รีวิวฉบับที่ 996 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปโครงการ Whizdom Essence คอนโด High Rise 50 ชั้น จำนวน 666 ยูนิต เป็นหนึ่งในสามของโครงการ Whizdom สุขุมวิท 101 ต่อจาก Whizdom Connect ค่ะ โดยโครงการนี้จะมีจุดเด่นคือส่วน Facilities และขนาดของห้องที่มากกว่า Whizdom Connect ในปัจจุบันอยู่ในช่วง V.I.P นะคะ ซึ่งจะเริ่ม Pre-sale ในวันที่ 12 มีนาคมที่จะถึงนี้ ตัวโครงการจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปชมพร้อมๆ กันเลยค่ะ ^^

Fact @ 13 Jan 2016

  • Whizdom Essence (วิสซ์ดอม เอสเซ้นส์)
  • Magnolia Quality Development Corporation Limited
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : พระโขนง
  • คอนโด High Rise 50 ชั้น 664 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 410 คันคิดเป็น 61 % รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 71 %
  • ที่ดินประมาณ 6-1-91 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : กลางปี 2559
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ต้นปี 2562
  • 1 Bedroom 33.7 – 44.9 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 51.9 – 83.8 ตร.ม.
  • 3 Bedroom 100.2 – 101.8 ตร.ม.
  • Penthouse 195.9 – 209.6 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.80 เมตร
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 140,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-789-9999

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.685741, 100.610621

ที่ตั้งของโครงการ Whizdom Essence นั้นตั้งอยู่บนโครงการ Whizdom 101 ซึ่งเดิมเป็นที่ของ ปิยรมย์ สปอร์ต คลับ โดยตั้งอยู่ติดกับโครงการ Whizdom Connect คอนโด High Rise โครงการแรกบนที่ดินที่เปิดตัวไปเมื่อ ปี 2015 ตัวทำเลตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทระหว่าง BTS ปุณณวิถีประมาณ 300 เมตร และ BTS อุดมสุข 500 เมตร ใกล้ซอยสุขุมวิท 101/1 (ซอยวชิรธรรมสาธิต) ที่สามารถทะลุออกไปยังถนนศรีนครินทร์ได้ค่ะ

เนื่องจากโครงการ Whizdom Essence อยู่ในทำเลเดียวกันกับโครงการ Whizdom Connect จึงสามารถเข้าไปอ่านทำเลโครงการได้จาก โครงการ Whizdom Connect ได้เลยค่ะ (คลิกที่นี่)

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เราจะเริ่มเดินทางกันจาก BTS อุดมสุขนะคะ เพราะรีวิวพาชมทำเลฉบับ Whizdon Connect ได้พาเดินไปจาก BTS ปุณณวิถี แล้ว โดยเราจะเดินลง BTS ทางออกหมายเลข 1 ย้อนขึ้นไปทางขาเข้าเมืองตามถนนสุขุมวิทประมาณ 500 ม. ผ่านซอยวชิรธรรมสาธิตไปอีกหน่อยก็จะเห็นตัวโครงการทางขวามือแล้วค่ะ

เมื่อลงมาจากรถไฟฟ้า และสแกนบัตรกันเรียบร้อยแล้วเราจะเดินมาที่ทางออกหมายเลข 1 กัน

ชะเง้อลงมามองถนนสุขุมวิทกันหน่อยในช่วง 9 โมงกว่าๆ ซึ่งก็ยังถือว่าเป็นชั่วโมงเร่งด่วนอยู่นะคะ จะเห็นว่าปริมาณรถค่อนข้างหนาแน่นพอควรเลย โดยเฉพาะฝั่งขาเข้าเมือง

ฟุตบาลระหว่างทางเดินไปโครงการค่อนข้างกว้างขวางเดินสบายทีเดียวค่ะ ถ้าไม่มีมอเตอร์ไซต์ขับขึ้นฟุตบาทมากวนใจนะ อิอิ ^^

ด้านขวามือจากทางลงสถานีมีโครงการ Ideo Mix

และเดินถัดมาอีกหน่อยก็จะเป็นคอนโด City Home ซึ่งเป็นคอนโดที่สร้างเสร็จมานานแล้วมีทั้งให้เช่าและขายมือสองต่อ

ด้านข้างคอนโดมีร้าน Maggio เป็นร้านเฟอร์นิเจอร์ ที่นอกจากจะขายเฟอร์นิเจอร์แล้วภายในยังมีคาเฟ่ให้คอกาแฟมานั่งเล่น นั่งทำงานกันได้ค่ะ

ตรงมาจะเจอซอยเล็กๆ คือซอยสุขุมวิท 101/2 ซึ่งเป็นซอยที่มีทั้งอาคารพาณิชย์และตึกแถวพักอาศัยทั้งซอย โดยซอยนี้สามารถไปทะลุออกถนนอุดมสุข เพื่อเชื่อมเข้าถนนศรีนครินทร์ได้เช่นเดียวกันกับซอยสุขุมวิท 101 (วชิรธรรมสาธิต)

บริเวณหน้าซอยมีร้านนวดอโรม่าคอยบริการอยู่

ถัดมาเป็นปั๊มแก๊ส LPG ค่ะ

และเรายังมุ่งหน้ากันต่อไปอีกประมาณ 350 ม. รอบข้างทางเดินจะเริ่มเป็นอาคารพาณิชย์ที่เปิดร้านขายอยู่ด้านล่าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านซ่อมเครื่องยนต์ หรือร้านอะไหล่

ในฝั่งตรงกันข้ามเป็นคอนโด Centric Scence ค่ะ

และแล้วเราก็มาถึงซอยวชิรธรรมสาธิต หรือ ซอยสุขุมวิท 101/1 ที่เป็นอีกหนึ่งซอยที่มีความสำคัญในย่านนี้ เพราะนอกจากจะเป็นซอยที่สามารถทะลุออกไปได้หลายทางทั้งถนนศรีนครินทร์, อ่อนนุช, สุขุมวิท 101 และอุดมสุข แล้วยังเป็นแหล่งที่พักอาศัยขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนและวัดวาอารามข้างในด้วยนะ เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยค่ะที่รถจะติดมากอยู่ในซอยนี้แหละ

หันหน้าเข้าไปดูภายในซอยวชิรธรรม ด้านหน้าปากซอยฝั่งสุขุมวิทจะค่อนข้างคึกคัก มีทั้งร้านอาหาร Indoor และร้านอาหารตามสั่งริมทางเท้า และในซอยนี้ยังมีรถสองแถวคอยให้บริการอยู่ด้วยนะคะ ใครที่ไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็สามารถนั่งรถสองแถวไปเดินเล่นช็อปปิ้ง ซีคอน สแควร์ในวันหยุดก็ได้ค่ะ

เดินถัดจากซอยวชิรธรรมสาธิตมาตามสุขุมวิท จะเห็นว่ามีร้านค้าขายอาหารเปิดอยู่ตามริมฟุตบาทไม่แพ้ในซอยเช่นเดียวกันค่ะ เพราะนอกจากจะรอบรับคนที่อยู่อาศัยในย่านนี้แล้วก็ยังมีพนักงานบริษัทบริเวณย่านนี้ที่มาพึ่งพิงร้านอาหารในช่วงกลางวันเช่นเดียวกันค่ะ

ถัดมาอีกหน่อยบริเวณหน้าโครงการมีกลุ่มพี่วินคอยให้บริการอยู่ด้วยค่ะ หากใครที่รีบๆ หรือขี้เกียจเดินไป BTS ก็พึ่งพาพี่วินให้แว้นส์ไปส่งได้

ราคาค่าตัวพี่วินค่ะ

และแล้วเราก็มาถึง Sale Gallery โครงการ Whizdom Essence แล้วค่ะ

ถัดมาอีกหน่อยปัจจุบันเป็นพื้นที่ของ ปิยรมย์ เพลส แต่ในอนาคตประมาณ 3 ปี พื้นที่นี้จะเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโครงการ Whizdom 101 ค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ทำเลโดยรอบโครงการส่วนใหญ่เป็นพื้นที่พักอาศัยทั้งแนวราบและคอนโด รวมทั้งแหล่งชุมชนดั้งเดิมที่มีทั้งตึกแถวและอาคารพาณิชย์ทั้งริมถนนและในซอยใหญ่ๆ อย่างซอยวชิรธรรมสาธิต ซึ่งเป็นซอยสำคัญที่มีแหล่งของกินในราคาย่อมเยาให้เลือก โดยส่วนใหญ่จะคึกคักในช่วงต้นซอยไปจนถึงซอยวชิรธรรมสาธิตซอย 12

ในเรื่องของวิวโครงการนั้นถึงแม้ว่ายังไม่สามารถทราบได้อย่างแน่ชัดว่าชั้นล่างๆ จะถูกบล็อควิวจาก Community Mall ที่เป็นหนึ่งในโปรเจค whizdom 101 ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าติดถนนหรือไม่ แต่สำหรับตัว Tower คอนโด นั้นดูจากการวางผังโครงการแล้วไม่ถูกบล็อกวิวนะคะ เพราะการจัดวางตัว Tower ของคอนโดทั้งสองโครงการอยู่ในตำแหน่งที่เยื้องกันอยู่นั่นเองค่ะ สำหรับสภาพแวดล้อมบริเวณภายนอกส่วนใหญ่แล้วเป็นพื้นที่พักอาศัยแบบแนวราบค่ะ แต่จะมีในทิศใต้ที่อยู่ใกล้กับโรงแรม Golden Pearl Hotel ที่สูง 7 ชั้น และคอนโด City ที่สูง 12 ชั้นค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Bangkok Mall ~ 1.7 km.
  • ไบเทค บางนา ~ 4 km. (รวมระยะกลับรถ)
  • Lotus อ่อนนุช ~ 3.4 km.
  • Central บางนา ~ 4.4 km.
  • Big C บางนา ~ 4.5 km.
  • โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ~ 4.9 km.
  • Seacon Square ~ 5 km.
  • Paradise Park ~ 5 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Whizdom Essence เป็นคอนโดหนึ่งในโครงการ Mixed use “Whizdom 101” ซึ่งออกมาเป็นตัวที่ 2 ต่อจาก Whizdom Connect โครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 50 ชั้น มีทั้งหมด 664 ยูนิตและร้านค้า 2 ยูนิต แนวความคิดในการออกแบบคือ Sence of Perfect ตอบสนองกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่ต้องการการผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ

สามารถอ่านรายละเอียดโครงการ Mixed Use “Whizdom 101” ได้โดย (คลิกที่นี่)

ตัวโครงการจะอยู่เยื้องๆ ด้านขวาโครงการ Whizdom Connect จะเห็นว่ามีลักษณะหน้าตาอาคารภายนอกที่คล้ายคลึงกันและจำนวนยูนิตที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ในเรื่องของความสูงฝ้าของโครงการที่มีความสูง 2.8 ม. ซึ่งมีความสูงมากกว่าและขนาดของห้องที่เน้นห้องมีขนาดใหญ่มากขึ้นนั้นจึงส่งผลให้ให้ตัวโครงการ Whizdom Essence นั้นมีความสูงมากขึ้นค่ะ และด้วยการวางตัวอาคารแบบเยื้องไปทางด้านข้างนั้นทำให้อาคารไม่บล็อกวิวกันเองเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะอยู่ติดกันแบบนี้

ด้านทิศตะวันออก ตัวอาคารจะเรียบๆ บางๆ แบบนี้ค่ะ ส่งผลให้บริเวณรอบข้างดูไม่ทึบตัน และมีช่องลมระหว่างอาคาร ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีนะคะในเรื่องของการระบายอากาศที่ดีและในเรื่องของความรู้สึกที่ไม่อึดอัด

ในส่วนของทิศใต้นี้เป็นฝั่งที่มี Facilities อยู่ ซึ่งห้องชั้นล่างๆ หน่อยถึงแม้อาจจะโดนอาคารภายนอกบังวิวไปบ้างแต่ก็สามารถได้รับวิวจากส่วนของ Facilities ได้ค่ะ สำหรับเรื่องของทิศทางแดดนั้น ทางทิศใต้ก็อาจจะโดนแดดมากกว่าในทิศอื่นๆ เพราะลักษณะการเดินทางของพระอาทิตย์นั้นจะอ้อมทางทิศใต้ทำให้แดดแรงๆ อย่างช่วงบ่ายๆ นี้รับแดดหนักอยู่เหมือนกันนะคะ

ในทิศตะวันตก หรือทิศด้านหน้าโครงการที่ในอนาคตจะอยู่ใกล้กับ Community Mall ด้านหน้า และ Whizdom คอนโดโครงการที่ 3 ที่อยู่ฝั่งขวามือ ซึ่งจะค่อนข้างคึกคักเมื่อเทียบกับทิศอื่นๆ นะคะ

มาเริ่มกันจากทางเข้าโครงการกันค่ะ โดยต้องเลี้ยวเข้าซอยปิยบุตร 1 ซึ่งเป็นซอยภาระจำยอมต้องแบ่งปันให้คนที่อยู่อาศัยในบ้านด้านหลังโครงการมีทางเข้า – ออกได้ จากนั้นก็เลี้ยวเข้าถนนภายในที่ดินโครงการค่ะ ซึ่งจะเจอกับโครงการ Whizdom Connect ก่อนแล้วค่อยเป็นทางเข้าตัวโครงการค่ะ

ถนนภายในที่ดินนี้เป็นถนนทางเข้า – ออกหลักของคอนโด Whizdom ทั้ง 3 โครงการ

พื้นที่ระหว่างอาคารเปิดเป็นช่องลมตึกสูงแบบนี้ค่ะ

ตัวโครงการแบ่งแยกนิติบุคคล มีการรอบรั้วแสดงขอบเขตที่ดินชัดเจน แต่บริเวณสวนจะจัดตำแหน่งให้อยู่ติดกัน ซึ่งในอนาคตหากทางนิติบุคคลมีการตกลงจะใช้พื้นที่สวนร่วมกันก็สามารถเอารั้วออก เพื่อให้ใช้สวนได้มากขึ้นค่ะ

ถัดมาอีกด้านจะเป็นทางของรถยนต์เพื่อวนจาก Drop Off เข้ามาจอดรถด้านหลัง ซึ่งเป็นลาดจอดรถแบบกลางแจ้งค่ะ

มาดู facilities โครงการกันบ้างนะคะ ในชั้น 6 จะเป็นชั้น Facilities หลัก ซึ่งจะมี สระว่ายน้ำ สวน และ Jacuzzi อยู่บนพื้นที่อาคารจอดรถค่ะ ห้องชั้นล่างๆ ในทิศนี้จะได้เปรียบในเรื่องของวิวดีทีเดียวค่ะ เพราะนอกจากจะได้วิวสระว่ายน้ำสวยๆแล้ว ก็ยังมีพื้นที่สีเขียวที่เป็นส่วนอยู่ถัดออกไปให้ผ่อนคลายสายตา และด้วยขนาดของสระที่มีความยาว 50 ม.นั้น ก็ทำให้ห้องในทิศนี้เกือบทั้งแถบได้วิวหมดค่ะ

ด้านข้างสระมี Jacuzzi สำหรับนวดผ่อนคลายและถัดจาก Jacuzzi ที่ติดกับห้องพักอาศัยก็มีพื้นที่สวนพร้อมปลูกต้นไม้ยืนต้นเป็นแถวเรียบร้อย ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ลูกบ้านที่อยู่ห้องพักติดสระได้ดีค่ะ

ในชั้น 44 – 45 จัดให้เป็นพื้นที่ Whizdom Sky Garden และ Rejuvenate Lounge เพื่อให้เป็นพื้นที่พักผ่อนในมุมสูง

มาดูที่บรรยากาศโครงการกันต่อเลยค่ะ ในภาพนี้เป็นบรรยากาศของสวนด้านล่างโครงการที่ให้ความร่มรื่นจากพื้นที่สีเขียว มี Step บันได้ให้เดินเล่น พร้อมทางเดินที่มีหลังคา (Cover Way) กันแดดกันฝนเรียบร้อย

บริเวณพื้นที่สวนด้านล่างนี้นอกจากจะสามารถเดินเล่นได้แล้วนั้น ยังมีโซน Active ซึ่งประกอบไปด้วย Jogging Track และเลนจักรยานในสวนด้วยนะคะ หากบรรยากาศร่มรื่นได้เหมือนในรูปจริงๆ ก็สามารถเดินเล่นได้ตลอดทั้งวันเลยนะ

ในส่วนสระว่ายน้ำในชั้น 6 นี้มีขนาด 9 x 50 เมตร ซึ่งเป็นความยาวมาตรฐาน Olympic สามารถว่ายออกกำลังกายได้สบายๆ เลยค่ะ

ด้านข้างสระมีพื้นที่นั่งเล่นใต้ร่มเงาต้นไม้ และสระบัวที่อยู่รอบๆสระว่ายน้ำอีกที

ในชั้น 44 – 45 เป็นพื้นที่ส่วน Whizdom Sky Garden และ Rejuvenate Lounge สามารถมานั่งเล่น นั่งทำงาน หรือทำเป็นพื้นที่พักผ่อนพร้อมชมวิวในมุมสูงได้

ภายใน Rejuvenate Lounge จัดเป็นชุดโซฟา 4 – 5 ชุดให้นั่งพักผ่อนมองวิวในมุมสูงแบบนี้เลยค่ะ พร้อมกับกระจกแบบ Full Height ให้รับวิวได้เต็มที่ไม่มีขอบกระจกมาบัง

วีดีโอเสนอโครงการ Whizdom Essence ค่ะ สามารถคลิก Link เข้าไปชมกันได้เลยค่ะ

มาดูกันต่อที่ผังโครงการในชั้น 1 เลยค่ะ ในพื้นที่ 6 ไร่เศษนี้ แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนอาคาร, ร้านค้า, อาคารจอดรถที่อยู่ด้านหลังและสวน เริ่มจากเดินรถจากจุด Drop off จะวนมาทางซ้ายมือเลี้ยวเข้าอาคารจอดรถหรือจอดบริเวณลานจอดรถก็ได้ ซึ่งจำนวนที่จอดรถมีช่องจอดทั้งหมด 410 คัน คิดเป็น 61% และ 71% เมื่อรวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มาพอสมควรเลยค่ะ

สำหรับตัวอาคารนั้น แบ่งร้านค้า 2 ยูนิตไว้อยู่ด้านนอกเลย เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลรักษาความปลอดภัยได้ดี และจากจุด Drop Off เข้ามาในส่วนของบริเวณ Lobby ค่อยสแกนบัตรอีกทีเข้าโถงลิฟต์ค่ะ

ชั้น 2 – 5 เป็นส่วนของพื้นที่จอดรถ และชั้น 6 เป็นชั้นเริ่มพื้นที่พักอาศัยและ Facilities ค่ะ สำหรับชั้นพักอาศัยในชั้นนี้ จะไม่มีปัญหาในเรื่องของความเป็นส่วนตัวเลยเพราะจากโถงลิฟต์มีประตูกั้นไว้ให้ และยังสามารถมาใช้งานส่วน Facilities ได้ง่ายอีกด้วยค่ะ ในเรื่องความหนาแน่นของชั้นนี้แล้วก็จัดว่ามีจำนวนห้องพักน้อยกว่าชั้น Typical Floor อยู่นะคะ

ชั้น 7 – 29 นี้เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมดและเป็นชั้น Typical Floor Plan โดยมีจำนวนยูนิตสูงสุดที่ 17 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งก็จัดว่าไม่หนาแน่นมากนัก และมีความเป็นส่วนตัวดีค่ะ ตำแหน่งของโถงลิฟต์จะอยู่ตรงกลางแจกทางเดินไปสองฝั่งช่วยร่นระยะการเดินไปยังห้องพักได้ ห้องมุมส่วนใหญ่เป็นห้องแบบ 2 Bedroom และมีห้องแบบ 1 Bedroom ที่อยู่มุมล่างซ้ายค่ะ ซึ่งจะเป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีตำแหน่งดีกว่า 1 Bedroom ห้องอื่นๆ

ชั้น 30 มีการจัดวางเช่นเดียวกันกับชั้น 7 – 29 แต่จะมีพื้นที่สำหรับวาง Tank น้ำบริเวณระหว่างลิฟต์ Service และบันไดหนีไฟแทนห้องพักอาศัย 2 ห้องนะคะ ทำให้จำนวนยูนิตในชั้นนี้เหลืออยู่ที่ 15 ยูนิตค่ะ ในเรื่องของเสียงรบกวนหรือความชื้นนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะไม่ได้อยู่ติดกับห้องพักอาศัยเลย

ชั้นที่ 31 – 43 นั้นเหมือนกันกับชั้น 7 – 29 เลยค่ะ สำหรับอัตราส่วนลิฟต์ของโครงการอยู่ที่ 166:1 ซึ่งก็ถือว่ามีความหนาแน่นพอสมควรนะคะสำหรับระดับราคานี้

ชั้น 44 เป็นชั้นที่มี Facility เป็นสวนพักผ่อนชั้นบน ลูกบ้านสามารถขึ้นมาเดินเล่นพักผ่อนในส่วนนี้ได้ค่ะ และในเรื่องของความเป็นส่วนตัวของห้องพักในชั้นนี้นั้นก็มีความเป็นส่วนตัวดีทีเดียวค่ะ เพราะมีประตูกั้นบริเวณโถงลิฟต์ให้เรียบร้อย สำหรับชั้นนี้จะเหลือห้องพักอยู่ที่ 4 ยูนิต ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่แบบ 3 Bedroom โดยมีขนาดห้องเริ่มต้นที่ 83.80 ตร.ม. ค่ะ

ชั้น 45 ในส่วนของห้องพักอาศัยจะเหมือนกันกับชั้น 44 ค่ะ และในชั้นนี้จะมี Rejuvenate Lounge อยู่ฝั่งขวามือเพิ่มขึ้นมาด้วย แต่ต้องเดินลงบันไดหนีไฟเพื่อเข้าไปใช้งานห้อง Rejuvenate Lounge นี้แทนนะคะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ ขนาด 9 x 50 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.3 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
  • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัวต่อหนึ่งอาคาร 166 : 1
  • ที่จอดรถ 410 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 61% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 71%
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

ห้องแรกที่เราจะไปดูกันคือห้องแบบ 2 Bedroom Type CA ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอย 51.90 ตร.ม. ลักษณะแปลนห้องจะมีความคล้ายคลึงกับห้อง Flexi ของโครงการ Whizdom Connect แต่จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นและมีห้องน้ำในห้องนอนเพิ่มขึ้นมาค่ะ ลักษณะแปลนห้องเป็นแบบสี่เหลี่ยมจัตตุรัส ภายในจัดฟังก์ชันได้ครบถ้วนและใช้งานได้ดี เริ่มจากหน้าห้องที่เป็นพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นซึ่งค่อนข้างโปร่งโล่งมีแสงสว่างเข้าถึงได้จากระเบียงที่อยู่ติดกับพื้นที่นั่งเล่น ด้านข้างขวาเป็นห้องน้ำด้านหน้าห้อง ถัดมาเป็นพื้นที่ครัวปิด สามารถประกอบอาหารหนักได้ดีเลยค่ะ จากนั้นคือห้องนอนเล็ก ซึ่งสามารถวางเตียงขนาด Single Bed ได้หรือสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันของห้องนอนเล็กเป็นห้องทำงาน หรือห้องสะสมงานอดิเรกก็ได้เช่นกันค่ะ

ในส่วนของห้องนอนนั้นจัดให้มีพื้นที่ค่อนข้างมากอยู่ทีเดียวค่ะ สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้ บริเวณพื้นที่ติดหน้าต่างสามารถ Built-in โต๊ะสำหรับนั่งเล่นหรือทำงานได้เช่นกันค่ะ หรือหากใครที่วางเตียงขนาด 5 ฟุตนั้นอาจจะมีพื้นที่เหลือมากนักก็สามารถซื้อโซฟามาวางแล้วนอนอ่านหนังสือริมหน่าต่างก็ชิวดีนะคะ ในส่วนของห้องน้ำนั้นมีขนาดและการจัดวางเหมือนกันกับห้องน้ำด้านนอกค่ะ

สิ่งที่พิเศษขึ้นมาอีกของโครงการนี้คือระบบ Home Automation หรือระบบรองรับการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้วย Wi-Fi และ รีโมท ไม่ว่าจะเป็นการปรับแสงสว่างภายในห้อง การปรับอุณหภูมิแอร์ ผ่าน Application จาก Smart Phone ได้ค่ะ โดยโครงการนี้ให้มามากกว่าโครงการ Whizdom Connect ที่มีบางส่วนลูกค้าจะต้องติดตั้งเพิ่มเองนะคะ

รวมไปถึงการติดตั้งเครื่องเติมอากาศบริสุทธิ์ ดึงอากาศจากภายนอกเข้ามาภายในเครื่องผ่านการกรองฝุ่นพร้อมแลกเปลี่ยนความร้อนลดอุณหภูมิลงทำให้ได้อากาศบริสุทธิ์เข้ามาภายในห้องพักเพิ่มคุณภาพอากาศภายในห้องนอนให้รู้สึกสบายขึ้น โดยทางโครงการจะติดตั้งให้เป็นสเป็คมาตรฐานทุกห้องในโครงการ

และการรับประกัน 30 ปี เพิ่มเติมจากการรับประกันมาตรฐานทั่วไป 4 รายการ ดังนี้

  • โครงสร้าง หมายถึงเสา คาน พื้น ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำหน้าที่รับน้ำหนักอาคาร
  • หลังคา หมายถึงส่วนบนสุดของอาคาร หากเป็นคอนโดมิเนียมหมายรวมถึงส่วนที่รับน้ำฝนที่อยู่ส่วนบนของอาคาร
  • ประตูหน้าต่าง  หมายถึงรับประกันการใช้งานเช่นจะยังคงเปิดปิด,กันฝน และรักษาความปลอดภัยได้
  • ท่องานระบบ ได้แก่ท่อน้ำประปาทั้งน้ำดีและน้ำทิ้ง รวมถึงท่องานระบบดับเพลิงจะต้องไม่รั่วซึม ส่วนระบบไฟฟ้าจะต้องไม่มีการลัดวงจรหรือขาด

ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจจะมีรายละเอียดและข้อกำหนดเพิ่มเติมนะคะ

รูปแบบการตกแต่งของโครงการเป็นแบบ Fully Fitted สิ่งที่ได้คือ

  • Digital Door Lock จาก Yale
  • ระบบ Home Automation
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood

เริ่มจากประตูหน้าห้องที่ใช้วัสดุเป็น HDF ปิดหน้าด้วยไม้ลามิเนต สูง 2.4 x 0.9 ม.ค่ะ

ติดตั้งด้วย Digital Door Lock จาก Yale

ธรณีหน้าประตูปูด้วยกระเบื้องสีขาวยกระดับขึ้นมานิดนึงจากพื้นด้านนอก ซึ่งช่วยกันฝุ่นจากพื้นด้านนอกได้ระดับนึง และยังมีความคงทนมากกว่าการจบขอบพื้นด้วยไม้สำเร็จรูปค่ะ ส่วนพื้นห้องเป็นไม้ลามิเนตหนา 12 มม.

ด้านในติดตั้ง Door Stopper ให้เรียบร้อย

เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วนรับประทานอาหารที่เป็นพื้นที่ต่อเนื่องไปยังพื้นที่นั่งเล่นค่ะ

ฝ้าเพดาน มีการเว้าฝ้าเป็นหลืบเข้าไปให้ แต่ไม่ได้ติดซ่อนไฟไว้ให้ มีเฉพาะหลืบม่านค่ะ

บริเวณพื้นที่รับประทานอาหารสามารถวางโต๊ะเก้าอี้สำหรับ 4 ที่นั่งได้แบบพอดีๆ

ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีระยะการดูทีวีประมาณ 1.8 ม. ซึ่งสามารถวางทีวีขนาด 40 – 42 นิ้ว

พื้นที่นั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาแบบ 2 ที่นังได้สบายๆ แต่หากใครที่ต้องการวางชุดโซฟาแบบ 3 ที่นั่งก็ได้เช่นกันนะคะแต่อาจจะบังทางเดินเข้า – ออกครัวและห้องนอนเล็กไปบ้าง

การวางทีวีสามารถทำได้ 2 แบบคือ Built-in ชั้นวางทีวีแบบในห้องตัวอย่างหรือแขวนติดผนังเลยก็ได้ค่ะ จะได้ไม่เปลืองพื้นที่ทางเดินและสามารถวางโต๊ะกลางได้ใหญ่ขึ้นด้วย

บริเวณพื้นที่ส่วนนี้จะค่อนข้างสว่างและโปร่งโล่งดีค่ะ เนื่องจากประตูห้องนอนเล็กเป็นประตูบานเลื่อนกระจกซึ่งทำให้แสงสว่างที่ผ่านเข้ามาในห้องนอนเล็กนั้นสามารถผ่านเข้ามาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นได้ ดูแล้วมีความเชื่อมต่อของพื้นที่ที่ทำให้มีความรู้สึกที่กว้างขวางมากขึ้นดีค่ะ

มาดูส่วนระเบียงกันค่ะ ประตูระเบียงเป็นประตูบานเลื่อนกระจก กรอบบานอลูมิเนียมหนา 2.75 มม. มีน้ำหนักแข็งแรงดีเลยค่ะ

มือจับมาตรฐานและด้านข้างประตูบุด้วยผ้าสักหลาดกันฝุ่นและเสียงได้ดีค่ะ

พื้นที่ระเบียงมีขนาดพอประมาณสามารถใช้ซักล้างหรือตากผ้าได้อยู่ค่ะ

รั้วระเบียงเป็นเหล็กพ่นสีดำแบบนี้

ด้านข้างระเบียงเป็นพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์พร้อมทำประตูกริลเบี่ยงทิศทางลมเรียบร้อยค่ะ

ส่วนอีกด้านเป็นที่วางเครื่องซักผ้าโดยติดตั้งปลั๊กไฟกันน้ำให้ แต่เนื่องจากเป็นห้องตัวอย่างจึงอาจจะไม่ได้ต่อท่อน้ำดีและน้ำเสียไว้ให้ ก็ต้องรอดูห้องมาตรฐานกันอีกทีนะคะ

ด้านบนเป็นโคมไฟ Downlight ส่องสว่างบริเวณระเบียง

กลับเข้ามากันในห้องอีกทีแล้วหันมาทางขวามือจากหน้าห้อง จะมีห้องน้ำที่อยู่ฝั่งขวามือ, ห้องครัวตรงกลาง และห้องนอนเล็กหรือห้องอเนกประสงค์ทางซ้ายมือค่ะ โดยเราจะเริ่มกันจากห้องน้ำก่อนนะคะ

พื้นห้องน้ำลดระดับลงไปเล็กน้อย มีธรณีประตูปูด้วยกระเบื้องสีขาว

ภายในแยกเป็นโซนเปียกและโซนแห้งชัดเจน

ชุดสุขภัณฑ์ที่ได้จาก TOTO ซึ่งจัดให้โถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือเป็นชุดเดียวกัน ซ่อน Tank หรือถังพักน้ำโถไว้ด้านในและทำด้านบนเป็นพื้นที่วางของไปเลย ดูสวยและได้พื้นที่วางของมากขึ้นดีทีเดียวค่ะ

ด้านบนเป็นตู้กระจก

ด้านในวางของได้เล็กน้อย เปิด – ปิดแบบ Soft Closed ค่ะ

ชุดอ่างล้างมือจาก TOTO ด้านข้างติดตั้งปลั๊กไฟกันน้ำให้เรียบร้อย

ขนาดอ่างกำลังพอดีค่ะ มีพื้นที่ริมอ่างพอสมควรช่วยลดการกระเด็นของน้ำได้ดีและวางของด้านข้างได้ด้วยค่ะ

ด้านล่างอ่างมีตู้เก็บของหรืออุปกรณ์ล้างห้องน้ำได้

พื้นที่ระหว่างโถค่อนข้างแคบไปหน่อยสำหรับคนที่ตัวใหญ่ๆ นะคะ ส่วนตัวถังพักน้ำของโถสุขภัณฑ์จะอยู่ด้านในอ่างอาบน้ำและมีปุ่มกดอยู่ด้านบนค่ะ

พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อยดีค่ะ

มีการยกธรณีขึ้นมาเล็กน้อยสำหรับกันน้ำไหลย้อนออก ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดพอดีๆ

ด้านในทำชั้นวางของให้สวยงามและเหลือเฟือทีเดียวค่ะ ซึ่งเหมาะกับสาวๆ ที่มีเครื่องประทินผิวมากมายมากๆเลย อิอิ

ฝักบัวสายอ่อนจาก Grohe

มีขนาดพอดีมือ และแข็งแรงดีค่ะ

มาต่อกันที่ห้องครัวค่ะ ลักษณะของห้องครัวจะเป็นแบบครัวปิด ซึ่งเหมาะสมกับการทำอาหาร ช่วยให้กลิ่นอาคารนั้นไม่ฟุ้งลอยเต็มห้องหรือมีกลิ่นอาหารติดเฟอร์นิเจอร์ค่ะ

ตัวรางเลื่อนวางฝังอยู่ด้านล่างทำให้ไม่เดินสะดุด ส่วนพื้นครัวเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด และไม่เป็นคราบเวลาทำน้ำมันหกเลอะพื้น

ภายในห้องครัวจัดวาง Pantry แบบรูปตัว L ง่ายต่อการใช้สอย

มีพื้นที่วางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้

Pantry top เป็นหิน Qurzt หนา 12 มม. สวยและมีอายุการใช้งานที่มากกว่าหินเทียมหรือ Particle ค่ะ บานเปิดทั้งหมดเป็นแบบ Soft Closed

บานเปิดใต้อ่างล้างมือมีถังขยะขนาดเล็กๆ ติดตั้งมาให้ด้วยนะคะ

บานเปิดเป็นแบบบาดขอบแบบนี้เพื่อให้ง่ายต่อการเปิดมากขึ้น

ด้านหลัง Pantry กรุด้วยกระจกสีชาซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาดดีค่ะ

อ่างล้างจานแบบหลุมเดี่ยวจาก Teka เสียดายน่าจะมีที่พักจานด้านข้างมาให้ด้วยนะ

Hob & Hood ที่ได้จาก Teka ระบบดูดควันเป็นแบบมีท่อส่งออกไปด้านนอก ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการดูดควันค่อนข้างดีกว่าระบบดูดควันแบบหมุนเวียนค่ะ

ด้านล่างเป็นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า โดยสามารถวางได้ขนาดสูงสุดคือ 7 กิโลกรัมนะคะ พื้นที่ด้านข้างแทบจะไม่เหลือทำให้เวลาเครื่องซักผ้าทำงานจะมีการเขย่าตัวเล็กน้อยอาจจะสะเทือนโดน Pantry ได้ค่ะ

ตู้วางของด้านบนมีบานเปิดเป็น Soft Closed ทั้งหมดเช่นเดียวกัน และด้านข้างทำเป็นชั้นสำหรับวางไมโครเวฟค่ะ

มากันต่อที่ห้องนอนเล็กหรือห้องอเนกประสงค์นะคะ ประตูห้องนี้เป็นประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนแบบนี้ ซึ่งช่วยให้ห้องมีความเชื่อมต่อกันทางสายตากับพื้นที่นั่งเล่น ทำให้ห้องที่มีขนาดเล็กนั้นดูกว้างและโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ แต่หากใครที่จะทำเป็นห้องนอนนั้นอาจจะดูไม่เป็นส่วนตัวไปสักหน่อยที่มีประตูกระจกใสขนาดนี้ แนะนำให้ติดฟิล์มฝ้าที่กระจก หรือติดผ้าม่าน ก็จะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้นค่ะ

ด้านในห้องสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันเป็นห้องทำงานก็ได้เช่นกันนะคะ หรือหากใครที่ต้องการให้เป็นห้องนอน ในห้องนี้สามารถวางเตียงขนาด Single Bed ได้ แต่ไม่กว้างพอที่จะวางเตียง Queen Size ได้นะคะ

ไปดูห้องนอนใหญ่กันค่ะ

ลักษณะห้องนอนใหญ่จะเป็นแนวยาว แบ่งเป็น 2 โซน คือพื้นที่เตียงนอน และส่วนพื้นที่แต่งตัวกับห้องน้ำค่ะ

เริ่มจากหน้าห้องนอน เข้ามาจะเจอกับส่วนพื้นที่แต่งตัว สามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ หรือสาวๆ คนไหนมีเสื้อผ้าเยอะหน่อยก็สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ

หันมาด้านขวาเป็นพื้นที่เตียงนอน ซึ่งสามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้นะคะ แต่แนะนำว่าเป็นเตียง 5 ฟุตจะดีกว่า เพราะจะเหลือเนื้อที่ทางเดินที่มากขึ้นหน่อย และสำหรับใครที่ติดนอนดูทีวีก็สามารถติดทีวีที่ผนังได้ค่ะ แต่ไม่แนะนำให้วางชั้นวางทีวีนะคะ เพราะเหลือเนื้อที่ทางเดินปลายเตียงไม่มากค่ะ

ด้านขวาข้างเตียงที่ติดริมหน้าต่าง มีพื้นที่เหลือสามารถวางโต๊ะนั่งเล่น นั่งทำงานตามห้องตัวอย่าง หรือจะวาง Sofa Bed ขนาดเล็กหน่อย นอนอ่านหนังสือริมหน้าต่างก็ได้เช่นกันค่ะ

มาดูห้องน้ำในห้องนอนใหญ่กันค่ะ

การจัดวางภายในห้องน้ำรวมถึงยี่ห้อสุขภัณฑ์เหมือนกันกับห้องน้ำด้านนอกเลยค่ะ

และภาพสุดท้ายเป็นสวิชต์ไฟของห้อง ดูทันสมัยและตอบสนองการสั่งงานจาก ระบบ Home Automatic ซึ่งยี่ห้อนั้นยังไม่เป็นที่สรุปแน่นอนนะคะ เนื่องจากทางโครงการอยู่ระหว่างเลือกยี่ห้อที่มีระบบใช้งานสมบูรณ์ที่สุดอยู่ค่ะ

สำหรับห้องที่ 2 เป็นห้อง 1 Bedroom Type AA มีพื้นที่ใช้สอย 33.70 ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือพื้นที่นั่งเล่น และห้องนอนค่ะ โดยรวมแล้วจัดสรรพื้นที่ภายในได้ลงตัวใช้พื้นที่ภายในได้คุ้มค่าค่ะ

เริ่มจากเข้ามาในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวซึ่งเป็นพื้นที่ครัวเปิด อาจจะไม่เหมาะกับการทำอาหารหนักๆ เท่าไหร่นักนะคะ เนื่องกลิ่นอาหารที่คลุ้งทั่วห้องนั่งเล่นได้ ถัดมาเป็นพื้นที่รับประทานอาหารซึ่งสามารถวางโต๊ะเก้าอี้ได้สำหรับ 4 ท่าน เช่นเดียวกับห้องแบบ 2 Bedroom เลย ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นซึ่งมีขนาดเล็กลงมาหน่อยจาก 2 Bedroom สามารถวางชุดโซฟาขนาด  2 ที่นั่ง ต่อมาเป็นส่วนระเบียงที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักที่จะนั่งเล่นพักผ่อนได้ แต่สามารถซักล้างหรือตากเสื้อผ้าได้อยู่ค่ะ

สำหรับส่วนห้องนอนนี้มีขนาดครึ่งนึงของพื้นที่ห้อง สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ รวมไปถึงสามารถจัดวางโซฟาเล็กๆ เป็นพื้นที่นั่งเล่นหรืออ่านหนังสือริมหน้าต่างได้ ส่วนอีกฝั่งนึงของห้องนอนเป็นพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนค่ะ

เริ่มจากทางเข้าห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวซึ่งเชื่อมต่อพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นค่ะ พื้นห้องทั้งหมดได้เป็นพื้นลามิเนต 12 มม.ค่ะ

ฝ้าเพดาน มีการเว้าฝ้าเป็นหลืบเข้าไปให้เหมือนกันกับห้องแรก ซึ่งไม่ได้ติดไฟให้นะคะ ใครที่ชอบการซ่อนไฟแบบนี้ต้องติดตั้งเองค่ะ ซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไรนะ

Pantry ครัวได้เสป็คเหมือนกันกับห้องแรก คือ Top เป็นหิน Quartz 12 มม. บานเปิดเป็น Soft Close พร้อมกรุกระจกด้านหลังเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดเรียบร้อย แต่จะแตกต่างกันตรงที่มีขนาดเล็กลง, เป็นครัวเปิดซึ่งหากจะทำอาคารหนักๆ ก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องของกลิ่นที่มากกว่าครัวปิด และพื้นครัวที่ได้เป็นพื้นลามิเนตซึ่งยากต่อการทำความสะอาดมากกว่าพื้นแกรนิตโต้ค่ะ

หันกลับมาด้านหลังฝั่งซ้าย สามารถ Built-in หรือวางตู้สำหรับเก็บรองเท้าได้นะคะ ส่วนฝั่งขวานี้เป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น ซึ่งมีขนาดพื้นที่ที่มากกว่าห้องแรกอยู่หน่อยนึงค่ะ

ส่วนของพื้นที่รับประทานอาหาร สามารถวางชุดโต๊ะเก้าอี้ได้สูงสุดที่ 4 ที่นั่ง มีพื้นที่กำลังพอดี และเผื่อพื้นที่ด้านหลังเก้าได้เล็กน้อยสำหรับการลุกขึ้น-ลงนั่งได้สะดวกค่ะ

ต่อมาที่พื้นที่นั่งเล่นนี้มีระยะดูทีวีประมาณ 1.8 ม. ซึ่งสามารถซื้อทีวีมาดูในขนาดที่เหมาะสมกับระยะคือ 40 – 42 นิ้วค่ะ

โซฟาที่สามารถวางได้กับพื้นที่นั่งเล่นคือโซฟาแบบ 2 ที่นั่งนะคะ ก็จะพอดีๆ พื้นที่เลยไม่เบียดบริเวณรับประทานอาหารหรือติดประตูระเบียงค่ะ

ประตูระเบียงเป็นประตูบานเลื่อนกระจกสีชา

พื้นที่ระเบียงมีขนาดเล็กกว่าห้องแรกอยู่หน่อย ด้วยขนาดพื้นที่เท่านี้ยังพอสามารถตากผ้าและซักล้างได้ค่ะ

ด้านข้างเป็นพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์เหมือนกันกับห้องแรก คือเป็นประตูกริลระบายลมร้อนออกนอกอาคาร

อีกด้านติดตั้งปลั๊กไฟฟ้ากันน้ำให้เรียบร้อย แต่ต้องดูอีกทีว่าติดตั้งท่อน้ำดีน้ำเสียในห้องมาตรฐานไว้ให้สำหรับวางเครื่องซักผ้าได้ไหมค่ะ

กลับเข้าไปดูห้องนอนกันค่ะ

ลักษณะห้องนอนเป็นห้องแนวยาว แบ่งเป็น 2 โซน คือพื้นที่เตียงนอน และพื้นที่แต่งตัวกับห้องน้ำค่ะ

เดินเข้ามาจะเจอส่วนพื้นที่แต่งตัว ซึ่งเราจะได้ตู้เสื้อผ้าแบบ 3 บานเปิด สูงถึงฝ้าเพดาน ด้านในมีส่วนแขวนเสื้อผ้า ลิ้นชักเก็บเสื้อผ้าหรือถุงเท้า และชั้นด้านบนสามารถเก็บกระเป๋าเดินทางได้ค่ะ

มือจับตู้เสื้อผ้าเป็นแผ่นอลูมิเนียมจับได้สะดวกค่ะ

บริเวณเตียงนอนสามารถวางเตียงได้ขนาด 5 ฟุต แบบพอดีๆ ค่ะ

พื้นที่ทางเดินปลายเตียงเหลือให้เดินได้อยู่นิดหน่อย

ส่วนด้านข้างเตียงมีพื้นที่ให้เดินมากขึ้นอีกหน่อย สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ค่ะ

บริเวณริมหน้าต่างมีพื้นที่สำหรับวางโซฟานอนเล่นได้ หรือใครจะซื้อเป็นโต๊ะทำงานริมหน้าต่างก็ได้เช่นกันนะคะ

หน้าต่างเป็นบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศภายในห้องนอนได้ค่ะ

ในส่วนของห้องน้ำนั้นมีรูปแบบการจัดวางและยี่ห้อสุขภัณฑ์เหมือนกันกับห้องแรก (2 Bedroom) เลยค่ะ

แบ่งเป็นโซนแห้งและโซนเปียกชัดเจน สวยและน่าใช้งานดีค่ะ ^^

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 January 2015

  • ราคายังอยู่ในระหว่างอนุมัติ ซึ่งจะอัพเดตเพิ่มเติมในภายหลังจากช่วงเปิดตัวโครงการ pre-sale ในวันที่ 12 มีนาคม 2559

  • Fully Fitted
  • เพดานสูง 2.8 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

เนื่องจากรีวิวนี้ทางทีมงานได้เก็บข้อมูลก่อนที่จะเริ่มเปิดขาย (pre-sale) ทำให้ไม่มีในส่วนของราคาจึงนำมาสรุปและให้คะแนนไม่ได้นะคะ โดยทางทีมงานจะอัพเดตส่วนที่เหลือหลังจากที่ได้ราคามาแล้วเรียบร้อยค่ะ

 

Judgement

เนื่องจากรีวิวนี้ทางทีมงานได้เก็บข้อมูลก่อนที่จะเริ่มเปิดขาย (pre-sale) ทำให้ไม่มีในส่วนของราคาจึงนำมาสรุปและให้คะแนนไม่ได้นะคะ โดยทางทีมงานจะอัพเดตส่วนที่เหลือหลังจากที่ได้ราคามาแล้วเรียบร้อยค่ะ

 

BOTTOM LINE

Whizdom Essence เหมาะกับผู้ที่หาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายหลัก หรือทำงานในย่านอุดมสุข – ศรีนครินทร์ ชอบตึกสูง เน้นการใช้งาน Facilities ชอบทำเลใกล้แหล่งของกินและแหล่งช็อปปิ้ง เพราะในอนาคตจะมี Community Mall ที่อยู่ติดกับโครงการ ชอบห้องที่มีขนาดใหญ่ มีงบเผื่อสำหรับตกแต่งห้องเพิ่มเติมค่ะ
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )