รีวิวฉบับที่ 1459 … วันนี้จะพาไปชมตึกเสร็จกับโครงการ The Stage Taopoon-Interchange ของ Real Asset อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนในระยะเดินสบายประมาณ 400 ม. ซึ่งเป็นสถานี Interchange เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสายสีน้ำเงินด้วย เราจึงเห็นโครงการย่านนี้ เกิดขึ้นกันมาก และราคาก็ไหลไปเรื่อยจนปัจจุบันมีบางโครงการขายราคาเกินแสนบาทต่อตารางเมตรกันแล้ว โครงการจัดพื้นที่ส่วนกลางออกมาได้น่าใช้งาน ห้องพักมีให้เลือกทั้งแบบ 1-2 ห้องนอนในราคาเริ่มต้น 2 ล้านปลายๆ 3 ล้านต้นๆ (Update 26/06/62) ไปดูโครงการนี้ด้วยกันเลยค่ะ
Fact @ 31 October 2017
- The STAGE TAOPOON INTERCHANGE (เดอะ สเตจ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์)
- บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
- MAIN-UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางซื่อ
- คอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร 773 ยูนิต + 4 ร้านค้า
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 26 ยูนิต
- จอดรถในช่องจอด 340 คัน หรือประมาณ 44% รวมที่จอดรถรอบอาคาร 50%
- ที่ดินประมาณ 3-3-84.9 ไร่
- โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่
- 1 Bedroom ขนาด 26.30 – 33.20 ตารางเมตร
ราคาเริ่มต้น 2.7 ล้านบาทราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท (ห้อง 33 ตร.ม.) (Update 26/06/62) - 2 Bedrooms ขนาด 56.10 – 61.41 ตารางเมตร
ราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาทราคาเริ่มต้น 4.79 ล้านบาท (Update 26/06/62) - ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการในปัจจุบัน 100,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุดในปัจจุบัน 100,000-110,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1232
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.805742,100.52619
แผนที่จากทางโครงการ The Stage เตาปูน Interchange ตั้งอยู่ริมถนนประชาราษฎร์ สาย 2 เลยแยกเตาปูนไปทางบางโพราวๆ 400 เมตร ซึ่งทำเลตรงนี้จะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเตาปูน ซึ่งเป็น Interchange Station จุดเชื่อมกันระหว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงที่วิ่งมาจากบางใหญ่ กับสายสีน้ำเงินที่วิ่งมาจากจรัญฯ …ซึ่งตัวสายสีน้ำเงินจะไปมุดลงดินแปลงร่างเป็นรถไฟใต้ดิน MRT วิ่งเข้าเมืองอีกที ทำเลตรงนี้อธิบายง่ายๆจึงเหมือนกับส่วนต่อขยายของ MRT ที่เราคุ้นเคยว่าเริ่มจากบางซื่อนั่นเอง
ย่านบางซื่อ-เตาปูน-บางโพ จะว่าไปก็คือย่านชุมชนค้าขายเก่าแก่มาเนิ่นนาน โดยเป็นย่านที่ขายเฟอร์นิเจอร์ และงานไม้ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของสยามประเทศ คนย่านนี้จึงเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ แต่เมื่อก่อนตอนยังไม่มีรถไฟฟ้า ก็อยู่บ้านหรือตึกแถวแนวราบเป็นหลัก พอรถไฟฟ้ามาและใกล้จะได้ใช้ คอนโดตึกสูงที่เกิดขึ้นมาใหม่ ก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี
ความที่เป็นชุมชนค้าขายเก่าแก่มาแต่เดิม ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้มีมาก และกระจายตัวให้พึ่งพิงได้หลายจุด เราจะพบเห็น ตลาดตรงย่านเตาปูน ร้านค้า ร้านอาหาร ตามตึกแถว และแผงริมถนน เยอะมาก ตั้งแต่ เตาปูน ประชาราษฎร์สาย 2 บางโพ เยอะไปหมด ส่วนมินิมาร์ท ก็มีให้เห็นเรื่อยๆ (มี 7-11 อยู่เลยหน้าโครงการมาไม่กี่ก้าว) ส่วนหากจะซื้อของซุปเปอร์ ก็มีห้างใหม่ล่าสุดของย่านนี้อย่าง เกตเวย์ แอท บางซื่อ แหล่งรวมไลฟ์สไตล์กิน เที่ยว ช็อปปิ้ง ที่มีครบจบในที่เดียว นอกจากนี้ยังมีห้าง Lotus อยู่ตรงแยกประชาชื่น หรือถ้าอยากจะซื้อของกินดีๆ สามารถไป อตก. ได้ไม่ไกล ขับรถไปนิดเดียว ส่วนสวนจตุจักร อยู่ตรงข้าม อ.ต.ก. นั่งรถไฟฟ้าไปโผล่กลางสวนจตุจักรเลย สะดวกกว่าขับรถมาก .. ถัดไปหน่อย ก็มี Central ลาดพร้าว Union Mall และ สวนสาธารณะ อย่างสวนจตุจักร และสวนรถไฟ ความอุดมสมบูรณ์ รายรอบโครงการ ทั้งระยะเดินเท้า และขับรถใกล้ๆ รวมถึงนั่งรถไฟฟ้าไปสองสามสถานี จึงค่อนข้างจัดอยู่ในระดับที่สมบูรณ์มากอันเป็นข้อดีของโครงการที่ตั้งอยู่ใกล้ชุมชนดั้งเดิม
เรื่องทำเลโครงการและการเดินทางต่างๆ Mr.Oe ได้เคยเขียนไว้ละเอียดตั้งแต่รีวิวเมื่อตอนเปิดขายแล้ว ใครที่ยังไม่เคยอ่านก็สามารถคลิกอ่านได้ที่นี่เลย
สำหรับวันนี้รถไฟฟ้าเตาปูนได้เปิดให้เชื่อมกับสายสีน้ำเงินที่สถานีบางซื่อโดยสมบูรณ์แล้ว เราจึงจะลองพาเดินจากรถไฟฟ้าไปโครงการกันดูนะคะ
เริ่มเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน สถานีนี้ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว มีพื้นที่ไว้รองรับการเป็นสถานี Interchange
จากป้ายแสดงชั้นของชานชาลาว่าจะไปที่ไหนคล้ายๆ กับที่สถานีรถไฟฟ้าสยามฯ ถ้าจะไปต่อ MRT สายสีน้ำเงินให้เลือกใช้ชานชาลาบนชั้น 3 หรือถ้าจะนั่งสายสีม่วงก็ขึ้นไปชานชาลาบนชั้น 4
ทางออกไปโครงการให้เลือกใช้ทางออก 1
ลงมาจากสถานีจะเป็นพื้นที่โล่งๆ บริเวณนี้ค่อนข้างกว้าง เปิดพื้นที่รองรับเวลาที่มีคนใช้งานเยอะๆ
ใกล้ๆ สถานีจะมีพี่วินตั้งอยู่ ติดป้ายราคาค่าบริการไว้เรียบร้อย ถ้าเรียกไปโครงการจากตรงนี้ก็สนน.ราคาที่ 10 บาทค่ะ
บรรยากาศข้างทางจะเรียงไปด้วยอาคารพาณิชย์ โดยชั้นล่างจะปรับเป็นการใช้สอยเชิงพาณิชย์อย่างธนาคาร ร้านขายของ ร้านอาหาร ร้านซ่อมรถ
เลยมาอีกหน่อยก็จะเป็นทางเข้าของโครงการคอนโด High Rise อีกโครงการหนึ่งคือ Richpark 2 ด้านหน้าก็จะมีป้ายรถเมล์ และสะพานลอยคนข้ามอยู่ด้านหน้า
ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นบรรยากาศแบบอาคารพาณิชย์ประมาณเดียวกัน
ถัดมาอีกหน่อยจะเจอกับซอยสะพานขวา เป็นซอยที่มีอพาร์ตเมนท์อยู่ด้านในหลายหลัง และมีโรงเรียนด้วย หน้าปากซอยมี 7-11 อยู่หัวมุม บรรยากาศหน้าซอยสะพานขวา มีของกินเป็นแบบรถเข็นเล็กน้อย
ลัดเลาะมาเรื่อยๆ ก่อนก็จะเห็นว่าแม้จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่หันหน้าออกถนนใหญ่ พื้นที่ด้านล่างชั้น 1 ก็จะไม่ได้คึกคักมาก แต่ก็จะมีร้านขายยา ขายของ ธนาคาร ร้านไฟฟ้า ร้านขายไม้ รับซ่อมของอยู่เป็นระยะๆ
นอกจากนั้นก็จะมีร้านอาหารอยู่เยอะมากๆ ทั้งก๋วยเตี๋ยว ผัดไท กับข้ามตามสั่ง ข้าวมันไก่ ส่วนการจอดรถใช้บริการนั้นก็จะต้องจอดที่เลนซ้ายสุดข้างทางเดินเท้า ซึ่งจะมีทั้งลูกค้าร้านอาหาร คนส่งของต่างๆ มีร้านขายอุปกรณ์รถยนต์อยู่ใกล้ๆ
แล้วเดินถัดมาอีกนิดเดียวก็ถึงโครงการแล้วค่ะ
ติดกับโครงการเป็นร้านบะหมี่เก่าแก่ คือ ร้านนายงี้ บะหมี่ตู้ไม้ คนพื้นที่รู้จักกันดี ถัดๆ ไปมีร้านอาหารอยู่เรื่อยๆ สลับกับแบงค์ สาขาย่อย และมี 7-11 อีกสาขาหนึ่งอยู่ไม่ไกลค่ะ และถัดจาก 7-11 ไปอีกนิดนึงจะเป็นห้างเกตเวย์ แอท บางซื่อ แหล่งไลฟ์สไตล์ใหม่ล่าสุดของย่านนี้
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ห้างเกตเวย์ แอท บางซื่อ 250 เมตร
- โรงพยาบาลบางโพ 350 เมตร
- ตลาดเตาปูน 600 เมตร
- Tesco Lotus บางซื่อ 900 เมตร
- SCG สำนักงานใหญ่ 1.2 กิโลเมตร
- รัฐสภาใหม่ 2.2 กิโลเมตร
- โรงเรียนโยธินบูรณะ 1.6 กิโลเมตร
- โรงเรียนสามเสน 2 2.6 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 2.7 กิโลเมตร
- ตลาดอตก. 3.1 กิโลเมตร
- BigC วงศ์สว่าง 3.3 กิโลเมตร
- โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย 3.7 กิโลเมตร
- ตลาดนัดสวนจตุจักร, สวนจตุจักร 3.7 กิโลเมตร
- สถานีขนส่งหมอชิต 2 4.8 กิโลเมตร
- ตลาดบองมาเช่ 5.6 กิโลเมตร
- Central ลาดพร้าว 5.8 กิโลเมตร
- The Mall งามวงศ์วาน 7 กิโลเมตร
The Stage Taopoon-Interchange เป็นคอนโดฯ High Rise 1 อาคาร สูง 36 ชั้น บนที่ดินประมาณ 3 ไร่ ตัวอาคารถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นด้วยสีเทา ขาว เป็นหลัก ภาพรวมอาคารดูไม่หวือหวามากนักแต่มองแล้วอยู่ได้นานไม่ตกไปกับยุคสมัยค่ะ การจัดพื้นที่ภายในอาคารจะแบ่งเป็นพื้นที่จอดรถถึงชั้น 2-6 และเริ่มเป็นห้องพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 7-36 ส่วน Facility หลักๆ ของโครงการจะถูกจัดไว้ที่ 7 และบนชั้น Rooftop ทำให้มีพื้นที่ส่วนกลางให้มาเปลี่ยนบรรยากาศและชมวิวเมืองมุมสูงไปด้วยได้ค่ะ
Master Plan ของโครงการ ชั้น G นี้ นอกจากจะมีสวนอยู่รอบแล้ว ยังมีพื้นที่จอดรถในช่องจอดอีกพอสมควร และถ้าจำเป็นก็สามารถบริหารจัดการให้จอดรถรอบอาคารได้ ซึ่งจะเพิ่มที่จอดได้อย่างน้อยๆก็ 40 คัน ตัว Lobby ขนาดใหญ่ อยู่ติดกับ Shop 4 Shop ซึ่งผมยังไม่ทราบนะคะว่าจะจัดเป็นร้านอะไรบ้าง
บริเวณด้านหน้าโครงการจะมีซุ้มทางเข้า-ออก ทางขวามีป้ายโครงการดูเด่นชัดและเรียบร้อยดี ถึงแม้ว่าโครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่แต่ตัวอาคารจริงๆ จะตั้งอยู่ด้านในเข้าไปประมาณ 70 ม. ก็เป็นข้อดีที่ช่วยลดความวุ่นวายจากบริเวณริมถนน ทำให้ลูกบ้านได้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากขึ้น
บริเวณทางเข้า-ออกนี้ จะมีการติดตั้งไม้กั้นกระดก และพี่รปภ. ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าลูกบ้านจะผ่านเข้าออกก็ต้องใช้ Keycard แสกนตั้งแต่ตรงจุดนี้เลยค่ะ
ทางเดินรถบริเวณหน้าโครงการจะเป็น Paving Block ดูเรียบร้อยสวยงาม ซึ่งวัสดุชนิดนี้จะมีความหนากว่า Stamped Crete บรรยากาศ 2 ฝั่งของทางเข้าดูร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่และไม้พุ่ม
ด้านข้างทางเข้าฝั่งหนึ่งจะแยกเป็นทางเดินเข้าของลูกบ้าน ทำออกมาเป็นทางเดินลัดเลาะในสวน
สำหรับทางเดินรถ พอเข้าโครงการไปแล้วจะมีทางแยกออกเป็น 2 ทาง ซ้ายขวา ถ้าจะขึ้นที่จอดรถในอาคารก็ให้เลี้ยวขวา หรือถ้าจะจอดรถรอบโครงการก็เลี้ยวซ้ายไปตามทางวนรถรอบอาคารนะคะ
จะพาเลี้ยวขวามาดูทางไปขึ้นที่จอดรถในอาคารกันนะคะ
จะมีทางขึ้นที่จอดรถอยู่ทางซ้ายมือตามลูกศรนี้เลย มองเลยไปหน่อยจะเห็นพื้นที่จอดรถใต้ตึกที่แบ่งช่องให้จอดรถได้ตลอดแนว ใครที่เป็น Visitor ก็สามารถมาจอดรอบๆ อาคารกันได้เพราะไม่ต้องใช้ Keycard
ช่องจอดรถของโครงการมีขนาดมาตรฐาน ไม่แคบเกินไป
ถัดมาจะมีที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ให้บริการ ก็มีพื้นที่ให้จอดเยอะ จอดได้หลายคันทีเดียว
ทางเข้าที่จอดรถจำกัดความสูงของรถที่ 2.1 ม.
บรรยากาศภายในที่จอดรถค่อนข้างโปร่งโล่ง เนื่องจากมีช่องรับแสงและระบายอากาศจำนวนมาก ซึ่งช่องรับแสงเหล่านี้ยังทำให้ ประหยัดค่าไฟของส่วนกลางอีกด้วยค่ะ
ขึ้นมาบนชั้นที่จอดรถชั้นแรกคือชั้น 1B ถ้าใครจอดรถชั้นนี้ก็มีบันไดให้สามารถเดินลงไป Lobby ได้
ช่องทางเดินรถขึ้น-ลง จะแยกช่องทางกันแบบนี้ ทำให้ไม่ต้องกลัวเรื่องรถสวนช่วงทางลาดนะคะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2B เป็นชั้นแรกที่เริ่มมี Lift Lobby ทำให้ลูกบ้านสามารถกดลิฟต์ขึ้นชั้นพักอาศัยไปได้เลย
ภายใน Lift Lobby จะมีลิฟต์ 4 ตัว ที่เชื่อมเข้าตัวอาคารได้เลย จึงค่อนข้างสะดวกทีเดียวค่ะ
ถ้าขับออกมาจากที่จอดรถแล้วจะออกไปหน้าโครงการ ก็เลี้ยวขวากลับไปทางที่ขับเข้ามาค่ะ
เดี๋ยวจะพาวนตามเส้นทางเดินรถไปรอบๆ โครงการนะคะ จากมุมนี้จะเห็นมีพื้นที่สวนเล็กๆ
เป็นมุมพักผ่อนในสวนบนชั้น Ground ภายในจัดให้มีม้านั่งอยู่หลายตำแหน่ง มีความร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ แต่ก็เหมาะจะมาใช้งานช่วงเย็นๆ หน่อยนะคะ
เดินวนรอบอาคารมาเรื่อยๆ จริงๆ ทางเดินรถในส่วนนี้จะเป็นทาง One-Way จึงคาดว่าพอผู้อยู่อาศัยอยู่กันแบบเต็มๆ แล้ว ถนนนฝั่งหนึ่งน่าจะกลายเป็นที่จอดรถรอบอาคาร ทำให้เปอร์เซ็นต์ของที่จอดรถจากเดิม 44% พอรวมกับที่จอดรอบอาคารน่าจะได้ที่จอดถึง 50% ได้นะคะ
ตรงมาอีกหน่อย ฝั่งซ้ายจะผ่านส่วนของ Lobby ที่ออกแบบไว้เป็นผนังกระจก ด้านนอกมีการตกแต่งพื้นที่ด้วยบ่อน้ำและลูกบอลสีเงิน สร้างบรรยากาศให้ดูทันสมัยและน่าสนใจ
ต้นไม้ตามทางวนรถรอบโครงการทำออกมาได้ดี เพราะจะเห็นต้นไม้เรียงรายตามแนวทางเดินอยู่ตลอด
ส่วนพื้นที่ด้านข้างทางวนรถก็ถูกจัดฟังก์ชันให้เป็นที่นั่งเล่นภายในสวน มีหลายรูปแบบทั้งที่เป็นชุดโต๊ะเก้าอี้ให้สามารถนั่งทานขนม หรือเขียนหนังสือได้ และมีแบบที่เป็น Sunken Seat ด้วยค่ะ
พื้นที่ในอาคารบริเวณด้านหน้าโครงการจะมียูนิตของร้านค้า ร้านอาหาร ไว้รองรับลูกบ้านด้วยนะคะ ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปอีกหน่อยว่าจะเปิดเป็นร้านอะไรค่ะ
วนไปตามทางเดินรถก็จะมาถึงพื้นที่ด้านหน้าโครงการแล้ว
ด้านหน้าทางเข้าโครงการก็จะตรงกับ Drop-Off ที่อยู่บริเวณหน้าทางเข้า Lobby ทำให้ลูกบ้านสามารถวนรถมาส่งคนตรงนี้ได้สะดวก
ด้านข้างอีกฝั่งหนึ่งของ Drop-Off เป็นตำแหน่งของร้าน Laundry
ต่อไปจะพาเข้ามาดูในตัวอาคารกันบ้าง จากบริเวณ Drop-Off จะมีทางเข้าอาคารที่กว้าง และใช้เป็นผนังกระจกบานใหญ่ จึงดูโล่งๆ มองผ่านเข้าไปด้านในได้ จึงดูไม่อึดอัดค่ะ
ด้านหน้าทางเข้าจะมีจุดประจำการของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
คอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน
ภายใน Lobby จะมี Reception และมีชุดโซฟาไว้รับรองอยู่หลายชุดเลยย บรรยากาศภายในดูอบอุ่มด้วยวัสดุสีไม้ที่เลือกใช้ตัดกับพื้นกระเบื้องลายหินสีดำ ซึ่งโถง Lobby นี้มีระยะจากพื้นถึงฝ้าสูงเป็นพิเศษ
อีกมุมหนึ่งของพื้นที่นั่งเล่นภายใน Lobby
บริเวณล็อบบี้โครงการ มีบริการรถเข็น 3 แบบ ให้สำหรับลูกบ้านเอาไว้ขนของ
ภายใน Lobby ก็จะมี Reception ด้านหลังเป็นห้องจดหมาย มีพื้นที่ทางเดินแยกซ้ายขวา เดี๋ยวจะค่อยๆพาไปดูทีละส่วนนะคะ เริ่มจากทางฝั่งขวาก่อน
พื้นที่ด้านข้างห้องจกหมายทางขวา จัดไว้เป็นมุมนั่งเล่นริมกระจก วางโซฟาตัวยาวไว้ คือยาวแบบนอนเอนหลังได้เลยนะ
บรรยากาศในส่วนห้อง Mail Room ดูสวยงามน่าใช้ จะเป็นตู้เป็นช่องเล็กๆ ใส่จดหมาย
ด้านข้างห้องจดหมายทางฝั่งซ้ายเป็นทางเดินไป Lift Lobby เพื่อเข้าสู่โซนพักอาศัย หรือถ้าเดินตรงไปด้านในสุดจะเป็นห้องน้ำส่วนกลางในชั้นนี้
บรรยากาศภายในห้องน้ำยังคงคอนเซปต์ของความโมเดิร์นด้วยกระเบื้องลายหินแบบต่างๆ
ตำแหน่งของ Lift Lobby จะอยู่ด้านในหน่อยเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ผู้ที่ไม่มีบัตรจะขึ้นไปชั้นห้องพักไม่ได้ค่ะ Key Card ที่นี่เป็นแบบล็อกชั้นนะคะ ขึ้นได้เฉพาะชั้นที่อยู่อาศัย และชั้น ส่วนกลางคือชั้น 7 และ ชั้น Rooftop
Lift Lobby มีลิฟท์ทั้งหมด 4 ตัว มีตำแหน่งซึ่งการจัดตำแหน่งไว้ตรงกลางมีข้อดีที่ทำให้ห้องพักทั้ง 2 ฝั่งของอาคารมีระยะไม่ห่างจากโถงลิฟท์มากค่ะ บริเวณหน้าลิฟท์จะมีป้ายบอกชั้นติดไว้เรียบร้อยค่ะ
ด้านบนหน้าลิฟท์จะมีหน้าปัด Digital แสดงชั้นที่ลิฟท์หยุดอยู่บริเวณกลางอาคาร ภายในลิฟต์สว่างพอสมควรทีเดียววัสดุโดยรอบเป็นสแตนเลสกรุกระจก ทำให้บรรยากาศภายในลิฟท์ดูกว้างขึ้นไม่อึดอัด มุมบนติดกล้อง CCTV เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ลิฟท์ค่ะ
ปุ่มกดภายในลิฟท์จะใช้คู่กับ Key Card นะคะ
Floor Plan ชั้น 7 จะเป็นชั้น Main Facility ซึ่งประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำขนาด 8×25 เมตร ระบบเกลือแยกสระเด็ก มี Pool Cabana และพื้นที่นั่งเล่นข้างสระสองด้าน นอกจากนี้ก็มี Co-Working Space และ Reading room ซึ่งอยู่ติดกัน มีห้อง Laundry วางแปะอยู่กับ play room ดีเลยเวลารอซักผ้าจะได้มานั่งอ่านหนังสือหรือเล่นกมส์รอได้… ห้องน้ำและ locker แยกชายหญิงมีห้อง sauna อยู่ด้านใน… ห้อง Fitness เป็นชั้นลอยยกระดับเท่าชั้น 8 อยู่ด้านบนของส่วนพื้นที่นั่งเล่นริมสระด้านทิศตะวันตกค่ะ
ชั้นนี้เป็นชั้นเริ่มต้นของส่วนพักอาศัย ซึ่งมีห้องอยู่ 21 ห้อง ลิฟท์โดยสารมี 4 ตัว ลิฟท์ดับเพลิงใช้เป็น Service Lift อีก 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ โดยสาร 194 ห้อง ต่อลิฟท์ 1 ตัว ถือว่าหนาแน่นอยู่พอสมควรแต่โครงการแจ้งว่าเลือกใช้ลิฟต์ที่มีความเร็วมากกว่าปกติ จึงน่าจะช่วยในเรื่องความหนาแน่นไปได้
ห้องชั้น 7 คงไม่ต้องหวังเน้นวิวสวยมากนะครับ เพราะยังอยู่ในระดับชั้นที่ไม่สูง แต่ความที่พื้นที่ย่านนี้ค่อนข้างโล่งโดยเฉพาะด้านทิศใต้ จึงได้วิวเปิดโล่งไม่มีตึกระยะประชิดบังวิว ยกเว้นด้านทิศตะวันตกที่บังเต็มๆ
ออกจากลิฟท์ชั้น 7 มาจะเป็นทางเดินโล่งๆ เข้าสู่พื้นที่ส่วนกลาง
ส่วนแรกที่เจอเป็นพื้นที่ของโถงกลาง ซึ่งจัดชุดโซฟาไว้ให้นั่งเล่น จากพื้นที่ตรงนี้ก็จะแยกออกไปยังส่วนกลางต่างๆ และพื้นที่พักอาศัย
เนื่องจากชั้นนี้จะมีทั้งส่วนกลางและส่วนพักอาศัย ทางโครงการจึงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้พักอาศัย จึงมีประตูทางเข้าโซนพักอาศัยที่จะต้องใช้ Keycard ผ่านเข้าไปอีกทีหนึ่ง ถัดไปเป็นห้อง Laundry ที่ติดกันกับ Reading Room และ Co-working Space ส่วนสระว่ายน้ำและ Fitness จะอยู่ในส่วน Outdoor นอกอาคารนะคะ
ในห้องซักผ้า..มีเครื่องซักผ้าตั้งไว้อยู่ 6 เครื่อง และมีเครื่องเติมน้ำดื่มด้วย
บรรยากาศภายใน Reading Room และ Co-working Space จะอยู่ติดกันในห้องแบบนี้ ส่วนแรกทางขวาคือพื้นที่ Co-Working Space จัดชุดโต๊ะทำงานไว้ให้สามารถมานั่งทำงานหรือเวลามาซักผ้า ก็สามารถมานั่งรอในห้องนี้ได้ เพราะห้องนี้เปิดแอร์ไว้ด้วยค่ะ
พื้นที่ตรงนี้ได้วิวสระว่ายน้ำด้วย ดูน่าใช้งานทีเดียว
เดินเข้ามาด้านในยังส่วนของ Reading Room
ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่า Co-Working Space และจัดที่นั่งไว้หลากหลาย รองรับทั้งที่มานั่งเป็นกลุ่มและเดี่ยว ซึ่งเป็นตำแหน่งห้องที่ได้วิวสระอีกเช่นกัน
บริเวณที่นั่งแต่ละตำแหน่งก็จะมีปลั๊กไฟไว้ให้ใช้งานด้วย ตอบโจทย์ลูกบ้านยุคนี้กันสุดๆ
ถัดมาคือส่วนของสระว่ายน้ำแบบ Infinite-Edge Pool มีขนาดกว้างยาวประมาณ 8×25 ม. ขนาดกว้างพอสมควรให้ใช้ว่ายออกกำลังกายหนักๆ ได้ เป็นขนาดที่โอเคเลยนะคะเมื่อเทียบกับจำนวนลูกบ้านกว่า 700 ยูนิตในอาคารนี้
จากมุมมองในสระว่ายน้ำ มองกลับมาทางอาคารก็จะเห็นห้อง Fitness บนชั้น 2 ที่อยู่ด้านหลังสระว่ายน้ำ จากตำแหน่งของห้อง Fitness เวลาเล่นเครื่องเล่นก็จะได้วิวบริเวณสระว่ายน้ำและวิวเมืองโดยรอบ
มาชมพื้นที่ข้างสระกันบ้างเป็นทางเดินตรงยาวๆ ไปด้านใน พื้นที่ริมสระมี Daybed จัดไว้ให้มานั่งเล่น ชิวๆ กันได้ ตำแหน่งของสระว่ายน้ำจะอยู่ทางทิศเหนือของอาคาร ทำให้ไม่ร้อนมาก สามารถมาใช้งานได้ตั้งแต่ในช่วงบ่ายเลยนะ
ห้องน้ำจะแยกห้องชายหญิงเอาไว้ ห้องซ้ายมือคือห้องผู้ชาย ส่วนห้องขวามือคือห้องผู้หญิง
ภายในห้องน้ำจะมีอ่างล้างมือทางฝั่งซ้าย ติดกันมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำ ส่วนด้านในสุดเป็นห้อง Sauna ค่ะ
ห้องสุขามีขนาดพอใช้งานได้ และมีห้องอาบน้ำเอาไว้สำหรับล้างตัวเวลาว่ายน้ำเสร็จ ผนังด้านหลังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านกันลื่นค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมีห้อง Sauna ให้ด้วย
ภายในห้อง Sauna สามารถรองรับได้ประมาณ 5-6 คน แต่ก็ถือว่าให้มาดีเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตอีกเช่นกันค่ะ
เดินผ่านห้องน้ำเข้ามาด้านใน จะมีอีกมุมหนึ่งของสระว่ายน้ำที่เป็นสระเด็ก สระนี้มีความลึกที่ 60 ซม. ค่ะ
ติดกับสระเด็กเป็น Pool Cabana เป็นที่นั่งแบบ Sunken Seat บนชั้นนี้จะฝังตัวลงไปเป็นทรงกลมในบ่อน้ำ ทำให้รู้สึกเหมือนกับนั่งชมวิวอยู่ในบ่อน้ำค่ะ
มุมมองที่ได้เวลาที่นั่งใน Pool Cabana ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในน้ำค่ะ
จุดนั่งชมวิวบนชั้นสระว่ายน้ำอีกจุดหนึ่งนะคะ ถ้าชอบแบบมีเบาะรองนุ่มๆก็นั่งมุมนี้ดีกว่าค่ะ ทางโครงการวางเก้าอี้ให้หันออกด้านสระว่ายน้ำ จึงสามารถนั่งชมวิวได้เต็มๆ เช่นกัน
ถ้านอนบนเตียงก็น่าจะได้วิวน้ำและท้องฟ้าประมาณนี้ค่ะ ดูชิวๆ ดีนะ
ขึ้นมาชั้นบน มาดูในห้อง Fitness กันต่อนะคะ
เครื่องออกกำลังกายภายใน Fitness ประกอบด้วยเครื่องออกกำลังกายประมาณ 9 เครื่อง ได้วิวภายนอกแบบรอบด้าน
เครื่องที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างจะเห็นวิวเมืองมุมสูงของสระว่ายน้ำประมาณนี้
บางมุมก็จะได้วิวเมืองภายนอกทางฝั่งทิศเหนือ
สำหรับห้องพักติดสระที่อยู่บนชั้นนี้ ทางโครงการได้ทำแนวพุ่มไม้ไว้ให้เพื่อบังสายตาจากภายนอกไม่ให้สามารถมองผ่านเข้าไปในห้องพักได้ เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยค่ะ
ผังชั้น 9-36 (ชั้น 8 ก็เกือบจะเหมือนชั้น 9) จะเป็นห้องพักอาศัยล้วนๆ 26 ห้อง จัดวางห้องแค่สองฝั่งคือฝั่งทิศเหนือ และทิศใต้ มีห้องมุม 4 ห้องที่ได้วิวสองด้าน ห้องมุมด้านทิศตะวันตก (ซ้ายมือ) จะอยู่ประชิดตึก The Tree เขาออกแบบให้เป็นผนังทึบที่ทิศตะวันตก แต่เปิดช่อง Bay Window ให้ได้วิวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้ หลบตึก The Tree พอดี …ทิศเหนือ ได้วิวโล่งๆของย่านบางโพ เตาปูน ที่ในอนาคต ก็เป็นไปได้ที่จะมีตึกสูงขึ้นบ้าง แต่ไม่น่ามีตึกบังระยะประชิด ส่วนทิศใต้นั้น ปลอดภัยเรื่องบังวิวกว่ามาก จะเป็นวิวโล่งๆ ที่มี Background เป็น City View… วิวแม่น้ำ พอเห็นได้บ้างจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และ ตะวันตกเฉียงใต้ค่ะ
บรรยากาศบนชั้นพักอาศัยก็จะมีทางเดินส่วนกลางเพื่อแยกเข้าห้องต่างๆ ดูสว่างด้วยช่องแสงตามทางเดินส่วนกลาง
โถงทางเดินเป็นทางเดินยาวๆ แบบนี้ มีขนาดไม่กว้างนักแต่ก็ไม่แคบจนเกินไปให้พอเดินสวนกันได้ ปลายทางเดินมีช่องแสงจากหน้าต่างของอาคาร ทำให้แสงธรรมชาติสามารถเข้ายังทางเดินส่วนกลางได้
ชั้นดาดฟ้าจัดเป็นสวนให้ลูกบ้านใช้งาน แบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนๆ ให้เกิดฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย
ชั้น Rooftop สามารถขึ้นมาถึงด้วยลิฟต์เลยไม่เหมือนกับหลายๆ โครงการที่ต้องเดินบันไดหนีไฟขึ้นมาอีกทีนะคะ แบบนี้ก็ทำให้ขึ้นมาใช้งานได้สะดวกทีเดียว
สวนบนชั้นนี้เป็นสวนทางยาวตามรูปทรงอาคาร พื้นที่ทั้งหมดถูกออกแบบให้เกิดบรรยากาศร่มรื่นด้วยไม้ยืนต้นและไม้พุ่ม
ภายในสวนก็จะมี Pavillion ช่วยบังแดดบังฝน แต่ก็ยังเหมาะจะขึ้นมาใช้ช่วงเย็นที่แดดร่มแล้วนะคะ เพราะกลางวันถึงอยู่ในร่มแต่มันก็ร้อนหน่ะสิ
จากที่นั่งด้านในก็เปิดมุมมองไปทางสวนอีกฝั่งหนึ่ง
หากออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวมายังอีกฝั่งก็จะมีทางเดินไปพื้นที่สวน ที่ทางโครงการออกแบบฟังก์ชันไว้หลากหลายอีกเช่นกัน
พื้นที่ส่วนนี้จัดฟังก์ชันเป็นที่ชมภาพยนต์กลางแจ้ง ก็จะมีมุมที่นั่งต่างๆ ในบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยต้นไม้แบบนี้
ด้านหนังตึกเป็นพื้นที่สำหรับฉายหนัง ในลักษณะแบบหนังกลางแปลงค่ะ
เดินเข้ามาด้านในอีกหน่อยก็จะเป็นพื้นที่สวนอีกมุมหนึ่ง ซึ่งทางโครงการจัดเป็นมุมนั่งเล่นไว้ ทั้งที่เป็นแบบชุดโซฟา และแบบม้านั่งยาวเป็นขั้นๆ
มานั่งใต้ร่มไม้แบบเป็นขั้นๆ ก็เลือกนั่งได้ตามใจชอบ
บนสุดมีกล้องส่องทางไกลสำหรับชมวิวติดตั้งไว้ด้วย กล้องรุ่นนี้หากจะใช้งานต้องหยอดเหรียญเอานะ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์ และบ้านเตี้ยๆนะคะ เป็นชุมชนการค้าและพักอาศัย ที่ไม่มีจุดเปลี่ยวให้กังวล ส่วนวิวเรียกว่าโล่ง 3 ด้านคือ เหนือ – ใต้ – ตะวันออก ส่วนตะวันตกโดน The Tree Interchange บังวิวซะมิด … ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ต้องคิดมากอะไร เพราะตัวตึกวางแนวเหนือใต้ ห้องที่ขายมีแค่ห้องทิศเหนือ และทิศใต้เท่านั้น (ยกเว้นห้องมุมซึ่งได้สองทิศ) ห้องทิศเหนือได้วิวย่านเตาปูนบางโพ ส่วนห้องทิศใต้ เป็น City View ไกลๆ ทั้งสองด้านจะมีบางห้องที่พอมองเห็นแม่น้ำ ซึ่งถือเป็นโบนัสไปนะคะ… วิวด้านทิศใต้ จะได้เปรียบทิศเหนือตรงที่น่าจะการันตีความโล่งไปอีกนาน จนกว่ารัฐจะแก้ไขกฎกติกา (ห้ามสร้างตึกสูงรัศมีรายรอบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่)
ให้ดู ตึก The Tree interchange ที่อยู่บังวิวทางทิศตะวันตกค่ะ เรียกว่ามิดเลย เหลือไว้ให้แค่มุมเฉียง ตะวันตกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้เท่านั้นเอง ลูกบ้าน The Tree Interchange ตึก B วิวทิศตะวันออก คงเซ็งมิใช่น้อย เมื่อพบว่า ด้านนี้จะมีตึก The Stage มาบังวิวระยะประชิดเช่นกัน
ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ถ้ามองผ่าน The Tree ไปได้ ก็โล่งจนเห็นแม่น้ำค่ะ
วิวด้านทิศเหนือ (ด้านหน้าโครงการ) โล่งๆเลย ส่วนใหญ่เป็นตึกแถว อพาร์ทเม้นท์ และบ้านพักอาศัย ห้องพักของที่นี่อยู่ที่ชั้น 7 ขึ้นไป ดังนั้นมองข้ามอาคารพาณิชย์และบ้านเรือนชาวบ้านได้หมด
วิวด้านทิศตะวันออก (ด้านสถานีเตาปูน) จะยังโล่งไม่มีอาคารบล๊อกวิวระยะประชิด แต่จะมองเห็นตึก Rich Park @เตาปูน Interchange อยู่แท่งนึงในระยะไกล
วิวด้านทิศใต้ก็ค่อนข้างโล่ง วิวเหมือนๆกับทางทิศเหนือ
วิวด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นบ้านเรือนชาวบ้าน 2 ชั้น โล่งยาวๆ และการันตีโล่งไปนานๆ ไม่มีตึกสูงขึ้นมาบังวิวระยะประชิด จนกว่าจะมีการแก้ไขกฎกติกาค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- ร้านค้า 4 ร้าน
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 8 x 25 เมตร แยกสระเด็ก
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
- Co-Working Space
- ห้อง Reading room
- ห้อง Laundry
- Locker & Sauna
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 4 ตัวต่อ/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 194 ห้อง : ลิฟท์ 1 ตัว
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถในช่องจอด 340 คันคิดเป็น 44% รวมที่จอดรถรอบโครงการอีกประมาณ 40 คัน
- ระบบ CCTV / Access Card
แบบห้องของโครงการจะมีให้เลือกทั้งแบบ 1-2 Bedroom โดยห้องในโครงการส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ส่วนห้องแบบ 2-Bedroom จนเป็นห้องมุมของอาคารนะคะ สำหรับวันนี้จะพาไปชมทั้งห้องแบบ 1-2 Bedroom เลย โครงการขายแบบ Fully Fitted จะให้ของมาเฉพาะ Counter ครัวและแอร์นะคะ ส่วนเฟอร์ฯ อื่นๆ ในห้องให้ดูเป็นไอเดียในการตกแต่งเท่านั้นค่ะ ไปชมกันเลย
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.3 ตารางเมตร แปลนห้องเป็นห้องรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดไม่ใหญ่นักแต่จัดฟังก์ชันมาได้ลงตัว แปลนห้องนี้เน้นการใช้งานในส่วนของห้องนอนและห้องครัว โดยห้องนอนจะได้ช่องแสงเป็นหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้ห้องดูไม่อึดอัด ส่วนห้องครัวจะได้มาเป็นครัวปิด แถมติดกับระเบียงจึงสามารถเปิดระบายกลิ่น ควัน ได้สะดวกจึงใช้งานครัวได้เต็มที่ ส่วนห้องน้ำและห้องนั่งเล่นถูกผลักให้อยู่ด้านในอาคาร จึงต้องอาศัยแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านห้องนอนและห้องครัวมาเท่านั้น
เริ่มจากทางเข้าจะเจอกับส่วนพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี ติดกันเป็นส่วนของห้องนอนที่กั้นจากห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแยกเป็นสัดส่วนดี ใครที่อยากจะเพิ่มความเป็นส่วนตัวอีกหน่อยก็สามารถติดฟิล์มฝ้าได้ จากห้องนั่งเล่นจะเป็นพื้นที่เดียวกับพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหาร ส่วนห้องครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นระหว่างครัวและพื้นที่นั่งเล่น ช่วยกันกลิ่นและควันจากการทำอาหารหนักๆ ได้ ติดกับครัว เป็นห้องน้ำที่มีขนาดไม่ใหญ่นักแต่ก็จัดวางตำแหน่งสุขภัณฑ์และแบ่งโซนเปียกโซนแห้งได้ดี และสุดท้ายระเบียงซักล้างขนาดกะทัดรัด ถ้าวางเครื่องซักผ้าแล้วก็น่าจะเหลือพื้นที่อีกไม่มากในการใช้งานนะคะ
ด้านหน้าห้องจะมีป้ายบอกเลขที่ห้องไว้เรียบร้อย บานประตูห้องเป็นบานไม้สีน้ำตาลเทา
มือจับประตูแบบก้านโยกพร้อมลูกบิดล็อก ด้านหลังประตูมีกลอนรูดติดไว้อีกชั้นหนึ่ง
ระดับของพื้นห้องจะยกขึ้นมาสูงกว่าพื้นโถงทางเดินอีกหน่อย ในกรณีที่หากห้องข้างเคียงเกิดท่อแตกหรือน้ำรั่วแล้วน้ำไหลออกมาตามทางเดิน การยกระดับพื้นแบบนี้จะช่วยป้องกันน้ำเข้าห้องได้ ซึ่งกันได้ดีกว่าแบบที่เป็นธรณีประตูด้วย เพราะคอนโดส่วนใหญ่จะทำธรณีประตูไม่สูงนักและหากวัสดุเป็นไม้ก็อาจบวมน้ำได้
เข้ามาภายในห้องจะเจอห้องรับแขกเป็นส่วนแรก มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร มองเลยไปด้านในสุดจัดเป็นห้องนอน ขวามือเป็นทางเข้าไปห้องครัวและห้องน้ำค่ะ ระดับฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร ทำให้ห้องขนาดเล็กดูโปร่งดี โดยพื้นในห้องเกือบทั้งหมดจะเป็นพื้นไม้ลามิเนต ห้องจะขายแบบ Fully Fitted จึงมองข้ามพวกเฟอร์ฯ ไป แค่ดูไว้เป็นไอเดียในการแต่งห้องพอนะ
เข้ามาในห้องแล้วมองกลับไปที่ประตูห้อง ด้านหลังประตูจะมีติด Doorstop กั้นกันประตูไปกระแทกกับชั้นวางของด้านหลังด้วยนะ ภายในห้องนั่งเล่นมีพื้นที่ให้จัดฟังก์ชันได้ทั้งนั่งเล่นและทานข้าว ผนังรอบห้องจะได้เป็นฉาบเรียบทาสีขาว ไม่ได้ติด Wallpaper มาให้ แต่ถ้าจะตกแต่งเพิ่มแนะนำว่าถ้าใช้กระจกแต่งผนังมาช่วย จะทำให้ห้องดูกว้าง น่าใช้งานมากขึ้นอีกนะคะ
ระยะดูทีวีจากโซฟาถึงทีวีมีระยะประมาณ 2.3 ม. มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 50 ”
ผนังฝั่งตรงข้ามโซฟา เป็นตำแหน่งของชั้นวางทีวี ถ้าออกแบบดีๆ ก็สามารถ Built-in ทำตู้เก็บรองเท้า เก็บของใช้ได้เยอะเหมือนกันนะคะ
โต๊ะทานข้าวที่นำมาตั้งโชว์เป็นโต๊ะขนาดเล็ก มีพื้นที่วางกับข้าวได้อีกหน่อยและนั่งทานได้ 2 คน แต่ถ้าจะวางกับข้าวหลายอย่างก็คงจะไม่พอหน่ะสิ แนะนำให้เลือกโต๊ะที่พับเก็บหรือขยายขึ้นมาได้ ก็จะช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้นและประหยัดพื้นที่ด้วยนะคะ
ติดกันกับห้องนั่งเล่นเป็นประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ที่กั้นห้องนั่งเล่นกับห้องนอนไว้
พอเป็นประตูเปิดแบบ 3 ตอน ก็ทำให้มีพื้นที่สำหรับเดินเข้าออกได้สะดวกกว่าประตูแบบ 2 ตอนนะคะ ส่วนรางเลื่อนที่พื้นจะฝังลงไปกับพื้นแบบนี้ ทำให้ไม่ต้องกลัวสะดุด
โครงการเก็บรายละเอียดประตูมาดี ด้วยเส้นกำมะหยี่ช่วยกันเสียงกันฝุ่น
พื้นที่ภายในห้องนอนมีขนาดกว้างดีนะ มีพื้นที่พอให้วางเตียงใหญ่ ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง ได้สบายๆ
ถ้าวางเตียงขนาด 5 ฟุต ก็จะเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบ และส่วนหัวเตียงก็ยังเหลือพื้นที่ให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง หรือจะวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้นะคะ
ด้านในห้องนอนมีหน้าต่างบานใหญ่ ที่เป็นช่องเปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาด้านในห้องได้มาก โดยจะเป็นหน้าต่างบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง ทำให้สามารถเปิดระบายอากาศได้
หน้าต่างบานกระทุ้งจะเปิดได้ไม่กว้างมากนัก แค่พอให้ระบายอากาศได้ ตัววัสดุที่ให้มีความแข็งแรงดีค่ะ
ปลายเตียงจะเป็นที่ตั้งของตู้เสื้อผ้าและถ้าใครอยากติดทีวีในห้องนอนก็สามารถติดแบบแขวนผนังได้ ซึ่งทางโครงการได้เดินปลั๊กไฟมาให้เรียบร้อยแล้ว
ต่อไปเป็นห้องครัว จะถูกกั้นแยกกับส่วนนั่งเล่นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน
บานประตูกระจกที่ได้จะเป็นบานใส พื้นที่ครัวได้เป็นครัวปิด ช่วยกันกลิ่นและควันจากการประกอบอาหารเข้ามาในห้องนั่งเล่นได้
พื้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัวจะมีการจบพื้นด้วยตัวจบไม้ลามิเนต ตรงนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำเพราะไม้จะบวมได้ง่าย
การจัดวางพื้นที่ภายในห้องครัว จะวางส่วนประกอบอาหารไว้ติดกำแพงด้านหนึ่ง ที่เหลือจะเป็นพื้นที่ทางเดินและใช้ยืนประกอบอาหาร กว้างประมาณ 1.1 ม. เลย น่าจะใช้งานได้สะดวกทีเดียว
เคาน์เตอร์ครัวจะได้มาเหมือนในห้องตัวอย่าง คือจะได้ทั้งเคาน์เตอร์ล่างและตู้ลอยชั้นบน ได้อุปกรณ์ครัวมาครบทั้งซิงค์ล้างจาน, Hob & Hood ส่วนพื้นที่ด้านข้างเว้นไว้ให้วางตู้เย็น มีขนาดพื้นที่ประมาณ 75 x 75 ซม. เวลาไปเลือกซื้อตู้เย็นก็อย่าลืมคำนึงเรื่องขนาดที่วางด้วยนะคะ
เคาน์เตอร์ครัว Built-in วัสดุเป็นโครงไม้กรุลามิเนต Top เป็นไม้ลามิเนตเช่นเดยวกัน ตัวตู้มีลิ้นชักสำหรับใส่จานชามได้ ด้านล่างมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ อีกตู้หนึ่งเป็นตู้บานเปิดปิดใต้อ่างล้างจาน ไว้ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆ ได้ แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ
พื้นที่บนเคาน์เตอร์โดยรวมจัดมาแบบ 3 เคาน์เตอร์ ฝั่งหนึ่งเป็นเตาไฟฟ้า อีกฝั่งหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน ทำให้มีพื้นที่ตรงกลางสำหรับเตรียมอาหาร วางเครื่องปรุง ส่วนผสมได้นิดหน่อย ส่วน Backsplash ด้านหลังเคาน์เตอร์ แนะนำให้ติดกระเบื้องเพิ่มจะช่วยให้เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ
โครงการให้เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันมาเรียบร้อย ของ Teka
ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจาน 1 หลุมที่ มีขนาดพอจะใส่หม้อได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ
ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 1 ตู้ และตู้ช่องโล่งที่แบ่งเป็นช่องย่อยๆ จึงมีพื้นที่ให้เก็บของได้พอสมควร
ติดกับห้องครัวเป็นประตูบานเลื่อนเปิดออกไประเบียง ส่วนที่ดีของระเบียงนี้คือการวางตำแหน่งของ Condensing unit ไว้ด้านบน ทำให้ลมร้อนที่ปล่อยออกมาถูกระบายไปนอกอาคาร เราจึงสามารถใช้งานพื้นที่ระเบียงได้เต็มที่
รางประตูจะสูงขึ้นมาจากระดับพื้นนิดนึง เวลาฝนสาดเข้ามายังระเบียง ก็จะไม่ไหลเข้าในห้องพักค่ะ เวลาเดินก็ระวังสะดุดหน่อย พื้นระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม. ระเบียงขนาด 1 x 1.6 ม. มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าและจะเหลือพื้นที่สำหรับวางราวตากผ้าได้อีกหน่อย
อีกฝั่งหนึ่งของห้องครัวจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้ ใช้มาครบทั้งสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าและติดกระจกไว้เรียบร้อย พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องสีเซรามิก ซึ่งจะช่วยเรื่องกันลื่นภายในห้องน้ำ
อ่างล้างหน้าของ Mogen ที่ได้มามีขนาดกระทัดรัด ด้านข้างก๊อกมีพื้นที่เล็กๆ ให้วางสบู่ได้อีกนิดหน่อย ใต้อ่างก็เป็นแบบโล่งๆ นะคะไม่ได้มีเคาน์เตอร์เก็บของ แบบนี้คงต้องทำชั้นวางของเพิ่มเองอีกหน่อยนะคะ
สุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นของ Mogen มาพร้อมอุปกรณ์ประกอบครบเซ็ทนะคะ ได้แก่ แกนใส่กระดาษทิชชู่ในห้องน้ำและที่ฉีดน้ำ เป็นแบบมาตรฐานทั่วไปค่ะ พื้นที่ระหว่างสุขภัณฑ์กับกำแพงพอนั่งได้อยู่
สำหรับพื้นที่อาบน้ำจะติดชุดฝักบัวไว้ ไม่ได้ให้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้เพราะช่วงนี้จะจัด Promotion เป็ฯส่วนลดแทนค่ะ
ฝักบัวได้ของ Cotto ขนาดถือได้ถนัดมือดี
พื้นภายในห้องน้ำจะลดระดับลงไปจากพื้นห้องครัวเล็กน้อย เพื่อกันไม่ให้น้ำในห้องน้ำไหลออกไปทำให้ห้องครัวเปียก และภายในห้องน้ำระหว่างพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งก็มีขอบธรณีกั้นอีกเช่นกัน ทำให้สามารถใช้งานในห้องน้ำได้เป็นสัดส่วนดี
ผังห้อง 1 Bedroom ขนาด 33.2 ตารางเมตร เรียกว่า Type A2R แบ่งห้องเป็นสัดส่วนดีนะคะ พื้นที่ส่วน Living จะได้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาจากทางด้านผนังกระจกตรงส่วน Dining ครัวได้เป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน พื้นที่ยืนทำครัวเยอะ แต่พื้นที่เก็บของใน Pantry ครัวค่อนข้างน้อย จึงควร Built ตู้แขวนผนังเพิ่มครับเพื่อครัวจะได้ไม่รก พื้นที่วางตู้เย็นเยอะดี ใครชอบแช่ของกินเยอะๆคงยิ้มเลย… ระเบียงอยู่ติดกับครัว พื้นที่ใช้วางเครื่องซักผ้า ส่วนคอมแอร์แขวนห้อยจากเพดานลงมา ห้องน้ำอยู่ในห้องนอน รูปแบบค่อนข้างมาตรฐาน
แบบห้องนี้ Mr.Oe เคยพาไปชมโดยละเอียดแล้วเมื่อตอนเปิดตัวโครงการ วันนี้ทางโครงการมีการตกแต่งใหม่ จึงเก็บภาพรวมของห้องมาให้ชมกันค่ะ
ห้องนั่งเล่นและทานอาหาร
ต่อไปมาดูห้อง 2 Bedroom กันบ้าง เป็นห้อง 2 Bedroom ที่ทำออกมาได้ลงตัวสำหรับ 2 ห้องนอนจริงๆ มีพื้นที่กว้างถึง 61.4 ตารางเมตร และมีฟังก์ชันครบแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ จัด Common Area ไว้ตรงกลางเป็นพื้นที่เดียวกันทั้งพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่ครัว ห้องจึงดูโปร่งโล่ง แต่เป็นครัวแบบเปิดโล่งเหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นทำอาหารหนักๆ มีกลิ่นแรงๆ แต่หากใครอยากได้ครัวปิด ทางโครงการก็มีห้อง 2 Bedroom อีกแบบหนึ่งให้เลือก ซึ่งเป็นแบบครัวปิดนะคะ สำหรับห้องนอนใหญ่จะอยู่ทางซ้าย ได้ห้องขนาดใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว ส่วนทางขวาเป็นห้องนอนอีกห้องหนึ่ง มีขนาดกลางๆ จัดวางเฟอร์ฯได้สบายๆ แต่จะไม่ได้ห้องน้ำในตัว ห้องน้ำอีกห้องหนึ่งเป็นห้องน้ำส่วนกลางที่เชื่อมเข้าจากทางพื้นที่ครัว เวลาแขกมาหาก็สามารถเข้าห้องน้ำได้โดยไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนนะ แต่ห้องน้ำนี้อยู่ด้านในอาคารทำให้ต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ ค่ะ
เข้ามาภายในจะเจอส่วนพื้นที่ Common Area ก่อนนะคะ ภายในดูโปร่งด้วยฝ้าสูง 2.6 ม. และได้แสงธรรมชาติจากประตูกระจกบานเลื่อน ส่วนพื้นห้องหลักๆ จะปูด้วยไม้ลามิเนตเหมือนห้องแรก แต่ถ้าเป็นพื้นส่วนครัวจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ซึ่งมีข้อดีที่หากทำครัวแล้วมีคราบกระเด็นมาที่พื้นก็สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะอยู่ซ้ายขวาตามลูกศรที่ชี้ในรูปนะคะ
ติดกับประตูเป็นส่วนของ Pantry ครัว และห้องน้ำ ซึ่งพื้นที่บริเวณหน้าห้องนี้ค่อนข้างกว้าง สามารถใช้พื้นที่บริเวณเส้นประสีเหลือง ในการ Built-in ตู้สำหรับเก็บรองเท้า เก็บของใช้ต่างๆ ได้ หรือทำตู้ให้เป็นฉากกั้นระหว่างพื้นที่ด้านหน้าห้อง กับพื้นที่นั่งเล่นด้านในก็ทำให้ห้องเป็นสัดส่วนขึ้นอีกนะคะ
มาดูบรรยากาศห้องน้ำส่วนกลางของแบบ 2 ห้องนอน ภายในมีขนาดไม่เล็กจนเกินไป สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำที่ได้รับจะเหมือนกับห้องแบบแรกคือจะได้ของ Mogen เป็นหลักนะคะ
พื้นที่ใช้สอยของห้องน้ำส่วนกลางจะจัดแบ่งพื้นที่ภายในเป็นส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้ชัดเจน และมีฟังก์ชันครบ
โดยมีพื้นที่อาบน้ำขนาด 1.1 x 0.9 ม.
ติดกับประตูอีกฝั่งเป็นส่วนของ Pantry ครัว กับพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหาร อย่างที่บอกไปว่าโครงการขายแบบ Fully Fitted จึงให้มาเฉพาะ Pantry ครัวเหมือนในห้องแบบแรก ส่วนเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ และเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้ให้มานะ
ติดกับ Pantry ครัวเป็นตำแหน่งวางโต๊ะรับประทานอาหาร ห้องตัวอย่างจัดไว้เป็นโต๊ะขนาด 4 ที่นั่ง ซึ่งก็สามารถวางได้สบายๆ เหลือพื้นที่ให้ดึงเก้าอี้ออกมานั่งได้สะดวก
จากมุมที่ตั้งโต๊ะทานอาหารก็จะอยู่ในบริเวณเดียวกับโซนนั่งเล่น จึงสามารถนั่งทานอาหารไป ดูทีวีไป คุยกับสมาชิกในบ้านที่อาจจะนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาไปด้วยได้ พื้นที่บริเวณนี้จึงเป็นพื้นที่หลักสำหรับการพักผ่อน
ถัดมาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่นมีระยะประมาณ 2.5 เมตร สามารถเลือกทีวีที่มีขนาดเหมาะสมได้ถึง 55 นิ้ว
ประตูทางออกไประเบียงที่ให้มาเป็นประตูกระจก ทำให้เห็นวิวภายนอกและได้แสงธรรมชาติเข้ามา ห้องจึงดูสว่างและอบอุ่น สำหรับใครที่กังวลเรื่องความร้อนจากแสงแดดภายนอก จะบอกว่าตัวประตูจะไม่ได้รับแดดโดยตรง เพราะมีชายคาในส่วนของพื้นที่ระเบียงช่วยบังแดดไว้ก่อนแล้ว จึงช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่จะผ่านเข้ามาในห้องได้รับหนึ่งค่ะ
ส่วนที่ดีของระเบียงนี้คือ มีการจัดวางตำแหน่งของ Condensing Unit ไว้อยู่หลังผนัง ทำให้เวลามองจากห้องพักออกมา เราจะไม่มองไม่เห็น Condensing Unit เลยนะคะ และจัดวางแบบปล่อยลมร้อนออกนอกอาคาร ทำให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียง จึงสามารถใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่
พื้นที่ระเบียงของห้องนี้มีความน่าใช้งาน ด้วยขนาด 1 x 2.3 ม. ราวกันตกเลือกใช้เป็นราวเหล็กทาสีเทา
ภายในห้องนอนห้องแรก มีพื้นที่พอสำหรับวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่โดยรอบให้เดินขึ้นเตียงได้สะดวกหรือถ้าใครอยากได้เตียงใหญ่กว่านี้ก็ยังมีพื้นที่เหลือให้ขยายได้นะ มีช่องแสงในห้องที่ได้เป็นกระจกบานใหญ่ รับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในได้อย่างเพียงพอและทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เลย
ข้างเตียงมีช่องแสงเป็นกระจกบานใหญ่ รับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในได้อย่างเพียงพอและทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เลย ถ้าอยากให้มีทีวีในห้องนี้แนะนำให้เลือกเป็นแบบแขวนนะคะ
พื้นที่ใช้สอยอีกฝั่งหนึ่งของห้อง เป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า และวางโต๊ะเครื่องแป้ง
ก็จะมีพื้นที่ระหว่างเตียงและตู้เสื้อผ้า ให้สามารถเปิดตู้และยืนเลือกเสื้อผ้าได้สะดวก
มาดูที่ห้องนอนใหญ่กันต่อ ห้องนี้เป็นห้องนอนที่ได้พื้นที่ใช้สอยที่กว้างทีเดียว ภายในมีห้องน้ำในตัวด้วยค่ะ
ภายในจะได้เป็นเตียงนอนขนาด 6 ฟุตที่เป็นดีไซน์ของ niiq ดูจากตำแหน่งของห้องน้ำจะอยู่ด้านในอาคาร ทำให้ต้องอาศัยระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ แต่ก็ทำให้ห้องนอนได้อยู่ฝั่งที่เห็นวิวภายนอกทั้งหมดค่ะ
ปลายเตียงจะมีหน้าต่างบานใหญ่ในลักษณะของ Bay Window ช่วยเปิดมุมมองของวิวด้านนอก ทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เช่นกัน
พื้นที่ปลายเตียงของห้องตัวอย่าง Built-in เป็นชั้นวางของไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่อยากจะแนะนำว่าถ้าทำเป็นตู้มีบานปิดจะช่วยกันฝุ่น และห้องดูเรียบร้อยมากกว่านะคะ
อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งของห้องน้ำและตู้เสื้อผ้า ซึ่งการออกแบบทำออกมาได้ดีเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรก
พื้นที่ด้านในมีขนาดพอๆ กับห้องน้ำส่วนกลาง
มีการแบ่งพื้นที่โซนเปียก โซนแห้ง และมีวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วนเหมือนกัน
แต่ในห้องน้ำนี้จะมีหน้าต่างสำหรับเปิดระบายอากาศได้ด้วย เพราะเป็นห้องมุมค่ะ
ปลั๊กและสวิตซ์ไฟฟ้าที่ได้มีหน้าตาแบบนี้ ของ Bticino ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 31 October 2017
1 Bedroom Type A1-03 ชั้น 10 ขนาด 26.3 ตารางเมตร ราคา 2,706,400 ล้านบาท หรือ 102,905 บาท/ตร.ม.1 Bedroom Type A1-04 ชั้น 18 ขนาด 26.3 ตารางเมตร ราคา 2,808,100 ล้านบาท หรือ 106,772 บาท/ตร.ม.1 Bedroom Type A1-05 ชั้น 24 ขนาด 26.3 ตารางเมตร ราคา 2,875,600 ล้านบาท หรือ 109,338 บาท/ตร.ม.1 Bedroom Type A1-05 ชั้น 36 ขนาด 26.3 ตารางเมตร ราคา 2,929,300 ล้านบาท หรือ 111,380 บาท/ตร.ม.
ราคา Update 26/06/62
- 1 Bedroom Type A1 Sold Out
- 1 Bedroom Type A2 ขนาด 33 ตร.ม.ราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท
- 2 Bedroom ขนาด 56 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.79 ล้านบาท
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 10,000 บาท สำหรับห้อง 1 Bedroom และ 20,000 บาท สำหรับห้อง 2 Bedroom
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 37 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล – The Stage Taopoon-Interchange เป็นโครงการย่านบางซื่อ-เตาปูน ที่มีทำเลดี ตรงที่สามารถเดินไปใช้รถไฟฟ้าสถานีเตาปูน ซึ่งเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์ทั้งสองสายคือ สายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน (ลงใต้ดินที่บางซื่อเป็น MRT) ทำเลโครงการอยู่ในย่านที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง คล้ายฝั่งธนที่ค่อยๆ เปลี่ยนจากชุมชนค้าขายดั้งเดิมที่อยู่อาศัยในห้องแถวหรือบ้านในย่านนั้น ขยับมาซื้อคอนโดให้ลูกหลาน Generation 2-3 อยู่กัน ความที่แถวนี้เป็นย่านอาศัยหนาแน่นและทำการค้าอยู่แต่เดิม จึงมีความอุดมสมบูรณ์รายรอบโครงการ ทั้งระยะเดินเท้าใกล้ๆ และนั่งรถออกไปไม่ไกล อยู่มาก มีตลาด มีมินิมาร์ท ร้านค้า ร้านอาหาร ตลอดสองข้างทาง กระจุกกันเยอะแถวแยกเตาปูน มีของกินเยอะไม่ลำบาก และมีห้างใหม่ล่าสุดของย่านนี้ เกตเวย์ แอท บางซื่อ แหล่งรวมไลฟ์สไตล์กิน เที่ยว ช็อปปิ้ง ที่ครบจบในที่เดียว นอกจากนี้ถ้าอยากจะซื้อของเข้าบ้านก็มี Lotus ใกล้ๆ อ.ต.ก และสวนจตุจักร รวมถึง Central และ Union Mall ก็อยู่ในระยะขับรถใกล้ หรือเลือกนั่งรถไฟฟ้าก็ 2-4 สถานีเท่านั้น
การเดินทางโดยใช้รถ – ค่อนข้างสะดวก มีทางเลือกในการเดินทางหลากหลาย ทั้งขาเข้าเมือง และขาออกนอกเมือง แต่ทำเลตรงนี้ ก็ไม่ใช่ทำเลในเมืองซะทีเดียว ดังนั้นการเดินทางเข้าเมืองก็ขับรถไกลหน่อยนะคะ เมื่อเทียบกับคอนโดที่อยู่ในเมืองอยู่แล้ว ส่วนที่จอดรถในช่องจอด 44% เมื่อรวมจอดซ้อนคัน อาจจะอยู่ที่ระดับเกือบ 60% ถ้าบริหารจัดการดีๆ ก็น่าจะพอรับไหว เพราะทำเลเอื้อต่อการไม่ใช้รถมากกว่า
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – สะดวกและมีทางเลือกมาก หลักๆ คงได้ใช้รถไฟฟ้า ถ้าเดินทางเข้าเมืองก็นึกถึง MRT ได้เลย ขึ้นที่สถานีเตาปูน มุดลงดินตรงบางซื่อกลายเป็นรถไฟใต้ดิน MRT ที่เราคุ้นเคยกัน แต่ถ้านั่งไปอีกด้านทางฝั่งบางโพจะลอยฟ้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปจรัญสนิทวงศ์อีกด้านหนึ่งนู่นเลย… และถ้าอีกหน่อยระบบรถไฟฟ้าเปิดบริการครบทุกเส้นการเดินทางก็จะสามารถเดินทางเข้าเมืองวิ่งป็นวงกลมได้ นอกจากรถไฟฟ้าซึ่งเป็นสาระสำคัญที่สุด ก็มีรถเมล์ รถตู้ พี่วิน ตามปกติ หรือถ้าจะเปลี่ยนแนว ก็สามารถเดินทางด้วยเรือด่วนล่องเจ้าพระยาได้ครับ ท่าน้ำอยู่ห่างไป 750 เมตรเอง
วัสดุ – ของที่ให้เมื่อเทียบกับโครงการโดยรอบในทำเลเดียวกัน ถือว่าให้มาค่อนข้างตามมาตรฐานระดับราคานี้ เพราะส่วนใหญ่ก็ให้มาแบบ Fully Fitted ส่วนการออกแบบโครงการ
การออกแบบ – โดยรวมดูดี พื้นที่ส่วนกลางมีความน่าใช้งาน ตัวห้องออกแบบมาค่อนข้างจะเหมาะต่อการ Built in Furniture มากกว่าซื้อเฟอร์ลอยตัวมาวาง เพราะมีพื้นที่เหลี่ยมมุมเสา และพื้นที่เหลือจากการวางเฟอร์หลักหลายจุด ที่หาเฟอร์ลอยตัวมาวางยาก และความที่ได้ระยะพื้นถึงฝ้า 2.6 เมตร การใส่ตู้แขวนเพิ่มพื้นที่เก็บของจึงน่าจะต้องทำ สำหรับคนที่มีของเยอะๆนะ ห้องจะได้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนที่ชอบคือ หน้าต่างในห้อง 2 Bedroom ที่มีการเพิ่ม Bay Window เพื่อให้ได้วิวที่กว้างขึ้น
สาธารณูปโภค – ค่อนข้างจัดมาครบ แต่ได้ลิฟท์น้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับ จำนวนห้อง (193 :1) ทำให้คอยลิฟท์นานในชั่วโมงเร่งด่วน สระว่ายน้ำและ Facility ชั้น 7 ก็ได้ Private ในการใช้งานพอสมควร ให้คะแนนเพิ่มในส่วนของพื้นที่สวนบนชั้น Rooftop ที่จัดเต็มพื้นที่สวนทั้งชั้นเพิ่มเติมขึ้นมาจากตอนเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ทำให้ลูกบ้านมีจุดชมวิวมุมสูง มีพื้นที่สีเขียวในชั้นสูงๆ ให้ใช้งานกันค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาเฉลี่ย 90,000-95,000 บาทต่อตารางเมตร, 31 October 2017
- ทำเล 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ ทำเลอุดมสมบูรณ์ ในระยะเดินมีของกินให้เลือกเยอะ
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – สะดวกมาก ทางเลือกในการเดินทางเยอะ แต่ที่จอดรถต้องลุ้นหน่อย
- ไม่ใช้รถ 8.0/10 –ใกล้รถไฟฟ้าสถานีเตาปูนในระยะเดิน 400 ม. ใกล้ๆโครงการมีรถเมลล์ พี่วิน หรือแท็กซี่ให้เลือกหลากหลาย
- วัสดุ 7.0/10 – ตามมาตรฐานของระดับราคา
- แบบ 7.75/10 – ออกแบบโครงการลงตัวแต่ไม่ได้หวือหวา ห้องค่อนข้าง Standard แต่จัดฟังก์ชันครบ ใช้งานได้จริง
- สาธารณูปโภค 8/10 – มีให้ครบ น่าใช้งาน มีสวนบนชั้น Rooftop ที่จัดเต็มมาให้ เพิ่มเติมจากตอนเปิดตัวเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
- MAIN CLASS
- 7.61 / 10.00
BOTTOM LINE
The Stage เตาปูน Interchange เหมาะกับคนหาบ้านย่านเตาปูน-บางโพ ที่ต้องการเดินทางสะดวกทั้งรถส่วนตัวและรถไฟฟ้าสถานีอินเตอร์เชนจ์สายสีน้ำเงินและสีม่วง ชอบความอุดมสมบูรณ์และความเป็นชุมชนเดิมในย่านนี้ ชอบแต่งห้องเอง และอยากอยู่โครงการที่มียูนิตไม่มากนัก ชอบ Facility ส่วนกลางที่หลากกลาย มีงบประมาณระดับ 2.7 – 6.4 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนราว 19,000 – 45,000 บาท