รีวิวฉบับที่ 897 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ Bless Town รามอินทรา 127 ซึ่งตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 127 ถนนรามอินทรา บริเวณแยกเมืองมีน ตัวโครงการอยู่ห่างจากถนนรามอินทราประมาณ 700 เมตร และในอนาคตห่างจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูสถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ประมาณ 900 เมตรค่ะ ตัวโครงการมีแบบเดียวคือทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ บนที่ดินเริ่มต้น 19.38 ตารางวา ในราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท เราไปดูโครงการพร้อมๆกันเลยค่ะ
Fact @ 11 August 2015
- Bless Town Ramintra 127 (เบล็สทาวน์ รามอินทรา 127)
- บริษัท เบล็สแอสเสท กรุ๊ป จำกัด
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : มีนบุรี
- เนื้อที่โครงการ : 11-3-48 ไร่ จำนวน 133 ยูนิต
- ทาวน์โฮม 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม. หน้ากว้าง 5 เมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- ที่ดินแปลงมาตรฐาน : 19.38 – 28.40 ตร.วา
- ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท หรือ 154,300 บาท/ตร.วา
- โครงการเริ่มก่อสร้าง : กุมภาพันธ์ 2558
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : ปลายปี 2559
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 095-054-5888
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.818583, 100.715511
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ Bless Town รามอินทรา 127 ตั้งอยู่บนถนนรามอินทราตอนปลายที่เชื่อมกับถนนสีหบุรานุกิจ และถนนสุวินทวงศ์ ซึ่งบริเวณย่านนี้จะเรียกกันว่าย่านมีนบุรี เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ตอนบนของกรุงเทพมหานคร โครงส่วนใหญ่ในย่านนี้จะเป็นแนวราบ ทั้งหมู่บ้านเดี่ยวจัดสรร ไม่จัดสรร และทาวน์โฮม พึ่งจะมีการปลูกสร้างคอนโดมิเนียมไม่นานมานี้ โดยจะอยู่ตามเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู มีสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันตั้งแต่โรงพยาบาล ห้างร้านต่างๆ รวมไปถึงไปจุดที่สามารถเดินทางได้สะดวก แต่ปริมาณรถจะมากนิดนึง โดยทางเหนือขึ้นไปจะเป็นย่านรังสิต-ลำลูกกาที่จะออกนอกเมืองไปยังปทุมธานี และทิศใต้ติดกับพื้นที่รามคำแหงที่เป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่
ที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนรามอินทราขาออก ในซอยรามอินทรา 127 ห่างจากถนนถนนใหญ่ประมาณ 700 เมตร โดยสามารถเดินทางเข้าถึงได้ หลายเส้นทาง เช่น
- ถนนรามอินทราที่เป็นถนนสายหลักอยู่ไม่ห่างจากจุดตัดกับถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) ประมาณ 9 กิโลเมตร
- หากมาทางฉะเชิงเทราก็สามารถเดินทางได้จากถนนสุวินทวงศ์เข้าแยกหทัยราษฎร์
- การเดินทางจากลาดพร้าวให้ตรงเข้าถนนเสรีไทยเข้าแยกเมืองมีนหรือจะหลีกเลี่ยงการจราจรรถติดบนถนนเสรีไทยก็สามารถเลี้ยวเข้าถนนสวนสยามได้เช่นกัน แต่ก็ต้องระวังหนีเสือปะจรเข้ในชั่วโมงเร่งด่วนด้วยนะคะ
ในย่านมีนบุรีนี้ ถึงแม้จะเป็นย่านชานเมืองแต่ในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างครบครันทีเดียวสมเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่อยู่กันมานานแล้ว การจับจ่ายซื้อกับข้าวก็สะดวกเพราะมีทั้งตลาดมีนบุรี, Big C และ Tesco Lotus สำหรับห้างสรรพสินค้าในละแวกนี้จะมี Fashion Island ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 5.5 กิโลเมตร และ Community Mall ก็จะมี The Promenade ห่างประมาณ 5.8 กิโลเมตร , Amorini ตรงแยกสวนสยาม ส่วนโรงพยาบาลจะมีโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีที่อยู่บนถนนรามอินทราตรงแยกตัดกับถนนสวนสยาม และโรงพยาบาลเสรีรักษ์ที่อยู่บนถนนเสรีไทยค่ะ
สำหรับการเดินทางแบบขนส่งสาธารณะในอนาคต(อีกหลายปี)นั้นค่อนข้างสะดวกทีเดียว เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี เพื่อรองรับการเดินทางของประชากรในพื้นที่ด้านเหนือของกรุงเทพ โดยการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างเขตมีนบุรีและจังหวัดนนทบุรี แนวเส้นทางจะเริ่มต้นจากถนนรัตนาธิเบศร์บริเวณระหว่างศูนย์ราชการนนทบุรีและแยกแคราย ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่ – บางซื่อ) บริเวณสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี และสิ้นสุดเส้นทางที่บริเวณทางแยกร่มเกล้า ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน – มีนบุรี ที่สถานีมีนบุรี โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดคือสถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญที่มีระยะห่างจากหน้าโครงการประมาณ 1.1 กิโลเมตร ซึ่งก็ต้องรอกันต่อไปอีกนานหน่อยนะคะเพราะโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 ค่ะ และเมื่อไหร่ที่รถไฟฟ้าเปิดใช้เต็มระบบแล้วจะช่วยให้การเดินทางเข้าออกเมืองสะดวกมากขึ้นทีเดียว คือสามารถเข้าเมืองโดยไปต่อสายสีส้มตรงสถานี Interchange คือสถานีมีนบุรีแล้ววิ่งเข้ามาเชื่อมกับรถไฟใต้ดิน MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรม
แต่ในปัจจุบันที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องพึ่งพารถประจำทางต่างๆ อาทิ
- รถเมล์ประจำทาง สาย 26, 96, 115, 150, 501, 525 โดยป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ตรงหน้าโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ห่างจากโครงการประมาณ 1.1 กิโลเมตร
- รถตู้ประจำทางสายต. 16 มีนบุรี – หมอชิต 2, สายต. 22 มีนบุรี – ปากเกร็ด, สายต. 39 มีนบุรี – ฟิวเจอร์รังสิต ซึ่งจะจุดจอดเริ่มต้นจะอยู่ที่ตลาดมีนบุรีและวิ่งเส้นรามอินทราผ่านหน้าปากซอยโครงการ
-
รถสองแถวที่ผ่านโครงการ– วิ่งบนถนนรามอินทรา จากแฟชั่น ไอส์แลนด์ และวนเข้ามาส่งที่การเคหะในซอยรามอินทรา 127 ซึ่งมาถึงหน้าโครงการ– วิ่งบนถนนหทัยราษฎร์ ลงปากซอยหทัยราษฎร์ 3
การเดินทางของเราในวันนี้เริ่มต้นจากถนนรามคำแหง แล้วขึ้นมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าไปถนนรามอินทรา จากนั้นกลับรถลงตรงบริเวณ Fashion Island ที่อยู่บนถนนรามอินทรา และมุ่งหน้ามาทางมีนบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรามอินทรา 127 ก่อนจะถึงแยกเมืองมีน ในซอยโครงการจะมีบ้านเดี่ยวไม่จัดสรรและหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่อยู่ทั้งตามแนวถนนและในซอย
เริ่มต้นการเดินทางบนถนนรามคำแหงในเวลาที่เลยชั่วโมงเร่งด่วนไปได้ไม่นาน ทำให้การเดินทางช่วงขาออกของถนนรามคำแหงการจราจรมีสภาพคล่องตัวมากค่ะ บริเวณนี้จะเป็นช่วงถนนรามคำแหงตอนปลายหรือเรียกว่า สุขาภิบาล 3 นั่นเองค่ะ เมื่อเราขับตรงมาจะเจอกับ Community Mall คือ The Paseo Town ที่มีร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตและสถาบันสอนต่างๆในนั้น
ต่อมาเราจะขึ้นทางด่วนพิเศษหมายเลข 9 หรือถนนกาญจนาภิเษกค่ะตามเส้นทางบนป้ายคือตรงไปก่อน
เมื่อเจอสามแยกไฟแดงให้เลี้ยวขวาค่ะ เลี้ยวขวาไปด่านทางขึ้นทางด่วนเลย ไม่เสียค่าใช้จ่ายนะคะ
เมื่อเลี้ยวขวาขึ้นทางด่วนพิเศษหมายเลข 9 หรือถนนกาญจนาภิเษกมาแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังถนนรามอินทรา
ขับตรงมาเรื่อยๆให้ชิดซ้ายเพื่อเตรียมตัวออกไปยังถนนรามอินทรา
ต้องเริ่มเบี่ยงเข้าเลนซ้ายเพื่อเตรียมตัวออกไปยังทางออกถนนรามอินทรา ที่จะไปได้ทั้งมีนบุรี และหลักสี่ ช่วงเวลาหลัง 10 โมงเป็นต้นไป บนทางด่วนก็จะเห็นรถบรรทุก รถส่งของมากขึ้น ทำให้การจราจรอาจเคลื่อนตัวช้าเพราะรถใหญ่ แต่ยังดีที่ปริมาณรถไม่ได้มาก
จากนั้นให้เบี่ยงซ้ายตามป้ายที่ไปยังมีนบุรี
จากนั้นก็จะมีทางบังคับให้วนรถไปตามทางเพื่อเข้าถนนรามอินทราขาออก
จากนั้นก็จะมาอยู่บนถนนรามอินทรา พอดีกับมี The Promenade อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งระยะจากทางวนสามารถเข้าทางเข้าของห้างได้พอดีค่ะ
ถัดจากนั้นมาก็จะเจอกับ Fashion Island อยูาทางซ้ายมือ มีสะพานลอยข้ามถนนรามอินทราขนาด 8 เลน จะเห็นว่าบนนถนนจะมีรถตู้วินวิ่งอยู่ด้วย
ถนนรามอินทราเป็นถนนขนาดใหญ่ 8 เลน สวนกันการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนจะมีปริมาณรถยนต์ค่อนข้างหนาแน่น แต่เมื่อพ้นชั่วโมงเร่งด่วนแล้วการจราจรก็มีสภาพคล่องขึ้นอย่างที่เห็น และเนื่องด้วยถนนรามอินทรามีถนนตัดผ่านค่อนข้างเยอะ ดังนั้นทางหนีทีไล่จะมีมากขึ้นด้วยเช่นกันค่ะ โดยเราจะขับตรงไปทางมีนบุรีกันนะคะ
เมื่อตรงมาเรื่อยๆจะเจอกับสามแยกที่ตัดกับถนนสวนสยามด้านขวา โดยด้ายซ้ายเป็นโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี จึงเรียกสามแยกนี้ว่า แยกโรงพยาบาลนพรัตน์ค่ะ
ขับตรงไปมีนบุรีเรื่อยๆ จะสังเกตว่าสองข้างทางก็จะมีอาคารพาณิชย์ติดถนนใหญ่ที่สูงประมาณ 3 ชั้น โดยก็จะแปรสภาพเป็นร้านอาหาร ร้านบริการ และหมู่บ้านจัดสรรอื่นๆ
เมื่อเจอกับโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญซึ่งเป็นจุดสังเกตให้เริ่มชิดซ้ายเข้าโครงการ
ถึงซอยรามอินทรา 127 แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเลยค่ะ ซอยนี้จะอยู่ใกล้แยกเมืองมีนมากๆ คืออยู่ตรงช่วงก่อนถึงโค้งพอดี ทำให้ไม่ต้องหยุดรอสัญญาณไฟนะคะ
การเดินทางเข้าในซอยโครงการ สามารถเข้าถึงได้ 2 ทางคือ จากทางถนนรามอินทราบริเวณใกล้แยกเมืองมีน หรือจากถนนสุวินทวงศ์แล้วเข้าถนนหทัยราษฎร์ จากนั้นค่อยเข้าซอยหทัยราษฎร์ 3 ไปอีก 600 เมตร ก็จะถึงหน้าโครงการแล้วค่ะ
เราจะเข้าซอยจากถนนรามอินทรากันนะคะ โดยหน้าปากซอยมีศาลาพี่วินค่อยให้บริการสำหรับคนที่พึ่งพาการเดินทางแบบขนส่งสาธารณะ ด้วยระยะการเข้าถึงโครงการจากหน้าปากซอยประมาณ 700 เมตรนั้น การเดินเข้าถึงโครงการอาจจะไกลไปสักหน่อยรวมทั้งไม่มีฟุตบาทหรือระยะทางเดินข้างถนนที่ปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ดังนั้นการเข้า-ออกภายในซอยจึงเหมาะกับการพึ่งพาพี่วินมากกว่าการเดินค่ะ
ขับตรงเข้ามาภายในซอย เป็นถนน 2 เลนสวนกัน โดยทั้ง 2 ฝั่งข้างทางเป็นตึกแถว, อาคารพาณิชย์ และบ้านเดี่ยวไม่เกิน 2 ชั้น ค่อนข้างเงียบสงบ
ขับตรงไปเรื่อยๆประมาณ 700 เมตร
ก็จะถึงหน้าโครงการ Bless Town รามอินทรา 127 แล้วค่ะ
ถนนภายในซอยมีขนาด 2 เลนสวนกัน หันไปทางต้นซอยอยู่ฝั่งซ้ายของโครงการ โดยทางขวาจากภาพคือโกดังโรงงานเซรามิก
จากโครงการด้านขวา ถ้าขับตรงไปจะเป็นหมู่บ้านเอื้ออาทรมีนบุรี เป็นซอยเดียวกับรามอินทรา 127
บริบทและสภาพแวดล้อมโครงการ
- ทางทิศเหนือ ติดกับที่ดินเปล่าและที่พักอาศัยแนวราบ
- ทิศตะวันออกติดกับที่ดินเปล่า และหมู่บ้านรุ่งกิจแกรนด์วิสต้า เป็นหมู่ทาวน์โฮมเก่าสูง 2 ชั้นและอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น
- ทิศใต้ติดกับซอยรามอินทรา 127
- ทิศตะวันตกติดกับที่ดินเปล่า รวมทั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับหมู่บ้านใหญ่อย่างหมู่บ้านเอื้ออาทรมีนบุรีด้วยค่ะ ในอนาคตบริเวณนี้เมื่อมีรถไฟฟ้าเข้ามาที่ดินข้างเคียงที่ว่างเปล่าอยู่อาจจะมีการสร้างคอมโดมิเนียมหรือทาวน์โฮมขึ้นตาม
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Big C ~1.1 กิโลเมตร
- โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ~1.1 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลเสรีรัตน์ ~1.9 กิโลเมตร
- ตลาดมีนบุรี ~2.2 กิโลเมตร
- Tesco Lotus ~2.2 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ~4.2 กิโลเมตร
- Amorini ~5 กิโลเมตร
- Fashion Island ~5.5 กิโลเมตร
- The Promenade ~5.8 กิโลเมตร
ก่อนพาไปเดินดูบรรยากาศรอบๆขออธิบายถึงผังโดยรวมของโครงการ Bless Town รามอินทรา 127 เป็นโครงการทาวน์โฮม 3 ชั้น 133 ยูนิต แบ่งออกเป็น 2 Phase โดย Phase 1 คือในส่วนที่ Hi-light สีฟ้า กำลังสร้างและกำลังเปิดขาย ในส่วนของ Phase 2 ที่ Hi-light แดง จะเริ่มก่อสร้างประมาณต้นปี 2559 บนเนื้อที่โครงการ 11-3-48 ไร่ เมื่อผ่านซุ้มโครงการเข้ามาถึงจะเป็นถนนหลักของโครงการที่มีความกว้าง 12 เมตร และสวนหย่อมเล็กๆอยู่ด้านซ้าย ไม่ได้มี Club House ห้อง Fitness หรือสระว่ายน้ำ เหมือนโครงการใหญ่ๆ และส่วนที่เหลือจะเป็นพื้นที่พักอาศัยทั้งหมด เนื่องจากตัวโครงการมีขนาดไม่ใหญ่มากนักการจะจัดส่วนกลางเยอะๆ อาจทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระยะยาวมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น ในซอยย่อยภายในโครงการกว้าง 9 เมตร ฝั่งยูนิตด้านซ้ายติดกับขอบเขตที่ดินจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและติดกับถนนหลักของโครงการ และยูนิตภายในซอยจะมีจำนวนยูนิตในแต่ละซอยไม่เท่ากัน มีจำนวนยูนิตในแต่ละซอยน่าจะอยู่ที่ 6-10 ยูนิตนะ ขึ้นกับความลึกของซอยนั้นๆ หันหน้าเข้าหากัน ด้วยความลึกของซอยมีไม่มากนักทำให้จำนวนยูนิตในแต่ละซอยมีน้อยตามไปด้วย โดยขนาดที่ดินแปลงมาตรฐานคือ 19.38 ตารางวา
การวางตัวบ้านแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือบ้านแบบที่ติดกับถนนหลักของโครงการทางซ้ายมือ หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีข้อดีในการรับแดดช่วงเช้าและมีลมพัดเข้าหน้าบ้านจากทิศทางลมตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วในซอยแต่ละซอยจะมีบ้านหันหน้าให้กันโดยหันไป 2 ทิศทาง คือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะค่อนข้างร่มค่ะ ถ้าสังเกตจากหน้าบ้านที่เฉียงไปทางทิศเหนือมากกว่า และสำหรับทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะอยู่ในทิศทางลม แต่ข้อเสียคือช่วงบ่ายๆก็รับแดดค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ
และเนื่องจากโครงการได้แบ่งการขายออกเป็น Phase 1 และ Phase 2 และแปลงที่ดินเป็นแบบตอนลึกเข้าไป และวางตำแหน่ง Facility ไว้ส่วนหน้า ทางหลักเป็นทางตรง และเลี้ยวเข้าซอยย่อยทางขวา ลึกนิดหน่อย ทำให้คนที่ซื้อทาวน์โฮม Phase ที่ 1 จะได้การเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ดีกว่า ถึงแม้ส่วนกลางจะมีแค่สวนหย่อม… แต่ Phase 2 ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวที่มากกว่าและไม่มีเพื่อนบ้านเดินผ่านหน้าบ้านหรือขับรถผ่านบ่อยๆ
ซุ้มทางเข้าใช้โทนสีเรียบเทาเข้ม-เทาอ่อน มีลูกเล่นบริเวณป้ายชื่อโครงการและสระน้ำพุ ช่องการการเข้าออกรถแบ่งออกเป็นสองช่องทางชัดเจน โดยมีป้อมพี่ยามอยู่ตรงกลาง ระบบการนำรถเข้า-ออกโครงการในอนาคตจะติดเป็นระบบ Key Card Access ระยะใกล้ โดยมี CCTV ติด 1 จุดให้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีนะคะ ประตูรั้วโครงการเป็นแบบเลื่อนไฟฟ้า ถ้าเป็นเพื่อนลูกบ้านหรือแขกต้องแลกบัตรค่ะ
เมื่อเข้ามาถึงโครงการจะเจอกับสวนหย่อมขนาด 144 ตารางวา อยู่ทางซ้ายมือ และเป็นที่ตั้งศาลพระภูมิ ด้านข้างมีฟุตบาทให้เดิน
บรรยากาศของสวนหย่อม พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นหญ้าและปลูกไม้ยืนต้นด้านข้าง เหมาะกับการออกมาเดินเล่นหรือปูเสื่อนั่งเล่นในช่วงเช้าและเย็นๆ ส่วนตอนกลางวันคงจะนั่งเล่นยากไปสักหน่อยเพราะไม่มีร่มเงาจากต้นไม้ตรงกลางสวน
ออกมายืนอยู่บนถนนหลักของโครงการ มองเข้าไปในโครงการที่ลึกๆจะเห็นว่ายังมีงานก่อสร้างอยู่เป็นการก่อสร้างด้วยระบบ Tunnel Form system ความกว้างของถนนหลักในโครงการมีความกว้างอยู่ที่ 12 เมตร และเข้าไปลึกอีกหน่อยถนนหลักจะกว้างประมาณ 9 เมตรค่ะ เนื่องจากโครงการยังไม่เสร็จสิ้นดี เราจึงไม่ได้เข้าไปเดินดูในส่วนของด้านในนะคะ
ดังนั้นเราเลยจะพามายังบ้านตัวอย่างที่อยู่ที่ซอยแรกทางขวามือของโครงการ ภายในซอยย่อยการวางผังยูนิตจะหันหน้าเข้าถนนย่อยซึ่งมีความกว้าง 9 เมตรค่ะ ฝั่งด้านขวาจะเป็นที่ตั้งของเสาไฟ โยงเข้าบ้านทางขวา ส่วนบ้านทางซ้ายก็จะไม่มีเสาไฟตั้งอยู่หน้าบ้าน แต่ก็จะมีการโยงเข้าไปที่ผนังชั้น 2 ของบ้านให้
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนหย่อม 144 ตารางวา
- ระบบ CCTV ที่ ป้อมรปภ. 1 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร
- ระบบ Key Card Access ระยะใกล้
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบเลื่อนไฟฟ้า 1 ตอน
- ถนนหลักกว้าง 9 และ 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
โครงการ Bless Town รามอินทรา 127 มีแบบบ้าน 1 แบบ เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 182 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ในที่ดินมาตรฐานคือ 19.38 ตารางวา มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 133 ยูนิต
จากแบบบ้านมีหน้ากว้าง 5 เมตร ผ่านรั้วเตี้ยบานพับ 2 ชั้นจะเจอกับพื้นที่จอดรถ 2 คัน มีความลึก 5.3 เมตร ส่วนหน้าบ้านที่เปิดประตูเลื่อนเข้าไปห้องรับแขก ด้านขวาเป็นกระจกบาน Fixed บริเวณบันไดขึ้นชั้น 2 เมื่อเข้ามาเป็นพื้นที่รับแขกหรือนั่งเล่น ถัดมาจะเป็นห้องน้ำและห้องเก็บของที่หลบสายตาไว้ด้านใน ลึกเข้าไปเป็นพื้นที่รับประทานอาหารและด้านขวาเป็นห้องครัวเปลือยไม่ได้กั้นพื้นที่ปิดไว้ให้ และด้านหลังเป็นส่วนซักล้างหลังบ้าน
ขึ้นมาที่บันไดชั้น 2 จากส่วนหน้าบ้าน ในชั้น 2 นี้จะเป็นห้อง Master Bedroom สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ถึง 6 ฟุต ได้สบายๆ พร้อมพื้นที่ระเบียงที่สามารถใช้ได้จริง ภายในห้องมีห้องน้ำที่จัดพื้นที่ Walk in Closet ขนาดใหญ่ไว้ให้ พร้อมกับส่วนวางโถสุขภัณฑ์และพื้นที่ฝักบัวอาบน้ำเป็นสัดส่วน และมีห้องเก็บของชั้น 2 ที่อยู่ใต้บันไดทางขึ้นชั้น 3 ถัดมาบนชั้น 3 จะมีห้องนอนขนาดกลาง 1 ห้อง วางเตียงขนาด 5 ฟุต ด้านที่ติดกับประตูจัดวางให้เป็นที่วางตู้เสื้อผ้า มีบานกระทุ้งและหน้าต่างบานเลื่อนเปิดระบายอากาศ, ห้องนอนขนาดเล็ก วางเตียงแบบ Single Bed หรือ 3.5 ฟุต มีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง มีบานเลื่อนกระจกเปิดได้ 2 ทาง 1 บาน และสุดท้ายคือ ห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันอีก 1 ห้อง โดยทั้งสองห้องต้องเปิดประตูจากห้องนอนออกมา หรือไม่ได้เป็นห้องน้ำในตัวนั้นเอง ระเบียงที่มีบนชั้น 3 นี้เป็นที่สำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์ไม่สามารถเข้าไปใช้งานได้ค่ะ
ภายนอกของทาวน์โฮม 3 ชั้น ลักษณะเป็นทาวน์โฮมแบบสี่เหลี่ยมทรงสูงโทนสีน้ำตาล-ขาว ภายใต้สไตล์ Modern Loft ออกแบบให้สูงโปร่งทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้าถึงได้ทั่วถึง โครงสร้างอาคารใช้ระบบ Conventional Precast และพื้นเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กหล่อ หลังคาใช้วัสดุเป็น Metal Sheet พร้อมแผ่นฟอยด์กันความร้อนใต้หลังคา ด้วยคุณสมบัติของ Metal Sheet คือเป็นแผ่นผืนเดียวกันลดการซึมหรือรั่วตามแนวรอยต่อได้มากกว่าหลังคาอื่นๆ แต่ก็มีปัญหาเรื่องความร้อน จึงมีการติดแผ่นฟอยด์กันความร้อนไว้ใต้หลังคาด้วย
แบบบ้านเป็นแบบ Mirror ข้อดีคือฟังก์ชั่นที่อยู่ติดกันจะใช้งานเหมือนกัน เช่น ห้องนอนก็อยู่ติดกับห้องนอนอีกบ้าน ไม่ได้อยู่ติดกับห้องน้ำอีกบ้านนึงซึ่งจะทำให้ความชื้นซึมจากผนังเข้ามาที่ห้องนอนได้ ช่องเปิดของตัวบ้านเป็นแบบบานเลื่อนกระจกเปิดได้ 2 ทาง บานกระทุ้งบริเวณโถงบันได และห้องน้ำ การที่มีช่องเปิดค่อนข้างเยอะ ซึ่งข้อดีคือได้รับแสงธรรมชาติส่องเข้ามาทั่วถึงภายในบ้าน มีอากาศถ่ายเท แต่ในขณะเดียวกันนั้นความร้อนก็เข้าตัวบ้านได้เยอะเช่นเดียวกัน มีระเบียงอยู่ที่ชั้น 2 จากห้อง Master Bedroom
รั้วเตี้ยหน้าบ้านเป็นแบบบานพับโปร่งทาสีดำ ข้อเสียคือต้องใช้เวลาในการเปิด – ปิดหน่อยตอนฝนตกนี่จะเห็นผลเลยค่ะ มีช่องว่างเผื่อไว้สำหรับวางกล่องรับจดหมาย สำหรับรั้วทึบด้านข้างเป็นโครงสร้างสำเร็จรูปคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นจอดรถขนาด 5.00 x 5.30 เมตร เป็นโครงสร้างวางบนคานและวางบนดินในบางส่วน สามารถจอดรถได้ 2 คน แต่เวลาเปิดประตูจะแน่นๆหน่อยนะคะ และด้วยความยาว 5.30 เมตร จึงสามารถจอดรถกะบะได้ด้วยค่ะ
กริ่งหน้าบ้านจะติดตรงกำแพงระหว่างบ้าน
หน้าบานเป็นประตูบานเลื่อนเปิด 2 ทาง และกระจกบาน Fixed 2 บานอยู่ด้านข้าง ส่วนทางด้านขวาเป็นกระจกบาน Fixed มีปลั๊กไฟแบบกันน้ำให้ตรงหน้าบ้าน ในส่วนพื้นที่จอดรถในบ้านมาตรฐานจะไม่ได้ปูหญ้าเทียมมาให้นะคะ
มีขั้นบันไดก่อนถึงตัวบ้านสูงประมาณ 10 เซนติเมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ถ้าจะจอดรถกระบะอย่าถอดมาจนสุดนะคะ ท้ายอาจจะชนประตูก่อนล้อจะถึงขั้นบันได
ประตูบานเลื่อนทางเข้าบ้านเป็นประตูบานเลื่อนเปิด 2 ทาง กรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat สีขาว กระจกสีเขียวตัดแสงหนา 5 มิลลิเมตร
ลักษณะของมือจับค่ะ
ส่วนตัวล็อกอีกจุดคือตัวล็อกก้นหอยเพื่อล็อกจากระหว่างประตูทั้งสองบาน เป็นการเกี่ยวยึดไว้ด้วยกัน
สวิชต์ไฟในบ้านค่ะ
เปิดประตูเข้ามาด้านใน ส่วนแรกคือพื้นที่ห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่น วางชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง และเก้าอี้โซฟา 1 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง ด้านขวาเป็นที่วางทีวี และถัดไปเป็นประตูบานเลื่อนซ่อนห้องน้ำและห้องเก็บของไว้ ลึกเข้าไปเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร 4 ที่นั่ง และพื้นที่ครัวด้านขวาที่กั้นด้วยบานเลื่อนกระจก ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนเพื่อออกไปยังส่วนซักล้างหลังบ้าน ด้วยความสูงของฝ้าเพดานที่สูง 2.8 เมตร ทำให้ตัวบ้านดูโปร่งโล่งมากขึ้น พื้นชั้น 1 เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้
ในบ้านมาตรฐานอยู่สลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะคะ เป็นบ้านเปล่าไม่มีเฟอร์นิเจอร์ และ Wallpaper สำหรับบ้านแปลงมุมผนังที่ติดกับรั้วจะเพิ่มช่องเปิดเป็นหน้าต่างบานเลื่อนกระจก กรอบบานอลูมิเนียมสีขาว ส่วนของห้องครัวในบ้านตัวอย่างกั้นเป็นส่วนปิดด้วยบานกระจกเลื่อนแต่ในบ้านมาตรฐานจะเป็นพื้นที่ที่ต่อเนื่องกันโดยไม่มีบานกระจกเลื่อน แอร์ของชั้น 1 เป็นแอร์แบบติดผนังโดยคอมเพรสเซอร์แอร์จะติดอยู่ที่ผนังหลังบ้านค่ะ โดยทางโครงการมีแอร์ให้ด้วยค่ะ
บริเวณโซฟาเป็นแบบ 2 ที่นั่ง
ชั้นวางทีวี มีการตกแต่งผนังด้วยกระจกเงาฟิล์มดำ ทำให้บ้านดูกว้างมากขึ้น ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 3 เมตร ด้านล่างสามารถวางเป็นที่เก็บของได้เล็กน้อย ในบ้านตัวอย่างมีการใช้บานเลื่อนที่มีด้านนึงติดกระจกฟิล์มดำเช่นเดียวกับผนังทำให้พื้นที่ผนังดูกว้างมากขึ้น และปิดส่วนโถงเล็กๆที่แจกไปส่วนห้องน้ำและห้องเก็บของ ซึ่งบ้านมาตรฐานไม่มีบานเลื่อนนี้มาให้นะคะ
โถงขนาดเล็กนี้มีขนาด 0.80 x 1.60 เมตร ทางขวาเป็นห้องเก็บของใต้บันได และทางซ้ายเป็นห้องน้ำ
พื้นที่ห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีการลดระดับลงไปประมาณ 3 เซนติเมตร
พื้นที่ห้องน้ำขนาด 1.80 x 1.60 เมตร สุขภัณฑ์จาก Cotto แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือโถสุขภัณฑ์ และอ่างล้างมือแบบลอยตัวพร้อมกระจกเงา ไม่มีชั้นวางหรือตู้เก็บของ ห้องน้ำชั้น 1 เป็นแบบ Power Room คือไม่มีพื้นที่โซนเปียกสำหรับอาบน้ำ
ฝั่งซ้ายมีอ่างล้างมือแบบลอยตัว พร้อมกระจกเงาบานขนาดเท่าความกว้าง สูงประมาณ 1.20 เมตร แบบก็อกน้ำเป็นแบบดึงขึ้นตามมาตรฐาน
โถสุขภัณฑ์อยู่ด้านขวามือ พร้อมสายฉีดชำระและที่ใส่ทิชชู มีท่อระบายน้ำอยู่ที่มุมขวา
ถัดมาที่ห้องใต้บันได ซึ่งทำเป็นห้องเก็บของ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 เซนติเมตร ประตูบานเปิดเดี่ยวมาตรฐาน มีกล่องไฟด้านขวาเพื่อให้แสงสว่างให้ห้องเก็บของ
ในส่วนของด้านหลังจะเป็นพื้นที่ครัวด้านขวาและพื้นที่รับประทานอาหารด้านซ้ายค่ะ
ส่วนของพื้นที่ครัวในห้องตัวอย่างได้กั้นสัดส่วนด้วยบานเลื่อนกระจกทำรางเลื่อนด้านบน สามารถเป็นได้ทั้งครัวเปิด-ปิด แต่ในห้องมาตรฐานจะไม่มีบานเลื่อนกระจกส่วนนี้ให้นะคะ แนะนำให้ทำบานเลื่อนกระจกกั้นเป็นสัดส่วนตามบ้านตัวอย่างซึ่งจะสะดวกในการทำครัวหนักมากขึ้นเยอะเลยค่ะ ถ้ากั้นแล้วพื้นที่ครัวจะมีขนาดประมาณ 2.00 x 2.00 เมตร การวางเคาน์เตอร์ทำเป็นรูปตัว L
ในบ้านมาตรฐานจะไม่มี Built-in Pantry ครัวให้แบบในบ้านตัวอย่างนะคะ แต่ได้ต่อท่อน้ำดีและปลั๊กไฟไว้ใช้งานให้เรียบร้อยค่ะ
หน้าต่างบานเลื่อนระบายกลิ่นและอากาศบริเวณครัวใช้วัสดุกรอบบานเป็นอลูมิเนียมสีขาว ลูกฟักเป็นบานกระจกสีเขียวตัดแสงหนา 5 มิลลิเมตร ตั้งอยู่เหนืออ่างล้างจานและพื้นที่เตรียมอาหาร
ตัวล็อกเปิด – ปิดใช้แบบกดลงแล้วเลื่อน มีตัวล็อกก้นหอยเพิ่มความแน่นหนาในการล็อกอีกชั้น
บริเวณรับประทานอาหารที่อยู่อีกด้านหนึ่งกับห้องครัว จะเชื่อมต่อกับพื้นที่ซักล้างด้านหลังนะคะ สำหรับบ้านแปลงกลางไม่ได้ติดแปลงมุมเช่นบ้านตัวอย่างนี้จะไม่มีหน้าต่างบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ให้นะคะ มีหน้าต่างบานเลื่อนกระจกให้สำหรับห้องแปลงมุมที่มีพื้นที่ข้างเคียงเล็กน้อย ส่วนแอร์จะอยู่ด้านบนบริเวณประตูบานเลื่อนกระจก
มือจับมาตรฐานประตูบานเลื่อนกระจกที่เชื่อมกับพื้นที่ซักล้าง
มีตัวล็อกก้นหอยเพิ่มความแน่นหนามากขึ้นด้วย
บริเวณซักล้างเป็นที่วางแท็งค์เก็บน้ำแบบตั้งพื้น และปลั๊กไฟแบบกันน้ำให้ค่ะ
สำหรับพื้นที่ซักล้างในบ้านมาตรฐานเป็นพื้นซีเมนต์ขัดหยาบ ความสูงกำแพงหลังบ้าน 2 เมตร
เราจะมาต่อกันที่บันไดทางขึ้นชั้น 2 นะคะ ลูกตั้ง – ลูกนอนจะเป็นไม้สำเร็จรูปสีเข้ม ส่วนราวจับบันไดไม่ได้มีมาให้ในช่วงแรกไม้สำเร็จรูปยึดติดกับผนัง 3 ขั้นแรกของบันไดมีลิ้นชักซ่อนไว้อยู่ สามารถเก็บของเครื่องใช้ หรือเก็บรองเท้าได้ค่ะ
บริเวณโถงบันไดมีการเปิดช่องแสงด้วยกระจกบาน Fixed ข้างล่าง และบานกระทุ้งกระจกข้างบน ทำให้โถงบันไดสว่างด้วยแสงธรรมชาติโดยไม่ต้องเปิดไฟ บันไดเป็นรูปตัว L ไม่มีชานพักแต่เป็นลูกนอนรูปสามเหลี่ยม ทำให้เดินยาก ราวจับมีด้านเดียว
เดินขึ้นมาชั้น 2 จะเป็นห้องเก็บของใต้บันไดทางขึ้นไปชั้น 3
พื้นบนชั้น 2 เป็นพื้นไม้สำเร็จรูปลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร มีตัวจบเป็นไม้ และพื้นภายในห้องเก็บของเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 30 x 30 เซนติเมตร
เข้ามาที่ห้องนอนห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) ใช้พื้นไม้สำเร็จรูปลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร จบขอบด้วยไม้
ห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) ขนาดห้องพื้นที่นอน 3.00 x 6.00 เมตร ขอบบัวสำเร็จรูป ดวงโคมส่องสว่างเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสฝั่งในฝ้า สำหรับบ้านแปลงมุมจะมีหน้าต่างบานเปิด 2 บานเพิ่มมาค่ะ การวางเตียงจะวางไว้ตรงกลางชิดผนัง ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นทีวางทีวี
ฝั่งด้านที่วางทีวีจะติดกับระเบียงด้านหน้าบ้าน และถัดไปจะเป็นบริเวณพื้นที่อเนกประสงค์ บรรยากาศภายในห้องดูโปร่งโล่งด้วยหน้าต่างและกระจกใหญ่ รวมทั้งฝ้าเพดานที่สูง 2.80 เมตร ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าทั่วถึงภายในห้อง แนะนำให้ติดผ้าม่านเพิ่มนะคะเพื่อความเป็นส่วนตัวและกันแดดได้ในช่วงกลางวัน
ฝั่งด้านหน้าบ้านจะเป็นกระจกใสเกือบทั้งด้าน โดยมีหน้าต่างบานเลื่อนกระจกเปิดได้ 2 ทาง ช่วยระบายอากาศอยู่ด้านขวา นอกนั้นจะเป็นกระจกใสบาน Fixed ค่ะ
มุมห้องที่เชื่อมกับพื้นที่ระเบียงใช้เป็นกระจกเข้ามุม เพิ่มมิติความกว้างและมุมมองได้ดีกว่าเก็บมุมด้วยกำแพงทึบหรือกรอบอลูมิเนียมค่ะ
ถัดมาเป็นประตูบานเลื่อนกระจกเปิดได้ 2 ทาง กรอบบานอลูมิเนียม ด้านขวาเป็นกระจกบาน Fixed ค่ะ ปกติแล้วระเบียงห้องนอนใหญ่จะอยู่ส่วนหน้าบ้าน แต่อันนี้มาอยู่ด้านข้าง และเป็นแบบหน้าแคบ ลึกเข้าไป ข้อดีคือไม่โดนแดด ถ้าวางโซฟาเป็นแบบที่นั่งเล่นด้านนอกได้ ก็จะสามารถนั่งอ่านหนังสือรับลม แต่ข้อเสียก็คือถ้าเป็นบ้านที่ปลูกต้นไม้ หรือว่าบ้านที่ใช้เป็นที่ตากผ้า แดดก็จะไม่ถึงเท่าปกติ
มาที่พื้นที่ระเบียงบนชั้น 2 มีขนาด 1.60 x 2.60 เมตร สามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อน Outdoor หรือจะเป็นพื้นที่ซักล้างบนชั้น 2 ได้ค่ะ
หันกลับมาจะเห็นกระจกบานกระทุ้งอยู่ ซึ่งกระจกบานกระทุ้งนี้เชื่อมกับพื้นที่โถงบันได นอกจากจะให้แสงสว่างจากระเบียงเข้าสู่บริเวณโถงบันไดบ้านแล้ว ยังได้รับลมด้วย ลมที่ได้ก็จะไม่ใช่ลมแรง แต่เป็นลมที่ไว้สำหรับหมุนเวียนภายในโถงบันได
ในบ้านมาตรฐานจะไม่ได้ปูหญ้าให้ โดยปูเป็นกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 30 x 30 เซนติเมตร
หันกลับมาจะเป็นห้องน้ำ บริเวณที่วางแอร์จะอยู่เหนือทางเข้าห้องน้ำ ลมแอร์จะเป่าเข้าหาเตียงด้านข้าง ประตูทางเข้าห้องน้ำในห้องตัวอย่างใช้เป็นกระจกบานเลื่อนซึ่งจะไม่มีให้ในห้องมาตรฐานนะคะ
เข้ามาภายในห้องน้ำมีขนาด 3.00 x 4.00 เมตร พื้นห้องน้ำปูเป็นกระเบื้องเซรามิกลายไม้ โดยมีพื้นที่ Walk in Closet, โต๊ะเครื่องแป้ง และอ่างล้างมือเป็นโซนแห้ง ส่วนโซนเปียกด้านในสุดจะมีบานประตูขุ่นปิดอยู่ มีพื้นที่อาบน้ำฝักบัวฝั่งหนึ่ง และอีกฝั่งหนึ่งคือโถสุขภัณฑ์ การจัดวางค่อนข้างลงตัวด้วยพื้นที่ห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่จึงสามารถจัดพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าแบบ Walk in Closet ขนาดใหญ่ได้สบายๆ เหมาะกับสาวๆที่รักการแต่งตัวทีเดียวค่ะ การมีห้องน้ำจัดแยก Function แบบนี้ทำให้การเข้าห้องน้ำอาจจะเข้าได้ 2 คนพร้อมๆกัน คือ คนนึงอาจจะอาบน้ำ คนนึงแปรงฟันได้ค่ะ
เคาน์เตอร์อ่างล้างมือ Top เป็นหินแท้ มีพื้นที่วางค่อนข้างกว้างสามารถวางข้าวของเครื่องใช้ได้สบายเลยค่ะ ในบ้านมาตรฐานจะไม่มีชั้นวางใต้เคาน์เตอร์ให้เหมือนบ้านตัวอย่างนะคะ
อ่างล้างมือทรงกลมยี่ห้อ Cotto
ในส่วนพื้นที่อาบน้ำและโถสุขภัฑณ์ มีประตูบานกระจกใสติดฟิล์มขุ่น ฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่อาบน้ำเปิดประตูโดยการผลัก และฝั่งขวาเป็นที่วางโถสุขภัณฑ์สามารถเปิดประตูได้โดยการดึงเพียงอย่างเดียวเพราะถ้าดันประตูเข้าไปจะติดโถสุขภัณฑ์ค่ะ
มือจับประตูด้านนออกเป็นสแตนเลสติดแนวนอน
ด้านในเป็นมือจับสแตนแลสเช่นกัน แต่จะติดแบบแนวตั้ง
พื้นกระเบื้องในโซนอาบน้ำใช้กระเบื้องเซรามิก 30 x 30 เซนติเมตร คนละลายกันกับพื้นที่โซนอ่างล้างมือ และ Walk in Closet
บริเวณพื้นที่อาบน้ำมีแสงธรรมชาติส่องเข้าถึงจากหน้าต่างบานกระทุ้งหลังบ้าน
ลักษณะฝักบัวสายอ่อน มีที่วางสบู่ให้ในชุดฝักบัว ยี่ห้อ Cotto
ถัดมาที่ฝั่งโถสุขภัณฑ์ก็สามารถมีแสงธรรมชาติเข้าถึงได้ด้วยหน้าต่างบานกระทุ้งอีกบาน นอกจากจะช่วยระบายอากาศได้แล้วยังลดเชื้อแบคทรีเรียที่สะสมจากความชื้นได้อีกด้วยค่ะ
สุขภัณฑ์จาก Cotto พร้อมสายฉีดชำระและที่แขวนทิชชู่
บันไดขึ้นชั้น 3 ใช้มือจับเป็นไม้สำเร็จรูปและราวบันไดเป็นชุดราวเหล็กพ่นสีขาวสำเร็จรูป
บริเวณโถงบันไดมีช่องแสงเป็นกระจกบาน Fixed ทำให้แสงธรรมชาติเข้าสู่โถงบันได โดยเซตห้องนอนเล็กให้เล็กลงมาอีกหน่อยเพื่อให้เกิดพื้นที่กันสาดภายนอกซึ่งเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ในชั้น 3 จึงสามารถทำช่องแสงได้ การทำช่องแสงไว้ด้านข้างแบบนี้ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ลูกบ้านได้เพราะไม่ต้องกังวลว่าบ้านฝั่งตรงข้ามจะมาสอดส่องบ้านเรารึเปล่า บันไดเป็นรูปตัว U ไม่มีชานพักแต่จะเป็นลูกนอนสามเหลี่ยมแทน เดินยากอาจจะลำบากหน่อย
ในชั้น 3 จะประกอบไปด้วยห้องนอนกลาง, ห้องนอนเล็ก และห้องน้ำรวมชั้น 3 พื้นปูด้วยลามิเนต 8 มม.
ในห้องนอนเล็กมีขนาด 4.00 x 3.00 เมตร โดยในภายในห้องนอนมีหน้าต่างบานเลื่อนได้ 2 ทาง และแอร์ที่ติดผนังอยู่บนหน้าต่าง ภายในห้องนอนนี้สามารถวางเตียงเดี่ยวหรือ Single Bed ขนาด 3.5 ฟุต ติดริมหน้าต่าง
อีกด้านของห้องเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้ง หรือจะเป็นโต๊ะทำงานก็ได้ค่ะ
เข้ามาที่ห้องนอนขนาดกลาง มีขนาดห้อง 5.00 x 3.00 เมตร อยู่ติดกับหน้าบ้าน มีบานกระจกขนาดใหญ่และหน้าต่างบานเลื่อนกระจกที่สามารถเปิดได้ทั้ง 2 ทางเหมือนกับห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต ได้สบายๆ โดยหัวเตียงจะติดผนังด้านหนึ่ง สามารถวางทีวีได้อีกด้านเพราะมีปลั๊กไฟติดตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว
หน้าต่างบานเลื่อนกระจกที่สามารถเปิดได้ทั้ง 2 ทางและบานกระจก Fixed ด้านข้าง เหมือนกับห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom)
มีบานกระทุ้งที่เชื่อมกับระเบียง ซึ่งไม่สามารถเข้าไปใช้งานในพื้นที่ได้ค่ะ
เพราะบริเวณนี้ทำเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์
อีกด้านหนึ่งของห้องเป็นจัดเป็นตู้เสื้อผ้า ที่ติดกับประตูทางเข้าห้อง ดวงโคมส่องสว่างภายในห้องเหมือนกับห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) ค่ะ
ห้องสุดท้าย คือห้องน้ำชั้น 3 ค่ะ ปูกระเบื้องด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ภายในห้องน้ำประกอบไปด้วย อ่างล้างมือ, โถสุขภัณฑ์, พื้นที่อาบน้ำเป็นแบบฝักบัวสายอ่อน ลดระดับพื้นลงไปประมาณ 3 เซนติเมตร ไม่มีฉากกั้นระหว่างโซนเปียกและโซนแห้ง แนะนำให้ทำฉากกั้นบานกระจกกั้นหรือใครงบน้อยหน่อยจะใช้เป็นม่านกันน้ำก็ได้เหมือนกันค่ะ
อ่างล้างมือแบบลอยตัวติดผนังยี่ห้อ Cotto เหมือนกับห้องน้ำชั้น 1 มีการก่อปูนเป็นเคาน์เตอร์เล็กด้วย Top หินแกรนิตสีดำ สำหรับวางของได้ กระจกเงาเป็นแนวยาวโดยมีความยาวไปถึงส่วนโถสุขภัณฑ์
สำหรับฝักบัวพร้อมที่วางสบู่เป็นยี่ห้อ Cotto รุ่นเดียวกันกับห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 11 August 2015
- TH กลาง ยูนิต G03 พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม. ที่ดิน 19.38 ตร.วา ราคา 2.99 ล้านบาทหรือประมาณ 154,282 บาท/ตร.วา
- TH กลาง ยูนิต D06 พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม. ที่ดิน 19.38 ตร.วา ราคา 3.29 ล้านบาทหรือประมาณ 169,762 บาท/ตร.วา
- TH แปลงมุม ยูนิต D05 พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม. ที่ดิน 26.95 ตร.วา ราคา 4.10 ล้านบาทหรือประมาณ 152,133 บาท/ตร.วา
- จองและทำสัญญา 40,000 บาท
- ผ่อนดาวน์ 6 งวด งวดละ 9,900 บาท
- ค่าส่วนกลาง 48 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 3 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า 2,000 บาท
- ค่าติดตั้งมิเตอร์น้ำปะปา 600 บาท
- โปรโมชั่น
- ฟรีค่าส่วนกลาง 3 ปี
- ส่วนลดเงินสด 100,000 บาท
- ฟรีค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า (บางยูนิต)
- ฟรีค่าประกันมิเตอร์ปะปา (บางยูนิต)
- ฟรีค่าดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี (บางยูนิต)
- ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน 1% (บางยูนิต)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลของโครงการ Bless Town รามอินทรา 127 ตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา ช่วงแยกเมืองมีน (แยกมีนบุรี) ในซอยรามอินทรา 127 เข้าไปลึกประมาณ 700 เมตร ใกล้กับชุมชนเก่าย่านมีนบุรี ในอนาคตอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ประมาณ 1.1 กิโลเมตร ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบทั้งที่จัดสรรและไม่จัดสรร ความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ค่อนข้างครบครัน ทั้งตลาดมีนบุรี, Big C และ Tesco Lotus สำหรับการจับจ่ายซื้อกับข้าว มีห้างสรรพสินค้าอย่าง Fashion Island และ Community Mall ก็จะมี The Promenade และ Amorini ตรงแยกสวนสยาม ส่วนโรงพยาบาลจะมีโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีที่อยู่บนถนนรามอินทราตรงแยกตัดกับถนนสวนสยาม และโรงพยาบาลเสรีรักษ์ที่อยู่บนถนนเสรีไทย ภายในซอยโครงการส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยวไม่เกิน 2 ชั้น และหมู่บ้านใหญ่ๆอย่างหมู่บ้านเอื้ออาทรมีนบุรี
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวค่อนข้างสะดวก เนื่องจากเป็นช่วงปลายรามอินทราที่รถไม่ค่อยติดและมีทางเลี่ยงทางลัดในการเดินทางไปถนนเส้นอื่นๆพอสมควร โดยสามารถเข้าถึงโครงการได้จาก ทั้งถนนรามอินทราที่เป็นถนนเส้นหลักสายยาวเข้าซอยรามอินทรา 127 ซึ่งอยู่ทางฝั่งซ้าย ถนนสุวินทวงศ์ที่มาจากทางฉะเชิงเทราเข้าแยกหทัยราษฎร์ฝั่งขวา ถนนเสรีไทยที่วิ่งคู่ขนานมากับรามอินทราแล้วตัดเข้าทางแยกเมืองมีนเข้าแยกหทัยราษฎร์ รวมไปถึงทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์และวงแหวนรอบนอก
การเดินทางโดยไม่ใช่รถยนต์ในปัจจุบันก็มีหลายแบบให้พึ่งพา ซึ่งคนแถวนี้มักจะเดินทางด้วยรถตู้และรถสองแถวเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งจุดจอดและจุดปล่อยรถตู้อยู่ที่ตลาดมีนบุรีไม่ไกลนักจากโครงการ รถตู้บริเวณนี้วิ่งกันค่อนข้างเยอะไม่ต้องยืนรอนาน สำหรับรถสองแถวก็มีที่วิ่งวนผ่านหน้าโครงการส่งที่การเคหะ และรถเมล์ประจำทางนั้นก็มีอยู่หลายสาย ป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ตรงหน้าโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ซึ่งห่างจากโครงการประมาณ 1.1 กิโลเมตร แต่ในส่วนการเดินเท้าอาจจะค่อนข้างไกลจากระยะเดินไปสักหน่อย ประกอบกับไม่มีทางเท้าที่สามารถเดินสะดวกอาจจะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีวินมอเตอร์ไซต์ที่คอยให้บริการอยู่หน้าปากซอย รวมทั้งรถสองแถวที่เข้ามาถึงหน้าโครงการ
การวางผังโครงการ เนื่องด้วยรูปร่างแปลงที่ดินเป็นแบบหน้าแคบ และลึกเข้าไป การวางผังโครงการจึงวางให้มี Facility อยู่ส่วนหน้า ใกล้กับทางเข้าโครงการอยู่เพียงจุดเดียว ถนนหลักกว้าง 12 เมตรช่วงตอนต้นและกว้าง 9 เมตรช่วงตอนปลายตรงยาวเข้าไปจุดสุดโครงการ และมีซอยทางขวาเป็นถนนรองความกว้าง 9 เมตร หันหน้าเข้าหากัน โดยการวางถนนหลักโครงการอยู่ตรงกลางและมีซอยย่อยฝั่งขวา ในแต่ละซอยมียูนิต 6-10 ยูนิต ซึ่งถือว่ามีจำนวนน้อยและความลึกไม่มาก ทำให้เข้าถึงได้ง่ายและปลอดภัยดี
ตัวโครงการมีการแบ่งขายเป็น Phase 1 ที่อยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ และ Phase 2 จะอยู่ลึกเข้าไปทำให้ลูกบ้านใน Phase 1 เดินทางเข้าออกสะดวกและเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางได้ง่ายกว่า แต่ในขณะเดียวกันข้อดีของ Phase 2 ที่อยู่ด้านหลังก็จะได้ความ Privacy สูงกว่าเช่นกัน การวางตัวบ้านของโครงการสัมพันธ์กับทิศทางแดด – ลม ซึ่งในทิศตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับลมดีพัดเข้าหน้าบ้านแต่ก็จะโดนแดดร้อนกว่า ส่วนทิศตะวันออกที่จะได้รับแดดค่อนข้างนานกว่าทิศอื่นๆ และทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่เฉียงไปทางทิศเหนือมากกว่าจึงค่อนข้างร่ม สำหรับ facilities มีเพียงสวนหย่อม แต่ก็เป็นทั่วไปของบ้านราคาไม่แพงมาก
ส่วนการออกแบบทาวน์โฮม ค่อนข้างเป็นสัดส่วนลงตัว บริเวณห้องน้ำและห้องเก็บของใต้บันไดชั้นหนึ่งมีการหลบสายตาไม่ให้มองเห็นโดยทำโถงเล็กๆแจกเข้าห้องน้ำและห้องเก็บของ ฝ้าเพดานยกสูงถึง 2.8 เมตร ทำให้ปริมาตรของบ้านเยอะขึ้นจึงดูค่อนข้างโปร่งโล่ง ประกอบกับหน้าต่างบานกระจกที่มีขนาดใหญ่และเยอะ รวมทั้งการทำกระจกเข้ามุมโดยไม่มีกรอบบานยิ่งทำให้ตัวบ้านดูโปร่งโล่ง และมีแสงธรรมชาติเข้าได้ทั่วถึงภายในบ้าน บริเวณโถงบันไดทั้งชั้น 1 – 2 และชั้น 2 – 3 ต่างมีบานกระจกรับแสงธรรมชาติเข้าถึงเช่นกัน ห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) จัดพื้นที่ได้กว้าง ภายในห้องน้ำนั้นมีพื้นที่ Walk in Closet ที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่แปลก ที่ปกติแล้วจะกั้น Walk-in Closet อยู่ด้านนอก มีข้อดีที่ง่ายต้องการเลือกใส่ เคาน์เตอร์อ่างล้างมือที่สามารถวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับคุณผู้หญิงได้เลยค่ะ
วัสดุที่ให้มาก็สมราคาค่ะ ทั้งพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ที่ชั้น 1, พื้นลามิเนตหน้า 8 มม. ที่ชั้น 2-3, สุขภัณฑ์ห้องน้ำยี่ห้อ Cotto แต่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ห้องครัวที่ไม่ได้ทำแบบปิดบานเลื่อนกระจกมาให้เหมือนบ้านตัวอย่าง ซึ่งบ้านพักอาศัยถาวรที่ไม่ใช่คอนโดมิเนียม ควรเป็นครัวปิดที่สามารถทำอาหารหนักได้จริงจัง การออกแบบในส่วนของลิ้นชักที่ซ่อนอยู่ใต้ลูกนอนบันไดก็เป็นหนึ่งรายละเอียดที่พิเศษและสามารถใช้งานได้จริง
ระบบรักษาความปลอดภัย เข้าประตูรั้วโครงการเป็นแบบประตูเลื่อนอัตโนมัติด้วย Key Card Access ระยะใกล้ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้อง CCTV ที่ Main Gate 1 จุด แต่ไม่มีสัญญาณกันขโมยของแต่ละบ้านให้ ถนนหลักของโครงการมีความกว้าง 12 เมตรในช่วงตอนต้นของถนน และกว้าง 9 เมตรในช่วงตอนปลายของถนน เป็นถนน 2 เลน สวนกันด้วยความขนาดความกว้างของถนนที่ค่อนข้างกว้างดังนั้นจึงค่อนข้างสะดวกสบายในการขับขี่และลดปัญหารถติดขัดหากมีเพื่อนบ้านจอดรถหน้าบ้าน ถนนภายในซอยย่อยโครงการกว้าง 9 เมตร สามารถถอยรถได้สะดวกค่ะ สำหรับความสูงรั้งของโครงการอยู่ที่ 3 เมตร และ Facility ของโครงการจะมีเพียง พื้นที่สวนหย่อมด้านหน้าโครงการขนาด 144 ตร.วา ที่เป็นพื้นที่กลางแจ้ง มีไม้ยืนต้นอยู่ด้านข้าง ไม่สามารถมานั่งเล่นได้ในช่วงเวลากลางวัน ต้องรอช่วงเช้าหรือเย็นที่แดดหลบแล้ว จะไม่ค่อยได้ถูกใช้งานมากนัก นอกจากมานั่งปิกนิกกันในช่วงวันหยุด มีเด็กๆมาวิ่งเล่นกันบ้าง
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 3 – 4 ล้านบาท, 11 August 2015
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ทำเลอุดมสมบูรณ์ แต่อยู่ในซอยลึก 700 เมตร ถนนหลักในโครงการกว้าง 9 – 12 ม.
- ความปลอดภัย 7.0/10 – Key Card Access, CCTV ระยะใกล้
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.0/10 – ฝ้าสูง 2.8 ม. ห้องน้ำใหญ่มี Walk in Closet ในห้องน้ำ
- วัสดุ 7.5/10 – สุขภัณฑ์ยี่ห้อ Cotto, กระเบื้องพอซเลน, ลามิเนต 8 มม.
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.0/10 – พื้นที่สีเขียวหน้าโครงการ สภาพโครงการยังไม่เสร็จสมบูรณ์
- สาธารณูปโภค 6.75/10 – มีเพียงสวนหย่อมหน้าโครงการ
- 7.38 / 10.00
BOTTOM LINE
Bless Town รามอินทรา 127 โครงการทาวน์โฮม ย่านมีนบุรี เหมาะสำหรับคนในพื้นที่ หรือครอบครัวใหม่ คาดหวังการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในอนาคต มีรถยนต์ส่วนตัว และมีงบประมาณประมาณ 3 – 4 ล้านบาท มีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 21,000 – 34,000 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/