าได้ตามมาตรฐานทั่วไปครับ โครงสร้างเสา-คาน ผนังก่ออิฐมวลเบา พื้นที่จอดรถและลานซักล้างเป็น Slab on Ground พื้นชั้นล่างเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 cm. ส่วนพื้นชั้นบนเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 mm. บันไดโครงสร้าง คสล. Top ไม้จริง กรอบบานประตูหน้าต่างเป็นอลูมิเนียมอบสีขาว กระจกเขียวตัดแสง ไฟในบ้านยังเป็นโคมซาลาเปาอยู่ และได้สุขภัณฑ์ต่างๆในห้องน้ำของ Charmer กับ American standard

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ – ถนนหลักโครงการกว้าง 12 m. และถนนรองกว้าง 9 m. โดยจะปลูกต้นไม้ประดับข้างทางตลอดตั้งแต่ทางเข้าไปจนสุดถนนด้านใน เพียงแต่สำหรับโครงการนี้จะมีพื้นที่ดินบางส่วนที่ยังคงรอการพัฒนาต่อในอนาคต และมียูนิตบางซอยที่ยังต้อง Renovate ก่อนขาย ดังนั้นบรรยากาศภายในโครงการจะยังไม่เรียบร้อยดีนัก อาจมีช่างเข้า-ออกโครงการอยู่บ้าง หรือลูกบ้านที่อยู่ซอยด้านในอาจรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยที่ต้องผ่านโซนที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีครับ แต่หากโครงการนี้ปรับปรุงและก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะถือว่าปกติดีทุกอย่างนะ

สาธารณูปโภค – ให้มาครบและเพียงพอต่อจำนวนยูนิต มีอาคาร Clubhouse สระว่ายน้ำ Fitness และสวนสาธารณะ โดยทั้งหมดจะตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการซึ่งจะทำให้ยูนิตซอยแรกๆสามารถมาใช้งานได้สะดวกกว่ายูนิตด้านในครับ

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 5 – 7 ล้านบาท, 20 February 2019

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.75/10 – ทำเลในซอยแต่เดินได้และเรียกรถสาธารณะง่าย มีความอุดมสมบูรณ์สูง ใกล้รถไฟฟ้า ไม่ไกลจากทางด่วน
  • ความปลอดภัย 7/10 – รั้วกั้นไม้กระดก รปภ.หน้าหมู่บ้าน
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 7/10 – มีฟังก์ชันหลักๆครบ แต่ยังใช้งานยากในบางจุด
  • วัสดุ 7.5/10 – ได้มาตรฐานตามที่ต้องใช้งาน
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 6.5/10 – ขนาดโครงการไม่ใหญ่มาก เป็นส่วนตัว แต่ยังมีโซนที่สร้างไม่เสร็จ ยังไม่ค่อยเรียบร้อย
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – มี Clubhouse, Fitness, สระว่ายน้ำ และสวนครบ
  • 7.35 / 10.00

BOTTOM LINE

The Rich Biz Home สุขุมวิท 105 เหมาะกับคนที่กำลังหาทาวน์โฮมแถวซอยลาซาล-ศรีนครินทร์ ที่ทำเลมีความอุดมสมบูรณ์สูง เดินทางสะดวก และไม่ซีเรียสเรื่องเป็นโครงการเก่าที่สร้างมานาน ตัวบ้าน 3 ชั้นได้พื้นที่ใช้สอย มีส่วนกลางหลักๆให้ใช้ครบ  มีงบประมาณ 4.99 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 35,000 บาท