รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.85 กานต์ศิริ รามอินทรา-นวลจันทร์ 48 by Terrane Property
6 กรกฎาคม 2014
รีวิวฉบับที่ 607 … วันนี้ Mr.Boom ขอพามารีวิวทาวน์โฮมในย่านรามอินทรากันบ้างนะครับ โครงการที่จะพาไปดูในวันนี้มีชื่อว่า “กานต์ศิริ รามอินทรา-นวลจันทร์ 48” ซึ่งเป็นทาวน์โฮมโครงการแรกที่พัฒนาโดยบริษัท Terrane Property ครับ มีรูปแบบเป็นโครงการขนาดเล็ก เพียง 36 ยูนิตเท่านั้น บนที่ดินขนาดราวๆ 3 ไร่ครึ่ง มีแบบบ้าน 2 แบบ คือแบบทาวน์โฮม 3 ชั้น และ โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น ที่ตั้งของโครงการอยู่ติดถนนนวลจันทร์ บริเวณข้างๆซอยนวลจันทร์ 48 ครับ ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว เราไปดูกันว่าจะทำออกมาแล้วจะเป็นแบบไหน
Fact @ 13 JUNE 2014
- กานต์ศิริ รามอินทรา-นวลจันทร์ 48 (Kansiri Ramintra-Nuan Chan 48)
- Terrane Property
- Segment : UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บึงกุ่ม
- เนื้อที่โครงการประมาณ 3-2-0 ไร่
- จำนวนยูนิตรวมทั้งโครงการ 36 ยูนิต
- ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 197 ตร.ม. จำนวน 27 ยูนิต
- Home Office 4 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร พื้นที่ใช้สอย ??? ตร.ม. จำนวน 9 ยูนิต
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
แผนที่ของโครงการครับ – ที่ตั้งของ กานต์ศิริ รามอินทรา-นวลจันทร์ 48 ตั้งอยู่บนถนนนวลจันทร์ครับ ซึ่งเป็นถนนที่เข้าได้จาก 2 ทางหลักๆ คือ ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา (ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม) กับ ถนนเกษตร-นวมินทร์
ถนนนวลจันทร์ เป็นถนนเส้นรอง ขนาด 4 เลน ที่ตัดจากถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา (ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม) ไปยัง ถนนเกษตร-นวมินทร์ (ถ.ประเสริฐมนูกิจ) ครับ โดยจะผ่านถนนตัดใหม่รัชดา-รามอินทรา ด้วย
การเดินทางด้วยรถยนต์ในบริเวณนี้ จะมีถนนเส้นหลักให้ใช้ได้ถึง 4 เส้นด้วยกัน นั่นก็คือ
- ถนนเลียบทางด่วนฯ ซึ่งเป็นเส้นทางหลัก เป็นหลอดเลือดสำคัญของกรุงเทพโซนตะวันออกครับ เพราะมี ทางด่วนคู่ขนานลอยฟ้า เชื่อมจากถนนรามอินทรา ไปยังถนนเอกมัย วิ่งเข้าเมืองไปสุขุมวิทได้เลย แถมยังไปเชื่อมต่อกับ ทางด่วนบางนา ได้อีกด้วย และก็เป็นถนนเส้นที่เจริญมาก มีห้าง, Community Mall, ร้านค้า, ร้านอาหาร, ปั๊มน้ำมัน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ วางเรียงรายอยู่ริมถนนตลอดทาง จึงไม่แปลกที่ราคาหมู่บ้านที่อยู่ติดถนนใหญ่เส้นนี้จะพุ่งสูงขึ้นทุกวันๆ เป็นระดับ 20-30 ล้าน หรือมากกว่านั้น
- ถนนเกษตร-นวมินทร์ เป็นถนนเส้นหลักอีกเส้นที่ได้รับความนิยมในกรุงเทพโซนตะวันออก เนื่องจากเป็นถนนที่ตัดตั้งแต่ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันออก วิ่งไปทางตะวันตก ไปจนถึงถนนพหลโยธิน และยาวต่อไปยังถนนงามวงศ์วาน ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งกิน, ดื่ม, เที่ยว และร้านอาหารดังๆ บวกกับมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตั้งอยู่ที่ปลายทางของถนนเส้นนี้ด้วย
- ถนนรามอินทรา เป็นถนนอีกเส้นที่ใช้กันบ่อย (และรถก็ติดมาก) เป็นถนนที่ขนานไปกับถนนเกษตร-นวมินทร์ และไปเชื่อมกับถนนพหลโยธินที่วงเวียนหลักสี่ และต่อไปยังแจ้งวัฒนะ โดยถนนรามอินทรานี้จะเป็นถนนที่ค่อนข้างใหญ่ และเชื่อมโยงกับถนนเส้นอื่นๆ รวมถึงซอยเล็กใหญ่อีกมากมาย และเป็นแหล่งชุมชนที่สำคัญของโซนกรุงเทพฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ
- ถนนนวมินทร์ เป็นถนนที่เชื่อมจากถนนรามอินทราลงไปถึงแยกบางกะปิ ซึ่งจะต่อไปยังถนนลาดพร้าว, ถนนรามคำแหง และถนนศรีนครินทร์ เป็นถนนอีกเส้นที่ใช้สัญจรบ่อยๆ ในแนวเหนือ-ใต้ รองจากถนนเลียบทางด่วนที่อยู่ถัดเข้ามาด้านใน และถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกที่วางตัวอยู่ด้านนอกสุดของกรุงเทพ
ถนนเหล่านี้จะล้อมรอบถนนนวลจันทร์อยู่ ทำให้ตัวโครงการมีทางเลือกในการเข้า-ออกโครงการได้หลายทาง สะดวกต่อการเดินทางในกรุงเทพตอนเหนือ และ กรุงเทพฝั่งตะวันออก ข้อดีอีกอย่างคือ ตัวถนนนวลจันทร์เอง รถไม่ติดมากนักถ้าเทียบกับถนนรอบๆ ทำให้เผื่อวันไหนถนนบางเส้นรถติดมากๆ เราอาจจะเลือกออกจากบ้านอีกเส้นทางหนึ่งแทนได้
ในบริเวณโดยรอบของโครงการ ในระยะขับรถไปประมาณ 5-8 กิโลเมตร ก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่วางอยู่โดยรอบ ที่พอจะสรุปมาได้คร่าวๆ เท่าที่ผมพอจะนึกออกก็ประมาณนี้ครับ ใครมีอะไรเพิ่มเติม ไปเขียนเพิ่มใน Comment ได้นะครับ (แต่งดฝากร้านนะจ๊ะ :P)
- บุญถาวร เกษตร-นวมินทร์
- The Walk & Index Living Mall
- The Crystal
- Chic Republic
- ศูนย์การค้า Crystal Design Center (CDC)
- Tesco Lotus เลียบทางด่วน
- Big-C Market เกษตร-นวมินทร์
- สนามกีฬา Grand Sport Park
- Tesco Lotus นวมินทร์
- รพ.เปาโลเมโมเรียล นวมินทร์
- ศูนย์การค้า Fashion Island และ The Promenade
- ร้านอาหาร Chocolate Ville
- Food Land รามอินทรา
- Central รามอินทรา
- Big-C Extra รามอินทรา
เดินทางไปโครงการ
เรามาดูเส้นทางไปโครงการกันนะครับ ผมใช้ ถนนรามอินทรา ขับรถมุ่งหน้าไปทางมีนบุรีครับ เพื่อจะไปถนนเลียบทางด่วน พอใกล้ๆถึงถนนเลียบทางด่วนแล้วให้สังเกตป้ายสีน้ำเงินอันนี้เอาไว้นะครับ แล้วให้ชิดซ้ายตามป้าย
พอเราชิดซ้ายตามทางเบี่ยงมาแล้ว เราจะเจอป้ายเหมือนจะขึ้นทางด่วนไปทาง พระราม 9-เอกมัย ให้เราชิดขวาตามป้ายไปครับ เพื่อที่จะข้ามสะพานไปลงถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
วิ่งขึ้นสะพานวกขวาไปแล้ว จะมาลงที่ถนนเลียบทางด่วนครับ ก็ให้เราขับตรงต่อไป
เจอป้ายถนนลาดพร้าวให้ชิดซ้ายนะครับ
จากตรงนี้เราขับเลยทางขึ้นทางด่วน ที่จะมุ่งหน้าเข้าเมืองไปทางเอกมัยครับ เราไม่ต้องขึ้นนะครับ เราชิดซ้ายไว้ เพราะถนนนวลจันทร์อยู่ข้างหน้านี้แล้ว
จากนั้นจะเป็นป้ายถนนนวลจันทร์ครับ ซึ่งจะมีป้ายเขียนว่า เส้นทางลัดไปเกษตร-นวมินทร์ เราก็เตรียมตัวเลี้ยวซ้ายเลยครับ
เลี้ยวซ้ายเข้าซอยถนนนวลจันทร์ได้เลยจ้ะ
ถนนนวลจันทร์นี้จะเป็นเส้นทางลัดจากถนนเลียบทางด่วน ไปออกถนนนวมินทร์ และถนนเกษตร-นวมินทร์ ได้ นอกจากนั้นยังจะผ่านถนนเล็กๆที่ชื่อว่าถนนเลียบคลองลำเจียกด้วยครับ
ทางซ้ายนี้จะมีทางลัดไปออก ซอยรามอินทรา 40 ซึ่งเป็นซอยที่สำคัญทีเดียว กรณีที่เราจะวิ่งรามอินทราฝั่งขาเข้าไปทางแจ้งวัฒนะ เราใช้ซอยรามอินทรา 40 นี้เป็นทางลัดจะสะดวกกว่า เพราะถ้าเราออกไปทางถนนเลียบทางด่วน เราต้องไปกลับรถไกลทีเดียว และจะทำให้เสียเวลามาก เพราะรถบนถนนเลียบทางด่วนนี้ค่อนข้างติดเลย
ผ่าน วัดนวลจันทร์ วัดใหญ่ในซอยนี้
ระหว่างทางผ่าน ซอยนวลจันทร์ 56 ที่สามารถลัดไปออก รามอินทรา 44 ได้
ทางขวามีโครงการ The Turst Townhome อยู่ตรงใกล้ๆหัวโค้ง ก่อนถึงโครงการ อันนี้เคยมีทีมงานเราไปรีวิวไว้แล้วนะครับ
พอพ้นหัวโค้งตรงนั้นมา ให้เราชิดซ้ายไว้ครับ
ตรงนี้จะเจอกับ ซอยนวลจันทร์ 50 ซึ่งก็ใกล้จะถึงโครงการแล้ว ซึ่งอยู่ที่ซอย 48
ซอยนวลจันทร์ 50 ก็เป็นถนนโล่งๆ ไม่มีอะไรครับ เป็นซอยตันธรรมดาๆ อยู่ข้างๆโครงการ
แล้วติดกับซอย 50 จะเป็นซอยนวลจันทร์ 48 เลยครับ
ซอยนวลจันทร์ 48 กับ นวลจันทร์ 50 นี่ปากซอยแทบจะเป็นอันเดียวกันเลยครับ แค่มีรั้วคั่นอยู่ 1 อันที่เห็นทางซ้ายในรูปนั่นแหละครับ แล้วซอยทั้งสองนี้ค่อยไปบานแยกออกจากกันข้างในซอย
ซอยนวลจันทร์ 48 จะอยู่ติดกับโครงการครับ ซึ่งอยู่ทางขวามือของที่เห็นเป็นแนวรั้วในรูปนี้
ด้านหน้าโครงการ และทางเข้าครับ
ถึงแล้วครับ กานต์ศิริ รามอินทรา-นวลจันทร์ 48 เดี๋ยวผมยังไม่พาเข้าไปดูนะครับ เราไปดูสภาพแวดล้อมรอบโครงการกันก่อน
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
ก่อนที่เราจะเข้าไปดูรายละเอียดโครงการข้างใน เราไปลองเดินดูรอบๆกันก่อนครับว่า รายล้อมโครงการ มีอะไรวางอยู่บ้าง ซึ่งผมทำแผนภาพคร่าวๆไว้ให้ดูแล้ว ลองดูตามไปนะครับ
ทางด้านซ้าย ก่อนถึงโครงการ ที่อยู่ติดกับซอยนวลจันทร์ 50 จะเป็นที่ตั้งของ Townhome อีกยี่ห้อนึง ชื่อว่า “Premium Place เอกมัย-รามอินทรา 2” ครับซึ่งแบรนด์นี้ก็จะมีให้เห็นอยู่หลายโครงการเหมือนกัน ในโซนเลียบทางด่วน, โซนรามอินทรานี้
ตรงข้ามกับโครงการ เป็นหมู่บ้านหรูของ Q.House คือ ลัดดารมย์ ครับ ซึ่งเป็นหมู่บ้านอายุเยอะแล้วของซอยนี้ สภาพด้านหน้าของหมู่บ้านปลูกต้นไม้ เป็น Topiary เอาไว้ สร้างสีสันให้กับบริเวณหน้าโครงการ และเป็นจุดสังเกตที่ดีครับ เวลาเราจะบอกทางให้เพื่อมาหาที่บ้าน (หรือออฟฟิศ) ของเรา
ข้างๆกับหมู่บ้านลัดดารมย์เป็นเป็นร้านขายวัสดุร้านใหญ่
ถัดมาอีกหน่อยจะมีร้านอาหาร โคขุน คุณทอง โพนยางคำ สาขาถนนนวลจันทร์
และถัดไปอีกหน่อย ข้างๆโคขุนโพนยางคำ จะมีร้าน iPost ที่ให้บริการไปรษณีย์ครับ ซึ่งน่าจะได้ใช้บริการแน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราทำบ้านเป็นออฟฟิศ
ข้ามฝั่งกลับมาที่ข้างๆโครงการ อยู่ติดกับรั้วโครงการเลย คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขานวลจันทร์ครับ
ถัดจากธนาคารไทยพาณิย์ เป็นเวิ้งขายอาหาร ที่มีร้านอาคารญี่ปุ่นแบบบ้านๆ Daikon ตั้งอยู่ แต่เดิมตรงนี้ก็เคยเป็นร้านอาหารอื่นเหมือนกัน
ถัดไป ข้างๆร้านอาหารญี่ปุ่นเมื่อกี๊จะเป็น ซอยนวลจันทร์ 46 ครับ
และที่อยู่ติดกับซอย 46 คือปั๊มแก๊ส LPG ครับ ใครขับรถใช้แก๊สนี่ยิ้มเลย เพราะมักจะหาเติมยาก นี่ก็มีอยู่ข้างๆโครงการเลย
ในปั๊มมีร้านกาแฟ Irish Coffee ร้านเล็กๆเปิดอยู่ด้วย ขายกาแฟสด
หน้าปั๊มแก๊ส จะมีป้ายรถเมล์อยู่พอดี
และตรงข้ามกับปั๊ม จะเป็น บริษัท ซีโก้ จำกัด ซึ่งจะเป็นร้านบริการให้เช่ารถแทรคเตอร์ครับ คงไม่ได้มีผลอะไรกับการอยู่อาศัย แต่ถ่ายมาให้ดูเพราะที่เค้าใหญ่เหมือนกัน ลองดูจากบนแผนที่จะเห็นครับ
ต่อมาเราจะลองดูว่า ถ้าขับรถออกไปจนสุดถนนจะเจออะไรที่น่าสนใจบ้าง ทางขวามือถัดจากโครงการมาไม่ไกล จะมีหมู่บ้านเก่าแก่ ปริญสิริ ที่ดูจากทางเข้าก็พอจะเดาได้ว่าราคาน่าจะสูงอยู่
ถัดมาจะเจอซอยนวลจันทร์ 36 ที่ไปลัดออก รามอินทรา 44 ได้ ซอยนี้น่าจะมีรถวิ่งเยอะเหมือนกัน ถึงกับมีไฟแดงติดที่แยกด้วย
ที่ซอยนวลจันทร์ 28 จะมีโครงการ The Primary Ultimate ที่เป็นอีกหนึ่งทาวน์โฮมที่กำลังเปิดขาย แต่ไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ ต้องเข้าไปในซอย อันนี้มีทีมงานเคยรีวิวไว้แล้วเหมือนกัน
ถัดมาอีกนิดนึง จะเจอ Biz Galleria อยู่ข้างๆกัน อันนี้จะติดถนนใหญ่ แต่จะเน้นเป็นขนาดใหญ่ หน้ากว้าง 6-8 เมตร
ต่อมาจะมีปั๊ม Esso ที่มี Tesco Lotus Express ครับ ซึ่งเป็น Supermarket ขนาดย่อมในระยะใกล้ๆ สามารถไปใช้บริการได้
พอถึงตรงนี้ก็ใกล้ๆจะสุดถนนนวลจันทร์แล้วครับ จะเจอสี่แยกที่ตัดกับถนนรัชดา-รามอินทราครับ
จากสี่แยกในรูปข้างบน ถ้าเราเลี้ยวซ้ายเราก็จะเข้าถนนรัชดารามอินทรา วิ่งมุ่งหน้าไปยังถนนรามอินทราครับ แล้วจะไปโผล่แถวๆ Fashion Island พอดี แต่ถ้าเลี้ยวขวาที่สี่แยก เราจะออกไปยังถนนประเสริฐมนูกิจ หรือ ถนนเกษตร-นวมินทร์ ครับ ถ้าเราเลือกที่จะตรงไปจนสุดถนนนวลจันทร์ ก็จะไปออกถนนนวมินทร์ได้ครับ ลองดูจากแผนที่นะครับแล้วจะเข้าใจมากขึ้น
จบการวิเคราะห์เรื่องทำเลไว้เท่านี้ก่อนครับ เราไปดูรายละเอียดโครงการกันบ้าง
เจาะลึกตัวโครงการ
กลับมาที่โครงการกานต์ศิรินะครับ ไปดูรายละเอียดของโครงการกันก่อน
รูปของของโครงการ กานต์ศิริ รามอินทรา-นวลจันทร์ 48 จะเป็นลักษณะทาวน์โฮม 3 ชั้น และ Home Office 4 ชั้น บนเนื้อที่โครงการรวมทั้งหมดประมาณ 3 ไร่ 2 งานครับ โดยจะมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 36 ยูนิต แบ่งออกเป็น ทาวน์โฮม 27 ยูนิต และ Home Office อีก 9 ยูนิต
Layout ของโครงการจะให้ยูนิตที่เป็น Home Office อยู่ติดถนนใหญ่นวลจันทร์ทั้งหมด ส่วนที่ดินด้านหลังแบ่งเป็น 2 ฝั่ง แยกเป็นเฟส 1 ทางด้านซ้าย มี 15 ยูนิต และเฟส 2 ทางขวามีอีก 12 ยูนิต มีทางเข้าและป้อมรปภ. 2 จุดแยกกันของแต่ละเฟส แต่ใช้นิติบุคคลร่วมกัน ส่วนถนนในโครงการจะมีความกว้าง 10.5 เมตร
ปัจจุบันตอนที่ผมเข้าไปรีวิวตัว Home Office ขายหมดไปแล้วนะครับ จะเหลือก็เพียง 2 หลังทางมุมขวาด้านหน้าที่โครงการจะเก็บไว้ทำสำนักงานของ Terrane Property ซึ่งก็คือผู้พัฒนาโครงการนั่นเอง โดยจะใช้เป็นสำนักงานนิติบุคคลของหมู่บ้านไปในตัว
โครงการนี้ โครงสร้างผนังของอาคารจะเป็นผนังอิฐมอญครับ ดังนั้นการต่อเติมหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของอาคารจะทำได้ง่ายกว่าโครงสร้างที่เป็นผนังสำเร็จรูปที่เรามักจะเห็นกันในทาวน์โฮมโครงการใหม่ๆทั่วๆไป
ในภาพที่เห็นนี้คือยูนิตแบบ Home Office 4 ชั้นครับ (ขายหมดแล้ว) ซึ่งอยู่ติดถนนด้านหน้าโครงการ พื้นที่ด้านหน้า โครงการบอกว่าจอดรถได้ 2 คัน แต่ถึงเวลาจริงๆ ไม่แน่ว่าจะได้ใช้จอดรถหรือเปล่า เพราะว่าตรงนี้คงจะทำเป็นหน้าร้านกันหมด แถมไม่มีรั้วด้วย
ส่วนใหญ่แล้ว คนแถวนี้เค้าก็จอดรถริมฟุตบาทกันทั้งนั้นครับ ใครจะอยู่ยูนิตแบบ Home Office ก็คงจะได้จอดริมถนนกันบ่อยๆแน่ๆ
จริงๆแล้ว ตามกฎหมายจะจอดรถได้เฉพาะในเวลาที่กำหนดครับ แต่ทางโครงการบอกว่า แถวนี้ก็จอดกันหมด ไม่เคยโดนล็อค ไม่เคยโดนลาก (ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านโคขุน โพนยางคำ มีคนมากินข้าวตลอด จอดริมทางตลอด)
2 ยูนิตทางซ้าย ตอนนี้ขายไปแล้ว กำลังตกแต่ง ไปดูซิว่าจะกลายเป็นอะไรบ้าง
แปลงมุมซ้ายสุด เขียนว่า Kryolan Professional Make-Up ก็น่าจะแปลตรงตัวได้ว่า บริการแต่งหน้ามืออาชีพนะครับ
หลังถัดมาเป็น Defini House ยังไม่รู้เป็นอะไร น่าจะเกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนัก และคุมโภชนาการ …หรือจะเป็นอาหารสำหรับนักเพาะกาย!?
ยูนิตอีกยูนิตหนึ่งด้านหน้ามีคลินิกเสริมความงามด้วย ชื่อ Cosma Care ตอนนี้มีแค่นี้ครับ ที่พอจะบอกได้ว่าเป็นอะไร ที่เหลือยังไม่ได้ตกแต่ง
ตรงนี้เป็นทางเข้าเฟสหนึ่ง ติดตั้งป้อมรปภ.เรียบร้อยแล้ว มีรั้วกั้นไม้กระดกสองด้าน เฟสหนึ่งนี้เกือบจะเสร็จสมบูรณ์ 100% แล้วครับ
มองทางเข้าจากทางด้านหน้า
ด้านในของเฟสหนึ่ง ถนนโครงการกว้าง 10.5 เมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีนัยสำคัญเหมือนกันนะครับ โดยปกติ ถนนของทาวน์โฮมจะกว้างแค่ประมาณ 6-9 เมตร การที่ใส่เป็น 10.5 เมตรคือเขาเผื่อว่า ด้านหน้าของบ้าน 2 ฝั่ง มีรถจอดอยู่ไปแล้ว 2 แถว ก็ยังทำให้ตรงกลางมีช่องให้รถปกติวิ่งผ่านได้ โดยไม่อึดอัดนัก เพื่อให้การจราจรในโครงการสะดวกขึ้น และอีกอย่างคือ ระยะห่างระหว่างบ้าน ก็จะมากขึ้นด้วย
ส่วนด้านนี้เป็นทางเข้าของเฟส 2 ครับ เฟส 2 นี้จะมีจำนวนยูนิตน้อยกว่า (12 หลัง เทียบกับเฟส 1 ที่มี 15 หลัง) แล้วก็มีทางเข้าแยก มีป้อมรปภ.แยก ของใครของมัน ก็จะ Private กว่านิดนึงครับ
ด้านในก็จะเป็นถนนตรงๆเข้าไปถึงรั้วด้านหลัง เฟส 2 จะไม่มีวงเวียนข้างในนะครับ ตอนนี้เฟส 2 ยังสภาพไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ เดี๋ยวเรากลับไปดูที่เฟส 1 ก่อน
กลับมาดูที่เฟส 1 อีกครั้ง ด้านหน้าโครงการมีเสาไฟฟ้า ที่มีหม้อแปลงไฟ
ระบบสายไฟของที่โครงการกานต์ศิริ เป็นแบบเดินสายไฟลงใต้ดินทั้งหมด นะครับ ซึ่งนับว่าก็หาได้ยากเหมือนกัน ที่โครงการระดับนี้ เลือกที่จะนำสายไฟลงดิน ที่หน้าโครงการมีชุดมิเตอร์ของบ้านทุกหลังมารวมกันอยู่แบบนี้ครับ แต่ผมคิดว่า ปล่อยให้เห็นเปลือยๆแบบนี้ถือว่าเก็บรายละเอียดไม่ดีเท่าไหร่ อย่างน้อยๆ น่าจะมีอะไรปิด ให้ดูเรียบร้อย มิดชิด เนียนตากว่านี้หน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ
พอเอาสายไฟลงดินแล้ว หน้าบ้านแต่ละหลังก็จะดูสะอาดสะอ้านตาหน่อย เพราะไม่มีสายไฟระโยงระยางอยู่หน้าบ้าน
นอกจากนี้ เสาไฟส่องถนนภายในโครงการ ยังทำงานด้วยวงจร Solar Cell นะครับ คือจะแผง Solar Cell ที่กักเก็บพลังงานตอนกลางวันมาใช้เปิดไฟส่องถนนตอนกลางคืนได้ เพื่อประหยัดค่าไฟครับ
บ้านแถวหนึ่งจะมียูนิตเรียงกันอยู่ 5 หลังแบบนี้ครับ โดยมีการดีไซน์ Facade/หลังคา ให้แตกต่างกันนิดหน่อย
ด้านในมีบ้านอีกแถวหนึ่ง มีวงเวียนอยู่ตรงกลาง สำหรับวนรถ
ถนนด้านซ้ายที่อยู่ท้ายโครงการตรงนี้ ค่อนข้างกว้าง เนื่องจากถูกเว้นเอาไว้เพื่อใช้เป็นทางกลับรถของลูกบ้านครับ ตอนนี้บ้านหลังในสุดยังไม่มีใครอยู่ ก็เลยเอารถมาจอดขวางไว้ก่อน ถึงเวลาอยู่อาศัยจริงมีลุ้นว่าจะมีคนเอารถมาจอดนะครับ ต้องดูแลกันดีๆ ไม่งั้นโดนยึดแน่พื้นที่ตรงนี้
ลักษณะของโครงการหลักๆก็ประมาณนี้ครับ ไม่มีอะไรมาก เนื่องจากพื้นที่โครงการแค่ 3 ไร่ครึ่ง คงจะไม่สามารถตัดพื้นที่มาทำส่วนกลางได้เหมือนโครงการใหญ่ๆ เราไปดูบ้านตัวอย่างกันดีกว่า
สิ่งอำนวยความสะดวก
- ถนนภายในโครงการกว้าง 10.5 เมตร
- เดินสายไฟฟ้าลงดิน
- เสาไฟส่องถนนภายในโครงการ วงจร Solar Cell
- ระบบ CCTV ที่รั้วทางเข้า
- รั้วรอบโครงการสูง 2 เมตร
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
- ติดระบบสัญญาณกันขโมย แบบ Motion Sensor พร้อมกล้องวงจรปิด ยี่ห้อ Maxwell
- เดินสายอินเตอร์เน็ต Fiber Optics ให้ภายในบ้าน พร้อมติดตั้งอินเตอร์เน็ตของ 3BB มาให้
Product Walkthrough
บ้านตัวอย่าง พื้นที่ใช้สอย 197 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
เราไปดูบ้านแบบ Townhome กันก่อนนะครับ เพราะบ้านตัวอย่างที่โครงการตกแต่งเอาไว้ให้ดูจะมีเฉพาะแบบ Townhome ครับ แบบ Home Office จะไม่ได้ตกแต่ง เพราะขายหมดไปก่อนที่จะทำบ้านเสร็จนั่นเอง
ฟังก์ชั่นของบ้านนี้เป็นแบบ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ หน้ากว้าง 5.5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 197 ตารางเมตร เอาแปลนให้ดูก่อน เดี๋ยวจะอธิบายเพิ่มเติมในส่วนถัดไปนะครับ เราไปดูรอบๆบ้านและหน้าบ้านก่อน
บ้านหลังที่ใช้เป็นบ้านตัวอย่าง จะเป็นบ้านแปลงพิเศษนิดนึง คือนอกจากจะเป็นแปลงมุมแล้ว ยังเป็นแปลงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการด้วย คือ 53.7 ตารางวา ในขณะที่บ้านแปลงมาตรฐานเริ่มต้นที่ 21.6 ตารางวาเท่านั้นเองนะครับ ดังนั้นบ้านหลังนี้จะมีช่องแสง และช่องหน้าต่างข้างตัวบ้านเหมือนกับบ้านแปลงมุมอื่นๆ และจะมีพื้นที่สวนข้างบ้านขนาดใหญ่ด้วย
บ้านตัวอย่างคือหลังนี้ครับ เป็นบ้านที่ตกแต่งไว้ให้ดูเป็นไอเดีย เพื่อให้เราเห็นฟังก์ชั่นต่างๆของบ้าน หน้าบ้านปกติจะเป็นที่จอดรถ มีประตูรั้วกั้นไว้ แต่ที่หลังนี้เขาจัดเป็นสวนไว้ให้ดูว่า ถ้าต้องการจะทำสวนก็สามารถทำได้เหมือนกัน เดี๋ยวเราดูบ้านตัวอย่างจบแล้ว ในส่วนถัดไปจะมีรูปหน้าบ้านแบบมาตรฐานให้ดูนะครับ
พื้นที่หน้าบ้านก่อนเดินเข้าบ้าน
หลอดไฟดาวน์ไลท์ที่หน้าบ้าน สำหรับส่องสว่างให้กับลานจอดรถ
ประตูทางเข้าบ้านแบบ บ้านสไลด์ ใส่กระจกสีเขียวตัดแสง
กรอบกระจกอลูมิเนียมอบสีขาว มาตรฐานทาวน์โฮมทั่วไป
ถ่ายให้ดูวัสดุรางและกรอบกระจกครับ ตรงส่วนชานพักเท้าก่อนเดินเข้าบ้าน พื้นระแนงที่เห็นในรูปเป็นส่วนที่เขาตกแต่งเพิ่มมานะครับ ของจริงไม่มี เป็นพื้นกระเบื้องปกติ
ชั้นหนึ่งจะประกอบไปด้วยพื้นที่ส่วน Living ทั้งหมดนะครับ มีห้องรับแขก/โซฟาดูทีวีวางอยู่ที่หน้าบ้าน ซึ่งติดกับบันไดขึ้นชั้น 2, ห้องใต้บันได หลังชั้นวางทีวี จะเป็นห้องเก็บของ, ถัดมาด้านในเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร (วางได้ประมาณ 4-6 ที่นั่ง) ที่อยู่ติดกับครัวเปิด Pantry ตัว L, ห้องน้ำชั้นล่างมีทางเข้าอยู่ใกล้ๆพื้นที่ครัว มีพื้นที่สำหรับใช้อาบน้ำได้, ส่วนด้านหลังบ้านจะเป็นลานซักล้าง วางปั๊มน้ำ กับถังน้ำเอาไว้ให้แล้ว
เปิดประตูเข้ามาในบ้านปุ๊บ ทางขวาเป็นบันไดขึ้นชั้นสอง และด้านหน้าจะเป็นส่วนโซฟารับแขก+ดูทีวีก่อนเลย ระยะพื้นถึงฝ้าของบ้านก็อยู่ 2.80 เมตร เท่ากันทุกชั้น จัดว่าสูงกว่าปกตินิดหน่อย ถ้าเทียบกับทาวน์โฮมทั่วๆไป ที่ส่วนใหญ่จะเป็น 2.70-2.80 เมตรเฉพาะชั้นล่างสุด แล้วชั้นบนก็ลดความสูงลงมาเหลือ 2.60-2.70 ตามลำดับ
พื้นบ้านทั้ง 3 ชั้น เป็นกระเบื้องแกรนิโต้ ขนาด 60×60 ซม. ทั้งหมด
สวิตช์ไฟ และกล่องควบคุมสัญญาณกันขโมย ติดอยู่ที่หน้าทางเข้าบ้าน
สัญญาณกันขโมยนี้จะเป็นแบบ Motion Sensor ครับ โดยจะตรวจจับการเคลื่อนไหวด้วยแสง Infrared ซึ่งบ้านทุกหลังจะติดไว้ให้ 2 ตัว ตัวแรกจะติดไว้ที่ชั้นล่าง ซึ่งจะเป็นแบบมีกล้องวงจรปิดในตัว ส่วนตัวที่สองจะติดไว้ที่ชั้น 2 แต่ตัวนั้นจะมีเฉพาะ Infrared Sensor ครับ ไม่ได้ติดกล้องไว้
ตัวระบบกันขโมยอันนี้ มันจะตรวจจับการเคลื่อนไหวของวัตถุที่เคลื่อนที่ผ่านเข้ามาในรัศมีที่เราตั้งค่าเอาไว้ (แน่นอนว่าทั้งเราทั้งขโมย มันตรวจจับหมด) แล้วถ้าหากว่ามีอะไรวิ่งผ่านไปทำให้เครื่องนี้ทำงาน มันก็จะส่งเสียงสัญญาณเตือนภัย เป็นเสียงดังๆ (ดังมาก เพราะโดนมาแล้ว) แล้วก็จะทำงานคู่กับระบบอินเตอร์เน็ต (ซึ่งติดตั้งมาให้แล้วในบ้าน เป็น Fiber Optics ของ 3BB) โดยการส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือ ได้มากสูงสุด 5 เครื่อง (วนไปทีละเครื่อง ถ้าเครื่องแรกไม่มีการตอบรับ ก็จะไปยังเครื่องที่ 2, 3, 4, 5 ต่อไป), ตัวกล้องสามารถส่งภาพถ่ายไปยัง Smartphone ได้, สามารถดูกล้องวงจรปิด แบบ Video Streaming ผ่าน App มือถือได้ ทั้ง iOS และ Android และนอกจากนี้ ตัวระบบสัญญาณกันขโมยยังสามารถกดเปิด-ปิดได้ โดยการสั่งการผ่าน Smartphone เช่นเดียวกัน อธิบายมาซะยืดยาวหยั่งกะขายระบบนี้เอง จริงๆแล้วผมก็ฟังมาจาก Sales โครงการอีกทีนึงครับ เรื่องระบบการทำงานนี่จริงๆแล้วอาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยกว่านี้ แต่ผมจะอธิบายคร่าวๆเท่านี้ละกัน พอเห็นภาพ
ระยะดูทีวีของห้องรับแขก กว้างประมาณ 4 เมตร ควรจะใส่ทีวีขนาดประมาณ 46 – 60 นิ้วนะครับ ถ้าเล็กกว่านี้อาจจะต้องเพ่งสายตามากเกินไป ส่วนถ้าใหญ่เกินกว่านั้น อาจจะดูใกล้เกินไปครับ หรือไม่ก็อาจจะใส่แล้วเกินผนังออกมา
พื้นที่โซฟารับแขกตรงนี้ สามารถจัดแบบโซฟายาว แล้วคู่กับ Armchair เหมือนในห้องตัวอย่างก็ได้ แต่ผมว่ามันดูจริงจังไปหน่อย ถ้าใช้รับแขกบ่อยๆก็อาจจะเหมาะ แต่ผมคิดว่า ถ้าอยากจะให้ใช้งานในครอบครัวได้เหมาะสมกว่า น่าจะใส่เป็นโซฟารูปตัว L น่าจะทำให้ใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า โดยเฉพาะเวลาที่คนในครอบครัวมานั่งดูทีวีพร้อมๆกัน
พื้นที่ด้านหลังชั้นวางทีวี จะเป็นห้องเก็บของใต้บันได ถ้าสังเกตจะเห็นว่าประตูที่เปิดไปยังห้องเก็บของ จะเป็นประตูขนาดปกติ คือ 1.90 เมตร ซึ่งถือว่าดี เพราะเราจะเห็นหลายๆที่ชอบใส่ประตูห้องเก็บของเป็นประตูบานเล็กๆที่ต้องก้มถึงจะเข้าไปหยิบของได้
สาเหตุที่เขาทำแบบนี้ได้เป็นเพราะเขาทำการยกโถงบันไดของแต่ละชั้นให้ขึ้นสูงกว่าปกติ มันจึงมีพื้นที่ในแนวดิ่งเพียงพอที่จะใส่ประตูบานสูงๆได้
พื้นที่ในห้องแก็บของ กว้างราวๆ 80 ซม.
ประตูที่อยู่ระหว่างครัวกับห้องเก็บของนั่นคือห้องน้ำชั่นล่าง
ห้องน้ำชั้นล่างนี้ทำขึ้นมาให้สามารถใช้อาบน้ำได้ กรณีที่ห้องน้ำข้างบนเต็ม
พื้นที่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ก่อขึ้นมาด้วยปูน แล้วนำอ่างน้ำวางด้านบน มีพื้นที่วางของด้านข้างพอสมควร และติดกระจกเงามาให้เรียบร้อย
อ่างน้ำใช้ยี่ห้อ Duravit จากเยอรมันด้วยนะครับ ไม่ค่อยเห็นโครงการระดับนี้ใช้ยี่ห้อนี้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเห็นตามคอนโดโปรเจคระดับ Luxury ขึ้นไป
ก็อกน้ำในห้องตัวอย่างใส่ของ Hansgrohe มาให้ แต่ของจริงจะไม่ใช่รุ่นนี้ครับ จะเป็นยี่ห้อ Hafele แทน แหม่ น่าเสียดาย ไหนๆก็ให้อ่าง Duravit น่าจะจัด Hansgrohe ให้ไปเลย
โถสุขภัณฑ์ก็เป็นยี่ห้อ Duravit เหมือนกัน ลองนั่งดูแล้วพื้นที่ข้างๆยังเหลืออยู่ให้ขยับได้สบาย แต่ถ้าคิดว่าจะติดฉากกั้นอาบน้ำที่ส่วน Shower Box ที่อยู่ทางซ้าย มันจะทำให้พื้นที่ข้างๆโถด้านซ้ายเหลือน้อยลง เกรงว่าถ้าคนตัวใหญ่ๆนั่งจะอึดอัดทางขาขวาได้ ต้องลองดูระยะดีๆก่อนติดนะครับ
จะสังเกตว่าด้านหลังโถสุขภัณฑ์เค้าจะก่อเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ เอาไว้วางของได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ เพราะสมัยนี้ต้องเอาไปเล่นในส้วมด้วย 😛
ที่ใส่กระดาษชำระ
หัวฉีดชำระแบบ Stainless
กระเบื้องผนังเป็นกระเบื้องขนาด 30×30 ซม. ปั๊มลวดลายให้มี Texture เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน (Diamond Shape) สีขาวสลับดำเหมือนแบบนี้เป๊ะ
พื้นที่ Shower Box ขนาดประมาณ 90 x 160 ซม.
ที่ผนังด้านข้างตรงนี้จะอยู่ติดกับผนังหลังบ้านพอดี ติดหน้าต่างบานกระทุ้งมาให้ 2 บาน สำหรับการระบายอากาศ และเพิ่มช่องแสงธรรมชาติให้ห้องน้ำครับ
ชุดฝักบัวอาบน้ำแบบ Rain Shower ยี่ห้อ HAFELE
หัวก็อกน้ำหน้าตาแบบนี้
หัวฝักบัว Hand Shower แบบปรับความแรงได้ 2 ระดับ
และมี Rain Shower อยู่ด้านบนแบบนี้
พื้นห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องชนิดผิวหยาบ ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ลื่นล้มในห้องน้ำได้
ออกจากห้องน้ำมา มาดูส่วนครัว และส่วนกินข้าวที่อยู่ด้านหน้าบ้าง
โต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่ง ใส่มาให้ดูไม่ได้ใหญ่มาก ขยายขนาดเพิ่มได้อีกหน่อย เพื่อให้วางจานกับข้าวได้เยอะๆหน่อย แบบนี้ถ้านั่งลงไป 4 คน โต๊ะเต็ม
พื้นที่ครัว เป็นรูปตัว L ซึ่งของจริงเราไปใส่ครัวเองนะครับ เค้าไม่ได้แถมให้ พื้นที่ครัวเปิดตรงนี้ก็ถือว่าเยอะดี มีพื้นที่เตรียมอาหาร และพื้นที่เก็บของเยอะ อย่างไรก็ดี ครัวนี้เป็นครัวเปิด คงจะไม่เหมาะกับการทำอาหารที่มีกลิ่นรุ่นแรงนัก ดังนั้น ถ้าไม่กั้นพื้นที่ครัวไปเลย ก็อาจจะต้องไปต่อเติมครัวไทยด้านหลังบ้านเพิ่มอีก เพื่อให้ได้ฟังก์ชั่นทำอาหารที่สมบูรณ์
เตาไฟฟ้าสามารถใส่แบบ 4 หัวได้สบายๆ จะติดที่ดูดควันอันใหญ่ขนาดไหนก็แล้วแต่เราเลย
ด้านหลังอ่างล้างจาน มีบานหน้าต่างสำหรับเปิดระบายอากาศได้ จัดวางตำแหน่งตรงนี้ดีแล้ว เพราะแสงธรรมชาติจะได้ส่องเข้ามาที่ที่พักภาชนะที่ตากไว้ด้านข้าง
พื้นที่วางตู้เย็น ถ้าทำแบบห้องตัวอย่างก็ถือว่าไม่ใหญ่เท่าไหร่ ซึ่งตรงนี้เราเลือกได้ที่จะขยับพื้นที่เคาน์เตอร์ครัวไปอีกนิดนึง ให้ใส่ตู้เย็นที่ใหญ่ขึ้นได้ หรือไม่ก็เปลี่ยนตำแหน่งในการวางตู้เย็นก็ได้ แล้วแต่เราเลย
ประตูด้านหลังบ้าน เปิดออกไปยังลานซักล้าง
พื้นที่ลานซักล้างหลังบ้าน ในบ้านตัวอย่างปูหญ้าเทียม แต่บ้านจริงจะเป็นพื้นปูนธรรมดา เดี๋ยวเราจะไปดูรายละเอียดของหลังบ้านกันอีกทีในบ้านเปล่ามาตรฐานนะครับ
ขึ้นไปดูชั้น 2 กันต่อ ก่อนจะขึ้นไป เรามาดูบันไดที่อยู่ชั้นล่างกันนิดนึง
ด้านข้างของบันไดใส่เป็นราวกระจก Tempered Glass เพื่อให้มีความโปร่ง มองทะลุผ่านไปได้ แต่อันนี้มันไม่มีราวจับ ผมคิดว่าควรจะเพิ่มราวจับเข้ามาหน่อย เพื่อให้คนสังเกตเห็นได้ว่าตรงนี้มีกระจกอยู่ จะได้ไม่เดินชน
พื้นบันได ปิวผิวด้วยไม้เต็ง ของจริงจะสีอ่อนกว่านี้ครับ ในบ้านตัวอย่างจะสีเข้มกว่าปกติ
โถงบันไดค่อนข้างสูงชัน ทำให้ต้องมีการตัดขั้นบันไดเป็นรูปสามเหลี่ยมที่ชานพัก ซึ่งจะเสี่ยงต่อการสะดุดมากกว่าขั้นบันไดแบบสี่เหลี่ยมครับ ดังนั้นต้องเดินอย่างระมัดระวังด้วย ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือบันไดในบ้านนี้ไม่มีราวจับ ดังนั้นควรจะติดราวจับที่ผนังด้านหนึ่งเพิ่ม เพื่อให้ปลอดภัยสำหรับคนเดินขึ้น-ลง
ที่ด้านข้างของโถงบันไดมีส่วนที่เป็นราวจับแบบนี้ จะเอาของมาวางตกแต่งเหมือนในห้องตัวอย่างแบบนี้ก็ได้ แต่ผมคิดว่าควรจะปล่อยไว้โล่งๆดีกว่า เนื่องจาก โถงบันไดมันไม่มีราวจับ อย่างน้อยๆ เอาไว้เกาะได้ ถ้าเกิดอุบัติเหตุ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ครับ ชั้นนี้ฟังก์ชั่นหลักๆ คือห้อง Master Bedroom ที่มีห้องน้ำในตัว และด้านหน้าห้องนอนห้องนี้จะมีส่วนที่เป็น “Family Room” หรือห้องนั่งเล่นชั้น 2 ที่เป็นพื้นที่ที่ไม่ได้กั้นห้องเอาไว้ ตรงนี้จะมีก็ได้หรือไม่มีก็ได้ ถ้าไม่อยากได้เราก็สามารถกั้นผนังใหม่ ทำห้องนอน Master Bedroom เป็นห้องใหญ่ยาวตลอดตัวบ้านก็ได้เหมือนกัน
ขึ้นมาที่โถงบันไดชั้นสอง รูปนี้จะให้ดูราวจับบันไดที่ทำหน้าที่เป็นราวกันตกด้วย วัสดุปูพื้นชั้นสองในบ้านตัวอย่างปูเป็นพื้นลามิเนต แต่ของจริงจะเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิโต้ 60×60 มาให้ ทั้ง 3 ชั้น เข้าใจตรงกันนะ
พื้นที่ Family Room ของบ้านตัวอย่าง กั้นด้วยผนังกระจก และ ประตูกระจกบาน Slide มาให้ดูเป็นไอเดีย แต่ของพื้นที่ของจริงตรงนี้จะไม่ได้กั้นอะไร มาโล่งๆเลย
ในบ้านตัวอย่างห้องนี้จะจัดเป็นห้องทำงาน ดูผู้ใหญ่ๆ วางโต๊ะ Island ไว้ตรงกลาง และจัดชั้นวางหนังสือไว้ด้านข้าง
ด้านหลังโต๊ะทำงานตรงกับช่องหน้าต่างที่อยู่ข้างบ้าน ทำให้แสงธรรมชาติส่องมาที่โต๊ะพอดี เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านแปลงมุม ดังนั้นจะมีหน้าต่างสองด้าน
มองย้อนจากโต๊ะทำงาน ออกไปที่หน้าห้อง จะเห็นโถงบันได เพื่อให้รู้ว่าคนที่กำลังเดินขึ้นมาเป็นใคร ระหว่างที่ทำงานอยู่ ส่วนประตูทึบทางซ้ายเป็นทางเข้าห้องนอนใหญ่
ห้องทำงานนี้จะวางอยู่ที่ตำแหน่งหน้าบ้าน จึงจะอยู่ติดกับระเบียงหน้าบ้านด้วย ระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์
เมื่อเปิดออก จะเห็นพื้นที่ระเบียงในลักษณะนี้ มีราวกันตกเป็นโครงเหล็กพ่นสีดำด้าน พื้นปูด้วยกระเบื้องขนาด 30×30 ซม. ระเบียงมีขนาดยาวประมาณ 3 เมตร และกว้างประมาณ 80 ซม.
ผนังระเบียงปกติจะเป็นผนังทึบๆ แต่พอเป็นบ้านแปลงมุมจะมีซี่ Grille ใส่มาด้วย เพื่อให้มองเห็นด้านข้างของบ้านได้
ตำแหน่งติดตั้ง Air Compressor วางอยู่ด้านข้าง แล้วเป่าเข้ามาที่ระเบียงแบบนี้ ประหยัดพื้นที่การวางคอมฯแอร์ก็จริง แต่ว่าการติดคอมแอร์แบบนี้ ทำให้ระเบียงร้อน เนื่องจากจะมีลมร้านเป่าออกมาที่ระเบียงตลอด ถ้าเราใช้ระเบียงนี้ตากผ้า ก็อาจจะมองเป็นเรื่องดีก็ได้ เพราะผ้าน่าจะแห้งไว แต่แบบนี้จะปลูกต้นไม้ไม่ค่อยได้ และการออกมายืนที่ระเบียงขณะที่ในห้องเปิดแอร์ ก็จะให้ความรู้สึกที่ไม่สบายตัวนัก
งานท่อน้ำแอร์ เดินลอย ต่อออกมาระบายที่ระเบียง
ตัวท่อน้ำแอร์ ตั้งใจต่อให้ยืดออกมาให้ไหลลง Floor Drain เลย เพื่อไม่ให้เป็นคราบเกาะตามผนัง แต่ทำแบบนี้อาจจะดูไม่สวยเท่าไหร่
กลับเข้ามาในบ้าน เข้าไปดูห้องนอนใหญ่กัน ซึ่งอยู่ด้านหลังห้องทำงานอีกที ผมว่าตำแหน่งประตูตรงนี้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เพราะเราต้องเข้าห้องนอนโดยเดินผ่านห้องทำงานก่อน ซึ่งจะไปรบกวนคนที่ทำงานอยู่ได้
ห้องนอนใหญ่นี้จะวางอยู่ในตำแหน่งหลังบ้าน มีห้องน้ำในตัว
พื้นที่หน้าห้อง จัดเป็นตำแหน่งวาง Sideboard สำหรับวางทีวี แต่จะติดตำแหน่งประตู ทำให้พื้นที่วางทีวีมีไม่เยอะ ขนาดของทีวีก็เลยต้องเล็กตามไปด้วย
ชุดกลอนประตูนของ Hafele มีลูกบิด 1 อันข้างบน และ Dead bolt อีก 1 อันด้านล่าง
ที่หัวเตียง ตรงกับตำแหน่งหน้าต่างพอดี ถ้าเป็นแปลงมุมจะมีหน้าต่างสองด้านด้วย
เตียงในห้องนี้ จัดเป็นเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้ แต่เอาเตียงไปชิดผนังด้านหนึ่ง … ซึ่งจริงๆแล้วการวางเตียงไม่ควรวางลักษณะนี้นะครับ เพราะลองจินตนาการดูว่า ถ้านอน 2 คน เวลาจะลุกเข้าออกจากเตียง คนที่นอนริมผนังจะทำยังไง การวางเตียงชิดผนังเหมาะกับคนที่นอนคนเดียวมากกว่าครับ ถ้านอนสองคน ควรจะมี Space ให้ลุกออกจากเตียงได้ทั้งสองด้าน
ห้องนี้ Space ด้านข้างเตียงก็เหลือไม่เยอะแล้ว เพราะจะติดตำแหน่งเปิดประตูตู้เสื้อผ้า และพื้นที่หัวเตียงครับ มีอยู่สองทางให้เลือกคือ เปลี่ยนตำแหน่งวางเตียง กับ ให้หันเตียงไปทางอื่นครับ หรือ ถ้ายังอยากจะให้เตียงหันไปทางเดิม ให้เปลี่ยนหน้าบานตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบานเลื่อน เพื่อไม่ให้เสียระยะการเปิดครับ แล้วขยับเตียงออกมา ให้มีพื้นที่สำหรับลุกออกจากเตียงได้สองด้าน
ด้านนี้เป็นตู้เสื้อผ้า กับทางเข้าห้องน้ำ
ห้องน้ำชั้น 2 และ 3 ก็จะมีขนาดใกล้เคียงกับห้องน้ำชั้นล่างครับ พื้นที่ใกล้ๆกัน
ห้องน้ำห้องนี้ จะมีส่วนที่แตกต่างจากห้องน้ำชั้นล่างนิดหน่อย คือ ชุดฝักบัวอาบน้ำอันนี้ ที่จะเป็นแบบติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ในตัว เป็นรุ่น Aquabella ของยี่ห้อ HAFELE เหมือนกันครับ
สามารถหมุนปรับอุณหภูมิได้ตรงนี้เลย ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเครื่องทำน้ำอุ่นทั่วไปหรอกครับ เพียงแต่ติดตั้งและขนย้ายง่ายกว่า และไม่ต้องมีสายระโยงระยางให้ดูเกะกะ
หัวฝักบัวจะดูสวยขึ้นมาหน่อย
ชุด Rain Shower จะแตกต่างจากห้องน้ำชั้นล่างนิดนึง
ต่อมาเราจะขึ้นไปดูชั้น 3 แต่ก่อนจะขึ้นไป จะให้ดูโถงบันไดตรงนี้ก่อน เพราะบันไดขึ้นชั้นสาม จะใส่เป็นบันไดที่ไม่มีราวจับ แต่ว่าจะมีซี่บันไดแบบนี้ติดตั้งมาให้แทน เพื่อให้ดูทันสมัยขึ้น แต่ยังพอจะมีที่จับอยู่ ไม่ใช่โล่งๆไปเลย
ที่ปลายสุดของโถงบันไดชั้นสอง ก่อนขึ้นสาม จะมีพื้นที่ที่ยื่นออกไปติดกับผนังหน้าบ้าน มุมนี้ในห้องตัวอย่างใส่ให้ดูเป็นที่นั่งเล่นพักผ่อน ที่ปลายบันได จริงๆจะไม่มีก็ได้ บางคนอาจจะใช้พื้นที่ตรงนี้วางหิ้งพระแทน เพราะตำแหน่งอยู่หน้าบ้าน และมีหน้าต่างพอดี
บันไดขึ้นชั้น 3
ด้านข้างตรงชานพักบันไดนี้ มีกล่องด้วย สำหรับเอาไว้ตั้งโชว์สิ่งของต่างๆ และทำหน้าที่เป็นราวบันไดไปในตัว
โถงบันไดที่ชั้น 2 และ 3 นี้จะมีแสงธรรมชาติ ที่ส่องผ่านจากหน้าต่างเข้ามาได้จากทั้ง 2 ชั้น เพิ่มความสว่างให้กับบันไดในตอนกลางวันได้ โดยที่ไม่ต้องเปิดไฟเยอะนัก ในห้องตัวอย่างนี้เค้าติด Wallpaper ที่ค่อนข้างมืด จึงจะทำให้ดูมืดหน่อย แต่ของจริงจะติด Wall สีอ่อน ก็จะทำให้แสงสะท้อนได้ดีขึ้น ดูสว่างขึ้น
สุดท้ายขึ้นมาที่ชั้น 3 ของบ้าน ชั้นนี้ฟังก์ชั่นหลักๆก็จะมีห้องนอนเล็ก 2 ห้อง และมีห้องน้ำอยู่อีก 1 ห้องด้านนอก ที่แชร์ใช้ร่วมกันระหว่างห้องทั้งสอง
พอขึ้นมาถึงชั้นบนสุดแล้ว จะเห็นว่าโถงบันไดชั้น 3 มีขนาดเล็กมาก มีพื้นที่ให้ยืนแค่นี้เอง แล้วก็แยกเป็น 3 ห้อง โดยประตูทางขวาเป็นห้องน้ำ ทางซ้ายและตรงกลางเป็นห้องนอนที่เหลือ
การที่ทำให้โถงบันไดเล็ก เนื่องจากมีการดันผนังห้องนอนและห้องน้ำให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จนกินมาถึงพื้นที่โถงบันได ซึ่งผมคิดว่าจริงๆไม่ต้องให้ห้องนอนใหญ่ขนาดนั้นก็ได้ ถ้าโถงบันไดจะเล็กขนาดนี้ เพราะว่ามันจะอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยครับ เนื่องจากเปิดประตูห้องมาปุ๊บมีพื้นที่ให้ยืนนิดเดียว ก็เป็นบันไดลงชั้นล่างทันที
ห้องน้ำชั้น 3 ขนาดเท่าๆกับห้องน้ำชั้นล่างที่เหลือเลยครับ ฟังก์ชั่นก็เหมือนกันเป๊ะ วัสดุก็เหมือนกับห้องน้ำชั้น 2 เป๊ะๆ ดังนั้นไม่ต้องพูดอะไรมาก ดูจากพื้นที่แล้วน่าจะใช้งานได้สะดวกเป็นปกติ
ห้องนอนเล็กสุดอยู่ตรงกลาง เข้าไปดูกันก่อน
ห้องนอนนี้เป็นห้องนอนขนาดเล็กสุด ที่ผนังห้องนี้ ถ้าเป็นแปลงมุมจะมีหน้าต่างสองด้าน แต่ถ้าเป็นแปลงปกติ จะมีหน้าต่างด้านเดียว ที่อยู่ชิดผนังด้านหลังบ้านครับ (ติดกับโต๊ะทำงานในรูป)
ยืนอยู่ที่โต๊ะทำงาน มองย้อนกลับออกมาที่หน้าห้อง
ที่ผนังส่วนที่ติดกับประตูห้อง ใส่ชั้นวางของ และชั้นวางทีวีเล็กๆไว้ให้ พื้นที่บางพอสมควร วางอะไรได้ไม่เยอะ ทีวีก็จอไม่ใหญ่ แต่ได้ตำแหน่งทีวี Center กับเตียงพอดี
ที่พื้นติด Door Stopper ไว้ให้ เพื่อป้องกันไม่ให้เปิดประตูไปชนทีวี
ถัดจากชั้นวางทีวีจะเป็นตู้เสื้อผ้า ที่วางอยู่คู่กัน เป้นตู้เสื้อผ้าที่ใหญ่ใช้ได้สำหรับห้องนอนเล็กแบบนี้ ถ้าไม่พอก็ยังมีพื้นที่ให้ใส่ตู้เพิ่มได้ที่ผนังด้านข้าง
เตียง 3.5 ฟุต วางชิดผนังด้านหนึ่ง คู่กับโต๊ะทำงานที่อยู่ข้างเตียง ฟังก์ชั่นแบบนี้แหละ ที่เหมาะสมกับการวางเตียงชิดผนัง เนื่องจากเด็กนอนคนเดียว ทำการบ้านที่โต๊ะเสร็จก็ลุกไปนอน เชื่อว่าหลายๆคนตอนเด็กๆก็นอนก็เอาหลังพิงกำแพงด้วยใช่มั้ยล่ะ
พื้นที่ข้างเตียงตรงนี้จะมีส่วนที่เว้าเข้าไปของผนัง สามารถวางชั้นวางของ หรือ จะใส่ตู้เก็บของเพิ่มก็ได้ เหมาะมากสำหรับเด็ก ที่อาจจะเอา Laptop มาวางเล่นข้างๆเตียง หรือวางหนังสือสำหรับอ่านก่อนนอน
โต๊ะทำงานอยู่ในตำแหน่งที่ติดหน้าต่างสองด้าน ทำให้ได้แสงธรรมชาติเต็มๆ ตอนกลางวัน นั่งทำงานได้โดยไม่ต้องเปิดไฟ
ห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนอีกห้องหนึ่งท่ีอยู่ชั้น 3
ห้องนอนห้องนี้ขนาดใหญ่ทีเดียว เมื่อเทียบกับตัวบ้าน ใหญ่พอที่จะทำเป็น Master Bedroom ที่ 2 ได้เลย เพราะในห้องตัวอย่างก็วางเตียงขนาด 6 ฟุตไว้ให้ดู
มองย้อนกลับไปที่ทางเข้าห้อง
เตียง 6 ฟุต วางแล้วยังมีพื้นที่เหลือด้านข้างอีกสบายๆ
ผนังด้านข้าง เป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้า ซึ่งจริงๆแล้ว ถ้าทำแบบนี้แล้วอยู่กัน 2 คน อาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ผมแนะนำให้เอาโต๊ะเครื่องแป้งตรงกลางนั้นออกไปไว้ที่อื่น แล้วใส่เป็นตู้ยาวเต็มผนังเลยจะดีกว่า
ทางเข้าห้อง จะมีพื้นที่ที่เป็นเหมือน Corridor เล็กๆ เวลาเดินเข้าห้องมา
พื้นที่ข้างเตียง ฝั่งที่ติดกับตู้เสื้อผ้า เว้นไว้สำหรับระยะเปิดตู้ และพอจะใส่โต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้ซักตัว
พื้นที่ปลายเตียงถือว่าเหลือเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าจะใส่โซฟาปลายเตียงอีกอัน อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ แนะนำให้ดูทีวีบนเตียงต่อไป แล้วติดทีวีให้ขนาดใหญ่หน่อย จะได้มองเห็นชัดๆจากบนเตียง ส่วนชั้นวางทีวีก็ใส่ให้เต็มผนังเลย จะได้มีพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้นด้วย
พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของเตียง อยู่ติดกับระเบียงชั้น 3 ซึ่งก็จะมีขนาดพอๆกับระเบียงชั้น 2 แหละ ไม่ต่างกันเท่าไหร่
มองจากระเบียงออกไปด้านนอก
รางประตูบานเลื่อน วางอยู่บนพื้นระเบียงที่ลดระดับลงไปจากพื้นห้องอีกหน่อย ไม่มีธรณีประตู ไม่ต้องกลัวสะดุดเวลาเดินออกไป
พื้นที่ในห้องนอนห้องนี้ จะมีมุมที่ยื่นออกไปทางหน้าบ้านแบบนี้
พื้นที่ตรงนี้จัดเป็นพื้นที่โต๊ะทำงานส่วนตัว ที่รับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างหน้าบ้านได้
ข้างๆโต๊ะทำงาน วางอยู่ติดหน้าต่าง 2 ด้าน เพื่อไม่ให้คนที่นั่งอยู่ตรงนี้รู้สึกอึดอัด จะได้ไม่ต้องนั่งจ้องผนังทึบๆอย่างเดียว และแสงธรรมชาติจะส่องผ่านจากหน้าต่างทางขวา ทะลุไปยังหน้าต่างด้านซ้าย เพื่อไปทำให้โถงบันไดสว่างด้วย ได้ประโยชน์หลายต่อ ใครไม่อยากใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นโต๊ะทำงาน จะทำตู้เก็บของก็ได้ หรือจะใส่โต๊ะแต่งหน้าที่ได้แสงธรรมชาติก็ได้นะ แล้วแต่ว่าจะจัดแบบไหน
บ้านเปล่ามาตรฐาน – ทาวน์โฮม 3 ชั้น
ต่อจากบ้านตัวอย่าง ผมจะพาไปดูบ้านเปล่าแบบมาตรฐาน ที่ขายให้กับลูกบ้านบ้าง ซึ่งจะมีส่วนที่แตกต่างจากบ้านตัวอย่างอยู่หลายจุด
อย่างแรกเลยคือหน้าบ้าน ที่จะเป็นประตูรั้วแบบบานพับ 4 ตอน รั้วบ้านสูง 1.50 เมตร เทียบจากถนน
หน้ากว้าง 5.5 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คันแบบนี้ BMW Z4 1 คัน กับ Camry อีก 1 คัน กำลังพอดีไม่เบียดมาก แต่ถ้าเป็นรถ SUV อย่าง Toyota Fortuner 2 คัน อาจจะทำให้เปิดประตูลงจากรถยากหน่อย เพราะจะเบียดกัน แต่ก็จอดได้นะ
ป้ายบ้านเลขที่ กับ ปุ่มกดกริ่งหน้าบ้านแบบฝังหลอด LED สีน้ำเงินไว้ข้างใน เรืองแสงตอนกลางคืน
ประตูรั้วเหล็กสีดำด้าน พับ 4 ตอน มีระยะเปิดแคบดี จอดรถยาวๆได้ ไม่ต้องกลัวเปิดไปชน
มิเตอร์น้ำและตู้ไฟฟ้าหน้าบ้าน
พื้นหน้าบ้านเป็น Stamp Concrete โดยจะเป็นหลังเต่าตรงกลาง ระบายน้ำออกทางรางรับน้ำด้านข้าง
รั้วบ้านด้านข้าง
หน้าบ้านของจริงที่โล่งๆ ไม่เหมือนบ้านตัวอย่างที่จัดสวนมาซะแน่น
เฉลียงหน้าบ้าน ปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30×30 ซม. ความจริงแล้วน่าจะยกระดับพื้นขึ้นมาอีกหน่อยนะครับ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าบ้าน กรณีที่มีฝนสาด
ท่อระบายน้ำหน้าบ้าน กับรางรับน้ำรอบๆ
ด้านข้างติดก็อกน้ำเอาไว้ด้วย สำหรับล้างรถ หรือล้างพื้นหน้าบ้าน
ปลั๊กไฟแบบกมีฝาปิดกันน้ำก็ติดมาให้แล้ว แต่ผมว่าอยู่ต่ำเกินไปหน่อย น่าจะสูงกว่านี้อีกซัก 10-20 ซม. เผื่อฝนตกแรงๆ น้ำสาด จะได้มั่นใจว่าไม่กระเด็ดขึ้นมาโดนปลั๊ก
ภายในบ้านเปล่า
โถงบันไดขึ้นชั้นบน
สีพื้นไม้ที่ปิดผิวบันได จะสีอ่อนกว่าในบ้านตัวอย่าง แต่เป็นไม้เต็งเหมือนกัน
พื้นที่ส่วนหน้าบ้านที่จะเป็นที่วางทีวี ด้านซ้ายเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ และ ห้องเก็บของ
ประตูห้องเก็บของ ของจริงสูง 1.90 เมตร เท่ากับขนาดประตูปกติ
ทางออกหลังบ้าน มีหน้าต่างหนึ่งบาน
ผนังส่วนครัว ติดตั้งจุดวางท่อน้ำทิ้ง-น้ำดีเอาไว้ให้ สำหรับแพนทรี่ครัวในบ้าน แต่ตำแหน่งติดตั้งอยู่คนละจุดกับที่อยู่ในห้องตัวอย่าง … กลายเป็นว่ามาอยู่สลับตำแหน่งกับเตาไฟฟ้าแทน :-\
แอร์ในบ้านแถมให้ 3 ตัว ยี่ห้อ Hitachi ขนาด 12,000 BTU
ลานซักล้างหลังบ้าน จะปูด้วยพื้นคอนกรีตธรรมดา ไม่ได้ปูหญ้าเหมือนในห้องตัวอย่าง แต่ผมไม่ชอบตำแหน่งติดคอมฯแอร์เลย เพราะเอาลงมาอยู่ข้างล่าง เข้าใจว่าเพื่อความง่ายต่อการ Service Maintenance แต่ว่ามันจะเสียพื้นที่หลังบ้านไปโดยเปล่าประโยชน์ แถมจะทำอะไรเปียกๆก็ต้องมาคอยหลบไม่ให้โดนคอมฯแอร์ด้วย ดังนั้นทางแก้ไขคือ ควรจะยกขึ้นไปสูงๆหน่อย ยอมให้มัน Service ยากขึ้น แต่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีกว่า
ประตูออกหลังบ้านจะมี Step ขั้นบันไดปูนให้จุดหนึ่ง
ด้านหลังบ้านวางถังน้ำ ขนาด 1500 ลิตร ยี่ห้อ Dos
ตำแหน่งของท่อน้ำทิ้งหลังบ้าน ที่เดินเปลือยเอาไว้
ท่อน้ำทิ้งต่อเชื่อมกับห้องน้ำทั้งสามชั้น ที่อยู่ตำแหน่งตรงกันหมด
แท้งน้ำ ต่อเข้ากับปั๊มน้ำ ยี่ห้อ Hitachi กำลัง 350 วัตต์
มีก๊อกน้ำสำหรับใช้งานหลังบ้านติดมาให้ที่ผนัง
รั้วหลังบ้านสูง 2 เมตรโดยมาตรฐาน
ท่อระบายน้ำหลังบ้าน
เข้ามาดูในห้องน้ำนิดนึง หัวก็อกของบ้านจริงที่ให้มาจะเป็นของ HAFELE หน้าตาแบบนี้นะครับ ไม่ใช่ Hansgrohe เหมือนในห้องตัวอย่าง
ขึ้นบันไดมาชั้นสอง โถงบันไดเป็นแบบนี้ ตรงบันไดขั้นสุดท้ายจะเป็นขั้นสามเหลี่ยมสองขั้น ดูในรูปอาจจะไม่เห็น ขออภัยด้วยครับ แต่จะบอกว่า ขั้นบันไดตรงนี้ต้องเดินระวังๆหน่อย ไม่งั้นอาจจะสะดุดได้ เพราะเป็นขั้นเฉียงๆ
หน้าตาโคมไฟที่ติดตรงชานพักบันได
พื้นชั้นสองและชั้นสามของบ้านจริง จะเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิโต้ครับ ไม่ใช่พื้นลามิเนตอย่างที่เห็นในบ้านตัวอย่าง
พื้นที่ชั้น 2 นี้ ส่วนด้านหน้าบ้านจะเป็นพื้นที่ Family Area อย่างที่ได้อธิบายไปครับ จะให้มาเป็นห้องโล่งๆแบบนี้เลย ไม่ได้มีการกั้นผนัง
ห้อง Family Area จากอีกมุมหนึ่ง ด้านซ้ายเปิดออกระเบียง ด้านขวาเป็นประตูเข้าห้องนอน
พื้นที่ตรงปลายสุดของโถงบันได อยู่ติดหน้าต่าง
ห้องนอนชั้น 2 มีหน้าต่างด้านหลังหนึ่งบาน เนื่องจากไม่ใช่แปลงมุมครับ
โถงบันไดขึ้นชั้นสาม ของจริงก็หน้าตาเหมือนห้องตัวอย่าง
ทางขึ้นไปชั้นสาม … สูงจัง …
พื้นที่บันไดมีชานพักบันไดตรงกลาง และมีช่องแสงสองจุด ที่ชั้น 2 และชั้น 3
ตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่อยากจะให้ดูครับ นั่นคือโถงบันไดที่ชั้น 3 ซึ่งมีขนาดเล็กมาก และมีความกว้างมากกว่าชานพักบันไดขั้นสุดท้ายอีก
ชานพักบันไดขั้นบนสุดเป็นชานพักรูปสามเหลี่ยม ซึ่งต้องระวังหน่อยนะครับ เวลาที่จะเดินลงมา เพราะมันจะมีจังหวะที่ก้าวขาพลาดได้
ผมแนะนำว่า เพื่อความปลอดภัย เราควรจะติดราวจับตรงบริเวณพื้นชั้น 3 ให้ยื่นออกมาจากผนังอีกหน่อย เพื่อให้ทางเดินมันแคบลง เราจะได้บังคับตัวเองให้ก้าวขามาเหยียบที่ชานพักบันไดพอดี ไม่เดินลงบันไดจากที่มุม
ส่วนพื้นที่ชั้น 3 ที่เหลือของบ้านเปล่า ก็จะเหมือนกับบ้านตัวอย่างครับ
ยูนิตเปล่ามาตรฐาน – HOME OFFICE 4 ชั้น
ถัดมาเราจะไปดูยูนิตเปล่าๆ แบบ Home Office ซึ่งมี 4 ชั้นครับ ในแปลนจัดมาเป็น Office 3 ชั้น และ ชั้น 4 เป็นชั้นพักอาศัย แต่ใครจะทำเป็นออฟฟิศทั้ง 4 ชั้นเลยก็ได้ หรือใครจะจัดเป็น ออฟฟิศ 1-2 ชั้น แล้วที่เหลือเป็นบ้านก็ได้ แล้วแต่เรานะครับ ฟังก์ชั่นมาตรฐานเป็นแบบ 2 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ รองรับพนักงานได้ตั้งแต่ 10-30 คน แล้วแต่รูปแบบของออฟฟิศ
หน้าตาของ Home Office เป็นแบบนี้ ลืมบอกไปว่าแบบ Home Office นี่ขายหมดไปแล้วนะครับ อันนี้เอามาลงให้ดู จะได้รู้ว่าที่โครงการก็มีเหมือนกัน
หน้าบ้านใส่ประตูกระจกไว้เป็นแบบบานคู่ เลื่อนเปิดออกสองด้าน แต่มีลุ้นว่าถ้าใครทำตรงนี้เป็นหน้าร้าน อาจจะมีการแก้ไข ปรับปรุงทางเข้าร้านใหม่หมด เช่นใส่ผนังกระจกล้วนๆหน้าบ้าน หรือเติมกันสาด ฯลฯ พื้นที่ตรงนี้ใช้จอดรถด้วย โดยจอดได้ 2 คัน แต่ถ้าทำหน้าร้านตรงนี้ ก็อาจจะไม่เอารถมาจอดข้างหน้านะครับ คงจะได้จอดริมถนนแทน
เฉลียงทางเข้าบ้าน ยกระดับจากพื้นถนนหน้าบ้านอีก Step หนึ่ง เผื่อใครอยากให้ถอดรองเท้าก่อนเข้ามาในร้าน
Floor Plan ชั้นหนึ่ง ไม่มีอะไรมากเลย ทำมาเป็นห้องโล่งๆ ที่เผื่อเอาไว้สำหรับให้กั้นห้องเอง เพื่อให้รองรับรูปแบบหน้าร้านหลายประเภท ด้านหน้าสุดจะเป็นพื้นที่กว้างหน่อย ทำเป็น Reception ต้อนรับลูกค้า, ตรงกลางจะวางเป็นโต๊ะทำงานก็ได้ หรือจะให้พื้นที่ชั้นล่างทั้งชั้น เป็นพื้นที่รับลูกค้าทั้งหมดก็ได้ โดยที่ด้านหลังสุดจะมีห้องน้ำ 1 ห้อง สำหรับให้พนักงานใช้ หรือ จะให้ลูกค้าใช้ก็ได้ หน้าห้องน้ำมีพื้นที่ที่เตรียมไว้สำหรับทำ Pantry เป็นโซนแม่บ้าน ส่วนด้านหลังสุดก็จะเป็นประตูเปิดออกไปยังลานซักล้างด้านหลัง
ชั้นหนึ่งเป็นพื้นที่โล่งๆแบบนี้
ตรงกลางเป็นโถงบันได มีห้องเก็บของใต้บันไดเหมือนบ้านปกติ
พื้นที่ในห้องเก็บของ
โถงบันไดขึ้นชันสอง
พื้นที่ด้านหลัง เว้นไว้โล่งๆ ไม่ได้กั้นผนังใดๆ
ประตูห้องน้ำ เอามาใส่ไว้ด้านหลัง จะได้มี Privacy เวลาเข้าห้องน้ำ และเผื่อคุณแม่บ้านเข้าไปซักผ้าขนหนูจะได้หลบๆอยู่ด้านหลัง พื้นที่หน้าห้องน้ำเตรียมไว้สำหรับวางแพนทรี่ครัว
ห้องน้ำชั้นล่าง อาบน้ำไม่ได้ สุขภัณฑ์ให้ของ American Standard มีโถปัสสาวะชายเพิ่มเข้ามาให้ เผื่อว่าต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน ชาย-หญิง
ลานซักล้างหลังบ้านไม่มีอะไรมาก วางแค่ถังน้ำ กับ ปั๊มน้ำ ไว้ให้ จะเอาไปใช้ทำอะไรก็สุดแล้วแต่
บันไดขึ้นชั้นสอง
ที่ชั้นสอง จะแบ่งเป็นห้องโล่งๆ 2 ด้าน หน้าบ้านกับหลังบ้าน โดยที่ไม่ได้กั้นประตูห้องมาให้อยู่แล้ว สามารถเลือกกั้นประตูเองภายหลังได้ตามสะดวก มีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง หน้าบ้านจะมีระเบียงด้วย
พื้นที่โถงบันไดชั้นสอง
ตรงกลางของโถงบันได มีพื้นที่เหลืออยู่นิดหน่อย เผื่อได้ใช้ประโยชน์ อย่างน้อยก็ใช้เป็นชานพักหน้าห้องน้ำ
ด้านหน้าบ้าน เป็นห้องโล่งๆแบบนี้ มีระเบียงขนาดยาวประมาณ 3 เมตร
ห้องน้ำอยู่ตรงกลาง ติดกับโถงบันได ให้เดินมาใช้ร่วมกันตรงกลาง
โถปัสสาวะชาย
อ่างน้ำ American Standard และ ก็อกน้ำ Hefele
โถสุขภัณฑ์ พร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่กระดาษชำระติดตั้งมาให้แล้ว
ห้องอีกห้องทางด้านหลังบ้าน
ต่อมาเป็นชั้น 3 ชั้นนี้จะ Layout คล้ายๆชั้น 2 แต่จะแตกต่างกันตรงที่ ชั้นนี้จะมีการกั้นห้องให้เป็น 2 ห้อง หน้าด้านหน้าบ้านพื้นที่ใหญ่หน่อยใช้เป็นห้องประชุมได้ ส่วนห้องด้านหลังบ้าน ขนาดเล็กกว่า อาจจะใช้เป็นห้องสำหรับผู้บริหารอยู่ด้านนี้แทน ส่วนห้องน้ำอยู่ตรงกลางเหมือนเดิม
ชั้น 3 นี้อาจจะไม่ได้ใช้เป็นออฟฟิศก็ได้ ดังนั้น ห้องที่ถูกกั้นนี้อาจจะทำเป็นห้องนอนห้องนึง อีกห้องทำเป็นห้องนั่งเล่นก็ได้ หรือไม่ก็ทำเป็นห้องนอนทั้งสองห้องเลยก็ได้เช่นเดียวกัน แล้วห้องน้ำก็ใช้ร่วมกันตรงกลาง
ขึ้นมาที่ชั้น 3 แล้ว โถงหน้าห้อง จะมีห้องอยู่สองห้องตรงกลางชั้น
ทางซ้ายเป็นห้องเก็บของที่ชั้น 3 ทางขวาเป็นห้องน้ำชั้น 3
ห้องเก็บของขนาดเท่านี้ ติดหลอดไฟ Fluorescent มาให้
ห้องน้ำชั้นสามไม่ได้ใส่ Shower ไว้ให้ เพราะกะจะให้ทำเป็นออฟฟิศ แต่ถ้าใครทำชั้นนี้เป็นที่อยู่อาศัย ก็ควรจะเปลี่ยนโถปัสสาวะชาย เป็นติดฝักบัวอาบน้ำแทนนะครับ
ห้องหลังบ้าน ขนาดเท่านี้ วางแผนไว้ให้ทำเป็นห้องทำงานผู้บริหาร แต่ก็ทำห้องนอนได้สบาย
ห้องหน้าบ้านใหญ่พอที่จะเป็นห้องประชุมที่จุคนได้ 10-20 คน แล้วแต่ว่าจะจัดโต๊ะประชุมแบบไหน กั้นประตูห้องไว้ให้แล้วเสร็จสรรพ
พื้นที่ระเบียง ขนาดเท่าๆกับระเบียงชั้นล่าง คือประมาณ 0.90 x 3.00 เมตร
บันไดขึ้นชั้น 4 มีชานพักเป็นชั้นสี่เหลี่ยม (ซะที) เดินขึ้นลงจะได้ปลอดภัยหน่อย ไม่มีขั้นสามเหลี่ยมให้เดินยากๆ
ที่ชั้น 4 นี้จัดเป็นห้องนอน 2 ห้อง ที่ไม่มีห้องน้ำในตัว แต่ห้องน้ำจะอยู่ตรงกลางใช้ร่วมกัน โดยมีประตูเปิดเข้าห้องน้ำได้ 2 ด้าน
โถงบันไดชั้น 4 ขึ้นมาแล้วจะแบ่งเป็น 3 ห้อง ตรงกลางคือห้องน้ำนะครับ
ห้องนอนหน้าบ้าน มีระเบียงส่วนตัว
พื้นที่ของห้องนอน ก็ใหญ่พอๆกับห้องประชุม
หลอดไฟในห้องนอน ติดเป็นไฟซาลาเปามาให้ ถ้าใครไม่ชอบอาจจะเปลี่ยนเป็นไฟดาวน์ไลท์นะครับ
ห้องนอนด้านหลัง จะรูปทรงแปลกๆนิดนึง เนื่องจากมีการกั้นห้องด้วยผนังตรงกลาง เพื่อใช้เป็นผนังสำหรับแขวนทีวีปลายเตียง อย่างห้องนี้เตียงจะอยู่ทางซ้าย และทางขวาจะเป็นพื้นที่ที่เว้นเอาไว้ให้ทำ Walk-in Closet
ห้องนอนที่อยู่หลังบ้าน มีระเบียงเล็กๆอยู่ในห้องด้วย และมีประตูที่เปิดเข้าห้องน้ำจากในห้องนอนได้โดยตรง โดยไม่ต้องเดินออกไปนอกห้อง
ฟังก์ชั่นห้องน้ำ รูปแบบเหมือนกับห้องน้ำของทาวน์เฮาส์เด๊ะๆ พื้นที่ก็ใกล้เคียงกัน แต่จะแตกต่างที่วัสดุสุขภัณฑ์
พื้นที่ Shower Box ในห้องน้ำชั้น 4 ใหญ่พอที่จะกั้นฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกได้ ซึ่งผมก็แนะนำให้ติดฉากกั้นเพิ่มนะครับ เพื่อแยกฟังก์ชั่นเปียก-แห้งออกจากกันและทำให้ห้องน้ำน่าใช้งานมากขึ้นครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 JUNE 2014
- Townhome พื้นที่ใช้สอย 197 ตารางเมตร
- แปลงที่ 1 ที่ดิน 31 ตารางวา ราคา 8.5 ล้านบาท
- แปลงที่ 4 ที่ดิน 23.4 ตารางวา ราคา 6.7 ล้านบาท
- แปลงที่ 7 ที่ดิน 24.9 ตารางวา ราคา 6.7 ล้านบาท
- แปลงที่ 10 ที่ดิน 37 ตารางวา ราคา 8.9 ล้านบาท
- แปลงที่ 11 ที่ดิน 53.7 ตารางวา ราคา 12.5 ล้านบาท (บ้านตัวอย่าง)
- แปลงที่ 12 ที่ดิน 21.7 ตารางวา ราคา 6.5 ล้านบาท
- แปลงที่ 13 ที่ดิน 21.6 ตารางวา ราคา 6.5 ล้านบาท
- แปลงที่ 17 ที่ดิน 21.6 ตารางวา ราคา 6.5 ล้านบาท
- แปลงที่ 18 ที่ดิน 21.6 ตารางวา ราคา 6.5 ล้านบาท
- แปลงที่ 19 ที่ดิน 21.6 ตารางวา ราคา 6.5 ล้านบาท
- แปลงที่ 20 ที่ดิน 21.6 ตารางวา ราคา 6.5 ล้านบาท
- แปลงที่ 21 ที่ดิน 32 ตารางวา ราคา 8.4 ล้านบาท
- แปลงที่ 22 ที่ดิน 38.8 ตารางวา ราคา 8.7 ล้านบาท
- แปลงที่ 26 ที่ดิน 23.7 ตารางวา ราคา 6.7 ล้านบาท
- แปลงที่ 27 ที่ดิน 28.8 ตารางวา ราคา 8.3 ล้านบาท
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
เจาะลึกรวบยอด
โครงการ กานต์ศิริ รามอินทรา – นวลจันทร์ 48 มีทำเลตั้งอยู่ติดถนนนวลจันทร์ ในย่านรามอินทรา, เกษตร-นวมินทร์, เลียบทางด่วน การเดินทางจะสะดวกด้วยรถยนต์เป็นหลัก ด้วยความที่ถนนนวลจันทร์เป็นถนนรอง ขนาด 4 เลน (แต่สองเลนซ้าย-ขวาถูกจับจองไปแล้ว เพราะมีรถจอดริมฟุตบาท) กว้างหน่อยเทียบกับซอยทั่วไป รถวิ่งสะดวก มี Traffic พอประมาณ รถติดบ้างไม่ติดบ้าง แต่น้อยกว่าถนนหลักแน่นอน อยู่ใกล้ทางขึ้นทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ใกล้ถนนเส้นหลักหลายสาย และมีทางเลี่ยงทางลัดหลายทางให้เลือกใช้ นอกจากนี้ ยังมีถนนวงแหวนฝั่งตะวันออกที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมาก สามารถใช้หนีรถติดได้เวลาจะวิ่งเข้า-ออกเมือง ในระยะทางไกลๆ ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถคงจะต้องพึ่งพาแท็กซี่เป็นหลัก รถเมล์วิ่งผ่านน้อย แต่หน้าโครงการมีป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกล ถ้าจำเป็นก็ใช้ได้
ลักษณะของทำเลที่ตั้งของโครงการ จะอยู่ติดถนน ทำให้สังเกตง่าย เข้า-ออกโครงการง่าย เอื้อต่อการเปิดสำนักงาน/ออฟฟิศที่ต้องมีหน้าร้าน และเพิ่มความปลอดภัยเพราะไม่ต้องเดินเข้าซอยลึกๆ รอบๆโครงการในระยะเดินเท้าอาจจะไม่ได้อุดมสมบูรณ์มากนัก แต่ถ้าขี่จักรยาน หรือ มอเตอร์ไซค์ในระยะใกล้ๆ บนเส้นนวลจันทร์ ก็จะมีร้านค้า มีของกิน ร้านสะดวกซื้อ, 7-Eleven, Lotus Express ให้สามารถใช้บริการได้ และถ้าขับรถได้ในระยะ 5-8 กิโลเมตร ก็จะมีห้างสรรพสินค้า และสถานที่สำคัญๆต่างๆในย่านนี้กระจายตัวอยู่ ถือว่ามีความเจริญดีในระยะขับรถ 10-15 นาทีครับ
รูปแบบของโครงการ จัดออกเป็นโครงการเล็กๆ บนเนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน มีจำนวนยูนิตแค่ 36 ยูนิต รวมทั้งทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ ถือว่ามียูนิตน้อย ย่อมดูแลกันง่าย และทั่วถึง ได้เรื่องความเป็นส่วนตัวค่อนข้างดี
ความปลอดภัยของโครงการ มีการแบ่งโครงการออกเป็น 2 เวิ้ง แต่ละเวิ้งมีทางเข้า และป้อมรปภ.แยกเป็นของตัวเอง เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจตรา และสะดวกในการเข้า-ออกของรถในโครงการ, รั้วโครงการสูงมาตรฐานที่ 2 เมตร, ติดสัญญาณกันขโมยให้กับบ้านทุกหลัง, และติดไฟส่องถนนในโครงการมาให้ตามจุดต่างๆ โดยจะเป็นไฟระบบ Solar Cell ด้วย ช่วยประหยัดค่าไฟได้ระดับหนึ่ง
ในเรื่องสภาพโครงการ ถนนในโครงการกว้าง 10.5 เมตร ซึ่งไม่ได้กว้างที่สุด แต่ว่าก็กว้างกว่าถนนทาวน์โฮมทั่วๆไปที่มักจะอยู่แค่ 7-9 เมตร รถจอดหน้าบ้านได้แล้วยังไม่เกะกะมาก, ความที่โครงการพื้นที่เล็ก ทำให้เกิดผลดีอีกอย่างหนึ่งคือ สามารถเดินสายไฟลงใต้ดินได้ ทำให้หน้าตาโครงการดูสะอาดสะอ้านไม่เกะกะ ไม่มีสายไฟระโยงระยาง แต่โครงการเล็กๆแบบนี้ ทำให้พื้นที่สีเขียวในโครงการมีได้จำกัด ต้นไม้ไม่เยอะเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับทาวน์โฮมโครงการใหญ่ๆ มักจะได้พื้นที่สีเขียวมากกว่า หรือบางทีจะมีสวนสาธารณะด้วย
การจัดฟังก์ชั่นของบ้านทำได้ดี มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ครบคู่ หน้ากว้าง 5.5 เมตร ทำให้จอดรถได้ 2 คันแบบไม่อึดอัดมาก แต่ถ้าได้อีกซัก 20-30 ซม. ก็จะดีกว่า จะได้จอดรถคันใหญ่ๆคู่กันได้แล้วไม่เบียดมาก ออกแบบให้บ้านมีพื้นที่ครัวฝรั่งได้ใหญ่หน่อย และมีพื้นที่หลังบ้านพอที่จะต่อเติมครัวไทยให้ใช้งานได้สะดวก ระยะดูทีวีกว้าง ห้องน้ำทั้งสามห้องกว้างและจัดวางได้ลงตัว และมีห้อง Family Room ที่ชั้นสอง แต่ในบ้านก็มีจุดที่จัดพื้นที่มาได้ไม่ดีนัก เช่นห้องนอนชั้น 2 ที่จัดเฟอร์นิเจอร์ และตำแหน่งเตียงยาก, ห้องนอนชั้น 3 ทั้งสองห้องมีขนาดใหญ่มากไปนิด จนมาเบียดพื้นที่โถงบันไดชั้น 3 ให้เหลือนิดเดียว และการออกแบบบันไดที่ค่อนข้างจะชัน มีขั้นสามเหลี่ยมที่ไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ บางจุดอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ทั้งๆที่ยังมีพื้นที่ในบ้านเพียงพอให้จัดได้ดีกว่านี้ น่าจะติดปัญหาที่โครงสร้าง อย่างไรก็ดี รายละเอียดพวกนี้อยู่ในบ้านเราเอง ยังพอมีทางแก้ไขได้ แต่อาจจะต้องลงไม้ลงมือหน่อย
วัสดุในบ้าน มีปะปนกันทั้งแบบที่เป็นมาตรฐาน และดีกว่ามาตรฐาน พื้นให้เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิโต้ 60×60 เคลือบนาโนกันรอยขูดขีด ทั้ง 3 ชั้น, บันไดพื้นไม้เต็ง, ติด Wallpaper มาให้, มีถังน้ำ 1500 ลิตร, ปั๊มน้ำ Hitachi 350 Watt, แอร์ Hitachi 12,000 BTU ครบทุกห้องนอน, ห้องน้ำที่เด่นๆ คือ ให้สุขภัณฑ์ Duravit, ก็อกน้ำ Hafele, ฝักบัว Hafele รุ่น Aquabella ที่มีเครื่องทำน้ำอุ่นในตัว, ผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้อง 30×30 ปั๊มลวดลาย, พื้นห้องน้ำผิวหยาบกันลื่น, ติดกล้องวงจรปิดและสัญญาณกันขโมยให้, เดินสาย Internet Fiber Optics ให้ในบ้าน ของ 3BB, ระยะพื้นถึงฝ้า 2.80 เมตร และโครงสร้างเป็นแบบอิฐมอญ รวมทั้งหมดอยู่ในราคา 6.5 – 8.5 ล้านบาท
สุดท้ายคือเรื่องสาธารณูปโภคในโครงการ ซึ่งจะบอกว่าไม่มีอะไรเลยก็ว่าได้ นอกจากป้อม รปภ. ทั้ง 2 จุด สาเหตุเพราะ ที่ดินของโครงการมีขนาดค่อนข้างเล็ก จะให้ใส่โน่นนี่นั่นเพิ่มก็คงจะไม่ไหว แถมค่าส่วนกลางอยู่ที่ 75 บาท/ตร.วา/เดือน ซึ่งก็จัดว่าไม่ถูกนะครับ แต่เป็นเพราะมีจำนวนยูนิตน้อย เลยมีตัวหารไม่เยอะ หวังว่าร้านค้าที่อยู่ด้านหน้า ตรงโซนโฮมออฟฟิศ จะมีอะไรดีๆมาเปิดให้ลูกบ้านได้ประโยชน์บ้างก็ละกัน
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 6.5 – 8.7 ล้านบาท (คิดเฉพาะทาวน์โฮม) @ 26 JUNE 2014
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – หน้าติดถนนนวลจันทร์ ใกล้ทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา มีทางลัดหลายเส้นทาง แต่เป็นถนนรองไม่ใช่ถนนเส้นหลัก อุดมสมบูรณ์ในระยะขับรถ
- ความปลอดภัย 8/10 – รั้วกั้นไม้กระดก, รปภ.หน้าหมู่บ้าน, แยกทางเข้าสองจุด, ไฟส่องถนน Solar Cell, สัญญาณกันขโมยทุกหลัง
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 7.5/10 – แปลนบ้านฟังก์ชั่นดี แต่การออกแบบพื้นที่บางจุดยังไม่ลงตัว เช่น โถงบันได, พื้นที่ห้องนอนชั้น 2
- วัสดุ 7.75/10 – มีทั้งดีกว่ามาตรฐาน และ มาตรฐานปนๆกัน เมื่อเทียบกับราคา
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – โครงการเล็ก ยูนิตน้อย ดูแลง่าย เป็นส่วนตัว, ถนนกว้างเทียบกับคู่แข่ง, สายไฟลงดิน, แต่ต้นไม้น้อยไปหน่อย เพราะพื้นที่จำกัด
- สาธารณูปโภค 7/10 – สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ค่อยมีอะไรมากนอกจาก รปภ. ในโครงการ 2 จุด เทียบกับราคา 75 บาท/ตร.วา/เดือน ก็ถือว่าแพงหน่อย แต่เพราะจำนวนยูนิตมีน้อยด้วย
- 7.78 / 10.00
BOTTOM LINE
กานต์ศิริ รามอินทรา-นวลจันทร์ 48 เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาทาวน์โฮมในย่านรามอินทรา-เลียบทางด่วน-เกษตรนวมินทร์ ที่มีทำเลอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนนัก มีหน้าโครงการติดถนนใหญ่ สังเกตง่าย และใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก มองหาโครงการเล็กๆ ยูนิตน้อยๆ ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว แต่ยอมเสียสละได้ ในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการที่มีไม่มาก และอาจจะต้องกันงบส่วนหนึ่งสำหรับการปรับปรุง,ต่อเติม และตกแต่ง พื้นที่ใช้สอยในบ้าน ให้สมบูรณ์พร้อมกับการอยู่อาศัยไว้อีกอย่างน้อยๆ 1 – 2 ล้านบาทครับ
ส่วนคนที่อยากได้ยูนิตโฮมออฟฟิศ ก็จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการออฟฟิศที่ทำเป็นหน้าร้านได้ เนื่องจากยูนิตโฮมออฟฟิศจะอยู่ด้านหน้าติดถนน มี Traffic สูงกว่า ทำให้มีต้นทุนสูงกว่าตามไปด้วย หากไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านติดถนนใหญ่ และขยับเข้าไปอยู่ในซอยได้ อาจจะเลือกยูนิตทาวน์โฮมด้านในมาทำเป็นออฟฟิศจะช่วยลดต้นทุนไปได้พอสมควรทีเดียว
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ