Happy Ville ดอนเมือง ทาวน์โฮม 2 ชั้น บนถนนเทิดราชัน จาก Infinite Real Estate [รีวิวฉบับที่ 1056]

รีวิวฉบับที่ 1056 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ Happy Ville ดอนเมือง ตั้งอยู่บนถนนเทิดราชัน จากบริษัท Infinite ตัวโครงการเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น 342 ยูนิต โครงการแบ่งออกเป็น 5 เฟส ตอนนี้เปิดขายถึงเฟส 3 นะคะ แบบบ้านทั้งหมดมี 2 แบบ คือแบบแปลงมาตรฐานหน้ากว้าง 5.5 ม. และแบบแปลงมุมหน้ากว้าง 6.5 ม. บนที่ดินเริ่มต้น 17.88 ตารางวา ในราคาเริ่มต้น 2.57 ล้านบาท เราไปดูกันว่าที่นี่เค้าจะทำออกมาเป็นแบบไหนค่ะ

Fact @ 19 April 2016

• Happy Ville Donmueang (แฮปปี้ วิลล์ ดอนเมือง)
• Infinite Real Estate
• ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
• โครงการตั้งอยู่ในเขต : ดอนเมือง
• เนื้อที่โครงการ 34-2-45 ไร่ จำนวน 342 ยูนิต
• ทาวน์โฮม 2 ชั้นแปลงมาตรฐาน หน้ากว้าง 5.5 เมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 115 ตร.ม.
• ทาวน์โฮม 2 ชั้นแปลงมุม หน้ากว้าง 6.5 เมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 134 ตร.ม.
• ที่ดินแปลงมาตรฐาน 17.88 ตร.วา
• ราคาเริ่มต้น 2.57 ล้านบาท (143,736 บาท/ตร.วา, 22,347 บาท/ตารางเมตร)
• โครงการเริ่มก่อสร้าง : สิงหาคม ปี 2557
• คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ภายในปี 2559 (ทั้ง 5 เฟส)
• เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
• โทร  : 02-565-8594, 02-789-1900

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ

• ทำเล
• โครงการ
• ห้องตัวอย่าง
• สรุป

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.945282, 100.581474

แผนที่จากโครงการแสดงภาพกว้างๆให้ดูกันก่อนนะคะ โครงการตั้งอยู่ในซอยเทิดราชัน ซึ่งเป็นซอยที่สามารถเชื่อมต่อถนน 2 ฝั่ง คือ ถนนเชิดวุฒากาศ และถนนนาวงประชาพัฒนาได้ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นถนนนาวงประชาพัฒนา ส่วนฝั่งขวามือของโครงการจะเป็นถนนกำแพงเพชร 6และถนนเชิดวุฒากาศ ที่เป็นถนนรอง วิ่งขนานกันไปกับถนนวิภาวดีรังสิตและมีถนนสรงประภาเป็นตัวเชื่อมถนนทั้งหมดในแนวขวาง ในปัจจุบันด้านข้างของถนนวิภาวดีรังสิตมีแนวรถไฟฟ้าสายสีแดงที่กำลังก่อสร้างอยู่ ซึ่งสถานีที่ใกล้กับโครงการที่สุดคือ สถานีดอนเมือง มีระยะห่างประมาณ 7 กม. ค่ะ

ทำเลแถบซอยเทิดราชันนั้นตั้งอยู่บนกรุงเทพตอนเหนือในเขตดอนเมือง ในซอยนี้ฝั่งหนึ่งจะเป็นพื้นที่ของกองทัพอากาศ อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นที่พักอาศัยและพาณิชยกรรมแนวราบ อย่างพวกหมู่บ้าน, ตึกแถว ความเจริญและความอุดมสมบูรณ์จะน้อยกว่าถนนสรงประภา ที่เป็นพื้นที่การค้าและสำนักงานออฟฟิศเป็นส่วนใหญ่ และมีความคึกคักน้อยกว่าถนนนาวงประชาพัฒนาที่มีร้านค้า ร้านอาหารมากมายรวมถึงตลาดนัด ยาวไปจนเชื่อมกับถนนเอกทักษิณ ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรังสิตจึงมีแหล่งร้านอาหารหลายๆแนวให้เลือกอีกเช่นกัน

เนื่องด้วยซอยเทิดราชันเป็นซอยที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้ซอยเทิดราชันไม่ใช่ซอยเปลี่ยว แต่ก็มีความคึกคักน้อยกว่าถนนในละแวกนี้ เส้นทางหลักๆในการเดินทางเข้าถนนเทิดราชันนั้น สามารถเข้าจากเส้นกำแพงเพชร 6 ได้ทั้ง 2 ทางคือจาก ถนนสรงประภา หรือ ถนนเดชะตุงคะก็ได้  หากเข้าโครงการจากเส้นวิภาวดีรังสิตผ่านสรงประภาจะมีระยะทางประมาณ 8 กม. จากถนนสรงประภา พอถึงแยกวัดสีกันแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนนาวงประชาพัฒนา หลังจากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนเทิดราชัน เส้นทางนี้จะเหมาะกับเวลาที่ต้องการแวะซื้อของ ซื้ออาหารก่อนกลับบ้าน เพราะจะผ่านย่านชุมชนที่มีความคึกคัก

สำหรับการเดินทางมาถึงตัวโครงการผ่านถนนเชิดวุฒากาศ มีระยะทางประมาณ 7.8 กม. จะมีระยะทางใกล้กว่าผ่านเส้นสรงประภาเล็กน้อย เส้นทางนี้จะไม่ผ่านย่านชุมชน ไม่ได้มีร้านค้า ร้านอาหารให้แวะซื้อก่อนกลับบ้านค่ะ เส้นทางคือใช้ถนนวุฒากาศ วิ่งตรงผ่านถนนสรงประภา แล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเดชะตุงคะ เพื่อเชื่อมไปยังถนนเทิดราชันค่ะ

และสำหรับการเดินทางแบบสาธารณะนั้น อาจจะลำบากนิดหน่อยเพราะมีรถสองแถวผ่านแค่สายเดียวบริเวณหน้าโครงการ แต่โครงการติดถนนซอยที่เป็นซอยทะลุจึงพอจะหารถแท็กซี่ได้ค่ะ นอกจากนี้ยังมีรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างซึ่งจะหาได้บนถนนนาวงประชาพัฒนาค่ะ

ในอนาคตยังมีแผนรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ – รังสิต ซึ่งระยะห่างจากตัวสถานีที่แน่นอนยังไม่สามารถบอกได้ แต่จากตำแหน่งสถานีที่ MRTA วางแผนมาเบื้องต้นคาดว่าสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีดอนเมืองมีระยะห่างจากตัวสถานีประมาณ 7 กม. จากโครงการให้ใช้เส้นทางที่ไปออกทางถนนกำแพงเพชร 6 ก็จะใกล้สุดค่ะ โดยรถไฟฟ้าสายนี้ก่อสร้างคืบหน้าไปประมาณ 40% ซึ่งถ้ามีรถไฟฟ้าความเจริญโดยรอบพื้นที่อาจจะมีมากกว่าตอนนี้ค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการในระยะใกล้ไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่นะคะ ในซอยพอมีร้านอาหารตามอาคารพาณิชย์และ 7-11 บ้างประปรายให้พอพึ่งพิงได้บ้าง แต่ถ้าขยับไปบนถนนนาวงประชาพัฒนา แถวๆนั้นจะมีของกินให้เลือกพรึบเลย เพราะมีสำนักงานตามตึกแถวและหมู่บ้านหลายหมู่บ้านตั้งอยู่เลยจะคึกคักหน่อย มีทั้งตลาดนัดและร้านอาหารตามอาคารพาณิชย์ แต่ถ้าอยากกินร้านอาหารหลายๆแนวก็ไปแถว ม.รังสิต ได้เลยค่ะจะมีอาหารหลายประเภทให้เลือก แต่ถ้าจะเดินศูนย์การค้าที่ใกล้สุดจะเป็นโรบินสัน ศรีสมาน (4.5 กม.) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 58 ที่ผ่านมา หรือไปไกลอีกสักหน่อยมีตัวเลือกให้ 2 ที่ คือ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ (10 กม.) กับ Future Park รังสิต (11.2 กม.)

สำหรับความอุดมสมบูรณ์บนถนนข้างเคียง อย่างถนนสรงประภานั้น ก็จะคล้ายๆกับที่ถนนนาวงประชาพัฒนา คือจะเป็นร้านอาหารตามอาคารพาณิชย์เช่นกัน เพราะบนถนนเส้นนี้จะมีอาคารสำนักงานตั้งอยู่จำนวนมาก อย่าง สำนักงานสาขาของธนาคาร, สำนักงาน TOT, วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง, โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง จึงมีร้านอาหารหลายประเภท, ร้านขายยา, อู่ซ่อมรถ, ร้านนวด และร้านขายของต่างๆพอสมควร ส่วนถนนเชิดวุฒากาศ ฝั่งหนึ่งจะเป็นสถานที่ราชการ อีกฝั่งหนึ่งเป็นแนวรถไฟฟ้าสายสีแดง ถนนเส้นนี้จึงไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์นะคะ

นอกจากนี้สำหรับใครที่วิ่งเข้าเมืองก็จะมีตัวช่วยอย่างทางพิเศษอุดรรัถยา โดยมีทางขึ้นที่อยู่ใกล้ที่สุดคือทางขึ้นทางด่วนศรีสมาน มีระยะห่างจากโครงการ 3.6 กม. เป็นอีกทางเลือกไว้เลี่ยงรถติดบนเส้นวิภาวดี หรือคนที่ไม่อยากเสียค่าโทลเวย์ เส้นทางพิเศษนี้สามารถใช้เข้าเมืองหรือออกต่างจังหวัดไปทางบางปะอินได้ ส่วนขากลับก็ขึ้นทางด่วนมาลงศรีสมานแล้ววิ่งย้อนกลับมาทางเดิมได้เลย อีกตัวช่วยหนึ่งคือ ทางยกระดับอุตราภิมุขหรือโทลเวย์ ที่สามารถใช้เข้าเมืองหรือออกนอกเมืองได้เช่นกัน 

เนื่องจากโครงการ Happy Ville ดอนเมือง ตั้งอยู่ในซอยเทิดราชัน ซึ่งเข้าออกได้ทั้งทางถนนนาวงพัฒนา (เส้นทางหมายเลข 1) และทางถนนเชิดวุฒากาศ (เส้นทางหมายเลข 2) สำหรับเส้นทางที่จะพาไปโครงการในวันนี้จริงๆจะวิ่งทางเส้นถนนวุฒากาศก็ได้ แต่ที่เลือกเส้นทางนี้เพราะจะพาไปดูความคึกคักบนถนนสรงประภาและถนนนาวงประชาพัฒนา ที่เป็นพื้นที่ชุมชนและเป็นแหล่งร้านค้า ร้านอาหาร ในละแวกนี้กันค่ะ การเดินทางจะใช้เส้นทางตามหมายเลข 1 เริ่มต้นจากบนถนนวิภาวดีรังสิตบริเวณหน้าสนามบินดอนเมืองฝั่งมุ่งหน้าออกนอกเมือง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสรงประภา ไปตามทางจนถึงแยกวัดสีกัน แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนนาวงประชาพัฒนา ตรงประมาณ 1.7 กม. แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยเทิดราชันตรงเข้าไปในซอยประมาณ 1.1 กม. โครงการจะตั้งอยู่ทางซ้ายมือค่ะ

เริ่มต้นกันบนเส้นวิภาวดีรังสิตบริเวณตรงข้ามสนามบินดอนเมือง ให้เตรียมเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าถนนกำแพงเพชร 6 ซึ่งเป็นถนนเลียบทางรถไฟนะคะ ถ้าใครที่ไม่ชำนาญเส้นทางให้สังเกตป้ายตลาดใหม่ดอนเมืองค่ะ

รอเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกำแพงเพชร 6 ตรงนี้ต้องข้ามทางรถไฟไปนะคะ จึงต้องคอยสังเกตสัญญาณหยุดให้รถไฟผ่านก่อนค่ะ

ข้ามทางรถไฟมาจะเจอกับทางบังคับเลี้ยวซ้าย เนื่องจากในปัจจุบันกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้านะคะ จึงไม่สามารถเลี้ยวขวาเพื่อไปถนนสรงประภาได้เลย ทางจะบังคับให้เลี้ยวซ้ายเพื่อไปกลับรถก่อนค่ะ

วิ่งตามถนนกำแพงเพชร 6 แล้วกลับรถเพื่อไปวิ่งบนถนนเชิดวุฒากาศ ในช่วงกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้านี่ถนนจะเป็นหลุม เนิน ทางเบี่ยง ขับรถต้องระมัดระวังด้วยค่ะ

กลับรถเสร็จแล้วตรงไปบนถนนเชิดวุฒากาศมุ่งหน้าไปถนนสรงประภาค่ะ ฝั่งซ้ายจะเป็นร้านค้า ร้านอาหารเล็กๆ สลับกับบ้านพักอาศัย ส่วนฝั่งขวาจะเป็นเขตก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงไปตลอดแนวนะคะ

ตรงไปบนถนนเชิดวุฒากาศ ใกล้ถนนสรงประภาขึ้นเรื่อยๆจะเห็นอาคารพาณิชย์ที่เริ่มสูงขึ้น ฝั่งซ้ายจะเริ่มมีอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เป็นทั้งอาคารสำนักงาน และร้านค้าตามอาคารพาณิชย์

ตรงต่อไปจะเจอสำนักงานสาขาของธนาคารไทยพาณิชย์ สังเกตได้ว่าบนถนนเส้นนี้ก็จะเป็นแหล่งงานอีกแหล่งหนึ่งของคนในละแวกนี้เช่นกัน

ถัดมาจากธนาคารจะเจอโรงแรมอมารี ดอนเมือง อยู่ตรงข้ามกับท่าอากาศยานดอนเมืองเลยนะคะ โดยจะมีสะพานลอยเชื่อมจากโรงแรมไปถึงอาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานดอนเมืองได้ค่ะ

ถัดไปจากโรงแรมอมารีเป็นวัดดอนเมือง ให้ชิดเลนซ้ายเพื่อเตรียมเลี้ยวเข้าถนนสรงประภาค่ะ

วิ่งมาเจอ 3 แยกก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสรงประภา หากตรงไปก็สามารถไปโครงการได้เหมือนกัน ก็จะไปตามเส้นทางหมายเลข 2 ค่ะ

เข้ามาบนถนนสรงประภาพื้นที่ริมถนนส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ และการเดินทางโดยไม่ใช้รถจะเน้นเป็นรถสองแถว ในเวลาเร่งด่วนเช้าเย็นรถบนถนนเส้นนี้จะติดพอสมควรเลยนะคะ

วิ่งตรงไปเรื่อยๆจะเริ่มเห็นความคึกคักขึ้นนะคะ 2 ข้างทางจะเป็นร้านค้าตามอาคารพาณิชย์ ทั้งร้านซ่อมรถ ร้านอาหาร ร้านนวด คลินิก มากมาย เพราะเส้นนี้จะมีสำนักงานตั้งอยู่หลายที่ เช่น สาขาของธนาคารต่างๆ สำนักงาน TOT ตลอดเส้นทาง

ตรงมาเรื่อยๆจะพบวัดสีกันทางฝั่งซ้าย ให้เตรียมชิดเลนขวาเพื่อเตรียมเลี้ยวเข้าถนนนาวงประชาพัฒนานะคะ

ถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวาไปทางถนนนาวงประชาพัฒนาเลยค่ะ

เข้ามาบนถนนนาวงประชาพัฒนาแล้ว พื้นที่ฝั่งขวาจะเป็นพื้นที่ของกองทัพอากาศตลอดแนวเลยนะคะ จะมีทั้งหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา, หน่วยกองพันระวังป้องกัน, สำนักงานสนับสนุนต่างๆ ฝั่งซ้ายจะเป็นหมู่บ้านอยู่อาศัยสลับกับที่ดินเปล่า เช่น หมู่บ้านเศรณีรายา

ถัดไปหน่อยจะมี Happy Family Water Park เป็นสวนน้ำของเด็กทางฝั่งซ้ายมือค่ะ และมีปั๊มน้ำมัน ปตท.ทางฝั่งขวามือด้วย

ตรงมาเรื่อยๆจะเจอป้ายบอกทาง เลือกตรงไปทาง ม.รังสิตนะคะ หากเลี้ยวขวาไปดอนเมืองจะไปทะลุถนนเชิดวุฒากาศเส้นที่วิ่งเลียบทางรถไฟค่ะ

วิ่งตรงมาเรื่อยๆจนเจอ 3 แยก ที่หัวมุมเป็นวัดคลองบ้านใหม่ก็ให้เลี้ยวขวาอีกที สำหรับแหล่งอาหารการกินแนะนำให้วิ่งตรงไปจะเป็นร้านอาหารติดกันเป็นแถวเลย มีร้านให้เลือกเยอะสุด หรือถ้าอยากได้อาหารหลายๆสไตล์ก็ตรงไปทะลุออก ม.รังสิต ก็ได้ตรงนั้นมีให้เลือกอีกเยอะเลย

สำหรับทางไปโครงการเลี้ยวขวาเข้ามาแล้วขับผ่านตัววัดคลองบ้านใหม่ไปอีกประมาณ 1 กม. ค่ะ ฝั่งขวาของถนนเทิดราชันตลอดแนวจะเป็นพื้นที่ของกองทัพอากาศ ถนนจึงค่อนข้างจะเป็นระเบียบเรียบร้อยค่ะ

วิ่งตรงมาเรื่อยๆจะมีร้านอาหาร และ 7-11 ให้ได้เป็นแหล่งของกินสำหรับพึ่งพิงเล็กๆน้อยๆค่ะ

ถัดเข้ามาก็จะเป็นหมู่บ้านอยู่อาศัย เช่น หมู่บ้านต้นไม้ สลับกับอาคารพาณิชย์  3 ชั้น บรรยากาศค่อนข้างจะเงียบสงบนะคะ

ติดกันเป็นหมู่บ้านอมรพันธ์ และถัดไปก็จะถึงหมู่บ้าน Happy Ville ดอนเมืองกันแล้วค่ะ

ตัวโครงการอยู่ถัดจากหมู่บ้านอมรพันธ์นะคะ มีจุดสังเกตคือ Sky Tube สีชมพูของโครงการและลูกโป่งลมที่ติดป้าย Happy Ville ดอนเมือง ค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

มาดูรอบๆโครงการกันหน่อยนะคะ ซอยเทิดราชัน มีถนนกว้าง 4 เลน แบ่งเป็น ไป 2 เลน กลับ 2 เลน เนื่องจากฝั่งหนึ่งเป็นพื้นที่ของกองทัพอากาศ และอีกฝั่งหนึ่งเป็นพื้นที่โครงการบ้านพักอาศัยแนวราบสลับกับที่ดินเปล่ารอการพัฒนา จึงเป็นซอยที่ค่อนข้างเงียบสงบเหมาะกับผู้ที่ชอบบรรยากาศที่สงบในการอยู่อาศัย การเดินทางจะเหมาะกับที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก ทางเข้าโครงการหากเข้าจากถนนนาวงประชาพัฒนามีระยะประมาณ 1.1 กม. สำหรับบริบทโดยรอบของโครงการส่วนใหญ่แล้วจะเป็นที่อยู่อาศัยแบบแนวราบ โดยมีพื้นที่ที่ติดต่อกับโครงการคือ

• ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะติดกับที่ดินเปล่าและบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
• ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับบ้านเดี่ยว 2 ชั้น, บ้านพักอาศัย 2 ชั้นของหมู่บ้านโชคประชา
• ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นของหมู่บ้านอมรพันธ์
• ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ติดกับถนนเทิดราชัน ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นพื้นที่ของกองทัพอากาศ

เรามาดูสภาพแวดล้อมที่ติดกับที่ดินของโครงการกันนะคะ ขอบเขตของโครงการคือเส้นประสีเหลืองด้านขวา ส่วนแปลงที่ดินที่ติดกันฝั่งซ้ายเป็นบ้าน 2 ชั้นของหมูบ้านอมรพันธ์ ที่เปิดชั้นร้านเป็นร้านขายวัสดุก่อสร้างค่ะ

อีกฝั่งหนึ่ง ขอบเขตของโครงการคือเส้นประสีเหลืองด้านซ้าย ส่วนแปลงที่ดินที่ติดกันฝั่งขวาของโครงการเป็นที่ดินของเอกชนที่ปล่อยเป็นพื้นที่ว่างเปล่าไว้

ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นที่ดินของกองทัพอากาศค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

• มหาวิทยาลัยรังสิต ~  4 กม.
• โรบินสัน ศรีสมาน ~ 4.5 กม.
• สนามบินดอนเมือง ~  5 กม.
• ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ~ 9.1 กม.
• เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ~  10 กม.
• อิมแพค เมืองทองธานี ~  10 กม.
• Future Park รังสิต ~  11.2 กม.

เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Happy Ville ดอนเมือง เป็นโครงการ ทาวโฮม 2 ชั้น จำนวน 342 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการ 34-2-45 ไร่ มีทั้งหมด 5 เฟส โครงการเปิดขายไปถึงเฟส 3 แล้วนะคะ ส่วนบ้านเฟสที่เหลือทั้งหมดมีกำหนดจะเสร็จทั้งโครงการภายในสิ้นปีนี้ค่ะ ซึ่งปัจจุบันมีบ้านที่เสร็จแล้วก็ได้เริ่มทยอยโอนแล้วเช่นกัน ส่วนของพื้นที่สีเขียวส่วนกลางเสร็จเรียบร้อยพร้อมใช้งานแล้วค่ะ

ที่ดินของตัวโครงการมีด้านยาวติดถนนประมาณ 45 ม. แล้วที่ดินค่อยเข้าไปขยายออกด้านในนะคะ การวางผังของโครงการจะวางตำแหน่งทางเข้าออกจะอยู่ฝั่งซ้ายของที่ดิน พื้นที่ช่วงด้านหน้าของโครงการจะมีลักษณะเป็นแนวยาวฝั่งนึงเป็นถนนทางเข้าหลัก อีกฝั่งจะเป็นทางพื้นที่อยู่อาศัยแล้ว แต่บ้านที่อยู่ใกล้ด้านหน้าส่วนนี้จะเข้าจากถนนหลักตรงๆไม่ได้ต้องวิ่งเข้าไปด้านในจนถึงคลับเฮาส์ก่อน ตัวถนนหลักจะมีเกาะกลางแยกรถเข้าออกเป็นลำดับแรก โดยถนนเส้นนี้เป็นถนนตรงยาวไปจนถึงที่ดินอีกผืนหนึ่งของบริษัท Infinite เช่นกันซึ่งกำลังรอการพัฒนาในอนาคต ถนนเส้นนี้จึงอาจจะไม่ได้แชร์แค่บ้านในโครงการ 342 หลัง ก็ต้องรอดูกันต่อไปในอนาคตค่ะ จากถนนทางเข้าโครงการจะเจอแยกทางฝั่งขวา จะมี Club House, สระว่ายน้ำ และสนามเด็กเล่นอยู่ตรงหัวมุมฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งขวาจะเป็นบ้านตัวอย่างค่ะ ถนนหลักโครงการมีความกว้าง 16 และ 12 เมตรตามลำดับและจะแยกเป็นถนนซอยย่อยๆ ด้วยความกว้าง 9 ม. โดยระยะทางจากทางเข้าถึงสุดเขตที่ดินเฟส 1 มีระยะประมาณ 480 ม. เป็นระยะที่พอเดินเข้าออกได้ แต่ถ้าอยู่ในสุดของโครงการที่เฟส 5 จะมีระยะถึงหน้าทางเข้าโครงการที่ 680 ม. เดินเหนื่อยเหมือนกันนะคะ

การวางตัวของบ้านแต่ละหลัง จะหันหน้าเข้าหาถนนภายในโครงการ มีทั้งที่หันเข้าถนนหลัก และถนนซอยที่กว้าง 9 ม. แต่ความเป็นส่วนตัวสำหรับการพักอาศัย บ้านที่อยู่บนถนนซอยจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า โครงการออกแบบให้ซอยย่อยส่วนใหญ่มีจำนวนบ้านไม่เกิน 12 หลังซอยย่อยเหล่านี้จึงค่อนข้างจะน่าอยู่นะคะ แต่ก็มีเส้นที่เป็นถนนหลักจะมีจำนวนบ้านค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ส่วนการเลือกตำแหน่งของบ้านก็จะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล สำหรับลูกบ้านที่ชอบความสงบแนะนำให้เลือกหลังที่อยู่ท้ายโครงการก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะจะไม่มีเพื่อนบ้านผ่านเข้าออกเยอะ ส่วนผู้ที่เน้นเข้าออกสะดวก ก็เหมาะจะเลือกหลังที่อยู่ด้านหน้าโครงการค่ะ

สำหรับทิศของบ้านในโครงการส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ แต่ก็มีบางหลังหันไปทางตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ บ้านที่หันไปทางเหนือแน่นอนว่าก็จะได้แสงที่ธรรมชาติหน่อย ไม่ค่อยแรงมาก ส่วนบ้านที่หันไปทางทิศใต้จะได้แสงที่จ้ากว่าและลมที่แรงกว่าด้วย แบบบ้านทั้งหมดมี 2 แบบ คือแบบที่เป็นแปลงมาตรฐานหน้ากว้าง 5.5 ม. และแปลงมุมหน้ากว้าง 6.5 ม. การเลือกแบบบ้านขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้สอยและความชอบ หากเลือกแปลงมาตรฐานคือแปลงที่อยู่ตรงกลางจะไม่มีพื้นที่สวนด้านข้าง พื้นที่นอกบ้านจะมีพื้นที่จอดรถด้านหน้าบ้านและพื้นที่ด้านหลังบ้านเท่านั้นแต่ราคาก็จะถูกกว่าแปลงมุม สำหรับผู้ที่อยากมีสวนเล็กๆส่วนตัวในบ้านและมีงบประมาณเพิ่มขึ้นได้อีกหน่อยก็เลือกแปลงมุมได้

พื้นที่หน้าทางเข้าโครงการตัวซุ้มประตูจะอยู่ลึกเข้าไปด้านในหน่อยช่วยให้การจราจรด้านหน้าสะดวกมากขึ้น ทางขวามือมีป้ายชื่อของโครงการและริมรั้วหน้าโครงการจะปลูกเป็นสวนพุ่มไม้ประดับเพื่อให้ดูร่มรื่นค่ะ

ซุ้มประตูโครงการเป็นโครงแบบมีหลังคาไว้หลบฝนหลบแดดได้ ทางเข้าโครงการเป็นคอนกรีตแสตมป์ถูกยกระดับขึ้นมาจากถนน 20 ซม.เพื่อช่วยในการระบายน้ำและป้องกันน้ำไหลเข้าโครงการได้ในระดับนึงที่ฝนตกหนักและระบายน้ำไม่ทัน โดยมีความกว้างถนนบริเวณหน้าซุ้มประตูประมาณ 14 ม. แบ่งเป็นทางเข้าออกฝั่งละ 6 ม. และเกาะกลาง 2 ม. ป้อม รปภ.จะอยู่บริเวณเกาะกลางเพื่อแยกฝั่งรถเข้า-ออกโครงการค่ะ

ทางเข้าสู่โครงการ ด้านหน้าจะมีป้อมยามสำหรับผู้มาติดต่อแลกบัตรเข้า-ออก โดยจะมี รปภ.ประจำอยู่ตลอดค่ะ

ด้านข้างป้อมพี่รปภ.มีกล้อง CCTV ส่องคนขับในระยะใกล้ ระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการใช้แบบรั้วไม้กระดกกั้น โดยการเข้า – ออกเป็นแบบสติกเกอร์ ส่วนรถที่เป็นแขกลูกบ้านก็จะต้องทำการแลกบัตรกับพี่ รปภ. แล้วก็จะได้ใบกระดาษมาเพื่อจะต้องแสตมป์และยื่นให้พี่ยามในขาออก..น่าเสียดานนิดนึงที่น่าจะมี Keycard Access มาให้ค่ะ

ผ่านซุ้มโครงการเข้ามาที่ถนนหลักภายในโครงการ มีเกาะกลางที่ปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้แยกฝั่งรถเข้าออกชัดเจน กว้างข้างละ 6 เมตร ฝั่งซ้ายจะปลูกต้นไม้สลับระแนงบังตา เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในโครงการ ฝั่งขวามีฟุตบาทและปลูกไม้พุ่มเตี้ยไว้ ให้สามารถเดินหรือวิ่งรอบโครงการได้ แต่จะไม่สามารถเลี้ยวขวาเข้าซอยย่อยได้เลยนะคะ ต้องเข้าไปผ่าน Club House ก่อนจึงจะมีทางแยกเข้าบ้านได้ค่ะ

ตรงเข้ามาเรื่อยๆจะเจอทางแยก หากตรงไปจะเป็นที่ดินของโครงการที่รอการพัฒนาในอนาคต ส่วนเราจะเลี้ยวขวาเพื่อไปยัง Club House และเข้าโซนบ้านพักอาศัยในเฟสต่างๆค่ะ

เลี้ยวขวามาแล้ว ฝั่งซ้ายจะเป็น Facility หลักของโครงการที่มี Clubhouse, สวนหย่อม และสระว่ายน้ำ ซึ่งปัจจุบันใช้เป็น Sales Gallery นะคะ บริเวณตรงนี้จะเห็นหม้อแปลงไฟฟ้าของโครงการพาดผ่านไปมาอยู่ด้านหน้า ดูไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไหร่ แต่การวางตำแหน่งของหม้อแปลงไฟฟ้าไว้ตรงนี้ มีข้อดีคือไม่มีบ้านไหนที่ต้องอยู่ติดกับหม้อแปลงไฟฟ้าค่ะ ฝั่งขวาเป็นบ้านตัวอย่าง ตรงเข้าไปด้านในเป็นทาวน์โฮมเฟส 1 ซึ่งปัจจุบันเริ่มโอนและมีคนมาอยู่อาศัยแล้วค่ะ

มาดูฝั่งขวาที่เป็นบ้านตัวอย่างจะมีให้ดู 2 แบบ ทั้งแบบบ้านหน้า 5.5 ม. และแบบบ้าน 6.5 ม. คือตำแหน่งบ้าน 2 หลังฝั่งขวาสุด เป็นบ้านที่ลงเฟอร์นิเจอร์ไว้ให้ดูเป็นไอเดียในการตกแต่ง ส่วนรั้วของบ้านตัวอย่างจะเปลี่ยนเป็นสวนหย่อมซึ่งบ้านจริงจะได้แบบบ้านเปล่าด้านซ้ายมือในรูปค่ะ

ส่วนฝั่งซ้ายเป็น Sales Gallery ด้านหน้าจะมีที่จอดรถอยู่บ้าง พื้นที่รอบๆจะลงต้นไม้ใหญ่ไว้ต้องรอให้ต้นไม้ฟื้นตัวอีกสักหน่อย พื้นที่บริเวณนี้น่าจะร่มขึ้นค่ะ ส่วนอาคารชั้นเดียวด้านในปัจจุบันเป็นสำนักงานขาย ซึ่งในอนาคตจะเป็น Club House และสำนักงานนิติบุคคลของโครงการค่ะ เราจะเข้าไปดูรอบๆ Clubhouse กันนะคะ โดยทางเข้าจะเข้าได้จากรอบๆ Clubhouse แต่เดี๋ยวจะพาไปเข้าจากจุดจอดรถนะคะ

ทางไปอาคาร Clubhouse ตัวทางเดินจะเป็นคอนกรีตแสตมป์สลับกับหญ้า โดยรอบบริเวณปลูกต้นไม้ใหญ่ อย่าง ต้นหูกระจง และมีเสาไฟถนนตั้งเป็นระยะๆ  อาคาร Clubhouse เป็นอาคารชั้นเดียวที่ยกระดับขึ้นจากพื้น การเข้าถึงจึงต้องขึ้นบันไดไปในนะคะ สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องนั่ง Wheelchair สามารถใช้ทางลาดที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของ Clubhouse ได้

ฝั่งซ้ายของทางขึ้น Clubhouse เป็นสวนสาธารณะขนาดประมาณ 1 ไร่ ที่จะแบ่งพื้นที่คือตรงกลางเป็นพื้นหญ้าสีเขียวๆ ล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ และทางเดินรอบๆ

เดินลึกเข้าไปหน่อยจะเจอกับสนามเด็กเล่น มีเครื่องเล่นอยู่ประมาณ 4 ชิ้น พื้นบริเวณสนามเด็กเล่นปูหญ้ามาให้เรียบร้อยดีค่ะ ส่วนพื้นที่รอบๆก็จะมีที่นั่งเล่นในสวนไว้ให้ตามจุดต่างๆนะคะ

ส่วนฝั่งขวาของทางขึ้น Clubhouse เป็นเส้นทางที่สามารถใช้เดินเล่นได้รอบๆ Club House ได้ เส้นทางเดินมีติดไฟส่องสว่างมาให้ตลอดแนวทางเดิน หากมาใช้เวลาเย็นๆหรือกลางคืนหลังเลิกงานก็น่าจะยังเห็นทางได้ชัดอยู่ค่ะ ต่อไปจะพาขึ้นไปชมสระว่ายน้ำของโครงการอยู่ติดกับอาคาร Clubhouse เลยค่ะ

สระว่ายน้ำเป็นสระระบบเกลือรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 16 x 6 ม. อาคารชั้นเดียวด้านหลังเป็น Sales Gallery ชั่วคราว ในอนาคตจะเป็นอาคาร Clubhouse และสำนักงานนิติค่ะ

สระว่ายน้ำจะแบ่งเป็นสระเด็กขนาด 2 x 6 ม.นะคะ มีพื้นที่เดินรอบสระเด็กทำให้ผู้ปกครองสามารถดูแลลูกหลานได้ใกล้ชิดค่ะ

บริเวณรอบๆสระว่ายน้ำจะปลูกไม้พุ่มสลับต้นไม้ใหญ่ ปัจจุบันต้นไม้ยังไม่ค่อยโตและไม่ค่อยแผ่กิ่งก้านสาขานัก ต้องรออีกหน่อยต้นไม้พวกนี้จะเป็นกำแพงบังสายตาของพื้นที่สระว่ายน้ำได้พอสมควร ด้านข้างจัดเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนริมสระว่ายน้ำ จะมีชุดเก้าอี้ และ Pool Bed ตั้งไว้หลายชุดค่ะ

ด้านข้างสระว่ายน้ำเป็นทางลาด ทำให้เข็นรถ Wheelchair ขึ้นมาได้สะดวกนะคะ

เข้ามาดูในสำนักงานขายกันสักนิดค่ะ เป็นอาคารชั้นเดียวซึ่งจะเป็นอาคารสำหรับนิติบุคคลในอนาคต นำมาตกแต่งให้เป็นพื้นที่รับรองลูกค้าชั่วคราวค่ะ อาคารนี้สามารถเข้าได้ 2 ทางนะคะ คือจากทางด้านหน้าฝั่งสระว่ายน้ำ และจากฝั่งด้านในหมู่บ้าน เวลาลูกบ้านจะมาติดต่อโครงการก็สามารถเข้าจากทางด้านในหมู่บ้านได้เลยนะคะ

พาเข้ามาดูบรรยากาศหมู่บ้านในเฟส 1 กันนะคะ เนื่องจากเป็นถนนหลักจึงมีความกว้างของถนนอยู่ที่ 12 ม. เป็นถนนเต็มความกว้างไม่ได้มีฟุตบาทนะคะ ในเฟสนี้เริ่มโอนบ้านกันแล้วนะคะ จึงมีคนเข้ามาอยู่อาศัยและต่อเติมบ้านกันแล้วค่ะ

ระหว่างบ้านก็จะมีส่วนหย่อมที่สามารถใช้เป็นพื้นที่สีเขียวระหว่างบ้านแต่ละบล็อก ใช้เป็นส่วนพักผ่อนได้ และสามารถเดินผ่านจากอีกซอยไปอีกซอยได้ค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

• สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 16 x 6 เมตร แบ่งสระเด็ก 2 x 6 ม. ลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
• สวนสาธารณะ 1 ไร่
• ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 26 จุด
• รั้วรอบโครงการสูง 2 เมตร
• Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
• เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
• ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
• ถนนหลักกว้าง 16 และ 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.

Product Walkthrough

โครงการ Happy Ville ดอนเมือง เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น มีจำนวนบ้านในโครงการทั้งหมด 342 หลัง แบ่งเป็น 2 แบบ โดยมีขนาดที่ดินแปลงมาตรฐานที่ 17.88 ตร.วา ดังนี้

• ทาวน์โฮม 2 ชั้นแปลงมาตรฐาน หน้ากว้าง 5.5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 115 ตร.ม. (3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ)
• ทาวน์โฮม 2 ชั้นแปลงมุม หน้ากว้าง 6.5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 134 ตร.ม. (3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ)

ซึ่งเราจะพาไปชมบ้านตัวอย่างที่สร้างเสร็จและตกแต่งแล้วให้ดูทั้ง 2 แบบ ซึ่งในส่วนของแบบบ้านมาตรฐานจะเปรียบเทียบกับบ้านจริงที่ใช้ส่งมอบให้ลูกบ้านด้วยค่ะ

แบบทาวน์โฮม 2 ชั้นแปลงมาตรฐานหน้ากว้าง 5.5 เมตร มีขนาดที่ดิน 17.88 ตร.วา สามารถจอดรถได้ 2 คัน พื้นที่ใช้สอยในบ้านประมาณ 115 ตร.ม. มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำค่ะ

แปลนของโครงการนี้จะแตกต่างจากทาวน์โฮมในสมัยนี้ ที่นิยมทำประตูเข้าบ้านเป็นประตูบานกระจกสไลด์ทางฝั่งห้องนั่งเล่นแบบเต็มพื้นทางเข้าบ้าน แต่ของโครงการนี้จะทำเป็นประตูบานเปิดบริเวณตรงกลางของบ้านแทน ข้อดีทำให้สามารถวางชุดโซฟาเข้ามุมได้ขนาดใหญ่ขึ้นและทำให้พื้นที่ใช้สอยในส่วนนั่งเล่นกับพื้นที่ครัวดูโปร่งกว่าปกติหน่อย แต่ข้อเสียของแปลนนี้คือตำแหน่งวางทีวีจะไม่ตรงกับโซฟาต้องดูเอียงๆเอา แล้วพอพยายามขยายพื้นที่นั่งเล่นแนวบันไดเลยต้องหดเล็กลงทำให้ พื้นที่บันไดมีขนาดเล็กตามไปด้วย การใช้งานได้จะไม่สะดวกนักค่ะ

ผ่านรั้วบ้านเข้ามาจะเป็นพื้นที่จอดรถ 2 คัน ฝั่งหนึ่งเป็นประตูบานเปิดที่เป็นทางเข้าบ้าน อีกฝั่งจะเป็นหน้าต่างของห้องนั่งเล่นซึ่งสามารถมองออกมาหน้าบ้านได้ เข้ามาในบ้านพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและทานอาหาร ติดกับโต๊ะทานอาหารจะเป็นหน้าต่างและประตูทางออกหลังบ้าน ซึ่งเป็นประตูบานเปิดเช่นเดียวกับประตูหน้าบ้าน ตัวบ้านจึงมีแสงธรรมชาติเข้าจากหน้าต่างได้เท่านั้น ฝั่งขวาของโต๊ะทานข้าวจะเป็นพื้นที่ครัวแบบ Pantry ติดกับห้องครัวเป็นห้องน้ำส่วนกลางของชั้นล่าง ภายในติดตั้งฝักบัวอาบน้ำไว้ให้จึงสามารถอาบน้ำที่ชั้นล่างได้ แต่ไม่ได้กั้นโซนเปียกแห้งไว้ให้ค่ะ

บนชั้น 2 เมื่อเดินขึ้นมาจะเจอห้องน้ำห้องเดียวของชั้น 2 ที่อยู่ตรงกับบันได โดยห้องนอนจะมี 3 ห้อง ห้องนอนใหญ่จะอยู่ส่วนหน้าบ้านมีระเบียงเป็นของตัวเองและมีขนาดใหญ่พอที่จะทำ Walk-in Closet ได้ ส่วนหลังบ้านแบ่งออกเป็น 2 ห้องคือห้องนอนเล็ก 2 ห้องขนาดเท่ากัน สามารถจัดเป็นห้องทำงาน ห้องอเนกประสงค์ หรือปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนเด็กเล็กได้ค่ะ

ภายนอกของบ้านถูกดีไซน์ออกมาแบบเรียบง่ายเป็นแบบสมัยใหม่หน่อยคือหน้าตาดูเหลี่ยมๆไม่ได้เห็นเป็นหลังคาเฉียงๆแบบจั่วหรือปั้นหยา ตกแต่งด้วยโทนสีขาว เพิ่มลูกเล่นด้วยกรอบสีเทาบริเวณระเบียงและผนังสีน้ำตาลที่ทำเลียนแบบลายไม้ ช่องแสงเป็นบานกระจกเขียวตัดแสง มีที่จอดรถ 2 คันอยู่ส่วนหน้าบ้าน ส่วนหลังคาของตัวบ้านเป็นกระเบื้องลอนคู่ที่นิยมใช้ในบ้านทาวน์โฮมทั่วไป เป็นแบบเพิงหมาแหงน เวลาฝนตกน้ำจะไหลไปลงด้านหลังบ้าน ภายในใช้ฝ้ายิปซั่มบอร์ดชนิดมีแผ่นฟอยด์กันความร้อน หลังคาด้านบนไม่มีกันสาดยื่นออกมาบังแดดและฝนให้นะคะ แต่ก็เป็นจุดที่ลูกบ้านมักจะชอบต่อเติมกันมากที่สุดค่ะ

หน้าบ้านตัวอย่างจะปลูกไม้พุ่มไว้ซึ่งบ้านจริงไม่ได้มีนะคะ จะเป็นรั้วประตูบ้านและพื้นที่จอดรถแบบรูปด้านล่างค่ะ พื้นลานจอดรถเป็นพื้นคอนกรีตเรียบๆ ไม่ได้ตกแต่งด้วยหญ้าเหมือนบ้านตัวอย่าง ด้านข้างของประตูรั้วบ้านจะมีไฟดวงเล็ก และกริ่งบ้าน ประตูรั้วหน้าบ้านใช้วัสดุเป็นเหล็กทาสี มีลักษณะเป็นบานพับแบบหลายๆตอน ล็อกด้วยการลงกลอน 6 จุด ลักษณะรั้วโปร่งเป็นเหล็กซี่ห่างๆไม่ได้กันสายตาจากบุคคลภายนอกได้เท่าไหร่นักใช้เป็นแค่เหมือนการแบ่งพื้นที่

รั้วระหว่างบ้านมีความสูง 1.5 ม. ซึ่งเป็นระยะที่ไม่สูงนักมีข้อดีที่ทำให้บ้านดูโปร่ง สามารถมองวิวด้านนอกบ้านได้สะดวก แต่ก็สามารถปีนข้ามได้ง่าย ส่วนระยะจอดรถลึก 5 ม. ซึ่งเป็นระยะมาตรฐานสำหรับจอดรถค่ะ สำหรับที่จอดรถจะมีพื้นที่ร่มใต้หลังคาคลุมรถได้ประมาณครึ่งคันนะคะ ยกเว้นจะติดกันสาดเพิ่มก็จะทำให้พื้นที่หน้าบ้านเป็นที่ร่มตลอดแนวค่ะ ฝั่งขวาติดตั้งก๊อกน้ำไว้เผื่อต่อสายยางรดน้ำต้นไม้ หรือล้างรถได้ค่ะ

สำหรับชั้นล่างของบ้าน กำแพงจะถูกร่นเข้าไปประมาณ 2 เมตร จะมีทางเข้าหลักของบ้านเป็นประตูบานเปิด ตัวประตูเป็นประตูทึบอยู่ตรงกลางหน้าบ้าน ด้านข้างประตูมีปลั๊กไฟติดให้ 1 ตำแหน่ง ซึ่งข้อดีของการมีปลั๊กไฟฝั่งที่จอดรถทำให้สามารถเสียบปลั๊กไฟเพื่อใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดรถได้สะดวก และเป็นฝั่งที่มีกันสาดจากด้านบนยาวกว่าอีกฝั่ง ช่วยป้องกันฝนสาดเข้าปลั๊กไฟได้ค่ะ แต่ก็น่าจะให้ปลั๊กไฟแบบใช้ภายนอกที่มีฝาครอบมานะคะ

ฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบ ติดตั้งไฟแบบดาวน์ไลท์ไว้ให้ 2 ตำแหน่ง ซึ่งบ้านจริงที่ส่งมอบให้กับลูกค้าก็จะได้แบบนี้เหมือนกันนะคะ

ประตูหน้าบ้านใช้ประตูและวงกบ Green UPVC Nano ที่มีคุณสมบัติไม่ลามไฟนะคะ ขนาดของประตูมีขนาดสูงเป็นพิเศษ โดยมีความสูง 2.4 ม. กว้าง 0.8 ม. ค่ะ

มือจับประตูเป็นแบบก้านโยก ขนาดจับพอดีมือมือค่ะ ประตูฝั่งนอกบ้านจะใช้กุญแจเป็นตัวล็อกค่ะ ส่วนด้านในจะเป็นตัวหมุนนะคะ

พื้นหน้าประตูยกระดับขึ้นจากพื้นลานจอดรถเพื่อแยกเป็นส่วนถอดรองเท้าหน้าบ้าน พื้นยกระดับนี้ปูด้วยกระเบื้องคล้ายกระเบื้องภายในตัวบ้านแต่พื้นผิวจะด้านกว่า ข้อดีคือช่วยกันลื่นได้ดี ส่วนทางเข้าในตัวบ้านก็ยกระดับจากพื้นหน้าประตูอีกระดับหนึ่ง ซึ่งพื้นบ้านจะปูกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 ซม.ค่ะ

เข้ามาด้านในส่วนแรก ฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี ถัดไปด้านในเป็นส่วนพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร ส่วนฝั่งขวาจะเป็นบันไดขึ้นชั้นบนค่ะ พื้นที่ชั้น 1 มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานชั้นล่างสูง 2.7 เมตรถือว่าสูงกำลังดีเลยค่ะ ทั้งบ้านจริงและบ้านตัวอย่างจะ Drop ฝ้าลงมาเพื่อทำเป็นช่องซ่อนรางม่านไว้ให้นะคะ ทำให้ความสูงลดลงเหลือ 2.6 ม.ค่ะ ผนังในบ้านตัวอย่างจะติด Wallpaper และวัสดุตกแต่งไว้ แต่บ้านจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสี ส่วนดวงไฟบ้านจริงจะให้ไฟ Downlight เหมือนบ้านตัวอย่างค่ะ

เข้ามาภายในบ้านแล้วมองกลับไปที่ประตูหน้าบ้านจะเห็นพื้นที่อยู่อาศัยทั้งหมดในชั้น 1 นะคะ ฝั่งซ้ายจะเป็นตำแหน่งสำหรับติดทีวีบนผนัง ถัดไปเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 ค่ะ ส่วนฝั่งขวาไล่จากประตูเข้ามาจะเป็นพื้นที่วางโซฟาของห้องนั่งเล่น ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะทานข้าวค่ะ พื้นที่นั่งเล่นนี้มีระยะระหว่างโซฟาถึงทีวีกว้าง 2.4 ม. จึงสามารถติดทีวีขนาดที่เหมาะสมได้ถึง 55 นิ้วนะคะ

มาดูรายละเอียดทีละจุดกันนะคะ พื้นที่ห้องนั่งเล่นจัดโซฟาขนาด 3 ที่นั่งเข้ามุมไว้ ตรงนี้เป็นข้อดีของแปลนบ้านที่จัดตำแหน่งประตูไว้ตรงกลางจึงมีพื้นที่ให้วางโซฟาเข้ามุมได้ค่ะ แต่ถ้าครอบครัวที่มีสมาชิกเกิน 3 คนก็คงจะไม่พอนั่ง คงต้องหาเก้าอี้สตูลมาเพิ่มสำหรับเวลาที่นั่งดูหนังพร้อมกันทั้งครอบครัวค่ะ

ด้านหลังชุดโซฟาจะติดกับหน้าต่างกระจกสไลด์ ซึ่งสามารถมองออกไปทางหน้าบ้านได้ โดยสเปคของหน้าต่างจะเหมือนกับของทาวน์โฮมโครงการอื่นๆที่นิยมใช้ในสมัยนี้คือเป็นกรอบอลูมิเนียมอบสีขาว ตัวกระจกเป็นกระจกเขียวตัดแสงค่ะ ห้องนั่งเล่นก็จะได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างตรงนี้นะคะ

มือจับของประตูบานสไลด์จะเป็นแบบฝังลงไปกับกรอบประตูนะคะ ประตูเป็นแบบล็อก 2 ชั้นคือ ตัวล็อกที่มือจับประตูและตัวล็อกก้นหอยอีกชั้นนึงค่ะ

หันกลับมาดูพื้นที่วางทีวีจะเห็นว่าตำแหน่งจะไม่ตรงกับโซฟาอย่างที่บอกไปตอนแรกและมีพื้นที่เหลือให้วางทีวีหรือทำชั้นวางของได้ไม่เยอะ เพราะต้องเว้นพื้นที่ไว้ให้บันไดและห้องน้ำ

ต่อมาเป็นพื้นที่ด้านในของบ้าน เป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 4 ตัว ด้านหลังโต๊ะทานข้าวมีหน้าต่างบานสไลด์ 4 บานซึ่งเป็นช่องรับแสงธรรมชาติสำหรับพื้นที่วางโต๊ะทานข้าวค่ะ โดยสเปคของหน้าต่างจะเหมือนกับหน้าต่างในห้องนั่งเล่น แต่จะมีขนาดแต่ละบานที่เล็กกว่านิดหน่อยค่ะ ในบ้านจริงไม่ได้ Built-in ตู้มาให้นะคะ จึงมีพื้นที่เหลือให้สามารถเลือกโต๊ะทานข้าวที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจากบ้านตัวอย่างได้ค่ะ

ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทานข้าวเป็นพื้นที่ครัว อย่างบ้านตัวอย่างตกแต่งมาให้จะเป็นเคาน์เตอร์ตัว I เล็กๆ ที่ใช้เป็นตู้เก็บของและมีพื้นที่พอจะตั้งไมโครเวฟ และกาน้ำร้อนได้นิดหน่อย แต่ก็มีพื้นที่ทำเป็นเคาน์เตอร์ตัว L ได้ หรือถ้าจะทำเป็นครัวไทยแบบเปิดคงต้องทำในส่วนด้านหลังบ้านค่ะ ด้านข้างจะมีประตูทางเข้าห้องน้ำ ที่บ้านตัวอย่างไม่ได้ติดบานประตูมาให้ดูนะคะ โดยบานประตูจะเป็นบาน UPVC เหมือนประตูหน้าบ้านแตกต่างกันที่ประตูห้องน้ำจะเป็นบานสไลด์ค่ะ

ระดับพื้นภายในห้องน้ำจะถูกกดลดลงไปประมาณ 2 ซม. เพื่อไม่ให้น้ำจากในห้องน้ำไหลออกมาในส่วนของห้องครัวได้นะคะ พื้นปูด้วยกระเบื้องสีเทาขนาด 60 x 60 ซม. เป็นกระเบื้องผิวด้านเพื่อกันลื่นภายในห้องน้ำค่ะ

ห้องน้ำชั้น 1 มีขนาด 2.35 x 1.3 เมตร ภายในมีสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ครบถ้วนนะคะ ได้แก่ อ่างล้างมือ กระจกเงา สุขภัณฑ์ และฝักบัวอาบน้ำ ผนังหน้องน้ำจะกรุกระเบื้องทุกด้านนะคะ ซึ่งเป็นสีเดียวกับกระเบื้องปูพื้นค่ะ

อ่างล้างหน้ามีขนาดเล็กใช้งานทีน้ำมีกระเด็นแน่นอนค่ะ ส่วนขอบอ่างมีระยะให้พอวางของได้บ้าง ตัวอ่างล่างหน้าได้ของ Mogen หรือเทียบเท่า ส่วนก๊อกน้ำได้ของ VRH ค่ะ

ใต้อ่างล้างหน้าจะมีตู้เก็บของ 1 ตู้ สามารถใส่ของได้เล็กน้อยอย่างผ้าชิ้นเล็กๆ แต่ก็อย่าลืมเผื่อพื้นที่ไว้สำหรับซ่อมท่อน้ำด้วยนะคะ ส่วนมือจับตู้จะเป็นอลูมิเนียมตัว C ติดมาบนบานเปิดตู้เลยนะคะ มีข้อดีที่ทำให้ไม่ต้องมีมือจับยื่นออกมานอกตู้เลยค่ะ

โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบสองชิ้นยี่ห้อ Mogen หรือเทียบเท่า มากับที่แขวนกระดาษชำระของ Mogen และสายฉีดชำระยี่ห้อ VRH ด้านข้างมีการเว้นพื้นที่ไว้นิดหน่อยสำหรับการหยิบทิชชู่

หน้าตาฝักบัวที่โครงการให้ค่ะ ส่วนด้านบนซ้ายมีการติดตั้งระบบสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าจะซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นมาก็ให้มาติดตั้งบนมุมซ้ายนี้ค่ะ ข้อดีที่ติดตั้งฝักบัวอาบน้ำทำให้สามารถอาบน้ำที่ชั้น 1 ได้ อย่างเวลาเร่งรีบตอนเช้าที่ทุกคนในบ้านต้องการเข้าห้องน้ำพร้มกัน การที่ห้องน้ำทั้ง 2 ห้องสามารถอาบน้ำได้ทั้งคู่ทำให้สะดวกสบายขึ้น แต่พื้นที่อาบน้ำไม่มีธรณีกั้นส่วนเปียกให้ ทำให้การใช้งานจริงอาจจะยากหน่อย เพราะจะเลอะกันไปทั้งห้องค่ะ

อุปกรณ์อาบน้ำ ได้แก่ ฝักบัวและก๊อกเปิดปิด ของ VRH มีขนาดจับได้ถนัดมือดีค่ะ

เยื้องกับห้องน้ำเป็นประตูทางออกด้านหลังบ้านค่ะ บ้านตัวอย่างจะไม่ได้ติดประตูมาให้ ซึ่งบ้านจริงจะได้ประตู UPVC เหมือนแบบประตูหน้าบ้าน ต่างกันที่มือจับของประตูหลังบ้านเป็นลูกบิดค่ะ ถ้าใครกลัวไม่ปลอดภัยก็หากลอนประตูมาติดเพิ่มได้นะคะ

ระดับพื้นหลังบ้านจะถูกกดลดลงไปประมาณ 15 ซม. พื้นในบ้านตัวอย่างปูด้วยกระเบื้อง แต่บ้านจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านจะเป็นพื้นคอนกรีตนะคะ

พื้นที่หลังบ้านจะมีงานระบบทั่วไปมารอไว้อยู่แล้วซึ่งโครงการจะเทปูนคอนกรีตไว้ให้ ขนาดของพื้นที่หลังบ้านกว้างประมาณ 2 ม. เป็นระยะมาตรฐานทั่วไปไม่ได้กว้างมาก แต่พอทำครัวไทยขนาดเล็ก-กลางได้ สำหรับการต่อเติมอย่าลืมดูเรื่องข้อกฎหมายด้วยนะคะ

กลับมาที่บันไดขึ้นชั้นสองจะมีห้องเก็บของใต้บันได ช่องทางเข้าห้องเก็บของมีระยะ 30 ซม. ค่อนข้างแคบมาก จะเอาของชิ้นใหญ่ หรือของหนักๆเข้าไปเก็บก็คงจะลำบากนะคะ

พื้นที่ภายในห้องเก็บของจะเป็นพื้นคอนกรีตทาสี..น่าเสียดายที่น่าปูกระเบื้องมาให้แทนนะคะ

ตัวโครงบันไดจะเป็นบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ลูกตั้งเป็นแผ่นสมาร์ทบอร์ดฉาบเรียบทาสีขาว ส่วนลูกนอนจะเป็นไม้จริงย้อมสีธรรมชาติ ความกว้างของพื้นที่เดินอยู่ที่ประมาณ 86 ซม. เนื่องพื้นที่บันไดค่อนข้างแคบลูกตั้งของบันไดที่นี่เลยสูงกว่าปกติเวลาเดินขึ้นต้องระวังหน่อยนะคะ แต่ตัวลูกนอนถือว่าเป็นขนาดมาตรฐานค่ะ

ราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็กทาสีขาว มือจับเป็นไม้จริงย้อมสีธรรมชาติ บริเวณช่วงโค้งของบันไดจะมีราวกันตกอยู่ตลอด แม้ตัวราวจับด้านบนจะไม่ได้เชื่อมต่อกันได้ตรงแต่ถือว่าดีที่ให้มาตลอดแนวค่ะ

ช่องแสงของบันไดจะจัดไว้ติดฝั่งผนังด้านหน้าตัวบ้านช่วยให้ตัวโถงบันไดไม่มืดจนเกินไป

ส่วนชานพักบันไดเป็นแบบบันไดสามเหลี่ยมเข้ามุมซึ่งจริงๆชานพักควรจะเป็นขั้นสี่เหลี่ยมที่มีขนาดใหญ่พอให้ยืนพักได้ แต่เนื่องจากฝ้าสูงและมีพื้นที่บันไดน้อยจึงต้องยอมเปลี่ยนชานพักเป็นบันไดเข้ามุมแทนค่ะ

โถงบันไดมีระยะถึงฝ้าที่สูง สามารถติดโคมไฟระย้าได้สบายนะคะ ซึ่งโถงบันไดในส่วนด้านบนนี้ไม่ได้มีช่องแสงเหมือนด้านล่าง ทำให้โถงทางเดินส่วนกลางของชั้นบนต้องอาศัยแสงจากดวงไฟแทนค่ะ

ขึ้นมายังโถงชั้น 2 ฝั่งที่ติดกับทางขึ้นบันไดจะมีห้องนอนเล็ก 2 ห้อง ตรงกลางเป็นห้องน้ำของชั้นบน ส่วนห้องที่ติดกับทางเข้าห้องน้ำเป็นห้องนอนใหญ่ พื้นที่หน้าห้องนอนใหญ่จะยังพอมีพื้นที่เหลือให้วางตู้โชว์ได้อยู่หรือของตกแต่งบ้านเล็กๆน้อยๆได้ค่ะ วัสดุพื้นชั้นบนจะได้เป็นพื้นกระเบื้องยางค่ะ

เรามาดูฝั่งห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องก่อนนะคะ ฝ้าในชั้นนี้มีความสูง 2.7 ม. เช่นเดียวกับชั้นล่าง ซึ่งทางโครงการจะ Drop ฝ้าติดไฟดาวน์ไลท์ให้ ทำให้ความสูงเหลือ 2.6 ม. ข้อดีของฝ้าเพดานสูงคือช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้นค่ะ

ส่วนพื้นของห้องนอนจะเป็นพื้นกระเบื้องยางต่อเนื่องจากโถงทางเดินเข้าไปเลยนะคะ ไม่ได้มีขอบธรณีกั้นค่ะ เวลากวาดพื้นทางเดินก็ระวังฝุ่นเข้าห้องนอนด้วยนะคะ

ภายในห้องนอนเล็กมีขนาดไม่กว้างมาก ถูกออกแบบให้เป็นห้องที่พอดีสำหรับเด็กเล็กหรือวัยรุ่น ซึ่งจะวางเตียงไว้ชิดผนังทำให้เหลือพื้นที่ข้างเตียงแค่ฝั่งเดียว แต่ก็ทำให้พื้นที่ทางเดินภายในห้องมีระยะที่กว้างขึ้น ติดกับเตียงนอนเป็นหน้าต่างกระจกเขียวตัดแสงเอาไว้รับแสงธรรมชาติและทำให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น

ห้องที่ได้จะเป็นห้องเปล่า โล่งๆ แบบนี้นะคะ จากห้องตัวอย่างก็สามารถใช้เป็นไอเดียในการแต่งห้องได้ค่ะ

พื้นที่ด้านข้างของเตียงฝั่งขวาที่ติดกับตู้เสื้อผ้ามีพื้นที่กว้างประมาณ 1 ม. สามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวก ด้านในสุดเป็นตำแหน่งของหัวเตียงขนาดเล็ก เพราะถ้าเลือกโต๊ะขนาดใหญ่จะบังประตูตู้เสื้อผ้านะคะ จึงแนะนำสำหรับห้องนี้ว่าควรใช้เตียงแบบที่หัวเตียงมีชั้นวางของมาด้วยเลยค่ะ

บ้านตัวอย่างจัดไว้ให้ดูเป็นตู้บานเปิด 2 บาน ซึ่งในขนาดพื้นที่ห้องที่ไม่ใหญ่มากแนะนำให้ใช้บานประตูของตู้เป็นบานสไลด์จะช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้ดีกว่าค่ะ การตกแต่งในบ้านตัวอย่างนี้สามารถเก็บไปเป็นไอเดียในการแต่งบ้านได้อีกเช่นกันนะคะ เพราะบ้านจริงจะไม่ได้มีมาให้ค่ะ ติดกันกับตู้เป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งตัวเล็กๆได้ค่ะ

ส่วนปลายเตียงเหลือพื้นที่ประมาณ 50 ซม. บ้านตัวอย่าง Built-in ตู้มาให้ดูเป็นตัวอย่าง เป็นตู้เก็บของและเว้นช่องไว้ติดทีวีแบบแขวนผนัง ก็ทำให้มีช่องเก็บของเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้า Built-in แค่ตู้ลอยด้านบนก็จะได้มีพื้นที่ตรงปลายเตียงให้พอเดินไปเปิดหน้าต่างได้นะคะ

ถัดมาเป็นห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีขนาดเท่ากับห้องนอนเล็กก่อนหน้านี้ โดยบ้านตัวอย่างจะจัดห้องนี้ให้เป็นห้องอเนกประสงค์หรือห้องทำงานแทน เพื่อเป็นไอเดียสำหรับครอบครัวที่ไม่ได้มีจำนวนสมาชิกครบทุกห้อง ก็สามารถจัดห้องนี้เป็นห้องทำงานได้

ขนาดห้องมีพื้นที่พอจะทำโต๊ะทำงานสำหรับ 2-3 คนได้เลยค่ะ

อีกฝั่งหนึ่งสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ไว้นั่งเล่น อ่านหนังสือในห้องนี้ได้ค่ะ

ต่อมาเป็นห้องน้ำของชั้น 2 ที่เป็นห้องน้ำรวมสำหรับ 3 ห้องนอน ถ้าตอนชั่วโมงเร่งด่วนอาจต้องให้สมาชิกแบ่งไปใช้งานห้องน้ำด้านล่างก็ได้ค่ะ บานประตูเป็นบาน UPVC เหมือนชั้นล่างนะคะ แต่บนนี้จะเป็นบานเปิดแทนค่ะ ห้องน้ำที่บ้านตัวอย่างและบ้านจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านจะเหมือนกันนะคะ ขนาดห้องน้ำบนชั้น 2 มีขนาด 2 x 1.7 ม. ซึ่งใหญ่กว่าห้องน้ำที่ชั้นล่างค่ะ

พื้นในห้องน้ำถูกลดระดับลงมา 5 ซม. ความต่างระหว่างห้องน้ำชั้นล่างกับชั้นบน คือ พื้นที่อาบน้ำในห้องน้ำชั้นบนจะมีฉากกั้นอาบน้ำจึงเป็นเหมือนการแยกพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งภายในห้องน้ำ พื้นห้องปูกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.เหมือนพื้นห้องน้ำชั้นล่างค่ะ

พื้นที่ภายในฉากกั้นอาบน้ำมีขนาด 0.9 x 1 ม. ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานใช้งานได้พอดีๆนะคะ

หน้าตาฝักบัวที่โครงการให้เหมือนฝักบัวที่ห้องน้ำชั้นล่างค่ะ ด้านบนซ้ายติดตั้งระบบสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ

สำหรับพื้นที่ส่วนแห้งในห้องน้ำบนชั้น 2 ก็จะมีอ่างล้างหน้า กระจกเงาและสุขภัณฑ์นะคะ ส่วนที่ต่างกันคือตู้เก็บของใต้อ่างล้างหน้าเป็นช่องเปิดโล่งๆ ไม่ได้มีบานปิดเหมือนตู้ของห้องน้ำชั้นล่างค่ะ

ตัวอ่างล้างหน้ามีขนาดใหญ่กว่าห้องน้ำชั้นล่างนะคะ ได้ของ Mogen หรือเทียบเท่า ส่วนก๊อกน้ำจะเป็นของ VRH ค่ะ

สุขภัณฑ์ในห้องน้ำมีมาพร้อมสายฉีดชำระ ซึ่งได้สเปคเดียวกับห้องน้ำชั้นล่าง แต่ที่ห้องน้ำชั้นบนนี้ไม่ได้มีที่แขวนกระดาษชำระมาให้ค่ะ

ห้องสุดท้ายคือห้องนอนใหญ่ที่อยู่ทางหน้าบ้านนะคะ มีขนาดกว้างกว่าห้องนอนทุกๆห้อง คิดเป็นพื้นที่เกือบ 1 ใน 2 ของพื้นที่ชั้นบนเลยทีเดียว ผังของห้องนอนใหญ่มีข้อดีนะคะคือภายในตัวห้องสามารถกั้นพื้นที่ตรงกลางทำเป็นพื้นที่แต่งตัวแบบ Walk-in Closet ได้ช่วยให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น

ตำแหน่งสำหรับวางเตียงนอนที่ห้องตัวอย่างวางไว้ขนาด 5 ฟุต โดยมีพื้นที่เหลือทั้ง 2 ฝั่งจริงๆแล้วสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้เพราะมีพื้นที่เหลือพอนะคะ แต่พื้นที่สำหรับวางโต๊ะหัวเตียงจะลดลง

พื้นที่ด้านข้างของเตียงฝั่งซ้ายที่ติดกับผนังห้อง มีพื้นที่กว้างประมาณ 0.6 ม. จึงสามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวก ด้านในสุดเป็นตำแหน่งของโต๊ะหัวเตียง ซึ่งด้านหลังโต๊ะหัวเตียงติดตั้งปลั๊กไฟสำหรับเสียบชาร์ตแบตโทรศัพท์ หรือเสียบปลั๊กโคมไฟได้สะดวก กำแพงที่นูนออกมาไม่ใช่พื้นที่ตู้เสื้อผ้าแต่เป็นกำแพงในส่วนของโถงบันไดนะคะ

พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่าง มีระยะประมาณ 0.35 ม. เป็นระยะให้พอเดินมาขึ้นเตียงได้ แต่จะไม่เหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะหัวเตียงนะคะ เพราะหากวางโต๊ะหัวเตียงจะติดกับม่านเวลาเปิดปิดม่านจะไม่ค่อยสะดวก

ด้านในสุดของห้องเป็นประตูบานกระจกสไลด์สำหรับออกไประเบียงด้านนอก ซึ่งจะเป็นช่องรับแสงธรรมชาติอีกช่องหนึ่งของห้องด้วยค่ะ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นบานใหญ่บานเดียวแต่ก็เป็นช่องให้แสงธรรมชาติเข้ามายังห้องนอนได้เพียงพอ พื้นที่ระเบียงด้านนอกมีขนาดไม่ใหญ่นักนะคะ มีพื้นที่กว้างยาวประมาณ 0.90 x 3.2 ม.

พื้นที่ระเบียงนี้ หากไม่ได้วางคอมเพรสเซอร์ไว้บนระเบียงจะเหลือพื้นที่ใช้งานที่สามารถวางเก้าอี้ได้สักตัวหนึ่งหรือยืนชมวิวด้านนอกได้นะคะ

ราวกันตกถูกออกแบบไว้เป็นลูกกรงเหล็ก ซี่ไม่ได้ถี่มากจะสามารถมองทะลุไปเห็นวิวด้านนอกได้

พื้นระเบียงจะถูกลดระดับไปจากพื้นห้องนอน 5 ซม. นะคะ กันไม่ให้น้ำฝนไหลเข้ามาในตัวห้องได้ค่ะ

ต่อมาเป็นส่วนปลายเตียงที่เผื่อที่ไว้สำหรับการกั้นเป็น Walk-in closet พอดี ฉากกั้นพื้นที่ Walk-in Closet นี้สามารถทำเป็นชั้นวางทีวีแบบ Built-in ได้เลยนะคะ

ด้านหลังของฉากกั้นทีวีเป็นพื้นที่ที่สามารถทำเป็น Walk-in Closet ได้ มีข้อดีคือสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เต็มผนังด้านที่ติดกำแพง ส่วนอีกฝั่งหนึ่งคงถูกใจคุณผู้หญิงมากเพราะสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งตัวยาวได้สบายๆ ส่วนหน้าต่างด้านในจะเป็นบานผสมระหว่างบาน Fix และบานกระทุ้ง โดยจะมีบานเปิดได้ 1 บานอยู่ตรงกลางเพื่อเป็นช่องระบายอากาศภายในห้องนอนค่ะ

วงกบหน้าต่างเป็นอลูมิเนียมอบสีขาว โดยบานหน้าต่างสามารถเปิดออกไปได้ไม่กว้างมากนักจึงไม่ต้องกลัวตกค่ะ แต่ก็พอจะทำให้สามารถรับลมและระบายอากาศในห้องได้พอสมควรค่ะ

มือจับบานกระทุ้งสามารถจับได้ถนัดมือดี และบริเวณขอบหน้าต่างติดเส้นกำมะหยี่ไว้ มีข้อดีคือช่วยกันฝุ่น, แมลง และเสียงจากภายนอกเข้าห้องได้ค่ะ

ต่อไปคือแบบบ้านหลังมุมมีหน้ากว้าง 6.5 เมตร ขนาดที่ดินจะมีขนาดใหญ่กว่าแบบบ้านหน้ากว้าง 5.5 ม. โดยขนาดจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ด้านข้างบ้านค่ะ พื้นที่ใช้สอยตัวบ้านมีขนาด 134 ตร.ม. มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ แปลนบ้านโดยรวมจะเหมือนกับแบบบ้านมาตรฐานหน้า 5.5 ม. ต่างกันที่ขนาดของหน้าบ้านที่กว้างกว่า ทำให้พื้นที่ใช้งานในแต่ละห้องมีขนาดใหญ่ขึ้น และการที่เป็นบ้านหลังมุมทำให้มีพื้นที่ด้านข้างบ้าน และช่องแสงด้านข้างบ้านเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ

บริเวณด้านหน้าของบ้านตัวอย่างจะไม่มีรั้ว แต่บ้านจริงจะมีแนวรั้วเหมือนรั้วของบ้านแบบหน้า 5.5 ม.นะคะ ด้านหน้าบ้านจะมีประตูหน้าบ้านอยู่ตรงกลาง และหน้าต่างฝั่งห้องรับแขกเหมือนแบบหน้า 5.5 ม. อีกเช่นกัน ความแตกต่างคือบ้านแบบ 6.5 ม. จะได้หน้ากว้างเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ม. ซึ่งทำให้พื้นที่ใช้สอยฝั่งห้องรับแขกและห้องทานข้าวมีขนาดใหญ่ขึ้นค่ะ

มาดูด้านข้างของตัวบ้านกันบ้างพื้นที่ด้านข้างจะเยอะจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละแปลงนะคะ อย่างบ้านตัวอย่างนี้มีพื้นที่ข้างบ้านเพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 4 ม. จะปูพื้นเป็นแนวทางเดินไว้ เราสามารถเอาไปเป็นไอเดียในการตกแต่งได้นะค่ะ เพราะบ้านจริงจะเป็นพื้นที่เปล่าลงทรายให้ไว้เฉยๆค่ะ

พื้นที่สวนด้านในสามารถทำเป็นพื้นที่เฉลียงเชื่อมจากตัวบ้านได้ ใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นในสวนได้สบายๆค่ะ

เข้ามาดูในบ้านกันบ้างนะคะ ส่วนแรกฝั่งขวาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี ถัดไปด้านในเป็นส่วนพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร ติดกันเป็นประตูบานสไลด์ที่สามารถเชื่อมออกไปสวนด้านข้างบ้านได้ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นบันไดขึ้นชั้นบนค่ะ พื้นที่ชั้น 1 มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานชั้นล่างสูง 2.7 เมตรเช่นกัน ทั้งบ้านจริงและบ้านตัวอย่างจะ Drop ฝ้าลงมาทำเป็นที่ซ่อนรางม่าน ทำให้ความสูงลดลงเหลือ 2.6 ม.ค่ะ ผนังในบ้านตัวอย่างจะติด Wallpaper และวัสดุตกแต่งไว้ แต่บ้านจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสี แต่ดวงไฟบ้านจริงจะให้ไฟ Downlight เหมือนบ้านตัวอย่างค่ะ

เข้ามาภายในบ้านแล้วมองกลับไปที่ประตูหน้าบ้านจะเห็นพื้นที่อยู่อาศัยในชั้น 1 นะคะ ฝั่งขวาจะเป็นตำแหน่งสำหรับติดทีวีบนผนัง ถัดไปเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 ค่ะ ส่วนฝั่งซ้ายไล่จากประตูเข้ามาจะเป็นพื้นที่วางโซฟาของห้องนั่งเล่น ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะทานข้าวค่ะ พื้นที่นั่งเล่นนี้มีระยะระหว่างโซฟาถึงทีวีกว้าง 3 ม. จึงสามารถติดทีวีขนาดที่เหมาะสมได้ถึง 60 นิ้วนะคะ

พื้นที่ห้องนั่งเล่นจัดโซฟาขนาด 4 ที่นั่งเข้ามุมไว้ เป็นข้อดีของบ้านแปลงมุมนะคะ ที่ทำให้มีช่องหน้าต่างได้ถึง 2 ฝั่ง ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านได้มาก ช่วยประหยัดไฟ และเป็นช่องระบายอากาศของตัวบ้านด้วยค่ะ

หันกลับมาดูพื้นที่วางทีวีจะเห็นว่าตำแหน่งจะไม่ตรงกับโซฟาเหมือนกับบ้านแบบหน้า 5.5 ม. นะคะ แต่ระยะดูทีวีที่กว้างขึ้นก็ช่วยให้ดูทีวีได้สบายขึ้นค่ะ ส่วนผนังด้านหลังทีวีมีพื้นที่เหลือให้วางทีวีหรือทำชั้นวางของได้ไม่เยอะ เพราะต้องเว้นพื้นที่ไว้ให้บันไดและห้องน้ำ

ถัดมาเป็นพื้นที่ด้านในของบ้าน เป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 4 ตัว ด้านข้างของโต๊ะทานข้าวจะติดกับประตูบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไปยังพื้นที่ข้างบ้าน

ประตูบานสไลด์ข้างบ้าน สเปคจะได้เป็นกรอบอลูมิเนียมอบสีขาว ตัวกระจกเป็นกระจกสีเขียวตัดแสงค่ะ จากมุมนั่งทานอาหารนี้จะสามารถมองออกไปเห็นพื้นที่สวนข้างบ้านได้เลยนะคะ

วงกบประตูฝังเป็นระนาบเดียวกับพื้นบ้านนะคะ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะสะดุด ส่วนพื้นเฉลียงไม้ด้านนอกมีระดับลดลงมาจากพื้นบ้าน 10 ซม. ถ้าเป็นบ้านจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านจะไม่ได้มีเฉลียงไม้แบบนี้นะคะ

กลับเข้ามาในบ้านฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะทานข้าว เป็นพื้นที่ครัวแบบ Pantry มีขนาดเท่ากับครัวของแบบหน้ากว้าง 5.5 ม. นะคะ สามารถทำเคาน์เตอร์ตัว L ได้ แต่จะทำให้ทางเดินเข้าห้องน้ำมีพื้นที่ลดลง ถ้าจะทำครัวไทยแบบเปิดคงต้องไปต่อเติมด้านนอกบ้านแทนค่ะ ฝั่งซ้ายจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำนะคะ ส่วนฝั่งขวาจะเป็นประตูออกด้านหลังบ้าน สเปคของประตูจะเหมือนกับของแบบบ้านหน้า 5.5 ม. นะคะ

พื้นที่ภายในห้องน้ำชั้นล่างจะเหมือนกับห้องน้ำชั้นล่างของแบบหน้ากว้าง 5.5 ม. ทั้งส่วนสุขภัณฑ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งในบ้านจริงก็จะให้ลายกระเบื้องและสุขภัณฑ์ตรงตามแบบนี้ค่ะ 

พื้นในห้องน้ำมีระดับเท่ากันไม่ได้แยกส่วนเปียกส่วนแห้งนะคะ และติดตั้งฝักบัวอาบน้ำไว้ให้ทำให้สามารถอาบน้ำที่ชั้น 1 ได้ค่ะ

พื้นที่หลังบ้านจะมีงานระบบทั่วไปมารอไว้อยู่แล้วเหมือนบ้านหน้ากว้าง 5.5 นะคะ ซึ่งโครงการจะเทปูนคอนกรีตไว้ให้ ขนาดของพื้นที่หลังบ้านกว้างประมาณ 2 ม. เป็นระยะมาตรฐานทั่วไปไม่ได้กว้างมาก แต่พอทำครัวไทยขนาดเล็ก-กลางได้ สำหรับการต่อเติมอย่าลืมดูเรื่องข้อกฎหมายด้วยนะคะ

ถัดมาที่โถงบันไดจะมีห้องเก็บของใต้บันได ช่องทางเข้าห้องเก็บของมีระยะ 30 ซม. เหมือนแบบบ้านหน้ากว้าง 5.5 ม.นะคะ ระยะค่อนข้างแคบ จะเอาของชิ้นใหญ่เข้าไปเก็บก็คงจะลำบากนะคะ วัสดุของบันไดจะเหมือนกับบันไดของแบบบ้านหน้ากว้าง 5.5 ม.เช่นกัน ส่วนลูกตั้งก็ยังมีความสูงเป็นพิเศษนะคะ เวลาเดินก็ต้องระวังกันหน่อยนะคะ

ชานพักบันไดเป็นแบบบันไดสามเหลี่ยมเข้ามุมเนื่องจากฝ้าสูงจึงต้องมีขั้นบันไดเยอะขึ้น จึงไม่ได้มีชานพักขั้นสี่เหลี่ยมให้สามารถยืนพักได้นะคะ

โถงบันไดมีระยะถึงฝ้าที่สูงสามารถติดโคมไฟระย้าได้สบายนะคะ ซึ่งโถงบันไดในส่วนด้านบนนี้ไม่ได้มีช่องแสงเหมือนด้านล่าง ทำให้โถงทางเดินส่วนกลางของชั้นบนต้องอาศัยแสงจากดวงไฟ

เรามาดูฝั่งห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องก่อนนะคะ ฝ้าในชั้นนี้มีความสูง 2.7 ม. เช่นเดียวกับชั้นล่าง ซึ่งทางโครงการจะ Drop ฝ้าติดไฟดาวน์ไลท์ให้ ทำให้ความสูงเหลือ 2.6 ม. ข้อดีฝ้าเพดานคือช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้น ส่วนประตูเป็นบาน UPVC ค่ะ

มาดูห้องนอนเล็กของบ้านกันนะคะ ขนาดห้องจะเท่ากับห้องนอนเล็กของแบบบ้านหน้ากว้าง 5.5 ม.เลย จึงจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้เหมือนๆกัน เป็นเตียงขนาด 3.5 ฟุตที่หากวางชิดหน้าต่างจะทำให้พื้นที่ข้างเตียงเหลือพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น ขนาดพื้นที่สามารถตั้งโต๊ะวางของหัวเตียงได้ แต่ก็จะชนกับระยะเปิดของตู้เสื้อผ้า จึงแนะนำเป็นตู้เสื้อผ้าบานสไลด์ดีกว่าค่ะ ส่วนพื้นที่ปลายเตียงเหลือพื้นที่ประมาณ 70 ซม. ซึ่งไม่มากนะคะถ้าจะติดทีวีภายในห้องจึงควรใช้ทีวีแบบแขวนผนังค่ะ

ฝั่งข้างประตูในห้องตัวอย่าง Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้เป็นตู้บานเปิด 2 บาน ซึ่งในขนาดพื้นที่ห้องที่ไม่ใหญ่มากแนะนำเป็นตู้บานสไลด์จะช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้ดีกว่าค่ะ ด้านข้างสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆได้อีกตัวหนึ่ง การตกแต่งในบ้านตัวอย่างนี้สามารถเก็บไปเป็นไอเดียในการแต่งบ้านได้อีกเช่นกันนะคะ เพราะบ้านจริงจะไม่ได้มีมาให้ค่ะ

ห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่งมีขนาดที่กว้างห้องที่ผ่านมานะคะ ห้องตัวอย่างจัดวางFurniture ต่างๆไว้ ได้แก่ เตียงขนาด 3.5 ฟุตและตู้เสื้อผ้า ซึ่งขนาดพื้นที่กว้างพอจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้เลยนะคะ เตียงนอนถูกวางให้ติดกับหน้าต่าง ซึ่งเป็นช่องแสงของห้องเหมือนแปลงกลางแต่แบบนี้จะมีหน้าต่างเพิ่มอีกช่องหนึ่งทางด้านข้างบ้านค่ะ

จากฝั่งด้านหน้าต่างมองมาทางด้านประตูทางเข้าห้อง เป็นพื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งมีขนาดความกว้างประมาณ 1.8 ม. ผนังฝั่งติดกับประตูจะเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง และยังเหลือพื้นที่ไว้วางโต๊ะเขียนหนังสืออีกตัวหนึ่งก็ได้ค่ะ ส่วนติดกันกับตู้เสื้อผ้าเป็นหน้าต่างที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งจะมีเฉพาะบ้านหลังมุมค่ะ

ผนังด้านปลายเตียงถูกจัดให้เป็นชั้นวางทีวี สำหรับห้องนี้มีพื้นที่กว้างพอจะ Built-in เป็นตู้เก็บของเพิ่มบนผนังฝั่งนี้ก็ได้ค่ะ แต่อย่าลืมเว้นที่สำหรับเปิดประตูไว้ประมาณ 0.8 – 1 ม. ก็พอค่ะ

ถัดมาที่ห้องน้ำส่วนกลางบนชั้น 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องน้ำบนชั้น 2 ของแบบหน้ากว้าง 5.5 ม.นะคะ คือมีขนาด 2.9 x 1.7 ม. ภายในห้องน้ำมีแยกส่วนเปียกแห้งด้วยขอบธรณี และมีสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ครบถ้วน ได้แก่ อ่างล้างมือ กระจกเงา สุขภัณฑ์ สายชำระ และฝักบัวอาบน้ำ

พื้นในห้องน้ำถูกลดระดับลงมา 5 ซม. ส่วนขอบธรณีที่ถูกยกขึ้นจากพื้นสูง 7 ซม.ทำให้น้ำในห้องอาบน้ำไม่ไหลออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง วัสดุพื้นห้องปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.เหมือนพื้นห้องน้ำชั้นล่างค่ะ

ส่วนอ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมือนกับห้องน้ำส่วนกลางที่ชั้นล่างนะคะ ต่างกันเพียงตู้เก็บของใต้อ่างล้างหน้าเป็นช่องเปิดโล่งๆ ไม่ได้มีบานปิดเหมือนตู้ของห้องน้ำชั้นล่าง และไม่ได้ให้ที่ใส่กระดาษชำระค่ะ

ในส่วนเปียกของห้องน้ำนอกจากจะกั้นด้วยขอบธรณีแล้ว ยังมีฉากกั้นอาบน้ำแบบประตูบานสไลด์อีกชั้นหนึ่งด้วย

มือจับฉากสไลด์มีขนาดจับได้พอดีมือนะคะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ กว้าง 1 x 1.6 ม. เป็นขนาดที่กว้างพอสมควรเลยนะคะสำหรับทาวน์โฮม ส่วนวัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้าน เหมือนกับห้องน้ำชั้นล่างค่ะ

หน้าตาฝักบัวที่โครงการให้ค่ะ ด้านบนขวามีการติดตั้งระบบสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ ด้านข้างมีหน้าต่างบานกระทุ้งมาให้ซึ่งมีเฉพาะบ้านหลังมุมนะคะ ทำให้ในห้องน้ำมีช่องระบายอากาศค่ะ

ถัดมาเป็นห้องนอนใหญ่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์จะเหมือนห้องนอนใหญ่ของแบบบ้านหน้า 5.5 ม.เลยนะคะ ต่างกันเพียงมีความยาวของห้องที่มากกว่าอีก 1 ม.

โครงการจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ในบ้านตัวอย่างนะคะ ซึ่งก็มีพื้นที่ด้านข้างเหลือให้ใส่เตียงขนาด 6 ฟุตได้ค่ะ

พื้นที่ด้านข้างของเตียงฝั่งขวาที่ติดกับผนังมีพื้นที่กว้างประมาณ 0.6 ม. สามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวก ด้านในสุดเป็นตำแหน่งของโต๊ะหัวเตียงซึ่งบ้านจริงที่ส่งมอบจะไม่ได้มีมาให้นะคะ แต่ก็สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการแต่งบ้านได้ค่ะ

พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่าง มีระยะประมาณ 0.35 ม. เป็นระยะให้พอเดินมาขึ้นเตียงได้

ติดกันเป็นพื้นที่ระเบียงด้านนอกมีขนาดไม่ใหญ่นักนะคะ มีระยะกว้างยาวประมาณ 0.90 x 3.2 ม. ขนาดเท่ากับแบบบ้านหน้ากว้าง 5.5 ม.เลยค่ะ

ต่อมาเป็นส่วนปลายเตียงของห้องตัวอย่างจะ Built-in ชั้นวางทีวีมาให้ดูเป็นตัวอย่างนะคะ โดยผนังด้านข้างได้มีการติดตั้งสวิตซ์ไฟและช่องรับสัญญาณโทรทัศน์ไว้เรียบร้อย ซึ่งชั้นวางทีวีนี้สามารถใช้เป็นฉากกั้นพื้นที่ Walk-in Closet ได้ด้วยค่ะ

ด้านหลังของฉากกั้นทีวีเป็นพื้นที่ที่สามารถทำเป็น Walk-in Closet พื้นที่ตรงนี้มีข้อดีคือสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เต็มผนังด้านที่ติดกำแพงและสามารถทำตู้เสื้อผ้าเข้ามุมเป็นตัว L ได้นะคะ อย่างห้องตัวอย่างผนังด้านในจริงๆเป็นบานหน้าต่างแต่ก็ Built-in ตู้ทับไปค่ะ สำหรับผู้ที่อยากทำตู้เสื้อผ้าเข้ามุมแบบนี้ ก็สามารถเก็บไปเป็นไอเดียในการแต่งบ้านได้นะคะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 April 2016

• ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 ม. ที่ดิน 17.88 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 115 ตร.ม. ราคา 2.57 ล้านบาท (143,736 บาท/ตร.วา, 22,347 บาท/ตร.ม.)
• ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 6.5 ม.(ห้องมุม) ที่ดิน 24.02 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 134 ตร.ม. ราคา 3.39 ล้านบาท (141,132 บาท/ตร.วา , 25,299 บาท/ตร.ม.)
• จองและทำสัญญา 25,000 บาท
• ดาวน์ 1 งวด งวดละ 10,000 บาท/เดือน (สำหรับบ้านเฟสที่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง)
• ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 80,000 บาท
• ค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
• ค่าธรรมเนียม การขอสินเชื่อ ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
• ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อและผู้ขายจะชำระคนละครึ่ง
• ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – ทำเลของโครงการ Happy Ville ดอนเมือง เป็นทำเลในย่านดอนเมืองฝั่งใกล้ถนนสรงประภา ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยเทิดราชันซึ่งเป็นซอยย่อยที่เข้าได้ 2 ฝั่ง จากทางถนนนาวงประชาพัฒนาและถนนเชิดวุฒากาศ จึงเข้าออกได้ 2 เส้นทาง ภายในซอยนี้ฝั่งนึงจะเป็นพื้นที่ของกองทัพอากาศที่เป็นที่โล่งๆเป็นส่วนใหญ่ และอีกฝั่งนึงจะเป็นหมู่บ้านสลับกับอาคารพาณิชย์ บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ ตัวถนนหน้าโครงการถือว่าเป็นใหญ่และใช้งานได้ดีเลยเพราะมีขนาด 4 เลนและมีรถใช้งานไม่เยอะ ความอุดมสมบูรณ์ต้องพึ่งพิงร้านค้า ร้านอาคารบนถนนโดยรอบอย่างถนนนางวงประชาพัฒนา ถนนเอกทักษิณ ถนนสรงประภาค่ะ

การเดินทาง – จะเหมาะสำหรับการใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก เนื่องจากอยู่ในซอยที่ค่อนข้างสงบ มีรถสองแถวที่ผ่านเพียงสายเดียว ส่วนรถแท๊กซี่ก็พอจะหาได้บ้างเพราะเป็นซอยทะลุได้ สำหรับพี่วินก็หาได้ยากหน่อยเพราะวินอยู่บนถนนนาวงประชาพัฒนา ไม่ได้อยู่บนถนนหน้าโครงการค่ะ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีแดงถ้าสร้างเสร็จจะทำให้สะดวกสบายขึ้น แต่การเดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้าก็ยังต้องอาศัยรถสาธารณะอื่นๆอยู่ดีค่ะ การใช้รถยนต์ส่วนตัวสามารถเดินทางเข้าออกได้หลายเส้นทาง ถ้าจะวิ่งเข้าเมืองก็วิ่งไปเส้นวิถาวดีได้โดยทางออกจากถนนกำแพงเพชร 6 ไปถนนวิภาวดียังไม่เลยจุดกลับรถ ทำให้ไม่ต้องวิ่งไกลมาก ถ้าจะขึ้นทางด่วนมีจุดทางขึ้นทางด่วนตรงแยกศรีสมานได้ เอาไว้เลี่ยงเวลารถติดบนเส้นวิภาวดี สำหรับถนนนาวงประชาพัฒนาจะเป็นทางลัดไปม.รังสิตในซอยเมืองเอกได้ สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะค่อนข้างลำบากทีเดียว

ความปลอดภัย – ระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการมี รปภ. ดูแลตลอด และมีรั้วไม้กระดกกั้น การเข้า – ออกเป็นแบบใช้สติกเกอร์ ซึ่งส่วนนี้น่าจะทำเป็นระบบ Keycard Access นอกจากนี้ยังมีระบบ CCTV ที่ Main Gateและภายในโครงการ จำนวน 26 ตัว ถือว่าให้เยอะกว่าบางโครงการนะคะ ส่วนความสูงรั้วรอบโครงการ 2 เมตร แต่มีรั้วบางช่วงสูงกว่านั้น เช่นที่ถนนทางเข้าโครงการจะมีรั้วบังตาเพิ่มขึ้นมา ทำให้รั้วสูง 4 เมตร ก็ช่วยให้ความเป็นส่วนตัวในโครงการเพิ่มขึ้นค่ะ

การออกแบบโครงการ – ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีในเรื่องของการวางผัง ที่จัดให้จำนวนยูนิตในซอยส่วนใหญ่ไม่เกิน 12 ยูนิต แต่ก็จะมีซอยที่เป็นถนนหลักก็จะมีจำนวนยูนิตมาก และวางสวนส่วนกลางจะอยู่ด้านหน้าทางเข้าโครงการ ทำให้ลูกบ้านในเฟสท้ายๆต้องเดินมาใช้งานไกลพอสมควร บ้านทั้งหมดในโครงการมี 2 แบบ คือแบบหน้ากว้าง 5.5 ม. และ 6.5 ม. ตัวบ้านมี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ โดยรวมแล้วออกแบบบ้านมาได้เรียบร้อยและเป็นสัดส่วน เน้นพื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้างแต่บันไดแคบและห้องเก็บของใช้งานลำบาก ห้องน้ำชั้นล่างไม่ได้แยกพื้นที่ส่วนเปียกแห้งไว้ให้ ส่วนชั้นบนจัดพื้นที่ได้ดี โดยห้องนอนใหญ่จัดพื้นที่ให้มี Walk in Closet ทำให้การอยู่อาศัยเป็นสัดส่วนดี

วัสดุ – วัสดุของโครงการนี้เป็นไปตามมาตรฐานของทาวน์โฮมระดับราคานี้ โครงสร้างใช้ทั้งแบบเสาคานก่ออิฐฉาบปูนและโครงสร้างแบบชิ้นส่วนสำเร็จ ผนังเป็นแบบฉาบปูนเรียบทาสีทั้งหลัง พื้นชั้นล่างส่วนใหญ่จะได้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ส่วนชั้นบนทั้งหมดจะได้เป็นพื้นกระเบื้องยางลายไม้ หน้าต่างและประตูบานเลื่อนเป็นกระจกสีเขียวตัดแสง กรอบอลูมเนียมอบสีขาว ชุดสุขภัณฑ์ของ Mogen และ VRH ส่วนฝ้าเพดานในบ้านจะเป็นแบบฉาบเรียบ Drop ฝ้าลงมา 10 ซม. และฝังไฟดาวน์ไลท์ไว้ให้ทั้งหมด พื้นห้องเก็บของเป็นคอนกรีตทาสี ถ้าเทียบกับราคา 2 ล้านกว่าถือว่าตามมาตรฐานค่ะ แต่ถ้าเป็นบ้านหลังมุมที่ราคาขึ้นไปถึง 3 ล้านปลายๆนี่เริ่มจะแพงแล้ว โดยรวมดูดีค่ะ แต่การเก็บรายละเอียดในงานก่อสร้างยังไม่เนี้ยบ อย่างความสูงของขั้นบันไดที่ไม่เท่ากันค่ะ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ – จากซุ้มหน้าโครงการถือว่ามีขนาดใหญ่ดี ซึ่งบางโครงการในระดับนี้ไม่ได้ให้ ถนนหลักที่เป็นทางเข้าโครงการร่มรื่นดี โดยถนนหลักและถนนรองในโครงการมีขนาด 16,12 และ 9 ม. ซึ่งเป็นความกว้างมาตรฐาน นอกจากนี้มีพื้นที่สีเขียวระหว่างบล็อกบ้าน เป็นทั้งจุดกลับรถ ใช้เป็นส่วนพักผ่อนได้ และสามารถเดินผ่านจากอีกซอยไปอีกซอยได้ค่ะ

สาธารณูปโภค – พื้นที่ส่วนกลางของโครงการจะมี ClubHouse, สระว่ายน้ำและสวนส่วนกลางขนาด 1 ไร่ ซึ่งถือว่าให้พื้นที่สวนและพื้นที่สระว่ายน้ำเล็กไปนิดเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตในโครงการ น่าจะเหมาะกับคนที่เน้นการใช้พื้นที่ใช้สอยในบ้านไม่เน้นส่วนกลางเท่าไหร่ค่ะ

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 2.57-3.8 ล้านบาท,19 April 2016

• ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.25/10 –อยู่ในซอยย่อย มีระยะการเดินทางเข้า-ออกเพิ่มขึ้นแต่ก็แลกกับความสงบ
• ความปลอดภัย 7.25/10 –รั้วกั้นไม้กระดก, รปภ.หน้าหมู่บ้าน, CCTV ทั้งโครงการ 26 ตัว และ Sticker Access
  
• การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 7.75/10 – จัดพื้นที่ใช้สอยโดยรวมดี เน้นห้องนั่งเล่นกว้าง แต่ห้องเก็บของและบันไดใช้งานลำบาก
• วัสดุ 7.75/10 – มาตรฐานของระดับราคานี้ บางอย่างให้ดีกว่ามาตรฐาน แต่การเก็บรายละเอียดงานยังไม่เรียบร้อย
• พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – มีพื้นที่สีเขียวบริเวณ Club House และระหว่างบล็อกบ้าน ทางเข้าร่มรื่นดี
• สาธารณูปโภค 7.5/10 – Club House, สระว่ายน้ำ, สวนส่วนกลางและเครื่องเล่นเด็ก ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต
• 7.43 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ Happy Ville ดอนเมือง เหมาะสำหรับคนที่กำลังหาบ้านในย่านเทิดราชัน สรงประภา ดอนเมือง เป็นคนใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก ชอบอาศัยอยู่ในซอยที่มีความสงบมากกว่าริมถนนหลักแลกกับการเข้าซอยย่อยอีกหน่อย ทำงานในย่านดอนเมือง พหลโยธิน สรงประภา รังสิต เป็นครอบครัวขนาดเล็กมีสมาชิก 3-4 คนมีงบประมาณ 2.57-3.8 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 18,000 – 27,000 บาท/เดือน

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )