รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.525 – รีวิวบ้านแฝด ATRIA สาทร – สาธุประดิษฐ์
27 กันยายน 2020
รีวิวฉบับที่ 2077 … Atria สาทร-สาธุประดิษฐ์ ทาวน์โฮมและบ้านแฝด 3.5 ชั้น บนทำเลใกล้เมืองอย่างสาธุประดิษฐ์ 20 ที่มีความยืดหยุ่นภายในบ้านสูงมาก รวมถึงการวางงานระบบและวัสดุ ที่เอื้อต่อการดูแลรักษาด้วยตัวเองได้ง่ายและใช้งานได้ยาวนาน ภายในโครงการมีเพียง 22 ยูนิตเท่านั้น ในราคาเริ่มต้นสำหรับบ้านทาวน์โฮมที่ 20.75 ล้านบาท และบ้านแฝดจะเริ่มที่ 35 ล้านบาท ลองเข้าไปชมรายละเอียดภายในกันเลยครับ
ข้อมูลโครงการ
13 May 2020
- Atria Sathorn-Sathupradit (เอเทรีย สาทร-สาธุประดิษฐ์)
- บริษัท วินน์ เอสเตท จำกัด
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ถนนสาธุประดิษฐ์ เขตยานนาวา
- เนื้อที่โครงการ 3-3-17.3 ไร่ จำนวน 22 ยูนิต
- Aspen ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 30.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 286 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 20.75 ล้านบาท - Teak บ้านแฝด 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 9 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 44 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 338 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 35 ล้านบาท - โครงการเริ่มก่อสร้าง ปี Q3 2562
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ 2564
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 0930024888
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.699599, 100.529196
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการครับ
สาธุประดิษฐ์จัดเป็นทำเลย่านเก่าแก่นะครับ ผู้คนที่มาอาศัยอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ขยายตัวมาจาก เขตคนจีนในย่านบางรัก และเจริญกรุงตอนปลายๆที่มีแหล่งท่าเรือเก่าใกล้เคียงเดิมที่ในอดีตจะเข้ามาทำมาหากิน ส่งออกค้าขายแต่ปัจจุบันที่อยู่อาศัยในเขตติดริมน้ำ (แนวราบ) ไม่ได้ฮอตฮิตเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อีกทั้งการทำโครงการจัดสรรนั้นรวมแปลงที่ดินยากด้วย ลักษณะกลุ่มโครงการเลยขยายตัวออกมาพื้นที่ใกล้ๆอย่าง เจริญราษฎร์ สาธุประดิษฐ์ ยานนาวา ทางนี้ครับ
แต่เดิมบริเวณย่านนี้ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ตึกแถวสูงไม่เกิน 5 ชั้นเรียงกันไปตามตรอกซอกซอยซึ่งยังคงมีให้เห็นเป็นกลิ่นอายของย่านเก่าอยู่ถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อความเจริญเข้ามาการเดินทางที่สะดวกขึ้นด้วยถนนที่ตัดขยายใหม่ มี BRT ที่ขับผ่านบนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ซึ่งสามารถไปเชื่อมต่อกับ BTS ที่สถานีช่องนนทรีได้ ทำให้ความเจริญจะกระจายแผ่กว้างมาแถวๆถนนสาธุประดิษฐ์ อาทิเช่น ซอยสาธุประดิษฐ์ 19 จะมี Community Mall และคอนโดมิเนียมขึ้นมาให้เห็นอยู่บ้าง ส่วนทางฝั่งถนนสาธุประดิษฐ์ฝั่งเลขคู่ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ตึกแถว ออฟฟิศ ร้านค้า มากกว่า
ตัวโครงการ Atria สาทร-สาธุประดิษฐ์ ของเราตั้งอยู่ภายในซอยสาธุประดิษฐ์ 20 เป็นช่วงกลางของตัวถนน ซึ่งเป็นซอยที่สามารถทะลุออกไปยังซอยจันทน์ 43 หรือคนแถวนั้นจะเรียกว่าซอยวัดไผ่เงิน สามารถลัดเลาะไปเชื่อมต่อกับถนนจันทน์ได้ เพราะซอยที่เกาะกับถนนจันทน์และถนนสาธุประดิษฐ์จะเชื่อมต่อกันเป็นใยแมงมุม ซึ่งจะสะดวกในการมีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับการเดินทางเข้าออกโครงการ แถมยังสามารถใช้งานทางด่วนได้ง่ายด้วย ส่วนปัญหาเล็กๆของทำเลโครงการอาจจะเป็นซอยทางเข้าหลักที่เป็นถนน 2 เลน ขนาดค่อนข้างเล็ก ยิ่งเวลามีรถจอดบนไหล่ทางอาจจะทำให้เวลารถสวนทางกันจะลำบากนิดนึงครับ
ส่วนการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ช่วงซอยจันทน์ 43 จะมีรถสองแถวสีแดง วิ่งรับส่งอยู่เป็นระยะๆ ตรงข้ามซอยจันทน์ 43 ก็มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างวินสแตนบายอยู่ตลอด และเนื่องจากที่เป็นซอยทะลุไปมาได้เยอะ จึงทำให้เห็นแท๊กซี่วิ่งผ่านเข้าอยู่เรื่อยๆ ส่วนถ้าต้องการขึ้นรถเมล์ก็สามารถไปขึ้นบนถนนสาธุประดิษฐ์ มีรถเมล์หลายสายเลย ในย่านนี้จะมีการเดินทางด้วย BRT บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เส้นทางสถานีสะพานพระราม 3-สถานีสาทร ราคา 5 บาทตลอดสาย โดยจะไปสิ้นสุดสถานีสาทรที่ BTS ช่องนนทรี
ทางด่วนที่ขึ้น-ลงใกล้กับโครงการจะมีอยู่ 2 ทางก็คือทางพิเศษเฉลิมมหานครกับทางพิเศษศรีรัช
- โดยจุดขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานครจุดแรกเป็นฝั่งมุ่งหน้าไปยังดินแดง, บางนา จะอยู่บนถนนรัชดาภิเษก ซึ่งจะต้องเข้าถนนสาธุประดิษฐ์ แล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นจุดขึ้นทางด่วนที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสาธุประดิษฐ์ 1 จะมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 1.2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-5 นาที
- หรือจะเป็นจุดขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานครทางฝั่งมุ่งหน้าไปดาวคะนอง, พระราม 2 ก็จะมีด่านเก็บค่าผ่านทางสาธุประดิษฐ์ 3 อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1.1 กิโลเมตร หรือใช้เวลาประมาณ 3-5 นาทีเช่นกัน / นอกจากนั้นใกล้ๆกันยังมีทางเบี่ยงไปใช้ทางพิเศษศรีรัช ฝั่งมุ่งหน้าไปถนนพระราม 6, แจ้งวัฒนะ ด้วยในตำแหน่งด่านใกล้ๆกันเลยครับ
ทำเลตัวโครงการนี้ ไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ แต่ต้องเข้าไปในซอยอีกประมาณ 200 เมตร ซึ่งในซอยไม่ค่อยมีร้านค้าร้านอาหารนัก แต่ในซอยวัดไผ่เงินด้านหลังจะมีร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงตลาดด้วยเช่นกัน รวมถึง Community mall อย่าง Green Place ห่างออกไปหน่อยก็มี The Up พระราม 3 ส่วนช่วงบ่ายแก่ๆจนถึงค่ำๆ ในช่วงซอยสาธุประดิษฐ์ 6 – ซอยสาธุประดิษฐ์ 1 จะมีร้านอาหารที่ขายตรงตึกแถวริมฟุตบาท โดยเฉพาะฝั่งตรงข้ามศาลเจ้าตระกูลแซ่ซิ้ม จะมีของกินให้เลือกหลากหลายเลย
ส่วนอีกอย่างที่อยากให้สังเกต ก็คือเรื่องของสถานศึกษา ถ้าใครอยู่ในย่านนี้อยู่แล้วจะรู้เลยว่ามีทั้งโรงเรียนชื่อดังและโรงเรียนนานาชาติต่างๆ เอาที่ใกล้ๆตัวโครงการก่อนนะ มีโรงเรียนสารสาสน์พิทยา, สารสาสน์เอกตรา, โรงเรียนพระแม่มารี, เปรมฤดีศึกษา, วาสุเทวี, เบญจวรรณศึกษา, ยอแซฟ กรุงเทพฯ, เซนต์ยอแซฟยานนาวา (วรสารพิทยา), นานาชาติสาทรใหม่, กรุงเทพคริสเตียน, โรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา, Shrewsbury International School ก็เรียกได้ว่าย่านนี้เป็นแหล่งสถานศึกษาที่ถ้าใครอยากหาโรงเรียนดีๆใกล้บ้านให้ลูกก็มีตัวเลือกค่อนข้างหลายหลาย
ส่วนเส้นทางเดินทางไปโครงการวันนี้เราจะใช้ถนนหลักแบบที่ Google Map แนะนำเลย (ถ้าหากมาจากทางฝั่งสีลมหรือขึ้นไปทางด้านบนนั้นนะ) คือเราจะเดินทางมาบนถนนจันทน์ฝั่งมุ่งหน้าไป ถ.นราธิวาสราชนครินทร์ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนสาธุประดิษฐ์ที่แยกสาธุประดิษฐ์ จากนั้นตรงมาประมาณ 600 เมตร จะเจอซอยสาธุประดิษฐ์ 20 อยู่ทางฝั่งขวามือ ให้เลี้ยวเข้าไปเลยครับ แล้วตรงไปอีกประมาณ 200 เมตร จะเจอตัวโครงการ Atria สาทร-สาธุประดิษฐ์ อยู่ทางฝั่งขวามือครับ
(แถมให้นะครับ) หรือหากรถติด เราก็มีเส้นทางที่มาจากถนนจันทน์ทางอื่นให้ด้วยนะ โดยถนนจันทน์เป็นถนนที่เชื่อมต่อกับถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ก็มีซอยให้สามารถลัดเลาะได้หลายทาง สามารถเข้าออกทางซอยจันทน์ 35, ซอยจันทน์ 27 แล้วมาทะลุที่ซอยจันทน์ 43 (ซอยวัดไผ่เงิน) เพื่อไปยังโครงการได้เช่นกัน เป็นตัวเลือกในการเดินทางในเวลาที่รถเยอะได้ แต่เส้นทางนี้ซอยจะค่อนข้างเล็ก มีรถจอดอยู่ตามไหล่ทางเป็นช่วงๆ อาจขับขี่ไม่ค่อยสะดวกนัก
เริ่มต้นการเดินทางวันนี้บนถนนจันทน์ ฝั่งมุ่งหน้าไปยังถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ตรงมาเรื่อยๆจะมีแยกให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสาธุประดิษฐ์
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
พื้นที่โครงการขนาดประมาณ 3 ไร่กว่าๆ มีทางเข้าออกทางเดียวคือซอยสาธุประดิษฐ์ 20 ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมต่อกับถนนจันทน์ได้ ทางซอยจันทน์ 43 แยก 45 สามารถเข้าออกได้ทั้งสองทาง ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ตัวถนนเป็นถนน 2 เลน บริบทโดยรอบจะเป็นชุมชนพักอาศัย ไม่วุ่นวาย ภายในซอยจะมีอู่ซ่อมรถ โกดังเก็บของ และร้านค้าที่เป็นตึกแถวซะเป็นส่วนใหญ่ ปะปนไปกับบ้านเดี่ยว ส่วนใหญ่บ้านในพื้นที่โครงการปัจจุบันจะหันไปทางทิศเหนือและทิศใต้เป็นหลัก ข้อดีคือเป็นทิศที่ไม่ต้องปะทะแสงแดดโดยตรง เป็นทิศที่มีลมพัดผ่านตลอด แต่ละทิศรอบโครงการประกอบไปด้วย…
ทิศเหนือ – จะติดกับแนวตึกแถว 3-4 ชั้นภายในซอยสาธุประดิษฐ์ 16 ซึ่งจะเป็นพื้นที่พักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ ไม่วุ่นวาย
ทิศตะวันออก – จะติดกับพื้นที่พักอาศัยและแนวตึกสูง 8 ชั้น ซึ่งจัดเป็นตึกสูงไม่กี่ตึกในย่านนี้ แต่ภายในพื้นที่โครงการปัจจุบัน ไม่มียูนิตที่หันไปทางทิศนี้นะครับ
ทิศใต้ – จะเป็นทางเข้าออกโครงการทางซอยสาธุประดิษฐ์ 20
ทิศตะวันตก – เป็นที่รับแดดช่วงบ่ายซึ่งจะร้อนหน่อย วิวทางฝั่งนี้จะค่อนข้างโล่งเพราะติดกับพื้นที่พักอาศัยแนวราบ แต่ภายในพื้นที่โครงการปัจจุบัน ไม่มียูนิตที่หันไปทางทิศนี้นะครับ
ลองเดินเข้าไปดูภายในซอยสาธุประดิษฐ์ 20 ทางฝั่งที่ไปทะลุออกทางซอยจันทน์ 43 แยก 45 กันก่อนเลยครับ
ข้างโครงการจะมีโกดังและอู่ซ่อมรถ ซึ่งไม่ได้ส่งเสียงดังอะไรมากนะ แถมตัวบ้านของเราก็ร่นระยะเข้าไปจากหน้าโครงการเยอะพอสมควร
ถัดมาจะเป็นแนวตึกแถวที่เปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหารตามสั่งบ้าง ไม่ได้มีผลเรื่องเสียงรบกวนอะไรครับ
เดินต่อมาอีกหน่อยจะมีบ้านเดี่ยวปะปนมาบ้างบางพื้นที่ ส่วนฝั่งเดียวกับโครงการยังคงเป็นแนวตึกแถว 3-4 ชั้นยาวเป็นแนว
เดินต่อมาจะมีโกดังเก็บของทางฝั่งเดียวกับโครงการบ้าง ส่วนฝั่งตรงข้ามยังคงเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ
มีศาลเจ้าจีนเล็กๆ ทางฝั่งตรงข้ามโครงการท้ายซอย พร้อมแนวตึกแถว 3 ชั้น
ที่ท้ายซอยจะมีรถสองแถวสีแดง วิ่งรับส่งอยู่เป็นระยะๆ ตรงข้ามซอยจันทน์ 43 ก็มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างวินสแตนบายอยู่ตลอดที่หัวมุมเลยครับ ซอยนี้ของกินเยอะ เดินออกมาฝากท้องได้สบายๆ
ไปดูฝั่งหน้าโครงการทางซอยสาธุประดิษฐ์ 20 ที่เราผ่านเข้ามากันบ้าง
เป็นแนวตึกแถวและสำนักงานร้านค้าต่างๆ ไม่วุ่นวาย
ตึกแถวเก่าในช่วงนี้ก็จะปิดร้านค้ากันเยอะหน่อย เพราะเจอปัญหา Covid-19 เข้ามา ช่วงนี้จะดีตรงที่มีแนวทางเดินด้านข้างให้ สำหรับใครที่อยากเดินออกไปหน้าปากซอยก็จะสะดวกขึ้น เพราะจริงๆมีระยะแค่ 200 เมตรเอง เดินได้นะ
ช่วงต้นซอยก็จะมีบ้านพักอาศัยแนวราบ ผสมกันไปกับอาคารพาณิชย์นะครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา ~ 450 เมตร
- โรงเรียนเปรมฤดีศึกษา ~ 500 เมตร
- วัดไผ่เงิน ~ 700 เมตร
- โรงเรียนสารสาสน์พิทยา ~ 750 เมตร
- Green Place ~ 950 เมตร
- เซ็นทรัล พระราม 3 ~ 1.4 กิโลเมตร
- Vanilla Moon ~ 1.6 กิโลเมตร
- แม็คโคร นราธิวาสราชนครินทร์ ~ 1.9 กิโลเมตร
- The Up พระราม 3 ~ 1.9 กิโลเมตร
- เทสโก้โลตัส พระราม 3 ~ 2.4 กิโลเมตร
- Shrewsbury International School ~ 3.1 กิโลเมตร
- โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ~ 3.2 กิโลเมตร
- โรงพยาบาล บีเอ็นเอช ~ 4.1 กิโลเมตร
- โฮมโปร พระราม 3 ~ 4.2 กิโลเมตร
รายละเอียดโครงการ
เข้ามาดูที่ผังโครงการกันก่อนเลย พื้นที่โครงการ 3 ไร่กว่าๆ มีทั้งหมด 22 ยูนิต แบ่งออกเป็น ทาวน์โฮม 15 ยูนิต และบ้านแฝด 6 ยูนิต อีก 1 ยูนิตคือบ้านเดี่ยวที่อยู่ภายในพื้นที่โครงการในอนาคตทางฝั่งซ้ายภายในรูปครับ โดยจะมีทางเข้าออกทางเดียวทางสาธุประดิษฐ์ 20 ซึ่งจะมีระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Double Gate Security โดยจะเป็นประตูเหล็กบานเลื่อนอัตโนมัติที่ปิดในเวลากลางคืน (Night Gate) ที่ติดกับถนนสาธุประดิษฐ์ 20 และเข้ามาจะเจอกับรั้วกั้นไม้กระดกที่แยกออกเป็นทางเข้าและทางออกชัดเจน ด้วย Keycard Access ระบบ Easy Pass พร้อมป้อม รปภ.อยู่ด้านข้าง ด้วยความที่เป็นโครงการขนาดเล็กเพียง 22 ยูนิต จึงทำให้ไม่ได้มีพื้นที่ส่วนกลางแบบเป็น Club House หรือสระว่ายน้ำอะไรมาให้นะ แต่ก็จัดสวนสาธารณะด้านข้าง ทางเข้าออกมาให้ ถนนภายในโครงการทั้งหมดจะมีความกว้างอยู่ที่ 9 เมตร ทั้งโครงการ และเอาสายไฟฟ้าลงใต้ดินให้ทั้งหมด
ส่วนการวางผังตัวอาคารภายในโครงการ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำออกมาตามแนวคิดโครงการได้ค้อนข้างดีเลย เพราะถ้ามองจากพื้นที่โครงการแล้ว จริงๆก็สามารถเลือกออกแบบให้มีจำนวนยูนิตภายในโครงการมากกว่านี้ได้นะครับ แต่ทางโครงการเน้นไปที่การวางตัวบ้านตามแนวทิศรับลม และไม่ปะทะแสงแดดโดยตรง รวมถึงมีแนวช่องลมให้ระหว่างตัวบ้านแต่ละหลังด้วย แนวช่องลมที่ว่านี้คือพื้นที่หลังบ้านภายในรั้วของบ้านแต่ละหลังครับ ซึ่งเขาจะเว้นมาให้เยอะกว่าโครงการทาวน์โฮมปกติทั่วไป (ทั่วไปมักจะเห็นอยู่ที่ 2 เมตร) โดยจะเริ่มต้นที่ 4 เมตร ไปจนถึง 7 เมตรเลย และลองสังเกตดูว่าแนวช่องลมจะอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศรับลมประจำฤดูร้อนและฤดูหนาวของประเทศไทยเรานั่นเอง ดังนั้นพื้นที่ส่วนนี้จึงจะช่วยทำให้บ้านแต่ละหลังมีการ ventilation ได้ดี พื้นที่ตรงนี้ยังได้ความสว่างจากแสงธรรมชาติ แถมยังได้แนวอาคารช่วยบังแดดจากทุกฝั่งด้วย ทำให้สามารถจัดเป็นสวนหลังบ้านหรือพื้นที่พักผ่อน รวมไปถึงห้องนอนเสริมได้สบายๆเลยครับ
ทางเข้าโครงการจะปูพื้นด้วยคอนกรีตพิมพ์ลาย ยาวเข้าไปภายในครับ ที่เราเห็นด้านข้างคือ ประตูเหล็กบานเลื่อนอัตโนมัติที่จะปิดในเวลากลางคืน (Night Gate)
เข้ามาจะเจอกับรั้วกั้นไม้กระดกที่แยกออกเป็นทางเข้าและทางออกชัดเจน ด้วย Keycard Access ระบบ Easy Pass พร้อมป้อม รปภ.อยู่ด้านข้าง
ด้านข้างมีสวนสาธารณะที่จัดสวนสวยมาให้สำหรับพักผ่อนด้วย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 1.5 เมตร
- ถนนหลักภายในกว้าง 9 เมตร
- Key Card Access แบบ Easy Pass
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก และเลื่อนไฟฟ้าอัตโนมัติ
- สายไฟฟ้าลงใต้ดินทั้งโครงการ
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor ทุกหลัง
แบบบ้าน
โครงการนี้มีแนวคิดในการออกแบบที่ค่อนข้างชัดเจน และทำออกมาได้ดีทีเดียว ขอเริ่มที่ชื่อโครงการเลย ชื่อโครงการ Atria นั้นมาจาก Atrium ซึ่งแปลว่าห้องโถงขนาดใหญ่ เน้นการรับแสงและลมเข้าสู่ตัวอาคารเพื่อให้เหมาะกับการอยู่อาศัย จึงมีการออกแบบให้เปิดรับช่องแสง และลม(พื้นที่ช่องลมที่ได้มาตั้งแต่การวางผังโครงการ) ค่อนข้างเยอะ และอย่างที่ทราบกันว่าทำเลโครงการแถวนี้นั้นอยู่ใกล้เมือง มีราคาสูง และคงไม่ค่อยมีโครงการที่จะทำเป็นโครงการแนวราบลักษณะนี้มากนักแล้วล่ะ ทางโครงการเขาจึงมองการไกลว่าการที่จะซื้อและมาอยู่ที่นี่ ก็ควรจะเป็นมรดกและสามารถปรับแต่งตามได้ในหลายช่วงอายุ ทำให้มีแนวคิดโครงการหลัก ๆ คือ Timeless Living นั่นก็คือการอยู่ได้ในหลายช่วงเวลา ไม่เก่า ไม่ล้าสมัย เพราะถูกคิดและออกแบบมาในการรองรับการปรับปรับและดูแลรักษาได้ง่าย สำหรับการอยู่อาศัยในระยะยาวเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งต่างๆที่ว่านี้ถูกสะท้อนออกมาในหลายๆส่วน เช่น
- ภายนอกอาคาร – Design ของอาคารออกแบบสไตล์ Modern ที่ดูดีมีระดับและทันสมัย แต่ไม่ได้หวือหวามาก เพื่อที่จะสามารถอยู่ได้นาน หลายยุคหลายสมัย อีก 10 หรือ 20 ปีก็ไม่ได้ดู Out หรือเก่าจนเกินไป แต่ในปัจจุบันก็ดูเหมาะสมและสวยงามตามรูปแบบโครงการ
- Space ภายในตัวบ้าน – อันนี้ผมยกให้เป็นจุดเด่นหลักเลย เพราะเขาออกแบบตัวบ้านมาได้ยืดหยุ่นมาก ตั้งแต่ตัวบ้านเป็นโครงสร้างก่ออิฐฉาบปูน ที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นภายในได้ ฟังก์ชันของห้องภายในก็ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย ตั้งแต่การที่เขาเลือกวางห้องน้ำของตัวบ้านไว้ที่หน้าและหลังบ้าน ทำให้พื้นที่ตรงกลางของตัวบ้านสามารถ Convert ได้หลากหลาย เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องท่องานระบบอะไรต่างๆเลย ทั้งส่วนของพื้นที่ที่เตรียมไว้ให้สำหรับการติดตั้งลิฟต์ การปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้งานภายใน ทั้งการต่อเติมและเชื่อมพื้นที่ต่างๆภายใน ซึ่งเดี๋ยวผมจะไปอธิบายรายละเอียดในแต่ละจุดภายในตัวบ้านอีกทีนะครับ
- การเลือกใช้วัสดุ – เขาเลือกใช้วัสดุตามแนวคิด Timeless Living ซึ่งจะเน้นไปที่วัสดุที่ทนทาน ดูแลรักษาง่าย และไม่เป็นปัญหาในระยะยาว ทำให้ภายในบ้านจะไม่มีการต้องมาปรับปรุงอะไรบ่อยๆ หรืออยู่ไปนานๆ แล้ววัสดุบางส่วนของบ้านต้องเสียหาย ซึ่งทางโครงการก็คิดและเลือกวัสดุคุณภาพมาให้จริงๆนะ
- Maintenance – เรื่องการดูแลรักษา ส่วนตัวผมชอบในส่วนนี้มากเช่นกัน เพราะเขาวางงานระบบต่างๆภายในตัวบ้านไว้เป็นจุดๆ ที่สามารถดูแลรักษาได้ง่าย ทั้งการวางช่องชาร์ปแบบคอนโดที่รวมไว้ที่จุดเดียวทั้งฝั่งหน้าบ้านและหลังบ้านแถมยังเดินท่อต่างๆตามแนวผนังรอบนอกซึ่งเหมาะกับการต่อเติมและปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายใน นอกจากนั้นยังมีช่องไฟ, ห้องเก็บหม้อน้ำร้อน, ท่อฉีดปลวกที่เลือกใช้ท่อ PE ซึ่งเป็นท่อหนาที่ถูกต้องตามมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรมรับรองมาแล้ว ซึ่งส่วนต่างๆเหล่านี้ก็ถูกคิดว่าต้องแยกไว้ให้เป็นสัดส่วน ซึ่งจะง่ายต่อการดูแลรักษาและการปรับเปลี่ยนและต่อเติมในอนาคต
โครงการนี้เป็นทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่สามารถจอดรถได้ 2-3 คัน จุดเด่นของบ้านหลังนี้คือพื้นที่ภายในที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนตามอายุการใช้งานของผู้อยู่อาศัยได้หลากหลาย และการออกแบบที่เหมาะกับการอยู่อาศัยที่หลากหลายรูปแบบและรองรับหลาย Generation เริ่มตั้งแต่
ชั้น 1 – เป็นชั้นแรกของตัวบ้าน ถูกออกแบบมาให้เป็นพื้นที่รับรองซะเป็นส่วนใหญ่ เริ่มตั้งแต่ส่วนหน้าบ้านที่มีห้องอเนกประสงค์ที่มีห้องน้ำในตัวมาให้ จะจัดเป็นห้องแม่บ้านก็ได้ หรือบ้านไหนไม่มีแม่บ้าน ก็อาจจะทำเป็นห้องครัวไทยสำหรับเอาของเข้าบ้านได้ง่าย ไม่ส่งกลิ่นและควันรบกวนภายในบ้าน หรือถ้าเป็นห้องทำงาน ห้องนอนย่อย ก็ยังได้ เข้ามาด้านในจะเจอกับโถงบันไดที่มีขนาดค่อนข้างกว้าง รองรับการติดตั้งลิฟต์ในอนาคต แถมยังได้แสงจาก Sky Light จากชั้น 3 ด้วย ด้านข้างมีห้องน้ำแบบ Powder Room ไว้ให้ใช้งานกันได้ง่าย เพราะไม่มีห้องนอนที่ชั้นนี้ จึงไม่จำเป็นต้องมีห้องน้ำขนาดใหญ่ ส่วนพื้นที่ภายในจะมีส่วนของครัวที่ติดตั้งงานระบบไว้รอเรียบร้อย จะทำเป็น Pantry เล็กๆ หรือปิดกั้นเป็นครัวปิดแบบจริงจังก็ได้ ซึ่งก็อาจจะต้องสัมพันธ์กับการเลือกใช้พื้นที่ส่วนของหน้าบ้านด้วย ส่วนพื้นที่ตรงกลางบ้านก็สามารถจัดเป็นได้ทั้งส่วนของพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่รับแขกเลย ด้านหลังบ้านเว้นพื้นที่มาให้เริ่มต้นที่ 4 เมตร สามารถต่อเติมได้ง่ายเพราะเขาลงเสาเข็มเท่าตัวบ้านไว้ให้ หรือจะทำเป็นสวนหลังบ้านก็ได้แบบจัดเต็มเลยเช่นกัน
ชั้น 2 – ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีจุดเด่นอยู่ที่พื้นที่ห้องที่มีระดับฝ้าแบบ Double Volume สูงประมาณ 5.7 เมตร เหมาะกับการเป็นห้องนั่งเล่นของบ้าน หรือจะทำเป็นห้อง Family Area ที่รวบรวมหลากหลายกิจกรรมไว้ภายในก็ได้ ส่วนด้านหลังจะมีห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวจัดมาให้ครับ
ชั้น 3 – เป็นชั้นที่เหมือนเป็นชั้นลอยของตัวบ้าน ซึ่งจะมีพื้นที่ใช้สอยเพียงแค่ฝั่งด้านหลังของตัวบ้าน เพราะฝั่งด้านหน้าเป็นพื้นที่ Double Volume ของชั้น 2 จะมีกระจกให้เชื่อมต่อกันและทำให้รับแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในได้เยอะ ส่วนด้านหลังบ้านจะมีห้องนอนและห้องน้ำในตัวมาให้เช่นเดิม
ชั้น 4 – เป็นชั้นสุดท้ายของตัวบ้าน ซึ่งจะเป็นชั้นของห้อง Master Bedroom ทางฝั่งหน้าบ้าน ภายในจะมีระเบียงหน้าบ้านและห้องน้ำแบบ Master Bathroom ภายในตัว ที่อัพเกรดสุขภัณฑ์และเพิ่มอ่างอาบน้ำมาให้มากกว่าห้องน้ำห้องอื่นๆ ส่วนด้านหลังบ้านจะเชื่อมกันยาวไปกับห้องนอนหลักเลย เป็นห้องนอนอีกห้องที่มีห้องน้ำภายในตัว ซึ่งจุดนี้น่าสนใจนะครับ เขาเปิดตัวบ้านทะลุยาวทั้งชั้นให้เลย สำหรับเลือกเป็น Master Bedroom ทั้งชั้น แล้วทำห้องนอนเล็กด้านหลังเป็นส่วนหนึ่งของห้องนอนหลัก เช่นห้อง Walk-in Closet, ห้อง Living Area, ห้องทำงาน, ห้องออกกำลังกาย หรือถ้าไม่อยากทำเป็นห้องนอนหลักทั้งชั้นก็สามารถแบ่งกั้นเป็นห้องนอนด้านหลังได้ แล้วแต่ช่วงอายุและลักษณะการใช้งานของเจ้าของบ้านเลยครับ
มาเริ่มดูของจริงกันเลย บ้านทาวน์โฮมของที่นี่จะเป็นโครงสร้างก่ออิฐฉาบปูน ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในได้ มีหน้ากว้างอยู่ที่ 5.7 เมตร สามารถจอดรถได้ 2-3 คัน ซึ่งถ้าเป็นรถใหญ่ก็สามารถจอดได้ 1 คัน และรถขนาด City Car ข้างๆ แถมยังมีพื้นที่สำหรับจอดรถจักรยาน หรือจักรยานยนต์ได้แบบสบายๆ หรือบ้านไหนมีรถใหญ่ 2 คันก็จอดและขึ้นลงเข้าออกได้สบายเลยครับ แต่อาจจะไม่ได้อยู่ในร่มทุกคันนะ ต้องต่อเติมหลังคาหน้าบ้านมาช่วยบังแดดเหมือนกัน ด้านข้างจะมีรั้วบ้านสูงประมาณ 1.8 เมตร พื้นด้านหน้าจะเป็นพื้นบล็อคคอนกรีตแผ่น ซึ่งจะต่างจากคอนกรีตพิมพ์ลาย เพราะเวลาเสียเนี่ย เราสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นแผ่นๆได้ ไม่ต้องทำพื้นใหม่ บริเวณหน้าบ้านนี้ไม่ได้ลงเสาเข็มให้นะครับ
ด้านหน้านี้จะมีห้องที่จัดเป็นห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว ที่ผนังจะมีตู้สำหรับเก็บของครับ จะได้บานเปิดแบบในรูปเลยนะ
ภายในจะมีช่องวางให้ แต่ไม่ได้ตีเป็นชั้นแบบนี้ให้นะครับ ที่สำคัญคือเขารวมช่องของท่องานระบบไฟไว้ให้ ซึ่งทำให้สามารถจัดการแก้ปัญหา และดูแลรักษาได้ง่าย
ส่วนไฟของที่จอดรถจะได้เรียบไปกับฝ้าแบบนี้เลย ก็ดูสบายตาดีนะครับ ไฟแบบนี้ก็เริ่มนิยมให้เห็นกันเยอะเหมือนกัน
ขยับเข้ามาดูห้องแม่บ้านกันต่อ จะได้บานเกล็ดแบบนี้เลย หลายคนคงมีคำถามว่าทำไมถึงเอาห้องแม่บ้านมาไว้หน้าบ้านบริเวณนี้ ส่วนมากเรามักจะเห็นห้องแม่บ้านกันในบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝดซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีพื้นที่ข้างบ้านให้แยกแนวทางเดินให้แม่บ้านใช้เป็นเส้นทาง Service ของบ้าน แต่สำหรับทาวน์โฮมที่มีโครงสร้างติดกับเพื่อนบ้างข้างๆ การวางบ้านแม่บ้านไว้บริเวณนี้ก็สามารถเข้าถึงส่วนตัวบ้านได้สะดวก สอดส่องดูแลคนที่ผ่านไปมาได้ง่ายด้วย หรือสำหรับลูกบ้านคนไหนไม่มีแม่บ้าน หรือไม่ต้องให้แม่บ้านค้างที่บ้าน ก็สามารถปรับเป็นห้องอื่นๆได้อีก เช่น ห้องซักรีด ห้องทำงาน ห้องเก็บของ ห้องครัว ห้องเอนกประสงค์ เพราะด้วยความที่มีห้องน้ำในตัวด้วย ก็เลยสามารถจัดได้อีกหลากหลายห้องเลย
ภายในมีขนาดไม่ได้กว้างมากแต่วางเตียง 3 ฟุตได้ หรือถ้าเป็นห้องทำงานก็วางโต๊ะทำงานได้สบายๆเลย หรืออีกอย่างสามารถทำเป็นห้องครัวหน้าบ้านได้ด้วยสำหรับทำอาหารจริงจังไปเลย เพราะเขาก็วางท่องานระบบมาให้ พื้นที่ครัวภายในบ้านจะได้ใช้เป็นพื้นที่ใช้สอยอื่นๆให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ไปเลย
ภายในจะมีห้องน้ำขนาดเล็กให้ แต่ไม่ได้ให้สุขภัณฑ์มาให้นะครับ ข้อดีคือเราสามารถเลือกประเภทสุขภัณฑ์และอุปกรณ์มาติดตั้งเองได้ ในกรณีที่ใช้สำหรับแม่บ้านก็อาจจะเป็นรูปแบบนึง หรือถ้าเราทำเป็นห้องที่เราใช้งานกันเองก็อาจจะเป็นอีกรูปแบบนึงได้เลย
ขยับเข้าใกล้ตัวบ้านมาอีกนิด จะมีตู้ข้างประตูที่เป็นช่องชาร์ปรวมเหล่าท่อน้ำไว้ให้หลายประเภท สำหรับการดูแลรักษาและจัดการแก้ปัญหาได้ง่าย เช่นเดียวกันกับท่องานระบบไฟที่เห็นกันก่อนหน้านี้เลย สามารถมาดูแลรักษาหรือซ่อมได้โดยที่ไม่ต้องเข้าไปภายในตัวบ้าน
อีกฝั่งของประตูจะมีห้องที่เป็นส่วนของห้องที่มีเครื่องระบบน้ำร้อนภายใน พร้อมเก็บเครื่องซักผ้าด้วย การแบ่งพื้นที่ไว้เป็นสัดส่วนแบบนี้จะช่วยให้สามารถจัดการได้ง่ายครับ โดยปกติแล้วเครื่องทำน้ำร้อนลักษณะนี้มักจะอยู่ภายในตัวบ้าน วางไว้ใต้ฝ้าใกล้กับห้องน้ำ ซึ่งถ้าเกิดการเสียหายหรือจะบำรุงรักษาทีก็ต้องให้ช่างไปรื้อฝ้าแล้วทำการซ่อม แต่สำหรับที่นี่เขาออกแบบมาไว้ให้หน้าบ้าน จัดเป็นสัดส่วนก็ถือว่าดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องเข้าตัวบ้านด้วยซ้ำไป
มาถึงประตูทางเข้าบ้านของเรากัน เป็นประตูกระจกกรอบบานอลูมิเนียมจาก Tostem บานใหญ่แบบ Over Scale สูงถึงฝ้าชั้น 1 เลย ทำให้ได้ความโอ่งโถง ดูสง่า ให้มาพร้อม Digital Door Lock จาก Alpha แบรนด์จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งข้อดีคือได้ช่องแสงภายในตัวบ้านเยอะ
เปิดประตูเข้ามาภายในจะพบกับพื้นที่ชั้น 1 ของบ้านที่มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 2.7 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนผนังและฝ้าเพดานจะฉาบเรียบทาสี ให้ไฟ Downlight ทั้งหลัง บานประตูและกระจกต่างๆจะเป็นของ Tostem กระจกใส มี Double Lock ให้ด้วย
ด้านหน้าทางเข้าจะมีส่วนของห้องน้ำ และพื้นที่ด้านข้างที่เป็นโถงบันได สำหรับประตูแบบนี้ถ้าอยากเพิ่มความเป็นส่วนตัวหน่อยแต่ยังได้แสงสว่างอยู่บ้างแนะนำให้ติดเป็นม่านม้วน มู่ลี่ หรือฟิล์มฝ้า ติดกับตัวประตูเลย เพราะใช้พื้นที่ด้านบนในการติดตั้งไม่เยอะ
ทางฝั่งขวามือจะเจอส่วนของโถงบันได ที่เป็นอีกจุดเด่นของตัวบ้านเลย เพราะเขาเผื่อพื้นที่ไว้ให้สำหรับการติดตั้งลิฟต์ได้ด้วย ในกรณีที่มีผู้สูงอายุ หรืออยากได้ความสะดวกมากยิ่งขึ้น หรือถ้าใครไม่ติดตั้งลิฟต์ก็สามารถใช้พื้นที่นี้เป็นประโยชน์สำหรับเวลาเข้าออกบ้านได้ เช่นมุมนั่งใส่รองเท้า ชั้นวางรองเท้า ชั้นวางของวางพวกกุญแจรถ หรืออุปกรณ์ที่หยิบเข้าออกจากบ้านได้ง่ายๆ นอกจากนั้นตรงนี้ยังมี Sky Light ด้านบน เป็นช่องแสงให้กับตัวบ้านอีกด้วย
หันมาดูฝั่งตรงข้ามต่อ เป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ที่ไม่มีส่วนอาบน้ำ ขนาดจึงไม่ต้องใหญ่มาก และไม่ต้องมีส่วนเปียก โดยทั่วไปสำหรับบ้านทาวน์โฮมแล้วนั้น เราไม่ค่อยจะเห็นการวางห้องน้ำไว้ทางฝั่งหน้าบ้านสักเท่าไหร่ ส่วนมากจะอยู่ใต้บันไดหรือใกล้ครัว ซึ่งการวางไว้ตรงนี้ก็มีข้อดีที่เวลาเราเข้าออกบ้านสามารถใช้งานได้สะดวก สำหรับให้แขกใช้งานไม่ไปรบกวนห้องน้ำเจ้าของบ้าน ใกล้ประตูทางเข้า-ออก รีบๆมาจากข้างนอกก็เข้าถึงง่าย
พื้นที่ภายในก็สบายๆ ใช้งานได้สะดวก พื้นจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แผ่นใหญ่ให้แบบนี้เลย พื้นที่ภายในแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง เราจะได้ตามในบ้านตัวอย่างนี้ทุกอย่างเลยนะ ที่พื้นมีธรณีหินแกรนิตให้ด้วย โดยจะปูเรียบไปกับระดับพื้นเลย ไม่ต้องห่วงเรื่องเดินสะดุดแต่ภายในห้องน้ำจะลดระดับเล็กน้อย เพื่อกันน้ำไหลย้อนกลับออกมา
ส่วนแรกคืออ่างล้างหน้าเซรามิคจาก TOTO พร้อมเคาน์เตอร์วางของปิดผิวด้วยหินแกรนิต มากับแนวกระจกบานใหญ่ ติดตั้งไฟมาให้แบบนี้เลย แต่เคาน์เตอร์ด้านล่างไม่ได้ให้มานะครับ สามารถติดตั้งเองได้ไม่ยาก
ส่วนอีกฝั่งจะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นจาก TOTO เช่นกัน พร้อมผนัง Low Wall ด้านหลังปิดผิวด้วยหินแกรนิตเช่นกัน สำหรับวางของได้ ที่สำคัญคือได้ช่องแสงด้วย ทำให้เวลากลางวันแทบจะไม่ต้องเปิดไฟเลย สามารถเปิดรับลมระบายอากาศได้
ขยับเข้ามาภายในตัวบ้านจะเป็นพื้นที่โล่งกว้าง ข้อดีคือสามารถจัดเป็นพื้นที่ได้หลากหลาย ทั้งนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร หรือทำพื้นที่ทำงานก็ได้ มีมุมที่เป็นครัวให้ด้วย
พื้นที่ตรงนี้จะเป็นพื้นที่เปิดสำหรับทำเป็นครัว ซึ่งทางโครงการก็ต่อท่องานระบบไว้ให้ด้วย มีช่องแสงจากด้านหลังบ้านให้พร้อม ข้อดีคือตรงนี้สามารถทำแนวกั้นเป็นครัวปิดได้ด้วย ขนาดพื้นที่ภายในค่อนข้างใหญ่ ทำเป็นครัวตัว L ชิดแนวผนังได้ มีพื้นที่วางตู้เย็นขนาดใหญ่ หรือจะทำเป็น Island ตรงกลางเลยก็สามารถเดินได้รอบครับ
ด้านในมีช่องแสงทางฝั่งด้านหลัง ข้อดีคือเราได้แสงจากทั้งส่วนโถงบันได และจากด้านหลังบ้าน ทำให้ตอนกลางวันตัวบ้านค่อนข้างสว่าง ไม่ต้องใช้ไฟเยอะเลย
ด้านหลังจะให้แนวประตูกระจกกรอบบานอลูมิเนียมจาก Tostem เช่นเคย มาพร้อมกระจกใสและ Double Lock ได้ความปลอดภัย ส่วนระบบป้องกันขโมยก็อย่างที่บอกไปว่ามีให้ทั้ง Motion Sensor และ Magnetic Sensor เลย
ออกมาด้านหลังถือเป็นอีกไฮไลท์ของตัวบ้านเลยนะ เพราะเขาเว้นพื้นที่มาให้ถึง 4 เมตร เป็นระยะเริ่มต้น ในแปลงอื่นจะมีกว้างมากกว่า 4 เมตรให้เลือก ซึ่งมาตรฐานของทาวน์โฮมทั่วไปมักจะอยู่แค่ 2 เมตร ไม่เพียงเท่านั้นยังลงเสาเข็มเท่าตัวบ้านให้ด้วย ทำให้สามารถต่อเติมได้หลากหลาย จะทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุ ห้องทำงาน ห้องดูหนังฟังเพลง หรือจะปล่อยโล่งไว้สำหรับทำสวนก็ได้ แถมจุดนี้ในแง่ของการวางผังตัวบ้านยังเป็นช่องลมแบบที่ผมบอกไปด้วย แต่ละบ้านจะมีช่องลมด้านหลังที่เว้นระยะเยอะ ทางโครงการเลือกเอาถังน้ำมาวางเพื่อไม่ให้ต่อเติมจนถึงรั้วด้านหลังบ้าน จะบังช่องลมของหลังอื่นๆ ซึ่งเราก็สามารถใช้พื้นที่ที่เหลือประมาณ 2 เมตรนี้ จัดเป็นสวน หรือพื้นที่โล่งได้ เพราะจะได้รับแสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้านได้ง่ายด้วย
ด้านหลังจะมีจุดรวมท่องานระบบน้ำไว้ให้ สำหรับจัดการดูแลรักษาหรือแก้ปัญหาได้ง่ายเช่นเดิม โดยจะวางไว้เป็นจุดและเดินท่อเรียบไปกับผนังบ้าน ซึ่งจะง่ายแก่การต่อเติมด้วย
ย้อนกลับมาดูที่บันไดของเราครับ เป็นบันไดลักษณะตัว U โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ทางโครงการเขามองถึงการอยู่อาศัยในระยะยาว จึงพยามเลือกวัสดุที่ทนทาน ดูแลรักษาง่าย และปลอดภัยต่อปลวกมาให้ เริ่มที่ตัวบันไดปิดผิวด้วยหิน Quatz ซึ่งมีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานต่อน้ำหนักและสารเคมี แถมยังเป็นหินที่มีรูพรุนน้อยมาก ทำให้ไม่สะสมสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย ทำความสะอาดได้ง่าย และจัดเป็นหินที่มีราคาสูงในท้องตลาด ส่วนราวจับเขาจะใช้ไม้โอ๊คจริงตลอดแนวเลย ข้อดีคือทนทาน และได้ลายไม้จริง แม้ใช้ไปนานๆสีอาจจะซีดลงจริง แต่ยังคงความสวยงามได้มากกว่าไม้เทียม ส่วนข้อเสียคือต้องหมั่นบำรุงรักษาหน่อย
อีกส่วนที่ชอบคือเรื่อง Sky Light ซึ่งจะช่วยเป็นช่องแสงให้กับโถงบันไดในแต่ละชั้นเลย ซึ่งเรามักจะไม่ค่อยได้เห็นกันในบ้านทาวน์โฮม ส่วนใครที่กังวลเรื่องการดูแลรักษา ทางโครงการก็เตรียมบันไดขึ้นไปดูแลและจัดการด้านบนไว้ให้ด้วย
ขึ้นมาที่ชั้น 2 พื้นจะถูกเปลี่ยนเป็น SPC (Stone Plastic Composite) ซึ่งเป็นพื้นกระเบื้องยางลายไม้ที่ผสมใยหิน ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล คุณสมบัติคือสามารถกันน้ำได้ 100% ไม่ลามไฟ ไม่ยืดหดตามสภาพอากาศ (เพราะผสมใยหิน) แข็งแรงทนทาน และป้องกันปลวกด้วย
ข้างบนชั้น 2 นี้จะมีส่วนของโถงบันไดตรงกลางที่เป็นส่วนแบ่งไปยังห้องนั่งเล่นทางฝั่งหน้าบ้าน และห้องนอน 1 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัวทางฝั่งหลังบ้านครับ สามารถจัดได้หลากหลายเลย อาจจะเป็น Pantry เล็กๆ สำหรับใช้งานกันในส่วนของห้องนอนต่างๆ มีตู้เย็นสำหรับแช่น้ำเย็น หรือของทานเล่น เพื่อที่ห้องนอนที่ชั้น 2, ชั้นลอย, ชั้น 3 จะได้ใช้งานง่าย ไม่ต้องลงไปเอาถึงชั้น 1 ครับ
ส่วนนี้จะได้ไฟ Downlight 4 ดวง
สามารถจัดเป็นบาร์ หรือ Pantry เล็กๆได้ เพื่อเชื่อมต่อไปยังห้องนั่งเล่น ตรงนี้ทางโครงการจะเดินท่องานระบบไว้ให้ทั้งหมดเลย
ห้องนั่งเล่นก็มีอีกส่วนที่เป็นไฮไลท์ของบ้านหลังนี้ เพราะมีระดับฝ้ายกสูงถึงประมาณ 5.7 เมตร พร้อมแนวกระจกจากพื้นถึงฝ้า รับแสงสว่างได้ทั้งห้องเลย เปิดออกไปยืนสูดอากาศรับลมภายนอกได้ด้วย
แนวผนังที่กว้างทำให้เราสามารถจัดได้หลากหลาย ทั้งวางทีวีได้หลากหลายขนาด หรือจะใช้เป็นโปรเจ็คเตอร์ทำโรงหนังขนาดย่อมไว้สำหรับดูหนังฟังเพลงเลยก็ยังสามารถทำได้
ส่วนฝั่งข้างแนวกระจกก็มีพื้นที่สำหรับวางโซฟาขนาดใหญ่ได้ จะมาทั้งชุดหรือจะตั้งเป็นตัว L ขนาดใหญ่ก็ได้ ด้วยพื้นที่ที่โล่งทำให้สามารถวางโต๊ะกลางขนาดใหญ่แบบในบ้านตัวอย่างได้สบายๆเลยครับ
ส่วนด้านฝั่งหน้าบ้านก็จะมีช่องแสงขนาดใหญ่อย่างที่บอกไป และมุมที่ปิดทึบ ทำให้สามารถจัดได้หลายแบบ จะเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ หรืออาจจะทำโต๊ะทำงานเข้ามุมที่ไม่ร้อนต่อแดดแต่ได้แสงธรรมชาติเพียงพอ หรือจัดเป็นแนวชั้นหนังสือ พื้นที่ออกกำลังกาย ก็ได้หลากหลายเลย
แนวกระจกตรงนี้จะได้ระเบียงตัว L ภายนอก ซึ่งใช้งานพื้นที่ได้เยอะ ที่สำคัญสำหรับใครที่คิดว่าแนวกระจกใหญ่แบบนี้ต้องร้อนแน่ๆ ทางโครงการก็ร่นระยะเข้ามาเพื่อให้มีชายคาของชั้นบนช่วยบังแดดได้ด้วย
มองย้อนกลับเข้าไปภายในตัวบ้าน จะเห็นว่ามีแนวกระจกแผ่นใหญ่ที่ชั้น 3 ด้วย ทำให้ชั้น 3 จะได้แสงสว่างเข้าสู่พื้นที่อย่างเต็มที่เลย
หรือด้วยขนาดของห้องที่กว้างและฝ้าเพดานที่ยกสูง จริงๆเราสามารถต่อเติมเองทำห้องนี้ให้เป็นห้อง Loft ก็ได้นะ โดยที่ต่อเป็นชั้นลอยเสริมขึ้นมาได้ อาจจะใช้เป็นโครงสร้างเหล็กขึ้นมาเป็นชั้นลอยสำหรับนั่งเล่นหรือจะวางเตียงทำเป็นที่นอนก็ยังได้
ก่อนจะขึ้นไป เราเดินไปดูทางฝั่งหลังบ้านกันก่อนนะครับ โดยประตูห้องจริงที่จะได้จะเป็น HDF นะครับ ซึ่งเป็นประตูที่ผลิตจากแผ่นใยไม้ความหนาแน่นสูง HDF (HIGH DENDITY FIBERBOARD) ทำให้บานประตูHDF มีคุณสมบัติ แข็งแรง ทนทาน รับแรงกระแทกได้ดี
ด้านหลังจะมีห้องนอน 1 ห้อง ซึ่งมีห้องน้ำภายในตัวให้เรียบร้อย มาพร้อมแนวกระจกขนาดใหญ่ครับ สำหรับเป็นช่องแสงภายในห้องได้สบายๆเลย
พื้นที่ภายในห้องสามารถวางเตียง 5 ฟุตแล้วเดินได้รอบ พร้อมทำตู้เสื้อผ้าด้านข้างให้ใช้งานได้ด้วย เหมาะกับเป็นห้องของลูก สำหรับอยู่อาศัย 1 คน
ฝั่งปลายเตียงก็มีพื้นที่วางชั้นวางทีวีได้ หรือถ้าจะแขวนผนังก็ยิ่งทำให้ได้พื้นที่ปลายเตียงเยอะขึ้น ด้านข้างทางเข้าห้องมีห้องน้ำให้ด้วย
ภายในห้องนี้จะได้ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 4 ดวง
ห้องน้ำที่เราจะได้จะหน้าตาแบบนี้เลยครับ ยกเว้นเคาน์เตอร์ใต้อ่าง พื้นและผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีเดียวกัน ที่ผมชอบของโครงการนี้คือเป็นห้องน้ำที่จะได้ช่องแสงทุกห้องเลย ทำให้ในเวลากลางวันไม่ต้องเปิดไฟ แถมยังเปิดระบายอากาศและความชื้นได้ง่าย ลดการสะสมของเชื้อโรคและเชื้อรา ชุดสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆเป็นของ TOTO ได้ฉากกั้นอาบน้ำ พร้อมธรณีหินแกรนิตแบ่งส่วนแห้งส่วนเปียก กระจกเงาบานใหญ่ก็ติดตั้งแนวไฟมาให้แบบนี้เลยครับ
ภายในห้องน้ำขนาดค่อนข้างกว้างเลย ใช้งานโถสุขภัณฑ์ไม่อึดอัด
ส่วนแรกที่จะได้คือกระจกเงาบานใหญ่ ติดตั้งระบบไฟมาให้ทั้งด้านบนและด้านล่างแบบที่เห็น
โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น กับอ่างล้างมือเซรามิคจาก TOTO เป็นแบบวางบนเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยหิน Quatz พร้อมผนัง Low Wall ใต้แนวกระจกที่ช่วยให้สามารถวางของได้เยอะมากยิ่งขึ้น
ส่วนอาบน้ำจะให้มาด้วยแนวฉากกั้นอาบนำ้ที่เป็นประตูแบบเปิด เดินเข้าออกได้สะดวก ทำความสะอาดไม่ยาก (ต่างจากแบบบานสไลด์ ที่มีร่องและรางที่สะสมเชื้อโรคและแบคทีเรียได้มากกว่า) มาพร้อม Hand Shower แต่ตรงนี้เขาไม่ได้มีพื้นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้ อาจจะต้องติดตั้งเอง แต่ก็มีพื้นที่ให้ติดตั้งได้ทั้งแบบแขวนและแบบตั้งพื้นเลย
เพราะพื้นที่ภายในค่อนข้าวกว้างครับ สามารถวางชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำได้สบายๆ
ด้านในจะมีแนวกระจกขาวขุ่นที่เป็นบานกระทุ้งสามารถเปิดระบายอากาศได้ ส่วนด้านบนเป็นบาน Fixed ที่จะทำให้ห้องน้ำได้แสงมากยิ่งขึ้น
ห้องน้ำนี้ให้ไฟ Downlight มาอีก 2 ดวง พร้อมไฟแนวกระจกอีกทั้งบนและล่าง ทำให้เป็นห้องน้ำที่ค่อนข้างสว่างเลยล่ะครับ
ขึ้นมาต่อกันที่ชั้น 3 เลยนะครับ เป็นชั้นที่เรียกว่าเป็นชั้นลอยเพราะมีขนาดพื้นที่แค่ครึ่งชั้น ภายในชั้นนี้จะมีพื้นที่โถงบันไดที่ค่อนข้างกว้าง และเป็นห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวทางฝั่งด้านหลังบ้าน ส่วนด้านหน้าบ้านจะเป็นพื้นที่ของ Double Volume จากห้องนั่งเล่นที่ชั้น 2 ครับ
ส่วนแรกนี้คือพื้นที่โถงบันไดที่มีมุมให้จัดเป็นพื้นที่ได้หลากหลาย ทั้งเป็นส่วน Family Area สำหรับนั่งเล่นกันเองในบ้าน ในกรณีที่พ่อแม่รับแขกอยู่ที่ห้องรับแขกชั้น 2 ลูกก็ยังสามารถนั่งดูทีวีที่พื้นที่ Family Area นี้ได้ หรือจะเป็นพื้นที่ออกกำลังกาย ห้องทำงาน ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น หรือยิ่งไปกว่านั้นในอนาคตที่ลูกโตอาจจะทุบผนังเชื่อมกับห้องนอนด้านหลังเพื่อขยายพื้นที่พักผ่อนของชั้นนี้เพิ่มขึ้นก็ได้ครับ
อีกฝั่งจะมีแนวกระจกที่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นของชั้น 2 มีบานกระทุ้งให้เปิดสำหรับระบายอากาศหรือเชื่อมต่อคุยกันได้ นอกจากนั้นด้านบนก็มีพื้นที่เหลือให้ติดรางม่านได้ด้วย สำหรับแบ่งความเป็นส่วนตัว
มองลงไปด้านล่างก็จะประมาณนี้ครับ เห็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นอย่างชัดเจน ที่สำคัญคือถ้าเปิดม่านของห้องนั่งเล่นที่ชั้น 2 ก็จะได้แสงเข้ามาที่โถงบันไดของชั้น 3 อย่างเต็มที่เช่นกัน
ลองเดินไปดูฝั่งห้องนอนทางหลังบ้านกันบ้างครับ
ภายในจะมีห้องนอน 1 ห้อง พร้อมห้องน้ำในตัว ภาพรวมจะเหมือนกับห้องนอนของชั้น 2 เลย แต่จะมีขนาดภายในห้องใหญ่กว่าเล็กน้อย มาพร้อมแนวกระจกทางหลังบ้านที่เปิดเป็นบานกระทุ้งรับลมระบายอากาศได้
พื้นที่ภายในจะค่อนข้างกว้าง วางเตียง 5 ฟุตแล้วเดินได้รอบ สังเกตพื้นที่ทางฝั่งตู้เสื้อผ้าครับ ตรงนี้จะเป็นส่วนของพื้นที่ที่ห้องนอนห้องนี้ได้เพิ่มขึ้นมา ทำให้สามารถจัดเป็นตู้เสื้อผ้าเข้ามุมได้ และได้พื้นที่ในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ถ้ายังเห็นกันไม่ชัด ลองดูรูปนี้ครับ จะเห็นพื้นที่ของบ้านตัวอย่างและบ้านเปล่า เหมาะกับเป็นห้องนอนของลูกช่วงวัยรุ่นที่ต้องการพื้นที่เก็บของหรือเสื้อผ้ามากยิ่งขึ้น จริงๆก็จัดได้หลากหลายเหมือนกันนะ สำหรับใครที่ไม่อยากจัดเป็นมุมตู้เสื้อผ้า ก็ทำเป็นมุมโต๊ะทำงานได้ และนำเสื้อผ้าไปวางทางฝั่งกระจกหลังบ้านแทน
ส่วนที่ปลายเตียงก็จะมีห้องน้ำในตำแหน่งเดิมเลยครับ
เป็นห้องน้ำแบบเดิม ขนาดและรายละเอียดเหมือนกันกับห้องที่อยู่ภายในห้องนอนชั้น 2 ทั้งหมดเลย
ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดของบ้านหลังนี้ จะไม่มีโถงบันไดที่กว้างแล้ว นั่นก็หมายความว่าพื้นที่ใช้สอยจะไปเพิ่มภายในห้องนอนแทนนั่นเอง ชั้นนี้ยังมีประตูทั้งสองฝั่งหน้าและหลังบ้านเช่นเดิมนะครับ
ลองเข้าไปดูทางฝั่งหน้าบ้านกันก่อนเลย
สำหรับโถงบันไดนี้จะได้ไฟ Downlight ทั้งหมด 3 ดวง พร้อม Skylight ที่ฝ้าเพดานของชั้นนี้ด้วย ทำให้ตอนกลางวันนี่ไม่ต้องเปิดไฟเลยครับ
ทางฝั่งหน้าบ้านเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับห้อง Master Bedroom ซึ่งเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ที่สุดของตัวบ้าน และเป็นห้องนอนเดียวที่วางทางฝั่งหน้าบ้าน มาพร้อมแนวกระจกขนาดใหญ่และระเบียงหน้าบ้าน
พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้าง สามารถวางเตียง King Size 6 ฟุต แล้วยังเหลือพื้นที่ด้านข้างให้เดินรอบได้อย่างสะดวก วางโต๊ะหัวเตียงสบายๆ หรือจะจัดเป็นชั้นหนังสือด้านข้างแบบในห้องตัวอย่างก็ได้
ส่วนนี้จะได้ฝ้าเพดานแบบฉาบเรียบพร้อมไฟ Downlight 5 ดวงให้ครับ เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่
ที่ชอบคือมาพร้อมแนวกระจกขนาดใหญ่เต็มหน้ากว้างห้อง ทำให้รับแสงได้เยอะเลยทีเดียว
เป็นกรอบบานอลูมิเนียมกระจกใสพร้อม Double Lock จาก Tostem ครับ ซึ่งนอกจากจะปลอดภัยแล้ว ประตู Tostem เขายังเก็บเสียงได้ดี ได้ความเป็นส่วนตัว
พื้นที่ระเบียงภายนอกเป็นระเบียง 2 ชั้น โดยจะร่นระยะของพื้นที่ระเบียงเข้ามา มีขนาดพื้นที่ค่อนข้างกว้างที่จะเปิดให้ออกมายืนสูดอากาศได้ ซึ่งหลายท่านอาจจะถามว่าทำไมไม่ยื่นออกไปเพื่อที่จะได้ระเบียงใหญ่เลย แต่จริงๆในแง่ของการใช้งาน การร่นระยะเข้ามาแบบนี้จะช่วยให้ตัวระเบียงที่เราใช้งานไม่ต้องรับน้ำที่ระบายจากหลังคา (ไปลงตรงพื้นที่ที่ทางโครงการโรยหินกรวดไว้ให้แทน) จะได้ไม่ต้องคอยทำความสะอาดคราบส่งสกปรกหรือคราบตะไคร่กันบ่อยๆ
ส่วนด้านนอกที่ทางโครงการจะโรยหินมาให้แบบนี้เลย สามารถวางกระถางต้นไม้ตกแต่งได้นะครับ
ส่วนภายในของห้อง ที่ปลายเตียงเหลือพื้นที่เดินไปมาได้สะดวก ทำชั้นวางทีวีได้สบายๆ หรือถ้าจะเป็นทีวีแบบแขวนก็ได้พื้นที่มากยิ่งขึ้นนะ ส่วนได้ในของห้องยังมีพื้นที่ใช้สอยให้อีก เป็นอีกจุดที่น่าสนใจของชั้นนี้เลย
ส่วนนี้เราจะเห็นว่าในบ้านตัวอย่างปิดเป็นส่วนของ Walk-in Closet แต่บ้านเปล่าที่จะได้มาคือจะเป็นพื้นที่ยาวทะลุไปยังห้องหลังบ้านเลย สำหรับถ้าเป็นห้องนอนใหญ่ของพ่อแม่แบบทั้งชั้น ก็สามารถวางอีกฝั่งเป็นห้องแต่งตัวของคุณแม่ เก็บกระเป๋าราคาแพง ห้องทำงานของคุณพ่อแบบเต็มรูปแบบ ห้องนั่งเล่นดูบอล หรือถ้ามีลูกเล็กก็สามารถทำเป็นห้องนอนเด็กที่พ่อและแม่ดูแลเข้าถึงได้ง่ายด้วย ซึ่งในอนาคตเราสามารถปิดกั้นแบ่งสัดส่วนได้ไม่ยาก อาจจะใช้เป็นพวกผนังเบาก็สามารถแบ่งกั้นพื้นที่ได้แล้ว ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวผมชอบนะครับที่ทางโครงการเองมีมาให้เลือกสำหรับลูกบ้านที่ชอบ และสำหรับการอยู่อาศัยในระยะยาวก็สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตลอดตามแนวคิดของโครงการเลย
ถ้ายังเห็นไม่ชัดลองดูอีกมุมกัน จะเป็นแนวทางเดินข้างประตูเข้าห้องระยะประมาณ 2 เมตรครับ ซึ่งเราสามารถจัดเป็น ตู้เสื้อผ้าทั้งสองฝั่งก็จะมีพื้นที่สำหรับเดินตรงกลางได้สบายๆ
กลับหลังหันมาดูทางฝั่งห้องน้ำของห้อง Master Bedroom กันก่อน ถ้าได้ชื่อว่าเป็น Master Bathroom ของบ้านหลังนี้แล้ว ก็คงจะจัดแบบปกติทั่วไปเหมือนห้องนอนอื่นๆไม่ได้นะครับ เข้าไปดูกัน
ภายในจะมีขนาดค่อนข้างกว้าง โถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าถูกอัพเกรดขึ้นเป็นรุ่นที่ใหญ่และดีกว่าเดิม แนวกระจกก็จะได้แผ่นใหญ่ ส่วนฉากกั้นอาบน้ำยังได้มาเช่นเดิม เพิ่มเติมคืออ่างอาบน้ำภายใน พร้อมแนวกระจกบานใหญ่รับแสงได้ทั้งห้อง
แนวกระจกยังคงติดตั้งไฟมาให้ทั้งด้านบนและล่างเช่นเดิมครับ
ส่วนอ่างล้างหน้าจะอยู่บนเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยหิน Quatz สีขาว พร้อมผนัง Low Wall เช่นเดิม มากับโถสุขภัณฑ์ที่เป็นรุ่นแบบชิ้นเดียว ซึ่งจะสวยกว่า และสามารถทำความสะอาดได้ง่ายกว่าเพราะมีรอยต่อน้อย ลดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย จาก TOTO เช่นเดิมครับ
ส่วนอาบน้ำยังคงแบ่งกั้นด้วยแนวฉากกั้นอาบน้ำแบบเปิดเช่นเดิม
ภายในมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ทั้งยืนอาบแบบปกติ และอ่างอาบน้ำริมหน้าต่างมาให้ด้วย
เป็นอ่างอาบน้ำแบบตั้งบนพื้นจาก Cristina ขนาดเหมาะกับการใช้งานคนเดียวนะครับ
ส่วนที่ให้มาด้วยก็มาครบเลยครับทั้ง Hand Shower 2 ส่วน แถม Rain Shower มาให้ด้วย 1 จุด มีระบบน้ำอุ่นให้พร้อม ซึ่งด้านข้างก็มาพร้อมแนวหน้าต่างกระจกขาวขุ่นที่มีบานกระทุ้งให้เปิดรับลมระบายอากาศได้
ภายในจะได้ไฟ Downlight 2 ดวง พร้อมไฟที่กระจกเงา และแนวกระจกบานใหญ่ที่ทำให้ตอนกลางวันไม่ต้องเปิดไฟเลยครับ
อ้อมมาต่อกันที่ห้องด้านหลังบ้านกันครับ โดยรวมดูเหมือนเป็นห้องนอนขนาดแบบชั้น 2 และ 3 เลยครับ แต่อย่างที่พาไปชมกันที่ห้องนอนหลักเมื่อสักครู่ ที่ห้องทั้งสองส่วนเชื่อมต่อกัน
สำหรับบ้านตัวอย่างก็มีการกั้นแบ่งส่วนแยกจากห้องนอนหลักชัดเจน จึงทำให้เป็นห้องนอนเด็กทางฝั่งด้านหลังแบบปกติทั่วไป
ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าสามารถจัดได้หลากหลาย แล้วแต่ลูกบ้านแต่ละท่านเลยครับ
ที่ฝั่งปลายเตียงก็มีห้องน้ำภายในห้องให้เช่นเดิม
ภายในห้องนี้จะมีไฟ Downlight 4 ดวง เช่นเดียวกันกับห้องนอนฝั่งหลังบ้านของทั้งชั้น 2, 3
ภายในห้องน้ำจะได้แบบเดิมที่เหมือนกันกับห้องน้ำภายในห้องนอนของชั้น 2, 3 เลยครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
13 May 2020
- Aspen ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 30.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 286 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 20.75 ล้านบาท - Teak บ้านแฝด 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 9 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 44 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 338 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 35 ล้านบาท - จอง ทาวน์โฮม 300,000 บาท / บ้านแฝด 500,000 บาท
- ทำสัญญา ทาวน์โฮม 500,000 บาท / บ้านแฝด 1,000,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 100 บาท/ตร.วา/เดือน
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : เนื่องจากโครงการอยู่ในซอยสาธุประดิษฐ์ 20 หรือ จันทน์ 43 ที่เป็นซอยย่อย การเดินทางจึงสามารถลัดเลาะเข้าออกได้หลายเส้นทาง ตัวโครงการจะเกาะเส้นทางเดินรถหลักๆอยู่ที่ถนนจันทน์และถนนสาธุประดิษฐ์ ซึ่งถนนสองเส้นนี้มีซอยย่อยแตกแขนงไปเหมือนใยแมงมุม ดังนั้นโครงการอาจจะเข้าไปในซอยเล็กๆ แต่ข้อดีคือการเดินทางเข้าออกสามารถใช้ทางลัดเลี่ยงรถติดได้เยอะ และใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนถึง 3 จุดด้วยกัน
ความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างครบ มีทั้งร้านอาหาร ตลาด, Community mall ใกล้ๆอย่าง Green Place หรือ The Up พระราม 3 มีห้างเซนทรัลพระราม 3 ให้ไปช็อปปิ้ง หากอยากจะชิคหน่อยก็ขับรถไปบนถนนจันทน์ แล้วทะลุเส้นเจริญกรุงก็จะมีเอเชียทีค และยังมีห้างโรบินสันบางรักที่อยู่ใกล้ๆ BTS สะพานตากสิน
ส่วนอีกอย่างที่อยากให้สังเกต ก็คือเรื่องของ “สถานศึกษา” ถ้าใครอยู่ในย่านนี้อยู่แล้ว เอาที่ใกล้ๆตัวโครงการก็มีโรงเรียนสารสาสน์พิทยา, สารสาสน์เอกตรา, โรงเรียนพระแม่มารี, เปรมฤดีศึกษา, วาสุเทวี, เบญจวรรณศึกษา, ยอแซฟ กรุงเทพฯ, เซนต์ยอแซฟยานนาวา (วรสารพิทยา), นานาชาติสาทรใหม่ ที่ยกตัวอย่างไปแค่ยังอยู่ในโซนสาธุประดิษฐ์นะครับ ก็เรียกได้ว่าย่านนี้เป็นแหล่งสถานศึกษาที่ถ้าใครอยากหาโรงเรียนดีๆใกล้บ้านให้ลูกก็ว่าได้
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : มีระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Double Gate Security โดยจะเป็นประตูเหล็กบานเลื่อนอัตโนมัติที่ปิดในเวลากลางคืน (Night Gate) ที่ติดกับถนนสาธุประดิษฐ์ 20 และเข้ามาจะเจอกับรั้วกั้นไม้กระดกที่แยกออกเป็นทางเข้าและทางออกชัดเจน ด้วย Keycard Access ระบบ Easy Pass พร้อมป้อม รปภ. ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ถนนภายในโครงการทั้งหมดจะมีความกว้างอยู่ที่ 9 เมตร ทั้งโครงการ และเอาสายไฟฟ้าลงใต้ดินให้ทั้งหมด รั้วโครงการสูงประมาณ 2.5 เมตร ต่อรั้วโปร่งไปอีก 1.5 เมตร ส่วนในตัวบ้านจะได้ประตูทางเข้าแบบ Digital Door Lock มีระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Magnetic และ Shock Sensor พร้อมประตูหน้าต่างแบบ Double Lock รั้วสูงประมาณ 1.8 เมตร
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย : โครงการเน้นไปที่การวางตัวบ้านตามแนวทิศรับลม และไม่ปะทะแสงแดดโดยตรง รวมถึงมีแนวช่องลมให้ระหว่างตัวบ้านแต่ละหลังด้วย แนวช่องลมที่ว่านี้คือพื้นที่หลังบ้านภายในรั้วของบ้านแต่ละหลังครับ ซึ่งเขาจะเว้นมาให้เยอะกว่าโครงการทาวน์โฮมปกติทั่วไป (ทั่วไปมักจะเห็นอยู่ที่ 2 เมตร) โดยจะเริ่มต้นที่ 4 เมตร ไปจนถึง 7 เมตรเลย และแนวช่องลมจะอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศรับลมประจำฤดูร้อนและฤดูหนาว ดังนั้นพื้นที่ส่วนนี้จึงจะช่วยทำให้บ้านแต่ละหลังมีการ ventilation หรือสามารถถ่ายเทระบายอากาศได้ดี พื้นที่ด้านหลังบ้านจึงได้ความสว่างจากแสงธรรมชาติ แถมยังได้แนวอาคารช่วยบังแดดจากทุกฝั่งด้วย
ส่วนพื้นที่ภายในบ้านเขาออกแบบตัวบ้านมาได้ยืดหยุ่นมาก ตั้งแต่ตัวบ้านเป็นโครงสร้างก่ออิฐฉาบปูน ที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นภายในได้ ฟังก์ชันของห้องภายในก็ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย ตั้งแต่การที่เขาเลือกวางห้องน้ำของตัวบ้านไว้ที่หน้าและหลังบ้าน ทำให้พื้นที่ตรงกลางของตัวบ้านสามารถ Convert ได้หลายส่วน เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องท่องานระบบอะไรต่างๆเลย ทั้งส่วนของพื้นที่ที่เตรียมไว้ให้สำหรับการติดตั้งลิฟต์ในอนาคต การปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้งานภายใน ทั้งการต่อเติมและเชื่อมพื้นที่ต่างๆ ตามอายุและลักษณะของผู้อยู่อาศัยในแต่ละช่วงนั้นๆ รวมถึงการวางช่องชาร์ปและงานระบบที่ช่วยให้ดูแลรักษาง่าย และได้ความเป็นส่วนตัว
วัสดุ : เลือกใช้วัสดุตามแนวคิด Timeless Living ซึ่งจะเน้นไปที่วัสดุที่ทนทาน ดูแลรักษาง่าย และไม่เป็นปัญหาในระยะยาว เริ่มตั้งแต่ประตูหน้าบ้านจะได้ Digital Door Lock จาก Alpha และหน้าต่างจะเป็นของ Tostem พร้อม Double Lock พื้นห้องน้ำต่างๆและชั้น 1 เป็นแกรนิตโต้ ส่วนชั้นบนจะเป็น SPC ไฟจะใช้เป็น Downlight ทั้งหลัง ส่วนบันไดจะเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยหิน Quatz ราวจับเป็นไม้โอ๊คจริง ธรณีทางเข้าห้องน้ำจะเป็นหินแกรนิต ส่วนเคาน์เตอร์ภายในห้องน้ำเป็นหิน Quatz ให้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ของ TOTO มาให้ พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ ส่วนในห้อง Master Bathroom จะได้สุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียวจาก TOTO และอ่างอาบน้ำจาก Cristina มาให้ พร้อม Hand Shower และ Rain Shower
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ภายในโครงการมีสวนสาธารณะมาให้ที่ด้านหน้าโครงการ จัดสวนไว้อย่างสวยงาม ไม่ได้ใหญ่มาก เพราะยูนิตน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีให้เลย พื้นทางเข้าออกโครงการปูด้วยคอนกรีตพิมพ์ลาย และที่ดูมีความสวยงามที่สุดก็คือเอาระบบสายไฟและเคเบิ้ลต่างๆลงใต้ดินทั้งหมด เวลามองแล้วดูสะอาดตามาก ได้แนวต้นไม้ตามแนวรั้วโครงการมาให้ด้วย
ในแต่ละบ้านจะได้พื้นที่หลังบ้านที่ค่อนข้างกว้าง (กว่าโครงการทาวน์โฮมทั่วไป) ซึ่งจะเริ่มต้นที่ 4 เมตร สำหรับทำพื้นที่สีเขียวภายในรั้วบ้านของเราเองได้ ซึ่งไม่ค่อยจะได้เห็นกันในโครงการบ้านทาวน์โฮมเท่าไรนัก
สาธารณูปโภค : ด้วยทำเลและที่ตั้งโครงการที่มีตำแหน่งอยู่ใกล้เมือง จึงทำให้แปลงที่ดินโครงการไม่ใหญ่นัก และมีบ้านเพียงแค่ 22 ยูนิตเท่านั้น เลยไม่สามารถจัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้ได้เยอะ ตัวโครงการจึงไม่มีสระว่ายน้ำ ไม่มีฟิตเนส หรือ Clubhouse อะไรมาให้ (แต่ด้วยความใกล้เมืองจึงสามารถไปใช้งานในส่วนของฟิตเนสบนห้างกันได้ง่าย) แต่ก็มีสวนหย่อมภายในให้เล็กน้อยนะครับ ทางโครงการจะเน้นไปที่การอยู่อาศัยมากกว่า
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 20.75, 35 ล้านบาท 13 May 2020
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง7.5/10 – อยู่ในซอย แต่เข้า-ออกลัดเลาะได้หลายเส้นทาง ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลงทางด่วน รอบโครงการค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ และใกล้แหล่งสถานศึกษาชื่อดังหลายแห่ง
- ความปลอดภัย 7.75/10 – Double Gate, CCTV, รั้วกำแพงสูง, Digital Door Lock, Double Lock, Magnetic & Shock Sensor ในตัวบ้าน
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – เน้นพื้นที่ใช้สอย ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัววางผังดีตามแนวทิศรับลม มีเว้นช่องลมให้ แนวคิดชัดเจน ตัวบ้านออกแบบได้ยืดหยุ่นและปรับพื้นที่ได้หลากหลาย รองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
- วัสดุ 8.5/10 – ถือว่าค่อนข้างให้มาดี จัดเก็บงานระบบเรียบร้อย, พื้น SPC, แกรนิตโต้ ตัวเฟรมประตูอลูมิเนียมจาก Tostem บันไดหิน Quatz, ราวไม้โอ๊ค, สุขภัณฑ์ TOTO
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – เป็นโครงการขนาดเล็ก มีสวนหย่อมเล็กมาให้และก็มีต้นไม้ริมรั้ว สายไฟและเคเบิ้ลลงใต้ดิน
- สาธารณูปโภค 6.75/10 – มีแค่สวนหย่อมมาให้ตามขนาดโครงการ
- 7.79 / 10.00
BOTTOM LINE
ATRIA สาทร-สาธุประดิษฐ์ ถือเป็นโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝดขนาดเล็ก ที่มีจำนวนยูนิตน้อย เน้นเรื่องพื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้านเป็นหลัก และยังมีการออกแบบฟังก์ชันภายในบ้านที่ยืดหยุ่นเหมาะกับการปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในอนาคต ทำเลไม่ติดถนนใหญ่แต่ก็ไม่ลึกและมีทางลัดเลาะอื่นให้ใช้ได้หลากหลาย เน้นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก มีความสงบ เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ย่านสาธุประดิษฐ์ ถนนจันทน์ พระราม 3 เน้นอยู่อาศัยไม่ซีเรียสเรื่องส่วนกลาง มีงบประมาณ 21-35 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณเดือนละ 147,000 – 245,000 บาท / เดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving