หลายคนที่สนใจด้านอสังหาริมทรัพย์ หรือกำลังเลือกซื้อคอนโดมิเนียมย่านใจกลางเมืองแล้วอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘Leasehold’ กับ ‘Freehold’ กันมาบ้างใช่ไหมคะ แล้ว 2 อย่างนี้นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วมีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง เพื่อประกอบการเลือกซื้อเราไปดูรายละเอียดกันเลยค่ะ
- Leasehold
- Leasehold เป็นสิทธิ์การเช่าถือครองอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว เจ้าของไม่มีกรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของที่นั้นๆค่ะ โดยส่วนใหญ่มักจะให้เช่าในระยะ 30 ปี เมื่อหมดสัญญาอาจมีการต่อสัญญาเพิ่มได้ตามเงื่อนไขของแต่ละที่ เมื่อหมดสัญญาแล้วกรรมสิทธิ์ในคอนโดนั้นๆก็จะจบลงค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินให้เช่า (ที่ดินที่ผู้พัฒนาโครงการและเจ้าของเป็นคนละคนกัน) ที่ดินที่ราคาแพงมากๆ จนไม่สามารถตั้งราคาเพื่อขายขาดได้, ที่รัฐฯ หรือ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่ราคาจะต่ำกว่าโครงการแบบ Freehold ในทำเลเดียวกัน แต่อาจจะมีความเสี่ยงด้านการไม่มีสิทธิ์ได้ค่าชดเชยในส่วนของที่ดินและอาคาร หากเกิดการชำรุดเสียหายจากภัยพิบัติ หรือถูกเวนคืนที่ในช่วงที่ยังติดสัญญาเช่าอยู่นะ
- Freehold เป็นการซื้อขายแบบที่เราเห็นกันทั่วไป คือซื้อขายสิทธิ์ขาดค่ะ โดยผู้ที่พัฒนาโครงการเป็นเจ้าของที่ดินนั้นๆ และสามารถทำการขาย โอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อได้ถาวร ไม่มีระยะเวลากำหนด หรือขายขาดไปเลย โดยผู้ซื้อจะได้กรรมสิทธิ์ไปครอบครองอย่างเต็มตัว และสามารถปรับปรุง ซ่อมแซม ตกแต่งห้องได้ หากคอนโดเกิดภัยพิบัติต่างๆ หรือถูกเวนคืนขายที่ดิน ผู้ซื้อก็ได้ค่าชดเชยตามสัดส่วนในโฉนดที่ดิน รวมถึงยังมีโอกาสกู้กับธนาคารได้วงเงินสูงสุด 100% และสามารถส่งต่อไปยังรุ่นลูกหลานได้ค่ะ
ข้อแตกต่างของ ‘Leasehold’ กับ ‘Freehold’
- กรรมสิทธิ์การถือครองอสังหาฯ
- กรรมสิทธิ์การถือครองของคอนโดแบบ Leasehold จะเป็นสิทธิ์การเช่าในระยะยาว โดยไม่ได้กรรมสิทธิ์ เมื่อครบกำหนดตามสัญญาก็ต้องคืนสิทธิ์ให้เจ้าของ หรือต่อสัญญาออกไปอีก โดยแต่ละที่จะมีระยะเวลาไม่เหมือนกัน ส่วนคอนโดแบบ Freehold ถ้าเราซื้อมาแล้วจะได้กรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ และได้โฉนดมาเลยค่ะ
- นอกจากนั้นข้อแตกต่างของกรรมสิทธิ์ในคอนโดมิเนียมสำหรับชาวต่างชาติถ้าเป็นคอนโดฯ Freehold ทั่วไป จะจำกัดสัดส่วนของชาวต่างชาติอยู่ที่ 49 % ส่วนคอนโดมิเนียมแบบ Leasehold จะไม่ได้จำกัด สามารถให้ต่างชาติเช่าเป็นสัดส่วนเท่าไรก็ได้ค่ะ
- ระยะเวลาการถือครอง
- ระยะเวลาการถือครองแบบ Leasehold (กรรมสิทธิ์เช่าระยะยาว) ในประเทศไทยมีกฏหมายรองรับให้สิทธิ์เช่าเป็นระยะเวลา 30 ปี และต่อสัญญาที่ละ 10 หรือ 30 ปี เช่นคอนโด A เปิดขายปี 2010 มีสัญญา 30 ปี ถ้าเราซื้อในปี 2020 (เปิดมาแล้ว 10 ปี) แปลว่าเราจะเหลือเวลาในการเช่าคอนโด A อยู่ที่ 20 ปีค่ะ
- ถ้าเป็นคอนโดมิเนียม Freehold (กรรมสิทธิ์ขายขาด) ก็จะไม่มีระยะเวลากำหนด สามารถส่งต่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปได้ค่ะ
- ราคาอสังหาฯ
ดูๆไปแล้วหลายคนอาจจะมีความรู้สึกว่าคอนโดมิเนียมแบบ Freehold เหมือนจะชนะ Leasehold ไปหมดทุกอย่างเลยใช่ไหมคะ แล้วคอนโดมิเนียมแบบ Leasehold นั้นมีข้อดีอย่างไร อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่าส่วนใหญ่แล้วคอนโดฯ Leasehold มักจะตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นสิทธิ์การเช่า ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในใจกลางเมือง ที่มีราคาสูง เมื่อ-ขายแบบเป็นกรรมสิทธิ์การเช่าแล้ว เมื่อหมดเวลาเจ้าของที่ดินยังเป็นเจ้าของอยู่ ทำให้ราคาขายจะไม่ต้องรวมค่าที่ดิน หรือรวมไปน้อย ทำให้มีราคาขายที่ต่ำกว่าคอนโดฯ Freehold ในระดับเดียวกันและทำเลเดียวกัน อยู่ประมาณ 30-40 % ทำให้เราสามารถอยู่อาศัยในทำเลที่ดีและราคาต่ำกว่ามูลค่าอสังหาแบบ Freehold ค่ะ
**ดอกเบี้ยสินเชื่อของคอนโดฯ Leasehold จะแตกต่างจากดอกเบี้ยสินเชื่อปกติ ควรสอบถามข้อมูลจากแต่ละธนาคารเพิ่มเติมนะคะ
- ผลตอบแทน และ มูลค่าเมื่อหมดสัญญา
- สำหรับใครที่ต้องการลงทุนคอนโดมิเนียม ก็จำเป็นจะต้องดูผลตอบแทนของแต่ละประเภทให้ชัดเจนใช่ไหมคะ ถ้าเป็นคอนโดมิเนียม Freehold ทั่วไป จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้จากการปล่อยเช่า (ได้ค่าเช่า) และราคาส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น (Capital Gain) จากราคาที่ดินที่ส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้นตามเวลาค่ะ ทำให้ตอนที่เราขายในอนาคต เราจะได้กำไรจากส่วนค่าเช่า และมูลค่าส่วนต่างเพิ่มขึ้นด้วย
- ส่วนคอนโดแบบ Leasehold ที่มีระยะเวลาของกรรมสิทธิ์เข้ามาเกี่ยวอาจจะทำให้มูลค่าอสังหาฯนั้นลดลง ยกตัวอย่างเช่น คอนโด A มีสิทธิ์เช่า 30 ปี เราเข้าไปซื้อตอนอายุสัญญาเหลือ 10 ปี ราคาอาจจะลดลงได้ค่ะ แต่ข้อควรคิดก็คือไม่เสมอไปที่ราคาคอนโดฯแบบ Leasehold จะลดลงนะคะ ในบางทำเล ที่ไม่มีที่ดินเหลือพัฒนาเป็นโครงการอื่นๆเพิ่มเติม และยังมีความต้องการอยู่ ก็ทำให้ราคาของคอนโด Leasehold สูงขึ้นเช่นกันค่ะ แต่เมื่อถึงเวลาหมดสัญญา (ที่ไม่มีการต่อสัญญาอีก) อสังหาฯนั้นไม่สามารถขายต่อได้อีกต่อไปจะเท่ากับไม่มีมูลค่านั่นเอง
- คอนโด ‘Leasehold’ / ‘Freehold’ เหมาะกับใคร
- Leasehold
- เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดมิเนียมทำเลใจกลางเมือง เดินทางง่าย ต้องการไว้อยู่เองในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ต้องการส่งต่อเป็นมรดกให้กับคนอื่นๆ หรือไม่ต้องการสร้างภาระให้กับลูกหลาน ผ่อนได้ในราคาที่ต่ำกว่าคอนโด Freehold
- เหมาะกับคนที่ซื้ออยู่เอง เป็นระยะเวลานาน ต้องการเป็นเจ้าของห้อง และสามารถส่งต่อเป็นมรดกให้กับลูกหลานต่อไปได้
มาสรุปกันอีกครั้งกับข้อดี ข้อเสียของคอนโดมิเนียมแบบ Leasehold และ Freehold กันนะคะ ใครที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดฯจะได้นำไปพิจารณาดูว่าคอนโดฯแบบไหนที่เหมาะกับเรามากกว่ากันค่ะ
Leasehold
- ข้อดี
- ราคาถูกกว่าคอนโดมิเนียม Freehold อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าในทำเล และระดับของโครงการที่ใกล้เคียงกัน คอนโดมิเนียมแบบ Leasehold จะมีราคาที่ต่ำกว่าคอนโดฯ Freehold ประมาณ 30-40 %
- ทำเลส่วนใหญ่อยู่ใจกลางเมืองราคาแพง เดินทางสะดวกอยู่ในแหล่ง CBD (Central Business District) ของกรุงเทพมหานคร เช่น ราชดำริ, หลังสวน, เยาวราช เป็นต้น
- ชาวต่างชาติสามารถถือครองได้ไม่จำกัดสัดส่วน ทำให้มีสภาพคล่องในการเปลี่ยนมือมากขึ้น
- มักมีการบริหารจากผู้บริหารโครงการมืออาชีพ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาคารทรุดโทรมเนื่องจากเจ้าของอสังหาฯนั้นๆจะมีการดูแลสมบัติของตัวเอง เมื่อสิ้นสุดสัญญา ก็ย่อมต้องการอาคารที่ไม่ทรุดโทรมนั่นเองค่ะ
- ไม่ได้กรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ ได้เพียงสิทธิ์เช่า โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 30 ปี และสามารถต่อสัญญาได้อีก 30 ปี หากเกิดการชำรุดเสียหายจากภัยพิบัติ หรือถูกเวนคืนที่ดินจะไม่ได้ค่าชดเชยในส่วนของที่ดินและอาคาร
- เมื่อหมดระยะเวลาสัญญาแล้ว ถือว่าไม่มีสิทธิ์ในอสังหาฯนี้แล้วค่ะ ไม่สามารถขายได้อีกต่อไป
Freehold
- ข้อดี
- มีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ สามารถถือครองได้ไม่มีระยะเวลากำหนด สามารถปรับปรุง ซ่อมแซม ตกแต่งห้องได้ จะเก็บไว้เป็นสมบัติส่งต่อให้ลูก หลานก็ย่อมได้ค่ะ
- มูลค่าคอนโดฯมีโอกาสปรับสูงขึ้นตามราคาที่ดินที่สูงขึ้นในอนาคต จึงสามารถทำผลตอบแทนได้จากทั้งค่าเช่า และ Capital Gain หรืออยู่เองก็สามารถขายเพื่อได้เงินกลับมาไม่มีระยะเวลากำหนด
- มีโอกาสกู้กับธนาคารได้วงเงินสูงสุด 100% หากคอนโดเกิดภัยพิบัติต่างๆ หรือถูกเวนคืนขายที่ดิน ผู้ซื้อก็ได้ค่าชดเชยตามสัดส่วนในโฉนดที่ดินค่ะ
- อาจเกิดความทรุดโทรม เนื่องจากเป็นการขายขาดถ้าซื้อกับผู้พัฒนาโครงการที่ไม่น่าเชื่อถืออาจจะมีปัญหาตามมาภายหลัง การบริหารจัดการอาคารขึ้นอยู่กับคณะกรรมการลูกบ้าน ถ้าคนที่ไม่ใช้พื้นที่ส่วนกลางอาจจะลงความเห็นว่าไม่จำเป็นต้องดูแล ทำให้เกิดความทรุดโทรมขึ้นได้
- ชาวต่างชาติสามารถถือครองได้ไม่เกิน 49 % ของจำนวนห้องชุดทั้งหมดในอาคาร
คอนโดมิเนียม Leasehold มีที่ไหนบ้าง ?
เราลองมาดูกันว่าคอนโด Leasehold มีที่ไหนกันบ้างค่ะ ซึ่งส่วนใหญาก็จะอยู่บนที่ดินย่านใจกลางเมืองที่มีราคาสูง หรือเป็นที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯ ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง อยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หรือเป็นโครงการ Mixed use มีห้างสรรพสินค้า และโรงแรมในตัว ใกล้กับสถานทูตและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กลางกรุงเทพฯอย่างสวนลุมพินี เป็นต้น ทำให้ทำเลโครงการ Leasehold มีความสะดวกสบายทีเดียวค่ะ ซึ่งเราได้นำโครงการที่กำลังมีการเปิดขายอยู่และกำลังจะเปิดในอนาคตมาให้ชมกัน ดังนี้ค่ะ
- Triple Y Residence
- Magnolias Ratchadamri Boulevard
- I’m Chinatown
- Four Seasons Private Residences
- The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok
- Sindhorn Residence
- Sindhorn Tonson
- Baan Sindhorn
- Sindhorn Lumpini
- Nai Lert Park Hotel and Residence
- ONE BANGKOK
- Dusit Residences
- Dusit Parkside
- บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ Goldenland
- โครงการตั้งอยู่: ด้านบน SAMYAN MITRTOWN เขต ปทุมวัน
- ที่ดินโครงการ 13-3-93 ไร่
- Mixed-use Buildings
- คอนโด High Rise 33 ชั้น 1 อาคาร 516 ยูนิต
- ระยะเวลาสัญญา : สิทธิการเช่า 30 ปี (Leasehold)
- ระยะเวลาคงเหลือ : 29 ปี (สิ้นสุดสัญญาวันที่ 9 มิถุนายน 2592 พร้อมกันทุกยูนิต)
- 1 Bedroom 34 ตร.ม. (459 ห้อง)
- 1 Bedroom Plus 40 ตร.ม. (19 ห้อง) SOLD OUT
- 2 Bedrooms 68 ตร.ม. (38 ห้อง) SOLD OUT
- ราคาห้องเริ่มต้น 4.89 ล้านบาท (1 Bedroom 34 ตร.ม.)
- ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ 140,000 – 150,000 บาท/ตร.ม.
อ่านรีวิวเจาะลึกได้ที่ >> Triple Y Residence
- บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
- โครงการตั้งอยู่ : ถ.ราชดำริ ใกล้แยกราชประสงค์ เขต ปทุมวัน
- ที่ดินโครงการ n/a ไร่
- Mixed-use Buildings
- อาคาร High Rise 60 ชั้น 1 อาคาร ห้องพักอาศัย 316 ยูนิต
- ระยะเวลาสัญญา : สิทธิการเช่า 30 ปี (Leasehold)
- ระยะเวลาคงเหลือ : 25 ปี (เริ่มปี 2015)
- 1 Bedroom ขนาด 48 – 58 ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 75 – 108 ตร.ม.
- Penthouse ขนาด 321 – 384 ตร.ม.
- ราคาห้องเริ่มต้น 12.10 ล้านบาท ( 1 Bedroom 48 ตร.ม.)
- ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ 180,000 – 250,000 บาท/ตร.ม.
ดูรีวิวได้ที่ >> Magnolias Ratchadamri Boulevard
- บริษัท ไอแอมไชน่าทาวน์ จำกัด
- โครงการตั้งอยู่ : เขต ป้อมปราบศัตรูพ่าย
- ที่ดินโครงการประมาณ 3-0-37 ไร่
- Mixed-use Buildings
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 46 ยูนิต
- ระยะเวลาสัญญา : สิทธิการเช่า 30 ปี (Leasehold)
- ระยะเวลาคงเหลือ : 29 ปี*
- Studio Type A ขนาด 20.50 ตร.ม.
- Studio Type B ขนาด 24.75 ตร.ม. (Sold Out)
- ราคาห้องเริ่มต้น 3.15 ล้านบาท*
- ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ n/a บาท/ตร.ม.
- *สอบถามกับทางโครงการเพิ่มเติม
อ่านรีวิวเจาะลึกได้ที่ >> I’M ChinaTown Residence
- บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
- โครงการตั้งอยู่ : ซอยเจริญกรุง 64 แขวง ยานนาวา เขต สาทร
- ที่ดินประมาณ 35-2-68 ไร่
- Mixed-use Buildings
- คอนโด High Rise 73 ชั้น 1 อาคาร 355 ยูนิต
- ระยะเวลาสัญญา : สิทธิการเช่า 25 ปี (Leasehold) และสามารถต่อสัญญา 25 ปี ได้อีก 2 ครั้ง รวม 75 ปี
- ระยะเวลาคงเหลือ : 24 ปี*
- 2 Bedroom ขนาด 115 – 140 ตร.ม.
- Penthouse ขนาด 1,050 ตร.ม.
- ราคาห้องเริ่มต้น 30-400 ล้านบาท
- ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ 380,000 – 400,000 บาท/ตร.ม.
- *สอบถามกับทางโครงการเพิ่มเติม
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> Four Seasons Private Residences
- บริษัท สยามสินธร จํากัด
- โครงการตั้งอยู่: ถนนหลังสวน เขต ปทุมวัน
- ที่ดินประมาณ 3–3-57 ไร่
- คอนโด High Rise 33 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 231 ยูนิต
- ระยะเวลาสัญญา : สิทธิการเช่า 30 ปี (Leasehold) มีสิทธิ์ในการต่อสัญญาเพิ่มอีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปี
- ระยะเวลาคงเหลือ : 30 ปี (เริ่มต้น 2020)
- Studio ขนาด 52.00 ตร.ม.
- 1 Bedroom (+1 Room) ขนาด 98.00 ตร.ม.
- 2 Bedrooms ขนาด 139.00 – 158.00 ตร.ม.
- 3 Bedrooms ขนาด 215.00 – 339.00 ตร.ม.
- 4 Bedrooms ขนาด 356.00 – 510.00 ตร.ม.
- ราคาห้องเริ่มต้น 11 ล้านบาท (Studio 52 ตร.ม.)
- ราคาเฉลี่ยประมาณ 230,000 บาท/ตร.ม.
อ่านรีวิวเจาะลึกได้ที่ >> The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok
- บริษัท สยามสินธร จํากัด
- โครงการตั้งอยู่: ซอย ต้นสน เขต ปทุมวัน
- ที่ดินประมาณ 4 ไร่
- คอนโด High Rise 35, 10 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 200 ยูนิต
- ระยะเวลาสัญญา : สิทธิการเช่า 30 ปี (Leasehold) มีสิทธิ์ในการต่อสัญญาเพิ่มอีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปี
- ระยะเวลาคงเหลือ : 26 ปี (เริ่มต้น 2017)
- Studio ขนาด 35 ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 68-76 ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 112-117 ตร.ม.
- 3 Bedroom ขนาด 103-345 ตร.ม.
- ราคาห้องเริ่มต้น 10.9 ล้านบาท (Promotion 1 Bedroom 72 ตร.ม.)
- ราคาเฉลี่ยประมาณ 180,000 บาท/ตร.ม.
ดูรีวิวได้ที่ >> Sindhorn Residence
- บริษัท สยามสินธร จํากัด
- โครงการตั้งอยู่: ซอย ต้นสน เขต ปทุมวัน
- ที่ดินประมาณ 1-2-54.14 ไร่
- คอนโด High Rise 17 ชั้นและชั้นใต้ดิน 3 ชั้น 1 อาคาร 59 ยูนิต
- ระยะเวลาสัญญา : สิทธิการเช่า 30 ปี (Leasehold) มีสิทธิ์ในการต่อสัญญาเพิ่มอีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปี
- ระยะเวลาคงเหลือ : 28 ปี (เริ่มต้น 2018)
- Studio ขนาด 35 ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 85 ตร.ม.
- 2 Bedrooms ขนาด 105 ตร.ม.
- 2 Bedrooms ขนาด 140 ตร.ม.
- ราคาห้องเริ่มต้น 19 ล้านบาท (Promotion 1 Bedroom 85 ตร.ม.)
- ราคาเฉลี่ยประมาณ 200,000 บาท/ตร.ม.
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> Sindhorn Tonson
Baan Sindhorn
- บริษัท สยามสินธร จํากัด
- โครงการตั้งอยู่: ถนน หลังสวน เขต ปทุมวัน
- ที่ดินประมาณ 1-1-53 ไร่
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 32 ยูนิต
- ระยะเวลาสัญญา : สิทธิการเช่า 30 ปี (Leasehold) มีสิทธิ์ในการต่อสัญญาเพิ่มอีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปี
- ระยะเวลาคงเหลือ : 30 ปี (เริ่มต้น 2020)
- 2 Bedrooms ขนาด 122 ตร.ม.
- Penthouse ขนาด 392 ตร.ม.
- ราคาห้องเริ่มต้น 30+ ล้านบาท (2 Bedroom 122 ตร.ม.)
- ราคาเฉลี่ยประมาณ 210,000 บาท/ตร.ม.
เว็บไซต์โครงการ >> Baan Sindhorn
Sindhorn Lumpini
- บริษัท สยามสินธร จํากัด
- โครงการตั้งอยู่: ถนน สารสิน เขต ปทุมวัน
- ที่ดินประมาณ 1-0-73.24 ไร่
- คอนโด High Rise 14 ชั้น 1 อาคาร 20 ยูนิต
- ระยะเวลาสัญญา : สิทธิการเช่า 30 ปี (Leasehold) มีสิทธิ์ในการต่อสัญญาเพิ่มอีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปี
- ระยะเวลาคงเหลือ : 28 ปี (เริ่มต้น 2018)
- 2 Bedrooms ขนาด 230 ตร.ม.
- 3 Bedrooms ขนาด n/a ตร.ม.
- Penthouse ขนาด 445 ตร.ม.
- ราคาห้องเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยประมาณ n/a บาท/ตร.ม.
เว็บไซต์โครงการ >> Sindhorn Lumpini
*โครงการจากสยามสินธรทั้ง 5 แห่ง สามารถสอบถามราคาและระยะเวลาสัญญากับทางสยามสินธรอีกครั้งได้ที่นี่ค่ะ 02-650-9596
Nai Lert Park Hotel and Residence
- บ้านปาร์คนายเลิศ ( Nai Lert Park Heritage Home)
- โครงการตั้งอยู่: ถนน วิทยุ แขวง ลุมพินี เขตปทุมวัน
- ที่ดินประมาณ 2.5 ไร่
- คอนโด High Rise n/a ชั้น 80 ยูนิต
- ระยะเวลาสัญญา : สิทธิการเช่า 30 ปี (Leasehold)
- ระยะเวลาคงเหลือ : 30 ปี (เปิดในอนาคต)
- ราคาห้องเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยประมาณ n/a บาท/ตร.ม
*เนื่องจากเป็นโครงการในอนาคตยังไม่มีข้อมูลมากนัก ถ้าทางเรามีข้อมูลเพิ่มเติมจะมาอัพเดทให้นะคะ
One Bangkok
- บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด
- โครงการตั้งอยู่: ถนน พระรามที่ 4 เขต ปทุมวัน
- ที่ดินประมาณ n/a ไร่
- คอนโด High Rise n/a ชั้น 500 ยูนิต
- ระยะเวลาสัญญา : สิทธิการเช่า 30 ปี (Leasehold)
- ระยะเวลาคงเหลือ : 30 ปี (เปิดในอนาคต)
- ราคาห้องเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยประมาณ n/a บาท/ตร.ม
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >> ONE BANGKOK
*เนื่องจากเป็นโครงการในอนาคตยังไม่มีข้อมูลมากนัก ถ้าทางเรามีข้อมูลเพิ่มเติมจะมาอัพเดทให้นะคะ
Dusit Residences & Dusit Parkside
- บริษัท ดุสิตธานี จํากัด (มหาชน)
- โครงการตั้งอยู่: ถนน พระรามที่ 4 เขต บางรัก
- ที่ดินประมาณ n/a ไร่
คอนโด High Rise n/a ชั้น
- แบรนด์ Dusit Residences 159 ยูนิต
- แบรนด์ Dusit Parkside 230 ยูนิต
*เนื่องจากเป็นโครงการในอนาคตยังไม่มีข้อมูลมากนัก ถ้าทางเรามีข้อมูลเพิ่มเติมจะมาอัพเดทให้นะคะ
ตารางสรุปทำเล ระยะเวลากรรมสิทธิ์และราคาที่เปิดขายของคอนโด Leasehold แต่ละแห่ง ทั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงสามารถสอบถามได้กับทางโครงการโดยตรงเลยนะคะ สุดท้ายแล้วใครที่มีข้อสงสัยอยากสอบถามเกี่ยวกับคอนโด หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสามารถพิมพ์ Comment กันมาได้นะ 🙂