รีวิวโครงการ
BoomTharis | Haus 22 Sathorn ทาวน์โฮม Super Luxury ในซอยนราธิวาสฯ 22
12 ตุลาคม 2021
สวัสดีค่ะทุกคน walk-in review ในครั้งนี้ เราจะมารีวิวบ้านที่ใกล้กับ skywalk ช่องนนทรีมากที่สุดโครงการหนึ่งก็ว่าได้ โครงการนี้คือ Haus 22 Sathorn ทาวน์โฮมระดับ Super Luxury จาก Peace Plus Property ราคาเริ่มต้น 26.9 ล้านบาท จุดที่เราว่าน่าสนใจมากๆสำหรับโครงการนี้มีดังนี้ค่ะ
- ทำเล : ที่ตั้งของ Haus 22 Sathorn จะเข้า-ออกได้ทั้งจากถนนนราธิวาสฯและถนนสาธุประดิษฐ์ค่ะ จุดที่เราว่าชนะขาดโครงการที่เป็นบ้านแนวราบโครงการอื่นๆ คือที่ตั้งโครงการที่ไปยังถนนนราธิวาสฯ ได้แถมอยู่ฝั่งขาเข้า ออกจากโครงการไปประมาณ 2.5 กม.ก็ถึง skywalk ช่องนนทรีแล้ว เรียกได้ว่าเป็นทำเลบ้านแนวราบที่หายากมากๆ เลยค่ะ
- พื้นที่ใช้สอย : ด้วยความที่บ้านใจกลางเมืองส่วนใหญ่มักจะอยู่บนทำเลที่ราคาที่ดินสูง ดังนั้นการออกแบบให้ได้พื้นที่ใช้สอยคุ้มค่ามากที่สุดจึงเป็นโจทย์สำคัญสำหรับผู้พัฒนาโครงการค่ะ ที่นี่จะออกแบบเป็นทาวน์โฮม 4.5 ชั้น + ชั้นดาดฟ้า เรียกได้ว่าออกแบบให้ได้พื้นที่ใช้สอยสูงสุด ประมาณ 300-440 ตร.ม.เลยทีเดียว แต่ก็มีลิฟต์มาให้ภายในบ้านเพื่อให้ไม่ลำบากในการเดินขึ้นลงนะคะ
- การออกแบบ : ถึงแม้โปรดักส์ของที่ Haus 22 Sathorn จะเป็นทาวน์โฮมก็จริง แต่หลังจากที่เราได้ไปเยี่ยมชมโครงการเรามองว่าที่นี่สามารถออกแบบพื้นที่ภายในให้ดูโปร่งโล่งสบาย มีแสงสว่างเข้ามาใจกลางบ้านจาก Skylight เข้าไปในบ้านแล้วไม่รู้สึกว่าอยู่ทาวน์โฮมเลยนะ อีกจุดก็คือเรื่องพื้นที่สีเขียวที่มักจะเป็นจุดอ่อนของทาวน์โฮม โครงการนี้ก็ออกแบบระเบียงมาหลายจุดสำหรับปลูกต้นไม้ และยังมีการออกแบบถนนภายในโครงการ และ พื้นที่รอบๆให้มีต้นไม้เข้าไปแทรก จึงทำให้บรรยากาศภายในโครงการนี้ดูร่มรื่นไม่น้อยเลยค่ะ
- ราคา : ทาวน์โฮมของที่นี่จะเริ่มต้นที่ 26.9 – 49.9 ล้านบาท ถ้ามองในแง่ตัวเลขก็ถือว่าสูงนะคะ แต่สำหรับคนที่มองหาที่อยู่อาศัยที่ใกล้กับสาทรที่สุดเราก็ถือว่าน่าสนใจนะคะ ถ้าเทียบกับคอนโดระดับ super luxury ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยที่เยอะกว่ามาก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนซื้อแล้วว่าให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง บริการ หรือว่าพื้นที่ใช้สอยมากกว่ากัน
พอจะเห็นจุดเด่นและภาพรวมของโครงการนี้คร่าวๆ กันแล้วใช่ไหมคะ เราลองไปดูรายละเอียดกันต่อได้เลย
ข้อมูลโครงการ
Haus 22 Sathorn (เฮ้าส์ 22 สาทร) ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2564
ชื่อโครงการ | Haus 22 Sathorn (เฮ้าส์ 22 สาทร) |
ชื่อผู้ประกอบการ | พีซ พลัส พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด |
SEGMENT CLASS | LUXURY – SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 22 เขตยานนาวา |
ที่ดิน | 2-2-2 ไร่ |
จำนวนยูนิต | จำนวน 24 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2563 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปลายปี 2564 |
เว็บไซต์โครงการ | www.haussathorn.com |
โทร | 099-402-4995 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.703141058585853 , 100.53556965337197
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
Haus 22 Sathorn อยู่ที่ไหน?
ที่ตั้งของโครงการ Haus 22 Sathorn จะตั้งอยู่ในซอยนราธิวาสฯ 22 ที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนสาธุประดิษฐ์ได้ค่ะ ถือว่าเป็นทำเลที่อยู่ใกล้ย่านธุรกิจหลักของกรุงเทพฯอย่างสาทรมาก ซึ่งในโซนสาทรนี้ก็เป็น CBD ที่ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน โรงเรียนชั้นนำ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และระบบขนส่งมวลชนที่ถือว่าครบครัน กินอยู่ใช้ชีวิตได้ครบในโซนเดียวเลยค่ะ
ทำเล Haus 22 Sathorn มีจุดเด่นอะไรบ้าง?
ก่อนจะไปอธิบายถึงจุดเด่น เราขอเล่าบรรยากาศของโซนนี้ให้ฟังคร่าวๆ กันก่อนนะคะ อย่างที่เรารู้กันดีว่าโซนสาทรและสีลมจัดว่าเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ที่สำคัญแห่งหนึ่งของคนกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านอาหารการกิน และการเดินทางที่สะดวกสบายครบครัน นอกจากอาคารสำนักงานหรือห้างสรรพสินค้าแล้วก็จะมีอาคารพาณิชย์ที่อยู่ริมถนนใหญ่และตามซอยย่อยที่ปรับชั้นล่างมาเป็นร้านค้าร้านอาหาร ส่วนชั้นบนก็ยังคงใช้เป็นที่พักอาศัย ซึ่งรูปแบบการอยู่อาศัยของผู้คนในโซนนี้ก็จะอยู่กันแบบนี้เป็นหลักค่ะ
สำหรับคนท้องถิ่นที่อยู่ในโซนนี้เดิมอยู่แล้วส่วนใหญ่จะอยู่ในแถบเจริญกรุง , ถนนจันทน์ , สาธุประดิษฐ์ หรือว่าเลยไปยังพระราม 3 เลยค่ะ ซึ่งรูปแบบที่อยู่อาศัยอย่างที่บอกไปว่ามักจะเป็นตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ แต่ถ้าเป็นพนักงานบริษัทที่ทำงานในโซนสีลมสาทร ก็มักจะเลือกเป็นคอนโดเพื่ออยู่อาศัย ใกล้รถไฟฟ้า หรือว่าเดินทางไปทำงานสะดวกแทนค่ะ
ในส่วนของโครงการที่เป็นที่พักอาศัยเปิดขายใหม่ในโซนนี้จะมีทั้งโครงการที่เป็นบ้าน และ โครงการที่เป็นคอนโดเลย ซึ่งคอนโดเองก็จะมีทั้งคอนโด High rise ติดถนนใหญ่ คอนโด High Rise ใกล้รถไฟฟ้า และ คอนโด Low rise ที่ราคาย่อมเยา ลงมาในซอยย่อยอย่างโซนถนนจันทน์และถนนเจริญราษฎร์
ในส่วนโครงการที่เป็นบ้านส่วนใหญ่ด้วยข้อจำกัดของที่ดินในเมือง ทำให้รูปแบบบ้านมักจะดีไซน์ออกมาเป็นทาวน์โฮมให้คุ้มค่าราคาที่ดิน ด้วยการสร้างเต็มพื้นที่ เน้นพื้นที่ใช้สอยให้มากที่สุด โดยโครงการที่เป็นบ้านเองก็จะมีอยู่ 2 โซนเช่นกัน คือฝั่งสาธุประดิษฐ์ใกล้สาทร กับ ฝั่งสาธุประดิษฐ์ใกล้พระราม 3 ซึ่งโซนที่ใกล้พระราม 3 ก็จะมีบ้านที่เป็นบ้านเดี่ยวให้เลือก ที่ดินใหญ่ขึ้น แต่ก็จะอยู่ห่างจากสาทรมากกว่าค่ะ
จุดเด่นโครงการ Haus 22 Sathorn
แต่สำหรับจุดเด่นของโครงการ Haus 22 Sathorn ในเรื่องทำเลที่ตั้ง เรามองว่ามี 3 ข้อหลักดังนี้
- เข้าออกได้จากถนนนราธิวาสฯ : ที่ตั้งโครงการนี้สามารถเข้าออกได้จากถนนนราธิวาสฯเป็นหลัก และอยู่ในฝั่งขาเข้า ซึ่งเป็นทำเลที่โครงการบ้านแนวราบโครงการอื่นไม่มีค่ะ
- ห่างจาก Skywalk ช่องนนทรี 2.5 กม. : เราขอเลือกเอา Skywalk ช่องนนทรีเป็น node ไว้อ้างอิงนะคะ ตัวโครงการนี้ห่างจาก Skywalk เพียง 2.5 กม. ซึ่งถือว่าเป็นระยะทางที่ใกล้มากสำหรับบ้านแนวราบนะคะ แล้วระยะทางเท่านี้มีประโยชน์คือ ถ้าใครรู้จักหรือคุ้นเคยย่านสาทรดีจะรู้ว่าเป็นโซนที่รถติดมากไม่แผ่วเลย ดังนั้นการไปใช้งานรถไฟฟ้า หรือว่าเรียกใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องใช้ชีวิตแถวนี้ ซึ่งด้วยระยะทางนี้เอง ถ้าอยู่ในโครงการ Haus 22 Sathorn เราก็สามารถเรียกวินมอเตอร์ไซค์ไปทำงานหรือว่าไปเรียนได้เลย ถ้ารถติดมาก เรียกรถรับจ้างยากมาก เผลอๆเดินออกกำลังกายยังได้ (สำหรับคนที่วิ่งเป็นประจำ 2-3 กม.ถือว่าเบาๆใช่ไหมคะ)
- ล้อมรอบด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางด้านอาหารการกิน : ในการเลือกที่อยู่อาศัยเราคงไม่ได้มองแค่ว่าเดินทางสะดวก แต่ก็ย่อมมองถึงไลฟ์สไตล์อื่นๆ อาหารการกินพ่วงเข้าไปด้วย ซึ่งทำเลของ Haus 22 Sathorn จะล้อมรอบด้วย
1. ฝั่งถนนจันทน์-สาธุฯ ที่เป็นชุมชนดั้งเดิม ร้านอาหาร ตลาดขึ้นชื่อเยอะมากค่ะ
2. ฝั่งสาทร จะขอบอกว่าในโซนนี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงานได้ดี มีคาเฟ่เก๋ๆ เพียบ
3. ฝั่งพระราม 3 ก็จะมีห้างใหญ่อย่างเซ็นทรัลพระราม 3 อยู่ และมี Community mall อย่าง The UP พระราม 3 ด้วยค่ะ
4. ฝั่งเย็นอากาศ/นางลิ้นจี่ ด้วยทำเลโครงการที่ไม่ไกลเรามองว่าจะเดินทางไปก็สะดวกค่ะ
ผู้อ่านเห็นไหมคะว่าทำเลนี้อยู่ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ขนาดไหน สำหรับเรานอกจากความหลากหลายของตัวเลือกที่มีแล้ว ยังได้ข้อดีอย่างเรื่องระยะทางอีกด้วยค่ะ ลองคิดดูว่าถ้าเราจะสั่งอาหารจาก delivery service ต่างๆ เผลอๆ ค่าส่งอาจจะ 0 บาทด้วยนะ เลือกกินร้านอร่อยได้ไม่ซ้ำแบบไม่ต้องออกจากบ้าน นี่ก็เป็นจุดแข็งของโครงการที่อยู่ใจกลางเมืองค่ะ
ราคา Haus 22 Sathorn ถือว่าคุ้มค่าหรือไม่?
ในแง่ของความคุ้มค่าเรามองว่าแต่ละคนให้ความสำคัญกับปัจจัยต่างๆ เช่น ทำเล ขนาดพื้นที่ใช้สอย การออกแบบ หรือว่า พื้นที่ส่วนกลางแตกต่างกันนะ แต่เราก็ลองรวบรวมข้อมูลทั้งบ้านและคอนโดที่อยู่ในละแวกนี้มาให้ดู เพื่อช่วยเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจนะคะ
คนที่เลือกซื้อคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มักจะเลือกที่ทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า เดินไปทำงานได้ และมีพื้นที่ส่วนกลางที่หรูหราให้ใช้งาน โดยคอนโดระดับ Luxury ที่อยู่แถวสาทรก็จะมีโครงการเช่น Tait 12, Anil Sathorn 12 ซึ่งคอนโดในกลุ่มนี้จะเป็นคอนโดที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าเป็นหลัก ส่วนราคาเริ่มต้นก็จะอยู่ที่ 9 ล้าน (update July 2021) ส่วน Ritz Carlton Residences ที่ราคาเริ่มต้นราวๆ 40-50 ล้านบาท (update October 2021) เน้นห้องขนาดใหญ่ 100 ตร.ม.ขึ้นไปค่ะ และอีกโครงการที่เป็นคอนโดขนาดใหญ่เทียบบ้านได้ก็จะเป็นโครงการ Windshell นราธิวาส ที่ทำออกมาห้องใหญ่ 500 กว่าตร.ม. แต่ราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ 91 ล้านบาทเลยค่ะ (update march 2021) ถ้าเรามองเทียบกับคอนโดแล้ว Haus 22 Sathorn ก็ถือว่าเป็นโครงการที่ราคาคุ้มค่ากับพื้นที่ใช้สอยที่ได้ บนทำเลที่ห่างออกมาเล็กน้อย แต่ก็แลกมากับการไม่มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งานนะคะ
ในส่วนบ้านแนวราบด้วยกันเอง เราจะเห็นได้ว่าโครงการ Haus 22 Sathorn และ ATRIA สาทร – สาธุประดิษฐ์ จะเป็น 2 โครงการที่อยู่โซนสาธุประดิษฐ์ที่ใกล้กับสาทร ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้เรามองว่าในแง่โปรดักส์จะมีขนาดและราคาใกล้เคียงกันนะคะ สิ่งที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดจะเป็นดีไซน์ของบ้าน โดย ATRIA สาทร-สาธุฯ จะเน้นดีไซน์ที่ดูทันสมัย ส่วน Haus 22 Sathorn จะมาในแนว modern classic ที่ชวนให้นึกถึง Townhouse กลางกรุงลอนดอนค่ะ
สำหรับโครงการ ATRIA สาทร-สาธุฯ ที่เปิดขายก่อนจะเหลือแต่บ้านแบบใหญ่ที่เป็นบ้านแฝด ซึ่งจะใกล้เคียงกับแบบ Harper ค่ะ ส่วนบ้านแบบเริ่มต้นที่เป็นทาวน์โฮมเหมือนกันก็จะเหลือแต่ Haus 22 Sathorn ค่ะ ราคาอยู่ในช่วง 20-30 ล้านบาท ส่วนตัวเรามองว่าทำเลของ Haus 22 Sathorn จะได้เปรียบกว่าในแง่ความใกล้กับสาทรนะ ใครที่กำลังตัดสินใจเราแนะนำให้ไปเยี่ยมชมทั้งสองโครงการดูเลยค่ะ ว่าชอบดีไซน์ ฟังก์ชัน ทำเลไหนมากกว่ากัน
สำหรับโครงการที่เป็นบ้านแนวราบอื่นๆ จะอยู่ทางสาธุประดิษฐ์ฝั่งใกล้กับพระราม 3 เป็นส่วนใหญ่ โดยจะเป็นโครงการที่มีโปรดักส์หลากหลาย ทั้งทาวน์โฮมเหมือนกับ Haus 22 Sathorn เช่น The Welton rama 3 ราคาเริ่มต้น 22.8 ล้านบาท และ Baan 365 ราคาเริ่มต้น 27 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการจะมีทั้งทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวขายในโครงการ นอกจากนี้ก็จะมีโครงการเปิดใหม่ บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์-พระราม 3 ที่มีบ้านแฝดราคาเริ่มต้น 28.6 ล้านบาทขายค่ะ สำหรับในโซนนี้ถ้าเทียบในแง่ทำเลแล้ว เราก็ยังมองว่า Haus 22 Sathorn อยู่บนทำเลที่ใกล้สาทร ทำให้มูลค่าที่ดินสูงกว่านะคะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนที่กำลังมองหาบ้านว่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องไหนมากกว่ากันค่ะ
รูปแบบโครงการ
เนื่องจากที่ดินในตัวเมืองมักจะมีราคาสูง ทำให้การออกแบบที่พักอาศัยจึงถูกกำหนดด้วยขนาดที่ดินและความคุ้มค่าของพื้นที่ใช้สอยที่สามารถเป็นไปได้ในเชิงกฎหมาย ทำให้โครงการทาวน์โฮมใจกลางเมืองส่วนใหญ่มักเป็นทาวน์โฮมที่สูง 4 ชั้น (ตามกฎหมาย) + ชั้นลอย และพื้นที่ชั้นดาดฟ้า เพื่อให้ได้พื้นที่ใช้สอยเยอะที่สุดที่สามารถทำได้ค่ะ
Haus 22 Sathorn เป็นโครงการจัดสรรที่เป็นโครงการปิด มีรั้วล้อมรอบ และมีระบบรักษาความปลอดภัยมาให้เรียบร้อย โดยทั้งโครงการจะมีบ้านเพียง 24 หลัง แบ่งเป็น 12 หลังด้านหน้าเป็นแบบบ้านใหญ่ Harper หน้ากว้าง 8 เมตร และ 12 หลังทางด้านในจะเป็นบ้านแบบ Mason หน้ากว้าง 6 เมตรค่ะ
ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ
Haus 22 Sathorn จะมีทางเข้า-ออกอยู่จุดเดียวทางฝั่งซอยนราธิวาสฯ 22 โดยจะมีป้อมยามอยู่ที่บริเวณทางเข้าโครงการ มีประตูรั้วบานเลื่อนอัตโนมัติติดตั้งอยู่ ลูกบ้านสามารถเข้า-ออกโครงการได้ด้วย Keycard
ที่นี่จะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และจะมี CCTV ติดตั้งไว้ทั่วโครงการรวม 16 จุดค่ะ
นอกจากนี้รั้วรอบๆโครงการก็จะก่อไว้สูง 2.75 เมตร + ต่อระแนงเพิ่มรวมแล้วสูง 3 เมตร โดยค่าส่วนกลางจะอยู่ที่ 190 บาท/ตร.วานะคะ สำหรับใครที่คิดว่ายังไม่เพียงพอ เรามองว่าสามารถติดตั้ง CCTV หรือระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านเพิ่มเติมได้เองในอนาคตค่ะ
บรรยากาศร่มรื่นใจกลางเมือง
จุดที่เราประทับใจคือการออกแบบบรรยากาศภายในโครงการที่แทรกต้นไม้ใหญ่ และพื้นที่สีเขียวไว้ตามจุดต่างๆ ทำให้เมื่อเข้ามาภายในโครงการจะรู้สึกร่มรื่นพอสมควร เมื่อรวมกับดีไซน์ของตัวบ้านที่เป็น Modern classic ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ที่กรุงลอนดอน ราวกับว่าได้เดินออกมาจากซีรีส์ Bridgerton เลยค่ะ
ต้นไม้ใหญ่ข้างถนนภายในโครงการ พื้นที่ข้างถนนในโครงการจะมีต้นไม้กระถางขนาดใหญ่วางอยู่ทั้งสองฝั่ง
พื้นถนนภายในโครงการจะเป็นคอนกรีตแสตมป์ เล่นกับลวดลาย เข้ากับสไตล์การออกแบบ landscape ของโครงการพอดิบพอดี
มองจากถนนทางเข้ามาภายในโครงการ จะเห็นต้นไม้สองฝั่งช่วยสร้างให้บรรยากาศภายในโครงการดูเขียวชอุ่มดีนะคะ
สวนหย่อมข้างตัวอาคาร
พื้นที่ส่วนที่แทรกระหว่างตัวอาคารนี้จะมีชื่อเรียกว่า Spring, Summer, Winter, Autumn ตามชื่อฤดูกาล จัดเป็น Seasonal Gardens ให้ได้ออกมาเดินเล่นได้ และถ้าครอบครัวไหนมีลูกเล็กก็มีมุมที่จัดเป็น Playground เล็กๆให้ได้เล่นซนด้วยค่ะ
Seasonal Gardens
Pocket garden ภายในบ้าน
การออกแบบพื้นที่สีเขียวไม่ได้มีเฉพาะรอบๆ โครงการเท่านั้นค่ะ แต่ยังมีรายละเอียดในการออกแบบตัวบ้าน ที่สามารถแทรกพื้นที่สีเขียวเข้าไปได้หลายจุดหลายชั้น
บริเวณที่จอดรถของบ้าน ตัวบ้านจะออกแบบให้เป็นรั้วบานเลื่อนโค้งเข้าไปภายใน แต่ถ้าสังเกตรางจะเห็นว่ามีการเว้นระยะระหว่างรางเลื่อนของรั้วกับกำแพงบ้านอยู่ค่ะ ซึ่งเป็นระยะที่เรานำต้นไม้กระถางมาวางเป็นแนวพื้นที่สีเขียวได้ สร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่นกันตั้งแต่ที่จอดรถเลย
ที่ชั้น 2 และชั้น 3 ของบ้าน จะมีการออกแบบระเบียงให้สามารถปลูกต้นไม้ได้ เป็นเหมือน Pocket garden ในแนวสูง จุดนี้เรามองว่าช่วยสร้างบรรยากาศให้เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามหรือเพื่อนบ้านที่อยู่รอบๆ เมื่อมองออกมาก็จะเจอกับจุดโฟกัสที่เป็นพื้นที่สีเขียวต่างๆ ดูสบายตาในการอยู่มากขึ้น
ที่ชั้น 2 ของบ้านทั้ง 2 แบบจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นแบบฝ้าเพดานสูงค่ะ โดยจะมีระเบียงที่สามารถปลูกต้นไม้ได้ด้วย แต่สำหรับแบบบ้าน Harper ซึ่งเป็นหลังใหญ่จะมีจุดสำหรับปลูกต้นไม้ใหญ่แยกมาจากระเบียง ดูสวยเก๋ไปอีกแบบค่ะ
ที่ชั้น 3 ของบ้านก็จะมีระเบียงขนาดใหญ่ แบ่งพื้นที่ให้สามารถปลูกต้นไม้ได้ นอกจากจะสร้างวิวสีเขียวให้กับคนที่อยู่ภายในห้องแล้ว เรามองว่าก็ช่วยพรางตาจากคนภายนอก ไม่ให้มองเข้าไปเห็นภายในห้องตรงๆด้วยค่ะ
ในส่วนของคนที่อยู่อาศัยภายในบ้านก็สามารถเดินออกมาที่บริเวณระเบียงส่วนตัวในห้องรับแขก หรือว่าห้องนอน ก็จะเจอกับพื้นที่สีเขียว ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดมากขึ้น แม้ว่าตัวทำเลจะอยู่ ใจกลางเมืองย่านสาทรก็ตามค่ะ
นอกจากพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ทางฝั่งหน้าบ้านแล้ว ทางฝั่งหลังบ้านก็ยังมีการออกแบบที่เพิ่มพื้นที่สีเขียวลงไปอีก เช่นสวนหลังบ้านที่ชั้น 1 ค่ะ โดยฟังก์ชันที่ชั้น 1 นี้จะออกแบบประตูบานเฟี้ยมกระจกเอาไว้ทั้งฝั่งหน้าบ้านและหลังบ้าน สามารถเปิดสุดได้เชื่อมต่อกับสวนที่จัดไว้หลังบ้านค่ะ ได้บรรยากาศ semi outdoor
หรืออย่างห้องน้ำใน master bedroom ที่ออกแบบให้เป็นกระจกเปิดโล่ง จัด Pocket garden ไว้ข้างๆ พร้อมกับมีอ่างอาบน้ำภายในตัว อาบน้ำไปชมวิวสวนไปก็เพลิดเพลินดีนะคะ แต่ถ้าใครที่เขินอายก็หาม่านมาติดเพิ่มได้ค่ะ
ที่ชั้นดาดฟ้าจะเป็นพื้นที่ส่วน Service สำหรับวาง condensing unit ของแอร์หรืองานระบบต่างๆ แต่ในบ้านตัวอย่างลองจัดสวนมาให้ดูส่วนหนึ่ง ซึ่งเรามองว่าเป็นวิวที่ได้บรรยากาศชิลล์ไปอีกแบบ มองออกไปเห็นท้องฟ้ากว้างสบายตาดีค่ะ
แบบบ้าน
ภายในโครงการ Haus 22 Sathorn จะมีแบบบ้านให้เลือกอยู่ 2 แบบค่ะ เป็นทาวน์โฮม 4.5 ชั้นทั้งคู่ แต่หน้ากว้างจะแตกต่างกันทำให้ที่ดิน พื้นที่ใช้สอยแตกต่างกันค่ะ ในส่วนของการจัดวางฟังก์ชันจะค่อนข้างใกล้เคียงกัน จุดที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดจะเป็นเรื่องที่จอดรถที่บ้านหลังใหญ่สามารถจอดรถได้ 3 คันค่ะ
- Mason หน้ากว้าง 6 เมตร ที่ดิน 22.70 – 36.20 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 308 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องอเนกประสงค์
– ราคาเริ่มต้น 26.9 ล้านบาท - Harper หน้ากว้าง 8 เมตร ที่ดิน 30 – 40.40 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 ห้องอเนกประสงค์
– ราคาเริ่มต้น 36.9 ล้านบาท
ฟังก์ชันภายในบ้าน
Haus 22 Sathorn เป็นทาวน์โฮมสูง 4.5 ชั้น แต่ก็จะมีพื้นที่ชั้นลอยครึ่งชั้นและชั้นดาดฟ้าอีก 1 ชั้นค่ะ ในภาพข้างล่างเราจะเทียบความแตกต่างในการจัดฟังก์ชันของบ้านทั้ง 2 แบบให้ดูนะคะ
จุดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนจะเป็นที่จอดรถและชั้นของห้อง Master Bedroom ค่ะ โดยที่จอดรถของบ้านแบบ Harper ซึ่งหน้ากว้าง 8 เมตรจะจอดได้ 3 คัน และจะนำเอา master bedroom ไว้ที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของบ้าน ส่วนบ้านแบบเล็ก Mason จะจอดรถได้ 2 คัน และ Master Bedroom จะอยู่ที่ชั้น 3 แทนค่ะ ในเรื่องของความสูงต่างๆ ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะบ้านภายในโครงการนี้จะมีลิฟต์ให้ทุกหลังเป็นของ Schneider จาก German ค่ะ
ในบ้านที่ขายนั้นจะเป็นบ้านเปล่านะคะ แต่ก็มีการออกแบบการก่อสร้างที่คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยเช่น ผนังก่ออิฐมวลเบา 2 ชั้น เพื่อกันเสียงจากข้างบ้าน บันไดบ้านที่เป็นคสล. เวลาเดินขึ้นลงจะรู้สึกถึงความแข็งแรง หรืออย่างวัสดุที่ให้มาก็ถือว่าให้มาระดับที่ดีสมราคานะ ประตูทางเข้าบ้านได้ประตูไม้ตะแบก ลูกนอนบันไดก็เป็นไม้ตะแบกเช่นกัน ส่วนหน้าต่างภายในบ้านก็เลือกใช้ของ Tostem พื้นภายในบ้านเป็นกระเบื้องและ engineering wood ส่วนสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะได้ของ Kohler ค่ะ
ฟังก์ชันเด่นภายในบ้าน
บ้านของโครงการนี้จะมีห้องนอนอยู่ 3 ห้องเป็นหลักอยู่ที่ชั้น 3,4 ส่วนห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว และครัวจะถูกวางไว้อยู่ที่ชั้น 2 ค่ะ ทำให้มีพื้นที่เหลือเป็นห้องอเนกประสงค์อยู่ที่ชั้น 1 และชั้นลอย ซึ่งสามารถปรับใช้งานได้ตามความต้องการแต่ละคนเลยค่ะ
ชั้น 1 Foyer และ Multi-purpose area
ที่ชั้นล่างจะออกแบบให้มีฟังก์ชันหลักอยู่ 2 ส่วนคือ Foyer หรือโถงต้อนรับขนาดใหญ่อยู่กลางบ้าน และ Multi-purpose area หรือพื้นที่อเนกประสงค์สามารถปรับเป็นห้องกิจกรรมทำงานอดิเรกที่ชอบได้
บรรยากาศ Foyer ของบ้านแบบ Harper
Foyer ของบ้านแบบ Harper จะมีขนาดใหญ่กว่าบ้านแบบ Mason ค่ะ ทำให้จัดวางชุดโซฟารับรองแขกตรงนี้ได้
บรรยากาศ Foyer ของบ้านแบบ Mason
ส่วนพื้นที่ Foyer ของบ้านแบบ Mason จะออกแนวโถงทางเดินมากกว่าค่ะ จัดมุมต้อนรับได้ แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับวางชุดโซฟาใหญ่ๆนะ
Multi-purpose area ของบ้านแบบ Harper
ถัดมาด้านข้างจะเป็นห้องอเนกประสงค์ค่ะ พื้นที่ตรงนี้เรามองว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่เลย จากที่จอดรถไปยังหลังบ้าน ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ปรับเป็นห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน ห้องสำหรับงานอดิเรกได้ตามใจชอบเลย
Multi-purpose area ของบ้านแบบ Mason
ในบ้านตัวอย่างของ Mason ได้จัดพื้นที่ชั้นล่างนี้เป็นห้องออกกำลังกายส่วนตัวค่ะ เป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อยเลย หลังจากที่ฟิตเนสปิดต้องอยู่บ้านเป็นเวลานาน หลายๆ คนก็เริ่มซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายมากองไว้ที่บ้านกันแล้ว
บ้านแบบ Mason
จุดที่เรามองว่าน่าสนใจคือการออกแบบชุดประตูหน้าต่างของ Multi-purpose area ที่เป็นบานเฟี้ยม เปิดสุดได้ทั้งฝั่งหน้าบ้านและหลังบ้าน ทำให้อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี นอกจากนั้นพื้นที่หลังบ้านยังสามารถจัดเป็นสวนเล็กๆ ได้ สร้างบรรยากาศให้ห้องอเนกประสงค์ดูร่มรื่นมากขึ้นค่ะ
Skylight ที่โถงบันได
ปัญหาของทาวน์โฮมส่วนใหญ่คือพื้นที่กลางบ้านและโถงบันไดที่มืด ทำให้ต้องเปิดไฟทิ้งไว้หรือว่าเวลาใช้งานเดินขึ้นลงบันได ซึ่งโครงการ Haus 22 Sathorn แก้ปัญหานี้โดยการออกแบบให้โถงบันไดมี Skylight จากชั้นดาดฟ้าช่วยเพิ่มความสว่างให้กับพื้นที่ใจกลางบ้านมากขึ้นค่ะ
โถงบันไดบ้านแบบ Mason
ชั้น 2 พื้นที่รวมตัวกันของสมาชิกภายในบ้าน
ที่ชั้น 2 ของบ้านจะออกแบบให้เป็น common area หรือพื้นที่ที่สมาชิกภายในบ้านได้มาอยู่ร่วมกัน ประกอบไปด้วย Living area พื้นที่กินข้าว ห้องครัว โดยจุดเด่นของชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ double volume ขนาดใหญ่ สร้างบรรยากาศให้การพักผ่อนภายในบ้านดูโปร่ง โล่ง แตกต่างจากภาพทาวน์โฮมที่เราเคยเจอกันค่ะ
บรรยากาศชั้น 2 ของบ้านแบบ Mason
Mason เป็นแบบบ้านที่หน้ากว้าง 6 เมตร แต่ด้วยการออกแบบพื้นที่ส่วน Living และ Dining area ที่ได้ฝ้าเพดานสูง ทำให้บริเวณนี้ดูโปร่งโล่งมากค่ะ
บรรยากาศชั้น 2 ของบ้านแบบ Harper
Harper จะเป็นบ้านแบบใหญ่หน้ากว้าง 8 เมตร ทำให้ภายในจัดฟังก์ชันใช้งานได้ยืดหยุ่นกว่าค่ะ ในบ้านตัวอย่างจะออกแบบเน้นโทนสีขาว ทำให้ดูสว่างมากขึ้นด้วย
More space กันที่ชั้นลอย
จากชั้น 2 ขึ้นไปยังชั้นลอยจะเจอกับพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สามารถเชื่อมต่อกับโถงห้องนั่งเล่นที่สูงแบบ Double Volume ได้ แต่จุดที่เราว่าน่าสนใจคือพื้นที่ชั้นลอยนี้ถูกออกแบบมาให้มีห้องน้ำพร้อมกับโซนอาบน้ำด้วย เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกในบ้านเยอะก็สามารถก่อผนังปิดสร้างเป็นห้องนอนที่ 4 ได้ แถมลิฟต์ก็ยังขึ้นมาถึงชั้นนี้อีกด้วยไม่ต้องกลัวเดินขึ้นลงลำบากค่ะ
Multi-purpose area ที่ชั้นลอยบ้านแบบ Mason
พื้นที่ส่วนนี้ภายในบ้านแบบ Mason จะจัดห้องทำงานไว้เป็นไอเดียให้ดูค่ะ ขนาดถือว่ากว้างขวางดีเลยนะคะ
multi-purpose area บ้านแบบ Mason
Multi-purpose area ที่ชั้นลอยบ้านแบบ Harper
ที่บ้านตัวอย่างแบบ Harper จะจัดเป็นห้องเด็กค่ะ เผื่อใครมีลูกเล็กก็พามาเล่นที่บริเวณนี้ได้ อาจจะมีพี่เลี้ยงคอยดูแลก็จัดเป็นมุมสำหรับน้องได้เลย ไม่ต้องไปรบกวนพื้นที่ส่วนอื่นๆของบ้าน
multi-purpose area บ้านแบบ Harper
ห้องนอนรองขนาดใหญ่อยู่สบาย
สำหรับห้องนอนรองที่ออกแบบมาจะมีอยู่ 2 ห้องค่ะ โดยบ้านแบบ Mason ห้องนอนรองจะอยู่ที่ชั้น 4 แต่บ้านแบบ Harper ห้องนอนรองจะอยู่ที่ชั้น 3 ภายในห้องจะได้ห้องน้ำในตัวและมีขนาดกว้างขวางพอที่จะวางเตียง queen ถึง king size ได้ พร้อมกับจัดมุมตู้เสื้อผ้าหรือโต๊ะเครื่องแป้ง / โต๊ะทำงานส่วนตัวได้ภายในห้อง
ห้องนอนรองชั้น 4 ฝั่งหน้าบ้านของบ้านแบบ Mason
บรรยากาศห้องนอนรองบ้านแบบ Mason
ห้องนอนรองชั้น 4 ฝั่งหลังบ้านของบ้านแบบ Mason
ห้องนี้ในบ้านตัวอย่างจะดัดแปลงเป็นห้องทำงานนะคะ ภายในบ้านมาตรฐานจะได้เป็นผนังทึบค่ะ
บรรยากาศห้องนอนรองบ้านแบบ Mason
ห้องนอนรองชั้น 3 ฝั่งหน้าบ้านของบ้านแบบ Harper
ห้องนอนรองห้องนี้เราว่าน่าสนใจเลยทีเดียวค่ะ ถ้าดูจากผังห้องจะรวมเอาพื้นที่ Living area ของชั้นนี้เข้าไปด้วย (ซึ่งตัวโครงสร้างสามารถทำได้) เลยทำให้ภายในห้องนอนนี้มีขนาดใหญ่มาก ไม่แพ้ master bedroom เลย โดยบ้านตัวอย่างก็จะแบ่งโซนออกเป็นสองส่วน กั้นด้วยผนังบานเลื่อนกระจกฝ้า ส่วนหนึ่งทำเป็น Studio ทำเพลงเล็กๆ อีกส่วนก็จะเป็นห้องนอน ซึ่งเรามองว่าน่าสนใจมากที่ตัวบ้านออกแบบมาขนาดใหญ่ รองรับงานอดิเรกที่เราชอบได้สบาย
บรรยากาศห้องนอนรองบ้านแบบ Harper
ห้องนอนรองชั้น 3 ฝั่งด้านหลังของบ้านแบบ Harper
บรรยากาศห้องนอนรองบ้านแบบ Harper
Master Bedroom ยกชั้น
สำหรับห้องนอนใหญ่ บ้านแบบ Mason จะจัดไว้ที่ชั้น 3 ส่วนบ้านแบบ Harper จะถูกวางไว้ที่ชั้น 4 ค่ะ โดยชั้นนี้จะมีฟังก์ชันแค่ห้องนอน master bedroom เท่านั้นจึงทำให้พื้นที่ภายในห้องมีขนาดใหญ่จุใจ นอกจากจะวางเตียงนอนแล้วยังสามารถทำ walk-in closet ขนาดใหญ่ได้ จัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นส่วนตัวภายในห้องก็ทำได้ แต่ที่สำคัญคือการออกแบบห้องน้ำภายใน ที่จะมีอ่างอาบน้ำมาให้ และเน้นบรรยากาศเปิดโล่งชมวิวได้ด้วยค่ะ
Master Bedroom บ้านแบบ Mason
ห้องนอนใหญ่ของที่นี่จะออกแบบกินพื้นที่ 1 ชั้นของบ้านไปเต็มๆเลยค่ะ อย่างบ้านแบบเล็ก Mason ก็จะจัดส่วนพักผ่อนไว้ทางฝั่งหน้าบ้าน จัดโซนนั่งเล่นพักผ่อนส่วนตัวภายในห้องได้ เป็นไอเดียเผื่อใครอยากจัด Snack Station เล็กๆภายในห้องไว้วางขนมหรือเครื่องดื่มก็ได้นะคะ
Master Bedroom บ้านแบบ Mason
Master Bathroom บ้านแบบ Mason
พื้นที่ห้องน้ำจะอยู่ทางฝั่งด้านหลัง ซึ่งมีขนาดใหญ่เลย ได้อ่างอาบน้ำแบบ His&Her มีพื้นที่ห้องอาบน้ำ และได้อ่างอาบน้ำลอยตัวมาด้วย บรรยากาศดูสว่างและโปร่งโล่ง ชวนผ่อนคลายเลยค่ะ
Master Bathroom บ้านแบบ Mason
Master Bedroom บ้านแบบ Harper
ที่ห้องนอนใหญ่ของบ้านแบบใหญ่สุดก็ถือว่ามีขนาดใหญ่มากเลยนะคะ แบ่งพื้นที่ได้หลายมุม ซึ่งเราก็สามารถจัดสัดส่วนของพื้นที่ตามความต้องการของแต่ละคนได้เลย อย่างในบ้านตัวอย่างจะเน้นไปที่ walk-in closet ขนาดใหญ่ ทำให้ออกแบบมาส่วนวางเตียงนอนจะขนาดพอดีกับพื้นที่ แต่ได้พื้นที่เก็บของเยอะแทน
เข้ามาภายในห้องจะมี foyer เล็กๆ
Master Bathroom บ้านแบบ Harper
ไฮไลท์ของบ้านที่นี่อีกอย่างก็คือห้องน้ำใน master bedroom ก็ว่าได้ค่ะ เพราะออกแบบ space มาได้ดี รับแสงธรรมชาติ กระจกเข้ามุมขนาดใหญ่ ดีไซน์ไม่แพ้คอนโดระดับ Luxury เลยนะ
Master Bathroom บ้านแบบ Harper
พื้นที่ส่วน Service ไว้ที่ชั้นดาดฟ้า
นอกจากพื้นที่ใช้สอยที่ให้มาแบบจัดเต็มภายในบ้านแล้ว เรามองว่าโครงการนี้ก็คิดเผื่อพื้นที่ส่วนบริการเช่นกันนะคะ อย่างการออกแบบห้องแม่บ้านเตรียมไว้ให้ทั้ง 2 แบบอยู่ที่ชั้น 1 ของบ้าน และก็ยังมีพื้นที่ชั้นดาดฟ้าที่ต่อเติมเป็นห้องได้ จัดเป็นโซนซักรีด หรือเก็บของก็ได้เช่นกันค่ะ เพียงแต่ที่ชั้นนี้ลิฟต์ขึ้นมาไม่ถึงนะ ต้องเดินขึ้นบันไดเพิ่มอีกชั้นค่ะ
บรรยากาศดาดฟ้าของแบบบ้าน Mason
จัดเป็นพื้นที่ส่วน Service เช่นห้องซักรีดได้ค่ะ
บรรยากาศดาดฟ้าของแบบบ้าน Harper
บรรยากาศดาดฟ้าของแบบบ้าน Harper
บทสรุป
Haus 22 Sathorn เป็นอีกโครงการบ้านแนวราบที่น่าสนใจไม่น้อยเลย โดยจุดที่น่าสนใจอันดับแรกคือเรื่องทำเลค่ะ หายากมากที่จะได้บ้านที่เป็นบ้านใกล้สาทรในระยะ 2-3 กม. โดยระดับราคาที่ถ้าเรามีงบ 30 ล้านก็ซื้อได้แล้ว เราสามารถเทียบความคุ้มค่าเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอยกับโครงการที่เป็นคอนโดมิเนียมได้สบาย ส่วนจุดเด่นของคอนโดมิเนียมที่เคยว่ากันคือเรื่องพื้นที่ส่วนกลาง แต่พอมาเจอกับยุค covid-19 ที่ส่วนกลางปิดมาเป็นปี หลายคนก็อาจให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางลดลง และอยากที่จะอยู่บ้านมากขึ้น โครงการนี้ก็ตอบโจทย์ทั้งเรื่องทำเลและพื้นที่ใช้สอยได้ดีเลยค่ะ
ส่วนเรื่องการออกแบบ เรามองว่าตัวดีไซน์บ้านนั้นในเรื่องสไตล์ก็ออกแบบมาได้สวยงาม เก็บรายละเอียดได้ดีนะคะ หน้าตาบ้านที่มีมิติไม่ได้ดูแบนเรียบ มีการออกแบบที่แก้ปัญหาการอยู่อาศัยทาวน์โฮมอย่างผนังสองชั้นที่กันเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านได้ หรือว่าเรื่องความสว่างของพื้นที่ภายในก็แก้ปัญหาโดยการออกแบบ Skylight ที่โถงบันไดก็ทำออกมาได้ดี นอกจากนี้ก็ยังคำนึงถึงสุนทรียภาพในการอยู่อาศัยอย่างการใกล้ชิดธรรมชาติอีก เลยทำให้สามารถแทรกพื้นที่สีเขียวทั้งภายในบ้านและภายในโครงการได้ด้วย ในขณะที่ฟังก์ชันใช้งานต่างๆก็ออกแบบมาได้ลงตัว อยู่ได้สบายไม่อึดอัดค่ะ
Haus 22 Sathorn เหมาะกับใคร?
ถ้าถามว่าโครงการนี้เหมาะกับใคร เรามองว่าเหมาะกับคนที่อยากได้ที่อยู่อาศัยใกล้สาทรนะคะ ให้ความสำคัญกับทำเล พื้นที่ใช้สอยเป็นหลัก มีงบประมาณ 30-50 ล้านบาท ชอบความสะดวกสบาย ไม่เน้นการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางเท่าไหร่ อยู่กันเป็นครอบครัว 4-6 คนได้ค่ะ
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc