รีวิวฉบับที่ 1826 … สวัสดีค่ะ หลังจากที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเริ่มมา บนถนนจรัญสนิทวงศ์ก็มีโครงการมาขึ้นเรื่อยๆนะคะ สำหรับวันนี้จะพาไปชม The Tree จรัญฯ-บางพลัด คอนโด High Rise ติดถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้สถานีบางพลัด โครงการนี้ออกแบบในสไตล์รีสอร์ทพร้อมจัดส่วนกลางมาให้ครบครัน มี Facilities ที่ชั้นบนสุดให้เราชมวิวแม่น้ำได้ด้วย ไปชมกันเลยดีกว่าค่ะ
Fact @ 5 March 2019
- The Tree Charan-Bangphlat (เดอะทรี จรัญฯ-บางพลัด)
- บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางพลัด
- คอนโด High Rise 36 ชั้น+ ชั้นลอยเหนือชั้น 36 1 อาคาร จำนวน 719 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 24 ยูนิตที่ชั้น 7 – 35
- ที่จอดรถประมาณ 280 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 39%
- ที่ดินประมาณ 3-2-23.2 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : n/a
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : n/a
- Studio 22.18 ตร.ม. จำนวน 60 ยูนิต
- 1 Bedroom 26.65 – 28.79 ตร.ม. จำนวน 450 ยูนิต
- 1 Bedroom Plus 34.76 – 34.84 ตร.ม. จำนวน 120 ยูนิต
- 2 Bedrooms 46.99 – 54.95 ตร.ม. จำนวน 89 ยูนิต
- ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ n/a บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 85,000 – 100,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : n/a
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- สำนักงานขาย : 02-101-0868
- Call Center : 1739
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.794683, 100.506332
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
จรัญสนิทวงศ์แต่เดิมมีลักษณะเป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง ที่อยู่อาศัยบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถว ทาวเฮ้าส์ และ อาคารพาณิชย์ ไม่ค่อยมีอาคารสูงซักเท่าไหร่ แต่หลังจากการมาของรถไฟฟ้าก็เริ่มมีคอนโดมาขึ้นกันอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการ The Tree จรัญฯ-บางพลัด ตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน สถานีบางพลัด ทำเลจัดอยู่ในจรัญฯช่วงปลาย ซึ่งมีข้อดีคือใกล้สะพานพระราม 7 สามารถใช้เส้นทางข้ามฝั่งเพื่อเข้าเมืองไปยังย่าน รัชดาภิเษก ลาดพร้าว พระราม9 ได้สะดวก นอกจากนั้นยังใกล้สะพานกรุงธนฯหรือสะพานซังฮี้อีกหนึ่งสะพานที่ใช้ข้ามฝั่งไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ บริเวณสะพานนี้จะมีท่าเรือใช้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการเดินทาง อีกทั้งยังใกล้ทางด่วนพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกใช้หนีรถติดได้ ถือเป็นอีกความสะดวกหนึ่งในการเดินทาง เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาดังนั้นในชั้นสูงๆก็จะเห็นวิวแม่น้ำด้วย ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถอื่นๆก็สะดวกเนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ เรียกรถได้ง่ายทั้งแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ละแวกใกล้โครงการ รถประจำทางสาย 18,110,175,203,ปอ.18,ปอ.170,ปอ 203 ค่ะ
สำหรับความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการนั้นจะมีร้านอาหารและ7-11อยู่ข้างๆ ใกล้กับซอยจรัญสนิทวงศ์ 85 ฝั่งตรงข้ามจะมี KFC เราสามารถเดินข้ามสะพานลอยไปกินได้ นอกจากนั้นบริเวณที่อยู่ริมแม่น้ำจะมีร้านอาหารริมน้ำบรรยากาศดีๆให้มานั่งทานข้าวเปลี่ยนบรรยากาศกัน สถานที่สำคัญอื่นๆก็จะใกล้สำนักงานเขตบางพลัดและโรงพยาบาลยันฮี ที่ข้างๆโรงพยาบาลเป็นตลาดบางอ้อ ตลาดที่มีของขายทั้งคาวหวานเดินมาหาอะไรทานได้สะดวก มี Tesco Lotus สาขาบางพลัดในบริเวณใกล้เคียงเอาไว้ให้มาจับจ่ายใช้สอยกันได้ ถ้าอยากไปห้างใหญ่ๆต้องไปที่บริเวณถนนบรมราชชนนีซึ่งมีครบทั้งศูนย์การค้าอย่าง เซ็นทรัลปิ่นเกล้า Hypermarket อย่าง Tesco Lotus และ Community mall อย่าง The Sense นอกจากนั้นยังมีพาต้า ห้างเก่าแก่แหล่งรวมร้านอาหาร วินรถตู้ รถเมล์ (ไม่รู้คิงคองจะยังอยู่ไหม) และช่างชุ่ย แหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่อยู่ในทำเลใกล้ๆกัน
ตัวโครงการตั้งอยู่ห่างจากบันไดทางขึ้นสถานีบางพลัด วัดจาก Google ได้ประมาณ 174 เมตร โดยสถานีบางพลัดเป็นหนึ่งในรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ – ท่าพระ ซึ่งถ้าสร้างเสร็จจะสามารถใช้เดินทางเชื่อมต่อข้ามฝั่งไปยังเตาปูนและบางซื่อเพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นๆ จะเดินทางไปเชื่อมกับรถไฟฟ้า MRT สายปัจจุบันวิ่งเข้าเมืองก็ได้ นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอีกสายหนึ่งคือ ช่วงหัวลำโพง – บางแค ซึ่งก็มีสถานที่สำคัญๆหลายแห่งเช่น หัวลำโพง วัดมังกรกมลาวาส และย่านเพชรเกษม เป็นต้น
นอกจากตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้าแล้ว เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของพื้นที่ในทำเลนี้คืออยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีตัวช่วยในการเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาเพิ่มเข้ามาด้วย ก็ช่วยทุ่นเวลา ไม่ให้เราต้องอยู่บนท้องถนนนานนัก คลิกดูรายละเอียดเส้นทางการเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ที่นี่เลย โดยท่าเรือที่ใกล้และสะดวกต่อการเดินทางคือท่าเรือสะพานกรุงธนฯ สามารถใช้เดินทางไปสาทรได้เลย
การเดินทางในวันนี้จะเริ่มจากถนนวงศ์สว่างมุ่งหน้าสะพานพระราม 7 ขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แล้ววิ่งตรงเข้าถนนจรัญสนิทวงศ์ ผ่านโรงพยาบาลยันฮี ตรงมาตามทางเรื่อยๆจากนั้นหาที่กลับรถ โครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่ บริเวณก่อนถึงซอยจรัญสนิทวงศ์ 85
การเดินทางในวันนี้เราใช้ถนนวงศ์สว่าง วิ่งตรงมาเรื่อยๆเพื่อข้ามสะพานพระราม 7
เราขึ้นสะพานพระราม7เพื่อข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา มุ่งหน้าเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์เพื่อไปยังโครงการ โดยทำเลจรัญสนิทวงศ์ช่วงปลายจะใกล้กับสะพานพระราม 7 สามารถข้ามฝั่งไปทำงานในเมืองได้สะดวก อีกทั้งปัจจุบันยังมีทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกมาเป็นตัวเลือกในการเดินทางอีกด้วย
เมื่อลงสะพานมาแล้ว ให้วิ่งตามป้ายเพื่อเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ค่ะ
พอลงสะพานก็จะเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ จะเห็นว่าสภาพแวดล้อมทั้ง 2 ข้างทางเป็นชุมชนดั้งเดิม อาคารบ้านเรือนที่ติดถนนใหญ่ส่วนใหญ่เป็นตึกแถวที่มีร้านค้าอยู่ด้านล่าง เราวิ่งตรงมาเรื่อยๆ พอถึงโรงเรียนพระรามหกเทคโนโลยีจะเริ่มเห็นแนวรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อมาจากสถานีบางโพ
ถัดมาอีกหน่อยจะเจอกับโรงพยาบาลยันฮี ซึ่งจะมีสถานีบางอ้ออยู่ใกล้ๆ ถือเป็นสถานีแรกหลังจากรถไฟฟ้าสายนี้ข้ามฝั่งแม่น้ำมาเลย
ข้างๆโรงพยาบาลยันฮีจะมีแหล่งความอุดมสมบูรณ์อยู่จุดนึงคือมีตลาดบางอ้อ
ตลาดบางอ้อ ที่มีของขายทั้งคาวหวาน สามารถมาหาอะไรทานได้สะดวก ด้านหลังตลาดและโรงพยาบาลมีลานจอดรถขนาดใหญ่ ที่ตลาดมีโต๊ะให้นั่งรับประทานด้วยถ้าไม่อยากซื้อกลับไปทานที่ห้อง
ตรงมาอีกหน่อยจะเจอกับสถานีบางอ้อ ถือเป็นสถานีแรกหลังจากข้ามสะพานพระราม 7 มา
เราขับตรงมาตามทางเรื่อยๆจะสังเกตเห็นโครงการ The Tree จรัญฯ-บางพลัด อยู่ทางฝั่งขวาซึ่งจะอยู่ใกล้กับ 7-11 และจะเห็นว่าเดินจากโครงการมาไม่ไกลจะมีสะพานลอยที่เราสามารถเดินข้ามฝั่งมาหาอะไรทานได้
ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับโครงการหน่อยจะเป็นปั๊มน้ำมันที่มี KFC อยู่ด้วย เราเดินจากโครงการข้ามฝั่งมาทานได้นะ
ตรงมาอีกนิดเดียวจะเจอกับสถานีบางพลัดซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้โครงการเรามากที่สุด
จากนั้นให้เราหาที่กลับรถค่ะ
พอกลับรถมาทางฝั่งซ้ายจะเจอกับสำนักงานเขตบางพลัด
ถัดจากสำนักงานเขตมาหน่อยก็จะถึงกับทางเข้าโครงการแล้วค่ะ
จากถนนใหญ่จะต้องขับรถเข้าไปด้านในอีกซึ่งบริเวณนี้จะเป็นถนนภาระจำยอม ที่ทั้ง 2 ข้างทางมีการจัดสวน ปลูกต้นไม้ตลอดทางให้ดูร่มรื่นตาม Concept ที่ออกแบบในสไตล์รีสอร์ท
ขับตรงเข้ามาจะเจอกับทางแยก โดยโครงการนี้มี 2 เฟสนะคะ เฟสแรกที่เปิดขายคือส่วนที่เรามารีวิวกันในวันนี้ ที่ตั้งโครงการจะอยู่ทางฝั่งซ้าย ส่วนเฟส 2 จะอยู่ทางฝั่งขวาซึ่งบางส่วนเป็นที่ตั้งของสำนักงานขายในปัจจุบัน
เฟสแรกหรือเฟสที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้จะอยู่บริเวณที่ล้อมรั้วอยู่นะคะ
ส่วนพื้นที่ของเฟส 2 อยู่ทางฝั่งขวาซึ่งบางส่วนเป็นที่ตั้งของสำนักงานขายในปัจจุบัน
สำนักงานขายของโครงการ The Tree จรัญฯ-บางพลัด ค่ะ เดี๋ยวเราจะพาเข้าไปชมกัน
บรรยากาศภายในสำนักงานขายค่ะ ตอนนี้ห้องตัวอย่างพร้อมให้เข้าไปชมแล้วนะคะ ใครสนใจก็สามารถแวะเข้ามาได้เลย
โครงการ The Tree จรัญฯ-บางพลัด ที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้คือเฟส 1 ซึ่งจะเปิดขายก่อน โดยขอบเขตที่ตั้งโครงการของเฟส 2 จะวางเหลื่อมเฟสแรกเล็กน้อย จากการวางผังของเฟสแรกจะเห็นว่าตัวอาคารมีระยะห่างจากเฟส 2 พอสมควร ส่วนที่ติดกับเฟส 2 เป็นถนนและสวนหย่อมทำให้ตัวอาคารไม่อยู่ในระยะประชิดจนเกินไป นอกจากเฟส 2 แล้วสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยและอาคารพาณิชย์ค่ะ
- ทิศเหนือ – ติดกับโครงการ The Tree จรัญฯ-บางพลัด เฟส 2 และชุมชนที่อยู่อาศัยแนวราบ
- ทิศตะวันออก – หรือฝั่งหน้าโครงการติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ ฝั่งตรงข้ามเป็นสถานีบริการน้ำมันและ KFC
- ทิศใต้ – ติดกับอาคารพาณิชย์
- ทิศตะวันตก – ติดกับชุมชนที่พักอาศัยแนวราบ
ทิศเหนือ – ฝั่งด้านในโครงการจะติดกับโครงการ The Tree จรัญฯ-บางพลัด เฟส 2 ส่วนฝั่งด้านหน้าที่อยู่ติดกับถนนใหญ่จะมีแหล่งรวมร้านอาหารซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดเย็นๆ ตอนเช้าจะขายพวกของทานเล่นเช่น ไก่ทอด และด้านในจะมี 7-11
7-11 สาขานี้ใหญ่พอสมควรค่ะ สามารถเดินออกมาจากโครงการเพื่อหาอะไรทานได้สะดวกเลย
ติดกันกับ 7-11 คือซอยจรัญสนิทวงศ์85 ค่ะ ซึ่งบริเวณหน้าปากซอยจะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่ หน้าโรงแรมบียอนด์ สวีท บางพลัด
ทิศตะวันออก – หรือฝั่งหน้าโครงการติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ ฝั่งตรงข้ามเป็นสถานีบริการน้ำมันและ KFC เราสามารถข้ามสะพานลอยที่อยู่ใกล้ๆกับโครงการไปทานได้นะ
ทิศใต้ – ติดกับอาคารพาณิชย์และตึกแถวที่ชั้นล่างส่วนใหญ่เปิดเป็นร้านค้า
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น (ระยะทางวัดรวมทางกลับรถ)
- สำนักงานเขตบางพลัด – 140 เมตร (ระยะเดิน) , 4 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
- ตลาดบางอ้อ – 1.6 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลยันฮี – 1.7 กิโลเมตร
- Tesco Lotus – 1.9 กิโลเมตร
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย – 2.4 กิโลเมตร
- สวนสาธารณะพระราม7 – 3.3 กิโลเมตร
- ท่าเรือสะพานกรุงธนบุรี – 3.4 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้านครเหนือ – 3.9 กิโลเมตร
- (T square) ตั้งฮั่วเส็ง – 4 กิโลเมตร
- โรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์ – 4 กิโลเมตร
- เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า – 5.3 กิโลเมตร
- โรงเรียนเซนต์คาเบรียล – 5.3 กิโลเมตร
- โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ – 5.5 กิโลเมตร
- โรงเรียนราชินีบน – 5.6 กิโลเมตร
- The Sense ปิ่นเกล้า – 5.6 กิโลเมตร
- ช่างชุ่ย – 6.7 กิโลเมตร
- เมเจอร์ ปิ่นเกล้า – 6.8 กิโลเมตร
- รัฐสภาใหม่ – 7.8 กิโลเมตร
The Tree จรัญฯ-บางพลัด เป็นคอนโด High Rise 1 อาคาร มี 36 ชั้น + ชั้นลอยเหนือชั้น 36 ซึ่งเป็นชั้น Facilities อีก 1 ชั้น มีห้องพักจำนวน 719 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต โครงการนี้ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ โดยการสร้างบรรยากาศให้เป็นรีสอร์ทด้วยความโปร่งโล่งของพื้นที่ และออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้รับวิวแม่น้ำได้ สำหรับที่ตั้งของโครงการจะอยู่ติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ เดินทางสะดวกและใกล้กับสถานีบางพลัดค่ะ
ข้อดีของทำเลจรัญสนิทวงศ์ตอนปลายคือเป็นทำเลที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งในชั้นสูงๆเราจะเห็นวิวแม่น้ำด้วย โครงการนี้เค้ามีการยก Facilities เอาไว้ชั้นบนซึ่งสามารถชมวิวแม่น้ำได้ เดี๋ยวเราค่อยไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง
ภาพรวมโครงการพอเข้ามาแล้วจะเจอกับ O2 Lounge กับ Co-Working Space ที่แยกออกมาอยู่ด้านนอกอาคารพักอาศัย โซนนี้เราสามารถออกมานั่งทำงานหรือนัดพบกับเพื่อนๆได้ โดยไม่ต้องเข้าไปรบกวนที่ส่วนพักอาศัย ช่วยให้ในอาคารมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น รอบๆโครงการจะจัดเป็นสวนหย่อมตาม Concept คอนโดสไตล์รีสอร์ท ชั้นล่างของอาคารพักอาศัยเป็น Double Volume Lobby , Mail room และมีร้านค้า 1 ร้าน ที่จอดรถจอดได้ตั้งแต่ชั้น 1-5 คิดแล้วเป็น 39%แบบไม่รวมซ้อนคัน ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 6-35 โดยชั้น 6 จะมีพื้นที่ส่วนกลางรวมอยู่ด้วย แบ่งออกเป็นโซนๆดังนี้ Play Space (ห้อง Gameroom) , Freeform Garden (สวนหย่อม) และ Green Pavillion (พื้นที่นั่งพักผ่อน) ตั้งแต่ชั้น 7-35 จึงเป็นชั้นพักอาศัยล้วนๆ ส่วน Facilities อื่นๆจะถูกจัดให้อยู่ในชั้นบนสุดซึ่งเราจะสามารถเห็นวิวได้ด้วยค่ะ โดยชั้น 36 ประกอบด้วย Chilling Sky Deck (พื้นที่นั่งชมวิว) , Sky Garden (สวนดาดฟ้า) , Riverview Sky Pool (สระว่ายน้ำ) ส่วนชั้น 36 M จะมี Sky Yoga Studio และ Sky Fitness ค่ะ
จากโมเดลจะเห็นว่าเฟส 2 ของโครงการจะอยู่ข้างๆกับเฟส 1 เลย ซึ่งตัวอาคารทั้ง 2 จะวางเยื้องกันเล็กน้อย โดยจะมีบางส่วนของเฟส 1 ที่จะหันมาเจอเฟส 2 แต่ระหว่างเฟสทั้ง 2 ก็มีระยะห่างกันพอสมควร มีการวางผังส่วนที่หันมาเจอกันเป็นสวนหย่อมและถนน ระยะจึงไม่ประชิดจนเกินไป
ทางเข้า-ออกโครงการจะอยู่ติดถนนจรัญสนิทวงศ์เลย พอเข้ามาจะมีถนนภาระจำยอมซึ่งใช้ร่วมกันระหว่าง 2 เฟส พอเข้ามาด้านในทั้ง 2 เฟสจะแยกทางเข้า-ออกกันนะคะ การที่ร่นระยะตัวอาคารมาด้านในเราอาจจะต้องเดินเข้ามาหน่อยแต่จะได้ในเรื่องของความสงบ เป็นส่วนตัว และช่วยลดมลพิษจากถนนใหญ่ได้ด้วย โดยระหว่างถนนทางเข้าจะมีการปลูกต้นไม้ตลอดทาง ทำให้รู้สึกร่มรื่นและผ่อนคลายเวลาได้มองเห็นอะไรสีเขียวๆ พอเข้ามาในโครงการเฟส 1 ก็จะเจอกับ O2 Lounge กับ Co-Working Space ชั้นล่างมี Double Volume Lobby , Mail room และร้านค้า ส่วนชั้น 6 จะมี Play Space , Freeform Garden และ Green Pavillion ค่ะ
จากผังจะเห็นว่า O2 Lounge กับ Co-Working Space ถูกแยกออกมาต่างห่าง เราสามารถนัดเพื่อนๆมาเจอกันได้โดยไม่ต้องเข้าไปในอาคารพักอาศัย หรือเราจะเปลี่ยนบรรยากาศลงมานั่งเล่นชิลล์ๆก็ได้ ส่วนในอาคารมี Lobby ที่เป็น Double Space ฝ้าเพดานสูงให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง สามารถนั่งชมวิวสวนรอบๆได้ มีร้านค้าอยู่ 1 ร้าน ถ้าจะเข้ามาในส่วนของ Lift Lobby จะต้องใช้คีย์การ์ดเท่านั้น ดังนั้นจึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกชั้นหนึ่ง เข้ามาแล้วจะเจอกับห้องจดหมาย และลิฟต์โดยสาร 4 ตัวซึ่งคำนวณแล้วอัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการเท่ากับ 180 : 1 อาจจะต้องรอลิฟต์บ้างในเวลาเร่งด่วนค่ะ
มาดูภาพจำลองบรรยากาศกัน พอเข้ามาด้านหน้าโครงการจะเจอกับ O2 Lounge กับ Co-Working Space อยู่ทางฝั่งซ้าย
O2 Lounge คือ Lounge ที่ติดตั้งระบบควบคุมออกซิเจนและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสดชื่นมากขึ้น และยังมีพื้นที่ Co-Working Space ให้เรามานั่งทำงาน เปลี่ยนบรรยากาศ หรือนัดเพื่อน ลูกค้า มาประชุมถือเป็นฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่มากขึ้น
Lobby ของอาคารเป็น Double Space ฝ้าเพดานสูง ผนังด้านข้างเป็นกระจกทั้งแผงเลย ช่วยให้บรรยากาศดูโปร่งโล่ง รับแสงธรรมชาติได้ดี สามารถชมวิวสวนหย่อมรอบๆโครงการได้ด้วย โดยใน Lobby มีการจัดชุดที่นั่งมาให้หลายชุดเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งานของลูกบ้าน
ขึ้นมาที่ชั้น 6 จะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัยแล้วค่ะ โดยชั้นนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางรวมอยู่ด้วยแบ่งออกเป็น Play Space , Freeform Garden และ Green Pavillion ใครอยู่ชั้นนี้ถ้าจะเข้าไปยังส่วนพักอาศัยจะต้องใช้คีย์การ์ดอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการแยกพื้นที่พักอาศัยกับพื้นที่ส่วนกลางได้ดี ช่วยให้มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เดินไปใช้พื้นที่ส่วนกลางได้ง่ายด้วย ห้องพักส่วนใหญ่คือ Studio และ 1 Bedroom จะถูกวางอยู่ในแนวทิศเหนือ-ทิศใต้ซึ่งเป็นทิศที่ไม่โดนแดดร้อนในตอนบ่าย จะมีแค่ห้องแบบ 2 Bedroom (ห้องที่ลงสีเขียวในแปลน) เท่านั้นที่อยู่ทางทิศตะวันออกค่ะ
สำหรับส่วนใหญ่จะไม่ติดอะไรนะคะ เพราะทำเลนี้ยังไม่มีตึกสูงมากนัก จะมีทางฝั่งทิศเหนือที่บางส่วนของอาคารจะติดกับโครงการ The Tree จรัญฯ-บางพลัด เฟส 2 ซึ่งถ้าดูจากแปลนแล้วจะเป็นโถงลิฟต์และด้านข้างของห้อง 2 Bedroom ซึ่งไม่ได้มีช่องเปิดทางฝั่งนี้ ดังนั้นถ้ามองวิวออกมาน่าจะไม่โดนตึกบังนะคะ ต้องรอดูของจริงกันอีกทีค่ะ
พื้นที่สวนหย่อมบริเวณชั้น 6 ให้เราออกมาพักผ่อนสูดอากาศได้ มี Green Pavillion หรือซุ้มที่นั่งพักผ่อนมาให้ด้วยค่ะ สังเกตจากรูปจะมีต้นไม้ใหญ่อยู่เยอะเหมือนกันเนื่องจาก Concept ของโครงการอยากให้เป็นคอนโดอารมณ์รีสอร์ท
นอกจากสวนชั้นนี้มี Play Space หรือห้อง Game room ด้วยนะ ถ้าอยู่ในห้องแล้วเบื่อก็ออกมาเล่นเพลินๆได้
ตั้งแต่ชั้น 7-35 จะเป็นชั้นพักอาศัยล้วนๆแล้วนะคะ การวางผังจะเหมือนกับชั้น 6 เลยเพียงแต่จะมีห้องพักอาศัยที่เป็น 2 Bedroom เพิ่มขึ้นมาอีกห้องนึง โดยมีจำนวนยูนิตต่อชั้นเท่ากับ 24 ห้องต่อชั้น
มาถึงชั้นบนสุดของโครงการคือ 36 และ 36M เป็นชั้นของ Facilities ล้วนๆเลย ไม่มีห้องพักอาศัยมาปน ทำให้แยกการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางออกจากส่วนพักอาศัยเลย ทำให้ส่วนพักอาศัยมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ขึ้นมาชั้น 36 จะเป็น Facilities ทั้งชั้นเลยออกจากลิฟต์มา จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนทางฝั่งขวาคือสระว่ายน้ำที่มีชื่อว่า Riverview Sky Pool และอีกฝั่งหนึ่งคือ Sky Garden หรือสวนดาดฟ้า ตรงกลางเป็นบันไดวนขึ้นไปชั้น 36M ซึ่งมี Chilling Sky Deck อยู่ข้างๆ พื้นที่ส่วนกลางบนชั้นบนสุดทั้งหมดจะสามารถชมวิวจรัญสนิทวงศ์ในมุมสูงและวิวแม่น้ำได้ด้วย
Riverview Sky Pool หรือสระว่ายน้ำระบบเกลือ แบบ Infinity edge pool แบ่งเป็นสระผู้ใหญ่ขนาด 5.5×22 เมตร ลึก 1.5 เมตร และสระเด็กขนาด 3.7×3.4 เมตร ลึก 0.45 เมตร ค่ะ ตำแหน่งของสระสามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้เต็มๆเลย
สระผู้ใหญ่และสระเด็กจะเชื่อมกันแบบนี้ มีการจัด Lighting ตอนกลางคืนให้ด้วย ได้บรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบ ด้านหลังเราจะเห็นบันไดวนขึ้นไปชั้น 36M ค่ะ
พื้นที่ Chilling Sky Deck หรือจุดนั่งชมวิวจะอยู่ระหว่างสระว่ายน้ำและบันไดทางขึ้นไปชั้น 36M พอดี ซึ่งบริเวณนี้จะเป็น Double Space และผนังเป็นกระจกบานใหญ่เปิดรับวิวได้รอบเลยค่ะ
สุดท้ายคือชั้น 36M ขึ้นมาจะเจอกับ Sky Yoga Studio และ Sky Fitness อยู่แยกส่วนกัน
ภาพจำลองบรรยากาศ Facilities ชั้น 36 และ 36M ซึ่ง Facilities ที่อยู่ด้านหน้าโครงการจะสามารถเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้
ผนังของห้อง Sky Fitness ส่วนใหญ่เป็นกระจกใส มองออกไปเห็นวิวได้เต็มที่เลย มีอุปกรณ์มาให้ครบครันทั้ง Cardio และเพิ่มกล้ามเนื้อจำนวน 14 ชิ้น
เมื่อพาขึ้นไปชม Facilities ชั้นบนสุดกันแล้ว เราลองมาดูวิวกันดีกว่าค่ะ ว่าแต่ละทิศจะเห็นอะไรบ้าง โดยจะเป็นวิวที่ความสูง 52 เมตรหรือเทียบเท่าประมาณชั้น 18 นะคะ เริ่มจากทิศเหนือเป็นวิวจรัญสนิทวงศ์มุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 7 ซึ่งเราจะเห็นคอนโด High Rise คือโครงการ The Tree Rio ด้วย
ทิศใต้ หรือฝั่งหน้าโครงการมองออกไปจะเห็นถนนจรัญสนิทวงศ์ที่มีแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินพาดผ่าน และถัดไปจะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
ทิศตะวันออก ทิศนี้ค่อนข้างได้วิวเปิดโล่ง มองออกไปเห็นชุมชนจรัญสนิทวงศ์ฝั่งเลขคู่ แม่น้ำเจ้าพระยาและรัฐสภาใหม่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ
ส่วนทิศตะวันตก เป็นวิวจรัญสนิทวงศ์มุ่งหน้าไปทางปิ่นเกล้า ซึ่งเราจะเห็นโครงการ De LAPIS จรัญฯ81 อยู่ไกลๆ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Third Place (Club House หน้าโครงการ)
- ชั้น 1 – O2 Lounge , Co-Working Space , Male & Female Restroom
- ชั้น 1 – Double Volume Lobby , Mail room , The Greenery , Outdoor Terrace , Shop
- ชั้น 6 – Play Space , Freeform Garden , Green Pavillion
- ชั้น 36 – Chilling Sky Deck , Sky Garden , Riverview Sky Pool (สระว่ายน้ำระบบเกลือ สระผู้ใหญ่ขนาด 5.5×22 เมตร ลึก 1.5 เมตร สระเด็กขนาด 3.7×3.4 เมตร ลึก 0.45 เมตร )
- ชั้น 36 M – Sky Yoga Studio, Sky Fitness
โครงการ The Tree จรัญฯ-บางพลัด มีห้องพักให้เลือก 4 แบบคือ Studio 22.18 ตร.ม. , 1 Bedroom 26.65 – 28.79 ตร.ม. , 1 Bedroom Plus 34.76 – 34.84 ตร.ม. , 2 Bedrooms 46.99 – 54.95 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted พร้อมแถมเครื่องปรับอากาศ และ Wallpaper ให้ด้วย (รายการขายและโปรโมชั่นต่างๆเป็นของวันที่เราเข้าไปเก็บข้อมูล อาจมีการเปลี่ยนแปลง ให้ติดต่อสำนักงานขายอีกทีนะคะ) เราไปชมห้องตัวอย่างกันค่ะ
ห้องตัวอย่างห้องแรกคือ 1 Bedroom 26.65 – 28.79 ตร.ม. เป็นห้องที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการ เข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นและครัวก่อน ทั้ง 2 โซนนี้จะอยู่ต่อเนื่องกัน โดยครัวจัดวางอยู่มุมห้องเป็นสัดส่วน สามารถวางโต๊ะทานอาหารได้ประมาณ 2 ที่นั่ง เนื่องจากเป็นครัวเปิดจึงเหมาะกับคนที่ซื้ออาหารขึ้นมาอุ่นทานหรือทำอาหารง่ายๆมากกว่า ถัดไปด้านในคือห้องนอนซึ่งออกแบบให้ผนังเป็นกระจกเข้ามุม ประตูเป็นบานเลื่อนกระจก ดังนั้นจึงทำให้มีความโปร่งและแสงสามารถส่องเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นได้ ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเป็นห้องน้ำ ที่แบ่งพื้นที่เป็นส่วนแห้ง ส่วนเปียกเป็นสัดส่วน ด้านในสุดเป็นพื้นที่ระเบียงที่ขนาดอาจจะไม่ได้ใหญ่มากนักเพราะเน้นพื้นที่ใช้สอยในห้องมากกว่า เหมาะสมต่อการใช้ซักล้าง-ตากผ้า รวมๆแล้วห้องนี้จัดฟังก์ชั่นได้ลงตัวค่ะ
เข้ามาในห้องเราจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นและครัวอยู่ต่อเนื่องกันเลย ถัดเข้าไปจึงจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ และระเบียง โดยฝ้าเพดานของโครงการนี้สูง 2.60 เมตรนะคะ
ครัวมีการออกแบบจัดวางให้เคาน์เตอร์อยู่มุมด้านในเป็นสัดส่วน ลักษณะการใช้งานเป็นครัวเปิด แต่ถ้าใครชอบทำอาหารแล้วอยากจะกั้นเป็นครัวปิดก็พอทำให้ แต่ต้องย้ายตำแหน่งโต๊ะทานข้าวหรือปรับมาทานบริเวณพื้นที่นั่งเล่นแทนค่ะ
พื้นที่ใช้สอยส่วนของครัวประมาณนี้ค่ะ มีระยะให้ยืนทำอาหารได้สะดวก สำหรับพื้นส่วนนั่งเล่นและครัวเป็นไม้ลามิเนต หนา 8 มม. ซึ่งด้วยความที่เป็นไม้จึงไม่ทนน้ำเท่าไหร่เหมาะกับการใช้งานกับครัวเปิดมากกว่าค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวโครงการมีมาให้ด้วย Top เคาน์เตอร์เป็นหินเทียมซึ่งมีคุณสมบัติคือทนทานต่อรอยขีดข่วนและความร้อนได้ดี วัสดุปิดผิวเคาน์เตอร์เป็นลามิเนต พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆมาให้ครบ
เตาไฟฟ้าได้แบบ 2 หัวของMEX เหมาะกับการใช้งานในห้อง 1 Bedroom
เครื่องดูดควันระบบหมุนเวียนของ MEX
อ่างล้างจาน 1 หลุมแบบวางอยู่ใต้ Top เคาน์เตอร์ของ MEX เช่นกัน ดูสวยงามดี
ฝั่งตรงข้ามครัวคือพื้นที่นั่งเล่น วางโซฟาได้ประมาณ 2-3 ที่นั่ง ระยะดูทีวีประมาณ 1.85 เมตร เหมาะกับการติดทีวีขนาด 40-42″
สำหรับแอร์ทางโครงการให้ของ Daikin โดยห้อง 1 ห้องนอนจะได้แอร์ 2 ตัว
ถัดเข้ามาด้านในทางฝั่งซ้ายคือห้องนอนซึ่งมีผนังบางส่วนเป็นกระจก ข้อดีคือแสงธรรมชาติสามารถผ่านเข้ามายังห้องนั่งเล่นได้ ช่วยให้ภายในห้องสว่างและทำให้ดูโปร่งมากขึ้น ถ้าเราอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็หาม่านมาปิดเอา ส่วนทางฝั่งขวาคือห้องน้ำตั้งอยู่ใกล้กับห้องนอน สามารถเดินเข้าได้สะดวกและถ้าเพื่อนมาก็สามารถเข้าห้องน้ำได้โดยไม่ต้องเดินเข้าห้องนอนอีกด้วย ประตูตรงกลางคือทางออกไปที่ระเบียงค่ะ
มาดูห้องน้ำกันก่อน จะเห็นว่ามีการกั้นแบ่งพื้นที่เป็นส่วนแห้ง ส่วนเปียกชัดเจน พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30×30 ซม.ส่วนผนังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ค่ะ
ทางเข้าห้องน้ำมีธรณีหินสังเคราะห์ยกสูงขึ้นมาประมาณ 10 ซม. เพื่อกันน้ำไม่ให้ไหลไปโดนส่วนอื่นๆ
บริเวณอ่างล้างหน้ามีติดตั้งกระจกเงามาให้แบบนี้ โดยด้านหลังสุขภัณฑ์จะมีการก่อผนัง Low wall ขึ้นมาสามารถใช้วางของได้ค่ะ
อ่างล้างหน้าเราได้ของ American Standard ติดตั้งแบบแขวนลอย ดังนั้นจึงสามารถวางของด้านล่างได้นะคะ เดี๋ยวนี้มีกล่องหรือตะกร้าสวยๆที่กันน้ำได้ขายอยู่เยอะ สามารถเอามาวางด้านล่างเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้
โถสุขภัณฑ์ก็เป็นของ American Standard เช่นเดียวกัน
พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกนิรภัยเป็นสัดส่วน แยกเป็นส่วนแห้ง ส่วนเปียก
โดยพื้นที่อาบน้ำของห้องนี้จะอยู่ที่ 0.8 x 0.95 เมตร ใหญ่กว่ามาตรฐานเล็กน้อย ยืนอาบได้สบายๆ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30×30 ซม.
พื้นที่อาบน้ำมีการลดระดับลงไปเล็กน้อยเพื่อช่วยให้น้ำไม่ไหลไปโดนพื้นที่ส่วนแห้งค่ะ
ชุดฝักบัวเป็นของ American Standard มาพร้อมกับที่วางสบู่ และจะเห็นว่าบริเวณผนังมีก่อผนังเตี้ยๆเบิ้ลออกมาอีกชั้นหนึ่ง สามารถวางของได้นะคะ หรือใครมีสบู่ แชมพูมากหน่อยก็สามารถติดตั้งที่ใส่ของเพิ่มได้ค่ะ
ฝักบัวที่ทางโครงการให้มา
ห้องนี้มีหน้าต่างเอาไว้เปิดระบายอากาศได้ด้วย ซึ่งเป็นข้อดีของการอยู่คอนโดเลยนะ ช่วยให้ห้องน้ำของเราไม่อับชื้นและลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
ถัดมาคือทางออกไปที่ระเบียง ประตูที่ได้จะเป็นกรอบอลูมิเนียม Anodize สีน้ำตาล ในส่วนของบานเป็นกระจกใส
ระเบียงห้องนี้มีขนาดที่สามารถวางเครื่องซักผ้าและCondensing Unit ของแอร์ได้พอดิบพอดี เหมาะกับการใช้งานมากกว่าออกไปยืนชิลล์ๆ โดยCondensing Unit ของแอร์นั้น เป่าเข้าด้านข้างดังนั้นเวลาเราออกไปยืนอาจจะโดนลมร้อนให้แนะนำให้ไปซื้อ Grill เปลี่ยนทิศทางลมมาติดตั้งเพิ่มเติมค่ะ
ระเบียงมีขนาด 1.55 x 1.10 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30×30 ซม. เหมาะกับการซักล้างทำความสะอาดค่ะ
มาถึงห้องนอน อย่างที่บอกไปว่ามีบางส่วนเป็นผนังกระจกใส กรอบบานอลูมิเนียม Anodize ซึ่งประตูทางเข้าห้องนอนจะเป็นบานเลื่อนค่ะ
พอเข้ามาก็จะเจอกับห้องนอนที่วางเตียงแบบ Queen Size แล้วจะมีพื้นที่ด้านข้างเอาไว้วางโต๊ะเครื่องแป้ง แต่เตียงต้องวางค่อนข้างชิดผนังด้านในหน่อยนะ
พอวางเตียงแบบ Queen Size แล้ว ทางฝั่งขวาจะมีระยะเหลือประมาณ 1.4 เมตรสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้สบายๆเลย แต่ทางฝั่งซ้ายจะต้องวางเตียงชิดผนังค่ะ
ปลายเตียงมีระยะห่างจากผนัง 30 ซม. พอเดินผ่านได้ ถ้าจะติดตั้งทีวีแนะนำให้ติดแบบแขวนผนังเอาจะช่วยประหยัดพื้นที่และสะดวกต่อการใช้งานมากกว่า
ส่วนผนังฝั่งที่อยู่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้งจะมีพื้นที่ให้วางตู้เสื้อผ้าได้
ส่วนอีกห้องคือ 2 Bedrooms 46.99 – 54.95 ตร.ม. ห้องนี้เข้ามาจะเจอกับครัวก่อนโดยครัวจะเป็นครัวเปิดเช่นเดียวกัน ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวคือโต๊ะทานอาหารที่จัดที่นั่งได้ประมาณ 4 ที่นั่ง ด้านหลังโต๊ะทานอาหารคือห้องน้ำรวมที่ใช้ร่วมกันในบ้าน และใช้สำหรับเป็นห้องน้ำแขกด้วย ตำแหน่งอยู่หน้าห้องนอนเล็กพอดี สะดวกต่อการใช้งาน ส่วนนั่งเล่นพักผ่อนจะอยู่ด้านในสุดเชื่อมต่อกับระเบียง สามารถนั่งชมวิวได้ ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีขนาดพอๆกับห้องนอนเล็กเลยแต่มีห้องน้ำในตัว ซึ่งถ้าเป็นพี่น้องซื้ออยู่ด้วยกันก็ไม่ต้องมาแย่งห้องใหญ่-ห้องเล็กกันค่ะ อยู่ได้สบายๆทั้ง 2 ห้องเลย
ในห้องนี้เข้ามาจะเจอกับพื้นที่ครัวที่เชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหาร ส่วนด้านในสุดเป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอน โดยวัสดุอุปกรณ์จะได้เหมือนกับห้องแรกนะคะ
เคาน์เตอร์ครัวห้องนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่การใช้งานเป็นครัวเปิดเช่นเดียวกัน
อุปกรณ์ต่างๆได้ของ MEX เหมือนกับห้องก่อนหน้าค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเป็นโต๊ะอาหาร จัดได้ 4 ที่นั่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พอเราทำอาหารเสร็จก็ยกไปเสิร์ฟ ได้สะดวก
พื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารจัดได้ 4 ที่นั่งพอดีแต่ควรเลือกโต๊ะที่เป็นขาโปร่งเพราะเวลาเราไม่ใช้พื้นที่นี้ก็สามารถดันเก้าอี้เป็นเข้าด้านในได้อย่างเป็นระเบียงเรียบร้อย
ห้องน้ำการตกแต่งและวัสดุคล้ายๆกันเลยค่ะ
สุขภัณฑ์ต่างๆเป็นของ American Standard
พื้นที่อาบน้ำกั้นแยกเป็นสัดส่วนด้วยฉากกั้นอาบน้ำบานกระจกนิรภัยค่ะ โดยพื้นที่อาบน้ำจะมีขนาด 0.8 x 0.91 เมตร ที่ผนังมีช่องสามารถวางของเล็กๆน้อยๆได้ค่ะ
ห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะมีขนาดพอๆกัน วางเตียง Queen Size ไ้ดทั้งคู่ เรามาดูห้องนอนเล็กกันก่อน จะเห็นว่าผังห้องเป็นสัดส่วนและมีหน้าต่างเอาไว้เปิดระบายอากาศและชมวิวได้ด้วย
ทางฝั่งขวามีระยะห่างจากตู้เสื้อผ้าประมาณ 65 ซม. แนะนำให้เลือกตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อนนะคะ เพราะเวลาเปิดตู้บานตู้จะได้ไม่ชนเตียง ทำให้แต่งตัวได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนทางฝั่งซ้ายจะวางเตียงชิดกับผนังไปเลย เหลือระยะแค่พอให้แนวผ้าม่านผ่าน
ปลายเตียงมีระยะประมาณ 55 ซม.พอเดินผ่านได้ แต่ถ้าจะติดทีวีแนะนำให้แขวนผนังค่ะ
ข้างเตียงมีหน้าต่างเอาไว้เปิดระบายอากาศและชมวิวนะ โดยด้านล่างจะเป็นบาน FIX เพื่อความปลอดภัย นอนกลิ้งไปกลิ้งมาก็ไม่ตกตึกแน่นอน ^^ ส่วนบานหน้าต่างที่เลื่อนเปิดได้คือด้านบนค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งของห้องมีพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า แต่ถ้าใครอยากได้ตู้เสื้อผ้าใหญ่ๆก็วางให้เต็มผนังได้เลยค่ะ
ถัดมาจะเป็นห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ใกล้กับทางออกไปที่ระเบียง ดังนั้นบริเวณนี้จะได้แสงสว่างจากประตูบานเลื่อนกระจก ด้วยความที่ตำแหน่งของห้องนี้อยู่ตรงกลางจึงเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวได้ดี มีระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 46″ค่ะ
ระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ด้านนอกมีพื้นที่สำหรับวาง Condensing Unit ของแอร์ โดยห้อง 2 ห้องนอนจะได้แอร์ 3 ตัว Condensing Unit จึงต้องวางที่พื้นตัวนึง อีก 2 ตัวแขวน
ทางฝั่งขวาเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า ทางโครงการเดินงานระบบมาให้พร้อม โดยพื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.2 x 2.2 เมตร
มาดูห้องนอนใหญ่ วางเตียงได้แบบ Queen Size เช่นเดียวกัน ทางฝั่งซ้ายสามารถวางตู้เสื้อผ้าได้ ส่วนทางฝั่งขวาติดกับหน้าต่างค่ะ
ฝั่งซ้ายมีระยะเหลือประมาณ 94 ซม. ส่วนทางฝั่งขวามีระยะเหลือ 53 ซม.ค่ะ
ปลายเตียงมีระยะห่างจากผนังประมาณ 63 ซม. เดินผ่านได้สบายๆแต่อาจจะไม่พอสำหรับวางตู้ทีวีปลายเตียงนะ
มีบานหน้าต่างเอาไว้เปิดระบายอากาศเช่นเดียวกันกับห้องก่อนหน้า สังเกตว่าการวางผังของห้องนอนทุกห้องจะมีหน้าต่างทั้งหมดเลยค่ะ
สำหรับห้องนี้จะมีห้องน้ำในตัวด้วย เราสามารถเข้าได้เลยโดยไม่ต้องไปเดินผ่านห้องอื่นๆ
ก่อนเข้าไปดูห้องน้ำ เรามาดูสวิทช์และปลั๊กกันหน่อยนะคะ โครงการนี้ใช้เป็นของ Bticino
ในห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ การตกแต่งและอุปกรณ์ต่างๆจะเหมือนกันกับห้องก่อนหน้าเลย
โดยพื้นที่อาบน้ำของห้องนี้จะมีขนาด 0.8 x 1.12 เมตร ใหญ่พอสมควร สามารถอาบได้สบายๆ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30×30 ซม.ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 5 March 2019
- Studio 22.18 ตร.ม. ราคา 2-2.2 ล้านบาท
- 1 Bedroom 26.65 – 28.79 ตร.ม. ราคา 2.3-3.0 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus 34.76 – 34.84 ตร.ม. ราคา 3.0-3.7 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 46.99 – 54.95 ตร.ม. ราคา 4.8-5.2 ล้านบาท
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง Studio , 1 Bedroom 5,000 บาท 1 Bedroom Plus 10,000 บาท , 2 Bedroom 20,000 บาท
- ทำสัญญา Studio , 1 Bedroom 10,000 บาท 1 Bedroom Plus 20,000 บาท , 2 Bedroom 40,000 บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ 27 งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลของ The Tree จรัญฯ-บางพลัด ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ 83/1 และซอยจรัญสนิทวงศ์ 85 ซึ่งจัดเป็นทำเลจรัญฯตอนปลายซึ่งมีข้อดีคือใกล้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถใช้ข้ามฝั่งเข้าเมืองได้สะดวก อีกทั้งยังใกล้ทางด่วน และเป็นจรัญฯฝั่งที่ใกล้แม่น้ำดังนั้นในชั้นสูงๆของโครงการเราจะเห็นวิวแม่น้ำด้วยค่ะ สำหรับความอุดมสมบูรณ์ ข้างๆโครงการเลยจะมีร้านอาหารและ7-11 ในระยะเดินได้เลย ฝั่งตรงข้ามเป็น KFC หาของกินสะดวกค่ะ ถัดมาหน่อยมีตลาดบางอ้อใกล้ๆโรงพยาบาลยันฮีที่เป็นแหล่งแวะซื้อของกินอีกจุดหนึ่ง มีที่จอดรถเยอะอยู่ ถ้าอยากไปเดินห้างจะมีอยู่บริเวณถนนบรมราชชนนี ซึ่งมีครบทั้งศูนย์การค้าอย่าง เซ็นทรัลปิ่นเกล้า Hypermarket อย่าง Tesco Lotus และ Community mall อย่าง The Sense นอกจากนั้นยังมีพาต้า ห้างเก่าแก่แหล่งรวมร้านอาหาร วินรถตู้ รถเมล์ และช่างชุ่ย แหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่อยู่ในทำเลใกล้ๆกัน
การเดินทางโดยใช้รถ สะดวกเพราะอยู่ติดกับถนนใหญ่และจรัญสนิทวงศ์ช่วงปลายก็อยู่ใกล้กับสะพานข้ามแยกได้แก่ สะพานพระราม 7 สามารถใช้เส้นทางข้ามฝั่งเพื่อเข้าเมืองไปยังย่าน รัชดาภิเษก ลาดพร้าว พระราม9 ได้สะดวก นอกจากนั้นยังใกล้สะพานกรุงธนฯหรือสะพานซังฮี้อีกหนึ่งสะพานที่ใช้ข้ามฝั่งไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ บริเวณสะพานนี้จะมีท่าเรือใช้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการเดินทาง อีกทั้งยังใกล้ทางด่วนพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกใช้หนีรถติดได้ ถือเป็นอีกความสะดวกหนึ่งในการเดินทาง ที่จอดรถจอดจัดมาให้ 39%แบบไม่รวมซ้อนคัน ถือว่ารองรับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวได้ประมาณนึง
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ โครงการอยู่ห่างจากบันไดทางขึ้นสถานีบางพลัดประมาณ 174 เมตร ซึ่งยังอยู่ในระยะเดิน โดยสถานีบางพลัดเป็นหนึ่งในรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ – ท่าพระ ซึ่งถ้าสร้างเสร็จจะสามารถใช้เดินทางเชื่อมต่อข้ามฝั่งไปยังเตาปูนและบางซื่อเพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นๆ หรือจะเดินทางไปเชื่อมกับรถไฟฟ้า MRT สายปัจจุบันวิ่งเข้าเมืองก็ได้ นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอีกสายหนึ่งคือ ช่วงหัวลำโพง – บางแค ได้อีกด้วย ส่วนรถสาธารณะอื่นๆ เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ จึงเรียกรถได้ง่ายทั้งแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ หรือจะขึ้นรถเมล์ก็มีนะ
วัสดุ โครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted โดยวัสดุที่ได้คือ Wallpaper พื้นไม้ลามิเนต หนา 8 มม. สุขภัณฑ์ American Standard พื้นห้องน้ำกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30×30 ซม. ส่วนผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ได้ชุดครัวครบชุดอุปกรณ์ครัวของ MEX หน้าต่างกรอบอลูมิเนียม Anodize
การออกแบบ ทำออกมาได้ดีในการวางผังอาคารให้มีการหลบ ไม่บดบังกันเองระหว่างเฟส 1 และ เฟส 2 ทางโครงการออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ โดยการสร้างบรรยากาศให้เป็นรีสอร์ทด้วยความโปร่งโล่งของพื้นที่ เห็นได้ชัดในพื้นที่ส่วนกลางโดนเฉพาะ Lobby และ Chilling Sky Deck มีการวางผังพื้นที่ส่วนกลางให้รับวิวแม่น้ำได้ และมีการแยกส่วนกลางออกมาไว้ที่ด้านนอกโครงการและด้านบนสุดไม่ให้ปะปนกับพื้นที่พักอาศัยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้มากขึ้น อีกทั้งภายในห้องพักก็จัดผังได้ลงตัวดีค่ะ ชอบผนังห้องนอนที่เป็นกระจกแบบเข้ามุมทำให้ห้องดูโปร่งและแสงธรรมชาติเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นด้วย แต่ครัวที่ได้จะเป็นครัวเปิดจึงไม่เหมาะกับการทำอาหารหนักๆนะคะ
สาธารณูปโภค จัดมาให้ครบครัน มี O2 Lounge กับ Co-Working Space ที่แยกออกมาอยู่ด้านนอกอาคารพักอาศัย เราสามารถออกมานั่งทำงานหรือนัดพบกับเพื่อนๆได้ โดยไม่ต้องเข้าไปรบกวนที่ส่วนพักอาศัย ชั้นล่างของอาคารพักอาศัยเป็น Double Volume Lobby , Mail room และมีร้านค้า 1 ร้าน ชั้น 6 จะมีพื้นที่ส่วนกลางคือ Play Space , Freeform Garden และ Green Pavillion ส่วน Facilities อื่นๆจะถูกจัดให้อยู่ในชั้นบนสุดซึ่งเราจะสามารถมองเห็นวิวได้ โดยชั้น 36 ประกอบด้วย Chilling Sky Deck , Sky Garden , Riverview Sky Pool ส่วนชั้น 36 M จะมี Sky Yoga Studio และ Sky Fitness ค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคา AVG 85,000 – 100,000 บาท/ตร.ม., 5 March 2019
- ทำเล 7.5/10 – ตั้งอยู่ติดถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้รถไฟฟ้าสถานีบางพลัด ข้างๆมีร้านอาหาร 7-11 ฝั่งตรงข้ามมี KFC หาของกินสะดวก
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – สะดวก อยู่ทำเลจรัญฯช่วงปลายจึงใกล้สะพานข้ามแยก ใกล้ทางด่วนและโครงการอยู่ติดถนนใหญ่
- ไม่ใช้รถ 8.25/10 – อยู่ห่างจากบันไดทางขึ้นสถานีบางพลัดประมาณ 174 เมตร เดินไม่ไกล และสามารถเรียกรถสาธารณะอื่นๆได้
- วัสดุ 7.5/10 – ให้มาดีตามมาตรฐานของโครงการ
- แบบ 8/10 – ทำออกมาได้ดี มีการแยกพื้นที่ส่วนกลางออกจากส่วนพักอาศัย ห้องพักจัดได้ลงตัว
- สาธารณูปโภค 8.25/10 – ให้มาครบครับ น่าใช้งาน มี Sky Facilities ที่สามารถชมวิวได้ด้วย
- UPPER CLASS
- 7.81/ 10.00
BOTTOM LINE
The Tree จรัญฯ-บางพลัด เหมาะกับคนที่มองหาคอนโด High Rise ทำเลจรัญฯช่วงปลาย ใกล้ทางด่วนและสะพานข้ามแยก ใกล้รถไฟฟ้า ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา เดินทางเชื่อมต่อเข้าเมืองได้ง่าย ชอบความเป็นส่วนตัว มีส่วนกลางให้ใช้ครบครัน ห้องพักมีให้เลือกหลากหลาย ชอบครัวเปิด มีงบประมาณเริ่มต้น 2 – 5.2 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อน 14,000 – 36,000 บาทต่อเดือน