บ้านขนาดไหนจะอยู่สบาย (6)

ขนาดบ้านกับการอยู่สบาย

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน ThinkofLiving นี่เป็นบทความแรกประเดิมคอลัมน์ อยู่สบายในแนวราบโดย สวนหลวงบ้านและที่ดิน เรื่องแรกที่คุณนายสวนหลวง อยากจะพูดถึง คือเรื่องขนาดบ้าน คุณผู้อ่านเคยถามตัวเองเวลาเลือกซื้อหรือแม้กระทั่งสร้างบ้านบ้างไหมคะว่า ขนาดบ้านที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวเรานี่ควรจะใหญ่เล็กซักแค่ไหน คุณนายมักจะได้ยินเพื่อนฝูงบ่นเป็นประจำเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอยในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหา บ้านเล็กไปไม่มีที่ให้เก็บข้าวของบ้าง หรือ บ้านใหญ่เกิน เวลาคุณแจ๋วไม่อยู่ ถูเองไม่ไหว แล้วมานั่งเสียใจว่าไม่น่าสร้างบ้านใหญ่

คุณผู้อ่านเคยคิดบ้างไหมค่ะว่าบ้านขนาดไหนถึงจะอยู่สบาย พอดีๆสำหรับคุณ?

จะตอบคำถามนี้ได้ ข้อแรกเราต้องสำรวจก่อนว่า สมาชิกที่จะอยู่ในบ้านนี้มีกี่คน อยู่กันสองคนสามีภรรยา มีลูกหรือไม่มีลูก มีลูกกี่คน บางบ้านอาจมี ปู่ย่าตายายอยู่ร่วมด้วย ในความเห็นของคุณนาย โดยพื้นฐานบ้านเดี่ยวขนาดมาตรฐาน สามห้องนอน สามห้องน้ำ พื้นที่ประมาณ 175-200 ตารางเมตร ก็เพียงพอแบบสบาย ๆ สำหรับการอยู่อาศัย 3-4 คน

ภาพ บ้านขนาด 200 ตารางเมตร จาก โครงการ บ้านริมสวน รามอินทรา

แต่หากว่าคุณมีผู้สูงอายุร่วมอยู่ด้วยและต้องการมีห้องนอนที่ชั้นล่าง บ้านขนาดดังกล่าวโดยส่วนใหญ่มักไม่มีห้องแยกที่ชั้นล่างเนื่องจากชั้นล่างมักถูกกินที่ด้วยที่จอดรถ 2 คัน ก็ต้องเลือกบ้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้นคือประมาณ 250-300 ตารางเมตร ซึ่งมักจะทำห้องเอนกประสงค์แยกออกจากส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหาร หรือบางท่านอาจใช้วิธีต่อเติมส่วนจอดรถทำเป็นห้องนอนแยก แนะนำว่าควรเป็นที่จอดรถที่พื้นวางอยู่บนคานถึงจะนำมาต่อเติมโดยไม่มีปัญหาเรื่องพื้นทรุดในอนาคต และควรคำนึงถึงพื้นที่ที่จะใช้จอดรถด้วยเพราะถ้าต้องเอารถไปจอดนอกบ้านตลอดเวลานอกจากจะเป็นการไม่เคารพสิทธิในการใช้พื้นที่ส่วนกลางแล้วยังอาจมีปัญหากับเพื่อนบ้านได้ค่ะ

ภาพบ้านขนาด 300 ตารางเมตร จาก โครงการ บ้านริมสวน รามอินทรา

ข้อสอง กิจกรรมของสมาชิกภายในบ้านและการใช้เวลาอยู่กับบ้าน บางคู่สามีหรือภรรยาเป็นคนทำงาน ที่บ้านก็ต้องมีการจัดพื้นที่เพื่อใช้เป็นส่วนทำงาน มุมทำงานที่ใช้ตั้งโต๊ะ เก้าอี้ วางคอมพิวเตอร์ จะใช้พื้นที่ประมาณ 4 ตารางเมตร หากต้องการเป็นห้องปิดแยกสำหรับทำงานควรมีขนาดไม่ต่ำกว่า 8 ตารางเมตร กิจกรรมอื่น ๆ ที่สมาชิกในบ้านให้ความสำคัญ เช่น การใช้พื้นที่ทำครัว การมีพื้นที่รอบบ้านเพื่อทำสวน ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น

ภาพจาก โครงการ บ้านริมสวน รามอินทรา

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเพิ่มพื้นที่ของบ้านเพื่อรองรับทุกกิจกรรมที่คุณมี ถ้าเป็นอย่างนั้นบ้านใหญ่ขนาดไหนก็ไม่พอแน่ ๆ การแบ่งใช้พื้นที่ให้ลงตัวอยู่ที่การจัดลำดับความสำคัญและการรู้จักตัวเองว่ามีพฤติกรรมอย่างไร เช่น บางคนไม่ชอบมีอะไรรบกวนในห้องนอน ห้องนอนคือที่นอนอย่างเดียว ขนาดก็ไม่ต้องใหญ่มีเฉพาะส่วนนอน ไม่ต้องมีส่วนนั่งเล่นในห้องนอน หรือคุณรู้ตัวว่าชอบไปออกกำลังกายนอกบ้าน ก็ไม่ต้องพยายามสรรหาเครื่องออกกำลังกายมาวางในบ้านให้เปลืองพื้นที่ สำหรับคู่สามีภรรยาที่ทำงานนอกบ้านทั้งคู่ มีเวลาอยู่กับบ้านมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นเวลานอนและเวลาที่ต้องการพักผ่อน ก็ไม่ควรมีบ้านขนาดใหญ่เกินไปที่จะต้องดูแลรักษาเพราะจะมาเบียดบังเวลาพักผ่อนอันมีเพียงน้อยนิดของคุณ

การดูแลบ้านในระยะยาวเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง การหมั่นทำความสะอาด เปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องใช้ที่เสียตามอายุการใช้งานจะทำให้บ้านคงสภาพน่าอยู่ การตัดหญ้า ดูแลสวน ต้องสำรวจตัวเองว่าคุณมีใจรักและเวลาดูแลสิ่งเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน หรือมีกำลังจ่ายหาคนมาช่วยดูแลแทนได้ไหม รวมไปถึงค่าใช้จ่ายส่วนกลางของหมู่บ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ คุณควรจ่ายได้โดยไม่รู้สึกเป็นภาระมากเกินไป

สำรวจตัวเองคร่าว ๆ เท่านี้ ก็คงจะพอเป็นแนวทางได้ว่าบ้านขนาดไหนอยู่สบายสำหรับคุณค่ะ

XOXO
คุณนายสวนหลวง

 

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก http://www.becomingminimalist.com/2010/07/30/12-reasons-why-youll-be-happier-in-a-smaller-home/