รีวิวฉบับที่ 907 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาออกไปดูโครงการแถวๆรามอินทรากันบ้าง นั่นก็คือโครงการ The Trend รามอินทรา 71 คอนโด Low Rise 8 ชั้น สร้างเสร็จพร้อมอยู่ในซอย รามอินทรา 71 หรือ ซอย คู้บอน จาก เวนิชธุรกิจ จำกัด บริษัทในเครือเดียวกับ massTIGE development ที่ทางทีมงานได้ รีวิว บ้านศิรินรัตน์ ให้ได้ชมกันไปแล้ว โครงการนี้จะเป็นอย่างไรตามมาชมกันเลยค่ะ
Fact @ 27 August 2015
- The Trend Ramintra 71 (เดอะเทรนด์ รามอินทรา 71)
- บริษัท เวนิช ธุรกิจ จำกัด
- SUPER ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : คันนายาว
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 79 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 11 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 24 คันคิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 50%
- ที่ดินประมาณ 0-2-71.5 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : 2552
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : สร้างเสร็จพร้อมอยู่
- 1 Bedroom 32 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.90 ล้านบาท (Sold Out)
- 1 Bedroom 61.77 – 63.34 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.37 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.37 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 39,559 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 38,368 – 44,048 บาทต่อตารางเมตร
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร :02-943-4582-3 , 02-943-2739-40
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.846857, 100.665286
จากแผนที่โครงการ ที่ตั้งของโครงการ The Trend รามอินทรา 71 ตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 71 (ซอย คู้บอน) จากถนนรามอินทราลึกเข้าซอยมาประมาณ 800 เมตร โครงการจะอยู่ทางด้านขวามือบริเวณซอย คู้บอน 16/1 ในอนาคตบริเวณถนนรามอินทราจะมีแผนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยบริเวณหน้าปากซอยคู้บอน จะมีสถานีคู้บอน ตั้งอยู่บริเวณทางแยกนวมินทร์ หรือรามอินทรา กม.8 ระหว่างรามอินทราซอย 46 กับซอย 48 ใกล้แยกคู้บอน สำหรับรถไฟฟ้าสายนี้ อีกหลายปีอยู่ถึงจะสร้างเสร็จ ตามกำหนดการจะสร้างเสร็จปี 2562 แต่ถ้ามีความไม่แน่นอนทางการเมืองหรือเหตุปัจจัยอื่นๆมากระทบตัวโครงการก็อาจต้องเลื่อนไปอีก คนย่านนี้คงต้องอดใจรอกันไปก่อนนะคะ
ทำเลที่ตั้งของโครงการ ถือเป็นทำเลยอดฮิตของโครงการแนวราบ โดยเฉพาะ บ้านเดี่ยว ระยะหลังๆมานี้จึงเริ่มเห็นคอนโด Low Rise มาขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูบ้าง โดยการมาของรถไฟฟ้าทำให้พื้นที่ในย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์และความเจริญมากขึ้นตามไปด้วย ถ้าจะหาของกินของใช้ในย่านนี้ค่อนข้างสะดวกมีทั้ง ตลาดและร้านค้าต่างๆมากมาย มี Hyper market อย่าง Big C, Tesco Lotus, Food Land คอมมูนิตี้ มอลล์ เช่น The Walk และ Nawamin City Avenue และศูนย์การค้าอย่าง Fashion Island , The Promenade และ เซ็นทรัล รามอินทรา ให้คนย่านนี้ได้เดินเล่นช้อปปิ้งกัน นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลขนาดกลาง โรงเรียน มหาวิทยาลัย อยู่ในระยะที่ไม่ไกล
การเข้าถึงโครงการและการเดินทางไปที่ต่างๆ เนื่องจากในระหว่างนี้ยังไม่มีโครงการรถไฟฟ้า การเดินทางโดยใช้รถจะสะดวกกว่า สามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย โดยเส้นทางหลักที่ใช้ในการสัญจรจะเป็น ถนน รามอินทรา ซึ่งถนนรามอินทรานี้สามารถใช้เพื่อออกไปเชื่อมกับถนนสำคัญๆได้หลายสาย เช่น ถนน วิภาวดี – รังสิต , ถนน พหลโยธิน , ถนน ลาดปลาเค้า , ถนน วัชรพล , ถนน นวมินทร์ และสามารถใช้วิ่งไปจังหวัดมีนบุรีได้ จากที่ตั้งโครงการสามารถขึ้นทางด่วนได้ 2 จุด จุดแรก คือ ทางด่วน รามอินทรา – อาจณรงค์ ทางขึ้นจะอยู่บริเวณใกล้ๆกับทางเบี่ยงเข้าถนนวัชรพล และ อีกจุดคือ ด่านจตุโชติที่ขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ซึ่งมีจุดเชื่อมต่อไปยังวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก หรือถนนกาญจนาภิเษก
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถ ในปัจจุบันยังไม่มีโครงการรถไฟฟ้า อาจจะต้องพึ่งรถโดยสารประจำทาง วินมอเตอร์ไซค์ Taxi กันไปก่อน ซึ่งถ้าเดินทางในระยะใกล้ก็ค่อนข้างสะดวกเพราะที่ตั้งโครงการไม่ไกลจากถนนใหญ่มาก อยู่ในจุดที่ไม่เปลี่ยว มีรถเข้า – ออก ตลอด เรียกรถได้ง่าย แต่ถ้าจะไปไหนไกลๆเช่น เดินทางเข้าเมืองก็อาจจะลำบากหน่อย
เส้นทางที่เราจะพาเดินทางกันในวันนี้ จะเริ่มจากถนน แจ้งวัฒนะตรงมาเข้าถนน รามอินทรา มุ่งหน้ามีนบุรีไปเข้าถนน คู้บอน หรือ ซอย รามอินทรา 71 ซึ่งเส้นทางนี้จะผ่านทางขึ้นทางด่วน และ ตัดกับถนนสำคัญหลายสาย เช่น ถนน พหลโยธิน ถนน ลาดปลาเค้า ถนน วัชรพล เป็นต้น
เราเริ่มต้นการเดินทางจากถนนแจ้งวัฒนะ ขับตรงผ่านหลักสี่ สแควร์ และ มหาวิทยาลัย ราชภัฏพระนคร จากตรงนี้ถ้าตามป้าย สะพานใหม่ – ลาดพร้าว จะผ่านวงเวียนหลักสี่ ซึ่งสามารถไปเข้าถนนพหลโยธินได้ แต่เราจะตามป้ายมีนบุรีขึ้นสะพานข้ามแยกไป
ลงสะพานมาจะเข้าสู่ถนน รามอินทรา ขับตรงไปตามทางจะผ่านเซ็นทรัลพลาซา รามอินทรา
ตรงมาอีกซักระยะ จะผ่าน ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก และ สนามมวยลุมพินี รามอินทรา
ขับมาเรื่อยๆ ทางขวามือจะมีทางไปถนน ลาดปลาเค้า เส้นนี้จะออกไปยัง ถนน ลาดพร้าวได้
ตรงต่อไปจะผ่าน Big C Extra
ขับมาเรื่อยๆจะถึงทางแยก ซ้ายมือจะเป็นทางเบี่ยงเพื่อเข้าถนนวัชรพล ส่วนเราจะตรงไปตามถนนรามอินทรา
ถัดจากทางเบี่ยงเข้าถนนวัชรพลมา ทางซ้ายมือจะเจอกับทางขึ้นทางด่วน รามอินทรา – อาจณรงค์ แต่เราจะตรงต่อไป
ขับมาตรงมาซักระยะ จะเจอกับทางเบี่ยงด้านหน้า เราจะเบี่ยงซ้ายเลี้ยวเข้าถนนคู้บอน แต่ถ้าตรงไปขึ้นสะพานข้ามแยกจะเป็นทางมุ่งหน้าถนนกาญจนาภิเษก ไปศูนย์การค้า Fashion Island และ The Promenade
ก่อนทางเข้าถนน คู้บอน บริเวณหน้าปากซอยมีร้านอาหาร และ ร้านค้าอยู่เยอะพอสมควร
เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนน คู้บอน หรือ ซอย รามอินทรา 71 โครงการจะอยู่ลึกเข้าไปประมาณ 800 เมตร หน้าปากซอยนี้มีปริมาณรถเยอะพอสมควร
เข้ามาในซอย ช่วงต้นซอย จะเป็นตลาด ร้านค้า และ อาคารพาณิชย์ 2 – 3 ชั้น
ถัดมาจะเจอกับ 7-11 และ ตึกแถว 2 – 3 ชั้น ส่วนมากด้านล่างตึกแถวจะเปิดเป็นร้านค้า บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก
ตรงเข้าในซอยมาเรื่อยๆ พอผ่านทางโค้ง โครงการอยู่ทางขวามือ บริเวณซอย คู้บอน 16/1
ก่อนพาเข้าไปชมโครงการ ขออธิบายภาพรวมโครงการให้ฟังคร่าวๆก่อนค่ะ โครงการ The Trend รามอินทรา 71 เป็น คอนโด Low Rise 8 ชั้นตั้งอยู่บนที่ดินผืนใหญ่ของผู้พัฒนาโครงการ ซึ่งที่ดินผืนนี้ถูกแบ่งพัฒนาโครงการออกเป็น อาคารพาณิชย์ 4 ชั้นอยู่ด้านหน้าติดถนน คู้บอน ถัดมาเป็น ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น และเข้ามาด้านในจะเป็น โฮมออฟฟิส 4 ชั้น คอนโด Low Rise และ ทาวน์โฮม 2 ชั้น โดยตรงกลางจะเป็นสโมสรส่วนกลาง มีฟิตเนสและสระว่ายน้ำเอาไว้ใช้ร่วมกัน สำหรับโครงการต่างๆบนที่ผืนนี้ส่วนใหญ่ขายเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงแต่คอนโด และ โฮม ออฟฟิสที่เพิ่งสร้างเสร็จทีหลัง
สภาพแวดล้อมโดยรอบที่ดินโครงการ ส่วนมากจะเป็นที่อยู่อาศัย 2 -3 ชั้น และที่ดินเปล่า ยังไม่มีตึกสูงมาบดบังทัศนียภาพ แต่บริเวณที่ดินเปล่ารอบๆ โครงการในอนาคตยังไม่รู้ว่าจะมีการพัฒนาเป็นโครงการใหม่ๆหรือไม่ ส่วนบริเวณฝั่งตรงข้ามทางเข้าโครงการจะเป็นร้านค้าสูงประมาณ 1 -2 ชั้น ขายอะไหล่ยนต์ แบตเตอรี่ เฟอร์นิเจอร์เรียงกันไปตามแนวถนน
ฝั่งตรงข้ามทางเข้าโครงการจะเป็น ร้านค้า 1 – 2 ชั้น ขายอะไหล่ยนต์ แบตเตอรี่ เฟอร์นิเจอร์
สำหรับตัวคอนโด จากถนนซอย คู้บอนจะต้องเข้ามาในโครงการอีกประมาณ 150 เมตร โดยทางทิศเหนือของคอนโดจะติดกับ ทาวน์โฮม 2 ชั้นและสโมสร ทางด้านทิศใต้ของโครงการติดกับที่ดินเปล่ารอการพัฒนา ทางทิศตะวันออกติดกับโครงการ ทาวน์โฮม 2 ชั้นของผู้พัฒนาโครงการเดียวกัน ส่วนทางด้านทิศตะวันตกจะติดกับถนนโครงการและโฮมออฟฟิส 4 ชั้น
ทางด้านทิศเหนือของคอนโด หรือ มุมมอง A จะติดกับ ทาวน์โฮม 2 ชั้นและสโมสร
ทางด้านหน้าคอนโด หรือ มุมมอง B จะติดกับถนนโครงการและโฮมออฟฟิส
ทางด้านทิศใต้ของคอนโด หรือ มุมมอง C ติดกับที่ดินเปล่ารอการพัฒนา
ส่วนทางด้านหลังคอนโด หรือ มุมมอง D ติดกับโครงการ ทาวน์โฮม 2 ชั้นของผู้พัฒนาโครงการเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ขายหมดไปแล้ว
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงพยาบาล สินแพทย์ ~ 2.1 กิโลเมตร
- Fashion Island ~ 4.8 กิโลเมตร
- เดอะ พรอมานาด ~ 5.2 กิโลเมตร
- The Walk ~ 8.5 กิโลเมตร
- เซ็นทรัล รามอินทรา ~ 8.7 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัย เกริก ~ 9 กิโลเมตร
- Nawamin City Avenue ~ 9.2 กิโลเมตร
- หลักสี่สแควร์ ~ 10.4 กิโลเมตร
- มหาลัย ราชภัฏพระนคร ~ 12.3 กิโลเมตร
- ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก ~ 12.5 กิโลเมตร
โครงการ The Trend รามอินทรา 71 เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 79 ยูนิต ตัวอาคารใช้โทนสีขาว และ เทาอ่อนในการตกแต่ง ชั้นล่างเป็น Lobby สำนักงานนิติบุคคล และที่จอดรถ ด้านหน้าอาคารมีพื้นที่สำหรับจอดรถได้อีกประมาณ 10 คัน ส่วนชั้น 2 – 8 เป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด สำหรับ Facility ของโครงการนี้จะแยกออกมาอยู่ต่างหาก บริเวณ Clubhouse ด้านล่างค่ะ
มาดูตัวโมเดลกัน พอเข้าซอยคู้บอน 16/1 มาผ่าน อาคารพาณิชย์ และ ทาวเฮ้าส์ ก็จะเจอกับ ป้อมยาม และทางเข้าอีกจุดหนึ่งกั้นด้วยไม้กระดก พอเข้ามาก็จะเจอโฮมออฟฟิส 4 ชั้น ทางด้านซ้ายจะเป็น Club house ทาวน์โฮม และ สุดท้ายคือ คอนโด The Trend ระยะห่างระหว่างอาคารโฮมออฟฟิสกับคอนโด ห่างกันประมาณ 22 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่ห่างพอสมควรห้องที่อยู่ฝั่งติดถนนโครงการชั้น 2 – 4 เวลามองออกมาเห็นโฮมออฟฟิสจะรู้สึกไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่
ชั้นล่างจะเป็นพื้นที่ของ Lobby สำนักงานนิติบุคคล และ ที่จอดรถ จอดได้ 24 ช่องจอด ไม่รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 30 % แต่ถ้ารวมที่จอดด้านหน้าอาคารและรวมจอดซ้อนคันจะจอดได้ 50% โดยรถจะต้องวนผ่านเข้าทางด้านหลังอาคาร ในอาคารมีลิฟต์โดยสาร 1 ตัว ไม่มี Service ลิฟต์ อัตราส่วนลิฟต์เท่ากับ 79:1 โดยรวมยังถือว่ายังเป็นอัตราส่วนที่โอเค เนื่องจากจำนวนยูนิตไม่เยอะและมีจำนวนชั้นไม่มาก ถ้าเร่งด่วนจริงๆก็ใช้บันไดได้ ชั้นล่างมีบันไดหนีไฟ 1 ชุด
ชั้น 2 – 8 จะเป็นส่วนของห้องพักทั้งหมด โครงการนี้มีเฉพาะห้อง 1 ห้องนอนเท่านั้นแต่ขนาดห้องจะค่อนข้างจะใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 Type คือ 1 ห้องนอน 32 ตารางเมตร และ 1 ห้องนอน 62 ตารางเมตร โดยห้อง 32 ตารางเมตรจะอยู่ทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศที่รับแดดบ่าย เพราะฉะนั้นเวลาบ่ายห้องจะค่อนข้างร้อน ส่วนห้อง 62 ตารางเมตร จะวางอยู่บริเวณมุมอาคาร และด้านหลังอาคารทางทิศตะวันออก มีลิฟต์โดยสาร 1 ตัว ตั้งแต่ชั้น 2 – 8 จะมีบันไดหนีไฟ 2 ชุด สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะแยกออกมาอยู่บริเวณ Clubhouse ด้านล่างซึ่งเวลาไปใช้งานอาจจะเดินไกลซักหน่อย แต่ก็มีข้อดีตรงที่ภายในคอนโดจะค่อนข้างสงบ และเป็นส่วนตัว
เรามาชมโครงการกันค่ะ ทางเข้าโครงการอยู่ติดถนนคู้บอน หรือถนนซอยรามอินทรา 71 จุดสังเกตด้านหน้าคือจะมีอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นสีส้มของ Developer เจ้าเดียวกันอยู่ด้านหน้า
เข้ามาในโครงการ จะต้องผ่านอาคารพาณิชย์สีส้มสดใสทางด้านขวานี้เข้าไปก่อน
ถัดจากอาคารพาณิชย์ก็จะเป็นทาวน์เฮ้าส์สูง 3 ชั้นของ Developer เจ้านี้เหมือนกัน
ถัดจากทาวน์เฮ้าส์สูง 3 ชั้นมาก็จะเจอทางเข้าซึ่งกั้นด้วยไม้กระดก อีกชั้นหนึ่ง รถที่จะผ่านเข้าไปต้องมีสติกเกอร์ถ้าไม่มีก็ต้องแลกบัตร โดยด้านข้างจะมีป้อมยามรักษาความปลอดภัยให้
จากทางเข้า เข้ามาก็จะเจอกับโฮม ออฟฟิสสูง 4 ชั้นทางด้านขวาก่อน ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็น Club house , โครงการ ทาวน์โฮม และ คอนโด The Trend ที่เราจะพาไปชมนั่นเอง
มาดูที่ Club House กันก่อน ซึ่งชั้นล่างปัจจุบันจะเป็นพื้นที่ของสำนักงานขาย ซึ่งถ้าโครงการขายหมดพื้นที่ตรงส่วนนี้อาจจะปรับเป็นร้านค้าให้เช่า ส่วนชั้นบนจะเป็นฟิตเนส และ ด้านหลังของ Club House จะเป็นสระว่ายน้ำ โดย Clubhouse นี้ถ้าจะเข้าใช้จะต้องมีค่าสมัครสมาชิกเพิ่มเติมเดือนละ 600 บาท จ่ายล่วงหน้า 1 ปี
ทางเข้าสระว่ายน้ำอยู่ด้านข้าง Club House ค่ะ
บรรยากาศภายในสระว่ายน้ำ เป็นสระระบบคลอรีน แบ่งออกเป็นสระผู้ใหญ่ขนาด กว้าง 7 เมตร ยาว 14 เมตร ลึก 1.2 เมตร และ สระเด็ก กว้าง 2.75 เมตร ยาว 4.4 เมตร ลึก 0.7 เมตร
มองจากอีกมุมหนึ่ง เห็นด้านหลังของ Club House ชั้นบนเห็นฟิตเนสอยู่ไกลๆ
ด้านข้างสระผู้ใหญ่จะเป็นสระเด็ก
พื้นที่ล้างตัวก่อนและหลังว่ายน้ำ บังตาด้วยระแนงไม้สีเข้ม
ด้านในบริเวณอาบน้ำล้างตัว มีชุดฝักบัวอาบน้ำอยู่ 2 ชุด
ถัดมามีห้องน้ำ แยกชาย หญิง
บรรยากาศห้องน้ำด้านใน มีอ่างล้างหน้า และ โถสุขภัณฑ์
มาดูใน Club House กันต่อค่ะ
เปิดประตูเข้ามาทางด้านซ้ายตอนนี้จะเป็นสำนักงานขายของโครงการ ถ้าขึ้นบันไดไปจะเป็นทางไปฟิตเนส
ฟิตเนสวางอุปกรณ์เครื่องเล่นได้ประมาณ 7 ชิ้น พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตรสีขาวผิวเงาดูสะอาดตา
ถัดจากห้องฟิตเนสจะมีห้องน้ำแยก ชาย หญิงอีก 2 ห้อง
บรรยากาศภายในห้องน้ำ คล้ายๆกับห้องน้ำชั้นล่าง
ถัดจาก Club House มาจะเป็นตัวคอนโด และ โฮม ออฟฟิส ทั้ง 2 ตึกนี้ระยะห่างกันประมาณ 22 เมตร ด้านหน้าคอนโดสามารถเอารถมาจอดได้
เข้ามาดูตัวโครงการ คอนโด The Trend กันค่ะ
ทางเข้าที่จอดรถจะต้องวนไปเข้าด้านหลังของอาคาร
ที่จอดรถภายในอาคาร จอดได้ประมาณ 24 คัน ซึ่งค่อนข้างน้อยไปหน่อย แต่ถ้าไปรวมกับที่จอดรถด้านหน้าและด้านข้างอาคารแล้วจะจอดได้ประมาณ 50%
ทางเข้าอาคาร อยู่ทางด้านฝั่งที่ติดกับทาวโฮม มีทำซุ้มประตูระแนงไม้ตกแต่ง
เข้ามาทางด้านซ้ายจะเป็นสำนักงานนิติบุคคล และ ทางเข้าโถงลิฟต์ ทางด้านขวาจะเป็น Lobby และ ด้านหลังเป็นทางออกไปที่จอดรถ
บรรยากาศภายใน Lobby มีวางชุดที่นั่งอยู่ 2 – 3 ชุด ด้านข้างเป็นหน้าต่างเปิดรับลมได้
อีกฝั่งหนึ่งเป็นสำนักงานนิติบุคคล และ ทางเข้าโถงลิฟต์
ถัดจากโถงลิฟต์มีชุดเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ เอาไว้วางขนมและน้ำ บริการสำหรับทานบริเวณ Lobby
ทางเข้าโถงลิฟต์ จะต้องสแกนคีย์การ์ดผ่านที่ประตูชั้นนี้
หน้าตาที่สแกนคีย์การ์ด
เข้ามาจะเจอกับตู้จดหมาย และ ตู้เก็บอุปกรณ์ดับเพลิง
ถัดเข้ามาเป็นลิฟต์โดยสารมีอยู่ 1 ตัว ด้านซ้ายของลิฟต์เป็นประตูไปบันไดหนีไฟ
หน้าตาปุ่มกดลิฟต์
บรรยากาศภายในลิฟต์ พื้นเป็นกระเบื้องยาง ส่วนผนังกรุลามิเนต
ลิฟต์เป็น ลิฟต์ไม่ล็อคชั้น ปุ่มกดด้านในหน้าตาเป็นแบบนี้
เข้ามาที่โถงทางเดิน โถงทางเดินกว้าง 1.50 ซึ่งค่อนข้างกว้างกว่าโถงทางเดินที่อื่น พื้นเป็นกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- สระว่ายน้ำ ระบบคลอรีน แบ่งเป็น สระผู้ใหญ่ขนาด 7 x 14 เมตร ลึก 1.20 เมตร และ สระเด็กขนาด 2.75 x 4.40 เมตร ลึก 0.70 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 7 เครื่อง
- ลิฟท์โดยสาร 1 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 79 : 1
- ที่จอดรถ 24 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 50%
- ระบบ CCTV / Access Card
ก่อนจะพาไปชมห้องตัวอย่างขอพูดถึง Promotion ของโครงการนี้คร่าวๆก่อน โดยห้องที่มีขายตอนนี้จะมีเพียงแค่ห้อง 1 ห้องนอน 62 ตารางเมตรเท่านั้น ส่วนห้อง 32 ตารางเมตรนั้นขายหมดไปแล้ว โปรโมชั่นการขายของที่นี่จะมีให้ 3 Option คือให้เลือกทั้งห้องเปล่า , Fully fitted และ Fully Furnished แล้วแต่ความต้องการของลูกค้าเลยว่าอยากจะได้แบบไหน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ห้องเปล่า คือ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้ มีเพียงแค่สุขภัณฑ์เท่านั้น
2. ห้องแบบ Fully Fitted คือมีแถมเฟอร์นิเจอร์ให้บางส่วน คือ
– ชุดห้องนอนประกอบด้วย เตียง , ตู้เสื้อผ้า , โต๊ะเครื่องแป้ง , ชั้นวางทีวี
– ชุดห้องรับแขก ประกอบด้วย โซฟา , โต๊ะกลาง , ชุดวางทีวี
– โต๊ะอาหาร + เก้าอี้ 4 ที่นั่ง , แอร์ Samsung 12,000 BTU 1 เครื่อง , วอลเปเปอร์ทั้งห้อง
3. ห้องแบบ Fully Furnished คือมีแถมเฟอร์นิเจอร์ พร้อมตกแต่ง ซึ่งตอนนี้มีทำห้องตัวอย่างของ Type นี้ไว้ให้ดู 1 ห้องขายในราคาพิเศษแต่ถ้าลูกค้าอยากได้ห้องแบบนี้ทางโครงการจะมีบริการแนะนำผู้รับเหมา มาตกแต่งห้องเปล่าให้ โดยงบประมาณการตกแต่งห้องจะแยกเป็นคนละส่วนกับราคาห้อง
โดยวันนี้เราจะพาไปดูห้องแบบ Fully Fitted และ Fully Furnished โดยเริ่มที่ห้อง Fully Fitted ซึ่งมีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการก่อน
มาดูการจัดพื้นที่ของแปลนห้อง 1 ห้องนอน 62 ตารางเมตร ขนาดห้องถือว่าค่อนข้างกว้างเลยทีเดียวสำหรับแบบ 1 ห้องนอน การจัดแนวคิดการจัดพื้นที่ใช้สอยของโครงการนี้คืออยากให้ลูกค้าได้ Space พื้นที่ที่ใหญ่เพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่คล้ายบ้านมากที่สุด โดยเข้ามาจะเจอพื้นที่สำหรับครัวก่อน ซึ่งครัวห้องนี้จัดพื้นที่เคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว L โดยวางชุดโต๊ะทานข้าวต่อเนื่องกับชุดครัวไปเลย การวางผังครัวแบบนี้ทำให้เวลาทำอาหารหยิบจับอะไรได้สะดวกขึ้น แต่เนื่องจากไม่ใช่ครัวปิด เวลาทำอาหารต้ม ผัด แกง ทอดก็จะมีปัญหากลิ่นอาหารลอยไปทั่วห้องแน่นอน เราสามารถกั้นพื้นที่ตรงส่วนนี้เป็นครัวปิดได้ แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทำกับข้าว การวางผังแบบนี้จะทำให้พื้นที่ต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่น ซึ่งพื้นที่ระหว่างโซฟาและตู้วางทีวีมีระยะดูทีวีค่อนข้างโอเค อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นแบ่งเป็นพื้นที่ห้องนอนและ ห้องน้ำ โดยห้องนอนสามารถจัดมุมนั่งทำงานต่อเนื่องกับชั้นวางทีวียาวๆ และ ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ พื้นที่ของห้องน้ำค่อนข้างกว้างสามารถเข้าได้ทั้ง 2 ทางคือจากห้องครัวและห้องนอน ซึ่งดีเพราะเวลาเรามีแขกมาเยี่ยมก็สามารถให้เข้าจากทางด้านนอกได้ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน
OPTION 1 – Fully Fitted
มาดูห้องแบบ Fully Fitted กันก่อน ประตูที่ให้เป็นบานประตูสำเร็จรูปสีขาวหน้าตาแบบนี้
ระหว่างพื้นระเบียงและพื้นห้องเป็นกระเบื้องเหมือนกัน แต่คนละขนาดและคนละสีปูต่อกันแบบนี้
เข้ามาจะเจอส่วนโต๊ะทานข้าวและห้องรับแขก เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่วางอยู่ในนี้จะได้แบบนี้เลย ยกเว้นของตกแต่ง สังเกตว่าห้องนี้จะไม่มีชุดครัวให้ พื้นส่วนครัวและส่วนโต๊ะทานข้าวจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ผิวเงาสีขาว ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ครัวเพราะทำความสะอาดง่าย ส่วนห้องรับแขกวัสดุพื้นเป็นไม้ลามิเนต ผนังแถมวอลเปเปอร์ทั้งห้อง
หน้าตาชุดโต๊ะทานข้าว และ โซฟา
ระหว่างชุดโซฟา และ ชั้นวางทีวี มีระยะดูทีวีเหลือพอสมควรเลย
ด้านข้างห้องนั่งเล่นมีบานประตูรับแสงธรรมชาติเข้ามาในห้อง บานประตูออกไประเบียง เป็นประตูบานกระจก กรอบอะลูมิเนียมสีขาว
หน้าตามือจับเป็นแบบนี้
ระหว่างพื้นห้องนั่งเล่น และ พื้นระเบียงมีการยกสูงประมาณ 20 เซนติเมตร สำหรับกันน้ำฝนและเผื่อสำหรับซักล้างบริเวณระเบียง
พื้นที่ระเบียงค่อนข้างกว้าง ขนาด 1.20 x 2.00 เมตร ปูกระเบื้องเซรามิคขนาด 20 x 20 เซนติเมตร ราวกันตกเป็นเหล็กทาสีเทาสูงประมาณ 1.00 เมตร
ฝ้าเพดานเป็นแบบนี้ติดไฟ ดาวน์ไลท์ให้ 1 จุด
มาดูต่อกันที่ห้องน้ำ หน้าตาประตูเป็นบานสำเร็จรูปสีขาวแบบนี้
ระหว่างพื้นห้องครัว และ ห้องน้ำมียกระดับขึ้นมา 10 เซนติเมตร
ภายในห้องน้ำค่อนข้างกว้าง แบ่งพื้นที่เป็นส่วนแห้งกับส่วนเปียก บริเวณพื้นที่อาบน้ำทางโครงการเค้าไม่ได้กั้นฉากกั้นอาบน้ำมาให้ เราจะกั้นเพิ่มเติมเป็นแบบกระจก หรือ จะหาม่านกั้นอาบน้ำลายสวยๆมาใช้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ
พื้นที่อาบน้ำ ขนาด 2.00 x 1.20 เซนติเมตร ถือว่าค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว พื้นปูเป็นกระเบื้องเซรามิคสีขาวผิวด้าน ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร
หน้าตาของชุดฝักบัวยี่ห้อ Cotto ด้านข้างผนังมีช่องวางของเล็กๆมาให้
ฝักบัวยี่ห้อ Cotto มีถาดวางสบู่เล็กๆมาให้
อีกฝั่งเป็น อ่างล้างหน้า และ โถสุขภัณฑ์ ด้านล่างอ่างล้างหน้ามีพื้นที่เหลือพอสมควรสามารถวางของได้
อ่างล้างหน้าของ Cotto วางบน Top เคาน์เตอร์หินแกรนิต
โถสุขภัณฑ์เป็นของ Cotto ที่แขวนกระดาษชำระติดตั้งไว้ด้านข้างซึ่งสะดวกต่อการใช้งาน ด้านหลังกรุกระเบื้องโมเสคเพิ่มความสวยงาม ด้านบนติดพัดลมดูดอากาศ
จากห้องน้ำมาจะเจอกับห้องนอน ซึ่งจะมีแถม เตียง(ไม่รวมฟูกและชุดเครื่องนอน) ตู้ โต๊ะเครื่องแป้ง ชั้นวางทีวีให้ พื้นของห้องนอนเป็นพื้นไม้ลามิเนตีเดียวกับห้องนั่งเล่น
หน้าตาชุดวางทีวี และ โต๊ะเครื่องแป้งที่โครงการให้
ด้านข้างเตียงทั้งสองฝั่ง มีระยะเหลืออยู่พอสมควร ด้านข้างเตียงทางฝั่งขวาวางตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อนได้
ระยะปลายเตียงเหลืออยู่เยอะพอสมควร
มุมมองจากอีกฝั่งหนึ่ง
ตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการแถมให้ เป็นบานเลื่อนซึ่งข้อดีคือประหยัดพื้นที่ เวลาเปิดบานตู้จะไม่ชนกับด้านข้างเตียง
แอร์ยี่ห้อ Samsung 12,000 BTU
หน้าตามือจับประตู
ระหว่างพื้นห้องนอนกับพื้นระเบียงมียกพื้นสูงขึ้นประมาณ 20 เซนติเมตร
ระเบียงบริเวณห้องนอนกว้าง 1.20 x 1.40 เซนติเมตร วัสดุพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 20 x 20 เซนติเมตร คอมเพรสเซอร์โครงการจะติดตั้งวางไว้บนพื้นแบบนี้ ไม่ได้แขวนให้ค่ะ
หน้าตาสวิทช์ ปลั๊ก ของ bticino
OPTION 2 – Fully Furnished
สำหรับห้องที่จะพาไปดูเป็นห้องที่ 2 คือห้อง 1 ห้องนอน 62 ตารางเมตรที่ขายแบบ Fully Furnished มีแถมเฟอร์นิเจอร์ และบริการตกแต่งห้องให้ ซื้อของตกแต่งเพิ่มอีกหน่อยก็สามารถลากกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย
การจัดพื้นที่ห้องนี้จะเหมือนกับในแปลนเลยคือเข้ามาเจอชุดเคาน์เตอร์ครัวก่อน ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่น พื้นส่วนครัวจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ส่วนห้องนั่งเล่นจะเป็นพื้นลามิเนตลายไม้
ครัวที่ได้เคาน์เตอร์เป็น L Shape วางโต๊ะทานข้าวต่อเนื่องกัน ผนังด้านข้างโต๊ะทานข้าวทำเป็นชั้นวางของมาให้ เอาไว้วางขวดซอส ขวดไวน์ หรือเครื่องปรุง ถ้าอยากให้ดูเรียบร้อยขึ้นเราจะใส่บานเปิดเพิ่มเข้าไปด้วยก็ได้นะ
โต๊ะทานข้าว ถ้าจัดพื้นที่จริงๆสามารถวางเก้าอี้ได้เต็มที่ 4 ที่นั่ง แต่ถ้าเวลาทำครัวรู้สึกว่าเกะกะก็สามารถเอาเก้าอี้ออกไปก่อนได้ เราสามารถใช้พื้นที่บนโต๊ะอาหารไว้วางของตอนเรากำลังทำอาหารได้
เตาไฟฟ้า และ เครื่องดูดควัน กรณีที่เลือก โปรโมชั่นแบบ Fully Furnished เท่านั้นถึงจะได้ โดยเครื่องดูดควันเป็นระบบดูดแล้วต่อท่อออกนอกอาคารพอช่วยดูดกลิ่นได้บ้าง
หน้าตาเตาไฟฟ้า 4 หัว
ต่อมาเป็นส่วนห้องนั่งเล่น จะได้เฟอร์นิเจอร์หน้าตาแบบนี้
หน้าประตูทางเข้าห้องน้ำ มีทำตู้เก็บของ Built – in มาให้ ซึ่งเราอาจจะเอาไว้เก็บรองเท้าหรือของเล็กๆ น้อยๆได้
บรรยากาศภายในห้องน้ำเหมือนเดิมทุกประการ
พื้นที่ส่วนอาบน้ำห้องนี้กั้นกระจกนิรภัยมาให้
ระหว่างส่วนเปียกและส่วนแห้งลดระดับลงมาแค่นิดเดียว เวลาอาบน้ำอาจมีน้ำไหลเกินออกไปส่วนแห้งบ้าง
ด้านล่างเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควร สำหรับเอาไว้วางถังน้ำหรือถ้าอยากให้ดูเรียบร้อยขึ้นก็สามารถทำ Built – in ตู้เล็กๆเอาไว้เก็บของเพิ่มได้
ถัดมา ห้องนอนจะต่างกับห้องแรกตรงที่ห้องนี้ Built – in โต๊ะทำงานและชั้นวางทีวีมาให้
ผนังอีกฝั่งหนึ่งทำเป็นตู้เสื้อผ้าโครงไม้ ข้างในตู้พ่นสีขาว หน้าบานตู้เป็นกระจกสีเขียวเก็บเสื้อผ้าได้เยอะทีเดียว
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 27 August 2015
- 1 Bedroom ชั้น 2 ห้อง 168/35 เนื้อที่ 63.34 ตร.ม. ราคา 2.79 ล้านบาท หรือ 44,047 บาท/ตร.ม. (Fully Furnished)
- 1 Bedroom ชั้น 2 ห้อง 168/40 เนื้อที่62.22 ตร.ม. ราคา 2.39 ล้านบาท หรือ 38,412 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ชั้น 4 ห้อง 168/58 เนื้อที่62.18 ตร.ม. ราคา 2.43 ล้านบาท หรือ 39,080 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ชั้น 4 ห้อง 168/61 เนื้อที่ 61.77 ตร.ม. ราคา 2.37 ล้านบาท หรือ 38,368 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ชั้น 5 ห้อง 168/69 เนื้อที่ 62.18 ตร.ม. ราคา 2.43 ล้านบาท หรือ 39,080 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ชั้น 5 ห้อง 168/72 เนื้อที่ 61.77 ตร.ม. ราคา 2.37 ล้านบาท หรือ 38,368 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished / Fully Fitted / Standard Room
- เพดานสูง 2.60 เมตร
- Kitchen & Sink (เฉพาะ Fully Furnished)
- Hob & Hood (เฉพาะ Fully Furnished)
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 20,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 1 Bedroom 1,600 บาท ต่อเดือน หรือ 25 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์
- ค่ากองทุนนิติบุคคล 1 Bedroom 19,200 บาท หรือ ประมาณ 300 บาทต่อตารางเมตร ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์
- ค่าประกันมิเตอร์น้ำประปา 500 บาท และมิเตอร์ไฟฟ้า 6,500 บาท ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลของโครงการ The Trend รามอินทรา 71 ตั้งอยู่ในซอย รามอินทรา 71 หรือ ซอยคู้บอน อยู่ลึกจากถนนรามอินทราเข้ามาประมาณ 800 เมตร จากที่ตั้งโครงการสามารถเดินทางเข้าออกได้หลายเส้นทาง สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ และ ร้านค้า บริเวณหน้าปากซอยในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดจะอยู่บริเวณตั้งอยู่บริเวณทางแยกนวมินทร์ หรือรามอินทรา กม.8 ระหว่างรามอินทราซอย 46 กับซอย 48 ใกล้แยกคู้บอน การมาของรถไฟฟ้าจะทำให้ศักยภาพของทำเลนี้มีมากขึ้นไปอีก ช่วงหลังๆจะเห็นเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise เกาะแนวรถไฟฟ้า ความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้มีอยู่เยอะพอสมควร โดยจะมีตลาดอยู่หลายจุด และ มีร้านค้า เรียงกันไปตามแนวถนน และมี Hyper market อย่าง Big C, Tesco Lotus, Food Land มีคอมมูนิตี้ มอลล์มาเปิดใหม่ เช่น The Walk และ Nawamin City Avenue และศูนย์การค้าอย่าง Fashion Island , The Promenade และ เซ็นทรัล รามอินทรา มาเปิดให้คนย่านนี้ได้ใช้กัน
ทัศนียภาพโดยรอบโครงการ ส่วนใหญ่จะเป็นที่พักอาศัย 2-3 ชั้น และ ที่ดินเปล่ารอการพัฒนา ยังไม่มีอาคารสูงมาบดบังทัศนียภาพ และเนื่องจากโครงการอยู่ในที่ดินของผู้พัฒนาโครงการ มีบางส่วนที่พัฒนาเป็นโครงการอื่นไปหมดแล้ว เวลาเข้าไปชมโครงการจึงสามารถดูเพื่อนบ้านไปด้วยว่าเป็นอย่างไร ภายในโครงการถึงแม้ว่าจะมีที่พักอาศัยอยู่รวมกันเยอะแต่ภายในค่อนข้างเงียบ จะมีช่วงเวลาเร่งด่วนที่คนจะเยอะบ้าง
การเดินทางโดยใช้รถ จากที่ตั้งโครงการสามารถใช้เส้นทางเชื่อมออกไปยังถนนสายต่างๆได้หลายสาย โดยเส้นทางหลักคือ ถนน รามอินทรา ซึ่งถนนรามอินทรานี้สามารถเชื่อมไปยังถนนสำคัญๆได้หลายสาย เช่น ถนน วิภาวดี – รังสิต , ถนน พหลโยธิน , ถนน ลาดปลาเค้า , ถนน วัชรพล , ถนน นวมินทร์ และสามารถใช้ออกไปยังจังหวัดมีนบุรีได้ จากที่ตั้งโครงการสามารถขึ้นทางด่วนได้ 2 จุด จุดแรก คือ ทางด่วน รามอินทรา – อาจณรงค์ ทางขึ้นจะอยู่บริเวณใกล้ๆกับทางเข้าถนนวัชรพล และ อีกจุดคือ ด่านจตุโชติที่ขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ซึ่งมีจุดเชื่อมต่อไปยังวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก หรือถนนกาญจนาภิเษก
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถ ในปัจจุบันยังไม่มีโครงการรถไฟฟ้า อาจจะต้องพึ่งรถโดยสารประจำทาง วินมอเตอร์ไซค์ Taxi กันไปก่อน ซึ่งถ้าเดินทางไปไหนมาไหนในระยะใกล้ๆก็ไม่ลำบากเท่าไหร่เพราะที่ตั้งโครงการไม่ไกลจากถนนใหญ่มาก อยู่ในจุดที่ไม่เปลี่ยว มีรถเข้า – ออก ตลอด เรียกรถได้ง่าย ไม่เปลี่ยว แต่ถ้าจะไปไหนไกลๆเช่น เดินทางเข้าเมืองก็อาจจะลำบากหน่อย แต่ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จการเดินทางจะสะดวกขึ้น
การใช้วัสดุ โครงการนี้ให้ตามมาตรฐานของโครงการอื่นๆ พื้นเป็นกระเบื้อง แกรนิตโต้ , พื้น ลามิเนต แต่ที่แตกต่างคือโครงการนี้มีการจัดโปรโมชั่นให้เฟอร์นิเจอร์แบบตามใจลูกค้าว่าอยากจะได้เป็นแบบห้องเปล่า สำหรับคนที่อยากได้ห้องราคาถูกหน่อย หรืออยากตกแต่งห้องเอง หรือคนที่อยากได้เฉพาะเฟอร์นิเจอร์ก็เลือกแบบ Fully Fitted ได้ หรือ ถ้าอยากได้แบบจัดเต็ม ยกกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลยสามารถเลือกโปรโมชั่นแบบ Fully Furnished ได้
การออกแบบ อยู่ในมาตรฐานโครงการอื่นๆทั่วๆไป ที่ดีคือการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในห้องให้สามารถใช้งานได้จริงทุกพื้นที่ จัดพื้นที่ห้องให้มีขนาดใหญ่กว่า 1 ห้องนอนของโครงการอื่นในราคาที่ย่อมเยา
สาธารณูปโภค เนื่องจากโครงการแยก Club House ซึ่งประกอบด้วยฟิตเนส และ สระว่ายน้ำ เอาไว้ใช้ร่วมกับโครงการอื่นๆ และต้องเสียค่าสมาชิกเพื่อใช้ Club House เพิ่มอีกเดือนละ 600 บาทเก็บล่วงหน้า 1 ปี ตรงนี้จึงถือว่า Facility ที่ให้ค่อนข้างน้อยไปหน่อย คนที่อยู่โครงการนี้จึงน่าจะเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยได้ใช้ Facility เท่าไหร่นัก เน้นห้องใหญ่ๆ ราคาย่อมเยา เดินทางเข้าเมืองสะดวกสำหรับที่จอดรถจำนวนช่องจอดภายในอาคารไม่มากนัก แต่รอบๆโครงการพื้นมีที่เหลือสามารถจอดรถแบบไม่ซ้อนคันได้ค่อนข้างเยอะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 39,559 บาท/ตร.ม., 27 August 2015
- ทำเล 7.5/10 – อยู่ในแหล่งชุมชน ใกล้ศูนย์การค้า ใช้เส้นทางได้หลายสาย ใกล้ทางด่วน
- ทำเล (กรณีรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ) 7.75/10 – คาดดว่าจะมีการพัฒนาพื้นที่ และ ความอุดมสมบูรณ์จากการมาของรถไฟฟ้า
- เดินทางด้วยรถ 7/10 – ค่อนข้างสะดวกเพราะใช้เส้นทางได้หลากหลาย แต่อาจจะไกลเมืองหน่อย
- ไม่ใช้รถ 6.75/10 – ลำบากหน่อย ต้องพึ่งบริการรถโดยสารสาธารณะ
- ไม่ใช้รถ (กรณีรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ) – 7/10 ค่อนข้างสะดวกเนื่องจากมีรถไฟฟ้าอยู่หน้าปากซอย
- วัสดุ 8/10 – ให้ตามมาตรฐานทั่วไป ดีตรงที่มีโปรโมชั่นมาให้เลือกเยอะ
- แบบ 7.25/10 – ออกแบบการจัดพื้นที่ภายในห้องพักได้ดี
- สาธารณูปโภค 6.75/10 – ค่อนข้างน้อย และต้องแชร์กันใช้
- SUPER ECONOMY CLASS
- 7.28 / 10.00 (กรณีรถไฟฟ้ายังไม่สร้าง)
- 7.41 / 10.00 (กรณีรถไฟฟ้าสร้างเสร็จแล้ว)
BOTTOM LINE
The Trend รามอินทรา 71 เหมาะกับ คนที่ทำงานในย่านรามอินทราหรือใกล้เคียง หรือ คนที่ต้องการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่หน่อย แต่ราคาย่อมเยา ยอมที่จะอยู่ไกลจากเมืองออกมาหน่อย ชอบความสงบ ไม่เน้น Facility มากนัก เดินทางด้วยรถยนต์ มีงบประมาณ 2.3 -3 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 16,000 – 20,000 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )