ความฝันของหลายๆคนคืออยากได้คอนโดสักห้อง ซึ่งกว่าจะได้ต้องผ่านการวางแผนเก็บเงิน สร้าง Statement เพื่อเอาไปกู้ธนาคาร พอกู้ซื้อคอนโดได้แล้ว บางคนเกิดกรณีเงินไม่พอหรือไม่ได้สำรองเงินเอาไว้ใช้ตกแต่งห้องหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์ จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า เราสามารถกู้เกินเพื่อเอาเงินส่วนต่างมาตกแต่งห้องได้หรือไม่? ลองมาอ่านบทความนี้กันดูค่ะ

CASE STUDY 

“สอบถามครับ พอดีผมกำลังจะซื้อคอนโดหลังแรก ราคา 2 ล้านบาท เพราะบ้านของผมอยู่ค่อนข้างไกลจากที่ทำงาน แต่คอนโดที่ผมดูไว้ขายแบบ Fully Fitted แล้วเงินเก็บที่ผมตั้งใจจะเอาไว้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ตอนแรก หมดไปกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าโอน ค่าจดจำนอง ค่าส่วนกลาง เป็นต้น พอเป็นแบบนี้แล้วผมสามารถกู้เงินธนาคารอีกก้อนได้ไหมครับ จะได้เอามาซื้อเฟอร์นิเจอร์ หรือตกแต่งห้องเพิ่มเติม รบกวนด้วยนะครับ”

สำหรับคำตอบนี้ก็คือ ไม่ได้ เพราะมีกฎหมายใหม่ LTV จากแบงค์ชาติ ที่เข้ามาควบคุมไม่ให้คนก่อหนี้ไปมากกว่านี้ อย่างกรณีที่เราซื้อคอนโดหรือบ้านเป็นครั้งแรก ทางธนาคารสามารถปล่อยวงเงินกู้ให้เราได้ไม่เกิน 100%

กู้ได้ไม่เกิน 100% หมายความว่า สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย เรากู้ได้มากสุด 100% ส่วนถ้าใครจะกู้สินเชื่ออเนกประสงค์เพิ่ม ก็ต้องไปหาหลักค้ำประกันมาเพิ่มเอง ซึ่งจะเป็นคนละส่วนกัน แต่บอกเลยนะว่าดอกเบี้ยมหาโหดเลยแหละ ไม่แนะนำๆ

หมายความว่า ถ้าเราซื้อคอนโดราคา 2 ล้านบาท เราจะได้วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะในวันซื้อ-ขาย ที่ต้องใช้เงินสดอีกเกือบแสน.. แล้วอย่างนี้เราจะมีเงินสดเหลือเอามาตกแต่งห้องได้อย่างไรกัน.. ไปดูวิธีการดีๆที่บทความนี้จะมาแนะนำกันค่ะ

กรณีที่ 1 : ยื่นกู้เกินวงเงินซื้อ-ขาย
ตอบสั้นๆง่ายๆ คือ ให้ทาง Developer ยื่นกู้กับธนาคารเกินราคาซื้อขายจริงเล็กน้อย ประมาณ 5-10% แต่ต้องบอกก่อนเลยนะ วิธีนี้ใช้ไม่ได้กับทุกโครงการนะ ส่วนใหญ่ที่เราเจอจะเป็นโครงการที่ Deal กับทางธนาคารไว้ หรือโครงการที่มีเจ้าของเป็น Local ก็พอมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ Case นี้เราใช้เป็นมาตรฐานไม่ได้นะ
ในกรณีนี้ถ้าเราได้วงเงินตามที่ยื่นไปเช่น ถ้าเราซื้อคอนโดราคา 2 ล้านบาท ทางโครงการสามารถยื่นกู้ให้เราได้ในงบ 2.2 ล้านบาท ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้เราจะได้เงินสดเพิ่มขึ้นมา 200,000 เราสามารถเก็บไว้เป็นค่าตกแต่ง หรือซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้

ข้อดี – มีเงินสดมาใช้เพิ่มเติม โดยที่ไม่ต้องกู้สินเชื่อตัวอื่นที่ดอกเบี้ยค่อนข้างแพง รวมถึงได้ระยะเวลาผ่อนนานเท่าตัวบ้าน คือ 30-40 ปี แตกต่างจากสินเชื่อตัวอื่นๆที่ให้ผ่อนเพียง 4-6 ปี แล้วแต่ประเภทที่เราเลือกทำ
ข้อเสีย – ถึงแม้เราจะมีเงินสดในการใช้ตกแต่งเพิ่ม แต่อย่าลืม !!! วงเงินที่เพิ่มมากขึ้น = เราจะต้องเสียดอกเบี้ยมากขึ้นเช่นกัน ทำให้เงินที่เราผ่อนต่อเดือนมากขี้น และถ้าเราบริหารจัดการไม่ดี ภาระหนี้จะกลับมาทำร้ายเราเองนะ

กรณีที่ 2 ซื้อคอนโดที่ขายแบบ Fully Furnished
บางคนอาจจะลืมคิดไป ปัจจุบันบางโครงการมีห้องที่ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ ที่เราหิ้วของมาจากบ้านอีกนิดหน่อยก็เข้าอยู่ได้เลย หรือที่เราเรียกว่า Fully Furnished โดยสิ่งที่ได้ส่วนใหญ่ เช่น ชุดครัว+Hob&Hood, ชุดวางทีวี, โซฟา, สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ, ฐานเตียง+ฟูก และเครื่องปรับอากาศ เป็นมาตรฐาน จะขาดก็แค่เครื่องใช้ไฟฟ้าเองนะ

ข้อดี – ห้องแบบนี้ จะช่วยเราประหยัดเงินที่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ไปได้เยอะเลย ราวๆแสน-สองแสนบาท ขึ้นอยู่กับเฟอร์นิเจอร์ที่โครงการให้ด้วยนะ
ข้อเสีย – แต่เฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการให้มานั้น อาจจะไม่ถูกกับ Lifestyle ที่ตัวเองชื่นชอบ แนะนำว่าพอมีเงินแล้วค่อยซื้อมาเปลี่ยนเอาค่ะ

กรณีสุดท้าย : บัตรเครดิต
สำหรับคนที่หมดหนทางแล้ว เราก็มีอีกทางเลือกที่น่าสนใจ คือการสมัครบัตรเครดิตที่ผูกกับร้านขายเฟอร์นิเจอร์อย่าง IKEA, SB Furniture, Index Furniture, Homepro เป็นต้น ที่ชอบจัดโปรโมชันผ่อน 0% นาน 10-24 เดือน แล้วแต่บัตร หรือบางบัตรก็มีส่วนลดพิเศษให้
ข้อดี – ช่วยลดค่าใช้จ่ายต่อเดือนไม่ให้สูงมาก รวมถึงเป็นการประหยัด ทำไห้เราไม่ต้องเสียดอกเบี้ยกับทางธนาคารเยอะอีกด้วย
ข้อเสีย – ระวัง Shop เพลิน !!! เพราะบัตรเครดิตเป็นเงินในอนาคต ถ้าเราบริหารจัดการไม่ดี อาจจะทำให้เราหมุนเงินไม่ทัน


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving