รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.194 – รีวิวโฮมออฟฟิศ HOF สุขุมวิท 101/1
28 กุมภาพันธ์ 2016
รีวิวฉบับที่ 833 … สวัสดีค่ะแฟนๆ Think of Living ทุกท่าน บ้านกับออฟฟิศ ที่อยู่กับที่ทำงาน บางครั้งก็เป็นเรื่องเดียวกันนะคะ สมัยนี้เราจึงเห็นโครงการหลายโครงการทำโปรเจค Home Office ออกมา วันนี้เราจะพาไปดูโครงการใหม่ ที่ชื่อว่า HOF Home and Office ที่มีแนวความคิดรองรับให้ได้ทั้งความเป็นบ้าน ออฟฟิศ หรือ Home Office โครงการตั้งอยู่ในซอยวชิรธรรมสาธิต 51 ถนนสุขุมวิท 101/1 อยู่ระหว่าง BTS ปุณณวิถี และ BTS อุดมสุข ซึ่งเป็นโครงการขนาดเล็กมีจำนวนแค่ 19 ยูนิต หน้าตาเจ้า Home and Office นี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ตามไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ ^^
**อัพเดทข้อมูลวันที่ 23 Feb, 2016 โครงการ Hof เฟส 3 เปิดให้จองผ่อนดาวน์แล้ว สามารถอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมได้ท้ายบทความค่ะ
**อัพเดตข้อมูลวันที่ 2 Nov, 2016 โครงการ HOF มีทั้งหมด 19 ยูนิต เหลืออีกเพียงแค่ 3 ยูนิตเท่านั้น (ห้องกลางทั้ง 3 ยูนิต) อ่านรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ท้ายบทความค่ะ
Fact @ 6 May 2015
- HOF Home & Office (ฮอฟ โฮมแอนด์ออฟฟิศ)
- สถาปนิก
- Segment : UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : ซอยวชิรธรรมสาธิต 51 ถนนสุขุมวิท 101/1 เขตพระโขนง
- เนื้อที่โครงการ เฟส 2 202 ตารางวา จำนวน 6 ยูนิต เปิดจองผ่อนดาวน์
- ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 6.3 เมตร 2 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 4-5 ที่จอดรถ ที่ดิน 28-36 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 310 – 317 ตร.ม.
- เพดานชั้น 1 สูง 2.5 เมตร, Double space ชั้น 1สูง 5.5 เมตร และ Double space ชั้น 2 สูง 7 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 7.8 ล้านบาทหรือ 278,500 บาท/ตร.วา
- โครงการอยู่ระหว่างการก่อสรา้ง
- สร้างเสร็จพร้อมโอน ม.ค. 2560
- http://www.hof-bkk.com/
- สำนักงานขาย : 094-025-2920 / 02-397-1147
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ
NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ
พิกัด : 13.688365, 100.629195
แผนที่จากทางโครงการค่ะ ตัวโครงการอยู่บนถนนสุขุมวิท 101/1(วชิรธรรมสาธิต) ในซอยวชิรธรรมสาธิต 51 เข้ามาในซอยประมาณ 250 เมตร อยู่ตรงกลางระหว่างรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(เส้นทางในอนาคต)
เนื่องจากซอยสุขุมวิท 101/1 เป็นซอยที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทที่มีรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท และเชื่อมกับถนนศรีนครินทร์ ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งค่อนข้างสะดวกสำหรับคนไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว
โดยจาก BTS สายสุขุมวิท สามารถลงได้ 2 สถานี คือ สถานีอุดมสุข ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 450 เมตร (ห่างจากโครงการ 2.95 กิโลเมตร) หรือสถานีปุณณวิถี ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 550 เมตร (ห่างจากโครงการ 3.15 กิโลเมตร) จากสถานีรถไฟฟ้าเดินเท้ามายังปากซอยสุขุมวิท 101/1 ต่อด้วยมอเตอร์ไซด์รับจ้าง 25 บาท หรือรถซูบารุ 20 บาท หรือรถสองแถว 7 บาท ส่วนถ้ามาจากถนนศรีนครินทร์ สามารถขึ้นมอเตอร์ไซด์ที่ซีคอนสแควร์ 25 บาทถึงโครงการ
ส่วนในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง บนถนนศรีนครินทร์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโครงการ โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีอุดมสุข ซึ่งตอนนี้บอร์ด รฟม.อนุมัติโครงการไปแล้วเมื่อ 20 มีนาคม 2557 คาดว่าจะเปิดประมูลภายในปี 2558 และเปิดให้บริการในปี 2562
ทำเลโดยรอบโครงการ ถ้าพูดถึงในซอยวชิรธรรมสาธิต 51 ส่วนใหญ่จะเป็นโฮมออฟฟิศ อาคารพาณิชย์ และบ้านพักอาศัยค่ะ ซึ่งสุดซอยเป็นซอยตันไม่สามารถทะลุไปไหนได้ แต่ถ้าออกมาที่ซอยสุขุมวิท 101/1 แล้ว นี่ถือว่าคึกคัก หาของกินง่าย คอนโดขึ้นเยอะ และสามารถไปทะลุออกถนนใหญ่ได้
ส่วนแหล่งชอปปิ้งรอบๆโครงการ ถ้าเป็นห้างใหญ่ๆจะต้องไปบนเส้นบางนากับศรีนครินทร์ บนเส้นบางนาใกล้สุดจะเป็น เซ็นทรัล กับ Big C ส่วน Bangkok Mall ที่จะมาเปิดตรงแยกบางนานี่ต้องรอถึงปี 2560 นะคะถึงจะไปเดินเล่นกันได้ ไกลไปอีกหน่อยก็ Mega บางนา ส่วนเส้นศรีนครินทร์จะมีห้าง Seacon Square, Paradise Park และ สวนหลวงร. 9 สำหรับ Tesco Lotus ตรงสถานีอ่อนนุชก็ไปได้ไม่ไกลค่ะ แต่ปัญหาคือเวลาจะกลับทีต้องไปร่วมรถติดกับรถที่จะเข้าซอยอ่อนนุช ในช่วงเวลาเร่งด่วนนี่ติดสุดๆเลย
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว : แม้ว่าโครงการจะอยู่ในซอยแต่ก็มีทางลัดเลาะสามารถไปออกถนนศรีนครินทร์ และถนนอ่อนนุชได้สะดวกดีค่ะ การเดินทางหลักๆคือมาจากถนนสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 101/1 ขับเข้ามา 2.5 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยวชิรธรรมสาธิต 51 และตรงมาอีกประมาณ 300 เมตร โครงการจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ส่วนถ้ามาจากถนนศรีนครินทร์ ถ้ามาจากบางนาให้เลี้ยวซ้าย แต่ถ้ามาจากพัฒนาการให้เลี้ยวขวาตรงแยกอุดมสุข ตรงเข้ามาในซอยแล้วเลี้ยวขวาที่ซอยอุดมสุข 51(ซอยประวิทย์และเพื่อน) หลังจากนั้นให้เลี้ยวซ้ายตรงสามแยกเพื่อเข้าเส้นถนนสุขุมวิท 101/1 จากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้าซอยวชิรธรรมสาธิต 51 ตรงมาประมาณ 300 เมตร โครงการจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ
ส่วนใครที่ต้องการไปใช้ทางด่วน มีให้เลือกใช้ 2 ด่านเลยค่ะ คือตรงทางด่วนซอยสุขุมวิท 62 และทางด่วนบางนา แล้วแต่จะเลือกใช้ค่ะ
เส้นทางที่เราจะพาไปวันนี้จะเริ่มจากลงทางด่วนสุขุมวิท 62 ผ่าน BTS บางจาก แล้วเลี้ยวขวาเพื่อไปเข้าเส้นสุขุมวิท ผ่าน BTS ปุณณวิถี จากนั้นเลี้ยวเข้าถนนสุขุมวิท 101/1 หรือซอยวชิรธรรมสาธิต เดินดูทำเลและสภาพแวดล้อม จนถึงซอยวชิรธรรมสาธิต 51 เลี้ยวซ้ายเข้าซอยผ่านโครงการไปจนถึงสุดซอยวชิรธรรมสาธิต 51
เราเริ่มสตาร์ทล้อกันที่จุดลงทางด่วน ซึ่งเมื่อใกล้ลงเราจะเจอป้ายบอกทางตรงไปบางนา กับ เลี้ยวซ้ายไปถนนสุขุมวิท 62 ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าถนนสุขุมวิท 62 ค่ะ
เมื่อเข้ามาที่ถนนสุขุมวิท 62 ให้วิ่งตรงมาเรื่อยๆ จะเจอทางแยกไฟแดง ให้เตรียมชิดขวาไว้ค่ะ
ซึ่งตรงหน้าทางแยกทางซ้ายมือจะเป็น BTS บางจาก เดี๋ยวเราจะเลี้ยวทางขวามือ เพื่อวิ่งบนถนนสุขุมวิทแล้วไปโครงการกันค่ะ
วิ่งบนถนนสุขุมวิทมาเรื่อยๆ จะเจอแยกไปถนนสุขุมวิท 101 ซึ่งเป็นซอยคู่ขนานกับถนนสุขุมวิท 101/1 ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ ด้านหน้าจะเป็นสถานี BTS ปุณณวิถี ให้เราขับตรงไปเรื่อยๆก่อนนะคะ
ขับไปอีกหน่อยจะเจอ Piyarom Place ซึ่งในนี้จะมี Tops Market และร้านขายของกินหลายร้าน ข้างๆกันเป็น Sale Office ของโครงการ Whizdom Connect Sukhumvit
ตรงไปอีกหน่อยเราจะเจอป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปอ่อนนุช และมี 7 Eleven อยู่ตรงนี้ด้วย ข้างหน้าเป็นสะพานลอยข้ามไปยังซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคู่ได้
ใต้สะพานลอยมีร้านขายข้าวแกงช่วงเที่ยงมีคนต่อแถวกันเยอะค่ะ ด้านหน้าก็ถึงซอยสุขุมวิท 101/1 (วชิรธรรมสาธิต)
ปากซอยมีป้ายวัดวชิรธรรมสาธิตแบบนี้ค่ะ รถวิ่งกันพลุกพล่านพอสมควรเนื่องจากเป็นซอยไปเชื่อมออกได้หลายเส้นทางทั้งสุขุมวิท 101 , อ่อนนุช, อุดมสุข, และศรีนครินทร์
เดินเข้ามาในซอยก็ยังมีทางเท้าให้เดินต่อค่ะ ถนนในซอยนี้ขนาด 4 เลน ช่วงต้นซอยจะมีร้านอาหารทั้งฝั่งซ้ายและขวา
ริมทางเท้ามีร้านอาหารตามสั่งตอนที่ไปถ่ายเป็นช่วงเที่ยงพอดีเริ่มมีคนมาฝากท้องกันแล้ว
ฝั่งตรงข้ามมีซอยเป็นอู่รถกะป้อจอดรอให้ใช้บริการอยู่
กลับมาทางเดิมจะเห็นว่ามีรถสองแถววิ่งในซอยนี้ด้วยวิ่งไปจนถึงศรีนครินทร์ ถ้าจะไปห้าง Seacon แบบไม่ใช้รถก็นั่งไปได้ค่ะ
ถัดมาเจอร้านก๋วยเตี๋ยว น้ำปั่น และมีพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่ด้านหน้าด้วย
ตอนนี้เดินมาถึงซอยวชิรธรรม 4 แล้วสองฝั่งทางยังมีร้านอาหารอยู่ค่ะเลือกร้านได้สบายๆ
จากนั้นจะเจอ CP Fresh Mart และมี Community Mall เล็กๆอยู่ด้านหลัง
มีร้านอาหาร ร้านขนม และมีที่จอดรถด้านในค่ะ
ร้านค้าประมาณนี้ค่ะ ตรงกลางเป็นสวนหย่อมเล็กๆ
กลับออกมาทางเดินต่อค่ะ ผ่าน CP Fresh Mart จะเจอร้านก๋วยเตี๋ยวซ้ายมือ ที่มีเมนูเซี่ยงไฮ้ผัดขี้เมาอร่อยค่ะ
ติดกันจะเจอร้านขายดอกไม้ อยู่ติดกับโรงแรมโกลเด้น
จากนั้นก็จะเจอทางเข้าออกโรงแรมค่ะ
เดินมาถึงวชิรธรรมสาธิต 1 ปากซอยขายเครื่องมือช่าง
ถัดมาเป็นซอยวชิรธรรมสาธิต 3 มี 7-11 อยู่ใต้โรงแรมมาร์ซีซ้ายมือ
ถัดจากวชิรธรรมสาธิตซอย 3 ร้านอาหารจะเริ่มบางตาลง และเริ่มมีอาคารพักอาศัยประเภทคอนโดมากขึ้น
เดินต่อมาอีกหน่อยจะเจอร้านอาหารตามสั่งซ้ายมือ ขวามือจะเห็นปั๊มน้ำมันบางจากเป็นปั๊มแบบเติมเองค่ะราคาถูกกว่าปั๊มทั่วไป
ถัดมาจะเจอร้านอาหาร Oak Valley Wine Bar&Restaurant เป็นร้านของหญิงแย้ค่ะ
ตอนนี้เราเดินมาถึงวชิรธรรมสาธิตซอย 9 แล้วค่ะมีร้านมอเตอร์ไซค์ขวามือ
เลยมาอีกหน่อยช่วงชอยวชิรธรรมสาธิต 13 เริ่มมีร้านขายของทั้งสองฝั่งทาง
ถัดมาจะเริ่มมีตลาดสดมีของขายหลายอย่างค่ะ
ติดกันมีซอยที่สามารถไปทะลุออกอุดมสุขได้(ซอยขวามือ) ซึ่งบางช่วงของซอยจะเป็น One Way ตอนจะเข้า-ออกก็ดูดีๆก่อนนะคะ
เลยมาอีกหน่อยจะเจอ Tesco Lotus
มาเรื่อยๆจะเจอซอยวชิรธรรมสาธิต 51 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยค่ะ
ซึ่งพอเข้ามาในซอยจะเห็นว่ามีป้ายโครงการ HOF Home and Office เข้าไปในซอย 250 เมตร ซึ่งระยะทางจากที่วัดใน Google Map จะอยู่ที่ 300 เมตรค่ะ
พอเข้ามาในซอยวชิรธรรมสาธิต 51 บรรยากาศในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
มีทางข้ามคลองเล็กน้อย ข้างหน้าเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น
ขับเข้ามาเรื่อยๆจะเจอบ้านที่ทำกำแพง Green wall เป็นแนวยาวแบบนี้ ข้างหน้าเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น และบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
ซึ่งถัดจากอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นมา จะเจอโครงการ HOF Home and Office แล้วค่ะ ซึ่งตรงข้ามโครงการตึกสีเทาๆนี้จะเป็นบริษัท M Medisci Solution ซึ่งเป็นบริษัทรับทำเครื่องสำอางค์
ถัดจากโครงการไปจะเป็นที่ดินที่เตรียมสำหรับการทำโครงการ HOF ในเฟสถัดไป (เฟส 3) ส่วนที่ดินฝั่งตรงข้ามเยื้องกับเฟสแรก คือ เฟส 2 (เปิดจองผ่อนดาวน์แล้ว) มีจำนวน 6 ยูนิต ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้างอยู่
เข้าไปในซอยเรื่อยๆก็จะเจอบ้านพักอาศัย สลับกับอาคารพาณิชย์ รวมทั้งมีออฟฟิศและอาคารสำนักงานอยู่ในนี้ด้วย
ยิ่งลึกเข้าไปก็จะเป็นบ้านพักอาศัยซะเป็นส่วนใหญ่ เป็นอาคาร 1 ชั้นบ้าง 2 ชั้นบ้าง
มาถึงสุดซอยวชิรธรรม 51 จะเป็นซอยตัน ซึ่งเป็นที่ดินว่างเปล่าและบ้านพักอาศัยค่ะ
สภาพแวดล้อมในซอยวชิรธรรมสาธิต 51 จากที่พาไปดูจะเห็นว่าส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยและอาคารพาณิชย์นะคะ ซึ่งบริบทโดยรอบโครงการ คือ ทางทิศเหนือ ติดต่อกับที่ดินว่างเปล่า ซึ่งอนาคตจะเป็นโครงการ HOF ในเฟส 3 ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับบ้านพักอาศัยและที่ดินว่างเปล่า ส่วนทางทิศใต้ ติดกับอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น และทางทิศตะวันออก ติดกับถนนวชิรธรรมสาธิต 51 ซึ่งเป็นทางเข้าออกหลักของโครงการ ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นบริษัท M Medisci Solutions ซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตเครื่องสำอางค์ค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Piyarom Place ~2.5 กิโลเมตร
- Bangkok Mall ~3.0 กิโลเมตร
- Central Bangna ~3.5 กิโลเมตร
- Big C Bangna ~3.7 กิโลเมตร
- Paradise Park ~4.0 กิโลเมตร
- Secon Square ~4.6 กิโลเมตร
- Bitec Bangna ~5.3 กิโลเมตร
- Mega Bangna ~8.5 กิโลเมตร
โครงการ HOF Home and Office เป็น ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 6.3 เมตร ที่จอดรถในอาคาร 4-5 คัน เฟส 2 พื้นที่โครงการ 202 ตร.วา จำนวน 6 ยูนิต (เปิดจองผ่อนดาวน์) ขนาดที่ดิน 28 – 36 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 310 – 317 ตร.ม. ตัวอาคารใช้โทนสีเอิร์ธโทน น้ำตาล-ขาว-เทา ตอบรับการใช้งานทั้ง 3 ลักษณะ คือ Office, Home, หรือ Home Office
โดยคำว่า “HOF” มาจาก “Home and Office” ซึ่งเป็นคำจำกัดความของโครงการนี้ค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่เราจะคุ้นหูกับคำว่า Home office กันมากกว่าใช่ไหมคะ โดยสาเหตุที่เรียกโรงการ HOF ว่า Home and Office ก็เพราะว่า ทางสถาปนิกได้ออกแบบโครงการให้ตอบสนองฟังก์ชั่นของความเป็นทั้ง “บ้าน” และ “ออฟฟิศ” ตาม Concept 3 อย่างคือ
“เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่ด้านเดียว” คือการออกแบบให้ส่วนของ Office มีการติดตั้งระบบต่างๆเพื่อให้พร้อมแก่การทำงาน เช่น ระบบต่างๆ, สาย Lan, พื้นที่ที่รองรับคนทำงานได้มากกว่า 20 คน และส่วนของ Home รองรับการอยู่อาศัยและการขยายของครอบครัว “เพราะชีวิตคือทางเลือก” การออกแบบเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนการใช้งานของผู้อยู่อาศัย เหมาะสำหรับใช้ทำเป็น บ้าน, ออฟฟิศ หรือ Home Office ตามความต้องการ อีกทั้งมีการออกแบบโครงสร้างที่สามารถรองรับการต่อเติมได้ในอนาคต และ “เพราะชีวิตต้องมีคุณภาพ” คือการวางงานระบบ เพื่อรองรับการอยู่อาศัย รวมทั้งวัสดุที่ค่อนข้างแข็งแรงและมีการรับประกันคุณภาพ
ดังนั้น โครงการนี้จึงเหมาะกับครอบครัวที่คิดว่าในอนาคตอาจมีการขยาย รวมทั้งการทำเป็นอาคารสำนักงานก็ได้ หรือสุดท้าย คนที่ต้องการจะมีออฟฟิศ และมีการใช้ชีวิตอยู่ภายในนั้นด้วย โครงการนี้ก็ถือว่าค่อนข้างตอบโจทย์
เรามาเริ่มกันที่ตัว Model จำลองโครงการนะคะ ตัวโครงการจะแบ่งเป็นชั้นจอดรถอยู่ใต้ดิน โดยสามารถจอดรถได้ 4-5 คัน ส่วนของออฟฟิศจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 1-ชั้นลอย ส่วนของชั้น 2-3 จะเป็นส่วนของบ้าน
ซึ่งในด้านทิศตะวันออก โครงการจะติดกับซอยวชิรธรรมสาธิต 51 ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกหลักของโครงการ
โดยบ้านด้านหน้า ในชั้น 2 และ 3 จะเป็นพื้นที่ Double Space ความสูงประมาณ 7 เมตร ซึ่งตรงส่วนนี้สามารถต่อเติม และปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ในอนาคต
อาคารทางด้านทิศใต้ จะติดกับทาวน์โฮม 3 ชั้น รั้วโครงการด้านนี้สูง 2 เมตร ซึ่งแปลงมุมนี้จะพิเศษตรงที่เห็น Outdoor Court ชัดเจน ซึ่งแปลงกลางก็มี Court มาให้ด้วย เป็นลานโล่งไม่มีหลังคาแบบนี้เลยค่ะ
ซึ่งตัว Outdoor Court ของโครงการเป็นพื้นที่ส่วนฟังก์ชั่นของบ้านที่ต้องการให้คนในบ้านมี Activity ร่วมกัน เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ของคนในบ้าน ให้สามารถมาทำกิจกรรมร่วมกันตรงนี้ได้ รวมทั้งยังช่วยให้ลมสามารถพัดเข้า – ออกทำให้อากาศถ่ายเทได้ดีและทำช่องแสง เพื่อให้สามารถรับแสงธรรมชาติเข้าอาคารอีกด้วย
โครงการด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นด้านหลังโครงการ จะติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น และที่ดินว่างเปล่า จุดเด่นของด้านนี้คือมี Double Space ในส่วนห้องทำงานชั้น 1 พื้นที่ภายในจึงค่อนข้างโอ่โถง
บนชั้น 3 ด้านนี้มีห้อง Master Bedroom ที่ใหญ่ และหลังคาเป็นจั่วยกสูงขึ้นไปห้องนี้จึงได้ฝ้าเพดานสูงกว่าปกติ รวมทั้งช่องเปิดที่เป็นกระจกและมีบานหน้าต่างทั้งสองด้าน ช่วยให้ได้รับแสงธรรมชาติ และเมื่อเปิดหน้าต่างทั้งสองด้านแล้ว ตามหลักการหมุนเวียนของลม ช่องเปิดที่ตรงกันจะทำให้ลมพัดผ่านห้องได้ดีมาก
อาคารในด้านทิศเหนือ จะติดกับโครงการ Hof ในอนาคต ซึ่งด้านนี้จะทำกำแพงรั้วสูง 3 เมตร เพื่อแยกโครงการออกจากกันและความเพื่อเป็นส่วนตัวของ 4 ยูนิตนี้ด้วยค่ะ
ซึ่ง HOF เป็นโครงการขนาดเล็กจึงไม่มี Facilities มาให้นะคะ
เริ่มจากแปลนของบ้านตัวอย่าง โดยโครงการจัดฟังก์ชั่นให้ส่วนของชั้นจอดรถ ชั้น 1 รวมไปถึงชั้นลอย เป็นส่วนของ Office ซึ่งมี Concept ในการสร้างให้เกิดพื้นที่ใช้งานในลักษณะ Open Space เริ่มตั้งแต่การออกแบบให้อาคารมีขนาด 6.3 x 12.5 เมตร ทำให้สามารถจอดรถใต้อาคารได้ 4-5 คัน หน้ากว้าง 6.3 เมตร ทำให้จอดรถสบายแต่เวลาจะเข้าออกลำบากเพราะต้องจอดซ้อนกัน รถคันที่จอดด้านในจะออกทีต้องไปเลื่อนรถ 3 คันด้านหน้าด้วย โดยส่วนจอดรถที่มี Slope ต่ำลงไปแบบนี้ โครงการได้มีระบบการจัดการน้ำท่วมที่ออกแบบมาไว้ให้ด้วย เมื่อขึ้นมายังชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ห้องทำงานที่มีฟังก์ชั่นครบ ทั้งส่วนรับแขก ส่วนนั่งทำงานโดยมีทั้งแบบฝ้าเพดานสูงปกติและแบบ Double Space ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดที่ทำให้คนที่ทำงานอยู่ที่ชั้น 1 และชั้นลอยสามารถทำงานร่วมกันได้ โดยทั้งพื้นที่ชั้น 1 และชั้นลอยสามารถรองรับคนทำงานได้ 20 – 30 คน
นอกจากส่วนทำงานแล้ว การออกแบบผังโครงการยังแยกส่วนนั่งทำงานให้อยู่ในซีกซ้ายชัดเจน ทำให้สามารถออกแบบช่องเปิดและสร้างพื้นที่ตามความต้องการได้เต็มที่ ส่วนพื้นที่ห้อง Service ต่างๆ เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว และห้องงานระบบ จะโยกไปอยู่ทางขวามือของผังอาคาร ทำให้พื้นที่การใช้งานค่อนข้างเป็นสัดส่วน
นอกจากการจัดวางฟังก์ชั่นแล้ว การเลือกใช้วัสดุที่เห็นได้ชัดคือ พื้นของโครงการในส่วนของ Office จะใช้เป็นพื้น คสล.ขัดมัน(พื้นที่ใช้งานชั้น 1 และชั้นลอย) ซึ่งตอบสนองความต้องการในเรื่องความชอบที่แตกต่าง สามารถปรับแต่งตามความต้องการได้ง่าย รวมทั้งพื้นที่ในส่วนของ Office จะมีการติดตั้งสาย Lan ไว้ให้หลายชุด เพื่อรองรับการใช้งานอินเตอร์เนทที่จำเป็นอย่างมากในการทำงาน
ในส่วนของพื้นที่ชั้น 2 และชั้น 3 โครงการออกแบบส่วนนี้ให้เหมาะแก่การเป็นที่พักอาศัย โดยมีทั้งส่วนนั่งเล่นและส่วนเตรียมอาหาร เชื่อมกับพื้นที่ Outdoor Court ที่เป็นลานอเนกประสงค์ให้คนในบ้านได้ใช้เป็นพื้นที่พูดคุยหรือมีกิจกรรมร่วมกัน หรือจะดัดแปลงเป็นที่ปลูกต้นไม้เพื่อสร้างวิวธรรมชาติให้บ้านร่มรื่นก็ได้ นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่พาทั้งลมและแสงธรรมชาติเข้ามาในบ้าน ช่วยให้บ้านมีอากาศถ่ายเทดีอีกด้วย
นอกจาก Court ตรงกลางแล้ว การต่อเนื่องของพื้นที่สองชั้นนี้ยังสร้างให้เกิด Double Space ที่มีฝ้าเพดานสูงถึง 7 เมตร เพื่อรองรับการขยายของครอบครัวในอนาคต โดยการเตรียมโครงสร้างที่แข็งแรงไว้ให้เผื่อต่อเติมพื้น ที่จะสามารถเพิ่มห้องนอนสำหรับสมาชิกใหม่ในครอบครัวได้ค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว การจัดฟังก์ชั่นของบ้านตัวอย่างก็เพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้กับผู้สนใจโครงการ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ อย่างเช่นต้องการจัดให้ทั้งหลังเป็นบ้านหมดเลย หรือต้องการให้เป็นที่ทำงานหมดเลยก็ย่ิมได้ค่ะ เพราะพื้นที่ในโครงการค่อนข้างเปิด หากจะปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานก็สามารถทำได้ไม่ยากค่ะ
เรามาเริ่มที่ตัวบ้านกันบ้างค่ะ โดยบ้านตัวอย่างที่เราจะพามาดูเป็นบ้าน Type A แปลงมุม พื้นที่ใช้สอย 293 ตร.ม. ที่ดิน 34 ตร.วา หน้ากว้าง 6.3 เมตร ซึ่งจะเห็นว่า Facade อาคารมีการเล่น Element ระหว่างส่วนของกระจกบาน Fix และหน้าต่างบานเปิดปิดได้ค่อนข้างดีและไปในทิศทางเดียวกัน Form ของอาคารค่อนข้างจะ Follow กับฟังก์ชั่น เพราะส่วนที่เป็นกระจกทั้งหมด เป็นส่วนของ Home และ Office ซึ่งเป็นส่วนของการอยู่อาศัยและการทำงานที่ต้องการช่องแสง ส่วนด้านขวามือที่ติดระแนง ฟังก์ชั่นภายในจะเป็นส่วนของบันได และห้องน้ำที่เป็นส่วน Service ไม่ต้องการการเปิดมากนัก โครงการจึงใช้ระแนงมาปิดเพื่อตกแต่งอาคารและพรางสายตาจากคนภายนอกได้บางส่วนค่ะ
จากทางเข้าบ้าน โครงการใช้ประตูเหล็กทาสีดำ ที่เป็นประตูรางเลื่อน 3 ตอน สามารถติดตั้งระบบเปิด-ปิดประตูอัตโนมัติเข้าไปได้ค่ะ เนื่องจากประตูรุ่นนี้รองรับระบบอัตโนมัติไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งข้อดีของประตูรางเลื่อนคือเวลาเราใช้งานจะแข็งแรงดี ไม่ต้องกลัวประตูเอียงหรือล้ม และไม่ต้องเสียพื้นที่เวลาต้องพับประตูเปิดเข้า-ออก ทำให้พื้นที่หน้าประตูสามารถจอดรถเพิ่มได้อีก 1 ค่ะ
โดยตัวประตูนี้มีประตูเล็กสำหรับคนเดินเข้าออกได้ และตรงส่วนของไฟประตูเป็นโคมไฟประดับทรงสี่เหลี่ยมโครงการแถมให้ด้วยนะคะ จะได้แบบนี้เลย
พอเปิดประตูออกมาเราจะเห็นว่าลานจอดรถเป็นลักษณะ Slope ลงไปยังชั้น Basement หรือชั้นล่างสุด พื้นตรงส่วน Slope เป็นผิวสแตมป์คอนกรีต ลานจอดรถเป็นผิวคอนกรีตขัดหยาบ สามารถจอดรถได้ 4 คัน และบน Slope อีกประมาณ 1 คัน
เนื่องจากที่จอดรถเป็นทางลาดลงไปใต้ดิน หลายคนอาจสงสัยว่าอย่างนี้เวลาฝนตกแล้วน้ำจะท่วมโรงจอดรถหรือไม่? จึงหาคำตอบมาให้แล้วค่ะว่า ตรงนี้ทางโครงการ ได้ทำการป้องกันน้ำไว้ 2 จุดโดยทำ Slope ก่อนลงที่จอดรถเพื่อให้น้ำไม่ไหลเข้ามาในตัวบ้าน และในกรณีที่หากปริมาณน้ำขึ้นสูงจนล้นเข้าไปในที่จอดรถ ตรงจุดต่ำสุดของ Slope ทางลง ก็มีตะแกรงน้ำให้อีก 1 จุด เพื่อจะได้ระบายน้ำลงด้านล่าง ในระหว่างการใช้ชีวิตปกติ เช่นการล้างรถในโรงจอดรถ ตะแกรงนี้ก็จะเป็นตัวระบายน้ำ ป้องกันน้ำขังโรงจอดรถให้เราด้วยค่ะ
พอเข้ามาในโรงจอดรถ มองไปทางขวามือเราจะเจอจุดที่มีการติดตั้งเต้ารับ สวิตซ์ไฟของโรงจอดรถ รวมทั้งมีก็อกน้ำและสายยางไว้ให้เผื่อการใช้งาน เช่น ล้างรถ ส่วนใต้บันไดทางขึ้นอาคารเป็นฝาท่อเผื่อการ Service
มองขึ้นไปยังเพดานระดับความสูงของพื้นถึงคาน 2.1 เมตร สูงพอๆกับที่จอดรถตามห้างสรรพสินค้าค่ะ รถที่ยกสูงอาจจะเข้าลำบากหน่อย ซึ่งตรงส่วนนี้มีการติดตั้งไฟไว้ให้ 2 แบบ คือส่วนของทางเข้าช่วงแรก (ส่วน Slope) ใช้โคมไฟทรงสี่เหลี่ยมสีดำ เป็นไฟแบบ Warm light (ไฟสีส้ม) เพราะในส่วนนี้เป็นพื้นที่หน้าบ้านซึ่งไม่ได้ใช้งานหนัก ไฟสีส้มจึงเป็นไฟที่ให้แสงปานกลาง และเป็นสีไฟตกแต่งหน้าบ้านที่ดี
ส่วนด้านในที่จอดรถใช้หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ เป็นไฟแบบ Cool light(ไฟสีขาว) เพราะเป็นพื้นที่ใช้งานจริงจังที่ต้องการค่าแสงที่เป๊ะกว่าหน้าบ้าน เช่น การล้างรถในตอนกลางคืน ก็เป็นการออกแบบที่คิดมาเผื่อในเรื่องแสงที่ต้องการการใช้งานพื้นที่ที่แตกต่างกัน
สำหรับบ้าน Type A แปลงมุมจะติดกับรั้วของโครงการ ซึ่งจะมีความพิเศษตรงที่ได้ระยะข้างบ้านมาเพิ่มอีก 2 เมตร เราเลยจะพาเดินดูรอบๆกันด้วยนะคะ ตรงนี้โครงการปลูกต้นไม้เป็น Green Wall และตั้งศาลพระภูมิดีไซน์โมเดิร์นไว้หน้าบ้าน ช่วยส่งเสริมทัศนียภาพให้โครงการดูสมัยใหม่ขึ้น ซึ่งศาลนี้ไม่มีให้ แต่ใครจะนำไปใช้เป็นไอเดียก็ไม่ว่ากันค่ะ
ทางเดินข้างบ้านกว้างประมาณ 2 เมตร โครงการจะปลูกสนามหญ้าไว้ให้ และปลูกต้นไม้เต็มแนวรั้วที่สูง 2 เมตร เช่นเดียวกัน มองไปสุดทางรั้วด้านหลังของโครงการสูง 2 เมตรเช่นกัน ซึ่งจะเห็นว่ามีประตูเปิด-ปิดด้วย เพราะบ้านตัวอย่างที่เราพามาดูนี้มีคนจองแล้วและเจ้าของได้ซื้อที่ดินติดกับแปลงด้านหลังไว้ด้วย เขาจึงทำประตูเชื่อมกับแปลงด้านหลังค่ะ
ระหว่างทางเดินมีการติดตั้งไฟสนามติดกำแพงไว้ให้ด้วย เผื่อใครเดินออกมาเวลามืดๆก็จะได้มีแสงสว่างตามทางเดิน
ด้านหลังโครงการเป็นพื้นที่ส่วนซักล้าง ขนาด 2 x 6.3 เมตร พื้นเป็นคอนกรีตขัดหยาบ สามารถใช้พื้นที่ได้อเนกประสงค์ ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนของที่วางงานระบบด้วยอย่างเช่น Compressor แอร์, ถังเก็บน้ำสำเร็จรูปขนาด 2000 ลิตร
รวมทั้งให้ปั๊มน้ำของ Grundfos ซึ่งเป็นปั๊มน้ำจากเดนมาร์ก ซึ่งข้อดีคือน้ำจะแรงกว่าปั๊มน้ำปกติ และเสียงเบากว่าค่ะ
มองขึ้นไปบนอาคารจะมีการวาง Compressor แอร์อยู่ในแนวเดียวกันอย่างเรียบร้อย
ถ่ายจากมุมส่วนซักล้างมองออกไปทะลุโรงจอดรถถึงส่วนหน้าบ้านได้เลยค่ะ
ทางเข้าอาคารจะอยู่หน้าบ้านและเป็นบันไดขึ้นไปยังชั้น 1 มีการตกแต่งด้วยระแนงไม้เทียมทาสี บันไดทางขึ้นบ้านเป็นกระเบื้อง Cotto สี Light Grey ขนาด 30 x 60 ซม. พร้อมจมูกบันได ส่วนราวบันไดไม่มีให้ แต่ใช้ระแนงเหล็กทาสีดำ เป็นเหมือนผนังกันตกให้แทน
ส่วนของระดับพื้น ระหว่างบันได กับ Slope ลงลานจอดรถเป็นพื้นเอียงและค่อนข้างจะมีระดับที่แตกต่างกัน ดังนั้นต้องระวังสะดุดนิดนึงนะคะ
มองขึ้นไปบนเพดานตกแต่งด้วยไฟดาวน์ไลท์ทรงกลม และโคมไฟสี่เหลี่ยมสีดำ ซึ่งบ้านของจริงให้แบบนี้ทั้งหมดค่ะ
มองขึ้นไปเป็นประตูทางเข้าอาคาร ตรงนี้โครงการติดป้ายสำนักงานไว้ให้เป็นไอเดีย เผื่อใครทำเป็นออฟฟิศก็ติดป้ายตรงนี้ได้ค่ะ เพราะถ้าสังเกตดีๆจะเห็นไฟดาวน์ไลน์ที่ติดอยู่ตรงโถงประตูทางเข้า จะส่องลงมาที่ป้ายสำนักงาน ช่วยให้ป้ายดูมีมิติ
ประตูทางเข้าเป็นบานปิด-เปิด กระจกตัดแสงสีเขียวใส Enery Green หนา 6 มิลลิเมตรของอาซาฮี กรอบเป็นอลูมิเนียมสีขาวค่ะ ส่วนที่ติดกับประตูจะเป็นหน้าต่างแบบ Bay Window ห้องนี้จึงดูโปร่งตา
พื้นทางเข้าติดจมูกกันลื่นไว้ให้ โดยพื้นห้องทำงานของจริงโครงการจะให้เป็นพื้น คสล.ผิวขัดมันนะคะ ส่วนบ้านตัวอย่างโครงการปูด้วยกระเบื้องลายปูนเปลือยมาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งสาเหตุที่โครงการเลือกเป็นพื้น คสล.ขัดมันให้เพราะคิดเผื่อว่าแต่ละคนย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้นใครต้องการปูพื้นกระเบื้องหรือพื้นลามิเนตก็สามารถทำได้ง่าย หรือจะคงพื้นแบบนี้ไว้ก็ได้ เพราะพื้น คสล.ขัดมันจะให้ความรู้สึกเป็น Loft ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
เปิดประตูเข้าโครงการมาปุ๊บ ก็จะเจอมุมรับแขก ซึ่งด้านบนเป็นชั้นลอยที่มี Double Space สูง 5.5 เมตร ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง และผนังเป็นกระจกใสเต็มบาน ช่วยให้แสงเข้าค่อนข้างดีค่ะ
หน้าต่างฝั่งตรงข้ามจะเป็นหน้าต่างบานกระจกตัดแสงสีเขียวใส Energy Green หนา 6 มิลลิเมตร กรอบอลูมิเนียมสีขาว บานด้านล่างเป็นบาน Fix และด้านบนเป็นบานเปิด มือจับก้านโยกสีขาว ความกว้างของบาน 60 เซนติเมตร สูงจากพื้นจรดคานค่ะ
เหนือบานกระจกมีกันสาดเล็กๆให้ ซึ่งจะช่วยให้ฝนไม่สาดเข้ามา ซึ่งในภาวะที่ฝนตกไม่แรงมากก็พอช่วยได้ แต่ถ้าฝนตกหนักก็ช่วยไม่ได้มากเท่าไหร่นะคะ
มองกลับไปที่ส่วนของห้องนั่งเล่นหน้าบ้าน ด้วยกระจกที่สูงตั้งแต่พื้นจรดฝ้าเพดานทำให้ห้องนี้มีแสงเข้าค่อนข้างดีแม้ไม่เปิดไฟ และมองไปเราจะเห็นสำนักงานของ M Medisci Solutions ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งก็เป็นห้องกระจกใสเหมือนกัน เวลาทำงานอาจจะได้มองกันไปมาปิ๊งๆ
มองขึ้นไปข้างบนจะเห็นราวระเบียงและฝ้าเพดานของชั้นลอย ซึ่งมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวงค่ะ
ส่วนที่เชื่อมต่อกันจะเป็นห้องทำงานขนาด 4.4 x 7.65 เมตร ซึ่งโครงการวางโต๊ะทำงานขนาด 6 ที่นั่งไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งจะเห็นว่าทั้งสองด้านของโต๊ะทำงานมีพื้นที่เหลือให้เดินค่อนข้างเยอะเลยค่ะ
ซึ่งโครงการฟังก์ชั่นห้องทำงานมาให้ดูเป็นห้องตัวอย่างเท่านั้น เราสามารถทำให้เป็นฟังก์ชั่นบ้านได้นะคะ สำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการพื้นที่ส่วน Office
ฝั่งซ้ายมือของห้องจะมีหน้าต่างทรงสูงจากพื้นถึงคาน ความกว้าง 60 เซนติเมตร 2 บานเว้นระยะกันสลับกับช่วงเสา ซึ่งพื้นที่ว่างระหว่างหน้าต่างและช่วงเสานี้ เราสามารถวางชั้นหรือตู้วางของสำหรับใช้ในสำนักงานได้ค่ะ
ส่วนฝั่งขวามือของจริงจะเป็นผนังเรียบนะคะ แต่โครงการได้ Built-in ชั้นวางของมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งถ้าทำชั้นสูงถึงฝ้าเพดานแบบนี้ ก็จะช่วยให้มีพื้นที่เก็บของเยอะเลยทีเดียว
ส่วนของแอร์โครงการไม่ได้มีให้ แต่มีการวางระบบท่อแอร์เพื่อติดตั้งไว้ให้แล้วค่ะ
ถัดไปเป็นส่วนของห้องทำงานเช่นกัน แต่ส่วนนี้เป็นพื้นที่ห้องที่มี Double Space อีกส่วนที่สามารถนั่งทำงานแล้วมีปฎิสัมพันธ์กับคนที่ทำงานอยู่บนชั้นลอยได้ เฉพาะพื้นที่ส่วนนี้มีขนาด 4.4 x 3.4 เมตร ซึ่งโครงการได้ติดตั้งเต้ารับ ปลั๊กไฟและสาย Lan ไว้ให้แล้วเพื่อรองรับการใช้งาน ความสูง Double Space ทั้งหมด 5.5 เมตร
ผนังในส่วนของ Double Space นี้จะเป็นกระจกใส Element เดียวกับ Facede ด้านหน้าอาคารทั้งหมด ซึ่งมู่ลี่นี้ไม่มีให้นะคะ โครงการติดไว้ให้ดูเป็นไอเดียตัวอย่าง เพราะห้องด้านนี้จะอยู่ทางทิศตะวันตกที่พอตกบ่ายทั้งปริมาณแสงและความร้อนที่เข้ามาจะค่อนข้างมาก ทำให้ห้องร้อนส่งผลให้แอร์ทำงานหนักไปด้วย ดังนั้นหากมาอยู่อาศัยจริงก็แนะนำให้หาผ้าม่าน 2 ชั้น หรือมู่ลี่มาติดเพื่อกรองแสงและความร้อนค่ะ
ถ้ามองกลับไปก็จะเห็นห้องทำงานทั้งห้อง และราวระเบียงของชั้นลอยด้านบน
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานจะตกแต่งด้วยต้นไม้แขวนซึ่งของจริงไม่มีให้นะคะ จะมีให้แต่ไฟดาวน์ไลท์ 2 ดวงเท่านั้น ซึ่งถ้าถามว่าฝ้าเพดานสูงขนาดนี้จำเป็นไหมสำหรับการติดโคมไฟ จริงๆแล้วในตอนกลางวันแค่เปิดม่านก็ได้รับแสงธรรมชาติเต็มๆอยู่แล้ว แต่ถ้าใครอยากติดตั้งแชนเดอรเลียร์ห้อยลงมาสวยๆ แบบนี้ก็แล้วแต่ความชอบเลยค่ะ เพราะในตอนกลางคืนก็อาจจะจำเป็นอยู่เหมือนกันถ้าเป็นพื้นที่ที่ต้องการใช้แสง
ซึ่งห้องนี้นอกจากจะจัดเป็นพื้นที่ห้องทำงานอย่างที่เห็นทั้งหมดแล้ว ก็สามารถจัดวางฟังก์ชั่นรองรับความเป็นบ้าน เช่น ตรง ส่วนใต้ชั้นลอยจัดเป็น Living room และในส่วนของ Double space ตรงนี้ก็สามารถวางโต๊ะกินข้าวก็จะได้พื้นที่รับประทานอาหารโปร่งๆดีค่ะ
มาถึงส่วน Service ของห้องนี้กันบ้าง ซึ่งจะมีห้องงานระบบ ห้องครัว และห้องน้ำให้ค่ะ บานประตูของห้องน้ำและห้องงานระบบของจริงจะเป็นบานไม้อัด กรุผิวลามิเนต Formica สีขาว
และในส่วนผนังของห้องงานระบบและห้องครัวของจริงจะเป็นสีขาวล้วนนะคะ ผนังสีดำที่เห็นนี้เป็นผนังเพื่อการตกแต่งเท่านั้น
เริ่มจากห้องงานระบบที่อยู่ใต้บันได เปิดมาจะมีเมนบอร์ดไฟ และส่วนของงานระบบต่างๆมารวมอยู่ในห้องนี้ทั้งหมด ข้อดีคือสามารถ Service ได้ง่าย และช่วยซ่อนงานระบบเหล่านี้ไม่ให้ไปเกะกะที่ส่วนอื่นๆของห้องด้วยค่ะ
ต่อมาเป็นส่วนของห้องครัว ขนาด 1.6 x 1.8 เมตร ซึ่งโครงการได้ Built-in Pantry เล็กๆไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ส่วนถ้าเทียบกับบ้านมาตรฐานจากโครงการแล้วจะเป็นผนังสีขาว(ตัวบ้านจริงจะกลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ) มีการเดินท่อไว้ให้เผื่อติดตั้งอ่างล้างจาน และมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวง
ต่อมาเป็นส่วนของห้องน้ำ เป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ไม่มีส่วนอาบน้ำเนื่องจากเป็นส่วนสำนักงานซึ่งจะใช้ทำธุระเบาๆมากกว่าค่ะ ส่วนผนังปูกระเบื้อง Thai-sung ขนาด 60 x 60 ซม.
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับ 5 เซนติเมตร ปูกระเบื้อง COTTO สี Light Grey ขนาด 60 x 60 ซม.
มุมอ่างล้างหน้า ใช้กระจกเงาติดผนังแบบธรรมดา มีท็อปกระจกเล็กๆไว้ให้วางของหรืออุปกรณ์ล้างหน้าแปรงฟัน ส่วนด้านข้างมีสวิตซ์ไฟสำหรับเปิด-ปิดไฟหน้าอ่างล้างหน้า และเต้ารับแบบมีฝาครอบของ Panasonic wide series
อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม แบบลอยตัวของ Mogen และก็อกอ่างล้างหน้าของ Grohe ที่รับประกันตลอดอายุการใช้งาน หากเสียหรือมีปัญหาสามารถแจ้งศูนย์ของทาง Grohe เพื่อซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนได้เลย
ส่วนพื้นใต้อ่างล้างหน้า เป็นส่วนของร่องระบายน้ำที่มีฝาครอบแบบปูกระเบื้องด้านบน สามารถยกฝาขึ้นมาเอาสิ่งสกปรกออกได้ง่าย และช่วยในเรื่องความสวยงามของพื้นค่ะ
พื้นที่ในส่วนนั่งส้วม มีขนาดประมาณ 0.8 x 1.2 เมตร ชักโครกเป็นของ American Standard
สายฉีดชำระ ของ Grohe และที่แขวนกระดาษทิชชู่ของ Mogen
โดยห้องน้ำนี้จะมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง และไฟหน้าอ่างล้างหน้าอีก 1 ดวง รวมทั้งมีหน้าต่างบานเลื่อนที่ติดตั้งไว้สูงติดฝ้าเพดาน เพื่อช่วยในเรื่องการระบายอากาศและได้แสงธรรมชาติในเวลากลางวัน
ถัดมาเป็นส่วนโถงบันไดทางขึ้นชั้น 2 ขนาด 0.95 x 1.00 เมตร ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งติดกับประตูทางเข้าแบบนี้ และมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวงค่ะ
สวิตซ์ตรงโถงบันไดของ Panasonic Wide Series มีสวิตซ์ให้ค่อนข้างเยอะค่ะ ซึ่งปุ่มที่มีจุดนูนๆขึ้นมาจะเป็นสวิตซ์ไฟแบบเฉพาะจุด เช่น ตรงห้องทำงาน ตรงห้องนั่งเล่น แต่สวิตซ์ไฟที่เป็นปุ่มเรียบ จะเป็นสวิตซ์ไฟแบบ Two way ซึ่งบังคับการจุดที่เป็นส่วนกลางของบ้าน เช่นโถงบันได ไฟซ่อนต่างๆ ซึ่งสวิตซ์ควบคุมอีกจุดก็จะมีในชั้นบนด้วย สมมุติเวลาเราเปิดไฟบันไดที่ชั้นล่าง แต่พอขึ้นไปชั้นบนแล้วอยากจะปิดไฟที่ชั้นบนก็สามารถทำได้ ไม่ต้องเดินลงมาให้เหนื่อย
ส่วนของบันไดใช้ลูกนอนลามิเนต หนา 27 มม. ลูกตั้งลามิเนต หนา 20 มม. มือจับบันไดเป็นโครงเหล็กยึดกับผนังก่ออิฐ กรุผิวด้วยไม้เนื้อแข็ง ทำสีตามธรรมชาติ จากตรงนี้จะเห็นว่าตรงพื้นของบันไดมีแสงสว่างด้วย
โดยทางโครงการซ่อนหลอดไฟไว้ให้ใต้ราวจับ ซึ่งบ้านของจริงก็จะให้แบบนี้เลยนะคะ ค่อนข้างเป็นการดีไซน์เล็กๆที่ใส่ใจ สอบถามให้แล้วว่าเป็นหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป หากไฟเสียก็สามารถซื้อมาเปลี่ยนได้ ซ่อมบำรุงได้ไม่ยาก
วัสดุปูพื้นบันไดจรดกับพื้นชั้นลอยตามภาพเราจะเห็นว่าถ้าใช้ลามิเนตสีเดียวกับบันไดก็จะเนียนๆ แต่บ้านของจริงจะให้พื้น คสล.ขัดมันมานะคะ ซึ่งหากอยากได้สัมผัสเรียบเนียนแบบนี้ก็สอบถามกับทางโครงการได้ แต่ถ้าใครชอบพื้นแบบอื่นก็ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการค่ะ
มองขึ้นไปจะเจอโถงบันไดชั้นลอย ซึ่งถ้ามองขึ้นไปข้างบนเราจะเห็นว่าฝ้าเพดานมีการเจาะหลุม และติดไฟดาวน์ไลท์ให้ ซึ่งของจริงก็จะเจาะฝ้าหลุมให้แบบนี้เลยนะคะ ส่วนห้องที่ติดกับโถงบันไดนี้คือห้องน้ำค่ะ บานประตูเป็นบานไม้อัดกรุผิวลามิเนต Fomica สีขาว
มือจับประตูเป็นสแตนเลสแบบก้านโยก แต่ที่พิเศษคือ เจ้ามือจับนี้สามารถกดล็อกจากด้านในได้ แต่ก็สามารถเปิดจากด้านนอกได้กรณีฉุกเฉิน เช่น เกิดลื่นล้มแล้วคนด้านนอกต้องเข้าไปช่วยเหลือ หรือเกิดเป็นลมหน้ามืดไปในห้องน้ำ ซึ่งสำคัญมากทีเดียวเพราะจะทำให้คนที่อยู่ข้างนอกสามารถใช้เหรียญบิดเพื่อเปิดเข้าไปช่วยเหลือได้เลยค่ะ
ห้องน้ำของลอยขนาด 1.6 x 2.65 เมตร จะเป็นห้องน้ำแบบแห้ง มีฟังก์ชั่นภายในเหมือนกับห้องน้ำในชั้น 1 ทุกอย่างแต่มีพื้นที่มากกว่าค่ะ โดยพื้นจะปูกระเบื้อง COTTO สี Light Grey ขนาด 60 x 60 ซม.ผนังปูกระเบื้อง Thai-sung ขนาด 60 x 60 ซม.อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม แบบลอยตัวของ Mogen ก็อกอ่างล้างหน้าของ Grohe และชักโครกเป็นของ American Standard
จากโถงบันไดมองมาเราจะเจอส่วนของห้องทำงานบนชั้นลอยขนาด 5.75 x 4.40 เมตร โครงการวางโต๊ะเขียนแบบจำลองห้องสตูดิโอมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งหากจัดให้เป็นพื้นที่พักอาศัยเราก็จะได้พื้นที่ทำงานโล่งๆแบบนี้ แต่หากทำเป็นออฟฟิศสำนักงานก็สามารถวางโต๊ะทำงานได้หลายที่นั่งเลยทีเดียว
ซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่ทำงานแล้ว ยังสามารถจัดวางเป็นห้องรับแขก หรือ Living room ของบ้านก็ได้นะคะ
จากโต๊ะทำงาน หากมองไปทางซ้ายมือเราจะเห็นราวระเบียงเหล็กทาสีดำ สูงประมาณ 1 เมตร มองตรงไปจะเห็นหน้าต่างเต็มบานที่แสงเข้าค่อนข้างดี
มองลงไปจะเห็นพื้นที่ทำงานของชั้น 1 ซึ่งหากเรานั่งทำงานอยู่ตรงนี้ ก็สามารถคุยกับคนที่อยู่ชั้น 1 ได้สบายๆค่ะ แต่ถ้าวันหนึ่งเราเกิดอยากปิด Double Space ตรงนี้และทำให้พื้นชั้นลอยขยายไปเต็มพื้นที่ก็สามารถทำได้ เพราะถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าคานของบ้านนี้ใหญ่มาก ซึ่งความกว้างของคานคือ 80 เซนติเมตร เป็นโครงสร้างที่ค่อนข้างแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้แน่นอนหากเราจะต่อเติมพื้นตรงนี้ในอนาคต
ในส่วนของห้องทำงานด้านนี้โครงการจะติดตั้งเต้ารับ และเดินสาย Lan ให้ 2 จุด รองรับการทำงานที่ต้องใช้อินเตอร์เนทอย่างแน่นอน ในส่วนของผนังด้านนี้มีบานหน้าต่างให้ 2 จุด รับแสงได้ดีและเปิดรับลมได้สบายๆค่ะ ซึ่งหน้าต่างแบบนี้จะมีให้เฉพาะห้องแปลงมุม แต่ห้องแปลงตรงกลางจะไม่ได้นะคะ
ส่วนฝั่งตรงข้ามกันก็มีเต้ารับ สวิตซ์ไฟ ที่เสียบสายเคเบิลและเดินสาย Lan ให้อีก 1 จุด ซึ่งสวิตซ์และปลั๊กเป็นของ Panasonic wide series ทั้งหมดค่ะ รวมทั้งแอร์ที่ติดตั้งด้านบนโครงการไม่มีให้แต่ได้เดินท่องานระบบแอร์ไว้ให้แล้ว สามารถซื้อแอร์มาติดตั้งได้เลย โดยได้รับการคำนวณขนาดแอร์ที่เหมาะสมโดยวิศวกรแล้วว่า ห้องลักษณะเปิดโล่งแบบนี้ใช้แอร์ขนาด 21000 BTU ก็เพียงพอค่ะ
ส่วนมองไปด้านหน้าโครงการเราจะเห็นราวระเบียง และพื้นที่นั่งเล่นเล็กๆริมหน้าต่าง
โดยเราจะเข้าห้องนี้ได้โดยผ่านประตูที่อยู่ตรงโถงบันไดค่ะ
เปิดประตูออกไปปุ๊บเราก็จะเจอกับประตูบานเลื่อนกระจกใสเขียวตัดแสง สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน มีระแนงไม้เทียมติดอยู่ด้านหน้า
ซึ้งเมื่อเปิดประตูบานเลื่อนออกมาจะรู้สึกได้ว่าลมพัดเข้าดีทีเดียว และจะเห็นว่าตัวระแนงติดกับพื้นในลักษณะแบบนี้ค่ะ
ตัวล็อกปิดเปิดที่ประตูจะเป็นลักษณะแบบนี้
มองย้อนกลับไปที่ทางเข้าจะมีผนังช่องเล็กๆให้สามารถวางตู้หนังสือ หรือ Pantry เล็กๆได้ เพราะมีเต้ารับไว้ให้เผื่อเสียบกาน้ำร้อน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
พื้นที่ชั้นลอยเล็กๆตรงนี้มีขนาดประมาณ 1.10 x 4.40 เมตร สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นชิวๆได้ หรือจะทำเป็น Office Display นำตัวหนังสือเท่ๆมาวางแทนการติดป้ายหน้าอาคารก็ได้เช่นกันค่ะ เพราะผนังในด้านนี้เป็นกระจกเต็มบานและค่อนข้างโปร่ง
ซึ่งหน้าต่างในด้านนี้เป็นบานเปิดเดี่ยวลักษณะนี้ มีให้ 3 บาน นอกนั้นเป็นกระจกบาน Fix ซึ่งพอลองเปิดหน้าต่างปุ๊บ ลมเข้าดีมากๆเลยค่ะ
มองไปยังฝ้าเพดานมีการซ่อนไฟสีส้มให้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีไฟดาวน์ไลท์ให้อีก 2 ดวง ซึ่งจะเห็นว่า ในส่วนของชั้น Double Space จะใช้ไฟดาวน์ไลท์แสงสีส้มเพื่อตกแต่งอาคารให้เกิดบรรยากาศที่อบอุ่น แต่ในส่วนของพื้นที่บนชั้นลอยจะใช้ไฟสีขาว เพราะเป็นพื้นที่ที่คิดไว้เผื่อการทำงานจึงต้องการค่าแสงที่ดูจริงมากกว่า
มองลงไปยังด้านล่างจะเห็นห้องรับแขกของชั้น 1
ส่วนถ้ามองตรงไปเราจะมองเห็นห้องทำงานทั้งห้อง ซึ่งคนที่อยู่ตรงนี้จะสามารถมีปฎิสัมพันธ์ พูดคุยหรือทำงานด้วยกันได้สบายๆค่ะ เพราะพื้นที่ค่อนข้างเปิดโล่ง
มองไปจากทางที่เดินมาเราจะเห็นโถงบันไดขึ้นไปชั้น 2 เดี๋ยวเราขึ้นไปดูกันดีกว่าค่ะ
ในส่วนของบันไดขึ้นไปชั้น 2 ทั้งลูกตั้งและลูกนอนใช้วัสดุปิดผิวเป็นลามิเนต และมีการซ่อนไฟที่มือจับเช่นเดียวกับชั้นที่ 1
ในส่วนของพื้นชั้น 2 จะเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. สีเดียวกับลายบันได ของจริงจะได้ลักษณะแบบนี้เลยค่ะ(ซึ่งอาจจะดูแล้วจะเหมือนของชั้นลอย ชั้นลอยของจริงจะเป็นพื้น คสล.ขัดมัน แต่ชั้นนี้จะให้พื้นลามิเนตสีนี้เลยนะคะ)
พอขึ้นมาปุ๊บเราจะเจอกับประตูห้องน้ำ วงกบไม้เนื้อแข็งทำสีเทียบเท่าลามิเนต ส่วนบานประตูเป็นบานไม้อัดกรุผิวลามิเนต Formiga ลายไม้ จะเห็นว่าสีแตกต่างกับชั้น 1 เพราะห้องนี้ปูพื้นให้เป็นลามิเนตลายไม้ สีของวงกบและบานประตูจึงออกแบบให้เข้ากันกับสีพื้นค่ะ
ฝ้าเพดานมีการเจาะเป็นฝ้าหลุมให้ แต่ความพิเศษคือฝ้าหลุมของชั้นนี้มีการซ่อนไฟแบบนี้ให้ด้วยค่ะ ซึ่งใช้หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เช่นกัน
เราเข้ามาดูในห้องน้ำชั้น 2 กันบ้าง ห้องนี้มีขนาด 3.0 x 1.6เมตร ส่วนผนังปูกระเบื้อง Thai-sung ขนาด 60 x 60 ซม. มีการจัดพื้นที่ให้แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน และมีหน้าต่างบานสูงเพื่อระบายอากาศและให้แสงธรรมชาติเข้าด้วย
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับ 5 ซม. ปูกระเบื้อง COTTO สี Bone ขนาด 60 x 60 ซม. และเนื่องจากพื้นชั้น 2 เป็นพื้นลามิเนตตรงช่วงรอยต่อระหว่างพื้น จึงมีการปิดคิ้วสีเดียวกับลามิเนตให้เรียบร้อย
มุมอ่างล้างหน้า ใช้กระจกเงาติดผนังแบบธรรมดา มีท็อปกระจกเล็กๆไว้ให้วางของหรืออุปกรณ์ล้างหน้าแปรงฟัน ส่วนด้านข้างมีสวิตซ์ไฟสำหรับเปิด-ปิดไฟหน้าอ่างล้างหน้า และเต้ารับแบบมีฝาครอบของ Panasonic wide series
โครงการติดตั้งตู้กั้นอาบน้ำมาให้ค่อนข้างแน่นหนาดีค่ะ มีช่องแสงอยู่ตรงนี้พอดีช่วยระบายความชื้น
แต่จุดต้องระวังอย่างหนึ่ง คือเนื่องจากมือจับประตูที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้เวลาที่เราเปิดประตูห้องอาบน้ำ ส่วนมุมเหลี่ยมของมือจับจะกระแทกกับผนังห้องน้ำ จากที่เห็นในรอยประสีน้ำเงินจะเห็นว่ามีการกระแทกจนสีของผนังหลุดร่อนไปบ้างแล้ว ตรงส่วนนี้ก็ต้องระมัดระวังในการปิด-เปิดกันด้วยนะคะ อยากจะบอกว่าตอนมือจับกระแทกกับผนังนี่เสียงเอี๊ยดเสียวฟันเลยทีเดียว 55
พื้นที่อาบน้ำส่วนเปียกลดระดับ 5 ซม. เพื่อกันไม่ให้น้ำไหลลงมายังส่วนแห้ง ส่วนอาบน้ำมีขนาด 0.85 x 0.85 เมตร
ชุดฝักบัวอาบน้ำของ Grohe ก็อกอาบน้ำของ La Belle มีการติดตั้งระบบเผื่อการติดเครื่องทำน้ำอุ่น และต่อท่อน้ำร้อน ในกรณีที่บางคนชอบใช้ระบบน้ำร้อนน้ำเย็นก็สามารถทำได้ โครงการติดตั้งไว้ให้ทั้งสองแบบเผื่อเป็นตัวเลือกค่ะ
ฝักบัวของ Groge หัวใหญ่ดีค่ะ ก้านจับโค้งรับพอดีมือ
สำหรับไฟในห้องนี้จะให้ไฟดาวน์ไลท์มาทั้งหมด 3 ดวงค่ะ
ส่วนของชั้น 2 จะเป็นส่วนของพื้นที่พักผ่อน โดยห้องนี้เป็นห้องนั่งเล่นพื้นที่ 4.2 x 4.4 เมตร พื้นห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ด้านหลังมีหน้าต่างบานกระจกสูงจรดฝ้าเพดาน ขนาดกว้าง 60 ซม.ให้ 1 บาน
ส่วนผนังด้านข้างเป็นผนังกระจกเต็มบาน แสงเข้าค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ แต่ร้อนนะพราะอยู่ทางทิศตะวันตก แนะนำให้หาผ้าม่าน 2 ชั้น หรือมู่ลี่มาติดตั้งไว้เพื่อกรองความร้อนค่ะ
เปิดหน้าต่างออกไปดู ทางขวามือเราจะเห็นที่วาง Compressor แอร์
ส่วนมองตรงไปจะเป็นวิวของซอยด้านหลังโครงการ บ้านพักอาศัยในละแวกนี้ และที่ดินว่างเปล่าด้านหลังโครงการที่มีต้นไม้ขึ้นสูงค่อนข้างหนาแน่น
ส่วนทางซ้ายมือจะเห็นต้นไม้เต็มๆและบ้านพักอาศัย 2 ชั้นค่ะ
จากโซฟามองไปยังผนังฝั่งตรงข้ามจะมีเต้ารับที่ติดตั้งไว้เผื่อการวางทีวี ซึ่งระยะการดูทีวีจากตรงนี้จะประมาณ 2.4 เมตร เป็นระยะที่ค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ ไม่เสียสายตา ส่วนผนังด้านบนชั้นวางทีวีโครงการได้เดินท่อแอร์ไว้เผื่อติดตั้งแอร์ให้แล้ว จะได้ไม่ต้องเห็นท่อแอร์โชว์หลาอยู่ที่กำแพงค่ะ
มองไปยังฝ้าเพดาน โครงการมีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์รูปทรงสี่เหลี่ยมไว้ให้ทั้งหมด 6 ดวง ซึ่งบ้านจริงจะเป็นไฟดาวน์ไลท์ทรงกลมแทนค่ะ
จากห้องนั่งเล่นจะมีพื้นที่ต่อเนื่องไปยังส่วนครัว และส่วนรับประทานอาหาร ซึ่งถูกคั่นด้วย Outdoor Court กลางบ้าน
ส่วนพื้นที่ส่วนครัวจะเป็นลักษณะ Pantry เตรียมอาหาร และส่วนหนึ่งของ Corridor ทางเดินในบ้าน ซึ่งของจริงจะเป็นห้องโล่ง ผนังสีขาวนะคะ ซึ่งโครงการได้ติดตั้ง ท่อน้ำทิ้งและท่อน้ำดีสำหรับครัวไว้ให้ รวมทั้งท่อ Hood ดูดควัน ซึ่งเป็นระบบดูดควันออกสู่ภายนอกอาคาร ช่วยเรื่องกลิ่นและควันไม่ให้อบอวลภายในห้อง สามารถประกอบอาหารได้สบายๆค่ะ แต่ถ้าประกอบอาหารกลิ่นหนักหน่อยก็สามารถ เปิดประตูบานเลื่อนระบายอากาศได้
ส่วนห้องครัว โครงการปูพื้นลามิเนตมาให้ ตรงนี้ต้องระวังนิดนึงเพราะถ้าเผลอทำอาหารหรือน้ำหก นานๆไปลามิเนตอาจบวมได้ ดังนั้นเวลาทำอะไรหกต้องรีบเช็ดออกอย่าทิ้งไว้นะคะ
ซึ่งในส่วน Outdoor Court จะอยู่ตรงกลางบ้านเป็น Court สี่เหลี่ยม ประตูบานเลื่อนคู่ ใช้กระจกใสสีเขียวตัดแสงกรอบอลูมิเนียมสีขาว ซึ่งเมื่อปิดก็จะได้พื้นที่ Private แต่พอเปิดก็จะได้ลานโล่งๆกลางบ้าน 1 ลานค่ะ ซึ่งค่อนข้างจะอเนกประสงค์มาก เราสามารถปลูกต้นไม้จัดสวนสวยๆเพื่อให้เป็นวิวที่ดีของบ้านก็ได้ หรือจะจัดสวนแนวตั้งอย่างในบ้านตัวอย่างแล้วทำเป็นส่วนนั่งเล่นก็ได้ หรือจะต่อเติมเป็นห้องแบบปิดก็ได้ ตามความชอบค่ะ
หรือในโอกาสพิเศษพื้นที่ตรงนี้สามารถเป็นลานปาร์ตี้ชั้นดีเนื่องจากความสัมพันธ์ของพื้นที่ค่ะ คือ สามารถจัดลานนั่งรับประทานอาหารที่ Outdoor Court ซึ่งติดต่อกับส่วนครัวที่สามารถประกอบอาหารแล้วยกไปเสิร์ฟได้เลย และยังเชื่อมต่อกับห้องอาหาร Indoor Double Space ด้วย ดังนั้น พื้นที่นี้นอกจากจะรองรับคนได้เยอะยังเป็นพื้นที่สร้าง Space ที่หลากหลาย เดี๋ยวเราไปดูที่ข้างนอกกันบ้างดีกว่าค่ะ
จากห้องครัวเปิดประตูออกไปเราจะเจอส่วนของ Outdoor Court ขนาด 3.2 x 3.2 เมตร ตัวบ้านจริงตรงนี้จะเป็นพื้นที่โล่งๆแต่โครงการได้จัดสวนแนวตั้ง และวางโต๊ะเก้าอี้ 1 ชุดมาให้ดูเป็นไอเดียค่ะ
พื้นมีการลดระดับลงไป 5 ซม. ปูด้วยกระเบื้อง Cotto สี Bone ขนาด 60 x 60 เมตร
มองขึ้นไปด้านบนจะเห็นว่าเราถูกล้อมรอบด้วยผนังกระจก ระแนงไม้ และสวนแนวตั้งที่โครงการสร้างขึ้น(สวนไม่ได้มีให้นะคะ)
ที่ส่วนนี้โครงการติดโคมไฟสีดำมาให้แบบนี้เลย 2 ดวง
รวมทั้งมีก็อกและสายยางไว้ให้เผื่อล้างระเบียงหรือใช้งานอเนกประสงค์
ส่วนที่ติดกับ Outdoor Court อีกส่วนคือห้องรับประทานอาหาร เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูกันค่ะ
เข้ามาในห้องรับประทานอาหาร ขนาด 2.85 x 4.4 เมตร เป็นห้อง Bouble Space ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพาน 7 เมตร ซึ่งตรงนี้โครงการออกแบบสำหรับรองรับการขยายของครอบครัวในอนาคต หากต้องการต่อเติมพื้นด้านบนเพิ่ม เช่น จะทำเป็นห้องนอนเพิ่ม ก็สามารถต่อเติมพื้นจากคานหนาขนาด 80 ซม. นี้ได้สบายๆค่ะ
โดยห้องตัวอย่างนี้โครงการวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งไว้ให้เป็นไอเดียค่ะ ซึ่งจริงๆน่าจะวางได้มากกว่านี้ได้เพราะพื้นที่ค่อนข้างเหลือ ด้านหลังมีหน้าต่างบานเปิดให้ 1 บาน ซึ่งส่วนของผนังข้างหน้าต่างสามารถตั้งชั้นวางของได้ค่ะ
อย่างเช่นตู้น่ารักๆสัก 1 อัน ซึ่งตอนนี้เทรนด์ terrarium กำลังมา ก็สามารถเป็นมุมวางของโชว์น่ารักๆได้นะคะ ^^
มองขึ้นไปบนฝ้าเพานจะเป็นทรงจั่วแบบนี้ โครงการซ่อนไฟสีส้มไว้ให้ รวมทั้งแถมโคมไฟ 4 อันนี้ด้วยค่ะ
มองไปยังฝั่งห้องครัว ด้านบนจะเป็นระเบียงทางเดินเพื่อไปสู่ห้องนอนค่ะ
เรามาลองนั่งในมุมมองจริงกันบ้าง ถ้านั่งอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหาร หันไปที่หน้าโครงการจะเป็นกระจกเต็มบาน และเห็นออฟฟิศฝั่งตรงข้ามค่ะ
ส่วนถ้านั่งหันหน้าไปฝั่งโถงบันได จะเห็นว่าตรงที่เป็นเส้นประสีน้ำเงิน คือจุดที่โครงการติดตั้ง เต้ารับ ต่อสาย Lan และสายเคเบิลไว้ให้ ซึ่งสามารถติดตั้งทีวีตรงนี้ได้เลยค่ะ ส่วนห้องของจริงตรงนี้จะเป็นผนังปูนสีขาวไม่ได้มี Built-in ชั้นไม้ให้นะคะ
ถัดไปเราจะขึ้นไปดูชั้น 3 กันบ้าง ลูกตั้งและลูกนอนของบันไดใช้ลามิเนตเช่นเดียวกับชั้นอื่นๆ
ตรงบันไดมีช่องแสง ให้ทั้งกระจกบานเลื่อนและบานเปิดค่ะ
ซึ่งพอมองลงมาจากชั้นบนจะเห็นว่าช่องนี้ให้แสงธรรมชาติเข้ามาค่อนข้างดี รวมทั้งไฟซ่อนที่บันไดก็ช่วยให้ดูสว่างและนุ่มนวลยิ่งขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วในเวลากลางวัน ไม่ต้องเปิดไฟแค่เปิดม่านก็สว่างมากแล้วค่ะ
ขึ้นมาถึงชั้น 3 เราจะเจอกับโถงบันได ฝ้าเพดานไม่ได้เจาะหลุมแล้ว แต่มีลักษณะลาดเอียง ติดไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง
พอเข้ามาที่โถงบันไดเราจะเห็นทางเดิน ที่บุผนังด้วยกระจกบานเลื่อน และตกแต่งด้วยระแนงไม้เทียม
ชะโงกหน้าลงไปดูนิดนึงก็จะเห็นสวนของ Outdoor Court ด้านล่าง
อยู่ที่ทางเดินมองไปทางหน้าโครงการจะเห็นระเบียง ที่มองลงไปชั้นล่างได้
ซึ่งเมื่อมองลงไปก็จะเห็นส่วนของห้องรับประทานอาหารด้านล่างค่ะ
ส่วนอีกด้านจะเป็นทางเดินไปสู่ห้องนอน ส่วนถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นห้องน้ำ คำถามก็คือ ทำไมโครงการจึงไม่ทำห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ไปเลย ซึ่งทางโครงการบอกว่าการที่เอาห้องน้ำไว้ด้านนอก คือเผื่อรองรับการต่อเติมหรือการขยายของครอบครัว หากอนาคตมีการต่อเติมพื้นชั้น 3 สมาชิกคนอื่นก็จะได้มาใช้ห้องน้ำนี้ได้ด้วย ซึ่งจริงๆแล้วพอต่อเติมก็ต้องใช้งานร่วมกันกับห้องอื่นไม่สะดวกและไม่ได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ดี ซึ่งถ้ามีให้ในห้องนอนเลยก็คงจะดีนะคะ
ซึ่งกลอนประตูห้องน้ำนี้เป็นมือจับแบบก้านโยก และมีตัวปลดล็อกที่คนด้านนอกสามารถเข้าไปช่วยเหลือในกรณีคนลื่นล้มในห้องน้ำ โดยใช้เหรียญบิดเพื่อเปิดเข้าไปช่วยเหลือได้เลยค่ะ
ห้องน้ำขนาด 3.0 x 1.6 เมตร ส่วนผนังปูกระเบื้อง Thai-sung ขนาด 60 x 60 ซม. มีการจัดพื้นที่ให้แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับ 5 ซม. ปูกระเบื้อง COTTO สี Bone ขนาด 60 x 60 ซม. และเนื่องจากพื้นชั้น 2 เป็นพื้นลามิเนตตรงช่วงรอยต่อระหว่างพื้น จึงมีการปิดคิ้วสีเดียวกับลามิเนตให้เรียบร้อย
มุมอ่างล้างหน้า ใช้กระจกเงาติดผนังแบบธรรมดา มีท็อปกระจกเล็กๆไว้ให้วางของหรืออุปกรณ์ล้างหน้าแปรงฟัน ส่วนด้านข้างมีสวิตซ์ไฟสำหรับเปิด-ปิดไฟหน้าอ่างล้างหน้า และเต้ารับแบบมีฝาครอบของ Panasonic wide series
พื้นส่วนเปียกมีการลดระดับ 5 ซม. พื้นที่อาบน้ำ 0.85 x 1.6 เมตร คราวนี้บานพับฉากกั้นอาบน้ำมีการเว้นระยะกับผนัง มือจับประตูจึงไม่กระแทกกับผนังค่ะ
ส่วนตรงขอบกระจกมียางกันกระแทกให้ด้วย
ภายในห้องอาบน้ำมีการเว้าผนังเข้าไปเพื่อให้วางสบู่หรือเครื่องอาบน้ำด้วย
ชุดฝักบัวอาบน้ำของ Grohe ซึ่งจะเห็นว่าผนังของห้องนี้ไม่มีรอยต่อท่อให้เห็น เพราะโครงการติดตั้งระบบน้ำร้อนน้ำเย็นไว้ให้เรียบร้อย พร้อมก็อกน้ำอาบน้ำของ Grohe ซึ่งสามารถปรับระดับ บิดเลือกน้ำร้อน-เย็น ได้ตามต้องการ
ซึ่งถ้าใครไม่ชอบอาบระบบน้ำร้อนน้ำเย็น อยากจะติดเครื่องทำน้ำอุ่น ก็สามารถติดตั้งใต้อ่างล้างหน้าตรงนี้ได้ค่ะ ซึ่งการที่ติดไว้ตรงนี้เพื่อความสวยงามไม่ให้เครื่องทำน้ำอุ่นเกะกะสายตาในห้องอาบน้ำ เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเห็นในโครงการทั่วไปมากนัก
ฝ้าเพดานเป็น Slope ลาดเอียง ติดไฟดาวน์ไลท์ให้ 3 ดวง และมีช่องแสงอยู่ด้านบนช่วยให้แสงธรรมชาติเข้า
ถึง Master Bedroom ของโครงการแล้ว ห้องนี้มีขนาด 4.2 x 6.0 เมตร เป็นห้องที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง พื้นห้องนอนเป็นลามิเนตหนา 8 มม. โครงการวางเตียงขนาด King Size 6 ฟุตไว้ให้ดูเป็นไอเดียก็สามารถวางได้สบายๆ
ระยะปลายเตียงเหลือที่ค่อนข้างเยอะ สามารถวางโซฟาเล็กๆ หรือจัดฟังก์ชั่นอเนกประสงค์ได้นะคะ
หัวเตียงทั้งสองด้านโครงการได้ติดตั้งเต้ารับให้เสียบไฟได้ทั้งสองด้าน ผนังหัวเตียงของจริงเป็นผนังทาสีขาว ส่วนโคมไฟหัวเตียงสองอันไม่ได้ให้นะคะ ทางเดินข้างเตียงทั้งสองด้านเหลือค่อนข้างเยอะ เดินเปิด-ปิดม่าน สบายๆเลยค่ะ
ฝ้าเพดานเป็นรูปทรงจั่ว ติดไฟดาวน์ไลท์ให้ลักษณะนี้ 8 จุด และซ่อนไฟที่ขอบของฝ้าเพดานทั้งสองด้านให้ด้วย
พอฝ้าเพดานเป็นรูปทรงจั่วพื้นที่ที่เกิดขึ้นจึงให้บรรยากาศที่แปลกแตกต่างไม่เหมือนใครแน่นอน ซึ่งบ้านเราไม่ค่อยมีใครทำฝ้าเพดานแนวนี้ ดูเป็นรูปทรงของบ้าน กลายเป็นจุดเด่นของห้องนอนนี้ค่ะ นอกจากนี้การออกแบบให้บานหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานและกว้างเต็มพื้นที่ช่องเปิด ก็ยิ่งทำให้ Concept บ้านยิ่งชัดเจน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อช่องเปิดเยอะแบบนี้ก็จะตามมาด้วยความร้อนและปริมาณแสงที่มากในบางช่วงของวัน จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะหาผ้ามาม่านมาติดเพื่อช่วยกรองแสง เพราะบ่ายๆนี่ร้อนไม่เบาเลยนะ
ลองเอารูปตอนเปิดม่านกับปิดม่านมาเทียบให้ดูกัน แสงที่ได้จะค่อนข้างต่างถ้าเปิดม่านนี่แสงธรรมชาติเข้าดีแทบไม่ต้องเปิดไฟเลยทีเดียวค่ะ
ซึ่งถ้าอยู่บนเตียงที่วางอยู่จุด Center ของห้อง แสงก็สาดถึงค่ะ มีความรู้สึกว่า ถ้าอยู่ในห้องนี้ตอนเช้าๆแสงแดดอ่อนๆคงได้บรรยากาศที่ดีมากๆ จากเตียงนี้มองออกไปจะเห็นวิวต้นไม้สีเขียวๆข้างนอกด้วย
พอลองออกมามองนอกหน้าต่าง วิวจะไม่ต่างกับชั้น 2 มากนัก เพียงแต่ได้มุมที่สูงกว่า จึงเห็นยอดของต้นไม้ที่เขียวเต็มไปหมดเลย
ในส่วนพื้นที่ปลายเตียง ตัวบ้านจริงจะเป็นผนังทาสีขาวนะคะ ซึ่งตรงนี้มีเต้ารับ และติดตั้งสายเคเบิลเอาไว้ให้สามารถติดตั้งทีวีได้ค่ะ
มองย้อนกลับไปที่ทางเข้าห้องด้านบนประตูจะติดตั้งท่อแอร์ เพื่อติดตั้งตรงนี้ได้ค่ะ ข้างๆกันเป็นช่องแสงยาวเต็มผนังเช่นกัน
ซึ่งถ้าเราอยู่บนเตียงมองไปที่หน้าต่างจะได้มุมมองแบบนี้ค่ะ
ถ้าเปิดหน้าต่างชะโงกหน้ามองลงไปจะเห็นส่วนของ Outdoor Court กลางบ้าน
และปิดท้ายด้วยพื้นที่ฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็น Double Space หลังคาจั่วของของชั้น 2 ค่ะ ซึ่งอนาคตหากตรงนี้มีการต่อเติมพื้นเพื่อเป็นห้องนอน ก็จะมองเห็นกันได้จากตรงนี้
**อัพเดทข้อมูลวันที่ 23 Feb, 2016 โครงการ HOF เฟส 3 เปิดให้จองผ่อนดาวน์แล้ว โดยในเฟส 3 นี้จะมีทาวน์โฮมหรือโฮมออฟฟิศจำนวน 9 ยูนิต บนที่ดินขนาด 27-37 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 299-317 ตารางเมตร มีที่จอดรถ 4-5 คัน ราคาเริ่มต้นประมาณ 8.5 ล้านบาท หรือ 314,815 บาท/ตารางวาค่ะ
**อัพเดตข้อมูลวันที่ 2 Nov, 2016 โครงการ HOF มีทั้งหมด 19 ยูนิต อัพเดทล่าสุด ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 นี้ เหลืออีกเพียงแค่ 3 ยูนิตเท่านั้น (ห้องกลางทั้ง 3 ยูนิต) ในราคาเท่ากันที่ 8.8 ล้านบาท ( 28,387 บาท / ตร.ม. ) บนพื้นที่โดยประมาณ 27.5 ตร.วา มีพื้นที่ใช้สอย 310 ตร.ม. กับฟังก์ชั่นที่จอดรถ 5 คัน ห้องน้ำทุกชั้นทั้งหมด 4 ห้อง และห้องนอนเริ่มต้นได้ที่ 2 ห้อง เงื่อนไขการซื้อขายเป็นลักษณะผ่อนดาวน์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานขาย
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 6 May 2015
- Type B แปลงกลาง พื้นที่ใช้สอย 310 ตร.ม. ที่ดิน 28 ตร.วา ราคา 7.8 ล้านบาทหรือ 278,500 บาท/ตร.วา
- Type B แปลงมุม พื้นที่ใช้สอย 317 ตร.ม. ที่ดิน 36 ตร.วา ราคา 8.4 ล้านบาทหรือ 233,333 บาท/ตร.วา
- จอง n/a บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ค่าจดจำนอง n/a
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ n/a
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา n/a
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลโดยรอบโครงการ HOF Home and Office อยู่ในซอยวชิรธรรมสาธิต 51 บนถนนสุขุมวิท 101/1 สามารถเดินทางสะดวกเพราะมีรถสาธารณะเยอะ และใช้รถสะดวกเพราะเข้าออกได้หลายทาง อยู่ตรงกลางระหว่างรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(เส้นทางในอนาคต) ซึ่งค่อนข้างสะดวกสำหรับคนไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวโดย BTS สายสุขุมวิท สามารถลงได้ 2 สถานี คือ สถานีอุดมสุข ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 101/1 ประมาณ 550 เมตร หรือสถานีปุณณวิถี ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 101/1 ประมาณ 550 เมตร ก็เป็นระยะที่เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน ส่วนในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง บนถนนศรีนครินทร์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโครงการ โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีอุดมสุข ซึ่งคาดว่ากว่าจะได้ใช้บริการกันก็ประมาณปี 2562 ค่ะ ส่วนการเดินทางด้วยพาหนะโดยสารสาธารณะอื่นๆเช่น มอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง ซูบารุ หรือรถสองแถว ก็มีครบค่ะ
ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ก็สะดวกดี หลักๆคือมาจากถนนสุขุมวิทแล้วเข้าทางถนนสุขุมวิท 101/1 เลี้ยวซ้ายเข้าซอยวชิรธรรมสาธิต 51 และตรงมาอีกประมาณ 250 เมตรก็จะถึงโครงการ ส่วนถ้ามาจากถนนศรีนครินทร์ ถ้ามาจากบางนาให้เลี้ยวซ้าย แต่ถ้ามาจากพัฒนาการให้เลี้ยวขวาตรงแยกอุดมสุข ตรงเข้ามาแล้วเลี้ยวขวาที่ซอยอุดมสุข 51 (ซอยประวิทย์และเพื่อน) หลังจากนั้นให้เลี้ยวซ้ายตรงสามแยกเพื่อมาเข้าทางเส้นถนนสุขุมวิท 101/1 แล้วเข้าซอยวชิรธรรมสาธิต 51 ก็มาถึงโครงการได้ค่ะ ซึ่งรถอาจจะติดบ้างในช่วงเช้าและช่วงเย็นเพราะซอยสุขุมวิท 101/1 เป็นซอยที่สามารถทะลุไปยังอ่อนนุช หรือถนนศรีนครินทร์ได้ ดังนั้นรถที่ใช้ทางนี้เป็นทางลัดก็เยอะ ปริมาณรถจึงมากหน่อยในบางช่วงของวันค่ะ
ส่วนเรื่องทำเลและความอุดมสมบูรณ์ ถ้าพูดถึงในซอยวชิรธรรมสาธิต 51 ส่วนใหญ่จะเป็นโฮมออฟฟิศ อาคารพาณิชย์ และบ้านพักอาศัยไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่นัก แต่ถ้าออกมาที่ซอยสุขุมวิท 101/1 แล้ว นี่ถือว่าคึกคัก หาของกินง่าย ในซอยมีทั้งตลาด, Max Value, Lotus สุขุมวิท 101/1 ให้ไปซื้อของสำหรับอุปโภคบริโภคได้ ส่วนห้างสรรพสินค้าที่พอไปได้ก็มี Big C บางนา , เซ็นทรัลบางนา, Seacon Square , Piyarom Place ซี่งมี Tops Market ด้วย และ Lotus อ่อนนุช ที่สามารถทะลุไปได้ ในอนาคตจะมี Bangkok Mall มาเปิดแต่ก็ต้องรออีกนานพอสมควรค่ะ
วัสดุให้มาค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ โดยมีการเดินท่อน้ำยาและท่อน้ำทิ้งของเครื่องปรับอากาศไว้ให้แล้วทุกห้องทุกชั้น กระจกเขียวตัดแสงและความร้อน Energy Green ของบริษัท กระจกไทยอาซาฮี จำกัด, ผนัง Skim Coat , อุปกรณ์มือจับ บานพับ และชุดล๊อคของ Hafele, กระจกกั้นอาบน้ำ Tempered หนา 6 มม.ก๊อกน้ำและฝักบัวของ Grohe ที่มีการรับประกันตลอดอายุการใช้งาน, ปลั๊กไฟและเต้ารับของ Panasonic wide series ส่วนพื้นชั้น 1- ชั้นลอย ใช้พื้น คสล.ขัดมัน และพื้นชั้น 2-3 ใช้พื้นลามิเนต หนา 8 มม.
ในเรื่องของการออกแบบค่อนข้างหวือหวาดี การฉีกโจทย์ที่ให้ Home office เป็นได้ทั้ง Home and Office เป็นการตั้งต้นแนวคิดที่ทำให้การอยู่อาศัยครบวงจรขึ้น โดยชั้นทำงานสามารถรองรับคนได้จำนวน 20-30 คน และมีพื้นที่ใช้งานแบบ Open Space การใช้งานทั้งสองชั้นจึงไปมาหาสู่กันได้หมด ด้วยการสร้าง Double Space ขึ้นมา ส่วนในชั้นของการอยู่อาศัย ที่ใน Home office ปกติ เราจะคุ้นชินกับการให้พื้นที่ชั้นล่างเป็นส่วนทำงาน และเอาพื้นที่อยู่อาศัยไปรวมไว้ด้านบน แต่สถาปนิกได้ออกแบบให้ในส่วนของบ้านสามารถอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง โดยการมีครัวของตัวเอง แยกกับส่วนออฟฟิศ รวมทั้งการมีพื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่ Outdoor Court ทำให้แค่พื้นที่ด้านบนก็เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิต ที่นี่จึงเป็น Home and Office ได้สบายๆตามคอนเซปต์ค่ะ ข้อเสียอย่างหนึ่งคือการทำห้องน้ำแยกออกมาจากห้องนอนใหญ่ เพราะใช้ไม่ค่อยสะดวกและถึงจะรองรับการขยายตัวของครอบครัวก็ต้องใช้ร่วมกับห้องอื่นอยู่ดี
ส่วนในเรื่องความสวยงาม ก็ทำได้โอเค มีการรับแสงธรรมชาติที่ดีมาก กลางวันไม่ต้องเปิดไฟเลยก็อยู่ได้เพราะทำกระจกบานเปิดรอบ ซึ่งตามหลักการของลมหากเปิดช่องเปิดรอบบ้านนี้ลมก็จะ flow รอบบ้านได้ดีตามไปด้วย แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีข้อเสีย เพราะในช่วงบ่ายนี้ก็ร้อนไม่เบานะคะ จากการที่พื้นที่เปิดโล่งเยอะและบานกระจกที่รอบบ้าน แอร์จึงค่อนข้างที่จะทำงานหนักมากทีเดียว จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องหาผ้าม่านหรือมู่ลี่มากันแสงและความร้อนเหล่านี้ รวมทั้งการคิดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ดูเป็นการใส่ใจ เช่น การซ่อนไฟที่มือจับราวบันได, การเจาะฝ้าหลุมแล้วซ่อนไฟให้, การเลือกใช้ไฟ Warm write และ Day write ที่เหมาะสมสำหรับการใช้พื้นที่ที่แตกต่างกัน เป็นต้น
เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการทาวน์โฮมส์ขนาดเล็กจึงไม่มี Facility ส่วนกลางที่ต้องแชร์กันระหว่างลูกบ้าน ดังนั้นรีวิวโครงการนี้จะไม่มีสรุปสิ่งอำนวยความสะดวกนะคะ
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 7-10 ล้านบาท, 6 May 2015
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – เข้าไปในซอยวชิรธรรมสาธิต 300 เมตรค่อนข้างเงียบ แต่ออกมาที่ถนนสุขุมวิท 101/1 ค่อนข้างคึกคัก หาของกินง่าย และมีทางลัดเลาะไปออกถนนใหญ่ได้สะดวกดี
- ความปลอดภัย 5.5/10 – ไม่มี รปภ.และกล้อง CCTV แต่มี รปภ.ที่โครงการฝั่งตรงข้ามอาจจะแวะมาดูแลบ้าง
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – คอนเซปต์ดี ฉีกแนว แบบสวย และฟังก์ชั่นครบครันสำหรับการเป็นบ้านและออฟฟิศ
- วัสดุ 8/10 – ให้วัสดุมาค่อนข้างดี ที่ธรรมดาก็มีแต่รวมๆแล้วค่อนข้างเลือกสรรของดีมาใช้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 6.5/10 – ไม่ได้มีพื้นที่สีเขียวเป็นพิเศษ ซึ่งมีพื้นที่สีเขียวมีแค่บ้านแปลงมุมเท่านั้น ส่วนแปลงกลางต้องมองจากวิวรอบๆ ซึ่งก็ค่อนข้างจะมีต้นไม้เยอะ
- สาธารณูปโภค 0/10 – ไม่มี Facility ส่วนกลางที่ต้องแชร์กันระหว่างลูกบ้าน ดังนั้นคะแนนส่วนนี้จึงยังไม่นำมารวมนะคะ
- 7.35 / 10.00
BOTTOM LINE
HOF Home and Office สุขุมวิท 101/1 เป็นโครงการที่เหมาะกับคนมองหา Home Office ที่ต้องการพื้นที่ฟังก์ชั่นครบทั้งอยู่อาศัยและใช้ทำงาน รวมทั้งต้องการพื้นที่เผื่อการขยายครอบครัวด้วย หาโครงการในทำเลสุขุมวิทตอนปลาย อยู่ในซอยสงบๆไม่พลุกพล่านแต่มีระยะเดินทางไกลหน่อย เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักและหวังพึ่งรถไฟฟ้าอยู่บ้าง มีงบประมาณ 7-10 ล้านบาท
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )