รีวิวฉบับที่ 558 … สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน ก่อนจะหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผมขอพาไปดูโครงการ The Room สุขุมวิท 69 คอนโด High Rise 27 ชั้น ที่เปิดขายไปแล้วเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วแต่ก็ปิดการขายชั่วคราวเพื่อสร้างสำนักงานขายใหม่บนตัวที่ดินเลย และตอนนี้ก็ทาง Land and Houses ก็กลับมาเปิดขายอีกครั้งแล้ว ผมเลยเข้าไปเก็บข้อมูลเพิ่มเติมมาทำรีวิฉบับเต็มให้อ่านกันครับ เราไปดูกันเลยครับว่าโครงการนี้จะมีหน้าตาเป็นเช่นไร ヾ(^-^)ノ~♪
Fact @ 19 March 2014
- The Room Sukhumvit 69 (เดอะ รูม สุขุมวิท 69)
- บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : วัฒนา
- คอนโด High Rise 1 อาคาร 27 ชั้น 375 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 18 ยูนิต
- ที่ดินประมาณ 3-1-6 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ต้นปี 2559
- 1 Bedroom 34.2 ตร.ม.เริ่มต้น 5 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 82.2 ตร.ม.เริ่มต้น xxx ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท หรือประมาณ 146,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 163,200 บาท
- ที่จอดรถประมาณ xxx คันคิดเป็น xx% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 70%
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS พระโขนง ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS พระโขนง
- http://lh.co.th/condo/projects/214?lang=t
- โทร 1198
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.745565,100.534256
ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิทและใกล้กับสถานี BTS พระโขนง ห่างแค่ 100 เมตรและอยู่ใกล้แยกพระโขนงกับแยกที่ตัดกับพระราม 4 ห่างจากจุดขึ้นทางด่วนประมาณ 1.3 กม.(นับจากหน้าโครงการไปถึงด่านเก็บเงินเลยนะครับ) ตัวรีวิวทำเลโครงการนี้ขอแบ่งเป็น 2 ส่วนนะครับ ส่วนแรกเป็นรีวิวที่ทางทีมงานเคยทำไว้ช่วงเดือน ก.ค. 2556 ก่อนจะสร้างสำนักงานขาย ส่วนที่ 2 ผมจะมา update สภาพรอบๆเพิ่มเติมครับ ถ้าใครเคยอ่านรีวิวทำเลนี้แล้วก็ข้ามไปส่วนที่ 2 ได้เลยนะครับ
มาดูแผนที่ระยะไกลกันสักหน่อยนะครับ โครงการนี้อยู่บนถนนสุขุมวิทก็จริงแต่เป็นช่วงที่เริ่มเข้าย่านชุมชนแล้วดังนั้นบรรยากาศจะไม่เหมือนในย่านทองหล่อ, พร้อมพงษ์ หรือโซน CBD อย่างอโศก การเดินทางด้วยรถถือว่าสะดวกดีครับ เช่นถ้ามาจากถนนพระราม 4 สามารถเข้าโครงการจากแยกได้เลย โดยเข้าเลนที่จะเลี้ยวขวาแต่อยู่เลนซ้ายสุดไว้ การเดินทางเข้าเมืองบนเส้นสุขุมวิทต้องไปกลับรถใต้สะพานข้ามคลองพระโขนง ถ้าจะไปทางรามคำแหงก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนปรีดีพนมยงค์ หรือถ้าจะไปลาดกระบังก็ข้ามคลองไปแล้วเข้าเส้นอ่อนนุชเลยครับ ส่วนซอยสุขุมวิท 69 ที่อยู่ก่อนถึงโครงการนั้นเป็นซอยที่ไปทะลุ ปรีดีพนมยงค์ 3 ได้ครับ
ทำเล The Room สุขุมวิท 69 ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท บริเวณถนนพระราม 4 ที่มาสิ้นสุดตัดกับถนนสุขุมวิทพอดิบพอดี (สามแยกพระโขนง) อยู่ห่างจาก BTS พระโขนงประมาณ 100 เมตรเท่านั้นเอง เรียกว่าแทบจะติดสถานีเลยแหละ ด้านซ้ายติดกับไปรณีย์พระโขนง ด้านขวา ติดกับ Community Mall ชื่อ “W District” ที่กำลังก่อสร้าง (เจ้าของเดียวกันกับ Weltz) และคอนโดมิเนียมสูง 50 ชั้น Sky Walk & Weltz Residence ที่เรารีวิวกันไปแล้ว ส่วนตึกอาคารสูงด้านอื่นๆจะมี Rhythm 44/1, Wayne และ Jasmine Resort Hotel แต่ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดเหมือน Sky Walk กับ Le Luk
ลองขับรถดูทำเลกันหน่อย ปากซอยสุขุมวิท 65 ตึก High Rise ซ้ายมือที่เราเห็นนี่คือ คอนโด Life สุขุมวิท 65 จาก AP
ปากซอยสุขุมวิท 67
ขับเลยมาหน่อย เจอ Taisin Square คอมมูนิตี้มอลล์ ที่นี่มีความสำคัญคือเป็นที่ตั้งของร้านสุกี้ชาบูชื่อดัง Akiyoshi นั่นเอง! 555 เกือบจะจอดรถเข้าไปกินแล้วมั้ยล่ะ ส่วนตึกที่อยู่ติดกับสถานี BTS พระโขนง นี้คือ Jasmine Resort Hotel จากตรงนี้เรามองเห็น Sky Walk & Weltz Residence ด้วย ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ดินกับแปลงที่ดิน The Room สุขุมวิท 69 เลยแหละ
อุ๊ต่ะ!!…เจอแล้ว The Room สุขุมวิท 69 ตรงแยกไฟแดงพอดีเป๊ะเลยน๊าาาา…..แยกไฟแดงนี้ ถ้าตรงไป เราก็จะวิ่งข้ามคลองพระโขนงไปอ่อนนุช ส่วนถ้าเราเลี้ยวขวาตรงนี้ก็จะเข้าสู่ถนนพระราม 4 ค่ะ :>
อ๊ะอ่า…แปลงที่ดินเป็นยังไงบ้างเอ่ย เข้าไปสำรวจกันเลยดีกว่า ซ้ายมือติดๆกันมีเสาสัญญาณ สูงปรี๊ด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไปรณีย์ พระโขนงด้วยนะ
ด้านซ้ายของที่ดินเป็นหลังตึกแถว ติดแปลงที่ดินไปรณีย์พระโขนง เลยแอบเห็นเสาสัญญาณด้วย ด้านหลังแปลงที่ดินติดกับตึกแถว 3-4 ชั้นจ้าาาา
ขวามือของที่ดิน ติดกับ Community Mall – W District – ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ที่คลุมสแลนสีเขียวในภาพค่ะ ที่นี่จะเป็นทั้ง Supermarket, ร้านอาหาร, แหล่งช้อปปิ้ง และยังมี Weekend Shopping Street ด้วย กำลังจะเปิดให้บริการปลายปี ’56 นี้แล้ว The Room เลยได้อานิสงส์ไปด้วยเลย อิอิ และในรั้วเดียวกันกับ W District คือ Sky Walk & Weltz Residence จาก W Property ที่เป็นคอนโดมิเนียมสูง 50 ชั้นนั่นเองค่ะ … สูงขนาดนี้คงหนีไม่พ้นเรื่อง Block วิวกันเองนะ …แต่ยังดีที่มี Community Mall มากั้นระหว่างกลาง ระยะห่างระหว่างตึกยังโอเคค่ะ
Sky Walk & Weltz Residence สูงจริงไรจริง …~ มีสองตึกนะจ๊ะ ตึกหน้าถนนสูง 50ชั้น ตึกหลังสูง 27 ชั้น
เดี๋ยวเราเดินไปดูตึกเพื่อนบ้านกันแบบใกล้ๆบ้างเนอะ ว่ามีไรบ้าง ชิวๆ น่าา ^^ อ่อ หน้าโครงการเค้า ตรงกับสะพานลอยพอดีนะ เวลาจะข้ามถนนก็เดินไปข้ามตรงนั้นได้ เพื่อความปลอดภัยนะจ๊ะ
ด้านล่างตึก Sky Walk & Weltz Residence มี Max Value ด้วยค่าาา กลับดึกๆ ก็มาซื้อของตรงนี้ได้นะ ของกินเยอะอยู่ เป็น Supermarket ในปัจจุบันที่อยู่ใกล้ที่สุดเลยตอนนี้ 🙂 เปิดให้บริการแล้ว ไม่ต้องห่วง
จบส่วนแรกแล้วนะครับ คราวนี้ผมจะไป Update พื้นที่รอบๆกันต่อนะครับ
คราวนี้ผมจะพาเดินไปโครงการจาก BTS พระโขนงและเดินดูในซอย สุุขุมวิท 69 กันนะครับ แต่ก่อนอื่นเราไปดูวิวจากบน BTS กันจะได้รู้คร่าวๆว่ารอบๆนี้มันมีตึกสูงอะไรบ้าง จากแผนผังของ BTS ทิศเหนือจะอยู่ด้านล่างนะครับไม่เหมือนใน Google ที่ทิศเหนือจะอยู่ด้านบนตลอด
A : ด้านนี้หันไปทางแยกพระโขนง จะเห็น Wayne by Sansiri อยู่ไม่ไกล ตึกขาวๆที่อยู่ทางขวาคือ Sukhumvit Plus บนถนนพระราม4 ส่วน Aspire จะอยู่ในซอยสุขุมวิท 48
B : รูปนี้หันไปทางที่ดินของโครงการ หลังคาขาวๆที่เห็นคือหลังคาที่ทำการไปรษณีย์ พระโขนงครับ ตึกคู่ที่เห็นคือ Leluk คอนโดสูง 27 ชั้น และ Sky Walk & Weltz Residence สูง 50 ชั้น ด้านซ้ายมือคือเสาสัญญาณตั้งอยู่ในที่ทำการไปรษณีย์ครับ ถ้าใครเลือกห้องฝั่งที่เห็นสระว่ายน้ำก็เจอ 2 ตึกนี้เต็มๆครับ
C : หันกลับมาอีกด้านจะเป็นจะเห็น Rhythm สุขุมวิท 44/1 และ Jasmine Resort Hotel
จากรูปจะเห็นว่าตัวที่ดินของตัวโครงการอยู่ติดกับ ไปรษณีย์ พระโขนงเลย และรูปร่างของที่ดินจะเป็นแนวเฉียงๆตามตัวอาคารของไปรษณีย์ครับ
ทางออกที่ใช้ก็คือทางออก 3 จะเห็นว่าที่ป้ายบอกทางไม่ได้มีชื่อตึกหรือสถานที่สำคัญเยอะแยะมากมายเหมือน สถานีบนเส้นสุขุมวิทที่อยู่ในทำเล CBD เพราะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยซะเป็นส่วนมากครับ
บนสถานีก็มีร้านค้าตั้งอยู่เล็กน้อยแต่จะไม่คึกคักเหมือน สถานนีใหญ่ๆอย่างสยาม หรือ หมอชิต
ลงบันไดมาก็เจอป้ายรถเมล์เลยครับ ป้ายนี้จะคึกคักหน่อยเพราะเป็นป้ายที่คนจะต่อรถเมล์เพื่อเข้าเส้น ปรีดี พนมยงค์และ อ่อนนุช
ระหว่างทางเดินไปโครงการจะมีร้านค้าแผงลอยมาตั้งขายของช่วงก่อนถึง ซอยสุขุมวิท 69 แต่จำนวนร้านก็มีไม่เยอะมากเป็นระยะทางสั้นๆ
หัวมุมถนนจะมีพี่วินคอยให้บริการอยู่ด้านข้างของที่ทำการไปรษณีย์
อัตราค่าโดยสาร จะเห็นว่าส่วนใหญ่จะเน้นเข้าซอยปรีดี พนมยงค์เป็นส่วนมาก ลูกบ้านโครงการนี้คงไม่ค่อยได้ใช้บริการเท่าไหร่ครับ
ตรงข้ามกับไปรษณีย์คือ ถนนพระราม 4 ครับ ลูกบ้านโครงการนี้จะสะดวกหน่อยเวลามาจากถนนพระราม 4 เพราะไม่ต้องไปกลับรถให้วุ่นวาย เข้าเลนที่เลี้ยวขวาได้แต่อยู่ช่องซ้ายสุดไว้ เวลาเลี้ยวมาก็จะเข้าโครงการได้พอดี
เลยแยกมาก็ถึงสำนักงานขายของ The Room แล้วครับ ตอนนี้สร้างเสร็จพร้อมมีห้องตัวอย่างให้ดู 2 ห้อง ทางเดินหน้าโครงการก็ถือว่ามีขนาดกว้างกำลังดีเดินสวนกันได้แบบไม่ต้องเบียดกัน
รูปนี้ถ่ายจากฝั่งตรงข้ามของสำนักงานขายมา เพื่อให้เห็นว่าตำแหน่งทางเข้าของโครงการนี้ไม่ได้ชนตรงๆกับ ถนนพระราม 4 แต่ตัวที่ดินกลับเบี่ยงไปยังที่ทำการไปรษณีย์ ทำให้เวลาวิ่งมาจากถนนพระราม4 เข้า ถนนสุขุมวิท จะเห็นโครงการนี้เด่นมากแน่นอนครับ เรื่องฮวงจุ้ยก็เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งถ้าใครไม่ซีเรียสโครงการนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ
เอาหละครับ ก่อนที่เราจะเข้าไปดูห้องตัวอย่างในโครงการผมขอพาเดินดูในซอย สุขุมวิท 69 ก่อนนะครับ เพราะด้านท้ายของที่ดินโครงการมีบางส่วนอยู่ติดกับซอยปรีดี พนมยงค์ 3 รูปนี้คือหน้าที่ทำการไปรษณีย์ที่ช่วงบ่ายๆ จะเห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซด์จอดเรียงรายมารอส่งของกันเต็มไปหมด แต่นอกช่วงเวลาทำการไปรษณีย์ตรงนี้ก็โล่งเลยครับ
หัวมุมตรงข้ามกับพี่วิวจะมี Family Mart อยู่เป็นร้านสะดวกซื้อที่ใกล้รองลงมาจาก MaxValue ใน W District ครับ
พื้นที่ของที่ทำการไปรษณีย์จะกินเข้ามาในซอยประมาณครึ่งนึงก่อนถึงทางแยกไปซ.ปรีดีพนมยงค์
ก่อนถึงซอย ปรัดี พนมยงค์ 3 จะมีคอนโด Low Rise ของ Bangkok Feliz อยู่ด้านซ้ายมือครับ
ทางแยกเลี้ยวขวาไปปรีดี พนมยงค์ 3 ครับ ถ้าตรงไปจะเป็นซอยตัน
บรรยากาศในซอยนี้จะเป็นอาคารพาณิชย์เรียงไปทั้งแนวตลอดซอยเลย
รูปนี้ถ่ายจากด้านหลังของโครงการหันไปยังทางเข้าครับ
ก่อนถึงปากซอยด้านขวามือจะเป็นโซน Avenue ของ W District ที่กำลังจะเปิดบริการเต็มรูปแบบเร็วๆนี้ แต่ตอนนี้ก็มีร้านเปิดให้เดินเล่นได้พอสมควร
มาถึงช่วงปาซอยปรีดี พนมยงค์ 3 แล้วครับ ถนนด้านหน้าคือถนนสุขุมวิท 71 หรือ ถนนปรีดีพนมยงค์ที่ตรงไปแยกคลองตัน เชื่อมต่อกับถนนรามคำแหง, เพชรบุรี, พระราม 9, และพัฒนาการได้
ช่วงปากซอยจะมีร้านค้าและ 7Eleven ตั้งอยู่ ถ้าใครอยากซื้อผลไม้สดก็เดินมาซื้อได้ครับถือว่าไม่ไกลมาก
ฝั่งตรงข้ามเยื่องๆกับปากซอยจะมี พระโขนงพลาซ่าที่เปิดแปดโมงถึงสองทุ่ม นอกจากนี้ยังมีตลาดผ้าและตลาดพระโขนงอยู่ติดๆกัน ตรงนี้ถือว่าเป็นแหล่งค้าขายขนาดใหญ่ได้เลยครับ
ก่อนถึง 3 แยกพระโขนงมีทางเข้า W District อีกจุดครับ ตอนที่เดินไปดูเค้ากำลังจะมีาน Event อะไรสักอย่างครับ
ธนาคารใกล้โครงการถือว่ามีเยอะนะครับ ธนาคารแรกที่เจอคือ ธ.กรุงไทย ครับ
บนถนปรีดี พนมยงค์ ช่วงต้นซอย จะมีการเพิ่มเส้นทางจราจรอีก 1 ช่องเพื่อเร่งระบายรถที่ต้องการวิ่งเข้าเส้นสขุมวิท
เดินออกมาถึงถนนสุขุมวิทก็เจอ ธ.กรุงเทพอยู่ฝั่งตรงข้ามครับ
อาคารพาณิชย์บริเวณนี้ยังเป็นร้านค้าต่างๆอยู่ครับต่อเนื่องมาจากตลาดพระโขนง
ธนาคารที่ 3 คือธนาคาร กสิกรไทย
ธ.สุดท้ายก่อนถึงโครงการคือ ธ.ทหารไทย
เดินวนมาถึง W District แล้วครับตอนนี้ตัวอาคาร Commercial ด้านหน้าสร้างเสร็จแล้วเหลืองานตกแต่งภายในที่ตอนนี้กำลังทำอยู่
รูปนี้ถ่ายจากสะพานลอยที่ตั้งอยู่หน้า W District ในอนาคตสะพานนี้อาจถูกปรับปรุงหรือสร้างใหม่ให้เป็น Sky Walk จากสถานี BTS พระโขนง เพื่อให้คนเดินมาเที่ยวที่ W District ได้สะดวกขึ้น ถ้าสร้างเสร็จแล้วคาดว่าบริเวณนี้คงคึกคักขึ้นพอสมควร
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Big C อ่อนนุช 1.2 กม.
- Tesco Lotus 1.5 กม.
- ตลาดพระโขนง, พระโขนงพลาซ่า 280 เมตร
- W District, MacValu ติดกับโครงการ
ที่ดินของโครงการนี้ถูกขนาบข้างด้วย ที่ทำการไปรษณีย์และ Sky Walk Condo ซึ่งตัวไปรษณีย์ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่แต่ Sky Walk กับ Le Luk นั้นจะบังวิวห้องที่อยู่ฝั่งขวา (ทิศตะวันออก) เต็มๆ ส่วนเสาสัญญาณที่ตั้งอยู่ในที่ทำการไปรษณีย์จะบังแค่ช่วงท้ายของโครงการ ดังนั้นด้านที่น่าจะไม่มีอะไรมาบังวิวในระยะใกล้เลยคือด้านที่หันไปทางรถไฟฟ้า ถึงแม้จะมี Rhythm ตั้งอยู่แต่ก็ไม่ได้บังเยอะนัก
ภาพบรรยากาศจำลองภายนอกของอาคาร ออกแบบมาแนว Modern เรียบๆตามสมัยนิยมครับแต่ก็มีการใช้ระแนงในแนวตั้งช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวตึกด้วย เน้นโทนสี เทา, ขาว และสีทอง (จากโมลเดลสีจะออกทองแดงนิดๆ)
ผังชั้นแรกของอาคาร : ด้านหน้าของอาหารจะมีจุด Drop Off อยู่ติดกับ Lobby และเส้นทางการเดินรถจะไปเป็นแบบสวนกันได้ เมื่อขึ้นอาคารที่จอดรถไปแล้วจะมีทางวนขึ้นไปยังชั้น 2 – 5 ที่เป็นชั้นจอดรถทั้งหมด ตำแหน่งลิฟท์โดยสารจะอยู่บริเวณด้านหน้าของตัวอาคารเพราะโครงการตั้งใจเอามาเป็นตัวรับแนวถนนพระราม 4 ดังนั้นก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมีห้องไหนที่จะตรงการทาง 3 แพร่งของ ถนนพระราม 4 แต่ห้องที่อยู่ท้ายๆจะได้ระยะเดินมาที่ลิฟท์ประมาณ 60 เมตร
ผังอาคารชั้น 5 จะเป็นชั้นที่จัดวาง Facility มาให้แบบเต็ม Floor มีสระว่ายน้ำระบบโอโซนขนาด 25 x 11 ม.ลึก 1.2 เมตร ตัวสระเป็นแบบสระเล่นระดับแบบ Semi Outdoor เพราะมีตัวอาคารคลุมอยู่ด้วยบางส่วน แต่ไม่ต้องกลัวว่าพื้นที่ส่วนนี้จะดูแคบเพราะฝ้าเพดานชั้นนี้จะสูงประมาณ 3.5 เมตร รอบๆสระจะมีมี Deck ให้นั่งพักผ่อน และด้านหน้าของอาคารจะเป็นห้อง Fitness ส่วนห้อง Steam กับ Library จะอยู่ด้านบน(ทิศตะวันตก)ของอาคาร ส่วนปลายอาคารจะมีสวนหย่อมให้นั่งชิวๆครับ
ผังอาคารชั้น 7 – 24 จะเหมือนกันหมดโดยห้องสีน้ำตาลเข้มจะเป็นแบบ 2 ห้องนอนและแบบ 1 ห้องนอนจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน แบบ 1 ห้องนอนจะมีเยอะกว่าโดยมีจำนวนทั้งหมด 294 ยูนิต ส่วน 2 ห้องนอนอยู่ที่ 81 ยูนิต
ผังอาคารชั้น 25 – 27 จะคล้ายกับผังชั้นอื่นๆแต่จะแตกต่างกันตรงด้านท้ายของอาคารที่ถูกตัดออกทำให้จำนวนยูนิตหายไป 1 ยูนิตและห้องสุดท้ายที่เป็น 2 ห้องนอนถูกแปลงเป็น 1 ห้องนอน
ภาพบรรยากาศจำลองในห้อง Fitness
ภาพบรรยาศจำลอง Sky Reding Lounge
ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง Steam
กลับมาดูในส่วนของสำนักงานขายกันบ้างนะครับ ตัวสำนักงานขายเค้าตกแต่งมาให้ดูเป็น Guide line ว่า Lobby จริงของโครงการน่าจะออกมาแนวไหนฝ้าเพดานที่เห็นสูงประมาณ 3.5 เมตร ซึ่งของจริงจะสูงกว่านี้อีก สูงประมาณ 6.3 เมตร ภายในสำนักงานขายจะมี Model ตั้งเด่นอยู่ตรงกลางเลยครับ
ส่วนห้องตัวอย่างจะอยู่ทางด้านขวา มีให้ดู 2 แบบคือแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom
เรามาดูโมเดลกันดีกว่าครับ ตัวอาคารจะเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกจะเป็นชั้นอาคารจอดรถที่ตกแต่งเป็นสีเทาสลับกับเทาเข้ม และชั้น 6 จะเป็นชั้น Facility แบบยก Floor และมีสวนหย่อมอยู่ที่ชั้นบนสุดด้วย
ตัวอาคารจะใช้โทนสี เทา, ขาว, และมีทอง (ตัวโมเดลสีจะออกเป็นสีทองแดง) โดยมี Fin ในแนวตั้งเป็นตัวช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวอาคารไม่ดูทึบตันจนเกินไป
มุมจากด้านหน้าตัว Facade ด้านนี้ดูเหมือนจะตั้งใจทำให้เป็นกระจกแต่ของจริงไม่รู้ว่าจะใช้วัสปิดผิวเป็นอะไร
ส่วนของ Lobby จะเป็นแบบหลังคาสูง และมีจุด Drop Off อยู่บริเวณด้านหน้า ระยะจากหน้าถนนโครงการมาจนถึง Lobby อยู่ที่ 23 เมตรและจากถนนถึงห้องพักจะอยู่ที่ 35 เมตร ตัวกระจกที่อยู่เหนือส่วนที่จอดรถคือห้อง Fitness เวลาใช้งานก็จะได้วิวถนนสุขุมวิทครับ
การออกแบบตัวอาคารดูจะเน้นให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกบ้านพอสมควร เพราะมี Fin ทั้งแนวตั้งและแนวนอนที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่ระเบียงของแต่ละยูนิต และตัวห้องก็จัดวางแบบไม่อยู่ในระนาบเดียวกัน ช่วยป้องกันการมองเข้ามายังภายในห้องได้ระดับนึง
นอกจากสวนหย่อมที่ขั้น 6 แล้วยังมีอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าอีกจุดครับ เอาไว้มานั่งกินลมชมวิวได้สบายๆเลย
มุมนี้ถ่ายมาให้ดูว่าส่วนที่ถูกตัดออกไปของชั้น 25 – 27 เป็นยังไง ห้องที่อยู่ด้านนี้จะเป็น 1 Bedroom แบบพิเศษคือมีขนาดใหญ่กว่า 1 Bedroom ในชั้นอื่นๆ
ด้านท้ายของอาคารจะมีสวนหย่อมแบบ Out Door ซึ่งอยู่บนทางวนขึ้นอาคารที่จอดรถ
การวางสระว่ายน้ำไว้ที่ด้านนี้จะดูไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ เพราะมีตึก Le Luk กับ Sky Walk อยู่ด้านข้าง
ปิดท้ายด้วยมุมจาก BTS พระโขนงครับ คิดว่าการโครงการนี้วางสระว่ายน้ำไว้ฝั่ง Le Luk เพราะถ้าวางไว้ฝั่ง BTS นี่ความเป็นส่วนตัวจะยิ่งไม่มีเลย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Grand Lobby ฝ้าเพดานสูง 6.3 เมตร
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบโอโซน ขนาด 25 x 11 เมตร ลึก 1.2 เมตร เป็นสระแบบเล่นระดับ
- Fitness 1 ห้องขนาด xx ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ xx เครื่อง
- Steam Room
- Reading Room
- Meeting Room
- Sky Garden with Pocket Seats ที่ชั้นดาดฟ้า
- สวนหย่อมที่ชั้น 6
- ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว/1 อาคาร อัตราส่วนลิฟท์ 125 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถ xxx คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 70%
- ระบบ CCTV / Access Card
- Proxy Lift
ห้องตัวอย่างมีให้ดูทั้งหมด 2 แบบ โดยผมจะพาไปดูแบบ 1 Bedroom ก่อนนะครับ แต่ตอนเข้าเยี่ยมชมโครงการพอดีมีลูกค้ามาดูด้วยดังนั้น Detail บางส่วนจะไปอยู่ในส่วนของ 2 ห้องนอนนะครับ การขายของโครงการนี้เป็นแบบ Fully Fitted ครับ
ระบบ Air Post เป็นระบบที่ Land and Houses พัฒนาและคิดขึ้นมาเองจากการประกวดของพนักงานภายใน ซึ่งผมคิดว่าระบบนี้เป็นระบบที่น่าชื่นชมเพราะนอกจากออกแบบมาได้สวยงามแล้วยังมีฟังก์ชั่นที่เป็นประโยชน์ต่อการอยู่อาศัยจริงอีกด้วย โครงการนี้เป็น 1 ใน 3 โครงการแรกที่นำระบบนี้มาติดตั้งให้ลูกบ้านได้ใช้กัน (อีก 2 โครงการคือ The Room สาทร และพระราม4) ซึ่งระบบนวัตกรรม Air Post นี้ทาง Land and Housesได้จดทะเบียนสิทธิบัตรตามกฏหมายเรียบร้อยแล้ว หลายท่านคงอยากรู้แล้วใช่ไหม๊ครับว่าไอ้เจ้า Air Post นี่มันคืออะไร… Air Post ก็คือแผงข้างประตูที่รวมเอาฟังก์ชั่นต่างๆที่จำเป็นเอาไว้ด้วยกัน
ฟังก์ชั่นของ Air Post จะมีทั้งหมด 4 ฟังชั่นคือ
- ป้ายบ้านเลขที่พร้อมไฟส่องสว่าง (ไฟที่ใช้เป็นไฟส่วนกลางนะครับ)
- กริ่งสัญญาณ (อันนี้ใช้ไฟของลูกบ้านครับ)
- ช่องใส่จดหมาย และชั้นวางกุญแจ
- ช่องระบายอากาศ
ส่วนที่น่าสนใจคือตัวช่องระบายอากาศครับ ถ้าใครเคยอยู่คอนโดแบบ High Rise น่าจะเคยมีประสบการณ์ตอนเปิดประตูห้องแล้วลมพัดจากหน้าต่างห้องเราทะลุมายังด้านหน้า ทำให้รู้สึกว่าจริงๆแล้วในวันอากาศดีๆนี่ไม่ต้องเปิดแอร์แต่เปิดประตูห้องไว้จะได้อากาศสดชื่นแบบธรรมชาติด้วย แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะว่าสูญเสียความเป็นส่วนตัวไปอย่างสิ้นเชิงแล้วไหนจะเรื่องความปลอดภัยอีก ดังนั้นถ้ามีช่องระบายอากาศแบบนี้จะช่วยระบายอากาศและถ่ายเทความอบอ้าวภายออกจากห้องพักได้ดีขึ้น อีกทั้งยังคงความเป็นส่วนตัว, ความปลอดภัยและคงความเป็นระเบียบเรียบร้อยของโครงการไว้อีกด้วย ภายในช่องระบายอากาศจะกรุตัวซับเสียงเอาไว้ และมีมุ้งลวดที่สามารถถอดเอาไปซักล้างได้ด้วย
ช่องระบายอากาศที่เห็นอยู่นี้เค้ามีการทดสอบมาแล้วนะครับว่าช่วยระบายอากาศได้ดีกว่าห้องพักโดยทั่วไปถึง 37% ตามมาตรฐาน ASTM E779-03 (สมมุติฐานของความเร็วลมภายนอกห้องพักที่ประมาณ 2 เมตร/วินาที ซึ่งเป็นความเร็วลมเฉลี่ยที่ความสูงประมาณชั้นที่่ 10 ของอาคารในกรุงเทพฯ ส่วนเรื่องของเสียงที่คิดว่าอาจจะเป็นปัญหาก็ไม่ต้องกังวลนะครับเพราะเค้าทดสอบมาแล้วเช่นกัน โดยผลจากการทดสอบบอกว่าค่าความดังเสียงของห้องที่ติด Air Post มีความใกล้เคียงกับห้องอยู่อาศัยปรกติ (50-75 dB) แต่…เรื่องแบบนี้อาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลายๆคนดังนั้นผลกระทบที่แท้จริงมันจะสะท้อนออกมาก็ตอนที่ลูกบ้านมาอยู่อาศัยกันอย่างจริงจังแล้วครับ
ส่วนฟังก์ชั่นตู้จดหมายกับชั้นวางกุญแจก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโชน์ต่อการอยู่อาศัยประเภทคอนโดมาก เพราะอย่างที่รู้ๆกันอยู๋ว่าที่เก็บของในคอนโดนั้นมีค่ามากนัก การที่ได้ช่องเก็บของเพิ่มจัดว่าเป็นเรื่องที่ดี และถ้าทำได้โดยไม่ต้องเสียพื้นที่ส่วนไหนของห้องไปเลยนี่ถือว่าเยี่ยมครับ ชั้นวางกุญแจกับตู้จดหมายที่ออกแบบมาถือว่าเป็นอะไรที่ดีมากเวลาเข้าห้องมาก็สามารถวางได้เลย แถมพื้นที่เก็บกุญแจนั้นก็ไม่ต้องการเยอะด้วย ส่วนตู้จดหมายทางโครงการเค้าจะให้ รปภ. มาหย่อนให้ถึงหน้าห้องเลยไม่ต้องคอยไปเปิดตู้จดหมายดูว่ามีอะไรมาส่งไหม๊ ฟังก์ชั่นสุดท้ายที่แถมมาคือบานประตูสามารถติด Magnet ได้ด้วย เกิดวันไหนอยาก Surprise แฟนก็เอา Post it น่ารักๆมาติดแล้วซ่อนของขวัญไว้ด้านในได้เลยครับ ^_____^
Digital Door Lock ที่ให้เป็นของ Yale แบบในรูปเลย รองรับทั้ง 3 ระบบบคือ Pass Code, Key Card และกุญแจ
ผัง 1 Bedroom 34.2 ตร.ม. ห้องนี้จัดมาเป็นสัดส่วนดีครับ มีจุดเด่นที่ระยะดูทีวีที่โครงการตั้งใจจัดมาให้แบบเหลือๆ โดยระยะจากโซฟาถึงทีวีอยู่ที่ประมาณ 3 เมตร สามารถจัดทีวีได้ใหญ่ถึง 52″ ได้สบายๆ แต่ข้อด้อยของห้องนี้คือบริเวณของห้องครัว เพราะตำแหน่งของ Pantry อยู่ติดกับห้องนั่งเล่นเลยและเป็นครัวเปิด ไม่มีโต๊ะทานอาหารมาให้ ดังนั้นลูกบ้านอาจแก้ปัญหาโดยหาโต๊ะทานอาหารแบบ พับได้มาวางระหว่างประตูห้องนอนกับ Pantry ครัวและเลือกโต๊ะแบบที่ปรับขยายได้จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากขึ้น …Pantry ครัวที่ให้มามี 2 จุดนะครับ อยู่ที่กำแพงฝั่งตรงข้ามกัน ห้องนอนได้ Bay Window เอาไว้ดูวิวจากเตียงได้เลยและช่วยเพิ่มแสงธรรมชาติให้กับห้องด้วย ความสูงฝ้าเพดานของห้องจะอยู่ที่ 2.7 เมตร
เปิดประตูมาจะเจอส่วนกว้างของห้องนั่งเล่นที่กว้างประมาณ 3 เมตร การตกแต่งจะใช้ Concept ตามฤดูกาล แบบ 1 Bedroom จะใช้เป็น Spring Season ดังนั้นสีที่ใช้ตกแต่งจะเป็น Blue Linen และ Dark Grey ส่วน Wallpaper ที่แถมมาก็ใช้สีและลวดลายตาม Concept เลย เวลาอยู่ในห้องมันจะมีประกายแว่บๆออกมาตลอดเลยครับดูน่าสนใจดี พยายามจะถ่ายรูปมาให้ดูแต่มองไม่เห็นครับแนะนำให้ลองเดินไปดูที่โครงการดีกว่า
หันมาให้ดูระยะดูทีวีอีกที ระยะนี้สามารถวางทีวีได้ถึง 52″ เลยครับ
ส่วนโซฟาสามารถวางแบบ 2 ที่นั่งได้
กำแพงส่วนที่เป็นชั้นวางทีวีก็สามารถจัด Built-in ได้เต็มความสูงครับเพราะเค้าเว้าเป็นช่องเผื่อมาให้แล้ว
ส่วน Pantry ครัวที่อยู่ติดกันจะให้มาแบบนี้เลยครับมีส่วนที่ไว้ทำครัวและมีโต๊ะเล็กๆมาให้ถ้าจะนั่งทานอาหารก็นั่งได้คนเดียว ดังนั้นแนะนำให้หาโต๊ะมาเพิ่มจะใช้งานสะดวกกว่า ส่วนไฟซ่อนที่เห็นก็ให้มาด้วยเช่นกัน
ตัวโต๊ะสามารถดัดแปลงฟังก์ชั่นจากโต๊ะทานอาหารไปเป็นโต๊ะทำงานได้แบบให้ห้องตัวอย่าง แต่จริงๆก็ดูไม่ค่อยจะเหมาะเท่าไหร่เพราะมีอ่างล้างจานอยู่ติดกันเวลาล้างอะไรที่ต้องมีน้ำกระเด็นมาแน่นอนครับ
Pantry ครัวที่ได้ของจริงหน้าตาตามนี้เลยครับ Top จะเป็นหิน Quartz และมีกระจกติดผนังมาให้ เวลาทำความสะอาดก็ง่ายสะดวกครับ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้มาจะมี เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน และไมโครเวฟ ทั้งหมดเป็นของ Smeg แต่ในห้องตัวอย่างเป็นของ Teka
ตัวอ่างล้างจานและก๊อกน้ำใช้ของ Teka ครับ ใช้รุ่นที่มีเหลี่ยมมุมเข้ากันดีครับ
ท๊อปครัวที่เป็นหิน Quartz มีการปาดหน้าเพื่อให้น้ำไหลลงอ่างจะได้ไม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนเวลาเตรียมของที่เปียกน้ำ
การเปิดของตู้ชุดล่าง หน้าบานทั้งหมดจะติดตั้ง Soft Close มาให้ทั้งหมด
ช่องเก็บของชุดบน
ช่องเก็บของเหนือตู้เย็น ขนาดตู้เย็นที่ใส่ได้ก็ประมาณ 11 คิวครับ
ด้านในสุดของ Pantry จะติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้ด้วย แต่ก็คงช่วยได้ไม่มากเพราะเป็นครัวเปิด ด้านซ้ายที่เห็นในรูปคือกล่องสัญญาณกริ่งครับ
หันมาดู Pantry อีกด้านบ้าง Pantry ตรงนี้เค้าแถมมาให้ทั้งชุดเลยนะครับ รวมกระจกที่ติดผนังและไฟซ่อนด้วย
ชุดล่างเปิดมาเป็นที่วางจานแบบมีถาดรองน้ำให้ด้วย แนะนำว่าไม่ควรใส่จานที่เปียกมากๆนะครับ
บานเปิดส่วนนี้ไม่ได้ปาดมุมมาให้แต่เค้าก็เว้นช่องให้เอามือล้วงไปเปิดได้สะดวกดีเพียงแต่ตอนจับจะมีเหลี่ยมมุมหน่อย
ลิ้นชักชุดบนจะมีถาดวางช้อนมาให้ครึ่งนึง
ตู้เมนไฟจะถูกซ่อนอยู่ที่ชุดบนครับ
มาดูระบียงกันต่อครับ ตัวระเบียงที่นี่จะพิเศษกว่าที่ห้องทั่วๆไปตรงที่ เค้าจัดพื้นที่ระเบียงไว้วางแอร์มาให้เฉพาะเลยโดยพื้นที่ส่วนนี้ไม่นำมาคิดเป็นพื้นที่ขายด้วย ทำให้ลูกบ้านสามารถใช้งานพื้นที่ระเบียงได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องมาคอยหลบคอมเพรสเซอร์แอร์ ตัวประตูก็ให้มาแบบเกือบเต็มความสูงฝ้าเพดานเลย เฟรมประตูจะเป็นอลูมิเนียมสีพิเศษเฉพาะของ Land and House ที่ผสมสีเข้าไปในเนื้อเลย
พื้นระเบียงปูกระเบื้องขนาด 30 x 60 ซม. และลดระดับลงมาประมาณ 5 ซม. ตัวราวระเบียงจะเป็น Perforated Metal ส่วนระแนงที่อยู่ถัดจากพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ของจริงก็จะมีมาให้นะครับ ระแนงตรงส่วนนี้ช่วยในเรื่องเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านเวลาตากผ้าครับ และไม่ต้องกังวลว่าเวลาลมแรงๆเสื้อผ้าจะปลิวไปรึเปล่า
พื้นที่ส่วนนี้เอาไว้วางเครื่องซักผ้าครับ
มาดูพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์กันบ้าง ระดับพื้นส่วนนี้จะอยู่ต่ำกว่าระเบียงประมาณ 60 ซม. มีระยะเหลือให้ซ่อมบำรุงได้สบายๆ
ต่อไปมาดูส่วนของห้องนอนกันบ้าง กำแพงของห้องนอนจะถูกดัดแปลงเป็นกระจกเต็มความสูงจากพื้นถึงฝ้า ช่วยให้ห้องดูโปร่งขึ้นแต่ก็เสียความเป็นส่วนตัวไป หรือถ้าใครต้องการที่เก็บของเยอะๆก็อาจจะไม่ชอบส่วนนี้เพราะเสียพืนที่พื้นเก็บของเล็กๆน้อยๆไป ได้อย่างเสียอย่างจริงๆครับ
ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 6′ ได้ครับและยังมีพื้นที่รอบๆเตียงเหลืออยู่
ชั้นวางทีวีที่เห็นไม่ได้มีมาให้นะครับ ของจริงจะเป็นช่องว่างเปล่าให้ไปต่อเติมกันเอง แต่จะทำเป็นตู้เสื้อผ้าไม่ได้นะครับเพราะความลึกไม่เพียงพอให้ใส่ไม้แขวนเสื้อได้
ระยะพื้นที่ปลายเตียง
ส่วนข้างเตียงเหลืออยู่นิดหน่อย
ตัวหน้าต่างจะเป็นแบบ Bay Window มีบานเปิด 2 ช่องแบบกระทุ้งที่เหลือเป็นบาน Fix
ส่วนที่เป็น Bay Window จะมองเห็นไปยังส่วของพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ครับ
มุมมองหันไปทางด้านทางเข้าครับ ถ้าใครรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวเพราะผนังกระจกก็แก้ไขไม่ยากครับแค่ติดม่านเข้าไปเท่านั้นเอง
ตู้เสื้อผ้าที่ให้มา หน้าบานจะเป็นกระจก Reflective ที่ใช้งานเป็นกระจกเงาได้ แต่ถ้าเปิดไฟในตู้เสื้อผ้าไว้ก็จะมองเห็นเสื้อผ้าด้านใน
ตัวมือจับดูเรียบมากครับ แต่ตรงมุมแอบคมไปนิด เวลาตรวจรับห้องอย่าลืมจับๆดูนะครับถ้ายังคมอยู่ก็ให้ช่างเค้าลบมุมหน่อย
เวลาจับก็จับแบบนี้ครับ
การแบ่งช่องด้านใน ใส่เสื้อผ้าแบบแขวนได้ไม่เยอะมากเพราะเค้าแบ่งช่องไว้ให้ใส่ของอย่างอื่นซะเยอะเลย บานประตูตู้ซ้ายบนสุดเปิดไม่ได้เพราะติดตัวแอร์ดังนั้นเวลาติดตั้งอย่าลืมให้เลื่อนออกมาหน่อยนะครับจะได้ใช้งานช่องนั้นได้
การแบ่งช่องเก็บของลิ้นชักต่างๆ
ลิ้นชักด้านล่างจะมีเซาะร่องมาให้
มาดูห้องน้ำกันบ้าง ภายในแบ่งเป็นส่วนแห้งและเปียกอย่างชัดเจน ห้องอาบน้ำมีฉากกระจกกั้นมาให้แบบห้องตัวอย่างครับ พื้นห้องน้ำปูกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.โทนสีเข้ม ส่วนผนังปูกระเบื้องสีขาวขนาด 30 x 30 ซม.
พื้นห้องน้ำส่วนแห้งลดระดับลงมาประมาณ 2 ซม.
ชุดโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าใช้ของ KASCH กระจกเงา, ไฟซ่อนและราวแขวนผ้าของจริงได้แบบนี้เลยครับ ผนังส่วนนี้จะเป็นผนังโมเสคโมลาโน่ เครื่องทำน้ำร้อนจะติดตั้งอยู่ใต้อ่างล้างหน้านะครับ
โซนอาบน้ำจะมีธรณีกั้นสูงจากพื้นประมาณ 5 ซม.ครับ
ชุดโถสุขภัณฑ์มีขนาดไม่ใหญ่แต่รูปทรงก็เข้ากับอ่างล้านหน้าดีครับ
กำแพงฝั่งที่ติดกับโถสุขภัณฑ์จะเว้าเข้าลึกพอสมควรสามารถวางของได้เยอะเลย
ชุดฝักบัวอาบน้ำของโครงการนี้จะมีมาให้ 2 ชุดมีทั้งแบบแขวนผนังและ Rain Shower ที่เห็นอยู่นี้เป็นแบบแขวนผนังครับ ตำแหน่งที่ติดตั้งจะต่ำกว่าแบบแขวนทั่วๆไปหน่อยจะอยู่ช่วงบริเวณหน้าอก ซึ่งมันจะแปลกๆหน่อยเวลาไม่อยากใช้งาน Rain Shower แล้วอยากอาบจากฝักบัวแขวนผนัง การใช้งานก็จะลำบากอยู่เหมือนกัน ที่ถ่ายรูปตอนเปิดประตูมาให้ดูเพราะเวลาเปิดประตูจนสุด ตัวมือจับประตูจะไม่ชนกับอุปกรณ์นะครับเพราะจัดวางตำแหน่งให้หลบกันแบบพอดีเป๊ะๆ ส่วนชั้นวางสบู่ข้างๆก็ให้ขนาดมาแบบพอวางของได้นิดหน่อย
ส่วน Rain Shower กับพัดลมดูดอากาศจะอยู่ใกล้ๆกัน ไฟซ่อนฝ้าในห้องนี้ก็แถมมาให้เช่นเดียวกันครับ
มาต่อกันที่แบบ 2 Bedroom นะครับ มีการวางฟังก์ชั่นมาให้ลงตัวดี แยกสัดส่วนกันอย่างชัดเจน และห้องหลักๆจะได้รับแสงจากธรรมชาติเยอะ เพราะเป็นห้องแนวกว้าง การให้ความสำคัญของพื้นที่ห้องจะให้น้ำหนักไปทาง ห้องนอนใหญ่กับห้องนั่งเล่น เพราะใช้พื้นที่ไปเยอะมาก เยอะจนห้องนอนเล็กถูกลดพื้นที่จนดูไม่ค่อยน่าใช้งานเท่าไหร่ถ้ามีลูกที่เป็นวัยรุ่นแล้วห้องขนาดนี้จะไม่ค่อยเหมาะกับการใช้งานเท่าไหร่ พื้นที่ครัวและห้องน้ำให้มาเยอะดี จนแอบรู้สึกว่าถ้าหดขนาดของห้องอื่นๆสักอย่างละนิดอย่างละหน่อยเอามาให้ห้องนอนเล็กคงน่าใช้งานมากขึ้น ตัวระเบียงก็จัดมาให้ 2 จุดแบ่งฟังก์ชั่นกันอย่างชัดเจนลงตัวดี ระเบียงที่ติดกับห้องครัวก็เอาไว้วางคอมแอร์และเครื่องซักผ้า ส่วนระเบียงที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่นก็เอาไว้ดูวิวอย่างเดียวเลย
ห้องแบบ 2 Bedroom เปิดเข้ามาจะเจอห้องนั่งเล่นและโต๊ะทานข้าวที่ออกแบบมาให้มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด ตัวโต๊ะอาหารสามารถขยายเป็นแบบ 6 ที่นั่งได้สบายๆ
วัสดุพื้นห้องของโครงการนี้จะเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 12 มม.
บริเวณหน้าห้องจะมี ไฟฉุกเฉินติดตั้งมาให้ ไฟดวงนี้ยังคอยให้แสงสว่างเวลาเราเปิดประตูห้องด้วย ตอนกลางคืนเวลากลับมาจากข้างนอก พอเปิดประตูไฟดวงนี้ก็จะติดทันที เป็นการให้แสงสว่างชั่วคราวพอให้เราเดินไปเปิดไฟหลักภายในห้องได้
แอร์ที่แถมให้มาในส่วนของห้องนั่งเล่นจะเป็นแบบฝังฝ้าเพดานดูเรียบร้อยดี
โซฟาของห้องนี้สามารถวางได้ถึง 6 ที่นั่งพร้อม Daybed ได้สบายๆ
พื้นที่วางทีวีและระยะดูทีวีก็มีมาให้แบบเหลือเฟือ วางทีวีได้ถึง 52″ ชั้นทีวีที่เห็นนี่ไม่ได้แถมมาให้นะครับ
ตัวประตูกระจกที่ออกไปยังระเบียงก็เป็นแบบเต็มความสูงฝ้าเพดาน ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ
พื้นที่ระเบียงส่วนนี้จะไม่มีการวางคอมเพรสเซอร์แอร์เลยเอาไว้ดูวิวแบบโล่งเลยครับ แถมตัวราวระเบียงก็ทำเป็นกระจกใสไม่บดบังสายตาเวลามองออกมาจากห้องนั่งเล่นด้วย
ตัวประตูจะเป็นบานเลื่อนขนาดใหญ่ 2 บาน และบาน Fixed 1 บาน
มุมมองหันกลับมายังภายในห้องนั่งเล่น
ส่วนครัวจะอยู่ติดกับประตูทางเข้า และเป็นครัวปิด แต่โครงการนี้ทำผนังเป็นกระจกรอบด้าน ช่วยให้บรรยากาศภายในห้องดูกว้างขึ้นไปอีก
ตัวประตูจะเป็นบานเลื่อนรางบนเพราะฉะนั้นเวลาเดินจะไม่มีการสะดุดรางด้านล่างแน่นอน
Pantry ครัวถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ส่วนที่ติดตั้งเตาจะอยู่ที่กำแพงด้านหน้า และมีช่องวางตู้เย็นมาให้ช่องที่เห็นอยู่สามารถวางตู้เย็นขนาด 11.8 คิวได้พอดีๆ
การเปิดตู้ชุดล่าง
รูปนี้แสดงถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยที่โครงการทำมาให้ก็คือ ช่องระหว่างประตูมีการเว้นระยะไว้ให้เอามือเข้าไปจับบานประตูตู้ได้ง่าย และท๊อปของ Pantry ก็มีการปาดมุมด้านในทำให้ไม่มีเหลี่ยมมุมมาชนหลังมือ เวลาเอามาเข้าไปเปิดประตูตู้ครับ
เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นของ Smeg เช่นกันแต่ห้องนี้จะได้แบบ 4 หัว
บานเปิดชุดบนจะเป็นแบบกดให้บานประตูเด้งออกมา ดังนั้นชุดบนนี้จะไม่มีมือจับนะครับ
วัสดุท๊อปเคาน์เตอร์ครัวคือหิน Quartz แต่เป็นลวดลายที่ดูหรูกว่าแบบ 1 Bedroom เป็นโทนสีขาว
บานเปิดและลิ้นชักชุดล่างของ Pantry อ่านล้างจาน
ลักษณะการแบ่งช่องใส่ของลิ้นชักต่างๆ
งาน Fitting ของโครงการนี้ทำมาเนี๊ยบดีครับเวลาปิดเปิด ให้ความรู้สึกดีหนักแน่นและมีซีลสักหลาดติดมาให้ทุกบาน
ส่วนระเบียงของห้องนี้จะมี 2 ส่วน ส่วนนี้คือส่วนที่เป็นลานซักล้าง ตำแหน่งวางคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านขวามือเป็นแบบเป่าเข้าระเบียง แนะนำให้ติดแผงเปลี่ยนทิศทางลมนะครับ จะได้ใช้งานส่วนนี้ได้สะดวกไม่ร้อน
ฝั่งตรงข้ามที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์จะเป็นช่องเอาไว้วางเครื่องซักผ้าครับ
มุมมองจากในห้องครัวไปยังห้องนั่งเล่นและห้องนอนเล็ก
ส่วนครัวตรงนี้ออกแบบมาสวยดีครับ ให้วัสดุท๊อปของเคาน์เตอร์ครัวติดยาวลงมาที่ด้านข้างด้วย และยังยื่นออกมาด้านนอกทำเป็นชั้นวางหนังสือและของเล็กๆน้อยได้อีก
ตัวชั้นวางของจริงๆจะมีความลึกมากกว่านี้อีกหน่อยนะครับ สามารถวางหนังสือไซส์มาตรฐานทั่วๆไปได้
มาดูห้องน้ำที่เป็นห้องน้ำกลางกันบ้าง ห้องนี้ยังคงมีโซนอาบน้ำมาให้ด้วย
ส่วนสุขภัณฑ์และการตกแต่งจะเหมือนกับแบบ 1 Bedroom เลยครับ
บริเวณอ่างล้างหน้าจะมีการติดตั้งปลั๊กไฟกันน้ำมาให้ ตัวอ่างที่เป็นของ KASCH เช่นกัน
ส่วนห้องอาบน้ำให้มาใหญ่มาก ต้องลองมาเดินดูครับจะรู้สึกถึงพื้นที่อาบน้ำแบบเหลือๆเลย
ตัวอุปกรณ์ต่างๆก็เป็นเดียวกันหมด
ภายในห้องนอนเล็กสามารถวางเตียงได้แค่ 3.5′ นะครับเพราะห้องมีขนาดค่อนข้างเล็ก เหมาะสำหรับเด็กที่อายุไม่เกิน 10 ขวบ
พื้นที่ปลายเตียงยังพอมีเหลืออยู่บ้าง แต่พื้นที่ข้างเตียงอีกด้านจะไม่เหลือแล้วนะครับเพราะต้องวางเตียงติดกับกำแพงเลย
ในห้องตัวอย่างจะมีการ Built-in ตู้เสื้อผ้าเพิ่มขึ้นมาแต่ของจริงจะไม่มีมาให้ ดังนั้นระยะกำแพงของจริงจะอยู่ที่ลูกศรชี้อยู่ครับ
ขนาดหน้าต่างเป็นแบบเต็มความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน เช่นเดียวกับห้องนั่งเล่นครับ และมีบานเปิดแบบบานกระทุ้งมาให้ 2 บาน
ตรงมุมแอบมี Bay Window มาให้ด้วย
รูปนี้ถ่ายให้ดูว่าถ้าเปิดไฟไว้ตัวกระจกจะเปลี่ยนจากกระจะเงาเป็นกระจกโปร่งแสงแทน แต่ก็ไม่ได้ใสแบบเห็นทะลุปรุโปร่งเลยนะครับ
ต่อมาเป็นดูส่วนสุดท้ายของแบบ 2 Bedroom กันครับ
ก่อนเข้าห้องมาดูตู้เก็บรองเท้ากันก่อน เพราะตู้นี้เค้าแถมมาให้ครับ
การแบ่งช่องเก็บของต่างๆ ตรงที่เป็นช่องใหญ่ๆมีกล่องสีดำวางอยู่ สามารถรับน้ำหนักของถุงไม้กอลฟ์ได้ถึง 2 ถุงเต็มๆ
ส่วนที่เป็นชั้นวางรองเท้าจะมีช่องเว้าเอาไว้ระบายอากาศด้วย
ช่วงแรกของห้องนอนใหญ่จะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบเข้ามุม แต่การใช้งานจะแยกกันครับ
ส่วนแรกจะเป็นตู้เสื้อที่มีประตูกั้นมาให้ แต่ขนาดไม่ได้ใหญ่แบบ Walk-in Closet นะครับ
ตัวประตูเป็นแบบบานเลื่อน รางจะอยู่ด้านบน
มือจับเป็นแบบในรูปครับ
การแบ่งช่องต่างๆภายในตู้เสื้อผ้า
ถ่ายมาให้ดูระยะว่ามันค่อนข้างแคบมาก ความกว้างพอยืนได้ 1 คนพอดีๆเท่านั้นครับ
ส่วนตู้อีกด้านจะเอาไว้เก็บข้าวของอย่างอื่นที่ไม่ใช้เสื้อผ้าแบบแขวน
ในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวมาให้ ช่วงเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องนี้
ขนาดห้องน้ำจะมีขนาดใหญ่กว่างห้องอื่นๆ เหลือที่แบบเดินสวนกันได้สบายๆเลยครับ
ภายในห้องอาบน้ำจะมีพื้นที่ทั้งความกว้างและความลึกเพิ่มขึ้นมา
ตรงบริเวณอ่างล้างหน้ามีหน้าต่างบาน Fix ติดมาให้ด้วย การใช้งานจะเป็นแบบ Sexy นิดๆครับ ;p
ชั้นวางทีวีทีเห็นในห้องตัวอย่างไม่ได้แถมมาให้นะครับ ลูกบ้านก็ทำ Built-in กันตามสบายครับ
ขนาดเตียงสามารถวาง 6′ ได้สบายๆ
เพราะพื้นที่ข้างเตียงยังเหลืออีกเยอะมาก
ตัวหน้าต่างจะมีขนาดเต็มความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน เช่นเดียวกันกับห้องอื่นๆ มีบานเปิดให้ 2 บานแบบกระทุ้งครับ
*รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ*
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 March 2014
- 1 Br. ชั้น 10 ห้อง 10A10 เนื้อที่ 44 ตร.ม. ราคา 6.19 ล้านบาท หรือ 140,700 บาท/ตร.ม. จอง 50,000 บาท
- 1 Br. ชั้น 20 ห้อง 20A03 เนื้อที่ 34.2 ตร.ม. ราคา 5.59 ล้านบาท หรือ 163,500 บาท/ตร.ม. จอง 50,000 บาท
- 1 Br. ชั้น 26 ห้อง 26A08 เนื้อที่ 34.6 ตร.ม. ราคา 5.89 ล้านบาท หรือ 170,200 บาท/ตร.ม. จอง 50,000 บาท
- 2 Br. ชั้น 19 ห้อง 19A16 เนื้อที่ 82.2 ตร.ม. ราคา 14.49 ล้านบาท หรือ 176,300 บาท/ตร.ม. จอง 100,000 บาท
- 2 Br. ชั้น 19 ห้อง 19A14 เนื้อที่ 80.9 ตร.ม. ราคา 14.39 ล้านบาท หรือ 165,500 บาท/ตร.ม.จอง 100,000 บาท
- Fully Fitted
- เพดานสูง 2.7 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี
The Room สุขุมวิท 69 เป็นโครงการที่อยู่ในกลุ่มคอนโดประเภทติดรถไฟฟ้าแบบเดินไม่กี่ก้าวก็ถึง เพราะถ้านับจากจุดลงบันไดของ BTS พระโขนงมาจนถึงชิ้นที่ดินของโครงการจะมีระยะประมาณ 100 เมตรซึ่งเป็นระยะที่เดินได้สบายๆ แต่ตัวตำแหน่งที่ตั้งของโครงการก็มีสิ่งที่ควรคำนึงถึงด้วยคือเรื่องทาง 3 แพร่ง เพราะที่ดินของโครงการอยู่ตรง 3 แยกที่ถนนพระราม 4 วิ่งมาชนพอดี แต่ถ้าเราดูจากแผนที่ดีๆจะเห็นว่าไม่ได้เป็นการแบบตรงๆเลยเพราะรูปร่างของชิ้นที่ดินเป็นแนวเฉียงและขอบเขตที่ดินที่หันหน้ารับกับถนนพระราม4 จะแบ่งครึ่งๆกับ ที่ทำการไปรษณีย์ไทย ที่อยู่ติดกัน ถ้าใครกังวลกับเรื่องนี้ก็อาจจะไม่ถูกใจ The Room 69 มากนัก แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสก็ถือว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย ส่วนสภาพแวดล้อมรอบๆจะแตกต่างจากโครงการที่อยู่ตามสุขุมวิทช่วงต้นๆหรือ BTS ทองหล่อ, พร้อมพงษ์ เพราะย่านนี้เริ่มเป็นชุมชนเก่าแก่และใกล้กับถนนสำคัญๆอย่าง ถนนปรีดี พนงยงค์ และถนนอ่อนนุช ที่มีคอนโดขึ้นกันอยู่มากมาย
ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการที่พอจะให้บรรยากาศใกล้เคียงกับระดับราคาของโครงการดูจะไม่ค่อยมีมากนัก ที่ใกล้ที่สุดจะเป็น Community Mall ชื่อ W District ที่อยู่ติดกันและมีร้านอาหารในซอยสุขุมวิท 69 อยู่นิดหน่อยส่วนที่เหลือก็จะเป็นร้านธรรมดาทั่วๆไปถ้าจะหาร้านนั่งกินแบบเป็นเรื่องเป็นราวก็ต้องไปทองหล่อดีกว่าครับมีร้านให้เลือกเยอะมากมายหลายประเภทเลย แต่ถ้าอยากจะไปเดินห้างก็นั่ง BTS เข้าเมืองไปเลยจะง่ายกว่า ส่วน Hyper Market ที่อยู่ใกล้ๆจะมี Big C ในซ.อ่อนนุชและ Tesco Lotus ตรงสถานี BTS อ่อนนุช จะนั่ง BTS หรือขับรถไปก็ได้สะดวกพอๆกัน ส่วนตลาดสดใกล้ๆจะมีตลาดพระโขนงที่เป็นตลาดใหญ่มีของกินและของใช้
การเดินทางโดยใช้รถมีช่องทางให้เลือกเยอะ ตั้งแต่สุขุวิทที่เป็นถนนหลัก, ถนนพระราม 4 (ขาเข้าต้องไปกลับรถใต้สะพานข้ามคลองพระโขนง), ถ.ปรีดี พนมยงค์ ที่ไปทะลุรามคำแหงได้ หรือถ้าจะไปทางลาดกระบัง,ศรีนครินทร์ ก็ใช้เส้นอ่อนนุชได้อีก ใกล้จุดขึ้นทางด่วนเพราะอยู่ตรงสะพานข้ามคลองพอดี แต่ขาลงจะลงมาที่ซ.สุขุมวิท 50แต่สิ่งที่น่ากังวลคือความหนาแน่นของการจราจรใบริเวณนี้ที่นับวันจะยิ่งมีมากขึ้นทุกทีทำให้เวลารถติดก็จะเสียอารมณ์มากพอควร
การเดินทางโดยไม่ใช้รถถือว่าสะดวกกว่าใช้รถอีก เพราะทางขึ้นสถานีอยู่ห่างจากโครงการแค่ 100 เมตรเท่านั้น เดินได้สบายๆและเส้นทางการเดินก็ไม่เปลี่ยว ไม่แคบหนัก ยกเว้นตอนกลางวันที่มีคนมาใช้บริการไปรษณีย์เยอะ จะมีรถมอเตอร์ไซด์มาจอดอยู่บนทางเท้าบริเวณเยอะหน่อย ปากซอยสุขุมวิท 69 ก็จะมีพี่วินให้บริการและมีป้ายรถเมล์อยู่ช่วงทางขึ้นรถไฟฟ้าพอดี
วัสดุอุปกรณ์ของโครงการนี้ถือว่าให้มาดีแต่ถ้าเทียบกับราคาขายที่ 170,000 ขึ้นไป มีบางส่วนที่ดูจะไม่ค่อยสมกับราคาเท่าไหร่ เช่นวัสดุพื้นได้แค่พื้นไม้ลามิเนตหนา 12 มม.ไม่ได้เป็น Engineer แต่ตัววัสดุกระเบื้องพื้นและผนังในห้องน้ำจัดมาให้ดูดีมีราคาได้ สุขภัณฑ์ของ KASCH พื้นห้องน้ำได้กระเบื้อง 60 x 60, 30 x 60 และกระเบื้องโมเสคปูเฉพาะด้านที่ติดชุดสุขภัณฑ์ ราวระเบียงแบบ Perforated Metal ติด Wallpaper ลายมาตรฐานมาให้ทุกห้อง ท๊อปเคาน์เตอร์ครัวได้หิน Quartz (แบบ 2 Br. จะได้สีขาวดูหรูหรากว่า) สิ่งที่พิเศษกว่าที่อื่นก็จะเป็นบานกระจกของตู้เสื้อผ้าที่เป็นแบบกึ่งกระจกเงาและใส?? ถ้าเปิดไฟในตู้ไว้เราก็จะเห็นเสื้อผ้าด้านในดูแต่ถ้าปิดไฟก็จะเป็นกระจกเงาไป วัสดุอีกอย่างที่ดูดีคือกรอบอลูมิเนียมบานประตูและบานกระจกทั้งหมด Land and House สั่งทำสีพิเศษขึ้นมาเฉพาะเป็นของตัวเองโดยผสมสีเข้าไปที่เนื้อของวัสดุเลย ซึ่งเท่าที่ลองจับใช้งานดูแล้วให้ความรู้สึกที่ดีครับ สิ่งที่ต้องยอมรับคืองาน Fitting ต่างๆทำมาได้เนี๊ยบดีครับยิ่งพวกบานประตูหน้าต่างติดซีลมาให้ เวลาปิดเปิดจะให้ความรู้สึกหนักแน่นน่าใช้งานทุกครั้ง
การออกแบบของโครงการนี้ต้องบอกว่าเค้าคิดมาเยอะดีครับ มีของเล่นใหม่ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์กับผู้อยู่อาศัยติดตั้งมาให้ด้วย ของเล่นใหม่ที่ว่านี้คือระบบที่ทาง Land and House เรียกว่า “Air Post” ครับ ตัว Air Post คือแผงข้างประตูที่รวมเอาฟังก์ชั่นต่างๆที่จำเป็นเอาไว้ด้วยกัน มีทั้งป้ายบ้านเลขที่, กริ่งสัญญาณ, ช่องใส่จดหมาน, ช่องเปิดรับจดหมายและชั้นวางกุญแจ สุดท้ายคือช่องระบายอากาศ ที่มีการทดสอบมาแล้วว่าช่วยเพิ่มกระไหลเวียนของลมภายในห้องได้ดีขึ้นจากห้องพักทั่วไปถึง 37%
ส่วนการออกแบบภายนอกของตัวอาคารทำออกแบบ Modern เรียบๆตามสมัยนิยมไม่เน้นความหวือหวา แต่ก็มีการให้รายระเอียดกับรูปด้านอยู่เหมือนกันมีผนังในแนวตั้งที่เชื่อมต่อกันตั้งแต่ชั้นล่างสดจนถึงยอดของอาคาร อันนี้ในเมเดลใช้โทนสีทองแดงที่ดูดีมากแต่ของจริงต้องดูว่าจะไล่โทนสีของอาคารทั้งหมดได้ดีรึเปล่า ตัวอาคารดูจะออกแบบมาให้ลูกบ้านมีความเป็นส่วนตัวสูงในระดับนึง เพราะลองสังเกตจากระแนงของตัวอาคารจะมีส่วนที่ยื่นออกมาไกลจากตัวห้องพัก ช่วยลดองศาการมองเข้ามาภายในห้องได้ดีขึ้น ส่วนแบบห้องรวมๆแล้วจัดมาได้ดี 1Br. จะมีข้อเสียตรงส่วนของ โต๊ะทานอาหารที่ลูกบ้านต้องไปปรับกันเองแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แก้ไขได้ไม่ยาก ส่วนแบบ 2Br. ทำออกมาสวยและจัดผังมาน่าใช้งานกว่า 1 Br. มากถ้าใครมีงบประมาณพอเลือกแบบ 2Br. ดีกว่าครับ ส่วนเรื่องอัตราส่วนลิฟท์ถือว่าหนาแน่นไปหน่อย อยู่ที่ 125:1
สาธารณูปโภคจัดมาให้หลายอย่าง ทั้งสระว่ายน้ำระบบโอโซน, ห้อง Fitness, Steam Room, Reading Room, Meeting Room, สวนหย่อมที่ชั้น 6, Sky Garden with Pocket Seats ที่ชั้นดาดฟ้า (ชั้น 28), Grand Lobby ฝ้าเพดานสูง 6.3 เมตร แต่ข้อด้อยคือความเป็นส่วนตัวของ สระว่ายน้ำมีน้อยหน่อย เพราะหันไปฝั่งอาคาร Le Luk คอนโดสูง 29 ชั้น และ Weltz Rsidence สูง 50 ชั้น ส่วนวัสดุและความเรียบร้อยคงต้องรอดูตอนสร้างเสร็จอีกทีครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 140,000 – 170,000 บาทต่อตารางเมตร, 19 March 2014
- ทำเล 8/10 – ติดถนนสุขุมวิทใกล้ ถนนพระราม4 ใกล้ BTS พระโขนง (ณ ราคานี้ผมยังให้ 8 นะครับ แต่ถ้าสูงกว่า 170,000 ขึ้นไปคะแนนส่วนนี้จะลดลงครับ)
- เดินทางด้วยรถ 8.0/10 – สะดวกเพราะมีหลายเส้นทางให้เลือกเช่น พระราม4, ปรีดีพนมยงค์, อ่อนนุช และใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน แต่ต้องทำใจเวลารถติด ที่จอดรถ 70% รวมซ้อนคัน
- ไม่ใช้รถ 8.25/10 – เดินทางได้สะดวกเพราะห่าง BTS พระโขนง 100 ม. ทางเดิน
- วัสดุ 7.25/10 – วัสดุที่ให้มามีทั้งส่วนที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมกับราคา เทียบกับราคาแล้วให้มาน้อยไปหน่อย
- แบบ 8.25/10 – แบบจัดมาลงตัวยกเว้น Pantry ของ 1 Bedroom แต่แบบ 2 Bedroom ดูกว้างและน่าใช้งานแต่ห้องนอนเล็กมีขนาดเล็กไปหน่อย
- สาธารณูปโภค 7.25/10 – มี Facility เต็มพื้นที่ชั้น 6 สระว่ายน้ำระบบโอโซน, Fitness, Steam, Library, และสวนหย่อมที่ชั้นบนสุด แต่ตัวสระว่ายน้ำขาดความเป็นส่วนตัวไปหน่อย และหักคะแนนเรื่องความหนาแน่นที่สูงไปหน่อย
- LUXURY CLASS
- 7.88 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการนี้เหมาะสำหรับคนที่ใช้ชีวิตในเมืองเป็นหลัก ทั้งทำงาน, เที่ยว หรือ Shopping เน้นการใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก มีใช้รถบ้างแต่ไม่บ่อย เน้นความโปร่งสบายและเป็นส่วนตัวในห้องพัก ชอบงานออกแบบที่ดูเรียบร้อยเป็นสัดส่วน ไม่ค่อยซีเรียสเรื่องวิวเท่าไหร่ มีงบประมาณ 6.2 – 15 ล้าน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ
(ノ´ヮ´)ノ*:・゚✧