รีวิวโครงการ
พาชมห้องตัวอย่าง เเละ Update พื้นที่ส่วนกลาง Wish Signature Midtown Siam คอนโด High Rise ใกล้ BTS ราชเทวี จาก สยามนุวัตร
12 มกราคม 2019
รีวิวฉบับที่ 586 … Mr.Oe ขอจัดโครงการที่กำลังร้อนในตอนนี้ให้ดูกันครับ โครงการ Wish Signature Midtown Siam ของสยามนุวัตร เป็นโครงการที่มี Uniqueness มาก โดยเฉพาะวิวและทำเล ซึ่งอยู่ใกล้ BTS ราชเทวี และใกล้สยามพารากอน แบบเดินไปได้ ผมได้ UPDATE ข้อมูลเป็นรีวิวฉบับสมบูรณ์แล้วในวันที่ 09/10/14 ครับ
Fact @ 30 May 2014
- Wish Signature Midtown Siam (วิช ซิกเนเจอร์ มิดทาวน์ สยาม … ขอเรียกสั้นๆว่า Wish Signature)
- บริษัท สยามนุวัตร จำกัด
- HIGH – LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี
- คอนโด High Rise 45 ชั้น 623 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 25 ยูนิต ที่ชั้น 6-14
- ที่จอดรถในช่องจอดประมาณ 324 คันคิดเป็น 52% มีชั้นจอดรถใต้ดิน
- ที่ดินประมาณ 2-3-60 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ต.ค. 2560
- 1 Bedroom 27 – 37 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 41 – 68 ตารางเมตร
- 3 Bedrooms+ 92 ตารางเมตร
- ระยะพื้นถึงฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตร
- ราคาเริ่มต้นห้องมาตรฐานประมาณ 3.4 ล้านบาทหรือประมาณ 126,000 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 130,000 – 180,000 บาท (ราคาปรับใหม่ วันที่ 30/05/57)
- อ่านเพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS ราชเทวี ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS ราชเทวี
- http://www.dtzthailand.com
- โทร 02-257 0499
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.752026,100.534687
แผนที่โครงการ หยาบๆหน่อย ให้ดูแค่ว่า โครงการอยู่บนถนน เพชรบุรี ฝั่งเดียวกับห้างพันทิพ ตรงข้าม โรงแรม First แค่นั้นล่ะครับ รายละเอียดทำเล ไปใช้แผนที่ Google ที่มี Scale แม่นยำกันดีกว่า
อันนี้แผนที่ อากู๋ Google ที่ผมลองลากๆขีดๆให้ดูว่า โครงการมันอยู่ตรงไหน และมีอะไรอยู่ใกล้เคียง… โครงการ Wish Signature อยู่ติดถนนเพชรบุรี อยู่ห่างแยกราชเทวีราวๆ 300 เมตร ถ้าเดินไป BTS ราชเทวีแบบถึงบันไดเลื่อนก็ราวๆ 350 เมตรนะฮะ … บนถนนเพชรบุรีน่ะ ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นน่าสนใจหรอก แต่ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการ มันมาอิงกับ “สยาม” และสยามพารากอนซะมากกว่า ซึ่งตรงนี้เป็นจุดแข็งที่สำคัญ เพราะในปัจจุบันไปจนถึงอนาคตอีกหลายปี จุดนี้คือ “แหล่งอารยธรรม” ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของคนกรุงเทพอย่างมิต้องสงสัย โดยเฉพาะคนที่อายุยังไม่ถึง 30 นี่คงจะเข้าใจดี …
ก่อนที่เราจะค่อยๆดู ค่อยๆเจาะลึกทำเลไปทีละน้อย … สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยคุ้นกับทำเล “ราชเทวี” แถวๆนี้ ผมแนะนำให้ กดตรงนี้ เพื่ออ่านบทความ พาไปดูทำเล รายรอบ BTS ราชเทวี ที่น้องบูมเดินเท้าเก็บข้อมูลไว้แล้ว ให้พอรู้เรื่องก่อนครับ แล้วค่อยกดกลับมาอ่าน ทำเล ให้ละเอียดและเข้าใจมากขึ้น 🙂
ตัวโครงการ อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี ราว 350 เมตร เดินไม่กี่นาทีถึง แนวเส้นทางเดินก็ตามเส้นแดงที่ผมลากให้ดู ซึ่งมีรายละเอียดของพื้นที่บริเวณนี้ ในบทความ พาไปดูทำเล รายรอบ BTS ราชเทวีแล้ว ดังนั้น จะขอข้ามไปนะฮะ
อย่างที่บอกไปว่า จุดแข็งสำคัญคือ การเชื่อมกันแบบเดินไปได้ ของโครงการกับสยามพารากอน ซึ่งสามารถเดินจากหน้าโครงการ มาถึงทางเข้าห้างได้ที่ระยะราวๆ 600 เมตรตามแนวเส้นแดงที่ผมลากให้ดู ที่สำคัญคือเราสามารถขับรถจากห้างพารากอนเลี้ยวเข้าโครงการ ตามเส้นทางนี้ได้ด้วย (one way) ตรงนี้คือ Value ด้านทำเลที่สำคัญมากของทุกโครงการที่เกาะอยู่ในบริเวณถนนเพชรบุรีฝั่งซอยเลขคู่ ที่อยู่เลย ซอยกรุงเทพการบัญชีมาทางด้านแยกราชเทวีเท่านั้นครับ เพราะไม่ต้องยูเทิร์นไปมา และยังอยู่ในระยะเดินเท้าได้ด้วย
สถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี N1 สถานีนี้ คนไม่พลุกพล่านเท่าไร
สถานีที่อยู่ใกล้กันมากๆ คือ สถานีพญาไท มองไปเห็นอยู่ไม่ไกล นั่น เป็นจุดเชื่อมต่อ ARL ไปสุวรรณภูมิ … ในกรณีเร่งด่วนต้องไปสนามบิน ก็เลือกใช้รถไฟฟ้าได้
เวลาจะเดินไปโครงการ ให้เลือกทางออก 4 นะ สะดวกสุด
ทางลงสถานี จะเป็นแบบเดินลง
ทางขึ้นสถานี จะเป็นบันไดเลื่อน สบายหน่อย
โครงการรุ่นพี่สุด HOT อย่าง Pyne ที่อยู่ติดสถานีราชเทวี แบบติดจริงๆ… โครงการนี้ที่ Hot มาก ถ้าเรามองเฉพาะในแง่ของทำเล มัน Hot ไม่ใช่เพราะแค่ติดสถานีรถไฟฟ้า แต่เพราะปัจจัยเรื่องใกล้สยามด้วย
น้องไพน์คนสวยของ พี่แสน….
ทางขึ้นลงรถไฟฟ้า สถานีราชเทวี แถวๆนี้ จะมีแม่ค้าพ่อค้า ตั้งแผงขายของกันเยอะเลย ไม่เว้นแม้แต่หน้าโครงการ Pyne
เวลาเรามาจากแยกปทุมวัน มุ่งหน้าโครงการ จะมาเจอแยกราชเทวีนี้ ซึ่งเขาห้ามเลี้ยวขวานะ เราต้องตรงไปกลับรถ หรือไม่ก็เลี้ยวซ้ายไปกลับรถ การเดินทางด้วยรถ จะติดหน่อย และวนยูเทิร์นหลายจุด
การเดินทางถ้ามาจากประตูน้ำ หรือ อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มันก็ Basic เข้าใจไม่ยากเท่าไร ผมเลยว่าจะพาไปดูเส้นทางแปลกๆ ในการเดินทางมาโครงการบ้างนะครับ
อย่างที่บอกว่า แยกราชเทวีมันเลี้ยวขวาไม่ได้ … มุ่งตรงไปอนุเสาวรีย์ชัยจะตรงไปกลับรถ รถก็ติดอีก เราสามารถเลี่ยงเข้าซอยพญานาค เลี้ยวขวาบรรทัดทอง เลี้ยวขวาเพชรบุรีตรงแยกเพชรพระราม แล้วตรงกลับมาโครงการได้สบายหน่อยเพราะมีสะพานข้ามแยกราชเทวีครับ อ้อ แต่เลี้ยวเข้าโครงการเลยไม่ได้นะ ต้องไป U turn ที่แยกประตูน้ำกลับมา
ปากซอยพญานาค อยู่ตรงสถานี BTS ราชเทวีนะ
เข้าซอยมา จะแคบๆหน่อย เป็น one way ถนนเพิ่งทำเสร็จ วิ่งสบาย
วิ่งผ่านทางเชื่อม โรงแรมเอเชียซ้ายมือกับอาคารจอดรถโรงแรมขวามือ
ตรงไปเรื่อยๆครับ ซอยนี้ คึกคักมากมาย ขับช้าๆ ไม่ต้องรีบ
ยังมีซ่อม ทำทางอยู่บ้างนะครับ
ลึกเข้ามาในซอย จะมีรถจอดกันเลนนึงยาววววตลอด
ตรงต่อไปครับ
ผ่านโรงแรมไดมอนด์ ซิตี้ ก็ให้ชะลอๆ ได้แล้ว จะถึงแยกแล้ว
ถึงแล้วครับ แยกตัดถนนบรรทัดทอง เราชิดขวารอเลี้ยวขวา
แยกนี้มีจุดสังเกตคือ ต้นโพธิ์ ตรงหัวมุมนี่นะครับ
เลี้ยวขวายากหน่อยนะ แต่มันจะมีจังหวะของมัน เราเลี้ยวกันเลยครับ
เลี้ยวขวามาแล้ว เราอยู่บรรทัดทองครับ ตรงไป
อยู่เลนขวานะครับ เพราะเราจะเลี้ยวขวา
ถึงแล้วครับ แยกเพชรพระราม ข้างหน้าเรานี่คือถนนใหญ่ ถนนเพชรบุรี เราสามารถเลี้ยวขวาไปโครงการได้
ถ้าวันไหนรถแน่น หรือเลี้ยวขวาที่แยกนี้ยาก เรายังมีทางเลือกง่ายๆ สบายๆ อีกครับ… ดูแผนที่ด้านล่าง
เราสามารถเลี้ยวซ้ายตรงแยกเพชรพระราม วิ่งตรงไปผ่านแยกอุรุพงษ์ แล้วยูเทิร์นวิ่งตรงไปโครงการได้ครับ เพิ่มระยะทางอีกไม่มาก แต่ขับสบายๆกว่าเยอะ… เดี๋ยว ผมลองเลี้ยวซ้ายเพชรพระราม แล้ววิ่งไป U Turn ตามแผนที่นี้ให้ดูนะครับ
เลี้ยวซ้ายแล้วครับ ตอนนี้เราอยู่บนถนนเพชรบุรี มุ่งหน้าแยกอุรุพงษ์ครับ
ตรงมานิด ผ่านปั๊ม Caltex
ถึงแล้วครับ แยกอุรุพงษ์ เราตรงไปนะครับ
ตรงผ่านแยกอุรุพงษ์ไป
ผ่านแยกมาแล้วชิดขวาไว้ครับ จะพาไปยูเทิร์น
ชิดขวาตรงไปเรื่อยครับ
ถึงแล้วครับ จุดยูเทิร์น
ลืมบอกไปว่า จุดยูเทิร์น นี้ เป็นจุดขึ้นทางด่วนด้วยนะ ไปดินแดง แจ้งวัฒนะ พระราม 9 บางโคล่ บางนา ดาวคะนอง ไปได้หมด เป็นอีกหนึ่งความสะดวกในทางเลือกสำหรับการเดินทางด้วยรถส่วนตัว
เวลาเราวิ่งจากโครงการ มาขึ้นทางด่วนนี้ ตรงอย่างเดียวเลย ง่ายด้วย เพราะมีสะพานข้ามแยก ระยะทางวิ่งตามแนวเส้นแดงคือ 1.6 กิโลเมตร เบาๆ ถือว่าไม่ได้ไกลมากสำหรับคนใช้รถ
เรายูเทิร์นเสร็จแล้ว ก็ย้อนกลับไปแยกอุรุพงษ์ครับ
ตรงจุดนี้ ก็จะเป็นทางเลือกในการเดินทางหลบรถติดอีกทาง คือสามารถ เลี้ยวซ้าย วิ่งตรงเลียบคลองประปาไปถึงบางซื่อ หรือสวนจตุจักรได้ด้วยนะ วันเสาร์อาทิตย์ รถไม่ติดเท่าไรด้วย
ถึงแล้วครับ แยกอุรุพงษ์ เราตรงไปครับ
ตรงผ่านแยกไปเลย
วิ่งตรงไป รถเยอะครับ แต่ไหลๆ ไปเรื่อยๆ เห็นตึกสูงขวามือนั่นคือ ศุภาลัย พรีเมียร์ ราชเทวี ที่อยู่ตรงแยกเพชรพระรามครับ
ศุภาลัย พรีเมียร์ ราชเทวี ของป้าศุ ที่สวยดูดีกว่าศุภาลัยทั่วไป เพราะเป็นเกรด “พรีเมียร์” ครับ
ตรงต่อไปครับ รถจะเริ่มแน่นขึ้นเพราะใกล้แยกแล้ว
ใกล้ถึงแยกราชเทวี ตรงจุดนี้ รถที่จะไปอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิเขาจะชิดซ้าย ส่วนรถที่จะตรงไป เขาจะชิดขวาเพื่อขึ้นสะพานข้ามแยกนะครับ
สะพานข้ามแยก ราชเทวี ปกติเราขึ้นสะพานข้ามไปเลย แต่ผมไม่ขึ้น จะพาไปดูแยกครับ
วิ่งตรงมาติดไฟแดงที่แยกราชเทวี แยกนี้ เราตรงไปนะจ๊ะ
ตรงผ่านแยกราชเทวีมาแล้วนะครับ ตรงไปเรื่อยๆ
วิ่งเลยแยกมานิดเดียว ก็จะเห็นกรมการพลังงานทหาร ที่มีธงชาติอันใหญ่ๆน่ะ แปลว่ามาถูกทางแน่นอน
เลยแยกมาไม่ถึง 300 เมตร จะเจอ ตึกสีส้มๆซ้ายมือนี้ คือ โรงแรม First ครับ … โครงการอยู่ตรงข้ามโรงแรมนี้เลย
ผมขึ้นมาบนสะพานลอย ถ่ายรูปย้อนไปทางแยกราชเทวีให้ดู จะเห็นโรงแรม First อยู่ขวามือ และฝั่งซ้ายมือตรงข้าม First ที่เห็นเป็นที่ดินเปล่า นั่นแหละครับ โครงการ Wish Signature …
โปรดสังเกตุว่า ถนนเพชรบุรีเส้นนี้ ไม่มีเกาะกลางถนน ดังนั้น ถ้าเราตรงมาจากแยกราชเทวีแล้วชิดขวาไว้ เราน่าจะเลี้ยวขวาเข้าโครงการได้เลยไหม? อันนี้ ผมไม่ทราบนะครับ มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ต้องไปดูตอนเสร็จนู่นแหละครับว่าทำได้ไหม แต่แม้ว่าจะไม่ได้ การตรงไปกลับรถที่แยกประตูน้ำ ย้อนกลับมาเข้าโครงการ ก็ไม่ยากเท่าไร … ถ้าไม่ใช่ช่วงรถติดสาหัสนะ
ถนนเพชรบุรี มุ่งหน้าแยกประตูน้ำ อันนี้ รถเยอะไหลๆ ยังไม่ถึงกับติดสาหัส… สังเกตุระยะห่างระหว่างรถครับ ถ้ารถจอดนิ่งๆ มันจะอยู่ชิดกัน
Zoom ให้ดู พันธุ์ทิพย์ ที่อยู่ห่างจากโครงการไป 300 เมตร … สำหรับคนที่ยังเคยชินกับห้างพันธุ์ทิพแบบเดิมๆ ที่ขายเทปหมีซีดีเฝื่อน และอุปกรณ์ Hard ware Computer … ขอบอกว่าไม่ใช่แล้วนะครับ ถ้ายังทำแบบเดิมอยู่ ไม่รอดแน่ๆ เพราะเดี๋ยวนี้คนเขาดาวน์โหลดกันหมดแล้ว คอมพ์ก็เปลี่ยนเป็นโน๊ตบุคและไอแพด ซึ่งซื้อตรงศูนย์และไม่ได้ซ่อมแซมอัพกันแบบเดิมอีกต่อไป… Pantip เลยต้องปรับตัวเองใหม่เป็น Lifestyle Mall ครับ ซึ่งก็ดีแล้ว อยู่ห่างไป 300 เมตรเอง จะได้พึ่งพาเดินไปกินข้าว ซื้อของอะไรได้บ้าง
ที่ตั้งโครงการ อยู่ติดถนนใหญ่นะครับ ถ้าหันหน้าเข้าหาที่ดินโครงการ ซ้ายมือติดขอบที่ดินโครงการจะเป็นซอย เพชรบุรี 20 (ที่ดินด้านซ้ายของ ซอยเพชรบุรี 20 เจ้าของโครงการก็กวาดไปหมดแล้วครับ)
บันไดสะพานลอยข้ามถนน นี่พาดลงมาที่ปากซอย 20 กันเลย ดังนั้น การข้ามฝั่งถนน ง่ายๆ เป็นประโยชน์เวลาเรานั่งพี่วิน หรือ Taxi มา ก็ลงหน้าโรงแรม First แล้วเดินข้ามสะพานลอยมา ง่ายและเร็วกว่า ไป U Turn ประตูน้ำ
ใกล้ๆกันกับ ซอย20 จะมี 7-11 ซึ่งอยู่ปากซอยกรุงเทพการบัญชี… แม้ว่าตัวโครงการ จะมี Minimart อยู่ในโครงการด้วย แต่เชื่อว่า เราคงชอบและคุ้นกับ 7-11 มากกว่าแน่นอน
ซอยกรุงเทพการบัญชี … ซอยนี้ เป็นจุดแข็งหลักในแง่ทำเล สำหรับโครงการ … แข็งยังไง … ดูแผนที่ข้างล่างซีฮับ 🙂
ซอยกรุงเทพการบัญชี เป็นซอยที่เดินเข้ามาสยามพารากอนได้ ระยะทางตามแนวเส้นแดงนี้คือ 600 เมตร เป็นเส้นทางสงบๆที่ปลอดภัย มี รปภ ตลอดทาง ตั้งแต่หน้า กรุงเทพการบัญชีมาจนถึงพารากอนเลย … แถมสามารถขับรถจากพารากอน ออกตามเส้นทางนี้ วนเข้าโครงการได้ด้วย ดังนั้น เราใช้เป็นทางลัดได้นะ 555 … ซอยนี้ เป็นของดี สำหรับ Wish, The Adrress เพราะเดินได้ไม่ไกลเกิน และใช้รถสะดวกด้วย ส่วนโครงการอื่นๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนใช้ซอยนี้ได้เหมือนกันนะ เพียงแต่เดินไกลขึ้น และต้องขับรถไป ยูเทิร์นที่แยกราชเทวี จึงไม่สะดวกเท่า
เดี๋ยว ผมจะพาเดินเล่นสบายๆตามแนวเส้นทางสีแดงนี้นะครับ 🙂
ปากซอยนอกจาก 7-11 แล้ว จะมีวินสามล้อเครื่องคุมอยู่ และมี รปภของเล้งนาฬิกาอีก ซอยนี้ตรงเข้าไปมีของหนัก รปภ ชุดใหญ่ ด้านข้างซ้ายขวา เป็นอาคาร ดังนั้น ความปลอดภัยมั่นใจได้ 99.9286% ครับ
สังเกตุความโล่งของซอย ไม่มีรถจอดซักกะคัน เพราะเขาห้ามครับ เป็นซอยที่มีการดูแลเข้มงวดครับ … ค่อยๆ ตามผมมา เดี๋ยวจะเข้าใจเองว่าทำไมเข้มนัก
เดินเข้ามานิดเดียว เลยที่จอดรถเล้งนาฬิกา ก็จะเจอ โรงเรียนกรุงเทพการบัญชี สมัครเรียนวันนี้ แจก Samsung Galexy Note80 😀 ตอนนี้ปิดเทอม ไม่มีเด็ก มีแต่ รปภ โหดๆ เฝ้าประตูเข้าและออก
เราเดินต่อไปครับ จะเห็นแผงกันห้ามจอดรถไปตลอด
ตึกซ้ายมือ นี่ก็ กรุงเทพการบัญชี
เดินมาเรื่อยๆ เลยเขตโรงเรียน ก็จะมีบ้านคนแล้วก็ ตึก Bangkok Apartment ตึกเก่าแล้ว ส่วนหนึ่งเตรียมรื้อถอน
เดินมาราวๆ 200 เมตร จะถึงจุดนี้ครับ มีกรวยกั้น เพื่อให้รถชะลอความเร็ว ถัดเข้าไปอีกหน่อย จะเป็นชุด รปภ ที่นั่งคุมเข้มทีเดียว
กติกาการใช้สะพานข้ามไปพารากอน ติดไว้ตรงนี้ เพราะเรากำลังจะเข้าเขตพารากอนแล้วครับ อ้อ รถผ่านได้ถึง 4 ทุ่ม ก็เวลาห้างเลิกนั่นแหละ
เดินเลยจุดป้อมรปภมา จะเห็นสะพานอยู่ลิบๆ
มองไปทางซ้าย เจอโรงแรม Centara เป็นแท่งสูงสวยเชียว ตอนกลางคืนเปิดไฟบนยอดมงกุฎสวยดี
ถ่ายย้อนกลับไปทางปากซอยครับ จะเห็นชุด รปภ เป็นกิจลักษณะเลย แต่นี่ยังไม่ใช่ชุดหนัก ชุดใหญ่อยู่ด้านใน
เราเดินต่อไปครับ ข้ามสะพานนี้
สะพานนี้ คือสะพานข้ามคลองแสนแสบนะครับ สภาพคลองก็อย่างที่เห็น ไม่มีกลิ่นไปถึงโครงการครับ ไกลกันร่วม 250 เมตร แถมมีตึกบัง
คลองแสนแสบ เป็นเส้นทางสัญจรทางเรือที่สำคัญนะครับ นี่เรือโดยสารวิ่งมาจากสะพานหัวช้าง แต่ถ้าผ่านช่วงนี้ ต้องเบาเครื่องครับ เพราะเป็นแนวคลองที่ติดวังสระปทุม
เรือวิ่งลอดใต้สะพานไปประตูน้ำ ที่อยู่เลยจากจุดนี้ไปนิดเดียว
พอเราข้ามสะพานมา บรรยากาศ จะเปลี่ยนไปคนละโลก จากจุดนี้ผมแนะนำให้เดินช้าๆ ด้วยความสำรวม เพื่อซึมซับบรรยากาศดีๆรอบด้านครับ
พอลงสะพานมา มองไปทางขวา เราจะเจอ ศาลปู่โสม เขาไปสักการะได้นะครับ ตรงนี้ตอนกลางคืน มีประดับไฟ ไม่ต้องกลัวไปครับ สว่างดี
ถัดจากศาลปู่โสมมาทางซ้าย คือทางเข้าวังสระปทุมอีกทาง ที่ทำไว้เป็นส่วนทางเข้าของพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (พระองค์ท่านเป็นสมเด็จย่าของในหลวงของเรา)
ทางเข้าพิพิธภัณฑ์นี้ ปีหนึ่งจะเปิดแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน เพื่อให้คนทั่วไป ได้เข้าไปชม ส่วนหนึ่งในวังสระปทุม…ซึ่งผมแนะนำว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตของเรา เราควรจะต้องหาโอกาสเข้าไปชมนะครับ ไปนั่งทานอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง ด้านในก็ได้ครับ …
หลายคนยังไม่ทราบว่า วังสระปทุม นั้นมีความสำคัญ อย่างไร… ผมจะขอเล่าให้ฟังคร่าวๆนะครับ เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับ บทวิเคราะห์ทำเล ซึ่งคุณผู้อ่านจะได้เจอใน section ถัดๆไป… (ผมไม่เก่งราชาศัพท์ อาจจะมีการใช้คำที่ผิดไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะครับ ใครเจอเม้นท์บอกเลยครับ ผมจะรีบแก้ไขให้ถูกต้องทันที)
วังสระปทุม เดิมมีอาณาบริเวณ ครอบคลุมไปถึง Siam Discovery, Siam Center, Siam Paragon, และโรงแรม Siam Kempinski นะครับ แต่ได้มีการแบ่งที่ดินบางส่วนออกไปให้ห้างและโรงแรมเหล่านั้นเช่าใช้ พื้นที่วัง ยังคงเหลือบริเวณที่กว้างขวางพอประมาณ และเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่เก่าแก่ เป็นพื้นที่สำคัญ ที่มีคุณค่าของเราครับ
ปัจจุบัน วังสระปทุมเป็นที่ ประทับของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี “พระเทพ” ของพวกเรา ที่มักจะมีคนเห็นท่านเดินไปพารากอน อยู่เนืองๆ 🙂 ไม่ต้องแปลกใจ เพราะรั้วติดกันครับ ตอนนี้วังสระปทุมมีอายุได้ 98 ปีแล้วนะครับ … แต่เดิมเป็นที่ดินที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานให้กับ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (พระราชบิดาของ ในหลวงของเรา ที่เรามักจะเรียกกันติดปากว่ากรมหลวงสงขลานครินทร์) แต่ไม่ได้มีการทำอะไร เพราะท่านเรียนอยู่ที่อเมริกา…เมื่อ ร.5 เสด็จสวรรคต สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (พระมารดาของกรมหลวงสงขลานครินทร์) ได้ทรงย้ายออกจากวัง และเป็นผู้ริเริ่ม ออกแบบ จัดสร้าง ปรับปรุง วังสระปทุม ให้เป็นวังอย่างทุกวันนี้ และประทับอยู่ที่วังนี้ ตลอดพระชนม์ชีพ จนเสด็จสวรรณคต
พระตำหนักใหญ่ อาคารเก่าแก่ หลัก หลังแรก ที่สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็นผู้ริเริ่ม วางผัง ให้คนออกแบบสร้างไว้ ตอนนี้อายุเกือบ 100 ปีแล้ว เป็นอาคารหลังไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ทรงคุณค่า ประเมินราคามิได้ ควรอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างมาก
ตำหนักใหม่ เป็นอาคารที่สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า โปรดให้สร้างขึ้นใหม่ เพื่อเป็นที่พำนักของกรมหลวงสงขลานครินทร์เมื่อเสด็จกลับจากอเมริกา ซึ่งพระบรมราชชนก ทรงให้สถาปนิกออกแบบจัดสร้างขึ้นเป็นแนวอังกฤษ และปัจจุบัน วังสระปทุมเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเทพและเหล่า สุนัขทรงเลี้ยง ที่มีมากมายหลายตัว ตามภาพ
สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (สมเด็จย่าของในหลวง) ทรงพระรูปกับพระราชธิดา และพระราชโอรส คือกรมหลวงสงขลานครินทร์ (พระบรมราชชนกของในหลวง)
วังสระปทุม เป็นสถานที่ประทับของ พระบรมราชชนก เมื่อเสด็จกลับมาจากอเมริกา และได้ทรงอภิเษกสมรส กับคุณ สังวาลย์ ตะละภัฎ (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี .. สมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย) ที่วังสระปทุม ก่อนที่พระบรมราชชนก จะเสด็จสวรรคต… และหลังจากนั้น สมเด็จย่า ก็ทรงประทับอยู่ที่วังสระปทุมนี้ จนเสด็จสวรรคต เช่นเดียวกัน
พระบรมราชชนก และพระบรมราชชนนี รูปถ่ายเมื่อครั้งทรงอภิเษกสมรสไม่นานนัก
วังสระปทุม เป็นสถานที่สำคัญ เพราะช่วงหนึ่งของชีวิตในวัยเยาว์ ในหลวงท่านได้ทรงประทับที่นี่ เช่นกัน และเมื่อท่านราชาภิเษกกับพระบรมราชินีนาถ ก็ได้ทรงประกอบพิธีที่นี่ อย่างเรียบง่าย โดยสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ท่านเป็นประธาน จัดที่วังสระปทุมนี้
สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ขณะทำพิธีให้กับในหลวง โปรดสังเกตุดูดีๆ ว่า ท่านทำแบบเรียบง่าย และประกอบพิธีตามสถานที่ ที่พระพันวัสสาสะดวก โดยในบั้นปลายของท่าน ท่านสะดวกและชอบนั่งรับลมที่ระเบียงครับ ไม่ได้เป็นพิธีการที่ใหญ่โตหรูหราอลังการแต่อย่างใดเลย
ความเรียบง่าย ในวังสระปทุม เป็นสิ่งที่ทุกคนที่เข้าไป ล้วนสัมผัสได้ …. เรือนที่เราเรียกว่า “วัง” นั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการเลย เป็นเหมือนบ้านหลังย่อมๆ ที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มต้นไม้ใหญ่ ไม้ผล ที่พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงปลูกไว้ เพื่อใช้บริโภค และขาย เพื่อนำรายได้มาทำนุบำรุงวังสระปทุม ทรงอยู่อย่างพอเพียงและพึ่งพาตนเอง ซึ่งในปัจจุบัน ต้นไม้เหล่านั้น ก็ยังอยู่ … หากเราได้มีโอกาสเข้าไปเดินดู จะพบว่า ห้องที่ทุกพระองค์ท่านทรงประทับ ไม่ได้หรูหรา ใหญ่โตอลังการเลย ขนาดและการจัดวาง ก็ใกล้เคียงกับขนาดห้องและบ้านที่เราคุ้นเคยทั่วไป
ในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งของวังสระปทุม สมเด็จพระเทพ ท่านได้ รื้อฟื้นปรับปรุง ซ่อมแซม เพื่อให้กลับไปคงสภาพคล้ายแต่เดิม เพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเราสามารถเข้าไปเยี่ยมชม เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และสัมผัสบรรยากาศ ของวังสระปทุมได้นะครับ น่าเสียดายที่เขาเปิดแค่เป็นช่วงๆ ซึ่งช่วงล่าสุด ก็เพิ่งจะปิดไปเมื่อ 15 พ.ค. ที่ผ่านมานี้เอง ต้องรอเปิดใหม่อีกครั้ง… ถ้ามีโอกาสก็อยากให้เข้าไปดูกันนะครับ
รูปนี้ ผมถ่ายจากชั้น 5 ของ Siam Discovery คุณผู้อ่านจะเห็นว่า เราแทบมองไม่เห็นอาคารในวังสระปทุมจากระยะความสูงเท่านี้เลยนะครับ เพราะโดนต้นไม้เก่าแก่บังซะหมด การจะเห็นวังสระปทุม ในมุมที่สวย จะต้องมีระยะห่างและสูงพอสมควร ถ้ามองจากทางด้านโครงการ Wish Signature ชั้นที่น่าจะเห็นมุมสวยๆ น่าจะอยู่ในระดับชั้น 14-20 ครับ … อย่างไรก็ดี ความสวยความงามเราชอบไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะชอบมุมสูงหรือเตี้ยกว่านี้ก็ได้ แล้วแต่คน
เราเดิน ต่อไปครับ เลยจากทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ไปนิดเดียว ก็จะเป็นทางโค้ง
ซึ่งก็จะเจอทีม รปภ ชุดใหญ่ สุด อยู่ตรงจุดนี้ นอกจากประจำจุดแล้ว ยังมีเดินตรวจเป็นระยะ ด้วยพื้นที่ตรงนี้ ต้องการความปลอดภัยขั้นสูง
ตรงนี้ เขาจะอำนวยความสะดวกในการ จัดระเบียบการจราจรด้วย เพราะจากจุดนี้ จะแยกไปได้ทั้ง Kempinski, Centara, Central World, Paragon, Siam Center, Siam Discovery, BTS สยาม หรือเดินข้ามไปสยามสแควร์ ก็ไม่ได้ไกลอะไร .. ถ้าเดินมาถึงนี่ได้ ก็เดินต่ออีกหน่อยนิดเดียว
โรงแรม Siam Kempinski โรงแรมหรูระดับ 6 ดาว
ห้าง Siam Paragon (ด้านหลัง)
จุดเชื่อมของห้างต่างๆ … จากโครงการ Wish Signature เดินมาถึงนี่ 550 เมตรนะ เดี๋ยวเราจะเดินต่อ เข้า Paragon กัน
เดินตรงเข้าไป ตามทางนี่แหละ ซ้ายมือเป็น Siam Kempinski ขวามือ Siam Paragon เดินไปอีก 50 เมตรก็จะถึงประตูเข้าห้างแล้ว
ถ้าเข้าจากด้านนี้ จะเป็นด้านหลังของ Siam Paragon เปิด ประตูเข้ามาจะเจอส่วน Reception นี้
เลี้ยวซ้ายจาก Reception มานิดเดียว จะเป็นโถงลิฟท์นี่ ดังนั้นการจะขึ้นไป ดูหนัง Shopping ก็สะดวกมาก เดินเข้ามาก็เจอลิฟท์เลย
เลยโถงลิฟท์มานิดเดียว ก็เป็น Super Market ของห้างแล้วนะ ถ้าจะมาซื้อของ Super เอารถมาดีกว่า เพราะเดินถือของกลับไป 600 เมตร ผมว่าหนักไปนิด… ยกเว้นคุณจะมีคนมาช่วยยก 😀
ชั้นล่างนี้ Paragon เพิ่งจัดใหม่ มีร้านขนม กับร้านอาหารใหม่ๆ น่ากินเยอะมาก เดินดูกันเองได้
เดินมาด้านหน้า Super ที่เป็นโซนร้านอาหาร เดินต่อไป ก็จะเป็นพวก Food Court ละ
ความสะดวกในการเดินมา Paragon ได้ นี่เป็นหัวใจสำคัญด้านทำเลของโครงการอันหนึ่งเลยนะครับ แต่อย่างที่ผมพูดเรื่องวังสระปทุมไป หลายคนที่มีความรู้สึกอยากจะอยู่ใกล้ หรือมองเห็นวังสระปทุมด้วย อันเป็นความรู้สึกผูกพันทางใจ … ก็ดูแผนที่ถัดมาครับ จะเข้าใจมากขึ้น
ตัวโครงการนี้ มีด้านทิศใต้ที่ เป็น Unique วิวครับ เป็นวิวที่มีความพิเศษ และน่าสนใจ คือเป็นด้านที่สามารถมองเห็น วังสระปทุม โรงแรมสยามเคมปินสกี้ และห้างสยามพารากอนได้แบบ เต็มๆ แต่ความสูงของชั้นและทำเลห้อง จะทำให้ได้ มุมมองที่แตกต่างกันนะครับ ระยะห่างระหว่างตัวตึกกับวังสระปทุมอยู่ที่ราวๆ 300 เมตร ถ้าต้องการเห็นภาพกว้างๆ ก็ต้องเลือกชั้นสูงเลยชั้น 20 ล่ะ แต่ถ้าต้องการมุมที่ไม่ก้มดู ผมคิดว่า ชั้นที่ 14 – 20 ก็อยู่ในระดับที่กำลังพอดีครับ อย่างไรก็ดีผมจะมีการเก็บภาพมุมสูงเพิ่มเติมอีก เมื่อผมได้ภาพในมุมนั้นแล้ว จะมา Update อีกครั้ง
รูปแบบตึก ดูแล้วจะเข้าใจขึ้น
วิวด้านที่วิกฤติที่สุดคือด้านทิศตะวันตกนะ เพราะอยู่ประชิดติดกับ The Address สยาม ที่มีความสูง 24 ชั้นพอดี เรียกว่าบังห้อง 29 ตรม วิวตะวันตกที่อยู่ชั้น 6-14 แบบมิดเลย … ดังนั้นห้องฝั่งด้านนี้ จะราคาถูกมากเมื่อเทียบกับทิศใต้ ราคาห่างกันแบบยังกะคนละโครงการเลยทีเดียว… สำหรับคนที่ชอบทำเล ไม่สนใจวิว กลับบ้านแทบไม่เคยเปิดม่านหรือหน้าต่าง ห้องฝั่งนี้ ถือว่าราคาดีเลย… เวลาจะดูวิวก็ขึ้นไปชั้น 37 เอา
วิวด้านทิศตะวันออก คือวิวประตูน้ำ ที่มีอาคารสูงกระจายอยู่ในระยะไกล ได้อารมณ์แบบ City View ที่ไม่ได้มีความแปลกหรือโดดเด่นแตกต่างจากตึกสูงอื่นๆ แต่มีข้อดีตรง เป็นทิศตะวันออก ที่คนส่วนมากชอบกัน
วิวด้านทิศเหนือ จะเป็นวิวด้านอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ด้านนี้ชั้น 6-14 จะมีปีกของอาคารเหมือนแขนยื่นออกมาสองข้าง บังวิวด้านข้าง จึงเห็นเป็นวิวตรงๆเท่านั้น ส่วนชั้น 15 ขึ้นไป ปีกสองข้างไม่มีแล้ว ดังนั้นจึงเป็นวิวที่ยังโล่ง เพราะไม่มีตึกในระยะประชิดแน่ๆ ก็ข้างหน้ามันเป็นถนน จะมีตึกสูงที่อยู่ระยะไกลออกไปแทน เนื่องจากโครงการนี้ วิวทิศใต้ แจ่มจรัส และมีความเฉพาะตัวสูงมากโครงการหนึ่ง จึงหมดไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่รอบเปิดขายแรกๆเมื่อ 10/05/57 จึงไม่ค่อยจะมีทางเลือกนักนะครับ สำหรับคนที่มองหาชั้นสูงๆ ถ้าทิศใต้หมด ก็จะเหลือแต่ทิศเหนือเท่านั้น ถ้าไม่ได้ติดใจเรื่องวิวอะไรมากนัก ทิศเหนือก็ยังพอมีข้อดีตรงจะเย็นกว่าทิศใต้ล่ะครับ อ้อ ทิศเหนือโครงการนี้ ชั้น 15-45 จะเปิดโล่งกว่า 6-14 เยอะนะครับ
สภาพพื้นที่ก่อสร้างโครงการ ตอนนี้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเดิมออกไปหมดแล้ว
ทิศตะวันตกของโครงการ จะเจอกับ The Address สยาม อยู่ติดกันแบบนี้เลย
The Address สยาม สูง 24 ชั้น ซึ่งสูงกว่า ปีกด้านตะวันตกของ Wish ที่มีแค่ 14 ชั้น ดั้งนั้น ฝั่งด้านนี้ โดนบังวิวระยะประชิดแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้…
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เรียกว่าโล่งก็ได้ มีอาคาร 5 ชั้น เล็กๆ อยู่นิดหน่อย
ทิศใต้ โล่งเลย เห็น Siam Discovey เป็นแท่งๆอยู่ไกลๆทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
ทิศตะวันออก เห็นแนวรถจอดไหมครับ 🙂 ตรงด้านนี้ มีซอยเล็กๆ ก็คือซอยเพชรบุรี 20 นั่นแหละ รั้วโครงการจะอยู่ติดซอยนี้ ส่วนตึกกาลวินที่เห็นนั่น เจ้าของ โครงการ เขาซื้อไปแล้ว คงจะมีการปรับเปลี่ยนเร็วๆนี้
ถัดจากกาลวิน เข้ามา เป็นอาคารสามชั้นกลุ่มหนึ่ง เจ้าของโครงการซื้อไปแล้วเช่นกัน กำลังอยู่ระหว่างรื้อถอน และทำเป็นสำนักงานขายครับ น่าจะเสร็จราวๆ กันยา 57 ใครจะแวะมาดูห้องตัวอย่าง ก็มาตรงนี้เลยนะ
ด้านหน้าโครงการ ทาทิศเหนือ จะตรงกับ First Hotel พอดี ด้านนี้ไม่มีตึกสูงระยะประชิด จะมีแต่ระยะไกลออกไป
กลุ่มตึกสูงฝั่ง ตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งต่อไปจะมี Ideo Q ราชเทวี อีกตึกหนึ่ง ขึ้นมาด้านนี้
ย้อนกลับมาที่ ซอยเพชรบุรี 20 ที่อยู่ระหว่างด้านข้างโครงการอีกที ซอยนี้เข้าไปลึกแค่ไหน แล้วไปโผล่ตรงไหนบ้าง สงสัยไหม 🙂
เข้าซอยมานิดเดียว เจอป้ายซอยตัน … ตันสำหรับรถยนต์ครับ แต่จักรยาน และมอเตอร์ไซค์ เข้าไปได้อยู่ มาผมจะพาไปดูชุมชนในซอยนี้กัน
ผมจะพาเดินเล่น เข้าซอยเพชรบุรี 20 นะครับ ระยะทางราวๆ 700 เมตร จากปากซอย เดินมาถึงสะพานหัวช้างได้ … ถามว่า แล้วจะเดินมาทำไมสะพานหัวช้าง … ตรงสะพานหัวช้างนี้มีท่าเรือครับ และเป็นเส้นทางเดินหรือปั่นจักรยานลัดเลาะเลียบดูชุมชนริมคลอง โดยเราสามารถไปต่อได้ถึงพิพิธภัณฑ์บ้านไทย ของจิมทอมป์สัน ในซอยเกษมสันต์2 หรือไปชุมชนบ้านครัวได้เลยนะครับนั่น
จากป้าย ซอยตัน เราไม่ฟัง เราจะเดินเข้าไปต่อ
เดินต่อมาจะเจอจุดเลี้ยว ซึ่งตรงกับอาคาร ละเอียด บูรณะสมบัติ สูง 5 ชั้นครึ่ง ของกรุงเทพการบญชีเค้าครับ
เราเดินตรงไป
ในช่วงนี้ รถยังเข้าได้อยู่นะครับ แต่สวนกันยากมาก
ในนี้ จะเป็นบ้านหลังๆ ของชุมชนดั้งเดิมครับ
เดินเข้ามาอีกนิด จะเจอศาลเจ้าพ่อปู่ ของชุมชนซอยสมประสงค์5 ที่เป็นชุมชนริมคลอง อยู่แถวนี้มาเนิ่นนานแล้วครับ ทางจะบังคับเลี้ยวขวา
เลยจากศาลเจ้าพ่อปู่มา ก็จะเป็นจุดที่เรียกว่า ตัน สำหรับรถยนต์แล้ว ไปต่อไม่ได้
มีช่องทางเล็ก สำหรับคน จักรยาน มอเตอร์ไซค์ ผ่านได้ จะเป็นเส้นทางตรงไปหาทางเดินเลียบคลอง
เดินออกมานิดเดียวก็โผล่ ทางเดินเลียบคลองแล้วครับ ตลอดเส้นทาง จะมีรั้วกั้นแบบนี้ เพื่อความปลอดภัยของชาวชุมชน กันทั้งเด็กตกลงไปและขโมย .. โปรดสังเกตุป้ายบอกว่า เขตพระราชฐาน โปรดชะลอความเร็วและลดเสียง … ดังนั้นเรือที่ผ่านคลองในช่วงนี้ จะเงียบและเรียบร้อยเป็นพิเศษ ไม่มีมลภาวะทางเสียงครับ
ตรงนี้เป็น ลานอเนกประสงค์ของชาวชุมชน มีหน่วยดับเพลิงด้วย … ฝั่งตรงข้ามของคลอง คือวังสระปทุม ดังนั้น ชุมชนตรงนี้ ไม่ใช่สลัมเน่าๆนะครับ เขาดูแลกันดี สะอาด และเรียบร้อยดีครับ ชุมชนเขาอยู่กันดั้งเดิมตรงนี้มานานแล้ว ไม่ใช่ชาวต่างจังหวัดต่างถิ่น มาบุกรุกปลูกที่พักอยู่
เราเดินเลียบคลองต่อไป เส้นทางเดิน สะอาดเรียบร้อย ขวามือเป็นบ้านเก่าๆ
แถวนี้ มีหมาแมว เดินสัญจรผ่านไปมาบ้าง ซึ่งทุกคนทุกฝ่ายรู้มารยาทกันดี ว่าต้องเดินชิดขวานะฮะ เดินผ่านได้ ไม่มีปัญหา หมาเจ้าถิ่นคุ้นคน น่ารัก ไม่กัด
เดินมาเรื่อยๆ เจอบ้านสีน้ำเงิน ก็คือสุดทางแล้ว
เดินออกมา จะเจอจุดยูเทิร์น ใต้สะพานหัวช้าง
จุดยูเทิร์น ใต้สะพานหัวช้าง
เราเดิน ขึ้นสะพานมา จะเห็นว่า จากตรงนี้ เดินไปนิดเดียว ก็แยกปทุมวันแล้วนะ จะไปหอศิลป์ MBK สนามศุภ หรือเดินต่อไป อีกด้าน ก็เจอพิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน แล้ว
รายละเอียดข้อมูลโครงการ ยังเปิดข้อมูลมาไม่สุดนะครับ มี Facility บางอย่าง ที่รอ Official Confirm ผมจะพยายามอธิบาย ตามข้อมูลเท่าที่มีก่อน ซึ่งภาพที่ได้มามันหยาบๆ ไม่สวย ต้องขออภัยด้วยครับ เมื่อได้ข้อมูลใหม่ที่ดีและครบถ้วนแล้ว ผมจะกลับมา Update ใหม่อีกครั้งนะครับ
รูปหน้าตาตึก ซึ่งแปลกดี ชั้น 6-14 จะมีปีกเหมือนแขนยื่นออกมาสองด้าน ส่วนชั้น 15 ขึ้นไป จะเป็นแท่งตรงๆธรรมดา … โครงการนี้ วาง Facility ไว้ที่ชั้น G-5 และ 37 นะครับ มีที่จอดรถชั้นใต้ดินและบนอาคาร โดยจุดเด่นก็อยู่ที่ชั้น 37 นั่นแหละ จัดเป็น Facility แบบเต็ม Floor มีทั้งสระว่ายน้ำ Fitness Sky Lounge และจัดพื้นที่นั่งเล่นแบบเล่นระดับ ใครที่มีห้องได้วิวไม่ค่อยสวย ก็ขึ้นมานั่งดูวิวที่ชั้นนี้ได้…. จุดเด่น ที่โครงการจัดให้มาอีกอย่างคือ Private Lift ที่มีมาให้ด้วย ซึ่งผมจะค่อยๆอธิบายให้ฟังนะ
รูป Facility สระว่ายน้ำที่ชั้น 37 เป็น infinite edge pool ระบบเกลือยาว 43 เมตร รับวิวด้านทิศเหนือครับ
Sky Amphitheater ที่นั่งเล่นชมวิวเล่นระดับที่ชั้น 37 ซึ่งจัดไว้ด้านทิศใต้ ได้วิวสวยๆของเมืองอย่างเต็มที่ สำหรับคนห้องวิวไม่สวย การมี Facility แบบนี้ ที่ชั้น 37 แถมเป็นทิศใต้ ทำให้การอยู่อาศัยดีขึ้นมาก ด้วยถ้ารู้สึกอึดอัดในห้องตัวเอง ก็ออกมานั่งเล่นรับความสวยโล่ง และ Unique วิว ที่ตรงนี้ได้
Master Plan ของโครงการ ดูแนวการวนรถครับ ต้องวนมา Drop ด้านหลัง เพราะส่วน Lobby และโถงลิฟท์อยู่ด้านนี้ แยกขึ้นโซนใครโซนมัน ส่วนด้านหน้าจะมีร้านค้า หลักๆคือ Villa Market และ Coffee Shop… ตึกนี้มีชั้นจอดรถใต้ดิน 3 ชั้นด้วยนะ
ชั้น 4 คือชั้นที่เริ่มมีห้องพักอาศัยแล้วนะครับ มี 10 ห้อง ทุกห้องมี Private Lift ไม่ใช่ลิฟท์ส่วนตัวนะ ยังแชร์ใช้กับห้องที่อยู่ในแนวตั้งแนวเดียวกัน แต่ที่เรียก Private Lift เพราะมันเปิดประตูออกจากลิฟท์แล้ว อยู่ในส่วนห้องเราเลย โดยจะมีประตูกั้นส่วนในห้องอีกประตู (ห้องมี 2 ประตู ประตูนอกกับประตูใน) เวลาพาใครมาบ้านก็ไม่ต้องเคอะเขิล เปิดเข้าห้องไม่มีคนเห็น… ยกเว้น คนที่ดันขึ้นลิฟท์มาพร้อมกัน…ลิฟท์ลักษณะนี้ มีดีมีเสีย ข้อดีบอกไปแล้วหนึ่ง อีกหนึ่งคือรอลิฟท์ไม่น่าจะนาน เพราะคนแชร์กันใช้น้อย…
ข้อเสียของลิฟท์แบบนี้ก็มีนะ คือสาวๆบางคน อาจจะกังวล เกิดขึ้นลิฟท์แล้วมีชายหนุ่มขึ้นตามมาด้วย เพราะพอเปิดประตูลิฟท์ปั๊บ มันก็ในห้องเราเลยนะ ถึงจะมีประตูกั้นอีกชั้น มันก็อาจจะตะขิดตะขวงใจอยู่… เขามีทางออกให้ครับ คือ มีทีวีวงจรปิดในลิฟท์ และ มีลิฟท์ส่วนกลาง ที่เป็นลิฟท์โดยสารปกติ 2 ตัว สำหรับผู้พักอาศัยชั้น 4-15 ส่วนผู้พักอาศัยชั้น 16-45 ต้องใช้ service Lift แทน ซึ่งตกแต่งเหมือนลิฟท์โดยสารนั่นแหละ เพราะใช้ขึ้นชั้น 37 ด้วย ถ้ากังวลก็ใช้ลิฟท์ส่วนกลางเหมือนโครงการทั่วๆไปได้ … ซึ่งการมีลิฟท์ส่วนกลาง ก็ช่วยแก้ปัญหาเวลาลิฟท์เสียด้วย เสียเมื่อไรก็เลี่ยงมาใช้ได้จนกว่าจะซ่อมเสร็จ
เรื่องของลิฟท์ เดี๋ยวดูในส่วน Product Walkthrough จะเข้าใจมากขึ้นครับ มันต้องดู Room Layout ประกอบ
ชั้น 5 เป็นชั้นที่มี ห้องพักอาศัยอีกสองแนวเพิ่มขึ้นมา เป็นเหมือนปีกสองด้านที่ยื่นออกมา ชั้นนี้ มี Facility เป็นสระเด็ก จากุชชี่ และสวนแนวเล่นระดับ ห้องสมุด และโฮมเธียเตอร์
ผังชั้น 6-14 เป็นส่วนพักอาศัยแบบจริงๆจังๆล่ะ ส่วนที่เป็นปีกยื่อออกไปด้านซ้ายขวา เป็นแบบ Single Corridor แต่ไม่มี Private Lift ต้องใช้ลิฟท์กลางที่มี 2 ตัว + 1 Service Lift (Fire Lift) ที่หน้าตาเหมือนลิฟท์โดยสารสำหรับขึ้นไปที่ชั้น 37 วิวแต่ละด้านผมได้พูดถึงไปแล้วในส่วนทำเล นะครับ
ชั้น 15 จะไม่มีปีกยื่นออกมาแล้วนะ แต่จะเป็นส่วนหลังคาด้านบน ของห้องเหล่านั้นแทน ดังนั้น ผังชั้นนี้ จึงมีห้องแนว เหนือใต้เท่านั้น ชั้นนี้มีข้อดีคือนอกจากจะมี Private Lift เกือบทุกห้องแล้ว(มีหนึ่งห้องไม่มี Private Lift) ยังมี ลิฟท์โดยสาร ให้ใช้ด้วยอีก 2 ตัว
ผังชั้น 16 (บน) และ 17-35 (ล่าง) คล้ายๆกัน แตกต่างแค่แบ่งห้อง วางห้องแนวเหนือใต้ล้วนๆ ชั้นสูงๆทิศเหนือวิวสวยใช้ได้ ส่วน 16-35 วิวทิศใต้ เด็ดขาดและ มี Uniqueness
ผังชั้น 36 (บน) และ 37 (ล่าง) ชั้น 36 จะมีห้องฝั่งทิศใต้หายไปแผงหนึ่ง เหลือแต่ห้องมุม เพราะเสียพื้นที่ไปให้กับ Relaxing Area (Sky Amphitheater) เล่นระดับ ส่วนพื้นที่ชั้น 37 เป็น Facility เต็ม Floor ห้องที่ได้ Private Lift สามารถกดขึ้นมาโผล่ที่นี่ได้เลย ส่วนห้องที่ไม่ได้ Private Lift ต้องอาศัยมาทาง Service Lift (Fire Lift) นี่เป็นสาเหตุที่เขา Decorate ส่วน service Lift ให้เหมือนลิฟท์โดยสาร
ชั้น 38-44 (บน) และชั้น 45 (ล่าง) นี่ก็คล้ายๆเดิมนะครับ ชั้น 45 เป็นห้อง Penthouse 295 ตารางเมตร ได้วิวเรียกว่าเกือบจะรอบด้าน
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- Coffee Shop + Minimart
- สระว่ายน้ำ 2 สระ เป็นสระเด็กที่ชั้น 5+จากุชชี่ และสระ Infinite Edge pool ระบบเกลือ ยาว 43 เมตร ชั้น 37
- ห้องสมุด
- โฮมเธียเตอร์
- ซาวน่า
- ห้องออกกำลังกาย ชั้น 37
- Sky Lounge ชั้น 37
- ที่นั่งเล่นชมวิว เล่นระดับที่ชั้น 37 วิวทิศใต้
- ลิฟท์โดยสารส่วนกลาง 2 ตัว ใช้ชั้น B3 – 15 ลิฟท์ Service (ลิฟท์ดับเพลิง) 1 ตัว
- Private Lift 7 ตัว ใช้ชั้น B3-44
- ที่จอดรถในช่องจอด 324 คัน คิดเป็น 52%
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องเขามีหลายแบบมากนะครับ ผมจับแบบหลักๆมาให้ดูกัน 3 Type
เริ่มจากห้อง 1 Bedroom 27 ตารางเมตร ซึ่งห้องกลุ่มนี้ อยู่ด้านปีกที่ยื่นออกมาชั้น 6-14 นะครับ จะเป็นกลุ่มห้องเล็กที่ไม่มี Private Lift ตัวห้อง แบ่งพื้นที่ด้านหน้าเป็น Living Area และครัว กั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ตัวห้องนอนค่อนข้างเล็ก วางเตียง ตู้เสื้อผ้า และตู้วางทีวีปลายเตียงได้ประมาณนี้ก็ Fit แล้ว ห้องน้ำเอาไว้ในห้องนอน มีของแปลกคือมีส่วนประตูเปิดออก Yard ที่ส่วนอาบน้ำด้วย ไม่มีระเบียงแบบที่เราคุ้นเคยกัน แต่พอจะตากผ้าซักผ้า ที่ Yard ได้บ้างครับ อ้อ การออกแบบแบบนี้ จะทำให้การใช้งานห้องน้ำดีมาก ระบายอากาศและความชื้นออกไปทาง Yard ได้
Spec ห้องขายแบบ Fully Fitted ได้ ครัวของ Kvik มี Hob Hood ห้องน้ำ Duravit สุขภัณฑ์ Kohler พื้น Engineering Wood มี Digital Doorlock ระยะพื้นถึงฝ้า 2.65 เมตร กระจกหน้าต่างรับวิวแบบ Full Height (เต็มบานสูงพื้นถึงฝ้า) อ้อทั้งหมดนี้ผมจดมา ยังไม่ยืนยันความถูกต้อง 100% จนกว่าจะได้รับ official document หรือเอกสารแนบในสัญญาครับ
ผังห้อง 1 Bedroom 33 ตารางเมตร ด้านทิศใต้ ซึ่งมี Private Lift โปรดสังเกตุกล่องขาวๆด้านบนซ้ายนั่นแหละครับ ลิฟท์ ซึ่งเมื่อเปิดประตูลิฟท์ออกมา มันจะเป็นโถงในห้องเราเลยนะ โดยเราจะอยู่ระหว่างประตูสองบาน คือประตูหน้า เปิดออกนอกห้องไปด้านนอกเลย เพื่อทิ้งขยะหรือไปบันไดหนีไฟ และมีประตูใน เมื่อเปิดเข้าไป จะเป็นส่วนภายในห้องจริงๆ ซึ่งประตูในอันนี้ เขาจะติด Digital Door Lock มาให้ด้วย … การใช้งาน สะดวกและ Private ดี … แต่สำหรับลูกบ้านที่ยังกังวลเรื่องความปลอดภัย ผมคิดว่า สามารถโหวตกันเพื่อติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มได้ เช่น ปุ่มแจ้งเตือนฉุกเฉิน ที่หน้าโถงลิฟท์ของทุกห้อง มีไว้ให้อุ่นใจยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย
ผังห้องนี้จะออกแบบมาแปลกตากว่า คอนโดทั่วไปนะ ด้วยความที่มันมีโถงลิฟท์ในห้องตัวเองด้วยนี่แหละ ส่วนปรัชญาการออกแบบห้องนี้คือการทำให้การอยู่อาศัยในห้อง มองเห็นวิวให้ได้มากที่สุด ดังนั้น ทั้งชุดโซฟานั่งเล่น และเตียงนอน จึงมาอยู่ชิดผนังกระจกแบบนี้ แล้วดันระเบียงกับครัวไปอยู่อีกด้าน ตัวระเบียงมันคือ Yard เล็กๆ ใช้งานตากผ้าได้นิดหน่อยนะ ไม่เน้นนั่งชมวิวที่ระเบียง แต่เน้นนั่งๆนอนๆดูวิวในห้องแอร์แทน
ผังห้อง 1 Bedroom 34 ตารางเมตร ด้านทิศเหนือ ซึ่งมี Private Lift เช่นกัน ห้องนี้แม้วิวจะไม่สวยเด่นเหมือนทิศใต้ แต่จัดห้องออกมาสวยลงตัวกว่าเยอะอยู่นะ ได้เป็นส่วนกว้างๆหมดเลย พอเปิดลิฟท์มาจะมีประตูกั้นหน้าลิฟท์เลย เป็นดิจิตอลดอร์ล้อค แปะบัตรเปิดเข้ามาจะเจอส่วนครัวและรับประทานอาหาร ซึ่งอยากจะกั้นเป็นครัวปิดก็น่าจะทำได้ ส่วนนั่งเล่นและนอน วางติดผนังรับวิวเช่นเคย ตัว Yard ได้พื้นที่มากขึ้น แต่เอาไปแอบด้านข้างเหมือนเดิม มีส่วน Walk in Closet ในห้องนอนที่วางไว้อยู่หน้าห้องน้ำ
UPDATE ห้องตัวอย่างที่เปิดให้ดูแล้วนะครับ
ห้องตัวอย่างเขาทำมาให้ดู 2 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom และ 2 Bedroom ซึ่งน่าเสียดายที่ห้องมีตั้งหลายแบบ แต่แบบที่เอามาทำห้องตัวอย่างไม่ใช่แบบที่ดีสุดสวยสุดนะครับ (เข้าใจว่าห้อง Layout สวยๆ คงขายหมดแล้ว) และผมต้องบอกก่อนว่า ตอนที่ผมเข้ามาเก็บภาพ ห้องเขายังไม่เสร็จดี จึงยังมีส่วนที่ไม่สมบูรณ์อยู่บ้าง ซึ่งผมจะค่อยๆอธิบายให้ฟังครับ
ผังห้อง 1 Bedroom Type 1B06 ขนาด 34.34 ตารางเมตร ห้องนี้มีลิฟท์ เปิดออกมาที่ส่วนครัว ซึ่งเขาทำประตูกั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง เวลาออกจากลิฟท์แล้วต้องแตะบัตรผ่าน Digital door lock จึงจะเปิดเข้าห้องมาได้ … ส่วนครัวเป็นครัวเปิดได้ Pantry ตัว L ชุดโซฟานั่งเล่นดูทีวีวางชิดผนังกระจก ในห้องตัวอย่างจะวางโซฟาคนละด้านกับผังห้องนี้ ห้องไม่มีระเบียงแต่จะได้เป็น Yard หรือพื้นที่ซักล้างแทน ห้องนอนขนาดไม่ใหญ่มาก พอวางเตียงห้าฟุตพอดี มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าสองด้านก่อนเข้าห้องน้ำ ซึ่งจะ Built เป็น Walkin Closet ก็ได้ ห้องน้ำ ในผังไม่เหมือนกับห้องตัวอย่าง ระยะพื้นถึงฝ้า 2.6 เมตร
ห้องขายแบบ Fully Fitted ให้ครัวกับสุขภัณฑ์ พวกเฟอร์ที่เราเห็นในห้องตัวอย่างเขาไม่ได้ให้… ซึ่งรูปแบบห้องของ Wish Signature เกือบทุกห้อง มันจะแปลกๆหน่อย เพราะมีลิฟท์โผล่มาในห้องและมีระยะเหลี่ยมมุมที่หาเฟอร์ลอยตัวมาวางให้พอดีลำบาก ดังนั้น การจะทำห้องให้สมบูรณ์ถูกใจเรา ผมแนะนำอย่างยิ่งให้ใช้มัณฑนากร (Interior Designer) ออกแบบจัดวางเฟอร์ในห้องให้ใหม่ครับ ยอมจ่ายค่าออกแบบและลงเฟอร์ Built in เถอะนะ เพราะจะทำให้ห้องมีฟังค์ชั่นการใช้งานที่ลงตัวและใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าอยู่สบายขึ้นมาก… ส่วนห้องตัวอย่างเราดูวัสดุ กับการจัดวางเป็นไอเดียว่าพื้นที่ตรงไหนคือฟังค์ชั่นอะไรก็พอ ยังไงเขาก็ไม่ได้แถมเฟอร์อยู่แล้ว
นี่เรายืนอยู่ในลิฟท์นะครับ ซึ่งตัวลิฟท์จะพาเรามาโผล่ที่ห้องแบบนี้เลย แต่ในห้องจริงจะมีประตูกั้นอีกชั้น ไม่ใช่ว่าออกจากลิฟท์แล้วเห็นห้องเต็มๆแบบนี้
ผมลากเส้นให้ดูแนวประตูลิฟท์ และแนวประตูกั้นห้องหน้าลิฟท์ ซึ่งวันที่ผมเข้าไปดูห้อง เขายังไม่ได้ติดประตูหน้าลิฟท์ครับ
ห้องแต่ละแบบ จะมีรูปแบบการเชื่อมลิฟท์กับห้องไม่เหมือนกันนะครับ … ห้องนี้ เชื่อมยังไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะพอกั้นประตูแล้ว เหลือระยะระหว่างประตูห้องกับประตูลิฟท์แค่ 85 เซนติเมตร ซึ่งถือว่า แคบเกินไปครับ แต่สามารถแก้ไขปรับปรุงได้ (อย่างที่บอกว่า ควรใช้ มัณฑนากร ออกแบบเฟอร์นิเจอร์และการใช้งานในห้องหลายจุดใหม่)
นอกจากลิฟท์ที่เปิดเข้าห้องเราแล้ว ก็มีประตูเข้าออกเหมือนห้องทั่วไปนะครับ เวลาจะออกไปทิ้งขยะหรือใช้ลิฟท์ส่วนกลาง หรือเยี่ยมเพื่อนบ้านข้างเคียง
เวลาเปิดประตูห้องปกติเข้ามา จะเห็นมุมแบบนี้
เวลาออกจากลิฟท์มา จะเห็นมุมแบบนี้
ครัว เป็นครัวเปิด แต่สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ เห็นพื้นที่แบบนี้แล้ว สามารถออกแบบใหม่ได้หลากหลายมากนะ ตั้งแต่กั้นเป็นครัวปิด, ย้ายประตูหน้าลิฟท์ออกมาเป้นส่วนกั้นครัวกับห้องนั่งเล่น, ทำผนังทึบแข็งแรงกั้นจากแนวตู้เย็นมาถึงสุดขอบครัว แล้วใส่ประตูอีกชั้น .. ทำได้เยอะหลายอย่างมาก เพราะพื้นที่มันมีให้ทำครับ… แต่ส่วนที่เขาออกแบบมาโดยการเอาโต๊ะกินข้าวบางๆวางแปะกับ Pantry ครัวนั้น ขอบอกว่า ใช้งานยาก และไม่ควรเลียนแบบครับ เดี๋ยวค่อยๆดูไปจะเข้าใจ
ครัวตัว L แต่พื้นที่ยืนน้อย จึงเหมาะกับการทำงานคนเดียว
วัสดุครัวถือว่าใช้ได้ ได้ Top หิน Sink ฝังของ American Standard…
ชุดเตาและเครื่องดูดควัน (แบบหมุนเวียนภายใน) ของ Electrolux
ชุดครัว Fitting ค่อนข้างดี และได้ Soft Close ทุกบาน
ผนังส่วนครัว กรุกระจกไว้ให้เรียบร้อย เวลาเลอะเทอะจะล้างทำความสะอาดง่ายครับ
มีติดไฟ LED ใต้ตู้แขวนให้ด้วย
พื้นที่วางตู้เย็น ได้ใหญ่ใช้ได้ ด้านบนมีที่เก็บของเพิ่มด้วย
อุตส่าห์จัดโต๊ะบางๆมาแล้วนะ แต่มันนั่งไม่ได้อยู่ดี เก้าอี้มันติด Pantry น่ะเห็นไหม… การจัดวางโต๊ะกินข้าวแบบที่โครงการจัดให้ดู จึงใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง ซึ่งอย่างที่ผมบอกไปตอนต้นแล้วว่า เขาไม่ได้แถมเฟอร์ให้ ดังนั้น ตรงนี้ เราสามารถออกแบบจัดวางโต๊ะกินข้าวได้เองครับ ซึ่งถ้าเรายังคงรูปแบบครัวเปิดแบบนี้ สามารถ Built โต๊ะกินข้าวแบบพับได้ยึดผนังไปเลย … แต่ถ้าจะทำผนังกั้นเป็นครัวปิด ก็ใช้เป็นโต๊ะพับเถอะ
พื้นในครัวจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต ส่วนพื้นในห้อง Living และห้องนอน จะเป็น Engineering wood ครับ
พื้นที่ส่วนนั่งเล่น วางติดผนังกระจก(ม่านบังอยู่) ระยะดูทีวีเยอะดีหักพนักพิงโซฟาแล้ว ได้ระยะราวๆ 2.5 เมตร จัดทีวี LED 50 นิ้วสบายๆ สำหรับส่วนนี้ ไม่ต้องเผื่อพื้นที่เดินออกระเบียงที่เราคุ้นเคยกัน เพราะมันไม่มีระเบียง เราจึงสามารถ Built ตู้ติดผนังฝั่ง TV ได้เต็มเหนี่ยว น่าเสียดายที่ผนังส่วนนั้นกว้างแค่ 150 ซม. เลยทำอะไรไม่ได้มากนัก
พื้นที่วางโซฟา ก็วางได้กว้างแค่นี้แหละ พอจัดโซฟา 2 ที่นั่ง
ด้านหลังทีวี เป็นส่วนซักล้าง (Yard) ไม่ใช่ระเบียงนะฮะ
พื้นที่ Yard พอวางเครื่องซักผ้า และตากผ้าได้นิดหน่อย
ระแนงกันด้านนอก
ผนังกระจกที่นี่ ได้กระจกวางพื้นถึงฝ้าแบบเต็มๆครับ
กรอบอลูจะเป็นสีเขียวๆ สีเดียวกับรูปตึกด้านนอกนะ
ตรง Living Area จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดระบายอากาศได้ชุดนึง
ห้องนอนจะเข้าทางด้านนี้ครับ
ภายในห้องนอน
ได้ผนังกระจกเต็มๆเช่นเดียวกับ Living
ผนังกระจกพื้นถึงฝ้า
เขาวางเตียง 5 ฟุตให้ดู ซึ่งก็เหลือพื้นที่ข้างเตียงพอวางโต๊ะหัวเตียงสองด้านพอดี หากเป็นคนนอนดิ้นหรือนอนท่ายากเยอะ แนะนำให้วางเตียงหกฟุต จะนอนสบายกว่าเยอะ ซึ่งวางได้นะแต่พื้นที่ข้างเตียงจะหายไปพอควร เหลือวางโต๊ะข้างเตียงได้ด้านเดียว
ปลายเตียงติดทีวีแขวนผนังได้
ห้องน้ำ อยู่ด้านนี้
ตู้เสื้อผ้า เขาไม่ได้ให้นะ แต่ตำแหน่งที่เขาเตรียมพื้นที่ไว้ให้คือหน้าห้องน้ำ เผื่อว่าเราอยากกั้นทำเป็น Walkin Closet ไปเลย
ตู้เสื้อผ้าที่เขา Built มาให้ดู
อีกด้าน
ห้องน้ำ พื้นจะลดระดับลงไปเล็กน้อย ไม่มีธรณีก่อ
ภาพรวมพื้นที่ในห้องน้ำ
สุขภัณฑ์ได้ตามนี้ แต่ไม่มีตู้เก็บของใต้อ่างล้างหน้า และไม่มีตู้แขวนเหนือโถสุขภัณฑ์
ส่วนอาบน้ำ ได้ Shower Box กั้นด้วยฉากกั้นกระจกนิรภัย
พื้นที่ยืนอาบน้ำของห้อง Type นี้ เล็กว่ามาตรฐาน แต่ก็ไม่มากมายอะไรครับ (มาตรฐานที่เล็กที่สุดที่คนไทยพอจะยืนอาบสบาย ควรจะมีขนาดไม่ต่ำกว่า 85×85 ซม.)
ฝักบัวได้ของ Grohe
หน้าตาฝักบัว
สวิทช์ไฟของ SIEMENS
ปลั๊กไฟ ก็ SIEMENS
แอร์ยังไม่สรุปนะครับว่าจะได้ Daikin หรือ Trane
ผังห้อง 2 Bedroom Type 2B03 ขนาด 47.04 ตารางเมตร ได้ 2 นอน 1 น้ำ 1 Yard ครัวเปิด และลิฟท์หน้าห้อง แต่ผังไม่ตรงกับห้องตัวอย่างเสียทีเดียวนะครับ เพราะห้องตัวอย่างเขาเอาโต๊ะกินข้าวไปวางติดโซฟา และได้ Pantry ยาวขึ้น และไม่ได้ทำ Yard มาให้ดูอันเนื่องมาจากพื้นที่สำนักงานขายไม่เอื้อ
ห้องขายแบบ Fully Fitted ให้ครัว และชุดสุขภัณฑ์ตามแบบห้องตัวอย่าง ส่วนเฟอร์ที่เหลือไม่ได้แถมให้ จัดวางให้ดูว่าส่วนไหนของห้องคือฟังค์ชั่นอะไรเท่านั้นเอง ห้องนี้สามารถปรับแต่งได้หลากหลายนะครับ แล้วแต่ว่าเราชอบแบบไหน ส่วนโถงหน้าลิฟท์ก็มีพื้นที่โอเค … ห้องลักษณะนี้ งาน Built in จะดีกว่า หาเฟอร์ลอยตัวมาวางมากครับ
ส่วนลิฟท์ที่เปิดเข้ามาในห้อง สำหรับ Type นี้ จะเปิดมาเจอพื้นที่โถงหน้าห้องแบบนี้ จริงๆแล้วต้องมี Yard อยู่ด้านที่ลูกศรชี้ด้วย แต่ข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ในสำนักงานขาย เค้าเลยไม่ได้ทำ Yard มาให้ดู
เวลาออกมาจากลิฟท์ จะเจอส่วนโถงเล็กๆ ซึ่งมีประตูอีกชั้นกั้นส่วนห้องอยู่
ดูอีกมุมจากส่วนในห้องนะครับ
เข้าห้องมาจะเจอส่วนครัวก่อน ซึ่งจะเห็นว่า เขาจัดไม่เหมือนในผังห้องนะ
มองย้อนออกไปที่ประตู
ชุด Pantry ที่ให้จะเป็นตัว I ยาวๆ มีตู้เย็นอยู่ทางขวามือ
Pantry ยาว 1.8 เมตร Top หิน Spec วัสดุเหมือนห้องแรก
ตู้แขวนเก็บของด้านบน สูงชิดฝ้าเก็บของได้เยอะดี
ติดไฟใต้ตู้แขวน มาให้ด้วย
เตาจะวางทางด้านซ้าย คนถนัดขวาก็ใช้งานโอเค มีพื้นที่วางของเยอะใช้ได้เพราะ Pantry ยาว 1.8 เมตร
อ่างล้างจานแบบฝังของ American Standard วางชิดขวาติดกับตู้เย็น หยิบของจากตู้เย็นมาล้างง่ายดี
ตู้ลิ้นชักมีพื้นที่เก็บของเยอะ งาน fitting โอเค เป็น Soft Close ทั้งหมด
ตู้เย็นมีช่องให้อยู่ต่างหาก มีตู้เก็บของด้านบน
พื้นที่ยืนทำครัวพอได้นะ ระยะยืน 1.3 เมตร
วัสดุพื้นเหมือนห้องแรกคือ ส่วนครัวและ Yard เป็นกระเบื้องแกรนิตโต และตัวห้องส่วน Living และห้องนอน เป็น Engineering Wood
โต๊ะกินข้าว วางชิดโซฟา ..ซึ่งเขาจัดเฟอร์และตำแหน่งการวาง ยังไม่เป๊ะนะครับ เดี๋ยวค่อยๆดู
โต๊ะกินข้าว พอวางแบบนี้ มันนั่งจริงลำบากเข้าออกยาก … ควรออกแบบจัดวางใหม่
พื้นที่ส่วนโซฟานั่งเล่นดูทีวี เยอะนะ ระยะผนังชนผนังร่วม 3 เมตร แต่เค้าดันเอาโซฟาตัวอ้วนม้ากกกก กว้าง 1.2 เมตรมาวาง แถมผนังหลังโซฟาดัน Built เป็นที่วางของเข้าไปอีก .. ยังไม่พอดันเอาโต๊ะกลางตัวอ้วนเบ้อเร่อมาวางหน้าโซฟา มันเลยแน่นและดูแคบอย่างที่เห็น … ซึ่งเราก็ดูไว้เป็นไอเดียก็พอ เพราะเขาไม่ได้แถมเฟอร์มาให้อยู่แล้ว เราต้องซื้อมาใส่และจัดวางของเราเอง
โซฟาตัวอวบอ้วน และตู้วางของที่ Built มา… เวลาจัดห้องนี้เอง ผมถึงแนะนำให้ใช้มัณฑนากร เพราะจะสามารถจัดได้ลงตัวกว่า
ผนังส่วนที่วางทีวี โล่งเชียว… ระยะดูทีวีระดับ 2.6 เมตร (หักพนักพิงโซฟาแล้ว) สามารถจัดทีวี 50 นิ้วได้เลย
ภาพรวมพื้นที่ในห้องน้ำ
ตู้ใต้ Sink ล้างหน้า และ ตู้เหนือโถสุขภัณฑ์ เขาไม่ได้แถมนะครับ
พื้นที่ยืนอาบน้ำใน Shower Box ห้องนี้ โอเค
ตำแหน่งติดตั้งฝักบัว ผิดนะครับ ของจริงจะติดชิดผนังด้านขวา … ถ้าติดแบบนี้น้ำจากฝักบัวจะผ่านประตูออกมาได้
ห้องนอนมีสองห้อง ห้องนอนเล็กอยู่ทางขวา ห้องนอนใหญ่อยู่ทางซ้าย เราไปดูห้องเล็กกันก่อนครับ
ตรงทางเข้าห้องนอนเล็ก มี ชั้นวางของที่เขา Built ให้ดูด้วย
ภายในห้องนอน ซึ่งพอจัดแบบนี้แล้วจะดูคับแคบมาก … ไม่ต้องกังวลไปครับ จัดใหม่สลับด้านของเตียงก็จะได้ห้องที่ดูกว้างและใช้พื้นที่คุ้มกว่านี้เยอะ
พื้นที่หัวเตียง
ปลายเตียงแทบจะชิดผนังอยู่แล้ว ยังจะอุตสาห์แขวนทีวีปลายเตียงให้ดูอีก
ตู้เสื้อผ้า
ห้องนอนใหญ่ ซึ่งก็เหลือพื้นที่ไม่มาก เขาวางเตียงห้าฟุตมาให้ดู
มีพื้นที่ข้างเตียงเหลืออีกนิดหน่อย
ปลายเตียง จัดเป็นตู้เสื้อผ้า และโต๊ะอเนกประสงค์ แขวนทีวีปลายเตียงได้ตามแบบที่เห็น
ตู้เสื้อผ้า
โต๊ะอเนกประสงค์
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 30 May 2014 (ราคาปรับขึ้นจากตอน เริ่มขาย 3%)
- 1 Bedroom 27 ตารางเมตร ชั้น 9 ทิศตะวันตก ราคา 3.63 ล้านบาท หรือ 134,600 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom 34.34 ตารางเมตร ชั้น 9 ทิศเหนือ ราคา 4.73 ล้านบาท หรือ 137,900 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom 34.34 ตารางเมตร ชั้น 18 ทิศเหนือ ราคา 5.26 ล้านบาท หรือ 153,100 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom 34.34 ตารางเมตร ชั้น 30 ทิศเหนือ ราคา 5.91 ล้านบาท หรือ 172,100 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom 33 ตารางเมตร ชั้น 18 ทิศใต้ ราคา 5.10 ล้านบาท หรือ 154,500 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom 33 ตารางเมตร ชั้น 40 ทิศใต้ ราคา 6.08 ล้านบาท หรือ 184,200 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- เพดานสูง 2.65 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 30,000 บาท
- ทำสัญญา 7%
- ดาวน์ 15% ผ่อนดาวน์ 36 งวด
- ค่ากองทุน 600 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 65 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
เจาะลึกรวบยอด
Wish Signature Midtown Siam เป็นโครงการที่อยู่ในทำเลที่เรียกว่า แปลกนะครับ มีความเฉพาะตัวสูงพอสมควร อันเนื่องมาจากซอยข้างๆที่ลัดเลาะเชื่อมต่อกับ สยามพารากอนได้นี่แหละ อันทำให้ความอุดมสมบูรณ์และสาธารณูปโภครายรอบโครงการในระยะเดินได้แบบคนขยันเดิน มีครบเครื่องมาก ตั้งแต่มินิมาร์ท ร้านค้าร้านอาหารตลอดแนวถนนหน้าโครงการ ไปจนถึงห้างใกล้เคียงซึ่ง มีตั้งแต่ พันธ์ทิพย์ Platinum ไปจนถึงแหล่งอารยธรรมขั้นสูงสุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพ นั่นคือ “สยาม” ซึ่งไม่ใช่จะมีโครงการในทำเลแบบนี้โผล่มาง่ายๆ… ความพิเศษของโครงการอีกอย่างคือ ด้านทิศใต้ จะได้วิวที่ค่อนข้างมีคุณค่า และหาได้ยาก ซึ่งรายละเอียดอยากให้ดูในส่วนของบทวิเคราะห์ทำเล นะครับ
การเดินทางโดยใช้รถ ค่อนข้างหลากหลายมาก จะใช้เส้นทางถนนเพชรบุรีปกติก็ได้ หรือจะมาจากทางสยามพารากอน ทะลุออกซอยข้างโครงการก็ได้ แต่ต้องทำใจหน่อยนะครับว่านี่มันย่านกลางเมือง รถมันจะค่อนข้างติดเรียกว่าทุกวันในชั่วโมงเร่งด่วนก็ว่าได้ สัดส่วนที่จอดรถในช่องจอด 52% ยังไม่รวมซ้อนคัน เมื่อพิจารณาจากความสะดวกในการไม่ใช้รถแล้ว ก็น่าจะเพียงพอหากบริหารจัดการกันดีๆ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถถือว่า สะดวกมาก ติดถนนใหญ่ ในทำเลที่เรียกรถได้ 24 ชั่วโมง มีป้ายรถเมล์ทั้งหน้าโครงการและตรงข้ามโครงการ แถมมีสะพานลอยอยู่หน้าโครงการด้วย แถวนี้ Taxi และพี่วิน ชุกชุมมากมาย … ส่วนถ้าอยากใช้รถไฟฟ้า ที่ใกล้ที่สุดคือ BTS ราชเทวี ที่ระยะเดิน 350 เมตร .. สำหรับคนที่ไม่ต้องการใช้รถ ก็อยู่ได้สบายแบบมีทางเลือกในการเดินทางครบเครื่อง และมีห้างดีๆอยู่ในระยะเดินด้วย
การออกแบบโครงการทำออกมาโดยมีจุดเด่นที่ “ลิฟท์” ที่เปิดเข้าห้องได้เลย ซึ่งมันดีสะดวกและ Private มาก สำหรับหลายๆคน แต่มีเรื่องที่น่ากังวลคือ “ความปลอดภัย” ซึ่งแม้ว่าทางโครงการจัดทำประตูกั้นห้องหน้าลิฟท์ไว้ให้อีกชุด ก็ต้องเลือกดูดีๆนะครับ เพราะความสะดวกของห้องแต่ละ Type มันไม่เหมือนกัน… ห้องของที่นี่ เน้นพื้นที่ภายใน ไม่มีระเบียง มีแต่ Yard หรือพื้นที่ซักล้างให้ … ระยะภายในห้องและ Lay Out มันจัดให้ลงตัวยากสำหรับคนที่คิดจะเอาเฟอร์ลอยตัวมาวาง ผมแนะนำให้เตรียมงบเผื่อการออกแบบและ Built in เพิ่มเติมครับ ซึ่งจะได้ห้องที่สวย ลงตัว และฟังค์ชั่นอยู่สบายกว่าวางเฟอร์ลอยตัวมาก เพราะรูปแบบและขนาดห้องมันเอื้อให้แต่งได้หลากหลายครับ
วัสดุอุปกรณ์ของที่ให้มา ต้องทำความเข้าใจสักกนิดนะครับ ว่าโครงการนี้ Range ราคากว้างมาก มีคนซื้อได้ตั้งแต่ราคาราวๆ 120,000 – 180,000 บาท ต่อตารางเมตร การบอกว่า Spec วัสดุ คุ้มค่าเงินหรือไม่จึงค่อนข้างลำบาก ผมประเมินคร่าวๆ ว่า Spec วัสดุของโครงการ อยู่ในระดับ 140,000 – 150,000 บาท ต่อตารางเมตร… แต่เค้าให้ของมาน้อยมากนะครับ ต้องแต่งห้องใหม่เองเกือบทั้งหมด
สาธารณูปโภคมีมาให้ค่อนข้างครบและสมบูรณ์ โดยเฉพาะ Facility ชั้น 37 จัดเป็น Facility แบบเต็ม Floor มีทั้งสระว่ายน้ำ Fitness Sky Lounge และจัดพื้นที่นั่งเล่นแบบเล่นระดับ ใครที่มีห้องได้วิวไม่ค่อยสวย ก็ขึ้นมานั่งดูวิวที่ชั้นนี้ได้ ส่วนที่แปลกคือลิฟท์ ที่เป็น Private ถึงห้องตัวเองเลย รูปแบบลิฟท์ที่มีลิฟท์โดยสารปกติ 2 ตัว + Service Lift 1 ตัว + Private Lift 7 ตัว รวมทั้งโครงการมีลิฟท์ 10 ตัว น่าจะพอใช้นะ…
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 160,000 บาทต่อตารางเมตร, 08 Oct 2014 (ราคาโครงการนี้ มี Range ที่กว้างมาก ตั้งแต่ 120,000 – 180,000 บาทต่อตารางเมตร ใครซื้อถูกกว่า 160,000 สามารถบวกคะแนนเพิ่มได้ ส่วนใครซื้อแพงกว่า 160,000 ก็ลดคะแนนได้เอง … ใครซื้อแพงเกินกว่า 180,000 ก็คงใช้ใจตัดสินแล้วครับ ไม่ใช่ความคุ้มค่าทางการเงิน)
- ทำเล 8.5/10 – ทำเลครบเครื่อง อุดมสมบูรณ์ และใกล้สยามพารากอนในระยะเดินได้ ทิศใต้ได้ Unique View
- เดินทางด้วยรถ 8.0/10 – สะดวก เพราะฝั่งนี้ใช้ทางเชื่อมกับสยามพารากอนได้สะดวกดี น่าเสียดายที่ ที่จอดน้อยไปหน่อยสำหรับระดับราคานี้
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – สะดวกมาก เป็นทำเลที่เหมาะกับคนไม่คิดจะใช้รถเลย
- วัสดุ 7.0/10 – มาตรฐานเมื่อเทียบกับราคา แต่ให้ของมาน้อยนิด
- แบบ 7.0/10 – ไม่เด่น ไม่ด้อย แต่กล้าทำของแปลก และห้องเอื้อต่อการจัดแต่งค่อนข้างมาก
- สาธารณูปโภค 8.0/10 – ครบเครื่อง สำหรับระดับราคานี้
- HIGH CLASS
- 8.00 / 10.00
BOTTOM LINE
Wish Signature Midtown Siam เหมาะกับคนมองหาบ้านในเมืองที่ใกล้ห้างสยามพารากอนและย่านสยาม แบบพอจะเดินไปได้ มีรถไฟฟ้าให้ใช้ในระยะเดินไม่ไกล มีความอุดมสมบูรณ์ครบเครื่องรายรอบโครงการ เป็นคนชอบแต่งบ้าน และเลือกของที่ความพอใจของตัวมากกว่า พลิกป้ายมองหายี่ห้อดัง มีงบประมาณระดับ 4-12 ล้าน มีเงินสดในมือ 1- 5 ล้าน และมีกำลังผ่อนต่อเดือนราว 25,000 – 60,000 บาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ